Achilles’ heel/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1895
ผู้ติดตาม: 315

Achilles’ heel/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ตามตำนานเก่าแก่ของกรีก Achilles คือวีรบุรุษของกรีกในสงคราม Trojan แห่งเมือง Troy และเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเทพนิยาย Iliad ของนักประพันธ์เอก Homer แม่ของ Achilles คือเทพธิดา Thetis และพ่อก็คือ Peleus กษัตรแห่งเมือง Myrmidons ในตำนานเล่าว่าในตอนที่อะคิลเลสเกิด Thetis พยายามทำให้เขาเป็นอมตะฆ่าไม่ตายโดยการจับเท้าของเขาห้อยศีรษะและจุ่มลงในแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ Styx ซึ่งทำให้ทุกส่วนของร่างกายทนทานต่อศาสตราวุธยกเว้นส้นเท้าที่ถูกมือของแม่จับไว้และนี่คือ “จุดอ่อนสำคัญ” ที่ทำให้เขาถูกฆ่าตายโดย Paris นักรบฝ่ายตรงข้ามที่ยิงธนูอาบยาพิษเข้าไปที่ส้นเท้าและทำให้อะคิลเลสเสียชีวิต ตำนานของ Achilles ที่เล่านั้น ผมก็ไม่ยืนยันว่าถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์เพราะผมไม่ใช่นักวรรณกรรมแต่เรื่องนี้ต่อมากลายเป็นการเปรียบเทียบกับ จุดอ่อนเล็ก ๆ ของคนที่อาจจะดูว่าแข็งแกร่งที่สุดในแทบทุกด้านแต่มันก็ทำให้ตายได้ ในประวัติศาสตร์ของทุกเรื่องนั้น เราได้เห็นคนที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในทุกวงการนั้น ต่างก็มีคนที่ “ตกม้าตาย” ด้วยเรื่อง “เล็ก ๆ” ที่เป็นจุดอ่อน เช่น ความประพฤติส่วนตัวบางอย่าง เป็นต้น เช่นเดียวกัน สถาบันหรือบริษัทหรือทีมงานนั้น บ่อยครั้งก็ประสบกับสถานการณ์เดียวกัน คือ “ตายน้ำตื้น” อาจจะเนื่องจากไม่ได้ปิดจุดอ่อนเพียงพอและจุดอ่อนนั้น “บังเอิญ” ถูก “ธนู” ยิง ทำให้ “ล่ม” หรือล้มเหลว

ในเรื่องของการลงทุนนั้น “ส้นเท้าของอิคิลเลส” นั้น เป็นสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นบ่อยมากกว่าวงการอื่น ๆ เหตุผลก็เพราะว่าธุรกิจการลงทุนนั้นเป็นเรื่องของ “ความเสี่ยง” มหาศาลสารพัด แต่เรื่องอะคิลเลสฮีล ไม่ใช่ความเสี่ยงทั่ว ๆ ไปที่เกิดจากความผันผวนรายวัน รายเดือน หรือรายปีในเรื่องของผลตอบแทนของการลงทุน ที่ดีบ้างแย่บ้าง แต่ไม่มาก ความหมายของ อะคิลเลสฮีลนั้น จะเป็นเรื่องของความเสี่ยงที่รุนแรงมากที่ทำให้ถึงกับ “ตาย” หรือเจ็บหนัก “สาหัส” แต่เป็นเรื่องที่ “เกิดยาก” โอกาสเกิดค่อนข้างน้อยและบ่อยครั้งเจ้าตัวหรือนักลงทุน “คิดไม่ถึง” เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้น “ปลอดภัยมาก” หรืออย่างน้อยก็ไม่น่าจะเกิดความเสียหายหนักเนื่องจากเขาเชื่อในการวิเคราะห์ของตนเองว่าเขา มี “Margin Of Safety” เพียงพอ และเขาก็ทำสำเร็จมาทุกครั้ง เปรียบเทียบไปก็คงคล้าย ๆ กับอะคิลเลสที่เป็นนักรบที่เก่งกล้ามากและมีเกราะป้องกันรอบตัว “จะแพ้ได้อย่างไร” แต่ประวัติศาสตร์ก็บอกว่าในที่สุดเขาก็ต้องตายหรือแพ้เพราะแผลเล็ก ๆ ที่ส้นเท้า

ภาวะตลาดหุ้นที่ตกต่ำอย่างรุนแรงด้วยสาเหตุหลาย ๆ ประการนั้น มักจะก่อให้เกิดสถานการณ์อะคิลเลสฮีลมากขึ้นมากแต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เหตุการณ์และเหตุผลเฉพาะตัวของแต่ละคนและแต่ละบริษัทก็เป็นส่วนที่สำคัญไม่แพ้กัน การวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งและการกำหนดกลยุทธ์ของพอร์ตโฟลิโอให้เหมาะสมน่าจะเป็นการป้องกันเรื่องของอะคิลเลสฮีลได้ดีที่สุดอย่างหนึ่ง เรื่องแรกก็คือ ไม่ว่าเราจะคิดว่าเราเก่งหรือมีความสามารถขนาดไหนในการเลือกหุ้นลงทุน “อย่าใส่ไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียว” เพราะการลงทุนในหุ้นตัวเดียวหรือสองตัวนั้น มีโอกาสที่หุ้นตัวนั้นจะตกต่ำลงอย่างหนักแม้ว่าเราจะคิดว่ามันเป็นบริษัทที่ดีสุดยอดและไม่น่ามีอะไรหรือบริษัทไหนจะมาทำลายมันได้ เหตุผลก็คือ บางทีเราคิดไม่ถึง อย่าลืมว่า “เหนือฟ้ายังมีฟ้า” บริษัทที่เก่งและโดดเด่นกว่าบริษัทอื่นนั้นบางทีก็ถูกทำลายโดยรัฐหรืออำนาจเหนือรัฐเช่นองค์กรนานาชาติได้ ดังนั้น เราจึงไม่ควรทำไม่ว่าในกรณีใด ยกเว้นแต่ว่า การลงทุนนั้นถึงหมดไปก็ไม่มีผลอะไรกับความมั่งคั่งหรือความสุขส่วนตัวของตนเอง เช่น มันเป็นเงินเล็กน้อยมาก เป็นต้น

คนที่เล่นหุ้นหรือลงทุนโดยใช้มาร์จินหรือกู้ยืมมาเต็มวงเงินที่จะใช้ได้ เช่น มีเงิน 100 แต่ลงทุนถึง 200 บ่อย ๆ หรือแทบจะตลอดเวลานั้น ผมก็คิดว่าเขากำลังเป็นอะคิลเลสที่ไม่คิดว่าจะถูกยิงธนูเข้าไปที่ส้นเท้า เขาคิดว่าวิธีลงทุนโดยใช้มาร์จินเต็มวงเงินนั้นเป็นวิธีที่จะทำกำไรได้เป็นทวีคูณเพราะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากเพียง 6-7% เป็นอย่างมากขณะที่ผลตอบแทนการลงทุนของเขาที่ทำได้มาหลาย ๆ ปีติดต่อกันนั้นสูงมากเป็นหลายสิบเปอร์เซ็นต์ต่อปี นอกจากนั้น เขาคิดว่าหุ้นตัวที่เขาลงทุนอาจจะหลายตัวนั้น น่าจะให้ผลตอบแทนที่สูงมากและโอกาสที่จะตกต่ำลงนั้นมีน้อย ถ้าจะตกก็คงตกลงมาบ้าง 10-20% เป็นอย่างมาก ซึ่งเขาก็อาจจะเพียงแต่ต้องรอให้มันผ่านไป เขามั่นใจว่าในที่สุดราคามันก็จะขึ้นไปและทำกำไรให้เขาได้มหาศาล ลึก ๆ แล้ว เขาอาจจะคิดว่าอาจจะมีโอกาสซัก 1% ที่เขาจะถูกคอลมาร์จินหรือถูกเรียกเงินเพิ่มบ้างซึ่งเขาจะสามารถ “จัดการได้” โอกาสที่จะถูกฟอร์ชเซลหรือบังคับขายหุ้นนั้นแทบจะเป็น 0 แต่ทั้งหมดนั้น มันก็อาจจะเกิดขึ้นได้ในยามที่เกิดความผิดปกติมากในหุ้นหรือในตลาดหลักทรัพย์ และถ้ามันเกิดขึ้นก็อาจจะกลายเป็น “หายนะ” ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ผมก็คิดว่ามันคงกำลังเกิดขึ้นกับ “อะคิลเลส” หลายคน

คนที่เล่น “หุ้นปั่น” เล่นหุ้นที่มีสตอรี่ที่ไม่น่าเชื่อถือ และเป็นหุ้นที่มีราคาแพงในทุกมิติเช่น PE สูงลิ่วเป็น 50 เท่าขึ้นไปหรือยังไม่มีกำไรเลย ค่า PB สูงลิ่วตั้งแต่ 4-5 เท่าขึ้นไป ปันผลจ่ายไม่ถึง 1% ของราคาหุ้น แบบนี้ผมไม่ถือว่าเป็นอะคิลเลส เหตุเพราะว่าดูแล้วโอกาสที่จะขาดทุนสูงมากตั้งแต่แรก โอกาสชนะนั้นน้อยมากยกเว้นเขาจะเป็นเจ้ามือคุมเกมเอง แต่คนที่เข้าไปซื้อหุ้นแพงโดยที่มีโครงการสนับสนุนชัดเจนเช่น ได้โครงการพลังงานทดแทนเป็นจำนวนเมกกะวัตที่สูงและคาดการณ์ว่าจะทำกำไรได้สูงมากจนคุ้มค่ากับราคาหุ้นที่สูงมาก ขณะเดียวกันก็คาดว่าบริษัทจะสามารถขยายตัวไปได้เร็วและมากเนื่องจากอุตสาหกรรมกำลังเป็น “เมกาเทรน์” ทุกอย่างดูแล้ว “ไม่พลาด” เขาจึงทุ่มลงทุนอาจจะเรียกว่า “ตีแตก” และอาจจะใช้มาร์จินด้วยเพื่อเพิ่มกำไรเข้าไปอีกทวีคูณ เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดว่าถ้าจะพลาดเป้าหมายบ้างก็คงไม่มากและไม่อันตรายเพราะนี่คือโครงการจากภาครัฐที่ “ไม่มีเบี้ยว” ทุกอย่างลงตัวแล้วตามสัญญา ในกรณีแบบนี้ผมก็คิดว่าเขากำลังเป็นอะคิลเลสที่คิดว่าไม่มีทางแพ้ และนี่ก็คืออันตรายเพราะราคาหุ้นที่แพงมากนั้นทำให้ทุกอย่างของโครงการต้องสมบูรณ์แบบ หากมีอะไรผิดพลาด หุ้นอาจจะเสียหายหนักได้

การลงทุนหุ้นที่ “ไม่มีวันแพ้” ในแง่ของผลประกอบการ เพราะมันเป็นบริษัทใหญ่ระดับ 1 ใน 10 ของประเทศ มันเป็นสินค้าที่จำเป็นและตัวบริษัทนั้นใหญ่กว่าคู่แข่งมาก มันเป็นหุ้นบลูชิพที่ “ไม่มีความเสี่ยง” ทั้งด้านของความต้องการสินค้า การแข่งขัน และทางด้านการเงิน บริษัทได้พิสูจน์ตัวเองมานานว่าทำกำไรได้ต่อเนื่องและมีปันผลที่น่าประทับใจและจ่ายมาได้อย่างสม่ำเสมอไม่เคยขาดและสูงกว่าการฝากเงินและการซื้อพันธบัตร ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ธุรกิจมันไม่ได้อิ่มตัวแต่ยังโต บางทียังโตมากด้วยซ้ำ ดังนั้น อะคิลเลสจึงทุ่มซื้อหุ้น เขาคิดว่ากำไรจากหุ้นอาจจะไม่ได้สูงหรือเร็วมากเนื่องจากเป็นหุ้นที่ตัวใหญ่มากไม่สามารถที่ใครจะไล่ราคาได้แต่โอกาสที่จะลดลงนั้นน้อยมาก กำไรจากหุ้นอาจจะไม่สูงหรือเร็วโดยตัวของมันเอง แต่ถ้าใช้มาร์จินเต็มที่เพื่อขยายกำไร ผลตอบแทนจากการลงทุนก็จะสูงลิ่วได้เหมือนกันโดยที่ “ความเสี่ยงต่ำ” และนี่ก็คือหุ้นยักษ์ใหญ่อย่างหุ้นพลังงานตัวใหญ่และหุ้นสื่อสารในตลาดหลักทรัพย์ ผมคงไม่ต้องพูดว่าความคิดที่ว่า “ไม่เสี่ยง” นั้นผิดพลาดแค่ไหน เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้หุ้นทั้งสองกลุ่มที่ทุกคนเชื่อมาตลอดว่ามั่นคงมากตกลงมาอย่างหนักด้วยเหตุผลคนละเรื่องผสมกับภาวะตลาดหุ้นที่เลวร้ายซึ่งไม่ควรจะเกิดพร้อมกันก็มาเกิดขึ้น “ธนู” มันปักเข้าไปที่ส้นเท้าอย่างไม่คาดคิด ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับการที่คนเข้าไปเล่นหุ้นด้วยมาร์จินเพราะคิดว่าตัวหุ้นมัน “ไม่เสี่ยง”

การที่จะสามารถหลีกเลี่ยงการเป็นอะคิลเลสได้นั้น เราต้องไม่คิดว่าเราเป็นอะคิลเลส อย่ามั่นใจในตัวเองเกินไปเพราะไม่มีทางที่เราจะรู้ทุกสิ่ง พยายามที่จะคิดถึง “จุดตาย” ของทุกการลงทุนและพอร์ตของเราตลอดเวลา อย่าลืมว่ายังเหลือ “ส้นเท้า” ของอะคิลเลสที่ยังไม่ได้รับการปกป้อง ดังนั้น ทำอะไรจึงต้อง “เผื่อเหลือเผื่อขาด” อย่าหวังผลเลิศและหวังรวยเร็วเกินไปเพราะการรวยช้าลงมาหน่อยนั้น ไม่ได้มีความสุขน้อยลงเลย แต่การล้มเหลวนั้นมันเป็นต้นทุนที่สูงเกินไปแม้ว่าโอกาสที่เกิดขึ้นอาจจะน้อยมาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 19

Re: Achilles’ heel/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ทันเหตุการณ์ ขอบคุณครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
kit556
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 274
ผู้ติดตาม: 0

Re: Achilles’ heel/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณ อาจารย์สำหรับบทความครับ
อ่านแล้วเจ็บเอ็นร้อยหวายขึ้นมาทันที :D
Kritsada
Eakchai56
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 103
ผู้ติดตาม: 0

Re: Achilles’ heel/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ยอดเยี่ยม
jonny11
Verified User
โพสต์: 572
ผู้ติดตาม: 1

Re: Achilles’ heel/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ยอดเยี่ยมครับจาร
ภาพประจำตัวสมาชิก
RnD-VI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 6466
ผู้ติดตาม: 628

Re: Achilles’ heel/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณมากครับอาจารย์
วินัย + แผนการ + ลงรายละเอียด => ขุดหุ้น
โพสต์โพสต์