Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ผมขอสรุปผลการดำเนินงาน ในปีที่ผ่านมานะครับ ฝากเป็นข้อมูลเอาไว้
กลับมาดูย้อนหลัง ในสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ว่าตอนนั้นมีมุมมองยังไง
วิธีคิด และการกระทำต่างๆที่เกิดขึ้นครับ...^^)

วันที่ 08-03-2013
SET 1,565 จุด

พอร์ทเขียวชะอุ่ม ผลตอบแทนดี อนาคตสดใส!! ช่วงนี้มีข่าวหุ้น
เข้ามาจดทะเบียน IPO กันเพียบ....^^)

วันที่ 22-03-2013
SET 1,468 จุด

ผ่านเวลาไปเพียง 2 อาทิตย์ set ล่วงกราว วันนี้ติดลบไปเลย -60 จุด! หรือจะเข้าสู่ช่วงขาลงแล้ว แต่พอร์ทก็ยังเขียวอยู่ เลยจัดหุ้นเข้า
พอร์ทมาอีก 1 ตัวดีกว่า(ตัวที่ดอกจันทร์)....^^)

วันที่ 24-04-2013
SET 1,553 จุด

แล้ว set ก็ค่อยๆเด้งกลับขึ้นมา เย้!! พอร์ทกลับมาเชียวชะอุ่มเหมือนเดิม
แต่ตัวที่ซื้อมาใหม่ยังติดลบอยู่นิดหน่อย...^^)

วันที่ 28-05-2013
SET 1,606 จุด

set วิ่งไปที่ 1,600 จุด!!!พร้อมกับพอร์ทที่เขียว
ดีจริงๆ ตัวที่ซื้อมาไม่ผิดหวังเลย มั่นใจกระทิงแน่นอนจัดหุ้นเพิ่มไปอีก 1 ตัว 55+
(ตัวที่เห็นติดลบในพอร์ทเกิดจากการปันผลเป็นหุ้นและแตกวอแรนท์ แต่ยังไม่ได้
ปรับราคาต้นทุน คือ ตัวที่ -18% กับ +750% เป็นหุ้นตัวเดียวกัน)

ถึงตรงนี้ทำให้ได้รู้ว่า เวลาปันผลเป็นหุ้นก่อนจะปันจะทำให้ราคาหุ้นขยับขึ้นไปสูง
มากจากราคาปกติ

ข้อสังเกตุ : ช่วงนี้จะมีแต่หุ้นที่จ่ายปันผลเป็นหุ้น แจกวอแรนท์ แตกพาร์ เพิ่มทุน
กันพรึ่บพรั่บเต็มไปหมดในตลาด และผมจำได้ว่าประเมินราคาหุ้นไม่มี Mos เลย
หาหุ้นที่ถูกกว่ามูลค่าได้ยากมาก ทำให้ตนเองเริ่มไปสนใจค้นหาพวกหุ้นเทิร์นอะราว
...^^)

วันที่ 03-06-2013
SET 1,545 จุด

set เริ่มย่อลงมาอีกครั้ง เมื่อเห็นราคาลงมาแบบนี้จึงซื้อถัวเฉลี่ยเพิ่มเข้าไป
(ตัวที่ดอกจันทร์) หวังเด้งเหมือนคราวที่แล้ว อิอิอิ และหลังจากนั้น.....

วันที่ 11-06-2013
SET 1,452 จุด

set ลงทีเดียว -75 จุด!!
OMG!!!
เกิดอะไรขึ้นนี่!!!!

วันที่ 13-06-2013
SET 1,354 จุด

ยังๆๆ ยังไม่พอ ผ่านไปเพียงแค่ 2 วัน set ซัดลงไปอีก -79 จุด!!!!!!! พอร์ทแดงเถือกกันเลยทีเดียว!!!
(ถ้าดูตัวเลขขาดทุนเป็นจำนวนเงิน จะได้อารมณ์กว่าดูเป็นเปอร์เซนต์มากครับ 555+
....*0*)

วันที่ 28-08-2013
SET 1,266 จุด

ในที่สุดก็เป็นช่วงขาลงจริงๆ ช่วงนี้มีแต่ข่าวร้ายๆ เข้ามามากมาย ทั้งเรื่องของ
ฟองสบู่ ตลาดจะล้มกลับไปเหมือนตอนวิกฤตเศรษฐกิจในอดีต เหตุการณ์อะไร
ที่ไม่ดีเก่าๆผุดขึ้นมาเป็นเคสตัวอย่างเพียบ ทำให้ต้องกลับมาประเมินหุ้นในพอร์ท
อย่างเข้มข้น ว่าตัวไหนควรถือสู้วิกฤต ตัวไหนควรขายตัดออกไป ทำให้มีทั้งขาย
ตัดขาดทุนไป และซื้อเพิ่มในตัวที่มั่นใจและวิเคราะห์ดีแล้ว....T-T)

วันที่ 18-12-2013
SET 1,349 จุด

ช่วงท้ายๆปี set เริ่มดีดกลับขึ้นมาบ้าง แต่พอร์ทก็ยังแดงสวยงามดีจริงๆ
(อีกครั้งที่ดูผลขาดทุนเป็นจำนวนเงิน แล้วมันรู้สึกปวดแสบกว่าดูเป็น %...T-T)
แต่ก็ได้ซื้อเพิ่มตัวที่วิเคราะห์มาดีแล้วเพิ่มอีก 1 ...^^)

วันที่ 02-01-2014
SET 1,230 จุด

มันมาอีกแล้ว เล่นกันตั้งแต่ต้นปีเลย set ติด -67จุด!!
พอร์ทสีแดงได้ใจมาก เอาวะ!! มาลองดูกัน มันจะลงไปลบ 20% เลยก็ให้มันรู้ไป
จัดหุ้นเพิ่มไปอีก 1 ตัว หุหุหุ...^^)

ข้อสังเกตุ : แต่ช่วงนี้สังเกตุเห็นว่า ข่าวต่างๆเริ่มซาและเงียบลง คนไม่ค่อยตื่น
ตกใจเหมือนช่วงกลางๆปีที่แล้ว หรือว่าตลาดรับรู้ข่าวร้ายมาเยอะจนชินแล้ว
้เจออีกก็เลยเฉยๆ....*0*)

นี่พอร์ตจริงหรือเปล่าครับ

วันที่ 10-06-2014 ณ ปัจจุบัน
SET 1,469 จุด

" ลงมามากดีนัก ซื้อสวนซะเลย!!! " (ไร้เหตุผลสิ้นดี!!)
จริงๆแล้วไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้รู้สึกอยากซื้อหุ้นขึ้นมา เลยไปนั่งวิเคราะห์
หุ้นในพอร์ทและในตลาดเพิ่มจนเกิดความมั่นใจที่จะถือ จึงกล้าซื้อถัวเฉลี่ย
ทำให้ในวันนี้พอร์ทกลับมาเขียวได้แล้ว เย้!!!

แต่ต้องดูกันต่อไปยาวๆๆๆ ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ตอนนี้ขอเวลาไปฝึกฝีมือ
หาความรู้เพิ่มเติมก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยมาว่ากันใหม่นะ
นาย " Mr. Market " ....^^)

พอร์ทจริงครับ คุณ "Nevercry.boy" ...^^)
ผมเซฟภาพหน้าจอที่มือถือไว้ครับ

ถือหุ้น 10 ตัว ค่อนข้างเยอะเหมือนกันนะครับ,,,
ผมถือแค่ 5 ตัวก็เหนื่อยแว้ววว

บางครั้งภาคหลักการกับภาคปฏิบัติมันมักจะต่างกันบ้างครับ

มีพอร์ตนี้ พอร์ตเดียว หรือมีพอร์ตอื่นอีก ครับ
ถ้าพอร์ตนี้ ยังอยู่ในขอบเขตความเบี่ยงเบน ที่คุณPlant คิดเผื่อไว้แต่แรกที่ซื้อ ก็ถือว่ายังเป็นตามแผนนั้นอยู่

มีซื้อ มีขายออกด้วย พอร์ตโบรกที่แสดงแบบนี้ อาจคลาดเคลื่อนจากสุทธิของจริง
น่าจะมีการบันทึกต่างหาก รวมการซื้อขายทั้งหมดด้วย ก็จะรู้ผลรวมที่แท้จริง

ส่วนตัวของผมเอง พอร์ตของโบรกที่แสดงแบบนี้ ผมรู้สึกว่า มันคลาดเคลื่อนจากของจริงไปมาก
บางครั้งมันก็ดูดีเกินจริงมาก บางครั้งก็ดูแย่เกินจริงไปมาก เพราะเขาตัดแบบFIFO เมื่อมีการซื้อขาย
ผมกำลังฝึกใจ ไม่ยึดติดกับผลพอร์ตโบรกแบบนี้ (แต่ยังทำไม่ค่อยได้ หลุดประจำ ชอบยึดติดตอนมันเขียวมันแดง)

จะรอ ผลสรุปแผนการลงทุน ครั้งต่อไป ครับ

ขนาดพอร์ตโตขึ้นก็ OK แล้วครับ หน้าเว็บมันโชว์แค่ unrealized gain มันยังขาดส่วนที่สำคัญอีกส่วนคือ realized gain ที่ทำให้พอร์ตโตขึ้นหรือเล็กลง

skyblue เขียน:ถือหุ้น 10 ตัว ค่อนข้างเยอะเหมือนกันนะครับ,,,
ผมถือแค่ 5 ตัวก็เหนื่อยแว้ววว

ครับ จะเหนื่อยมากเวลางบแต่ละไตรมาสออกครับ ต้องนำมาจับใส่ Excel
ประเมินผลทุกตัว แต่ก็มีความสุขทุกครั้งที่ทำแล้วตัวเลขออกมาเติบโตนะครับ...^^)

ดำ เขียน:บางครั้งภาคหลักการกับภาคปฏิบัติมันมักจะต่างกันบ้างครับ

ครับ ผมพยายามที่จะนำหลักการที่ศึกษามาทั้งในเวปบอร์ด TVI
และหนังสือ VI ต่างๆมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆครับ...^^)

pakhakorn เขียน:มีพอร์ตนี้ พอร์ตเดียว หรือมีพอร์ตอื่นอีก ครับ
ถ้าพอร์ตนี้ ยังอยู่ในขอบเขตความเบี่ยงเบน ที่คุณPlant คิดเผื่อไว้แต่แรกที่ซื้อ ก็ถือว่ายังเป็นตามแผนนั้นอยู่

มีซื้อ มีขายออกด้วย พอร์ตโบรกที่แสดงแบบนี้ อาจคลาดเคลื่อนจากสุทธิของจริง
น่าจะมีการบันทึกต่างหาก รวมการซื้อขายทั้งหมดด้วย ก็จะรู้ผลรวมที่แท้จริง

ส่วนตัวของผมเอง พอร์ตของโบรกที่แสดงแบบนี้ ผมรู้สึกว่า มันคลาดเคลื่อนจากของจริงไปมาก
บางครั้งมันก็ดูดีเกินจริงมาก บางครั้งก็ดูแย่เกินจริงไปมาก เพราะเขาตัดแบบFIFO เมื่อมีการซื้อขาย
ผมกำลังฝึกใจ ไม่ยึดติดกับผลพอร์ตโบรกแบบนี้ (แต่ยังทำไม่ค่อยได้ หลุดประจำ ชอบยึดติดตอนมันเขียวมันแดง)

จะรอ ผลสรุปแผนการลงทุน ครั้งต่อไป ครับ

ครับ ผลตอบแทนของการลงทุนจริงของผมจะทำไว้ใน Excel ครับ ผมจะคำนวนจาก
มูลค่าพอร์ทเริ่มต้น เงินทุนที่ใส่เพิ่มเข้าไประหว่างปี และมูลค่าพอร์ท ณ สิ้นปีครับ
ซึ่ง ณ เวลานี้ ลงทุนมา 3 ปี (เริ่มตั้งแต่ปลายปี 2554 ช่วงหลังน้ำท่วม) ผลตอบแทน
ถือว่าผ่านเกณฑ์ที่คิดไว้ครับ

เรื่องของพอร์ทผมมีพอร์ทเดียวครับ แต่มีพอร์ทที่ร่วมลงทุนด้วยกันกับเพื่อนอีกพอร์ท
นึงครับ

จุดประสงค์จริงๆที่ผมโพสอันนี้ เพื่อผมจะเอาไว้ดูย้อนหลังในเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น
ที่มีผลกระทบต่อ SET คนในตลาด หุ้นที่มีอยู่ในตลาดและเข้ามา IPO แล้วผมคิดกับสิ่ง
ที่เกิดขึ้นนั้นยังไง และทำอะไรไปบ้างเมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้น แล้วผลลัพทธ์ออกมาเป็น
แบบไหน เพื่อเอาไว้ใช้พิจารณาเวลาเจอสถานการณ์ที่คล้ายๆกันในอนาคตครับ...^^)

น่าจะปรับเน้นในหุ้นบางตัวให้มีน้ำหนักที่มากหน่อยที่เรามั่นใจครับ และลดจำนวนหุ้นที่ถือลงนิดนึงเพราะหลายตัวดูการเจริญเติบโตของแต่ละบริษัทไม่ทันครับ

KriangL เขียน:ขนาดพอร์ตโตขึ้นก็ OK แล้วครับ หน้าเว็บมันโชว์แค่ unrealized gain มันยังขาดส่วนที่สำคัญอีกส่วนคือ realized gain ที่ทำให้พอร์ตโตขึ้นหรือเล็กลง

ใช่ครับ ตอนนี้เห็นทางโบรคก็กำลังพัฒนาโปรแกรมให้กับผู้ลงทุนแบบ VI มากขึ้นครับ
เห็นมีโปรแกรมตัวใหม่ ไว้เทียบดูมูลค่าของพอร์ทเราเทียบกับ การเติบโตของ SET ครับ
(เพิ่งเริ่มทำเมื่อต้นปี สรุปผล ผมลงทุนชนะ SET แค่วันเดียว นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
แบบนี้เอาเงินไปซื้อกองทุนให้เขาบริหารให้ดีกว่า 555+ ....T-T)

ส่วนเรื่องของพอร์ตโต ผมตั้งเป้าไว้ 2 ประเด็น ครับ คือ
เป้าที่ 1) เงินปันผลต่อปีต้องเพิ่มขึ้น กำหนดเป็น% และในปีนี้ต้องได้เท่านี้ ปีต่อไปต้อง
ได้มากขึ้นเท่าไร ซึ่งที่ผ่านมาโตมากกว่าเป้าไปมากมายครับ...^^)

เป้าที่ 2) มูลค่าของพอร์ตต้องโตขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโตจากเงินทุนที่ใส่เข้าไปหรือเกิดจาก
ผลตอบแทนการซื้อขาย นับรวมกันหมดครับ
มูลค่าของพอร์ท คือ (ราคาตลาดแต่ละตัว*จำนวนหุ้นแต่ละตัว)+เงินสดในพอร์ท ครับ
ผลที่ออกมา ณ เวลานี้อย่างที่บอกครับว่าดูแล้วไม่ขี้เหล่ครับ...^^)

ขอบคุณ คุณ "theerasak24" ที่เข้ามาแนะนำมากๆครับ...^^)
ตอนนี้กำลังมีตัวเลือก 2 ตัวอยู่ในหัวที่กำลังดูผลงานผู้บริหารอยู่ครับ
ถ้าไม่เวิร์กอย่างที่ผู้บริหารเคยพูดก็จะตัดทิ้งครับ ส่วนที่เหลืออยู่ตอนนี้
รัก!!! ทุกตัวเลยครับ ตัดยากจริงๆ วิธีการติดตามของผมง่ายมากครับ
เพราะตอนนี้ผมเห็นว่าหุ้นที่ผมถืออยู่ผู้บริหารรู้จักธุรกิจดีกว่าผมครับ
ดังนั้น ผมเชื่อใจในตัวผู้บริหารครับ(เชื่อคนง่ายไปหรือปล่าวนี่!!!)
แต่ในอนาคตเป็นสิ่งที่ต้องดูต่อไป ตอนนี้ผมเพียงแต่รอดูผลงานของผู้บริหาร
แต่ละท่านที่ผมไว้ใจแล้วเท่านั้นครับ....^^)

วันที่ 18-07-2014
SET 1,533 จุด

และแล้วเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย คนเริ่มหายการกังวลเรื่องการเมือง ตลาดก็กลับ
มาถึง 1,500 จุด เหมือนเมื่อครั้งที่ผมโพสรูปครั้งแรกครับ(แต่พอร์ตยังไม่เขียว
ชอุ่มเหมือนครั้งแรก...T-T)

ซึ่งในเวลานี้หุ้นที่ผมเคยถือเพราะมี MOS บางตัว MOS เริ่มหายไปจึงขาย
ทำกำไร(หุหุ) และซื้อเพิ่มในตัวที่มั่นใจเหมือนเช่นเคยครับ

ข้อสังเกตุ : ช่วงนี้กำลังมีหุ้นจ่อเข้า IPO เพิ่มมากขึ้นเหมือนเช่นเคย
แต่ยังจดๆจ้องๆอยู่ คงรอเวลาที่เหมาะสมที่จะเข้ามาในตลาด
คงต้องติดตามกันต่อไปครับ....^^)

พอร์ทขนาดนี้มีหุ้นถึง10ตัว ผมว่ามากเกินไป
ในความเห็นส่วนตัวผมว่า3ตัวก็พอแล้ว
ถือหุ้นหลายตัวเกินไปกลายเป็นเบี้ยหัวแตก
ตัวที่วิเคราะห์ถูกก็ได้กําไรนิดเดียว
ตัวที่ผิดก็ฉุดกําไรลง
เลือกที่ดีที่สุด3-4ตัวก็พอแล้ว
พอร์ทผม8หลักมีหุ้นแค่6ตัว
3ตัวแรกรวม70%ของพอร์ท
และอย่าซื้อขายบ่อยเกินไป
ปีนี้ผมเพิ่งซื้อและขายหุ้นอย่างละ1ครั้ง
สุดท้ายอย่าลืมเติมเงินในพอร์ทบ่อยๆเท่าที่จะทําได้
ลองอ่านวิธีลงทุนตอนพอร์ทยังเล็กของคุณโจลูกอีสานมีประโยชน์มาก
สนุกกับการลทุนครับ

drsp เขียน:พอร์ทขนาดนี้มีหุ้นถึง10ตัว ผมว่ามากเกินไป
ในความเห็นส่วนตัวผมว่า3ตัวก็พอแล้ว
ถือหุ้นหลายตัวเกินไปกลายเป็นเบี้ยหัวแตก
ตัวที่วิเคราะห์ถูกก็ได้กําไรนิดเดียว
ตัวที่ผิดก็ฉุดกําไรลง
เลือกที่ดีที่สุด3-4ตัวก็พอแล้ว
พอร์ทผม8หลักมีหุ้นแค่6ตัว
3ตัวแรกรวม70%ของพอร์ท
และอย่าซื้อขายบ่อยเกินไป
ปีนี้ผมเพิ่งซื้อและขายหุ้นอย่างละ1ครั้ง
สุดท้ายอย่าลืมเติมเงินในพอร์ทบ่อยๆเท่าที่จะทําได้
ลองอ่านวิธีลงทุนตอนพอร์ทยังเล็กของคุณโจลูกอีสานมีประโยชน์มาก
สนุกกับการลทุนครับ

ขอบคุณ คำแนะนำของ คุณ "drsp" มากๆครับ
ผมจะพยายามปรับพอร์ทให้เหมาะสมครับ....^^)

ผมมีคำแนะนำน้อย ๆ ให้ครับ

เห็นคุณ plant พูดแต่ set เด้งขึ้นเด้งลง ขาขึ้นขาลง

ผมว่า key ในการทบทวนพอร์ต คือ ทำไม "หุ้นตัวนี้" เขียว ทำไมตัวนี้แดง

เกิดขึ้นเพราะเราคิดผิด หรือคิดถูกตรงไหน

ไม่มีอะไรเกี่ยวกับดัชนี SET เลยครับ

ขอบคุณ คำแนะนำของคุณ "Linzhi" ครับ
คือ ต้องบอกก่อนว่า โพสอันนี้ผมตั้งใจที่จะเอาไว้ดูการขึ้นลงของ Set
กับผลกระทบของอารมณ์ของคนในตลาด และสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นครับ
ว่าจะมีผลกระทบต่อหุ้น ต่อพอร์ท ของผมเป็นยังไงบ้าง

แต่หากเป็นการทบทวนเกี่ยวกับตัวหุ้นโดยตรงเลย ผมจะดูแบบเดียวกับที่คุณ
"Linzhi" แนะนำครับ ว่าเราคิดถูก หรือคิดผิดตรงไหนตอนที่เราซื้อมา แล้ว
ณ ปัจจุบันจะทำยังไงต่อ ซื้อเพิ่ม ถือ หรือขาย ซึ่ง ณ ปัจจุบันผมกำลังดูผลงาน
ของผู้บริหารของหุ้นที่ติดลบ 30% กับ ติดลบ 13% ในพอร์ทครับ ส่วนตัวอื่น
ผมยังมั่นใจในตัวผู้บริหารอยู่ครับ (เกริ่น นิดนึงนะครับ ตัวติดลบ 13% ลงทุนก่อสร้าง
โรงงานเพิ่ม และลงทุนโรงงานใหม่ที่จีนครับ ส่วนตัวที่ลบ 30% เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ
ธุรกิจทีวีดิจิตอล ราคาเลยดิ่งครับ)....^^)

ผมว่า ตรงช่องมูลค่า อาจไม่ต้องเบลอ ก็ได้นะครับ

ขำๆนะครับ ความจริงที่อยากแนะนำคือ จำนวนหุ้นเยอะเกินไป