บทเรียนจากพรีเมียร์ลีก/ธันวา เลาหศิริวงศ์

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1895
ผู้ติดตาม: 314

บทเรียนจากพรีเมียร์ลีก/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

	ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นั้นอยู่ในความสนใจของแฟนบอลชาวไทยมาอย่างช้านาน ผลการแข่งขันและข่าวสารความเคลื่อนไหวถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แฟนบอลพันธุ์แท้มักจดจำชื่อนักเตะ ผู้จัดการทีม ผลการแข่งขันและข้อมูลของสโมสรต่างๆ ได้อย่างน่าทึ่ง แม้แฟนบอลชาวไทยแต่ละคนมีสโมสรที่ตนชื่นชอบแตกต่างกัน แต่สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือทีมปีศาจแดง และสโมสรลิเวอร์พูล หรือทีมหงส์แดง น่าจะเป็นสโมสรที่มีแฟนคลับทุกเพศ ทุกวัยมากเป็นอันดับต้นๆ
	ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กว่าสองทศวรรษภายใต้การนำของท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่หลังจากสโมสรได้เลือก เดวิด มอยส์ เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่เมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมา ผลงานกลับไม่เป็นดังคาดไว้ จนกระทั่งการปลด เดวิด มอยส์ ก่อนครบกำหนดสัญญาและมอบหมายให้ ไรอัน กิ๊กส์ ดาวเตะอาวุโสชาวเวลส์ เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2557 ที่ผ่านมาจนเป็นข่าวดังทั่วโลก สำนักข่าว CNN รายงานว่า นี่คือ การ “cut loss” ของทางสโมสรเลยทีเดียว  
	ส่วนทีมลิเวอร์พูล ภายใต้การนำของเบรนแตน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมชาวไอร์แลนด์เหนือ เป็นสโมสรที่เคยโด่งดังในอดีตแต่ผลงานไม่โดดเด่นในช่วงกว่า 20 ปีก่อนหน้านี้ กลับมีคะแนนนำในช่วงโค้งสุดท้ายและยังเป็นมีโอกาสดีที่สุดในการลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 24 ปี ทำเอาแฟนคลับที่ไม่ได้ตั้งความหวังสูงเพียงนี้ ต่างมีความสุขกับผลงานของทีมปีนี้อย่างมากทีเดียว
	จากสถานการณ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษในปัจจุบัน ลองมาดูกันว่า เราได้ข้อคิดเกี่ยวกับการลงทุนอย่างไรบ้าง
	ข้อแรก ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของผู้นำหรือผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญในวงการฟุตบอลต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า เดวิด มอยส์ นั้นไม่ใช่ “the right man on the right job” สำหรับทีมยักษ์ใหญ่เช่นนี้ แม้ยังมีเสียงส่วนหนึ่งเห็นว่าควรให้โอกาสและเวลาแก่เขามากกว่านี้ก็ตาม แต่บอร์ดสโมสรเห็นว่า จำเป็นต้องตัดสินใจเพื่อสิ่งที่ดีกว่าสำหรับการแข่งชันในโลกธุรกิจกีฬาปัจจุบัน ข้อดีคือ การเป็นสโมสรใหญ่ มีชื่อเสียง ฐานะการเงินดี มีแฟนคลับทั่วโลก น่าจะเป็นสิ่งดึงดูดในการหาผู้จัดการทีมคนใหม่ได้ไม่ยากนัก 
	การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียนก็เช่นกัน หากได้ผู้บริหารที่ “ใช่” เป็นผู้นำองค์กร สร้างความเจริญเติบโต และเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ จะเป็นการเพิ่มมูลค่าตลาดและความมั่งคั่งของผู้ถือหุ้นมากขึ้นเช่นกัน ตัวอย่างที่เห็นชัดในตลาด หลักทรัพย์ไทยได้แก่ บจม. ไทยคม จำกัด (THCOM) ภายใต้การนำของคุณศุภจี สุธรรมพันธ์ และบจม. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ภายใต้การนำของคุณบุญยง ตันสกุล ทั้งสองกิจการได้สร้างผลตอบแทนการลงทุนได้อย่างดีเยี่ยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
	นอกจากผู้บริหารที่ “ใช่” แล้ว นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยเสี่ยงในการพึ่งพาผู้บริหารรายใดรายหนึ่งหรือ กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง กิจการที่ดีจึงควรมีแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลรวมทั้งมี succession plan ที่ดีด้วยซึ่งเรามักพบเห็นในบริษัทขนาดใหญ่มากกว่า
	ข้อสอง ความเสี่ยงที่เกิดจากคู่แข่งขัน หากติดตามผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลนี้ จะพบว่าแตกต่างจากปีก่อนๆ มาก เพราะเป็นฤดูกาลที่สนุก ตื่นเต้น สูสี มีการทำประตูมากมาย คะแนนของทีมอันดับต้นตารางต่างกันไม่มากและพลัดกันมีคะแนนขึ้นนำตลอดฤดูกาล รวมทั้งยังคงต้องติดตามจนถึงนัดสุดท้ายเพื่อทราบผู้ชนะและผู้มีสิทธิเล่นในฟุตบอลถ้วยยุโรปอีกด้วย เราเห็นได้ชัดเจนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาว่า หลายสโมสร “ตั้งใจ” เปลี่ยนแปลงและเตรียมความพร้อมของทีมด้วยการทุ่มเททรัพยากรที่มีอยู่เพื่อเพิ่มศักยภาพของผู้เล่น เทคนิค ทีมเวิร์ค เพื่อพัฒนาการที่ดีขึ้นของทีมและผลประกอบการธุรกิจการกีฬาที่ดีขึ้น นั่นเอง จากปัจจัยดังกล่าวฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษน่าจะยังคงสูสี ชิงไหวชิงพริบ และน่าติดตามอีกหลายฤดูกาลนับจากนี้
	นักลงทุนต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงในการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีผู้เล่นมากราย เพราะผู้เล่นแต่ละรายจำเป็นต้องพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันอยู่เสมอเพื่อความอยู่รอดทางธุรกิจ ตัวอย่างของธุรกิจที่มีผู้เล่นน้อยรายได้แก่ บจม. ท่าอากาศยานไทย (AOT) บจม. บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ (BAFS) หรือธุรกิจสัมปทานและใบอนุญาติที่มีผู้เล่นจำกัด ธุรกิจสื่อสาร สาธารณูปโภค การเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีแข่งขันอย่างเสรี นักลงทุนต้องเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการแข่งขันอย่างยั่งยืน เพื่อการเป็น “ผู้ชนะ” ที่ถาวรหรืออยู่ในกลุ่มชั้นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้นในระยะยาว
	ข้อสุดท้าย นักลงทุนต้องมีความ “อดทน” เช่นเดียวกับการรอคอยของแฟนฟุตบอลทีมหงส์แดง หากกิจการที่ตัดสินใจลงทุนเป็นกิจการที่มีศักยภาพแต่ต้องการเวลาจนกว่าจะแสดงในผลประกอบการแล้ว นักลงทุนต้องมั่นใจการวิเคราะห์และประเมินธุรกิจของตน และต้องอดทนรอเพื่อราคาหุ้นจะตอบสนองผลประกอบการในที่สุด การค้นพบกิจการที่ยอดเยี่ยมเร็วกว่า 6-12 เดือน ย่อมจะสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการพบกิจการช้าไป 1 เดือนก็เป็นได้
	ข้อแตกต่างระหว่างการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษและการแข่งขันทางธุรกิจคือ ผู้ชนะของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกแต่ละฤดูกาลนั้นจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปยังทีมที่มีความพร้อมทุกด้านและแข็งแกร่งที่สุด ส่วนการแข่งขันทางธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมนั้น อาจจะมีผู้ประกอบการที่มีศักยภาพและยังมีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืนในระยะยาวมากกว่า 
	หน้าที่ของ Value Investor ทุกคน คือการวิเคราะห์และเลือกลงทุนในกิจการที่เข้าข่ายเป็น “ผู้ชนะถาวร” ในอุตสาหกรรมยังเติบโตต่อเนื่องยาวนานเพื่อผลตอบแทนที่ดีและมั่นคงนั่นเอง
[/size]
ลูกหิน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 1

Re: บทเรียนจากพรีเมียร์ลีก/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4641
ผู้ติดตาม: 23

Re: บทเรียนจากพรีเมียร์ลีก/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เฮ้ ไก่ นายฟังเราหน่อย

แมนยูเป็นหุ้นเทรินอะราวด์ นะ ปีหน้าจะคว่ำเอ็ยยย กลับไปอยู่ต้นตารางให้ดู

อั๊ย หย่ะ
theenuch
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1736
ผู้ติดตาม: 38

Re: บทเรียนจากพรีเมียร์ลีก/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบพระคุณค่ะ
wee1
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 204
ผู้ติดตาม: 0

Re: บทเรียนจากพรีเมียร์ลีก/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 5

โพสต์

กลัวว่าผลงานของหงส์แดงปีนี้จะเป็นแค่ กำไรพิเศษ นี่สิ :P
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18398
ผู้ติดตาม: 76

Re: บทเรียนจากพรีเมียร์ลีก/ธันวา เลาหศิริวงศ์

โพสต์ที่ 6

โพสต์

อย่างที่ถูกใจต้องกด Like เลย
:)
โพสต์โพสต์