จัดพอร์ตรับเงินเฟ้อสูง โดย Mr. Messenger
โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 12, 2022 6:56 am
จัดพอร์ตรับเงินเฟ้อสูง
By คุณ แบงค์ ชยนนท์ รักกาญจนันท์ Finnomina
ช่วงแรกจะมาสรุปมุมมองของแต่ละfund houseกันครับ
เริ่มที่ Fidelity แนะนำ Selective รับมือ Recession ปีหน้ามี3 Theme
1.Navigating the Polycrisis.
-การใช้นโยบายทางการเงินของเฟดที่เข้มงวดจะเป็นความเสี่ยงให้เศรษฐกิจถดถอย
-กรณีพื้นฐานมองว่าจะเกิดRecessionในยุโรปก่อนและเกิดCyclical recessionในสหรัฐ
-แนะนำ เพิ่มน้ำหนักใน US Defensive Equity (Healthcare) , IG Bond ,cash
2.Implications of dollar dominance
-$ที่แข็งค่ากำลังกดดันต่อประเทศที่พึ่งพาการค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มEM
-เมื่อFed pivotหลังเศรษฐกิจUSอ่อนแอ $จะกลับมาอ่อนค่าอีกที
-แนะนำให้ ลดน้ำหนัก Global Equity
3.China transitions
-มาตราการคุมเข้มโควิดจีนน่าจะเริ่มผ่อนคลายลงในปีหน้า
-จะมีมาตรการกระตุ้นมากขึ้น เช่น การลงทุนเพิ่มในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย และ การผ่อนปรนจากPBOC
-เพิ่มน้ำหนัก China Equity , China Bond.
II. MorganStanley เศรษฐกิจEM โตแกร่ง แต่DMน่าเป็นห่วง
Key Theme :The Year of Yield
เศรษฐกิจของประเทศพัฒนา(DM) จะเข้าใกล้recession ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา(EM) กำลังฟื้นตัว
Morgan Stanley มองว่าไม่recession
สินทรัพย์ที่ชอบ ได้แก่ EM Gov Bond,EU Gov Bond , US Gov Bond / IG Bond
EM & Japan Equity , Securitization
III. J.P.Morgan เศรษฐกิจแย่ แต่ตลาดหุ้นดี
Recessionไม่ลุกลามทำให้เศรษฐกิจถดถอย
-ภาคการเงิน ตอน Subprime มีการทำleverageสูงเกินไป แต่ตอนนี้ปล่อยกู้ไม่สูงเกินไป
-ตลาดหุ้น มองFEDจะขึ้นจาก3.75%ไปที่5% ดังนั้นครั้งหน้าจะขึ้น 0.5% และปีหน้าจะขึ้นครั้งละ0.25% 3ครั้ง
-การที่J.P.Morganมองว่าFEDขึ้นแค่5%เพราะคนกู้ซื้อบ้านจะรับไม่ไหวถ้าดอกเบี้ยFEDสูงกว่านี้ ตอนนี้ก็จ่าย6.5%
ถ้าขึ้นอีกก็อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยถึง8% มองว่าดอกเบี้ยจะพีคสุด พค 66
ซึ่งเป็นจังหวะให้shop ตราสารหนี้ช่วงนั้น
Asset ที่แนะนำให้ลงทุน
Long Duration Bond : Yield น่าสนใจ
High Dividend Equity : หาอะไรที่ชัวร์ เหมือนกับ Fidelity
EM Equity ถูกทั้งพิจารณาจาก PE ,PBV , EYG และจีนผ่อนคลายมาหนุนด้วย
Sustainable : Green Energy พลังงานสะอาดยังมีแรงซื้อต่อเนื่อง ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
IV: Credit Suisse โลกหลายขั้ว หมดยุคดอกเบี้ยต่ำ กดดันเศรษฐกิจระยะยาว
1.New World Order โลกแบ่งเป็นหลายขั้ว สนใจเรื่องผลประโยชน์ภายในประเทศมากขึ้น
การค้าระหว่างประเทศจะผ่านจุดพีคไปแล้ว และไม่ใช่เครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักเช่นเดิม
2.Out with the old Monetary Regime
-หมดยุคเงินเฟ้อต่ำ จากตลาดแรงงานแข็งแกร่ง ทำให้แม้การบริโภคและราคาพลังงานชะลอตัว แต่ค่าจ้าง
จะยังเดินหน้าหนุนเงินเฟ้อให้สูงกว่าอดีต
-หมดยุคอัตราดอกเบี้ยต่ำเนื่องจากเงินเฟ้อยังสูงกว่าในอดีต และเศรษฐกิจUSไม่เข้าสู่Recession
FEDเลยไม่ลดดอกเบี้ยในปีหน้า
3.Growth outlook dims
-Geopoliticalที่ตึงเครียดและการdecoupling
-อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่สูง
-เศรษฐกิจชะลอตัวลง
-Zero Covidในจีน
ทำให้มุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะสั้นและกลางอยู่ในระดับที่ต่ำ
สรุป
Underweight : EU Equity ,Japan Equity,HY & Frontier Bond
Recommend buy :
1.DM Investment Grade ,
2.Equity : A tale of two halves ครึ่งปีแรก ลงหุ้นที่Pricing Power สูง เช่น Healthcare,Consumer staple
ครึ่งปีหลัง Fedหยุดขึ้นดอกเบี้ย ค่อยเพิ่มน้ำหนักหุ้นGrowth
3.LATAM เพราะขึ้นดอกเบี้ยก่อน ก็มีกระสุนให้มีโอกาสลดดอกเบี้ยก่อน ราคาถูก อันนี้ คุณแบงค์ บอกว่าไม่เชื่อ
V: Allianz เก่งเรื่องตราสารหนี้
มองว่า Ready to Reset
1.Recession is on the Horizon
-US และ ทั่วโลกจะเข้าสู่Recession ขณะที่จีนยังถูกกดดันจาก Zero-Covid
-Fed ยินดีปล่อยให้อัตราการว่างงานสูงกว่า4%เพราะต้องการคุมเงินเฟ้อ
-US มีศักยภาพในการรองรับการขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่าประเทศอื่น
-TINA effect ไม่จริงอีกต่อไป (ความเชื่อว่า อยากรวยต้องซื้อหุ้น) คนออกไปจากตลาดหุ้นไปทำอย่างอื่นก็รวยได้
-Bear Market ralleyเกิดขึ้นจากข่าวร้าย แต่EPS Revisionยังไม่สะท้อนrecessionเต็มที่
2.But consider planning for the recovery
-ตลาดมักกังวลเรื่องร้ายมากเกินไป
-ระยะยาว ยังมีแนวการลงทุนที่เติบโตได้เกี่ยวกับ New Old Normal ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ
เช่น พลังงานสะอาด อาหาร Cyber Security
-ทำให้การเข้าสู่recession จากการขึ้นดอกเบี้ยสูงสร้างโอกาสด้านการลงทุน หาจังหวะเข้าลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว
สินทรัพย์ที่แนะนำซื้อ
1.US Treasury then IG ให้ดูTreasuryของสหรัฐก่อน เพราะมีหลายประเทศเช่นUK,EU,EMรับการขึ้นดอกเบี้ยได้น้อยกว่าUS ก่อนที่จะพิจารณาลงทุน Investment gradeเมื่อดอกเบี้ยหยุดขึ้น
2.High conviction in Long term Theme
New old Normal เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ: พลังงานสะอาด อาหาร Cybersecurity เหมาะเข้าลงทุนในช่วงเข้าสู่
recessionแล้ว เป็นโครงหลักของพอร์ตในการเติบโตระยะยาว
VI: BlackRock ไม่ฟันธงว่าRecession เพราะกองที่นี่เป็น Passive Fund , ETF ซึ่งล้อไปกับตลาด
EPS หุ้นยังแย่ได้อีก แต่Yieldตราสารระยะสั้นน่าสนใจ
1.Pricing the Damage เศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้น EPSยังไม่สะท้อน
underweight :Developed market equities
2.Rethinking Bonds คิดถึงBond
Overweight : IG Bond , ST GOV Bond
Underweight : LT Gov Bond
3.Living with Inflation เราต้องอยู่กับเงินเฟ้ออีกนาน
Overweight : Real Asset , TIPs อะไรที่linkกับเงินเฟ้อได้ก็น่าสนใจ
VII : Bank of America
มองว่าหุ้นยังลงอยู่ในครึ่งปีแรก , Credit shock เวลาเกิดRecession ใครจะเจ๊งบ้าง
ให้ลงทุนในS&P500 แบ่งเป็น3ไม้ คือ 3600 , 3300 , 3000
หมายถึงไม้แรก ต้องรอลงมา10%ก่อนค่อยเข้า
ส่วนครึ่งปีหลัง FEDจะเริ่มลดดอกเบี้ย
หุ้นเกี่ยวกับการบริโภค จับจ่ายใช้สอย จะไม่ดี
แต่หุ้นTech จะกลับตัวมาดีในปลายปีหน้าและปี2024
By คุณ แบงค์ ชยนนท์ รักกาญจนันท์ Finnomina
ช่วงแรกจะมาสรุปมุมมองของแต่ละfund houseกันครับ
เริ่มที่ Fidelity แนะนำ Selective รับมือ Recession ปีหน้ามี3 Theme
1.Navigating the Polycrisis.
-การใช้นโยบายทางการเงินของเฟดที่เข้มงวดจะเป็นความเสี่ยงให้เศรษฐกิจถดถอย
-กรณีพื้นฐานมองว่าจะเกิดRecessionในยุโรปก่อนและเกิดCyclical recessionในสหรัฐ
-แนะนำ เพิ่มน้ำหนักใน US Defensive Equity (Healthcare) , IG Bond ,cash
2.Implications of dollar dominance
-$ที่แข็งค่ากำลังกดดันต่อประเทศที่พึ่งพาการค้าเป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มEM
-เมื่อFed pivotหลังเศรษฐกิจUSอ่อนแอ $จะกลับมาอ่อนค่าอีกที
-แนะนำให้ ลดน้ำหนัก Global Equity
3.China transitions
-มาตราการคุมเข้มโควิดจีนน่าจะเริ่มผ่อนคลายลงในปีหน้า
-จะมีมาตรการกระตุ้นมากขึ้น เช่น การลงทุนเพิ่มในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย และ การผ่อนปรนจากPBOC
-เพิ่มน้ำหนัก China Equity , China Bond.
II. MorganStanley เศรษฐกิจEM โตแกร่ง แต่DMน่าเป็นห่วง
Key Theme :The Year of Yield
เศรษฐกิจของประเทศพัฒนา(DM) จะเข้าใกล้recession ขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา(EM) กำลังฟื้นตัว
Morgan Stanley มองว่าไม่recession
สินทรัพย์ที่ชอบ ได้แก่ EM Gov Bond,EU Gov Bond , US Gov Bond / IG Bond
EM & Japan Equity , Securitization
III. J.P.Morgan เศรษฐกิจแย่ แต่ตลาดหุ้นดี
Recessionไม่ลุกลามทำให้เศรษฐกิจถดถอย
-ภาคการเงิน ตอน Subprime มีการทำleverageสูงเกินไป แต่ตอนนี้ปล่อยกู้ไม่สูงเกินไป
-ตลาดหุ้น มองFEDจะขึ้นจาก3.75%ไปที่5% ดังนั้นครั้งหน้าจะขึ้น 0.5% และปีหน้าจะขึ้นครั้งละ0.25% 3ครั้ง
-การที่J.P.Morganมองว่าFEDขึ้นแค่5%เพราะคนกู้ซื้อบ้านจะรับไม่ไหวถ้าดอกเบี้ยFEDสูงกว่านี้ ตอนนี้ก็จ่าย6.5%
ถ้าขึ้นอีกก็อาจต้องจ่ายดอกเบี้ยถึง8% มองว่าดอกเบี้ยจะพีคสุด พค 66
ซึ่งเป็นจังหวะให้shop ตราสารหนี้ช่วงนั้น
Asset ที่แนะนำให้ลงทุน
Long Duration Bond : Yield น่าสนใจ
High Dividend Equity : หาอะไรที่ชัวร์ เหมือนกับ Fidelity
EM Equity ถูกทั้งพิจารณาจาก PE ,PBV , EYG และจีนผ่อนคลายมาหนุนด้วย
Sustainable : Green Energy พลังงานสะอาดยังมีแรงซื้อต่อเนื่อง ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ
IV: Credit Suisse โลกหลายขั้ว หมดยุคดอกเบี้ยต่ำ กดดันเศรษฐกิจระยะยาว
1.New World Order โลกแบ่งเป็นหลายขั้ว สนใจเรื่องผลประโยชน์ภายในประเทศมากขึ้น
การค้าระหว่างประเทศจะผ่านจุดพีคไปแล้ว และไม่ใช่เครื่องยนต์เศรษฐกิจหลักเช่นเดิม
2.Out with the old Monetary Regime
-หมดยุคเงินเฟ้อต่ำ จากตลาดแรงงานแข็งแกร่ง ทำให้แม้การบริโภคและราคาพลังงานชะลอตัว แต่ค่าจ้าง
จะยังเดินหน้าหนุนเงินเฟ้อให้สูงกว่าอดีต
-หมดยุคอัตราดอกเบี้ยต่ำเนื่องจากเงินเฟ้อยังสูงกว่าในอดีต และเศรษฐกิจUSไม่เข้าสู่Recession
FEDเลยไม่ลดดอกเบี้ยในปีหน้า
3.Growth outlook dims
-Geopoliticalที่ตึงเครียดและการdecoupling
-อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อที่สูง
-เศรษฐกิจชะลอตัวลง
-Zero Covidในจีน
ทำให้มุมมองต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะสั้นและกลางอยู่ในระดับที่ต่ำ
สรุป
Underweight : EU Equity ,Japan Equity,HY & Frontier Bond
Recommend buy :
1.DM Investment Grade ,
2.Equity : A tale of two halves ครึ่งปีแรก ลงหุ้นที่Pricing Power สูง เช่น Healthcare,Consumer staple
ครึ่งปีหลัง Fedหยุดขึ้นดอกเบี้ย ค่อยเพิ่มน้ำหนักหุ้นGrowth
3.LATAM เพราะขึ้นดอกเบี้ยก่อน ก็มีกระสุนให้มีโอกาสลดดอกเบี้ยก่อน ราคาถูก อันนี้ คุณแบงค์ บอกว่าไม่เชื่อ
V: Allianz เก่งเรื่องตราสารหนี้
มองว่า Ready to Reset
1.Recession is on the Horizon
-US และ ทั่วโลกจะเข้าสู่Recession ขณะที่จีนยังถูกกดดันจาก Zero-Covid
-Fed ยินดีปล่อยให้อัตราการว่างงานสูงกว่า4%เพราะต้องการคุมเงินเฟ้อ
-US มีศักยภาพในการรองรับการขึ้นดอกเบี้ยได้มากกว่าประเทศอื่น
-TINA effect ไม่จริงอีกต่อไป (ความเชื่อว่า อยากรวยต้องซื้อหุ้น) คนออกไปจากตลาดหุ้นไปทำอย่างอื่นก็รวยได้
-Bear Market ralleyเกิดขึ้นจากข่าวร้าย แต่EPS Revisionยังไม่สะท้อนrecessionเต็มที่
2.But consider planning for the recovery
-ตลาดมักกังวลเรื่องร้ายมากเกินไป
-ระยะยาว ยังมีแนวการลงทุนที่เติบโตได้เกี่ยวกับ New Old Normal ที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ
เช่น พลังงานสะอาด อาหาร Cyber Security
-ทำให้การเข้าสู่recession จากการขึ้นดอกเบี้ยสูงสร้างโอกาสด้านการลงทุน หาจังหวะเข้าลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว
สินทรัพย์ที่แนะนำซื้อ
1.US Treasury then IG ให้ดูTreasuryของสหรัฐก่อน เพราะมีหลายประเทศเช่นUK,EU,EMรับการขึ้นดอกเบี้ยได้น้อยกว่าUS ก่อนที่จะพิจารณาลงทุน Investment gradeเมื่อดอกเบี้ยหยุดขึ้น
2.High conviction in Long term Theme
New old Normal เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ: พลังงานสะอาด อาหาร Cybersecurity เหมาะเข้าลงทุนในช่วงเข้าสู่
recessionแล้ว เป็นโครงหลักของพอร์ตในการเติบโตระยะยาว
VI: BlackRock ไม่ฟันธงว่าRecession เพราะกองที่นี่เป็น Passive Fund , ETF ซึ่งล้อไปกับตลาด
EPS หุ้นยังแย่ได้อีก แต่Yieldตราสารระยะสั้นน่าสนใจ
1.Pricing the Damage เศรษฐกิจถดถอยเกิดขึ้น EPSยังไม่สะท้อน
underweight :Developed market equities
2.Rethinking Bonds คิดถึงBond
Overweight : IG Bond , ST GOV Bond
Underweight : LT Gov Bond
3.Living with Inflation เราต้องอยู่กับเงินเฟ้ออีกนาน
Overweight : Real Asset , TIPs อะไรที่linkกับเงินเฟ้อได้ก็น่าสนใจ
VII : Bank of America
มองว่าหุ้นยังลงอยู่ในครึ่งปีแรก , Credit shock เวลาเกิดRecession ใครจะเจ๊งบ้าง
ให้ลงทุนในS&P500 แบ่งเป็น3ไม้ คือ 3600 , 3300 , 3000
หมายถึงไม้แรก ต้องรอลงมา10%ก่อนค่อยเข้า
ส่วนครึ่งปีหลัง FEDจะเริ่มลดดอกเบี้ย
หุ้นเกี่ยวกับการบริโภค จับจ่ายใช้สอย จะไม่ดี
แต่หุ้นTech จะกลับตัวมาดีในปลายปีหน้าและปี2024