สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ลูกอิสาน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 6492
ผู้ติดตาม: 885

สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

กราบสวัสดีปีใหม่ปี 2567 พี่น้องชาวสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่าทุกท่าน กราบสวัสดีอาจารย์ ดร.นิเวศน์ ดร.ไพบูลย์ พี่ปรัชญา พี่ครรชิต ลุงขวด เฮียคลายเครียด พี่กะละมัง พี่พี พี่วัฒน์ พี่หมอพงศ์ศักดิ์ พี่หลิน พี่หนิง พี่กุ๊ก พี่หมอสามัญชน พี่พรรณ พี่ไก่ พี่มน พี่บู พี่วิบูลย์ พี่นัน พี่ตี้ พี่จรัญ พี่แมว พี่สุบรรณ พี่บัวดิน หมอหนึ่ง พี่ WEB พี่ฉัตร พี่ชาย พีเจ๋ง พี่ไลท์ พี่นริศ พี่โดม พี่พอใจ พี่นุช พี่ปริญ พี่อมร พี่วรรณ พี่หน่อง พี่เล็ก พี่นา พี่ ๆ น้องๆ ชาวไทยวีไอทุกคน ขอคุณพระศรีรัตนตรัย คุ้มครองให้ทุกท่านปลอดภัย ร่างกายแข็งแรง มีความสุขกาย สบายใจ ตลอดปี ตลอดไปครับ :D



ตลาดหุ้นปี 2566 ที่ผ่านไป เป็นปีที่เหนื่อยหนักสำหรับนักลงทุนส่วนใหญ่ รวมถึงตัวผมด้วย ตั้งแต่ต้นปีดัชนีทำจุดจุดสูงสุดในเดือนมกราคมที่ 1,695.95 จุด หลังจากนั้นค่อยๆลดลงตลอดทั้งปี จนทำจุดต่ำสุดที่ 1,354.94 จุดในเดือนธันวาคม ดัชนี SET ปิดสิ้นปี 2566 ที่ 1,415.85 จุด จากต้นปีที่ 1,668.66 ตกลง – 15.15% ติดลบมากที่สุดในโลกอย่างไม่น่าเชื่อ แม้หุ้นขนาดใหญ่สุดสองตัวแรก ให้ผลตอบแทนเป็นบวกก็ตาม หากวัดที่ผลตอบแทนโดยรวม (บวกปันผล) ดัชนี SET TRI ลดลง – 12.61% นั่นคือผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยคือ 2.54%


มูลค่าตลาดหลักทรัพย์รวมตลาด SET และ MAI ลดลงเหลือ 17.85 ล้านๆ ระดับ P/E เท่ากับ 18 เท่า ทั้งสองตลาดมีหุ้นรวมกันประมาณ 812 หุ้น มีหุ้นบวก 99 ตัวหรือแค่ 12% ที่เหลือคือ “ติดลบ” ตั้งแต่ไม่มากจนถึงปางตาย หุ้นกลุ่มที่ยังบวกได้ เช่น หุ้นกลุ่มอาหารหลายๆตัว หุ้นกลุ่มนิคม แบงก์ขนาดเล็ก ค้าปลีก เครื่องสำอาง พลังงาน บางตัว ส่วนกลุ่มที่ลงหนักๆคือกลุ่มที่โดนปั่นราคาไปสูงๆในปีก่อนหน้า กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มลิซซิ่ง กลุ่มโลจิสติกส์ หุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ รวมถึงส่วนใหญ่ของหุ้นขนาดเล็ก มูลค่าการซื้อขายต่อวันของตลาด ลดลงค่อนข้างมากเหลือประมาณวันละ 54,000 ล้าน ลดลงเกือบ 30% จากปีก่อน สัดส่วนซื้อขายนักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็น 51% ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยลดเหลือแค่ 32% (คนละภาพกับอดีตที่นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนมากกว่า 70% )


สาเหตุที่ราคาหุ้นไทยตกต่ำ ไม่ชัดเจนว่าเพราะเหตุผลใด สงครามยูเครน สงครามฮามาส หรือดอกเบี้ยขาขึ้น แต่เหตุการณ์ข้างต้น ทุกประเทศในโลกล้วนได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน แต่ทำไมตลาดหุ้นไทยแย่สุด ในขณะที่ตลาดหุ้นประเทศอื่น เพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ หากพิจารณาปัจจัยเฉพาะในประเทศ อาจเป็นปัญหาการเมืองที่รุมเร้าประเทศมาหลายปี ที่ชัดเจนคือต่างชาติขายหนักตลอดทั้งปี 192,500 ล้าน หักกลบกับที่ซื้อเท่าๆกันในปีก่อนหน้านี้ แต่ทำไมต่างชาติขาย ผมตั้งข้อสมมุติฐานว่า GDP โตต่ำ - รัฐแทรกแซงธุรกิจมากขึ้น (โรงไฟฟ้า น้ำมัน ราคาแก๊ส ) – PE แพงกว่าตลาดเพื่อนบ้าน...

สำหรับตลาดต่างประเทศ ส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี ตลาดอเมริกา S&P 500 ให้ผลตอบแทนถึง 24% ส่วนกลุ่มหุ้นเทคโนโลยี Nasdaq โดดเด่นมากหลังจากร่วงหนักในปีก่อนหน้า ปิดบวกไป 43% หุ้นยุโรปบวกประมาณ 19% ญี่ปุ่นเด่นสุดในเอเชีย 28% เวียดนามบวกได้ 12% หลังจากแย่สุดของโลกปีก่อนหน้า และตลาดฮ่องกงที่ทั้งปีขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งแย่สุดในโลกกับไทย ปิดลบที่ -14%


พอร์ตส่วนตัว เหมือนฟ้าแกล้ง เพราะมีน้ำหนักลงทุนมากกว่า 90% ของพอร์ตอยู่ในตลาดที่แย่ที่สุดในโลกทั้งสองตลาดคือไทยและฮ่องกง ทำให้ผลตอบแทนทั้งปีติดลบ แต่ดีกว่าตลาด (SET TRI) มาก อานิสงค์จากการ rebalancing portfolio โดยโยกเงินจากตลาดที่แพง ไปช้อนซื้อตลาดหุ้นที่ราคาถูก โดยซื้อหุ้นเวียดนามตอนต้นปีตอนลงหนัก และขายตอนปลายปีที่ขึ้นมาเยอะ นำกลับมาช้อนซื้อหุ้นไทยที่ตกหนัก ประกอบกับยังมีหุ้นบางตัวที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งตลาดไทยและฮ่องกง พอจะชดเชยกับหุ้นส่วนใหญ่ที่ขาดทุนได้บ้าง โดยสรุป ขาดทุนหุ้นไทย หุ้นฮ่องกง กำไรตลาดเวียดนามและอเมริกา และยังขาดทุนหนักกับหุ้นฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย แต่ยังดีมีสัดส่วนไม่มาก สัดส่วนการลดลงต่างประเทศลดลงจากปีก่อนหน้าที่ 55% เหลือ 43% ที่ลดน้ำหนักการลงทุนต่างประเทศ เพราะเกรงผลกระทบจากภาษีลงทุนต่างประเทศที่รัฐบาลนายกเศรษฐา เพิ่งประกาศใช้ สำหรับตลาดฮ่องกงที่ลงทุนมาได้ 3 ปี และตลาดตกลงทั้งสามปี ทำให้สุทธิยังขาดทุน แต่หวังว่าอีกหนึ่งปี หากตลาดไม่ตกต่ำไปกว่านี้มาก จะถึงจุดคุ้มทุน เพราะรู้จักพื้นฐานบริษัทมากขึ้น และเข้าใจพฤติกรรมตลาดดีขึ้น พอร์ตรวมมีการกระจายลงทุน106 บริษัท เยอะสุดที่ตลาดฮ่องกง 62 บริษัท..


น้ำลดตอผุด จากหุ้น 12 ตัวที่กล่าวถึงปีก่อน (D----/SA---/J----/G---/J--/D----/P--/B--/SI----/ST--- /BB--/J—H) ในแง่ที่ว่าราคากับมูลค่า ไม่น่าจะสมเหตุสมผล เมื่อเจอกับสภาวะตลาดตกต่ำในปีที่ผ่านมา มีเพียง 1 บริษัทเท่านั้นที่ผลตอบแทนยังเป็นบวก ซึ่งเป็นบริษัทที่มีลักษะพิเศษ ยากต่อการตรวจสอบ ส่วนที่เหลือราคาลดลงอย่างมาก บางบริษัทถึงขั้นล้มละลาย เหมือนที่ผู้รู้กล่าวว่า “ อะไรที่ขึ้นไปอย่างไม่มีเหตุผล จะตกลงมาอย่างมีเหตุผล” และแน่นอนคือ สินทรัพย์ทุกอย่าง ไม่ช้าก็เร็ว มันจะกลับไปสู่ราคาที่ควรจะเป็นเสมอ ตราบเท่าที่มันไม่ถูกบิดเบือน แน่นอนว่า หุ้นลักษณะนี้มีอยู่ที่ทุกปี หน้าที่ของนักลงทุนคือก่อนซื้อ-ขายต้องรู้มูลค่า และหลีกหนีจากหุ้นที่เกินมูลค่าเหล่านี้..


Charlie Munger ในความทรงจำ หนึ่งในนักลงทุนในตำนาน พอร์ทเนอร์ของ Warren Bufett ได้จากไปอย่างสง่างามในปีที่ผ่านมา ก่อนอายุครบ 100 ปีเพียงไม่กี่วัน ทิ้งมรดกความคิดที่เป็นประโยชน์ให้กับสังคมนักลงทุน และคนทั่วไป ที่ผมพอจะสรุปได้มีดังนี้...

“Always invert” ซึ่งผมตีความเอาเองว่า ให้คิดมุมกลับ คิดตรงข้ามเสมอ เพราะทุกอย่างล้วนมีสองด้าน มืดไม่นานจะสว่าง สว่างไม่นานมันจะมืด ไม่มีความสุขไปตลอด แต่จะไม่ทุกข์ตลอดไปเช่นกัน หากเราคิดเช่นนี้แล้ว ยามสุข เราจะไม่สุขเกินไป (รู้ว่ามีทุกข์หลับรออยู่) และยามทุกข์ เราจะไม่ทุกข์เกินไป (รู้ว่ามีสิ่งดีๆรออยู่) ในการลงทุน ยามตลาดหุ้นดี เราจะไม่ประมาท รู้ว่ามันอาจจะตกได้ทุกเมื่อ ยามตลาดแย่ เราจะไม่ท้อและหดหู่ เพราะรู้ว่า จะมีเวลาที่ดีรออยู่ หากมองเช่นนี้ได้ เราจะเป็น contrarian ที่สามารถควบคุมจิตใจและสามารถซื้อหุ้นได้ในเวลาที่ถูกเพราะคนแห่ขาย และจะขายหุ้นได้แพง ในยามที่คนอื่นแห่ซื้อ เสมอไป และนั่นคือหัวใจของความสำเร็จในตลาดหุ้น..

"I wish I knew where I was going to die, and then I'd never go there." ผมหวังว่า ผมจะรู้ว่าผมจะตายที่ไหน ผมจะได้ไม่ไปที่นั่น” ความสำเร็จคือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้ล้มเหลว และนี่คือหลักใหญ่ใจความ ของประโยคที่ฟังดูตลกนี้ ไม่ว่าในชีวิตทั่วไป หรือชีวิตการลงทุน สามารถนำหลักคิดนี้ ไปใช้ประโยชน์ได้ เราจะต้องจำแนกแยกแยะให้ได้ว่า สิ่งใดที่จะทำให้ชีวิตเราลมจ่ม ทำให้ชีวิตการลงทุนล้มเหลว เราแค่หลีกเลี่ยงมัน สิ่งที่เหลือนั่นคือความสำเร็จ...


"A great business at a fair price is superior to a fair business at a great price." เขา..ชาร์ลี เป็นคนชักนำพาให้วอร์เรนต์ บัฟเฟตต์ ออกจากแนวคิดดังเดิมที่ซื้อแต่หุ้นราคาถูก คุณภาพเป็นเรื่องรอง เปลี่ยนเป็น คุณภาพต้องมาเป็นอับดับแรก ราคาเป็นเรื่องรอง นี่เป็นสิ่งที่ทำให้ Berkshire Hathaway กลายมาเป็นตำนานยักษ์ใหญ่ธุรกิจในวันนี้ ปัจจุบันเรานักลงทุน ยอมรับกันว่าคุณภาพของธุรกิจต้องมาเป็นอันดับแรก แต่ราคาก็เป็นสิ่งที่เราละเลยไม่ได้เช่นกัน..


ภาษีลงทุนต่างประเทศ สำหรับแวดวงนักลงทุน ที่ไปลงทุนในตลาดต่างประเทศ ปี 2566 เหมือนฟ้าผ่าเมื่อรัฐบาลใหม่ของนายกเศรษฐา ประกาศกระชับกฎหมายเดิมให้เข้มข้นขึ้น โดยจะจัดเก็บภาษีเงินได้กำไรที่เกิดจากการลงทุนในต่างประเทศ ด้วยวัตถุประสงค์หลักอะไรไม่แน่ใจ อาจจะต้องการให้เงินกลับมาซื้อหุ้นไทย ที่กำลังตกต่ำ หรือต้องการลดความเหลื่อมล้ำ เก็บภาษีจากคนรวย (เชื่อว่าคนที่ลงทุนต่างประเทศได้ต้องรวย) ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร การลงทุนในต่างประเทศด้วยตัวเองของนักลงทุน มีต้นทุนสูงขึ้นทันที เปรียบเทียบกับการลงทุนในประเทศที่ “ปลอดภาษี” ดังนั้นผมขอใช้สิทธิ์วิพาก วิจารณ์ในฐานะคนที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้..

หากกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เงินกลับมาซื้อหุ้นไทย สมเหตุสมผลหรือไม่ ที่จำกัดทางเลือกนักลงทุนให้แคบลง หากต่างประเทศมีหุ้นที่ถูกว่า คุณภาพดีกว่า กลับต้องมาซื้อหุ้นไทยที่แพงกว่า คุณภาพ ด้อยกว่า หรือหากเป็นเหตุผลนี้จริง ทำไมการซื้อหุ้นต่างประเทศ ผ่านกองทุนรวม กลับไม่ต้องเสียภาษี แถมบางกองยังนำมาลดภาษีได้ด้วย ทำไมไม่ทำให้เป็นมาตรฐานเดียวกันกับลงทุนรายย่อย เสมือนเอื้อประโยชน์ให้กับ บลจ.ที่คิดค่าธรรมเนียม ทำให้ต้นทุนการลงทุนของประชาชนแพงขึ้นโดยไม่จำเป็น..

หากกฎหมาย มีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ทำไมนักลงทุนในประเทศ กลับไม่ต้องเสียภาษี ในเมื่อคนไปที่ไปลงทุนต่างประเทศส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่มเดียวกับที่ลงทุนในประเทศเช่นกัน ทำไมกฏหมายแบ่งเป็นสองมาตรฐาน ปฏิบัติไม่เท่าเทียมกัน

กฎ ที่บังคับใช้ สร้างภาระให้นักลงทุน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างมาก การพิสูจน์ว่าเงินก้อนใดเป็นกำไร เป็นขาดทุน เกิดปีใด เข้าข่ายต้องเสียภาษีหรือไม่ ทำได้ยาก โดยเฉพาะคนที่ลงทุนในต่างประเทศมานาน ข้อมูลที่มีอาจไม่ครบถ้วนเพราะต้องรวบรวมตัวเลขที่ผ่านมาเป็นสิบปี หากจะขอหักค่าใช้จ่าย ยังต้องพิสูจน์ว่าประเทศที่เกิดเงินได้ มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทยหรือเปล่า..

ความแตกต่างกันมากของอัตราภาษี ระหว่างการลงทุนในประเทศกับต่างประเภท อัตราเดิมกับอัตราใหม่ กรณีสูงสุดอาจถึง 35% ย่อมสูงพอที่จะทำให้เงินส่วนหนึ่ง จะไม่โอนกลับไทยตลอดไป กลายเป็นเงินสากลที่จะหมุนเวียนสร้างความเจริญให้กับทั่วโลก ยกเว้นที่ประเทศไทย นอกจากนี้ยังเอื้อให้เกิดธุรกรรมสีเทา เพื่อนำเงินแบบผิดกฏหมายเข้ามาในประเทศไทย แบบเดียวที่เกิด “ตลาดมืด” เพราะความแตกต่างของสองตลาดที่สูงเกินไป ย่อมสร้างแรงจูงใจให้คนกล้าเสี่ยง..

ก่อนหน้า นายกเศรษฐา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ท่านได้พูดถึงตลาดหุ้นหลายกรณี เช่น การให้ความเห็นกรณีหุ้น Delta ว่าไม่ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย หรือไม่เห็นด้วยกับหลักสูตรสร้าง “เส้นสาย” แบบ วตท.วปอ. ซึ่งผมเห็นด้วย แต่เมื่อท่านได้รับตำแหน่งจริง กลับทำในสิ่งที่ไม่น่าทำ ที่น่าจะทำ กลับไม่ทำ..


วิกฤติศรัทธาบริษัทจดทะเบียน นับแต่เกิดการปล้นโบรกเกอร์กรณีหุ้น MORE ในปี 2565 ต่อมาปี 2566 เกิดกรณีตกแต่งบัญชีหุ้น STARK และจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ไม่ได้ของ JKN ซึ่งส่งผลต่อราคาหุ้นดังกล่าวและยังส่งผลกระบต่อความเชื่อมั่น ต่อระบบการตรวจสอบของตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกรณี STARK ที่มีมูลค่าความเสียหายสูงนับหมื่นบ้าน หรือกรณี JKN ที่งบการเงินยังแสดงกำไร แต่ไม่สามารถชำระหุ้นกู้ได้ จนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู นักลงทุนกลัวว่า จะเกิดอะไรซ้ำรอยกับหุ้นที่ตัวเองถือหรือเปล่า โดยเฉพาะการตกแต่งบัญชี ที่หากเกิดขึ้น นักลงทุนแทบไม่มีโอกาสขาย ถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัว.... นักลงทุนต้องดูแลตัวเอง โดยเลือกลงทุนเฉพาะธุรกิจที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน ดูพฤติกรรมโหงวเฮ้งของผู้บริหาร ว่าตั้งใจทำธุรกิจหรือเปล่า บางคนชอบออกสื่อ ออกข่าว แต่บริหารธุรกิจเจ๊ง มีให้เห็น และหน่วยงานที่ต้องรับผิดชอบกรณีดังกล่าว คือฝ่ายตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์ ที่มีหน้าที่โดยตรง กลับไม่สามารถแจ้งเตือนนักลงทุนให้รู้ตัวก่อนได้ การลงทุนมีความเสี่ยงก็จริง แต่หากฝ่ายตรวจสอบ ซึ่งกินเงินภาษีของประชาชน ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ความเสี่ยงของนักลงทุนจะลดลงได้มาก ที่ใดการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ ประชาชนก็ต้องก้มหน้ารับชะตากรรมหรือ...?

เหตุการณ์ที่เกิดนอกจากส่งผลต่อตลาดหุ้นแล้ว ยังส่งผลต่อตลาดตราสารหนี้ด้วย เพราะทั้ง STARK JKN มีหุ้นกู้ที่ default ชำระหนี้ไม่ได้ กระทบทำให้หุ้นกู้ใหม่ๆที่ rollover ขายไม่ได้หรือขายได้ไม่หมด โดยเฉพาะหุ้นกู้ Non - Rated หรือกระทั่ง investment grade แต่งบการเงินแย่ (จำหุ้นสายการบินที่เรตติ้ง A แต่ล้มละลายได้ไหม เพราะงบการเงินแย่จัด) แน่นอนว่าในอนาคตจะมีหุ้นกู้ที่ชำระหนี้ไม่ได้อีกอย่างแน่นอน ทั้งบริษัทเล็กๆ หรือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่งบการเงินแย่ โดยเฉพาะธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีความเสี่ยงสูง..


การซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ ปีที่ผ่านมามีเสียงร้องเรียน ตำหนิการซื้อขาย โดยเฉพาะของนักลงทุนต่างชาติและโบรกเกอร์ที่เกี่ยวข้อง ในทำนองว่าเอาเปรียบนักลงทุนภายในประเทศ ผ่านธุรกรรม เครื่องมือที่มีความซับซ้อนสูง เช่น การ short sell – naked short – Hight frequency trading – program trading ทำให้การซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติมีสัดส่วนเกินครึ่งของตลาด บางคนถึงกับเสนอให้ยกเลิกการซื้อแบบเช่นนี้ไปเลยก็มี ในความเห็นผม เครื่องมืออะไรที่ส่วนใหญ่ทั่วโลกมี “เราควรมี” เพราะนั่นคือการพัฒนาตลาด และตลาดไทยยังต้องพึ่งพานักลงทุนต่างชาติ เช่น การ short sell ทำให้ราคาหุ้นอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล การปั่นหุ้นจะทำให้ยากขึ้น naked short ไม่ควรมีเหมือนทั่วโลก เพราะสร้างแรงขายเทียมที่ทำให้คนตื่นตระหนก ส่วน HFT หรือ program trading ควรมีมาตรการเพื่อสร้างความเท่าเทียม ให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้ เพื่อให้เท่าเทียมกัน ....และสิ่งหนึ่งที่อยากฝากไว้ให้คิดคือ ในยามตลาดหุ้นดีเราได้กำไร นั่นคือฝีมือของเราล้วนๆ แต่ในช่วงตลาดแย่ เป็นเพราะใครก็ได้ที่ทำ (ที่ไม่ใช่เรา) ตอนแย่ๆ เราจะสร้าง “แพะในจินตนาการ” เพื่อกลบเกลื่อนการขาดทุน นั่นอาจทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่เราจะไม่พัฒนา...



ความไม่เป็นธรรมในตลาดหุ้น ต่อเนื่องจากตอนก่อนหน้า ความเท่าเทียมกัน (ของโอกาส) เป็นโลกในอุดมคติที่ทุกคนใฝ่หา แต่หนทางที่จะบรรลุนั้นมีต้นทุน จนบางคนท้อถอย ยอมรับใน “ชะตากรรม” ไม่หือไม่อือ แต่ยังมีบางคน ที่ยังคิดฝัน แม้ไม่อาจทำได้สมบูรณ์แบบ แต่ควรทำให้ใกล้เคียงที่สุด ผมอยากเป็นคนกลุ่มหลัง โดยขอยกตัวอย่าง ความไม่เป็นธรรมในตลาดหุ้น ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ที่เราอาจละเลย จนถึงเรื่องใหญ่ที่ควรทำที่สุด และนี่คือประเด็นความไม่ธรรมในมุมมองผม

ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย ปัจจุบันนักลงทุนรายย่อยเสียค่าธรรมเนียมซื้อขายประมาณ 0.15% ไม่รวมภาษี นักลงทุนกลาง-ใหญ่ เสียค่าธรรมเนียมแล้วแต่การต่อรอง ประมาณ 0.3-0.6 % นักลงทุนสถาบันจะเสียต่ำกว่านี้ได้อีก หรือพวก HFT ค่าธรรมเนียมจะต่ำมาก แต่ไม่มีใครต่ำกว่า Proprietary trading ของโบรกเกอร์เอง ที่แทบไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมซื้อขาย นี่เป็นความเหลื่อมล้ำ ที่ผมพอเข้าใจได้ เพราะเป็นระบบต่างตอบแทน ใครมีอำนาจต่อรองสูงกว่า ย่อมได้เปรียบ เสมือนพ่อค้า ซื้อสินค้าเยอะ ก็ได้ส่วนลดมากกว่า...

ความเร็วของการส่งคำสั่งซื้อขาย ทุกวันนี้หากเราเปิดโปรแกรม streaming ก่อน 9.30 ซึ่งเป็นช่วงก่อนตลาดเปิด เราจะเห็นคำสั่งซื้อมารอก่อนแล้ว ซึ่งน่าสงสัยว่ามาได้อย่างไร ในเมื่อนักลงทุนทั่วไปหากส่งคำสั่งช่วงนี้ จะไม่ปรากฏคำสั่งซื้อขายนั้น และที่แย่สุด คำสั่งซื้อขายจากต่างจังหวัดแบบผม กว่าจะแสดงใน streaming ตอน 9.30น. ใช้เวลาบางครั้งมากกว่า 1 นาที ทุกวันนี้เหลือประมาณ 33 วินาที ทำไมต้องใช้เวลานานขนาดนั้น หากเป็นสถานการณ์ปกติ อาจจะไม่มีผลอะไร แต่ในวันวิกฤติที่ ต้องขายฟลอร์ หรือซื้อซิลลิ่ง แบบ ATO แล้วหุ้นมีน้อยกว่าความต้องการ ความเร็วแม้ต่างกันเพียงเสี้ยววินาที ก็มีผลว่าจะ match หรือไม่ ว่ากันว่าแล้วแต่โบรกเกอร์ใด “ท่อใหญ่หรือเล็ก” ซึ่งผมคิดว่าสิ่งนี้ไม่เท่าเทียม เหมือนกับพวก Program trading - HFT ที่ส่งคำสั่งเข้าระบบได้โดยตรง โดยไม่ผ่านตัวกลาง ทำให้เร็วมีความได้เปรียบนักลงทุนที่ส่งคำสั่งแบบปกติ..

การเยียวยานักลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากอินไซเดอร์ ในสังคมปกติ หากเราโดนปล้นหรือขโมยสินทรัพย์ เมื่อตำรวจจับโจรได้ จะคืนสินทรัพย์ให้เจ้าของทรัพย์ แต่ในตลาดหุ้น เมื่อก.ล.ต.ได้รับค่าปรับทางแพ่งจากคนที่ใช้อินไซเดอร์ กลับริบทรัพย์นั้นเป็นของหลวง ทำไมไม่เอามาเยียวยาคนที่ได้รับความเสียหายจากอินไซเดอร์นั้น หลายครั้ง ผมถือหุ้นบางบริษัท จู่ๆมีแรงซื้อ “ปริศนา”เข้ามาต่อเนื่องแบบไม่มีเหตุผล ผมได้ขายหุ้นออกไป ไม่นานหลังจากนั้น บริษัทประกาศทำ tender ที่ราคาสูงกว่าตลาดมาก หากไม่มีคนรู้ข้อมูลล่วงหน้า คงไม่มีแรงซื้อปริศนา และผมคงไม่ขายหุ้นออกไป เมื่อบริษัทประกาศข่าว ผมจะได้ประโยชน์เต็มเม็ดเต็มหน่วย นั่นเท่ากับว่าอินไซเดอร์เอาประโยชน์จากผมไป เมื่อ ก.ล.ต.จับได้และปรับเงิน ทำไมไม่เอามาเยียวยา คนที่ได้รับผลกระทบเช่นผม การพิสูจน์ว่าใครเสียประโยชน์ที่ควรได้ ไม่ได้ยากอะไร เพราะมีข้อมูลซื้อขายอยู่ในระบบอยู่แล้ว นี่เป็นอีกเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลในมุมมองผม..


ความเท่าเทียมด้านข้อมูล ว่ากันว่าข้อมูลคืออำนาจ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครับ ในตลาดหุ้น รู้ก่อนเขาคือได้เงิน นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำการเปิดเผยข้อมูลให้เท่าเทียมกัน เป็นเรื่องสำคัญ เพราะส่งผลต่อ กำไร ขาดทุน โดยตรง หากก.ล.ต.มีแนวทางการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน และมีการบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ปัญหาเรื่องนี้จะลดลงไปอย่างมาก ไม่ใช่ปล่อยให้เหมือนทุกวันนี้ที่ “ใครมือยาว สาวได้สาวเอา” ใครเข้าถึงผู้บริหาร เป็นผู้ได้เปรียบในเกมส์ จึงทำให้เกิดกิจกรรมเข้าหาผู้บริหารในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางตรง ทางลัด ถูกกฎหมาย ผิดกฎหมาย สีดำ สีเทา จนสับสนไปหมด ผมเสนอให้มีวิธีเดียวเหมือนต่างประเทศที่พิสูจน์ ว่าเท่าเทียมกันจริง โดยห้ามผู้บริหารให้ข่าวกับทุกคน ทุกกรณี ยกเว้นกิจกรรมถามตอบ หลังงบออก โดยความสมัครใจ สามารถให้ทุกคน นักลงทุน นักวิเคราะห์ คนไทย ต่างชาติ เข้าฟังได้อย่างไม่มีเงื่อนไขและเท่าเทียม แค่นี้ทุกคนจะได้รับข้อมูลที่เสมอกันและผู้บริหารได้มีเวลาไปบริหารกิจการ ไม่ต้องเสียเวลาหลายครั้ง เพื่อพบปะนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ผมคิดว่าวิธีนี้มีแต่ผลดี แต่ทำไมไม่มีคนคิดที่จะทำ นี่ทำให้ผมนึกถึงคำพูดในภาพยนต์เรื่องหนึ่ง ซึ่งผมหวังว่าคงไม่เป็นเช่นนี้ ...


120127527_3491842154188420_621108718715155523_n.jpg


กราบสวัสดีทุกท่าน ขอให้ร่ำรวย พอร์ตโตระเบิดในปี 67 นี้ครับ...
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
newbie_12
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2913
ผู้ติดตาม: 10

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับพี่โจ

ยังคงติดตามอ่านทุกปีครับ
.
.
อดีตอันรุ่งโรจน์ ไม่ได้การันตีอนาคตจะรุ่งเรือง

----------------------------
ภาพประจำตัวสมาชิก
zirkanat
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 180
ผู้ติดตาม: 22

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 3

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับอาจารย์
20 yrs game, stay focus, stay invest.
Ratthanin
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 43
ผู้ติดตาม: 16

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 4

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับอาจารย์โจ ขอบคุณบทความดี ๆ ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Peter1011
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 325
ผู้ติดตาม: 109

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับพี่โจ ตอนนี้ผมยังติดหุ้นฮ่องกงอยู่เลย...

ผมเชื่อว่าในสังคมนักลงทุนวีไอยังมีคนไม่ประสงค์ดีอยู่เยอะ แต่การเวลามันจะเป็นตัวบอกเองว่าคนกลุ่มนี้จะมีที่ยืนในสังคมไปอีกนานแค่ไหน ทั้งนี้ผมขออนุญาตินำเสนอหุ้นที่ควรจะอยู่ในกลุ่ม "QUESTIONABLE" ต่อจากพี่ครับ ซึ่งได้แก่ xxxxW/xxS/xAMxxx/xxI/Sxx/xxxE/Xx




...ที่ติดหุ้นฮ่องกง ไม่ได้ติดดอย แต่ติดใจนะครับ
Was der Onkel Charlie sagt, das soll man immer tun!
kengvi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 207
ผู้ติดตาม: 23

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณสำหรับมุมมองและข้อคิดดีๆที่แชร์ทุกปีนะครับ 🙏

ขอเสริมเรื่องภาษีต่างประเทศครับ… น่าจะเป็นข้อบังคับมาจากต่างประเทศ International Tax Standard ครับ… Singapore ก็เริ่มเก็บภาษีหุ้นนอกวันเดียวกับไทยครับ 1/1/24

https://www.aseanbriefing.com/news/taxa ... uary-2024/
ภาพประจำตัวสมาชิก
asakuranote
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 100
ผู้ติดตาม: 43

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 7

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับพี่โจ

ขอบคุณมากๆสำหรับบทความดีๆที่มีมาฝากเสมอนะครับ

ผมจะอ่านและนำไปยึดถือปฎิบัติตามให้ดีที่สุดเหมือนอย่างที่เคยทำมาเสมอครับ
"ข้าตวัดกระบี่ครั้งเดียวก็จริงแต่รู้ไหมว่าลับกระบี่มาสิบกว่าปีแล้ว " สุมาอี้

"เวลาขึ้นบันใดให้ก้าวทีละขั้น"ป้าฟู
ภาพประจำตัวสมาชิก
PHATHANIS
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 13
ผู้ติดตาม: 7

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 8

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับ อ.โจ
IamYou
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 206
ผู้ติดตาม: 18

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 9

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับ พี่โจ คิดถึงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
AnieLee
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1442
ผู้ติดตาม: 14

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 10

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับ อจ โจ

ยินดีด้วยสำหรับการขึ้นบ้านใหม่ครับ

ขอให้ อจ มีความสุข สุขภาพแข็งแรงตลอดไปครับ
####################################################
ความสำเร็จจากการลงทุน ไม่ได้เกิดจาก "การซื้อของดี" แต่มาจาก "การซื้อของได้ดี" ต่างหาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Introverted investor
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 117
ผู้ติดตาม: 270

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 11

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับ ขอบคุณสำหรับข้อคิดดีๆเสมอมาครับ :)
Try to be : Full Time Investor, Reader, Writer, Learner & Cultural observer.
......................................
I have a passion for keeping things simple.
......................................
https://www.facebook.com/Introverted.investor
ภาพประจำตัวสมาชิก
Jimmy Rogers
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 74
ผู้ติดตาม: 18

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ขอบคุณบทความดีดีต้อนรับปีใหม่ 2567 ครับ
สวัสดีปีใหม่พี่โจครับ และขอให้สุขภาพแข็งแรง อยู่คู่ TVI ยั่งยืนนานครับบบบ
ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย คุณค่าคือสิ่งที่คุณได้รับ
https://web.facebook.com/profile.php?id=61552196313029
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1736
ผู้ติดตาม: 38

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 13

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ค่ะ...คุณโจ

ขอบคุณที่เตือนสติพวกเราเสมอ...ปีใหม่นี้ และทุกๆ ปีตลอดไป
ขอให้ "คุณโจและทุกๆ ท่านในครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น น่ารัก"
มีความสุขเสมอต้น เสมอปลายแบบนี้
มีสุขภาพแข็งแรงกว่าค่าเฉลี่ยเรื่อยไปนะคะ ^^
ภาพประจำตัวสมาชิก
Andd_Antt
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1
ผู้ติดตาม: 0

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 14

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับ สุขภาพแข็งแรง มีความสุขมากๆครับ อาจารย์ และนลท.ทุกท่านครับ✌🏻
ภาพประจำตัวสมาชิก
ส.สลึง
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3779
ผู้ติดตาม: 75

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 15

โพสต์

จะดี..จะแย่.. เราก็ต้องอยู่ได้
สวัสดีปีใหม่ครับทุกท่าน ;-)
"วิถีรักษ์โลก บ้าน 1 หลัง รถ 1 คัน สาว 1 คน กางเกงใน 1 ตัว" <⁠(⁠ ̄⁠︶⁠ ̄⁠)⁠> ...
ภาพประจำตัวสมาชิก
RogersX
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 333
ผู้ติดตาม: 105

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 16

โพสต์

สวัสดีปีใหม่พี่โจครับ พี่โจเป็นแบบอย่างที่ดีเสมอครับ
Invest like a pro.
mthanaphum
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4
ผู้ติดตาม: 0

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 17

โพสต์

สวัสดีปีใหม่นะครับ พีโจ 🙏🏼
ภาพประจำตัวสมาชิก
IndyVI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 17934
ผู้ติดตาม: 938

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 18

โพสต์

Money talk Special - ฟันธง!! กลยุทธ์เพื่อทางรอดของวีไอในปี 67 -

https://www.youtube.com/watch?app=desktop&v=mJO4BrVUfhw

phpBB [video]
Investment success doesn’t come from “buying good things,” but rather from “buying things well.
# Howard Mark #
xsutt
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 106
ผู้ติดตาม: 13

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 19

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับพี่โจ
ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ ครับ
monsoon
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 597
ผู้ติดตาม: 37

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 20

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับอ.โจ

ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของคุณโจตลอดปีและตลอดไปนะครับ :)
เรียนรู้และเข้าใจ คุณค่าที่แท้จริงของสรรพสิ่ง...
Bungkom
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 19
ผู้ติดตาม: 1

Re: สวัสดีปีใหม่ 2567 และตลาดหุ้นปี 2566 ในมุมมองของผม

โพสต์ที่ 21

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ครับพี่โจ ขอบพระคุณแนวคิด และความรู้ดีๆ ที่ Contribute ให้สังคมเสมอๆครับ
โพสต์โพสต์