เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 1
เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Post no. 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 22 มกราคม 54
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น เซอร์ จอห์น เทมเปิลตัน ตำนานนักลงทุนเอกของโลก ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นหนุ่มและไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ได้เกิดความเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นซึ่งตกต่ำมายาวนานถึงสิบปีแล้วน่าจะถึงจุดต่ำสุดและทุกอย่างกำลังจะฟื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้น “ซินเดอเรลลา” ซึ่งก็คือหุ้นที่ไม่มีใครเหลียวแลหรือคิดว่าเหมาะสมสำหรับการลงทุน เพราะว่ามันอาจจะเป็นหุ้นที่ “เน่าสนิท” ดังนั้น ในวันหนึ่งเขาจึงโทรหาโบรกเกอร์และสั่งซื้อหุ้นทุกตัวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่า 1 เหรียญ โดยซื้อตัวละ 100 หุ้น เขาได้หุ้นมา 104 ตัวและใช้เงินไปประมาณ 10,000 เหรียญ สี่ปีต่อมา เขาขายหุ้นทั้งหมดทิ้ง ได้เงินมาประมาณ 40,000 เหรียญ หรือถ้าคิดเป็นเงินปัจจุบันก็ประมาณเท่ากับ 1 ล้านเหรียญ คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 41 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย
กลยุทธ์การลงทุนที่เทมเปิลตันทำนั้น เป็นการลงทุนที่มิได้วิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัว แต่เลือกหุ้นโดยอาศัยกฏเกณฑ์ตายตัวชุดหนึ่ง ในกรณีของเขาก็คือ การเลือกหุ้นที่มีราคาตกต่ำมากจนเกือบไม่มีค่านั่นคือราคาหุ้นต่ำกว่า 1 เหรียญ ซึ่งในตลาดสหรัฐอเมริกาก็คือหุ้นที่มีราคาต่ำมากเปรียบเสมือนกับหุ้นราคาตัวละไม่เกิน 1 บาทในตลาดหุ้นไทย ทฤษฎีของเขาก็คือ ในยามที่ตลาดหุ้นกำลังฟื้นตัวนั้น หุ้นที่มีราคาตกต่ำมากที่สุดจะมีการฟื้นตัวเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงที่สุด - โดยเฉลี่ย นั่นไม่ได้หมายความว่าหุ้นราคาต่ำกว่า 1 เหรียญทุกตัวจะต้องฟื้นตัว หุ้นหลาย ๆ ตัวอาจจะไม่ฟื้นเลยหรือบางตัวอาจจะตกต่ำลงและมีค่าเป็นศูนย์ แต่หุ้นอีกหลายตัวอาจจะปรับตัวขึ้นไปหลายเท่าตัวซึ่งทำให้พอร์ตโดยรวมแล้วให้ผลตอบแทนสูงมาก และนี่ก็คือสิ่งที่เทมเปิลตันทำและก็ประสบความสำเร็จ หลักการเลือกหุ้นแบบนี้ ในทางวิชาการเรียกว่า Mechanical Rule ผมเองอยากจะเรียกว่า “ลงทุนหุ้นตามสูตร”
การเล่นหุ้นตามสูตรนั้น กฏข้อแรกก็คือ การมองหา “ภาพใหญ่” หรือทฤษฎีว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือหุ้นกลุ่มไหนจะให้ผลตอบแทนสูงในช่วงเวลาหนึ่ง กฏข้อสองก็คือ หา “ตัวแทน” หรือข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นที่จะเป็นตัวแทนของหุ้นตามทฤษฎีนั้น พูดให้ง่ายก็คือการหา “สูตร” สำหรับเลือกหุ้นลงทุน กฏข้อสามก็คือ การเลือกหุ้นที่เข้าเกณฑ์หรือเป็นไปตามสูตรนั้น กฏข้อสี่ก็คือ ต้องเลือกซื้อหุ้นทุกตัวที่เข้าเกณฑ์ตามสูตรไม่มีข้อยกเว้น อย่าใช้วิจารณญาณ กฏข้อที่ห้าก็คือ การติดตามดูผลตอบแทนของการลงทุนทุกช่วงเวลาที่กำหนดซึ่งส่วนใหญ่มักจะกำหนดเป็นปี ๆ เป็นเวลาหลายปี และกฏข้อสุดท้ายก็คือ การกำหนดเวลาเลิกลงทุนซึ่งก็คือการดูว่าเราควรเลิกและล้างพอร์ตเมื่อไร
ในกรณีของเทมเปิลตันนั้น ทฤษฎีของเขาก็คือ ในยามที่เกิดสงครามขึ้น ค่าของเงินมักจะเสื่อมลง เงินอาจจะเสื่อมค่าลงมากเนื่องจากอาจจะมีการพิมพ์เงินขึ้นมาเพื่อใช้ในการสงคราม เงินเฟ้อจะสูงขึ้นมาก ตรงกันข้าม สิ่งของต่าง ๆ จะมีค่ามากขึ้น และสิ่งของนั้นรวมถึงสิ่งของที่มีหุ้นเป็นตัวแทน เช่น สินค้า โรงงาน วัตถุดิบ และอื่น ๆ อีกมาก เฉพาะที่ไม่ถูกกระทบโดยผลของสงครามอย่างในอเมริกา ดังนั้น ความเชื่อของเขาก็คือ หุ้นจะฟื้นตัว และในหุ้นที่ฟื้นตัวนั้น หุ้นที่ตกต่ำที่สุดจะฟื้นตัวได้มากที่สุด และตัวแทนของหุ้นที่ตกต่ำลงมากที่สุดสำหรับเขาก็คือหุ้นที่มีราคาต่ำที่สุดซึ่งเขาใช้สูตรหรือเกณฑ์ว่าเป็นหุ้นที่มีราคาต่ำกว่า 1 เหรียญ การซื้อหุ้นของเขานั้นจะไม่มีการใช้วิจารณญาณ ไม่ต้องดูว่าหุ้นตัวไหนอาจจะไปไม่รอด เพราะเขาไม่รู้จริง ๆ เหนือสิ่งอื่นใด หุ้นที่มีราคาต่ำกว่า 1 เหรียญทุกตัวก็มีโอกาสล้มละลายทั้งนั้น การเลือกอาจจะทำให้เขาพลาดหุ้นที่อาจจะกลายเป็นหุ้น 10 เด้งหรือกำไร 10 เท่าตัวก็ได้ หลังจากซื้อหุ้นแล้ว เขาคงติดตามดูผลตอบแทนไปเรื่อย ๆ และเมื่อเวลาผ่านไปถึง 4 ปี และเขาได้กำไรมามากแล้ว เขาก็อาจพิจารณาว่า การฟื้นตัวนั้นสิ้นสุดลงแล้ว การถือลงทุนต่อไปก็อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีอีกต่อไป เขาจึงขายหุ้นทั้งหมดทิ้งและเป็นการ “ปิดเกม” การเล่นหุ้นตามสูตรนี้
การเล่นหุ้นตามสูตรที่มีการศึกษาโดยนักวิชาการนั้นมีมากมาย สูตรที่มีการทดลองหรือทดสอบโดยข้อมูลย้อนหลังที่โดดเด่นมากนั้น เป็นสูตรการเล่นหุ้นแบบ Value Investment นั่นก็คือ ทฤษฎีมีอยู่ว่าการลงทุนแบบ VI นั้น เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนตามดัชนีตลาด—โดยเฉลี่ย นี่คือทฤษฎีตามกฏข้อที่หนึ่ง ข้อที่สองที่จะต้องทำก็คือ หา “ตัวแทน” หุ้นที่เรียกว่าหุ้น VI วิธีหาก็มีหลายวิธีแล้วแต่ว่าใครจะเป็นคนคิด แต่ส่วนใหญ่ก็จะวนเวียนอยู่ที่ว่าต้องเป็นหุ้นถูกซึ่งหุ้นถูกที่ว่านี้ก็มักจะวัดกันที่ค่า PE และค่า PB ที่ว่าจะต้องมีค่าต่ำหรือต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นอื่น ๆ ในตลาด และอัตราเงินปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้นหรือ Dividend Yield ว่าควรจะต้องสูงหรือต้องมีพอสมควร หลังจากนั้นก็ตั้งเป็นสูตรเพื่อคัดเลือกหุ้นมาลงทุน จากนั้นก็ติดตามผลตอบแทนของพอร์ตที่ลงทุนตามสูตรว่าเป็นอย่างไรในแต่ละปี ทำเช่นนี้ไปหลาย ๆ ปีก็จะทำให้สามารถเห็นได้ว่าการลงทุนตามสูตรของ VI นั้น โดยเฉลี่ยให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับการลงทุนตามดัชนีตลาด
ผมเคยทำการศึกษาเรื่องของการลงทุนตามสูตรแบบ VI ครอบคลุมช่วงเวลา 9 ปีจากปี 2543 ถึง 2551 พบว่าผลออกมานั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง นั่นก็คือ การลงทุนโดยใช้สูตรแบบ VI ให้ผลตอบแทนต่อปีแบบทบต้นสูงถึง 34% ต่อปีในขณะที่ดัชนีตลาดปรับเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 4.8% และเมื่อเร็ว ๆ นี้ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์หรือนิดา นำโดย ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เองก็ได้ทำการศึกษาในแนวการลงทุนแบบใช้สูตร VI ในช่วงเวลา 15 ปี ตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2010 โดยใช้ข้อมูลค่า PE PB ปันผล และ ROE หรือกำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ก็ได้ผลในแนวเดียวกัน แต่ผลตอบแทนที่ได้ยิ่งสูงกว่ามาก พอร์ตการลงทุนบางแบบให้ผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นสูงถึงปีละ 63% เงินลงทุน 1 ล้านในช่วงต้นกลายเป็นเงินถึง 1,600 ล้านบาทเมื่อสิ้นสุดการลงทุน ในขณะที่ตลาดโดยรวมให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียงปีละ 1.2% เท่านั้น
ในชีวิตจริง ผมเองไม่เคยลงทุนหุ้นตามสูตรและก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเรายังใช้สูตรเดิมที่เคยให้ผลตอบแทนดีมากจะยังสามารถทำให้เราได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับของเดิมในอดีตหรือไม่ เหนือสิ่งอื่นใด อนาคตอาจจะไม่เหมือนกับอดีต อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าหุ้นราคาถูกในแนว VI นั้นโดยเฉลี่ยก็น่าจะยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีตลาดอยู่ ข้อมูลจากต่างประเทศที่ได้มีการศึกษามานานและศึกษาซ้ำก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดี ดังนั้น ในการเลือกหุ้นลงทุน ผมจึงยึดแนวทางแบบ VI อยู่อย่างมั่นคงแม้ว่าจะไม่ได้ซื้อตามสูตรตายตัว สำหรับคนที่อยากลอง ผมคิดว่าการลงทุนตามสูตรก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจและอาจให้ผลตอบแทนที่มหัศจรรย์ได้
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้นขึ้น เซอร์ จอห์น เทมเปิลตัน ตำนานนักลงทุนเอกของโลก ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นหนุ่มและไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร ได้เกิดความเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นซึ่งตกต่ำมายาวนานถึงสิบปีแล้วน่าจะถึงจุดต่ำสุดและทุกอย่างกำลังจะฟื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หุ้น “ซินเดอเรลลา” ซึ่งก็คือหุ้นที่ไม่มีใครเหลียวแลหรือคิดว่าเหมาะสมสำหรับการลงทุน เพราะว่ามันอาจจะเป็นหุ้นที่ “เน่าสนิท” ดังนั้น ในวันหนึ่งเขาจึงโทรหาโบรกเกอร์และสั่งซื้อหุ้นทุกตัวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีราคาต่ำกว่า 1 เหรียญ โดยซื้อตัวละ 100 หุ้น เขาได้หุ้นมา 104 ตัวและใช้เงินไปประมาณ 10,000 เหรียญ สี่ปีต่อมา เขาขายหุ้นทั้งหมดทิ้ง ได้เงินมาประมาณ 40,000 เหรียญ หรือถ้าคิดเป็นเงินปัจจุบันก็ประมาณเท่ากับ 1 ล้านเหรียญ คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นปีละ 41 เปอร์เซ็นต์โดยเฉลี่ย
กลยุทธ์การลงทุนที่เทมเปิลตันทำนั้น เป็นการลงทุนที่มิได้วิเคราะห์หุ้นเป็นรายตัว แต่เลือกหุ้นโดยอาศัยกฏเกณฑ์ตายตัวชุดหนึ่ง ในกรณีของเขาก็คือ การเลือกหุ้นที่มีราคาตกต่ำมากจนเกือบไม่มีค่านั่นคือราคาหุ้นต่ำกว่า 1 เหรียญ ซึ่งในตลาดสหรัฐอเมริกาก็คือหุ้นที่มีราคาต่ำมากเปรียบเสมือนกับหุ้นราคาตัวละไม่เกิน 1 บาทในตลาดหุ้นไทย ทฤษฎีของเขาก็คือ ในยามที่ตลาดหุ้นกำลังฟื้นตัวนั้น หุ้นที่มีราคาตกต่ำมากที่สุดจะมีการฟื้นตัวเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงที่สุด - โดยเฉลี่ย นั่นไม่ได้หมายความว่าหุ้นราคาต่ำกว่า 1 เหรียญทุกตัวจะต้องฟื้นตัว หุ้นหลาย ๆ ตัวอาจจะไม่ฟื้นเลยหรือบางตัวอาจจะตกต่ำลงและมีค่าเป็นศูนย์ แต่หุ้นอีกหลายตัวอาจจะปรับตัวขึ้นไปหลายเท่าตัวซึ่งทำให้พอร์ตโดยรวมแล้วให้ผลตอบแทนสูงมาก และนี่ก็คือสิ่งที่เทมเปิลตันทำและก็ประสบความสำเร็จ หลักการเลือกหุ้นแบบนี้ ในทางวิชาการเรียกว่า Mechanical Rule ผมเองอยากจะเรียกว่า “ลงทุนหุ้นตามสูตร”
การเล่นหุ้นตามสูตรนั้น กฏข้อแรกก็คือ การมองหา “ภาพใหญ่” หรือทฤษฎีว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือหุ้นกลุ่มไหนจะให้ผลตอบแทนสูงในช่วงเวลาหนึ่ง กฏข้อสองก็คือ หา “ตัวแทน” หรือข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นที่จะเป็นตัวแทนของหุ้นตามทฤษฎีนั้น พูดให้ง่ายก็คือการหา “สูตร” สำหรับเลือกหุ้นลงทุน กฏข้อสามก็คือ การเลือกหุ้นที่เข้าเกณฑ์หรือเป็นไปตามสูตรนั้น กฏข้อสี่ก็คือ ต้องเลือกซื้อหุ้นทุกตัวที่เข้าเกณฑ์ตามสูตรไม่มีข้อยกเว้น อย่าใช้วิจารณญาณ กฏข้อที่ห้าก็คือ การติดตามดูผลตอบแทนของการลงทุนทุกช่วงเวลาที่กำหนดซึ่งส่วนใหญ่มักจะกำหนดเป็นปี ๆ เป็นเวลาหลายปี และกฏข้อสุดท้ายก็คือ การกำหนดเวลาเลิกลงทุนซึ่งก็คือการดูว่าเราควรเลิกและล้างพอร์ตเมื่อไร
ในกรณีของเทมเปิลตันนั้น ทฤษฎีของเขาก็คือ ในยามที่เกิดสงครามขึ้น ค่าของเงินมักจะเสื่อมลง เงินอาจจะเสื่อมค่าลงมากเนื่องจากอาจจะมีการพิมพ์เงินขึ้นมาเพื่อใช้ในการสงคราม เงินเฟ้อจะสูงขึ้นมาก ตรงกันข้าม สิ่งของต่าง ๆ จะมีค่ามากขึ้น และสิ่งของนั้นรวมถึงสิ่งของที่มีหุ้นเป็นตัวแทน เช่น สินค้า โรงงาน วัตถุดิบ และอื่น ๆ อีกมาก เฉพาะที่ไม่ถูกกระทบโดยผลของสงครามอย่างในอเมริกา ดังนั้น ความเชื่อของเขาก็คือ หุ้นจะฟื้นตัว และในหุ้นที่ฟื้นตัวนั้น หุ้นที่ตกต่ำที่สุดจะฟื้นตัวได้มากที่สุด และตัวแทนของหุ้นที่ตกต่ำลงมากที่สุดสำหรับเขาก็คือหุ้นที่มีราคาต่ำที่สุดซึ่งเขาใช้สูตรหรือเกณฑ์ว่าเป็นหุ้นที่มีราคาต่ำกว่า 1 เหรียญ การซื้อหุ้นของเขานั้นจะไม่มีการใช้วิจารณญาณ ไม่ต้องดูว่าหุ้นตัวไหนอาจจะไปไม่รอด เพราะเขาไม่รู้จริง ๆ เหนือสิ่งอื่นใด หุ้นที่มีราคาต่ำกว่า 1 เหรียญทุกตัวก็มีโอกาสล้มละลายทั้งนั้น การเลือกอาจจะทำให้เขาพลาดหุ้นที่อาจจะกลายเป็นหุ้น 10 เด้งหรือกำไร 10 เท่าตัวก็ได้ หลังจากซื้อหุ้นแล้ว เขาคงติดตามดูผลตอบแทนไปเรื่อย ๆ และเมื่อเวลาผ่านไปถึง 4 ปี และเขาได้กำไรมามากแล้ว เขาก็อาจพิจารณาว่า การฟื้นตัวนั้นสิ้นสุดลงแล้ว การถือลงทุนต่อไปก็อาจจะไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีอีกต่อไป เขาจึงขายหุ้นทั้งหมดทิ้งและเป็นการ “ปิดเกม” การเล่นหุ้นตามสูตรนี้
การเล่นหุ้นตามสูตรที่มีการศึกษาโดยนักวิชาการนั้นมีมากมาย สูตรที่มีการทดลองหรือทดสอบโดยข้อมูลย้อนหลังที่โดดเด่นมากนั้น เป็นสูตรการเล่นหุ้นแบบ Value Investment นั่นก็คือ ทฤษฎีมีอยู่ว่าการลงทุนแบบ VI นั้น เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าการลงทุนตามดัชนีตลาด—โดยเฉลี่ย นี่คือทฤษฎีตามกฏข้อที่หนึ่ง ข้อที่สองที่จะต้องทำก็คือ หา “ตัวแทน” หุ้นที่เรียกว่าหุ้น VI วิธีหาก็มีหลายวิธีแล้วแต่ว่าใครจะเป็นคนคิด แต่ส่วนใหญ่ก็จะวนเวียนอยู่ที่ว่าต้องเป็นหุ้นถูกซึ่งหุ้นถูกที่ว่านี้ก็มักจะวัดกันที่ค่า PE และค่า PB ที่ว่าจะต้องมีค่าต่ำหรือต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นอื่น ๆ ในตลาด และอัตราเงินปันผลเมื่อเทียบกับราคาหุ้นหรือ Dividend Yield ว่าควรจะต้องสูงหรือต้องมีพอสมควร หลังจากนั้นก็ตั้งเป็นสูตรเพื่อคัดเลือกหุ้นมาลงทุน จากนั้นก็ติดตามผลตอบแทนของพอร์ตที่ลงทุนตามสูตรว่าเป็นอย่างไรในแต่ละปี ทำเช่นนี้ไปหลาย ๆ ปีก็จะทำให้สามารถเห็นได้ว่าการลงทุนตามสูตรของ VI นั้น โดยเฉลี่ยให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับการลงทุนตามดัชนีตลาด
ผมเคยทำการศึกษาเรื่องของการลงทุนตามสูตรแบบ VI ครอบคลุมช่วงเวลา 9 ปีจากปี 2543 ถึง 2551 พบว่าผลออกมานั้นน่าประทับใจอย่างยิ่ง นั่นก็คือ การลงทุนโดยใช้สูตรแบบ VI ให้ผลตอบแทนต่อปีแบบทบต้นสูงถึง 34% ต่อปีในขณะที่ดัชนีตลาดปรับเพิ่มขึ้นเพียงปีละ 4.8% และเมื่อเร็ว ๆ นี้ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์หรือนิดา นำโดย ดร. ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เองก็ได้ทำการศึกษาในแนวการลงทุนแบบใช้สูตร VI ในช่วงเวลา 15 ปี ตั้งแต่ปี 1996 ถึง 2010 โดยใช้ข้อมูลค่า PE PB ปันผล และ ROE หรือกำไรต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ก็ได้ผลในแนวเดียวกัน แต่ผลตอบแทนที่ได้ยิ่งสูงกว่ามาก พอร์ตการลงทุนบางแบบให้ผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นสูงถึงปีละ 63% เงินลงทุน 1 ล้านในช่วงต้นกลายเป็นเงินถึง 1,600 ล้านบาทเมื่อสิ้นสุดการลงทุน ในขณะที่ตลาดโดยรวมให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียงปีละ 1.2% เท่านั้น
ในชีวิตจริง ผมเองไม่เคยลงทุนหุ้นตามสูตรและก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเรายังใช้สูตรเดิมที่เคยให้ผลตอบแทนดีมากจะยังสามารถทำให้เราได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับของเดิมในอดีตหรือไม่ เหนือสิ่งอื่นใด อนาคตอาจจะไม่เหมือนกับอดีต อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าหุ้นราคาถูกในแนว VI นั้นโดยเฉลี่ยก็น่าจะยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดัชนีตลาดอยู่ ข้อมูลจากต่างประเทศที่ได้มีการศึกษามานานและศึกษาซ้ำก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดี ดังนั้น ในการเลือกหุ้นลงทุน ผมจึงยึดแนวทางแบบ VI อยู่อย่างมั่นคงแม้ว่าจะไม่ได้ซื้อตามสูตรตายตัว สำหรับคนที่อยากลอง ผมคิดว่าการลงทุนตามสูตรก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจและอาจให้ผลตอบแทนที่มหัศจรรย์ได้
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
- thaloengsak
- Verified User
- โพสต์: 2716
- ผู้ติดตาม: 2
Re: เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Post no. 10
ลงทุนเพื่อชีวิต
- Packky
- Verified User
- โพสต์: 856
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Post no. 13
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Post no. 15
ขอบคุณดร.นิเวศน์ครับ
ขอบคุณคนเอามาโพสด้วยครับ
ขอบคุณคนเอามาโพสด้วยครับ
- SEHJU
- Verified User
- โพสต์: 1238
- ผู้ติดตาม: 3
Re: เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Post no. 16
ขอบคุณครับ
ท่าน ดร. สุดยอด เสมอ
ท่าน ดร. สุดยอด เสมอ
-
- Verified User
- โพสต์: 143
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Post no. 18
ขอบ คุณ อาจารย์ ดร.นิเวศ ครับ ที่ให้แนวทาง VI ที่ลงทุนได้ จริง จับต้ิงได้ พิสูจน์ได้ ทุกขณะ
ผมจะใช้เเนวทางของอาจารย์ ลงทุน และเผยแพร่ แนวทางนี้เืพื่อความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ตรงตามเป้าหมาย ของการลงทุนครับ
ผมจะใช้เเนวทางของอาจารย์ ลงทุน และเผยแพร่ แนวทางนี้เืพื่อความมั่นคง และให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า ตรงตามเป้าหมาย ของการลงทุนครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1488
- ผู้ติดตาม: 2
Re: เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Post no. 20
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=46129nut776 เขียน:63% อยากอ่านงานวิจัย อ. ไพบูลย์อย่างละเอียดจริงๆ
ไม่ทราบว่าจะหาอ่านได้ที่ไหนคับ
ในการลงทุนระยะยาว ใครนิ่งได้มากกว่า คนนั้นชนะ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 16
Re: เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Post no. 22
รอนิดนะครับ63% อยากอ่านงานวิจัย อ. ไพบูลย์อย่างละเอียดจริงๆ
ไม่ทราบว่าจะหาอ่านได้ที่ไหนคับ
อ.ไพบูลย์ ต้องไป present paper นี้ที่ Asia Pacific Conference เดือนหน้า
เสร็จแล้วรอลง Journal แล้วคงได้อ่านกันครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
- เหล็งฮู้ชง
- Verified User
- โพสต์: 275
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เล่นหุ้นตามสูตร /ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Post no. 23
ดีครับ
จงอยู่ด้วยความไม่ประมาท