http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%A7.html
วันที่ 30 สิงหาคม 2557 10:00
สั่งงดส่งออกน้ำมันดิบ'ชั่วคราว'
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"ประยุทธ์"สั่งยุติส่งออกน้ำมันดิบชั่วคราว หวังสร้างบรรยากาศปฏิรูปประเทศ เหตุเป็นประเด็นขัดแย้ง
เรียกร้องทุกฝ่ายพูดด้วยข้อมูล-เหตุผล ยันเตรียมนำข้อเสนอเข้าสนช.เพื่อปฏิรูปพลังงาน ด้านหลวงปู่พุทธะอิสระเตรียมจัดเวทีอีกรอบ 5 ก.ย. ขณะเอกชนมองลดราคาน้ำมันมีผลทางจิตวิทยา
การปฏิรูปพลังงานยังเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างหน่วยงานรัฐกับภาคประชาชน เนื่องจากมีความเห็นและข้อมูลไม่สอดคล้องกัน แม้มีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ความขัดแย้งดูเหมือนจะมีมากขึ้น
ประเด็นการผลิตน้ำมันจากแหล่งที่ผลิตในประเทศไทยจากผู้ได้รับสัมปทาน ถือเป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างมาก และเกิดกระแสโจมตีทางโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องคนไทยซื้อน้ำมันราคาแพง ทั้งที่สามารถผลิตได้
นางพวงทิพย์ ศิลปศาสตร์ รองอธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กล่าวในเวทีรับฟังความคิดเห็น เรื่อง "การจัดหาพลังงาน เพื่อนำไปจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี (พีดีพี 2559-2579)"วานนี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) สั่งให้กรมเชื้อเพลิงฯ หารือกับผู้ผลิตปิโตรเลียม ยุติการส่งออกจากแหล่งที่ผลิตในเมืองไทย ซึ่งในปัจจุบันมีการส่งออก 12,000 บาร์เรล/วัน เพื่อเอื้อต่อสถานการณ์บ้านเมืองในช่วงของการปฏิรูปประเทศ
"เรื่องนี้กรมฯ ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการหยุดส่งออกเป็นการชั่วคราว"
นางพวงทิพย์ กล่าวว่าจากปัญหาข้อคิดเห็นขัดแย้งด้านปิโตรเลียม โดยเฉพาะประเทศไทยควรส่งออกปิโตรเลียมหรือไม่ และหากจะเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21 ควรใช้รูปแบบระบบแบ่งปันผลผลิต (พีเอสซี) ทดแทนสัมปทาน ซึ่งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้สั่งให้กรมเชื้อเพลิงฯ จัดทำข้อมูลเปรียบเทียบทั้ง 2 ระบบ ว่ามีผลดี-ผลเสียอย่างไร และอะไรเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับประเทศ
ดังนั้น หากเปิดสัมปทานรอบ 21 จะใช้รูปแบบใด คงขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะตัดสินใจอย่างไร
นางพวงทิพย์ กล่าวว่าที่ผ่านมาปริมาณส่งออกน้ำมันดิบลดลงมาโดยตลอด เพราะหาทางนำมาผลิตในประเทศให้มากที่สุด แต่ที่ยังเหลือส่งออก เนื่องจากคุณภาพของน้ำมันดิบไม่เหมาะสมกับโรงกลั่นในประเทศ และไม่เหมาะสมกับคุณภาพสิ่งแวดล้อมของไทย.
"ประยุทธ์"เรียกร้องคุยกันด้วยเหตุผล
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวในรายการ"คืนความสุขให้คนในชาติ" ถึงแนวทางการปฏิรูปพลังงาน ซึ่งได้มีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ว่า อยากให้ทุกฝ่ายไปใคร่ควรและพูดคุยกันด้วยข้อมูลเหตุผล
"ถ้านำต้นทาง กลางทาง ปลายทาง มาพูดกันโดยไม่ได้จัดระเบียบกัน ไม่รับฟังซึ่งกันและกันเลย พูดกันไม่รู้เรื่องแน่นอน ถ้าทุกคนนำ 3 เรื่องมาพูดพร้อมกัน มันไปไม่ได้ อยากให้ฟังอีกฝ่ายหนึ่งก่อน ถ้าจะฟังได้จะจัดระเบียบอย่างนี้ มีเรื่องของต้นทางก่อน ว่าเป็นมาอย่างไร ถามเฉพาะเรื่องต้นทางจะเอากันอย่างไร อันไหนตกลงกันได้ อันไหนเข้าใจ อันไหนไม่เข้าใจก็เก็บไว้ก่อน อย่าเพิ่งทะเลาะกัน พอมาถึงที่สองตรงกลาง เอาผู้ประกอบการ สงสัยตรงไหนเขาไม่โปร่งใสตรงไหนก็บันทึกกันไว้ เสร็จแล้วก็ไปตรงท้าย แล้วจะทำอย่างไรกันให้การบริการประชาชนจะเอาอย่างไร ราคาควรจะเป็นเท่าไร ทำไมถึงสูง ถึงต่ำ"
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประยุทธ์ จะจัดเวทีในลักษณะนี้ขึ้นอีกหลายครั้ง แต่ขอให้พิจารณาแต่ละประเด็นให้ชัดเจนว่ามีข้อเสนออย่างไร
"ก็พูดกันทีละตอน ๆ แบบนี้ พอพูดเรื่องแรกไปถามเรื่องที่สาม พูดเรื่องที่สองถามเรื่องที่สี่ อย่างนี้ไม่มีทางจบ และก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เป็นการปลุกระดมคนที่ฟังข้างใดข้างหนึ่งเป็นหลัก ใครก็ไม่อยากมาจัด จัดแล้วก็เป็นปัญหา ทำให้พระเจ้า ต้องเดือดร้อนไปด้วย ฝากไว้ด้วย ขอบพระคุณครับท่านที่กรุณาเป็นผู้ดำเนินรายการให้ ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งหรือความไม่เข้าใจนั้นไม่บานปลายออกไป ผมจะจัดให้บ่อย ๆ นะครับ กลับไปเรียบเรียงกรุณาเรียบเรียงเถอะ"
เตรียมเสนอเข้าสนช.ปฏิรูปพลังงาน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวเตือนการดูข้อมูลในโซเซียล มีเดียว่าต้องระมัดระวัง มีทั้งถูกไม่ถูก มีทั้งคนละฝ่าย บางคนก็ไม่ทราบว่านำมาจากไหน บางอย่างก็จริง บางอย่างฟังแล้วก็ฟังได้ แต่พอพูดนำมารวมกันแล้วไม่เข้าใจ แสดงว่าไม่เข้าใจขั้นตอน
"ผมไม่ได้หมายความว่าฝ่ายรัฐจะถูกทั้งหมด หรือผิดทั้งหมด ท่านต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน เรื่องนี้เราจะเร่งรัดในสภาปฏิรูปให้ดำเนินการ ช่วงนี้อยากให้ทำความเข้าใจกันก่อน นำปัญหาที่มีอยู่มาตั้งไว้ และไปถามกันต่อ อันไหนที่ตกลงได้แล้ว หรือเข้าใจแล้วก็ไม่ต้องถามกันอีก เสียเวลา เวลามีน้อยอยู่แล้วด้วย"
พุทธะอิสระจัดเวทีถกรอบ2
หลวงปู่พุทธะอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คในหัวข้อ "นัดเสวนาพลังงานกันอีกสักครั้งหนึ่ง" โดยเชิญชวนให้ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานเตรียมข้อมูล ข้อสงสัย และข้อเสนอแนะมาร่วมหารือที่ศาลาวัดอ้อน้อย วันที่ 5 ก.ย.นี้ เวลา 13.00 น.
หลวงปู่พุทธะอิสระ ระบุว่า หลังจากเลิกวงเสวนาถามตอบปัญหาพลังงานเรียบร้อยแล้ว กลับมาถึงวัด จึงสั่งให้กองเลขาโทรไปนัดท่านอธิบดีกรมพลังงาน และคุณปิยสวัสดิ์ อัมระนันท์ ขอให้เขามาพบเพื่อนัดหมายกันที่จะทำการถามตอบปัญหาพลังงานทางเลือก และพลังงานฟอสซิลในบางประเด็นที่ไม่ชัดเจนและไม่ได้สอบถาม เพื่อให้คนที่ยังค้างคาใจ สงสัย จะได้ข้อมูลทั้ง 2 ด้านอย่างชัดเจน รวมทั้งจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะสงวนพลังงานในประเทศจะสงวนไว้ใช้เฉพาะภาคครัวเรือน ห้ามภาคอุตสาหกรรมนำใช้ ให้ภาคอุตสาหกรรมไปสั่งซื้อมาจากต่างประเทศ
"ก่อนจะรวบรวมข้อมูลเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉันอยากเรียกร้องบรรดาผู้รู้ ผู้ชำนาญพลังงานทางเลือกในแต่ละด้าน ขอได้โปรดเตรียมข้อมูลที่ถูกต้อง ข้อสงสัย ข้อเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ต่อชาติประชาชนมาให้พร้อมมูล อย่าให้ใครๆดูว่าคนดีมีวิชา ผู้เสียสละ ผู้กล้า แต่พอถึงเวลาลงสนามกลับไม่พร้อม โปรดวางอัตตา มานะ อีโก้ ไอ้โก้ลงก่อน ให้ยึดถือประโยชน์ของชาติประชาชนเป็นใหญ่กว่าประโยชน์ของตน อย่าลืม มาคุยกัน มาระดมสมอง แทนคุณแผ่นดิน ให้เป็นประโยชน์กับคนทั้งประเทศ หากใครไม่มาน่าเสียดายมากๆ"
ยึดนโยบายราคาน้ำมันตามต้นทุน
สำหรับนโยบายด้านราคาน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกในขณะนี้ มีแนวโน้มลดลง ถึงแม้จะมีสงคราม แต่ก็อาจจะเป็นช่วงเวลาหนึ่ง ทางคสช. ก็ได้พิจารณาว่าอาจจะมีความจำเป็นต้องมีการปรับราคาให้สอดคล้องกับราคาต้นทุนน้ำมันและให้เกิดประโยชน์กับประชาชนและไม่ต้องการจะบิดเบือนราคาตลาด
"ต้องการให้ทุกคนได้เห็นว่า ถ้าทำอย่างนี้ จะเป็นอย่างนี้ เดี๋ยวท่านลองดูแล้วกันนะครับ ก็อย่าเพิ่งเรียกร้อง อย่าเพิ่งโวยวาย กำลังดำเนินการอยู่แล้วเดี๋ยวจะเห็นว่าออกมาอย่างไร และที่เหลือต่อไปก็ไปว่ากันในเมื่อมีรัฐบาลเป็นระยะยาวหรือยั่งยืน แต่ต้องปรับให้ตรงกันก่อนเราจะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนไปก่อน ให้เห็นว่าทำอย่างนี้อย่างที่ท่านต้องการแล้วมันจะเกิดอะไร ถ้าไม่ทำมันจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างต้องการให้ท่านเรียนรู้ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งทะเลาะกัน รับฟังข้อมูลให้ได้และตรวจสอบเป็นประเด็น ๆ ไป"
ชี้อยากเห็นเก็บภาษีเท่ากัน3บาท
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงการปรับลดภาษีน้ำมัน ซึ่งส่งผลให้ราคากลุ่มเบนซินลดลงเมื่อวันที่ 28 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่าอยากเห็นรัฐบาลจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภทในอัตราเดียวราว 3 บาทต่อลิตร เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริโภค แต่กรณีดังกล่าวจะเกิดขึ้นได้เมื่อมีการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น
"ภาษีสรรพสามิตที่ควรจะเป็น ราคาน้ำมันทุกชนิดจะต้องอยู่ในระดับ 3 บาทต่อลิตร แต่ปัจจุบันมีการส่งเสริมเอทานอล ซึ่งต้องทำไปจนกว่าจะติดตลาด" นายอารีพงศ์ กล่าว
นายอารีพงศ์ กล่าวว่าการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันครั้งนี้ เป็นการปรับอัตราภาษีให้มีระดับใกล้เคียงกัน แต่ยังไม่สามารถทำให้อยู่ในระดับเท่ากันได้ เพราะยังต้องส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ให้ติดตลาดก่อน โดยมาตรการส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ นอกจากจะใช้กลไกของภาษีสรรพสามิตแล้ว ยังใช้กลไกผ่านกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย ทำให้กองทุนน้ำมันฯ ยังคงมีความจำเป็นต้องมีอยู่ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาไม่ให้ผันผวนจนกระทบต่อ ค่าครองชีพของประชาชน
หนุนมาตรการไม่บิดเบือนกลไกตลาด
ด้านนายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธาน บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากมาตรการดังกล่าวคาดว่าประชาชนรากหญ้าอาจไม่ได้รับอานิสงส์มากนัก มาตรการดังกล่าวถือเป็นการเพิ่มศรัทธาและความเชื่อมั่นของประชาชน ส่วนกำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ไม่สำคัญเท่ากับการรักษาการบริหารจัดการนโยบายประเทศต่างๆที่โปร่งใส จะส่งผลดีต่อประเทศในระยะยาว
นอกจากนี้ มองว่า การพยายามรักษากลไกตลาดที่ดีและไม่บิดเบือน หรือป้องกันการผูกขาดในการแข่งขัน จะช่วยควบคุมราคาสินค้าให้เหมาะสมได้ด้วยกลไกในตัวมันเอง
มาสด้าชี้ลดราคาน้ำมันผลดีค่ายรถ
ด้านนางสาวสุรีทิพย์ ละอองทอง โฉมทองดี รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การประกาศลดราคาน้ำมันเบนซิน มาสด้า มองว่าเป็นเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นกับสังคมไทย ถือเป็นการคืนความสุขให้กับประชาชน รวมทั้งเป็นการสร้างบรรยากาศให้คนไทยหันมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ที่สำคัญและเห็นผลได้ทันที คือประชาชนที่ใช้ยานพาหนะจะมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้น มาตรการดังกล่าวจะช่วยให้มีเงินทุนหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศสูงขึ้น เป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างหนึ่ง ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค ในภาวะตลาดรถยนต์ชะลอตัว
ด้านนายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเล็คทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ “แอลจี” กล่าวเช่นเดียวกันว่าจะส่งผลดีทางจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค หากมองในด้านกำลังซื้อผู้บริโภค ส่วนตัวเชื่อว่าในระยะสั้นอาจกระตุ้นกำลังซื้อได้บ้าง