Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

คือว่า ผมคิดอย่างนี้นะ แย้งได้นะ อย่าไปกดลบ กดบวกเลย ทำแบบนั้น ผมไม่ฉลาดขึ้น

คือสรุป ผมคิดว่า ปีนี้ภาษีลด 30 เหลือ 23 ภาพรวมคือจะมีกำไรโตขึ้น 10 %

และปีหน้า ภาษีลดจาก 23 เหลือ 20 กำไรก็จะโตขึ้น 3.89 %

และบางบริษัทก็มี growth ของตัวเองอยู่แล้ว ผสม growth ของ ภาษีเข้าไป

ซึ่ง ซึ่ง เป็นเรื่อง ถาวรแบบชั่วคราว เพราะในปี 2557 ไม่มีการลดภาษีอีก

อย่างไรก็ตาม บางบริษัท ก็สามารถขึ้นราคาได้อีก อันนี้ผสม growth จาก การปรับราคาขายไปอีก

ผลคือ ปีนี้ growth ของกำไร โดยรวมก็จะโตขึ้นมาก

คือเจ้า peg นี่จะโตขึ้นมาก ตลาดบูมอีก

ทะลุ 1300 หลายคนก็กลัว หลายคนก็ขายหมู และไม่รู้จาซื้ออะไร

โดยส่วนตัว ผมคิดว่า หุ้นก็ไปต่อแหละ เพราะ growth ทั้งสามตัวดังกล่าว

และปีหน้า ยังมี growth อีก

แต่น่าจะระวังปี 2557

หากฟองจะแตก ก็คงจะแตกปลายๆปี 2556 นั่นแหละ

เดาเล่นๆหนุกดี ไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องอนาคต

แต่อยากจะฝากไว้ว่า growth ที่เราเห็นๆนั้น เกิดจาก ภาษี และการปรับราคา เพราะค่าแรงปรับ เป็น

300 บาทด้วย

โชคดีกับการลงทุนครับ

ลืมเรื่องนี้ไปเลยครับ
แต่ราคาหมู ไก่ ไข่ ลงทุกวัน วัน CPF ดันขึ้น เจ้าสัว คงไม่อยากน้อยหน้าเสี่ย

บล.ทรีนีตี้ระบุว่า ผลจากที่ลูกค้าให้การตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากต่อการนำแคมเปญสะสมสแตมป์คาดจะกระตุ้นให้ไตรมาส 3/55 มียอดขายสาขาเดิมเติบโตโดดเด่นสุดเป็นประวัติการณ์ในอัตราสูงถึง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเมื่อบวกกับ การรับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และยังมีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดเหลือ 23% จึงคาดไตรมาส 3/55 จะมีกำไรสุทธิเติบโต 29%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

แบบนี้แหละ โตขึ้น 29 % แต่ ภาษีไม่ได้ลดตลอด เราจะให้ pe 30 หรือ

ถ้าจะให้ pe เกิน 29 % ก็ต้องรู้ว่า ร้านที่ไม่มีอาหาร แล้วปรับมาเป็นร้านที่มีอาหาร ทำกำไรเพิ่มเท่าไร

แต่ห้องนี้ไม่ได้มีไว้คุยเรื่องหุ้น แค่เอามายกตัวอย่างนิดๆเพื่อให้เห็นว่า มันมี growth เรื่องอื่นมาผสม

และเป็นเรื่องชั่วคราว ข้ามปี

ผมก็คิดอย่างพี่เหมือนกันครับ ดังนั้น ในการประเมินมูลค่า, PE ... คงต้องคิดตรงนี้ด้วย

ในส่วนของ SET ว่าจะขึ้นต่อหรือไม่ อันนี้ยากจะคาดเดา แต่ผมมองว่าค่า PE ของ Set ตอนนี้มันยังรวมผลลัพธ์ตอนนำ้ท่วมอยู่ทำให้ดูสูง ถ้ามันเลยจุดนั้นไปแล้ว PE น่าจะตำ่ลงไปอีก Dividend yield SET ก็ 3% กว่าๆ มากกว่า Treasury Bond ของอเมริกาตอนนี้แน่ๆ เลยยังไม่เห็นเหตุที่จะลงแรงๆ ในเวลาอันใกล้นี้ครับ

อ๋อ pe set ก็เลยดูสูง เพราะน้ำท่วม ผมก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิท

คิดเหมือนพี่ Jeng ครับ ว่าปีนี้ Growth ยังไงมันก็ขึ้น จะเป็นปีที่ งบการเงินดูหรูที่สุดแล้ว
สำหรับหลายๆ ตัว โดยเฉพาะ ตัวที่ปกติคิดค่าเสื่อมสูงๆ ซึ่งชาว VI ไปซื้อรอกันไว้ตั้งกะต้นปี
ส่วนปีหน้า ผมว่ายังไงก็ทรง กับ ลง ครับ เตรียมตัวรอรับหมีได้เลย
ไปเดินร้านหนังสือ ทุกค่ายมีหนังสือ หุ้น การลงทุน รวยเป็นล้าน รวยง่ายๆ เต็มไปหมด
ไปอ่าน pantip มีแต่คนมาโชว์ port กำไร กันแทบทุกคน มีคนใหม่ๆ เข้ามาถาม มีเซียนเต็มไปหมด

มันบอกผมว่า นี่มัน Bull สุดๆ ต้องระวังให้จงหนัก เลย ปีหน้า Fund Flow ออก แน่ๆ

dragonrider เขียน:คิดเหมือนพี่ Jeng ครับ ว่าปีนี้ Growth ยังไงมันก็ขึ้น จะเป็นปีที่ งบการเงินดูหรูที่สุดแล้ว
สำหรับหลายๆ ตัว โดยเฉพาะ ตัวที่ปกติคิดค่าเสื่อมสูงๆ ซึ่งชาว VI ไปซื้อรอกันไว้ตั้งกะต้นปี
ส่วนปีหน้า ผมว่ายังไงก็ทรง กับ ลง ครับ เตรียมตัวรอรับหมีได้เลย
ไปเดินร้านหนังสือ ทุกค่ายมีหนังสือ หุ้น การลงทุน รวยเป็นล้าน รวยง่ายๆ เต็มไปหมด
ไปอ่าน pantip มีแต่คนมาโชว์ port กำไร กันแทบทุกคน มีคนใหม่ๆ เข้ามาถาม มีเซียนเต็มไปหมด

มันบอกผมว่า นี่มัน Bull สุดๆ ต้องระวังให้จงหนัก เลย ปีหน้า Fund Flow ออก แน่ๆ

เห็นด้วยครับ ร้านหนังสือมีหนังสือลงทุนเต็มไปหมด แถมยังจั่วหน้าปกเหมือน รวยได้ง่าย ๆ จากตลาดหุ้นครับ

ส่วน Port มีกำไร ในช่วงตลาดขาขึ้น ทำให้คนยิ่งเห็นอะไร ๆ สวยงามไปหมด

ผมเคยคิดอย่างนี้นะ ว่าลดภาษีมันไม่ได้ช่วยให้มีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไร เช่น ปันผลมากขึ้น แต่เครดิตภาษีได้น้อยลง

แต่คิดอีกที ถ้าบริษัทมีศักยภาพจริง เอากำไรที่เพิ่มจากภาษีที่น้อยลงไปลงทุนให้กิจการโตกว่าเดิมได้ คงเยี่ยมเลย
ผมหวังว่า ผมจะเลือกบริษัทถูก แล้วก็ปล่อยให้กำไรในอนาคตเป็นตัวบอก

แต่ก็เสียวๆจะมี technical correction

ไม่ค่อยชิน แต่ก่อนเคยเห็นตลาดหุ้นไทย เป็นแต่แบบ ถูกเรื้อรังมาตลอด

เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รอบๆตัวผมหลายคนลดพอร์ทการลงทุน ทุกคนพูดเหมือนกันว่าหุ้นแพงเกินไปใครๆก็หันมาเล่นหุ้ช ทำให้เม่าอย่างผมกลัวเลยครับ

amornd เขียน:ผมเคยคิดอย่างนี้นะ ว่าลดภาษีมันไม่ได้ช่วยให้มีอะไรเปลี่ยนไปเท่าไร เช่น ปันผลมากขึ้น แต่เครดิตภาษีได้น้อยลง

แต่คิดอีกที ถ้าบริษัทมีศักยภาพจริง เอากำไรที่เพิ่มจากภาษีที่น้อยลงไปลงทุนให้กิจการโตกว่าเดิมได้ คงเยี่ยมเลย
ผมหวังว่า ผมจะเลือกบริษัทถูก แล้วก็ปล่อยให้กำไรในอนาคตเป็นตัวบอก

ถ้าทางการลดอัตราภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ผู้ถือหุ้นก็จะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่เพิ่มขึ้นเป็นรูปธรรม

แต่การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลก็เป็นการสร้างความทัดเทียมกับอัตราของต่างประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการดึงดูดบริษัทจากต่างประเทศมาดำเนินธุรกิจในไทยมากขึ้น

boollbooll เขียน:เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ รอบๆตัวผมหลายคนลดพอร์ทการลงทุน ทุกคนพูดเหมือนกันว่าหุ้นแพงเกินไปใครๆก็หันมาเล่นหุ้ช ทำให้เม่าอย่างผมกลัวเลยครับ

อ่านแล้วก็งงครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ลดพอร์ต ทุกคนบอกว่าหุ้นแพงเกิน

แต่ก็มีประโยคท้ายๆว่า ใครๆก็หันมาเล่นหุ้น

ปัญหาในการประเมินมูลค่าด้วยวิธีง่ายๆ เช่น Multiple ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น P/E P/B PEG เป็นการประเมินอย่างหยาบๆว่า E B หรือ G จะเท่ากันโดยตลอดทุกๆปีข้างหน้า ซึ่งใครๆก็รู้ว่าไม่จริง

แต่ที่ยังใช้กันอยู่ก็เพราะ

1. เป็นวิธีที่คิดง่าย คิดเองได้ ไม่ยุ่งยาก

2. เป็นวิธีที่อธิบายให้มือใหม่เข้าใจได้ง่าย

3. คิดว่าเป็นวิธีที่นักลงทุน นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ใช้กัน

แถมหลายครั้งยังนำไปใช้ประเมินมูลค่ากิจการที่มีผลการดำเนินงานผันผวนสูงมากๆซะอีก

ความถูกความแพงก็อธิบายยาก P/E บางกลุ่ม 10 เท่าก็โอเค แต่บางกลุ่มก็ไปถึง 30 เท่า

และบางครั้ง ต้นปี บอกว่า 10 เท่าโอเค ปลายปี บริษัทเดียวกัน ปรับใหม่เป็น 15 เท่า

ผมว่าการปรับราคาเป้าหมายขึ้นโดยการเปลี่ยน PE ขึ้นทั้งที่พื้นฐานก็ยังเหมือนเดิม น่ากลัวเพราะถ้าคนดูแต่ราคาเป้าหมายอย่างเดียว แล้วซื้อตามก็อาจจะขาดทุนได้

tigerroad197 เขียน:

dragonrider เขียน:คิดเหมือนพี่ Jeng ครับ ว่าปีนี้ Growth ยังไงมันก็ขึ้น จะเป็นปีที่ งบการเงินดูหรูที่สุดแล้ว
สำหรับหลายๆ ตัว โดยเฉพาะ ตัวที่ปกติคิดค่าเสื่อมสูงๆ ซึ่งชาว VI ไปซื้อรอกันไว้ตั้งกะต้นปี
ส่วนปีหน้า ผมว่ายังไงก็ทรง กับ ลง ครับ เตรียมตัวรอรับหมีได้เลย
ไปเดินร้านหนังสือ ทุกค่ายมีหนังสือ หุ้น การลงทุน รวยเป็นล้าน รวยง่ายๆ เต็มไปหมด
ไปอ่าน pantip มีแต่คนมาโชว์ port กำไร กันแทบทุกคน มีคนใหม่ๆ เข้ามาถาม มีเซียนเต็มไปหมด

มันบอกผมว่า นี่มัน Bull สุดๆ ต้องระวังให้จงหนัก เลย ปีหน้า Fund Flow ออก แน่ๆ

เห็นด้วยครับ ร้านหนังสือมีหนังสือลงทุนเต็มไปหมด แถมยังจั่วหน้าปกเหมือน รวยได้ง่าย ๆ จากตลาดหุ้นครับ

ส่วน Port มีกำไร ในช่วงตลาดขาขึ้น ทำให้คนยิ่งเห็นอะไร ๆ สวยงามไปหมด

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมแวะร้านหนังสือ ไม่เห็นเค้าวางหนังสือเล่นหุ้น ไว้หน้าร้าน(โซนหนังสือแนะนำ)เหมือนช่วงก่อน น่าจะเริ่มขายได้น้อย

ตอนนี้หุ้นในตลาดมี PE ที่สูงจริงๆ ครับ SCC เคยอยู่ที่ 10-15 ตอนนี้ 20 กว่า CPALL ตามข่าวเลยว่าโต 29% เคยสูงอยู่ที่ 25-30 ตอนนี้ 38 เบอร์ลี่ เคยอยู่ที่ 15-20 ตอนนี้ 45 !!!!

โอ้วแม่เจ้า ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดแล้วเนี่ย

คิดว่าถ้าเราซื้อ CPALL 38 บาท แล้วได้กำไร 1 บาท ปีนี้โตได้ 30% เลย แต่ปีหน้าจะโตได้อีกเท่าไร สาขาก็เต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว ถ้าจะโตคงได้แต่แบบยอดขายแต่ละร้าน ให้เต็มที่โตอีกปีละ 7% ทุกปี (ซึ่งผมก็ว่ายากทีเดียว) อีก 17 ปี เราถึงได้เงินทั้งหมดคืน!! พอๆ กับซื้อประกันชีวิตเลย นะเนี่ย

SCC 20 บาทแลกกับกำไร 1 บาท แปลว่าถ้าปูนโตขึ้นปีละ 20% เราจะได้เงินต้นคืนภายใน 7-8 ปี ซึ่ง ok มากๆ ในการลงทุน แต่ถามว่าปูนจะโตได้ปีละ 20% หรือ? โตได้ 8-10% ก็เก่งแล้วสำหรับยักษ์ใหญ่อย่างปูน

การคิดแบบหยาบๆ แบบนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างแต่มันก็ง่ายในการคิดว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไรที่สมเหตุสมผลหรือเปล่า

เรื่องนโยบายพวกปีแรกทั้งหลาย ปีหน้าพอหมด ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมครับ ผมว่าจะแย่ลงด้วยซ้ำ เช่นบริษัทรถ เคยต้องขยายกำลังผลิตเพราะนโยบายรถคันแรก พอหมดนโยบาย ยอดขายตก กำลังผลิตเหลือก็เงินจมอีก ช่วงนี้เศรษฐกิจผมมองลบมากกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมาเลย

ช่วงนี้หนังสือหุ้นเอาออกจากหิ้งหนังสือแนะนำ สงสัยเพราะเค้าซื้อกันหมดแล้วทั่วประเทศหรือเปล่าครับ (ตอนนี้เข้าลิฟต์ที่ทำงานทุกวันจะต้องมีคนคุยถึงหุ้น แถมไม่ใช่คนเดิมด้วยนะ)

555

โอ้วแม่เจ้า ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมดแล้วเนี่ย

ชอบคำนี้จัง

ยังมีอีกเพียบ CPN 40 เท่า MAKRO 32 เท่า เสริมสุข 103 เท่า (!!! สงสัยเราต้องกินเป็ปซี่แทนน้ำแน่ๆ มันถึงดีได้ขนาดนี้) BH 30 เท่า (อันนี้เค้าไม่เคยราคาถูกอยู่แล้วเลยไม่แปลกมากนัก) TRUE N.A. เท่า (ยังขาดทุนอยู่เรยจ้า 5 ปีหลังมีกำไร 2 ปี ขาดทุน 3 ปี แต่หุ้นขึ้นเอาๆ)



นอกเรื่องไปไกลไปมั้ยเนี่ย พี่เจ๋ง

ayethebing เขียน: เรื่องนโยบายพวกปีแรกทั้งหลาย ปีหน้าพอหมด ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาพเดิมครับ ผมว่าจะแย่ลงด้วยซ้ำ เช่นบริษัทรถ เคยต้องขยายกำลังผลิตเพราะนโยบายรถคันแรก พอหมดนโยบาย ยอดขายตก กำลังผลิตเหลือก็เงินจมอีก ช่วงนี้เศรษฐกิจผมมองลบมากกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมาเลย

เรื่องขยายกำลังผลิตเพราะรถคันแรกนี่ขอแย้งนิดนึงครับ ยอดผลิตภายในประเทศลดลง แต่ยอดส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องครับ ส่งออกของไทยส่งไปที่ยุโรปไม่ถึง 10% ครับ ส่วนใหญ่ขายในเอเชีย บริษัทยานยนต์ต่างๆลงทุนกันเป็นหลายร้อย หลายพันล้าน เค้าคงคิดทบทวนมาเป็นอย่างดีพอสมควรแล้วกระมั้ง ใครจะไปนัดกันขยายกำลังผลิตทั้งกลุ่ม ลงเครื่องจักรหลายร้อยพันล้าน แต่ไม่มีงานรองรับ ยานยนต์มีรอบของมันครับ เวลารอบมันมาแต่ละรอบ ระยะเวลากี่ปีไม่มีใครรู้ครับ

รวมถึงปัญหา จีนกับญี่ปุ่นและการเปิด AEC อุตยานยนต์ไทยคงจะได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยครับ สไลด์นี้นำมาจาก oppday ของบริษัทยานยนต์แห่งนึงครับ แต่ก็อย่างว่าละครับเวลารอบมันมา แต่ละรอบระยะเวลากี่ปีนี่ไม่รู้ครับ และผมมีหุ้นกลุ่มยานยนต์อยู่ด้วยมุมมองอาจจะลำเอียงนะครับ

ผมไม่เเน่ใจนะครับว่าที่หุ้นขึ้นมาก เป็นเพราะลดภาษี ความรู้สึกตั้งเเต่ต้นปี 1050 จุด ช่วงนั้นก็ไม่ได้ถูก เหมือนภูมิภาคของเราถูก rerated หุ้นเพื่อนบ้านอย่างฟิลิปปินส์ ก็ขึ้นมา 40 percent year to date ครับ รู้สึกเหมือนกันว่าตลาดหุ้นอยู่ในสถานการ์ณทึ่เปราะบางมาก เเต่ตอนนี้ก้อยังเต็มพอรต เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดไรกับตลาด เดาไม่ได้จริงๆ ปกติเพื่อนๆ ถือ cash กันกี่เปอรเซนต ในสถานการณตอนนี้ครับ? ผมตอนนี้ต่ำ 5 เปอรเซนต์

Jeng เขียน:คือว่า ผมคิดอย่างนี้นะ แย้งได้นะ อย่าไปกดลบ กดบวกเลย ทำแบบนั้น ผมไม่ฉลาดขึ้น

คือสรุป ผมคิดว่า ปีนี้ภาษีลด 30 เหลือ 23 ภาพรวมคือจะมีกำไรโตขึ้น 10 %

และปีหน้า ภาษีลดจาก 23 เหลือ 20 กำไรก็จะโตขึ้น 3.89 %

และบางบริษัทก็มี growth ของตัวเองอยู่แล้ว ผสม growth ของ ภาษีเข้าไป

ซึ่ง ซึ่ง เป็นเรื่อง ถาวรแบบชั่วคราว เพราะในปี 2557 ไม่มีการลดภาษีอีก

อย่างไรก็ตาม บางบริษัท ก็สามารถขึ้นราคาได้อีก อันนี้ผสม growth จาก การปรับราคาขายไปอีก

ผลคือ ปีนี้ growth ของกำไร โดยรวมก็จะโตขึ้นมาก

คือเจ้า peg นี่จะโตขึ้นมาก ตลาดบูมอีก

ทะลุ 1300 หลายคนก็กลัว หลายคนก็ขายหมู และไม่รู้จาซื้ออะไร

โดยส่วนตัว ผมคิดว่า หุ้นก็ไปต่อแหละ เพราะ growth ทั้งสามตัวดังกล่าว

และปีหน้า ยังมี growth อีก

แต่น่าจะระวังปี 2557

หากฟองจะแตก ก็คงจะแตกปลายๆปี 2556 นั่นแหละ

เดาเล่นๆหนุกดี ไม่มีผิดไม่มีถูกอยู่แล้ว เพราะเป็นเรื่องอนาคต

แต่อยากจะฝากไว้ว่า growth ที่เราเห็นๆนั้น เกิดจาก ภาษี และการปรับราคา เพราะค่าแรงปรับ เป็น

300 บาทด้วย

โชคดีกับการลงทุนครับ

สำหรับผม ผมคิดว่าโกรทหลอกๆนี้จะไม่เป็นผลบวกในบางบริษัทโดยเฉพาะสายบริการ เพราะจะโดนผลกระทบจากค่าแรงเข้ามาหักล้าง ปีหน้า 20% แต่จะต้องเจอค่าแรงอีก 70 กว่าจังหวัดที่เหลือเข้ามาบีบคั้นอีก ปี 57 ที่บริษัทอื่นที่โดนผลกระทบเยอะ บริษัทเหล่านี้ก็จะโดนน้อยหน่อย แต่ 2 ปีนี้คงเหนื่อยครับ 555+

ayethebing เขียน:ยังมีอีกเพียบ CPN 40 เท่า MAKRO 32 เท่า เสริมสุข 103 เท่า (!!! สงสัยเราต้องกินเป็ปซี่แทนน้ำแน่ๆ มันถึงดีได้ขนาดนี้) BH 30 เท่า (อันนี้เค้าไม่เคยราคาถูกอยู่แล้วเลยไม่แปลกมากนัก) TRUE N.A. เท่า (ยังขาดทุนอยู่เรยจ้า 5 ปีหลังมีกำไร 2 ปี ขาดทุน 3 ปี แต่หุ้นขึ้นเอาๆ)



นอกเรื่องไปไกลไปมั้ยเนี่ย พี่เจ๋ง

เดือนหน้า เสริมสุข ก้อไม่มี เป๊บซี่แล้ว...555 ราคาเลยไปไกล...ขายชาเขียวแทนมั้ง...กะน้ำดำตัวใหม่ที่จะชนะเป๊บซี่.....

บางทีไปยึดติดกับ pe เกินไปก็ทำให้มองผิดได้นะครับ โดยเฉพาะถ้าเราไม่ได้มองธุรกิจไปข้างหน้า หรือดูกำไรปกติในอดีต
ยกตัวอย่างก่อนหน้านี้ cpn pe อยู่ที่ 100 ราคาขึ้นมา 70% แต่ค่า pe ลดเหลือ 40
ส่วนเรื่องขยายเต็มที่แล้วหรือยังเรื่องนี้ก็พูดกันมานานหลายปีแล้ว เช่น ค้าปลีกเต็มแล้ว มือถืออิ่มตัว อสังหาฟองสบู่
ผมก็เคยมองเรื่อง growth พวกนี้ผิดไปหลายครั้ง

ตลาดหุ้นจะ crash เพราะ เกิดวิกฤต เศรษกิจ ฟองสบู่แตก ขายของไม่ได้, บริษัทขาดทุน(ต้มยำกุ้ง, Hamberger crisis...)

แต่ปรากฏการที่หุ้นบางตัว บางกลุ่ม ถูกคาดหวังกับการเติบโตมาก ทำให้ PE สูง แต่เมื่อถึงจุดนึง
กำไรไม่โตตามหวัง(กำไรโตปกติ ไม่ได้ขาดทุน) ก็ถูกเทขาย PE ก็กลับสู่ปกติ

ไม่รู้ผมเข้าใจถูกรึเปล่า ตลาดหุ้นจะไม่ crash ทั้งหมด เพราะ PE ของหุ้นบางกลุ่มสูง ถ้าจะตก ก็คงเป็นแค่บางตัวหรือบางกลุ่ม

บล.ทรี นีตี้ระบุว่า ผลจากที่ลูกค้าให้การตอบรับที่ดีเป็นอย่างมากต่อการนำแคมเปญสะสมสแตมป์คาดจะ กระตุ้นให้ไตรมาส 3/55 มียอดขายสาขาเดิมเติบโตโดดเด่นสุดเป็นประวัติการณ์ในอัตราสูงถึง 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเมื่อบวกกับ การรับรู้ยอดขายจากสาขาใหม่ อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น และยังมีอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลที่ลดเหลือ 23% จึงคาดไตรมาส 3/55 จะมีกำไรสุทธิเติบโต 29%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน


แบบนี้แหละ โตขึ้น 29 % แต่ ภาษีไม่ได้ลดตลอด เราจะให้ pe 30 หรือ

แต่ถ้าเดินเข้าไปในร้าน 7 จะเห็นว่า ยังมีหลายอย่าง ยังไม่ได้ปรับราคา เช่น
ข้าวกล่องแช่เย็น 29 บาท -> แต่ข้างทางปรับจาก 25 มาเป็น 30-35
น้ำเปล่าขวดเล็ก 7 บาท ->แต่ โชห่วย ปรับจาก 7 มาเป็น 8
กาแฟกระป๋อง 13 บาท ->แต่ โชห่วย ปรับจาก 13 มาเป็น 14

ถ้าปรับราคาของเท่า โชห่วย จะได้กำไรขึ้นอีก (ผู้บริหารบอกว่า 7จะเป็นร้านสุดท้ายที่ปรับราคาขึ้น, ผมคิดว่าเค้าจะค่อยๆ ปรับเพิ่มที่ละตัวคงอีกสัก 3-4 เดือน)

เหตุผลตามหลังราคาจะมีประโยชน์จริงเหรอ

ตอนแพงก็มีเหตุผลว่าไม่แพงๆ ถ้าเดี๋ยวมันโตอีก

ตอนถูกก็มีเหตุผลว่าอย่าเพิ่งไปรับมีด เดี๋ยวมีถูกกว่านี้ถ้าเศรษฐกิจซบเซา

ผมคิดว่าปัญหาคือ เงินมันไม่รู้จะไปไหนครับ
เนื่องจากทั้งโลกค่อนข้าง balance กับปัญหาฝั่ง EU & US พอสมควร
เงินไม่มีทางเลือกนอกจากหาผลตอบแทนแค่พอใช้ ปันผล 3-5% ไม่รวม growth อาจจะหรูแล้วก็ได้
แล้วก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ใน state นี้ไปอีกนานแค่ไหน คงขึ้นอยู่กับว่าใครรับความเสี่ยงได้แค่ไหนแล้วหละครับ

ก็จริงอยู่ว่าคิดแต่ PE มันหยาบและอาจจะมอง growth ผิดพลาดได้

แต่อย่างที่ตั้งเป็นโจทย์ไว้ ถ้าต้องจ่าย 40 บาทเพื่อซื้อกำไรบาทเดียว มัน make sense ขนาดไหน (ผมจำได้ว่า CPN มันมี PE เยอะๆ อยู่ปีเดียวคือปีที่เซ็นทรัลเวิรลด์ โดนเผา ที่เหลือก็ประมาณ 10-15 เท่านะครับ) ในสถานการณ์ปกติที่ไม่มีกำไรพิเศษ PE ก็เป็นอะไรที่แสดงได้ถึงความถูกแพงระดับนึงนะครับ