ที่สุดของ VI / คนขายของ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
คนขายของ
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 792
ผู้ติดตาม: 123

ที่สุดของ VI / คนขายของ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ที่สุดของ VI / โดย คนขายของ

พัฒนาการของการเป็นนักลงทุนนั้นผมเชื่อว่าคล้ายกับช่วงชีวิตของคนเราที่มีรายละเอียดแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุ เช่นตอนเป็นเด็กก็ชอบของเล่น เป็นวัยรุ่นก็สนใจเรื่องแฟน โตมาหน่อยก็เรื่องหน้าที่การงาน หรือจะว่าอีกอย่าง พัฒนาการของนักลงทุนคงคล้ายกับวงจรผีเสื้อซึ่งตอนแรกเกิดมาเป็นหนอนแล้วกลายมา เป็นตัวอ่อน มาเป็นดักแด้ แล้วค่อยกลายมาเป็นผีเสื้อที่สวยงาม ในบทความนี้ผมได้ลองแบ่งพัฒนาการ การลงทุนออกเป็นสี่ระยะด้วยกัน เราลองมาดูกันนะครับว่าแต่ละช่วงมีรายละเอียดเป็นอย่างไรกันบ้าง

พัฒนาการแรกขอเรียกว่าระยะ “ตั้งหลัก” หากคุณเป็นคนที่เรียนจบมาที่บ้านไม่ได้มีเงินทองมากองให้ ไม่มีกิจการร้านรวงอะไร ส่วนใหญ่หลังจากจบมาแล้วได้ใช้เงินไปกับการเที่ยวเตร่ตามประสาคนเริ่มมี เงินเดือนได้สักปีสองปีก็เริ่มรู้สึกตัวได้ว่าต้องเริ่มเก็บออม ในระยะนี้บางคนเริ่มสนใจลงทุนบ้างแล้วแต่ก็ รู้สึกว่าผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนนั้นน้อยกว่ารายได้จากการทำงานมากๆ การประหยัดอดออมจึงเป็น หัวใจหลักสำหรับในช่วงนี้ที่จะทำให้มูลค่าพอร์ตเติบโตไปได้ ความรู้ในการลงทุนก็มีไม่มาก ดังนั้นโอกาส ขาดทุนมีสูงมากและอาจจะเป็นตัวฉุดมากกว่าตัวเสริมความมั่งคั่งด้วยซ้ำ

พัฒนาการที่สองขอเรียกว่าระยะ “วัยเรียน” ในช่วงนี้หลังจากที่การออมเริ่มเห็นผล จะเป็นช่วงที่นักลงทุน ขยันเสาะหาความรู้เรื่องการลงทุนมากขึ้นเพราะเงินลงทุนก้อนเริ่มใหญ่ขึ้น แต่เนื่องจากความรู้และ ประสบการณ์ยังไม่มาก ผลก็เลยออกมาแบบแพ้ชนะสลับกันไป ได้มาบ้างเสียไปบ้าง ขายตัวนั้นไปได้กำไรมา ซื้อตัวใหม่มากลับขาดทุน ทั้งนี้เพราะยังเห็น “ภาพใหญ่” ของการลงทุนไม่ชัดเจน ยังเหมือนตาบอดคลำช้าง อยู่ มองการลงทุนออกเป็นส่วนๆ ความรู้ที่สะสมมายังไม่ตกผลึก ทำให้ต้องเร่งขวนขวายมากขึ้น รายได้จาก การทำงานกับรายได้จากการลงทุน เริ่มมีน้ำหนักใกล้เคียงกัน การออมยังคงมีความสำคัญต่อการสร้าง ความมั่งคั่ง

พัฒนาการที่สามขอเรียกว่าระยะ “เติบโต” หลังจากอดออมมานาน พัฒนาความรู้เรื่องการลงทุนมาพอสมควร เริ่มมีความชำนาญมากขึ้น ไม่ได้ตัดสินใจในการลงทุนด้วยอะไรเพียงอย่างเดียวเช่น ดูเฉพาะค่า PE หรือ ดูเฉพาะเงินปันผลของบริษัท แต่มองภาพรวมของธุรกิจ ทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม เริ่มศึกษาประวัติผู้บริหาร ทำการวิเคราะห์บริษัททั้งในแง่อัตราส่วนทางการเงิน และ ความสามารถในการ แข่งขัน พอร์ตเริ่มโตต่อเนื่องยาวนานหลายปี เป็นช่วงสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองและครอบครัว รายได้จาก งานประจำเริ่มมีน้ำหนักน้อยลงมาก บางคนพอร์ตโตมากจนมีอิสระภาพทางการเงินและออกมาเป็นนักลงทุน แบบ “Full Time”

มีหลายๆคนคงคิดว่าที่สุดของชีวิตการเป็นนักลงทุนคงมาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ คือการมีอิสระภาพทางการเงิน และชีวิตก็สร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองไปเรื่อยๆ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยมุ่งเป็นพันเป็นหมื่นประมาณนั้น ผมลองศึกษาชีวิตของนักลงทุนชั้นเซียนระดับโลก หลายคนมีชื่อติดหนึ่งในร้อยของอันดับมหาเศรษฐีของโลก เพื่อที่จะดูว่าหลังจากที่เขาสร้างความมั่งคั่งมากมายแล้วเขาทำอะไรกัน?

ผมพบว่าหลายๆท่านยังไม่หยุดอยู่แค่ “การสร้างความมั่งคั่ง” แต่กลับมุ่งสู่พัฒนาการที่ขั้นสี่ ซึ่งผมขอเรียกว่า ระยะ “ทำประโยชน์” อย่างเช่น Warren Buffett ได้เริ่มโครงการ “The Giving Pledge” ในปี 2010 โดยได้ชักชวนมหาเศรษฐีทั้งหลายให้บริจาคเงินอย่างน้อยครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งทั้งหมดเพื่อการกุศล ซึ่งอภิมหาเศรษฐีนักลงทุน Ray Dalio ได้ตอบรับการเข้าร่วมโครงการนี้ หรืออย่าง George Soros เขามีมูลนิธิที่เขาก่อตั้งเองให้การสนับสนุนเงินทุนวิจัยและการศึกษา โดยเน้นประเทศแถบยุโรปตะวันออก ผู้จัดการกองทุนชื่อก้องโลก Peter Lynch ที่นักลงทุนไทยหลายคนรู้จักดี ตอนนี้เขาไม่ได้รับบริหาร กองทุนเหมือนแต่ก่อนแล้วแต่ให้เวลาส่วน ใหญ่แก่ “Lynch Foundation” ซึ่งเน้นการบริจาคเงินเพื่อ การกุศล

เราจะเห็นได้ว่า “พัฒนาการที่สี่” ซึ่งว่าด้วยการทำประโยชน์แก่ส่วนรวมนั้น ใช้ทักษะที่แตกต่างจาก พัฒนาการในช่วงที่หนึ่งถึงสามเป็นอย่างมาก เพราะในช่วงที่สี่นี้ นักลงทุนจะต้อง “จ่าย” หรือ “ใช้” ความมั่งคั่งที่อุตส่าห์เก็บออมและลงทุนออกไป ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ตรงกันข้ามกับที่เคยทำมาตลอด ทำให้อาจจะมีนักลงทุนบางคนไม่สามารถก้าวข้ามไปถึง “ที่สุด” ของการเป็นนักลงทุนได้ แต่หากเขา ลองพิจารณาให้ดีก็อาจจะเห็นว่า เงินที่หามาได้นั้นจะมีประโยชน์อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อได้ใช้มันออกไป ในทางที่ถูกที่ควร ไม่เช่นนั้นก็คงกับเหมือนที่มีผู้กล่าวไว้ว่า “หนังสือที่ซื้อไว้แต่ไม่ได้อ่าน มีดที่แหลมคมแต่เอามาแขวนประดับ เงินทองที่มีแต่ไม่ได้ใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองและผู้อื่น สามอย่างนี้มีไว้ก็เหมือนไม่มี ซ้ำยังเป็นภาระต้องคอยดูแลรักษาอีกต่างหาก”
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
GOOD VI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 395
ผู้ติดตาม: 32

Re: ที่สุดของ VI / คนขายของ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมเคยได้ยินมาว่า ทรัพย์สมบัติเปรียบเหมือนเมล็ด
พันธ์ข้าวชั้นดี ถ้านำไปว่านที่นาดีๆเหมาะสม
ก็จะได้ต้นข้าวเพี่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
แต่ถ้าเก็บไว้ในยุ้งชาง อาจจะได้กินเอง
หรือถ้ามีมากไปก็อาจเน่าเสียไป
โดยไม่เกิดประโยนช์ใดๆเลย
MaiFuen
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 385
ผู้ติดตาม: 72

Re: ที่สุดของ VI / คนขายของ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับพี่ชาย

หวังว่า ตัวผม และ พอร์ตของผม

จะได้มีโอกาส ได้สร้างประโยชน์
ได้เป็นผีเสื้อ ที่สร้างความสุข
ความสวยงามให้แก่โลกของเรา
ทั้งในวันนี้และวันข้างหน้าครับ
ลูกหิน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 1

Re: ที่สุดของ VI / คนขายของ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณมากครับ พยายามทำขั้นที่สี่อยู่ครับ แต่ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ตั้งใจไว้ครับ แต่จะพยายามมากขึ้นเรื่อยๆครับ
nutsopon
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 246
ผู้ติดตาม: 3

Re: ที่สุดของ VI / คนขายของ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ขอบคุณครับพี่ชาย

ทำให้มองเห็นเลยครับว่าตัวเองอยู่ในช่วงไหน

และหวังว่าในอนาคตคงมีโอกาสได้ช่วยเหลือสังคมเหมือนอย่างพี่ๆ และอาจารย์นะครับ
อ๊อด ณ กะลา
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 9
ผู้ติดตาม: 0

Re: ที่สุดของ VI / คนขายของ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณครับคุณชาย

คนที่ทำได้ครบวงจร คงอิ่มอกอิ่มใจครับ
ผมแค่ได้อ่านบทความนี้ ยังรู้สึกเอิบอิ่มไปด้วยเลยครับ
ลึกซึ้งครับ
Principle_me
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 50
ผู้ติดตาม: 0

Re: ที่สุดของ VI / คนขายของ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณคะพี่ชาย^^
Invest in the good timeS!!!!....
โพสต์โพสต์