..... ยีนเห็นแก่ตัว ....
โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 27, 2023 9:54 am
*** ยีนเห็นแก่ตัว ***
Richard Dawkins
บางส่วนจากหนังสือยีนเห็นแก่ตัว เป็นหนังสือที่ ดร. นิเวศน์พูดถึงบ่อยมากๆ ค่ะ
.
.
.
.
ยีนเป็นอมตะ ยีนเป็นนิรันดร์
ร่างกายเราเป็นเพียงพาหนะส่งต่อยีน ถึงเวลาก็ตายไป ยีนจะกระโดดต่อไปยังรุ่นต่อๆไป หาได้สนใจร่างกายที่ตายไปแล้วไม่
ยีนที่ดีหลายๆ ยีนอาจไปตกอยู่ในกลุ่มยีนที่ไม่ดี และพบว่าตัวเองอาศัยร่วมร่างกายเดียวกับยีนก่อโรคร้ายแรง ทำให้ร่างกายนั้นต้องเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก ยีนที่ดีจึงพลอยถูกทำลายไปด้วย แต่นั่นเป็นเพียงร่างกายเดียวเท่านั้น ยังมีสำเนาของยีนดีนั้นที่ยังอยู่ในร่างกายอื่นๆที่ไม่มียีนโรคร้ายแรงดังกล่าว หลายๆสำเนาของยีนดีๆ โดนฉุดรั้งเพียงเพราะว่า บังเอิญ ไปอยู่ร่วมร่างกายเดียวกันกับพวกยีนที่ไม่ดี ขณะที่ยีนดีอีกหลายสำเนาก็ต้องตายลงเพราะความโชคร้ายแบบอื่นๆ เช่นร่างกายของมันอาจถูกฟ้าผ่าตาย แต่โชคนั้นเกิดขึ้นโดยการสุ่ม และยีนใดที่ไปอยู่ฝั่งแพ้เป็นประจำ ความพ่ายแพ้นั้นก็ไม่ใข่ความโชคร้าย แต่เป็นเพราะมันคือยีนที่ไม่ดีจริงๆ
สังคมของมนุษย์ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎความเห็นแก่ตัวอย่างไร้ปราณีโดยทั่วกันของยีน เป็นสังคมที่โหดร้ายมากถ้าต้องอยู่อาศัย โชคร้ายที่ถึงเราจะไม่เห็นด้วยมากแค่ไหน... แต่เราก็หนีความจริงดังกล่าวไปไม่พ้น
การกินพวกเดียวกันเอง (cannibalism) ของตั๊กแตนตำข้าว, การรอให้เพื่อนตัวใดตัวนึงกระโดดลงน้ำไปก่อน เพื่อรอดูว่ามีแมวน้ำแอบรอกินพวกมันอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งหรือไม่ของเพนกวินจักรพรรดิ ล้วนเป็นพฤติกรรมเอาตัวรอด รวมมาถึงพฤติกรรมเอาตัวรอดต่างๆในมนุษย์ด้วย..ไม่ใช่เพื่อให้สปีชีส์ของตัวเองอยู่รอด ... แต่เป็น เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
。
。
เดิมโลกอาจจะมีตัวที่ยอมตายเพื่อส่วนรวม... แต่ตัวที่เห็นแก่ตัวจะอยู่รอด สืบพันธุ์ต่อไป . เพราะตัวที่ยอมพลีชีพมันตายไปหมดแล้ว
สังคมนั้นๆ จะค่อยๆกลายไปเป็นสังคมของคนเห็นแก่ตัวอย่างช้าๆ โดยที่สิ่งมีชีวิตในสังคมนั้นไม่รู้ตัว เพราะวิวัฒนาการไม่เคยมองการณ์ไกลไปถึงอนาคต..![🥺](//cdn.jsdelivr.net/gh/twitter/twemoji@latest/assets/svg/1f97a.svg)
![😟](//cdn.jsdelivr.net/gh/twitter/twemoji@latest/assets/svg/1f61f.svg)
![😲](//cdn.jsdelivr.net/gh/twitter/twemoji@latest/assets/svg/1f632.svg)
### ความรู้สึกของสมาชิกในสปีชีส์ตัวเอง ว่าควรได้รับการคำนึงถึงจริยธรรมเป็นพิเศษ
....เมื่อเทียบกับสปีชีส์อื่นๆ เป็นความคิดที่หยั่งรากฝังลึกมานานแล้ว การฆาตกรรมผู้อื่นแบบไม่ก่อสงครามไม่ถือเป็นการกระทำอันร้ายแรง![😆](//cdn.jsdelivr.net/gh/twitter/twemoji@latest/assets/svg/1f606.svg)
ตัวอ่อนของมนุษย์ที่ไม่มีความรู้สึกมากไปกว่าอะมีบา จะได้รับการปกป้องทางศาสนาและทางกฎหมายมากยิ่งกว่าที่ลิงชิมแปนซีตัวเต็มวัยจะได้รับ ทั้งๆที่ชิมแปนซีมีความรู้สึกนึกคิด ที่อาจจะพัฒนาไปถึงขั้นเรียนรู้ภาษามนุษย์ได้
เมื่อตัวอ่อนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสปีชีส์ของเรา...ก็เป็นเหตุให้ยอมรับว่าโดยทันทีว่า
ตัวอ่อนนั้นมีสิทธิพิเศษ ซึ่งสิ่งนี้ผม (ดอว์กินส์) มองว่ามันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานที่เหมาะสมเชิงชีววิทยาวิวัฒนาการเลย
.
.
.
..การเห็นแก่ผู้อื่นนั้นน่าจะอยู่ในระดับใดกันแน่??
。
。
สัตว์ในสปีชีส์เดียวกัน ครึ่งนึงจะมาเป็นคู่ครอง อีกครึ่งนึงจะมาเป็นคู่แข่ง เพราะความเป็นสปีชีส์เดียวกัน ... ความต้องการต่างๆจึงเหมือนกัน
จึงมีแนวโน้มที่ยีนจะโปรเเกรมให้แต่ละตัวกำจัดคู่แข่งออกไปเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
... Homo Sapiens เป็นสปีชีส์นึงที่ฆ่ากันเอง แต่ทำไมถึงไม่ฆ่ากันทุกครั้งที่เจอหน้า... นั่นคือความยับยั้งชั่งใจจะเกิดขึ้นตอนไหน
ทฤษฎีเกมจะเข้ามาอธิบายตรงนี้ได้ เพราะ ถ้า a ฆ่า b อาจจะสร้างประโยชน์ให้ c โดยที่ c ไม่ต้องทำอะไรเลย ..สู้ปล่อยให้ b กับ c ไปฆ่ากันเองดีกว่า
จะเกิดแบบนี้ได้ต้องมีกลยุทธ์ที่เสถียรทางวิวัฒนาการ (Evolutionarily Stable Strategy - ESS) เป็นกลยุทธ์ที่สมาชิกในสปีชีส์ ส่วนใหญ่เลือกใช้
กลยุทธ์ที่จะถูกเลือกมาใช้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเสียงส่วนใหญ่ทำแบบไหน.. ตัวอย่างกลยุทธ์คือ โจมตีฝ่ายตรงข้าม, ถ้าหนีให้ไล่ตาม, ถ้าตอบโต้ค่อยวิ่งหนี
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อการ เพิ่มผลประโยชน์สูงสุดให้ตัวเอง
.... กลยุทธ์ที่จะเลือกตามประชากรส่วนใหญ่เช่นนี้สามารถประยุกต์ ใช้ในตลาดหุ้นได้เช่นกัน
หน้า 113 จัดว่าเด็ด ... การสมรู้ร่วมคิด (Conspiracy) ที่จะเป็นกลุ่มเดียวกัน เพื่อผลตอบแทนสูงสุด
... มักจะมีช่องว่างให้มีการละเมิด .. สุดท้าย จะจบลงด้วยการหักหลังกันเองภายใน
. .
.
###
Richard Dawkins
บางส่วนจากหนังสือยีนเห็นแก่ตัว เป็นหนังสือที่ ดร. นิเวศน์พูดถึงบ่อยมากๆ ค่ะ
.
.
.
.
ยีนเป็นอมตะ ยีนเป็นนิรันดร์
ร่างกายเราเป็นเพียงพาหนะส่งต่อยีน ถึงเวลาก็ตายไป ยีนจะกระโดดต่อไปยังรุ่นต่อๆไป หาได้สนใจร่างกายที่ตายไปแล้วไม่
ยีนที่ดีหลายๆ ยีนอาจไปตกอยู่ในกลุ่มยีนที่ไม่ดี และพบว่าตัวเองอาศัยร่วมร่างกายเดียวกับยีนก่อโรคร้ายแรง ทำให้ร่างกายนั้นต้องเสียชีวิตไปตั้งแต่เด็ก ยีนที่ดีจึงพลอยถูกทำลายไปด้วย แต่นั่นเป็นเพียงร่างกายเดียวเท่านั้น ยังมีสำเนาของยีนดีนั้นที่ยังอยู่ในร่างกายอื่นๆที่ไม่มียีนโรคร้ายแรงดังกล่าว หลายๆสำเนาของยีนดีๆ โดนฉุดรั้งเพียงเพราะว่า บังเอิญ ไปอยู่ร่วมร่างกายเดียวกันกับพวกยีนที่ไม่ดี ขณะที่ยีนดีอีกหลายสำเนาก็ต้องตายลงเพราะความโชคร้ายแบบอื่นๆ เช่นร่างกายของมันอาจถูกฟ้าผ่าตาย แต่โชคนั้นเกิดขึ้นโดยการสุ่ม และยีนใดที่ไปอยู่ฝั่งแพ้เป็นประจำ ความพ่ายแพ้นั้นก็ไม่ใข่ความโชคร้าย แต่เป็นเพราะมันคือยีนที่ไม่ดีจริงๆ
สังคมของมนุษย์ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎความเห็นแก่ตัวอย่างไร้ปราณีโดยทั่วกันของยีน เป็นสังคมที่โหดร้ายมากถ้าต้องอยู่อาศัย โชคร้ายที่ถึงเราจะไม่เห็นด้วยมากแค่ไหน... แต่เราก็หนีความจริงดังกล่าวไปไม่พ้น
การกินพวกเดียวกันเอง (cannibalism) ของตั๊กแตนตำข้าว, การรอให้เพื่อนตัวใดตัวนึงกระโดดลงน้ำไปก่อน เพื่อรอดูว่ามีแมวน้ำแอบรอกินพวกมันอยู่ใต้แผ่นน้ำแข็งหรือไม่ของเพนกวินจักรพรรดิ ล้วนเป็นพฤติกรรมเอาตัวรอด รวมมาถึงพฤติกรรมเอาตัวรอดต่างๆในมนุษย์ด้วย..ไม่ใช่เพื่อให้สปีชีส์ของตัวเองอยู่รอด ... แต่เป็น เพื่อให้ตัวเองอยู่รอด
。
。
เดิมโลกอาจจะมีตัวที่ยอมตายเพื่อส่วนรวม... แต่ตัวที่เห็นแก่ตัวจะอยู่รอด สืบพันธุ์ต่อไป . เพราะตัวที่ยอมพลีชีพมันตายไปหมดแล้ว
สังคมนั้นๆ จะค่อยๆกลายไปเป็นสังคมของคนเห็นแก่ตัวอย่างช้าๆ โดยที่สิ่งมีชีวิตในสังคมนั้นไม่รู้ตัว เพราะวิวัฒนาการไม่เคยมองการณ์ไกลไปถึงอนาคต..
### ความรู้สึกของสมาชิกในสปีชีส์ตัวเอง ว่าควรได้รับการคำนึงถึงจริยธรรมเป็นพิเศษ
....เมื่อเทียบกับสปีชีส์อื่นๆ เป็นความคิดที่หยั่งรากฝังลึกมานานแล้ว การฆาตกรรมผู้อื่นแบบไม่ก่อสงครามไม่ถือเป็นการกระทำอันร้ายแรง
ตัวอ่อนของมนุษย์ที่ไม่มีความรู้สึกมากไปกว่าอะมีบา จะได้รับการปกป้องทางศาสนาและทางกฎหมายมากยิ่งกว่าที่ลิงชิมแปนซีตัวเต็มวัยจะได้รับ ทั้งๆที่ชิมแปนซีมีความรู้สึกนึกคิด ที่อาจจะพัฒนาไปถึงขั้นเรียนรู้ภาษามนุษย์ได้
เมื่อตัวอ่อนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสปีชีส์ของเรา...ก็เป็นเหตุให้ยอมรับว่าโดยทันทีว่า
ตัวอ่อนนั้นมีสิทธิพิเศษ ซึ่งสิ่งนี้ผม (ดอว์กินส์) มองว่ามันไม่ได้อยู่บนพื้นฐานที่เหมาะสมเชิงชีววิทยาวิวัฒนาการเลย
.
.
.
..การเห็นแก่ผู้อื่นนั้นน่าจะอยู่ในระดับใดกันแน่??
。
。
สัตว์ในสปีชีส์เดียวกัน ครึ่งนึงจะมาเป็นคู่ครอง อีกครึ่งนึงจะมาเป็นคู่แข่ง เพราะความเป็นสปีชีส์เดียวกัน ... ความต้องการต่างๆจึงเหมือนกัน
จึงมีแนวโน้มที่ยีนจะโปรเเกรมให้แต่ละตัวกำจัดคู่แข่งออกไปเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
... Homo Sapiens เป็นสปีชีส์นึงที่ฆ่ากันเอง แต่ทำไมถึงไม่ฆ่ากันทุกครั้งที่เจอหน้า... นั่นคือความยับยั้งชั่งใจจะเกิดขึ้นตอนไหน
ทฤษฎีเกมจะเข้ามาอธิบายตรงนี้ได้ เพราะ ถ้า a ฆ่า b อาจจะสร้างประโยชน์ให้ c โดยที่ c ไม่ต้องทำอะไรเลย ..สู้ปล่อยให้ b กับ c ไปฆ่ากันเองดีกว่า
จะเกิดแบบนี้ได้ต้องมีกลยุทธ์ที่เสถียรทางวิวัฒนาการ (Evolutionarily Stable Strategy - ESS) เป็นกลยุทธ์ที่สมาชิกในสปีชีส์ ส่วนใหญ่เลือกใช้
กลยุทธ์ที่จะถูกเลือกมาใช้นั้นขึ้นอยู่กับว่าเสียงส่วนใหญ่ทำแบบไหน.. ตัวอย่างกลยุทธ์คือ โจมตีฝ่ายตรงข้าม, ถ้าหนีให้ไล่ตาม, ถ้าตอบโต้ค่อยวิ่งหนี
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อการ เพิ่มผลประโยชน์สูงสุดให้ตัวเอง
.... กลยุทธ์ที่จะเลือกตามประชากรส่วนใหญ่เช่นนี้สามารถประยุกต์ ใช้ในตลาดหุ้นได้เช่นกัน
หน้า 113 จัดว่าเด็ด ... การสมรู้ร่วมคิด (Conspiracy) ที่จะเป็นกลุ่มเดียวกัน เพื่อผลตอบแทนสูงสุด
... มักจะมีช่องว่างให้มีการละเมิด .. สุดท้าย จะจบลงด้วยการหักหลังกันเองภายใน
. .
.
###