จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่ควร

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
beaeaebe
Verified User
โพสต์: 214
ผู้ติดตาม: 0

จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่ควร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เมื่อคืนลงในเวป หุ้นพรุ่งนี้(ภาษาอังกฤษ) โพสไว้เมื่อคืน เข้าบรรยากาศดี เลยอยากนำมาโพสที่นี่บ้าง... น่าจะช่วยแบ่งสาระเล็กน้อยให้ท่านที่สนใจกันได้บ้าง

จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรจะกลัว และ อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่ควรจะหวัง

ไม่ได้ซ้ำเติมใคร แต่ไม่อยากให้มองโลกในแง่ดีเกินไป

ลองอ่านนะครับ

จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ จงโลภเมื่อคนอื่นกลัว?? แน่นอนทุกคนทราบดีประโยคนี้ พูดแล้วมันก็ไม่ได้เท่อีกต่อไป เพราะใครๆก็รู้และพูดได้ แต่... ท่านรู้หรือไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ควรจะปฏิบัติตามคำพูดดังกล่าวนี้

ตั้งแต่อาทิตย์ก่อนที่ตั้งถาม ทำไมยังมีหุ้นกันอีกมา หนึ่งอาทิตย์ คงได้คำตอบแล้วว่าทำไมไอ้บ้านี่มาตั้งกระทู้แช่งคนอื่น หรือ ถามคำถามแบบบ้าๆบอๆ บางคนก็ตอบว่า VI บ้าง กิจการดี ซื้อถือไปชิว...

จากที่สังเกตพฤติกรรมการแสดงความเห็นต่างๆ ทั่ว internet ผมสังเกตได้อย่าง และ ตรงกับกูรูหลายท่านที่ได้เตือนไว้ คือ ทุกคนไม่กลัว และ คิดว่าคนอื่นกลัว... และ จึงคิดว่าตัวเองควรจะโลภ...

ผมจึงอยากกล่าวว่า บางที timing ของการกลัวและการโลภนั้น มันอาจจะสำคัญกว่า การทำตัวให้กลัว หรือการทำตัวให้โลภ

ในเวลานี้ หุ้นก็ถล่ม ทางเทคนิคคือหลุดแนว ทำ Dead Cross แถมความรุนแรงก็กระจายไปทั่วโลก แต่สังเกตได้ว่านักลงทุนรุ่นใหม่ ที่เริ่มต้นการเทรด ศึกษาจากเวปต่างๆ facebook comment หนังสือหน้าใหม่ๆ กลับยังมีความหวัง มองเรื่องในอนาคตไปในทางเดียวกัน ถึงจุดสุดยอดของเอเชีย ประเทศไทย... ซึ่งกูรูบางท่านคิดว่าต้องเกิดแน่นอน และ ประกาศดั่งประดุจท่านเป็นนอสตราดามุสพูดเอง

ผมอยากจะให้ข้อสังเกตว่า ไม่ว่าท่านจะเม่า หรือเป็น วีไอเล็ก กลาง ใหญ่ เทพ หรือ นักเทคนิค ก็แล้วแต่ การพยายามวิเคราะห์อะไร โดยที่ฟันธง ระเบิดธง เข้าข้างตนเองจนเกิด Bias นั้น ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตามส่วนใหญ่จะกลับมามีผลทำร้ายตัวท่านเองในที่สุด ส่วนใหญ่แน่นอน ท่านฟังการวิเคราะห์มา อ่านหนังสือมา ดู comment มา ท่านจะเริ่มมีภาพในใจไปในทางเดียวกัน

ยกตัวอย่างง่ายๆ หุ้น Commod ปกติต้องเล่นเป็นรอบ แต่กิจการบางประเภทที่เป็น Commod กลับกลายเป็นถูกระบายภาพมองว่าเป็นหุ้น VI กิจการแข็งแกร่ง ควรถือยาวเป็นสิบปี ถ้าไม่ดี ก็กินปันผลไป...

คือเม่าบางท่านก็มีความสุขที่ได้เสพหุ้นเหล่านี้ ที่ดอย ถือไว้ และ มีความหวังอันเต็มเปี่ยมที่ได้จากการวิเคราะห์ภาพอนาคต และลืมที่จะกลัว... แน่นอน โลภ เมื่อคนอื่น กลัว แต่ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเวลานั้นท่านอยู่ถูกฝั่ง ถูกข้างในการกลัวหรือโลภ?

คำแนะนำของกูรู หรือ comment ต่างๆ ที่ว่ากันไปตามกลุ่ม ตามหน้าเวป หน้า facebook นั้นๆ ถ้าเป็นผู้ที่โชกโชนตลาด ก็คงมีวิจารณญาณ วิเคราะห์ต่อได้ว่าควรจะเชื่อหรือไม่ แต่กับเม่าที่รับฟัง ที่ได้รับการอัดฉีดความหวัง ภาพอนาคตที่สวยงาม กลับกลายเป็นว่า ความหวังนั้นๆ เป็นยากระตุ้นลบความกลัว ให้มีแต่ความโลภทุกเวลา... ด้วยความรู้ประสบการณ์และ อารมณ์ที่ไม่เท่ากันกับท่านๆ ผู้รู้ทั้งหลาย ซึ่งจริงๆ ท่านผู้รู้ก็อาจจะไม่ได้รู้อะไรอย่างถ่องแท้ (เพราะบางท่านเข้าตลาดหลัง Sub Prime ซึ่งถือเป็นผลมาจากบุญกุศลส่วนบุคคล) ซึ่งแต่ละคนก็มีความ bias เช่นกัน

บางท่านอาจจะบอกว่า นักลงทุนหน้าใหม่ถ้าไม่เจ็บก่อนอาจจะไม่รู้ ของอย่างนี้สอนกันไม่ได้ แต่ท่านกูรูที่โชกโชนมาก่อนหรือจะพูดวิเคราะห์ราวกับมองเห็นอนาคตดั่งหมอดูแม่นๆ ก็ไม่ควรที่จะผลักดันส่งเสริมเม่าเหล่านี้ไปตายอยู่ดี (ภาษาลงทุนดีๆ ก็คือเผชิญความเสี่ยงอย่างรุนแรง) เพราะบอกตรงๆ ว่าได้เห็นการส่งเสริมในลักษณะ ซื้อแล้วถือไป ของดีราคาถูก... แบบนี้มานานตั้งแต่ Set ยังราคาแพงกว่านี้ ตอนบูมๆ ซึ่งผมบอกตรงๆ มันเป็นการอัดฉีด Hope ในช่วงที่ไม่น่าจะเป็นเวลาที่จะโลภ หรือ มีความหวังมากเกินพอดี...

ง่ายๆ เอาแค่การเดินทางของหุ้น ตั้งแต่การลงครั้งรุนแรงครั้งแรกของปี กว่าจะบรรจบหลุดทำ Dead Cross ทางเทคนิคทั้งๆ ที่มีแนวโน้มมานาน จาก bearish diver มาหลายครั้ง กินเวลาเป็นเดือนกว่าจะเผาจริง ฉันใด การเดินทางกลับมาเป็นขาขึ้น และรวมถึงกิจการที่จะพิสูจน์ตนเองในสนามรบของเศรษฐกิจโลกที่วันดีคืนดีจะเกิดอะไรบ้าบอมาอีกในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ยังต้องใช้เวลา ฉันนั้น เผลออาจจะยาวนานกว่าที่กูรู มิราเคิลหลายท่านคิด เพราะท่านเหล่านี้เห็นการฟื้นตัวของตลาดแค่ในรูป V-Shape แค่ครั้งเดียว... เห็นวิกฤตต่างๆ ในอดีต แค่คำบอกเล่า ตัวหนังสือ และ ภาพกราฟ ความทรมาน ความสิ้นหวัง และการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจที่เงินก้อนของนักลงทุน ต้องจมอยู่กับความผิดหวังที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อเศรษฐกิจภาพรวม เป็นแค่ตัวเลขในพอร์ตที่นับวันจะลดลงๆ

ซึ่งหลายท่านอาจจะบอกว่าก็ความคิดนี้ก็ถูก แต่ในความเป็นจริงและโดยทั่วไปแล้ว มันถูกแค่บางส่วนสำหรับการเป็น VI โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องส่วนลดราคาของกิจการ ได้ถูกบิดเบือนไปจนกลายเป็นว่า ซื้อที่ไหนก็ถูก...

แล้วเม่าที่ไม่เจนสนาม ก็นำภาพความหวังเหล่านั้นฝังใจ เปรียบเหมือนกันถูกอัดฉีดความหวังเข้าสู่เส้นเลือด ทำให้คิดว่าแน่นอนไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันจะกลับมา มันจะดี เอเชียปาฏิหารย์ต่างๆนานา... ทุกครั้งที่หุ้นตก ก็จะมีกระบอกฉีดยากระบอกใหม่มาแปะให้ท่านทั้งหลายได้นำไปเสพต่อประทังชีวิตว่า ภาพใหญ่ดี ภาพใหญ่ไป... ถูกแล้วยิ่งน่าซื้อ... ตลอดช่วงเวลาก่อนที่จะมาตกแบบกระหน่ำล่าสุดเมื่อวาน

แค่อยากถามว่าแน่ใจหรือว่ามันคุ้มค่ากับภาพรวมเศรษฐกิจ หรือต่อตัวท่านเม่าเอง?

การลงทุนทำมาหากินของเม่าต่างๆ ที่ไม่ได้มีฐานะร่ำรวย ใช้เงินออม มาลงหุ้น เพียงเพราะเดินผ่านร้านหนังสือ เล่น facebook internet แล้วได้เห็นภาพความคาดหวัง Hope ต่างๆ ที่ถูกอัดฉีดเข้าเส้นเลือดตั้งแต่เข้าตลาดจนมองโลกในแง่ดีจนสุดโต่งและ คิดว่าสิ่งที่ถูกวาดไว้คือ อนาคตที่ลิขิตไว้แล้วของประเทศไทย หรือของเอเชีย... ถ้าอะไรมันเป็น 100% แล้วจะบอกทำไมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง?

แน่นอนไม่มีอะไรที่ไม่มีความเสี่ยง ทำไมไม่มีใครถามว่า ถ้ามันไม่เป็นไปตามนั้นล่ะ? หรือยังไม่ถึงเวลาที่จะฟันธงในสิ่งเหล่านั้นล่ะ? การอัดฉีดความหวังนั้นๆ ไม่ใช่เป็นการกระทำที่ผิดเวลาหรือ? ในเมื่อตอนนี้ยังถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางเทคนิคของ Set แน่นอนพื้นฐานคงไม่มีใครจะเถียงมากมายว่าประเทศไทยนับว่ามีอนาคต แต่ในเมื่อมันเป็นเรื่องในอนาคต ท่านจะส่งเม่าเหล่านี้เข้าไปรับหุ้นในราคาที่แทบจะไม่ค่อยมี MOS แล้วบอกให้เขาถือไว้ โดยอัดฉีด Hope เข้าไปทีละระลอกๆ?

บอกกันตามตรงนักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ และ บางทีก็เรียกตัวเองว่าเล่นหุ้น ไม่ได้ลงทุนนั้น ส่วนมากก็คิดอะไรกันไม่เป็นไปในเชิงเหตุผลในการลงทุนสักเท่าไหร่ เนื่องจากเข้ามาเพราะแสงไฟ การฟื้นตัวจาก Sub Prime ที่ก่อให้เกิดกูรู เซเลบหน้าใหม่มากมาย รวมถึง ถูกอัดมาด้วยความหวัง ทั้งสื่อต่างๆที่ทันสมัย Social Network Internet

ทำให้มีความคิดที่ว่า เข้าๆ ไปเถอะ (แน่นอนไม่มีใครพูดออกมาตรงๆ แต่คนที่เสพความคาดหวังล้วนเห็นภาพคำนี้) เงินเย็น สักวันมันจะมา ไม่มาก็กินปันผลนั้น ซึ่งผิดเพี้ยนวิถีการลงทุนที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลไปมาก และ ในส่วนรวมทำให้เงินออมในประเทศ ในทางเศรษฐศาสตร์ เกิดการเสียโอกาสในการลงทุนทางธุรกิจที่จับต้องได้มากมาย เงินสด เงินออมกลับต้องถูกนำมาซื้อ asset ในราคาที่ไม่ถูก และทิ้งไว้เฉยๆโดยที่ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ เพราะขาดทุน... (แต่อาจจะถูกในสายตานอสตราดามุสบางท่าน)

แทนที่เงินเหล่านี้จะถูกนำไปลงทุนในธุรกิจที่เป็นเนื้อเป็นหนัง ค้าขาย หรือทำมาหากินไปตามความฝัน เกิดเป็นความสร้างสรรค์ทางเศรษฐกิจ แต่กลับนำเข้ามาสู่ภาคการเงินในการซื้อ asset ที่ไม่ได้ราคาที่น่าสนใจ เมื่อท่านจมเงินลงไป มันอยู่ในพอร์ต และไม่ได้นำไปทำให้เกิดความเจริญทีเป็นห่วงโซ่ทางเศรษฐกิจที่แท้จริง และ อีกทั้งยังก่อให้เกิดสภาพทางจิตใจที่เป็นโรค ดอยริซึ่ม ความเครียด ต่างๆมากมาย ซึ่งไม่น่าจะมีความสุขนักในการใช้ชีวิตของเม่าทั้งหลายไปอีกนานแสนนาน (ในกรณีที่ตลาดซบเซาไปอีกนาน)...

ไม่อยากจะบอกว่าจนถึง ณ วันนี้(เขียนเมื่อคืน คือหลังจากพึ่งลงแรงๆ วันแรก) ขนาดพึ่งถล่มกันแดงเดือดหยกๆ ความคาดหวังก็ยังบังเกิดไปทั่วฟ้า เมืองเม่าของประเทศไทย

บอกตรงๆ คำว่า miracle กับคำว่า เพ้อฝัน... บางครั้งมันก็ต่างกันแค่ว่า สิ่งที่ได้รับการอัดฉีด Hope น่ะ มันมาจริงหรือไม่ หรือ มันใช้เวลานานแค่ไหนในการมา ซึ่งเม่าไร้ประสบการณ์จะรอได้สักกี่คน ถึงมา ก็อาจจะไปบรรจบที่ราคาดอยที่เข้า เพราะขาด MOS และซื้อในราคาที่สูงลิ่ว

ที่กล่าวมาทั้งหมด ก็แค่อยากจะเตือนว่า คนเราบางครั้งต้องแยกแยะตัวเอง นักวิเคราะห์ คนที่พูดให้ท่านฟัง ไม่ว่าจะน่าฟังแค่ไหน ให้เกิดความหวังแค่ไหน ท่านต้องหันกลับมามองตนเอง ว่าตัวเองพร้อมหรือไม่ที่จะรับความเสี่ยงจากการไปรับอัดฉีดความคาดหวังนั้นๆ มา เพราะเงินของท่าน ก็คือเงินของท่าน เสียเขาไม่ได้มาเสียกับท่าน

คนพวกนี้ นักวิเคราะห์ ผู้รู้ ฮีโร่พวกนี้ ไม่ได้ซื้อที่ยอดดอยซับไพรม์ ไม่ได้ซื้อที่ยอดดอยต้มยำกุ้ง ไม่งั้นคงมาโม้ให้ท่านฟังไม่ได้ในวันนี้ แต่คนพวกนี้ ซื้อของถูกที่เม่าที่ตายไปในหลายๆ รอบที่แล้วคายออกมาที่ก้นบึ้งแห่งความทรมาน ไม่ว่าจะหลังต้มยำกุ้ง หรือ หลังซับไพรม์ ดังนั้น ดูแลตัวท่านเอง และไปถ้ำกระบอก เลิกยาเสพติดความหวังที่ท่านมีอยู่เต็มสายเลือด และ กลับมามองโลกในความเป็นจริงซะ อย่าทำร้ายตัวเองด้วยความหวังที่มากเกินไป

เรียนรู้ที่จะใช้ประโยคจงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ จงโลภเมื่อคนอื่นกลัว ให้มันถูกเวลาซะ ไม่ใช่ใช้มันทุกครั้งที่หุ้นตก หรือกูรูบางท่านบอกว่ามันน่าซื้อ

และต้องฉุกคิดด้วยว่า ผู้ที่อัดฉีดความหวังให้ท่าน เขาอยู่ในสถานะเดียวกับท่านหรือไม่ เป็นชาวดิน ดอย สวน หรือลูกเศรษฐีหรืออย่างไร? ท่านต้องดูแลตัวเอง ไม่งั้นสุดท้าย ท่านจะเป็นได้แค่คนฝันกลางวัน เพ้อฝัน เนื่องจาก เสพความหวังมากเกินไป เร็วเกินไป ในเวลาที่ยังไม่ควรจะรีบหวัง และ ตายแบบเม่าที่ตายไปในทุกรอบของการขึ้นลงในตลาด แห่งความกลัวและความหวัง
harikung
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2237
ผู้ติดตาม: 16

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อ่านแล้วถูกใจดีครับ คนโพสก้อกล้าดีนะครับ เพราะเหมิอนเหน็บๆคนของเวปนั้นพอสมควร ชอบครับ เขียนตรงๆสะใจดี
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
harikung
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2237
ผู้ติดตาม: 16

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ใจจริงอยากจะcopyลิ้งไปแปะไว้ในเฟสบุ้คคนๆนึงมากที่แฟนคลับเค้าเยอะ แต่กลัวจะแปะแล้วอยู่ได้ไม่ถึง5นาที มาอ่านละเอียดๆอีกรอบ นี่มันจัดหนักถึงนักเขียนหนังสือ และนักลงทุนแนวเทคนิคอลวิไอ(เค้าสถาปนาเรียกตัวเองแบบนี้)เลยนี่หว่า
หึๆAsian miracle คุ้นๆมั้ยครับ
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 4

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 4

โพสต์

http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 06332.html

ถ่าคน 97 เปอเซ็นต์ทำอะไร ผมจะพยายามทำตรงข้ามครับ

เพราะคน 3 เปอเซ็นต์

ที่จะได้กำไร

ชอบคำนี้ครับ

และมันก้เป็นจริงทุกรอบครับ สุดท้ายคน 97 คนก้ต้องเสียเงิน ให้กับคน3คน

ผมว่าที่เค้ากล่าวมา มันเป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ครับ

ถ้าไม่รู้สระน้ำลึกแค่ไหน แล้วเรากระโดดทั้งตัว ลงไปในสระน้ำนั้น ถ้าไม่ตายก้เลี้ยงไม่โต

ผมว่าอารมณ์และแผนการก้เป็นองค์ประกอบหลัก

ถ้าเราโดดลงไปทั้งตัว มันจะแสดงวุฒิภาวะได้เลย ว่า พวกนักเก็งกำไร

ถ้าเราเอาขาแหย่น้ำก่อน แล้วค่อยๆๆหย่อนขาซ้ายหรือขวาลง แล้วค่อยๆๆเอาเอวลง

โดยที่ยังจับราวอยู่ ถ้าขาคุณไม่ถึงพื้น แสดงว่าน้ำยังลึก คุณอาจจะจับราวรอให้น้ำ

มันลดลงก่อน เพื่อจะมองหาว่าพื้นอยู่ไหน

คนประเภทนี้ เรียกนักลงทุนครับ

ผมก้เชื่อในทฤษฎีผลประโยชน์อีกคนหนึ่ง และก้มองว่า ถ้าคน97คนแทงหวยถุกเจ้ามือ

คงไม่พอจ่ายแน่ครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 4

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ง่ายๆ เอาแค่การเดินทางของหุ้น ตั้งแต่การลงครั้งรุนแรงครั้งแรกของปี กว่าจะบรรจบหลุดทำ Dead Cross ทางเทคนิคทั้งๆ ที่มีแนวโน้มมานาน จาก bearish diver มาหลายครั้ง กินเวลาเป็นเดือนกว่าจะเผาจริง ฉันใด การเดินทางกลับมาเป็นขาขึ้น และรวมถึงกิจการที่จะพิสูจน์ตนเองในสนามรบของเศรษฐกิจโลกที่วันดีคืนดีจะเกิดอะไรบ้าบอมาอีกในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ยังต้องใช้เวลา ฉันนั้น เผลออาจจะยาวนานกว่าที่กูรู มิราเคิลหลายท่านคิด เพราะท่านเหล่านี้เห็นการฟื้นตัวของตลาดแค่ในรูป V-Shape แค่ครั้งเดียว... เห็นวิกฤตต่างๆ ในอดีต แค่คำบอกเล่า ตัวหนังสือ และ ภาพกราฟ ความทรมาน ความสิ้นหวัง และการเสียโอกาสทางเศรษฐกิจที่เงินก้อนของนักลงทุน ต้องจมอยู่กับความผิดหวังที่ไม่มีประโยชน์ใดๆ ต่อเศรษฐกิจภาพรวม เป็นแค่ตัวเลขในพอร์ตที่นับวันจะลดลงๆ

อันนี้ผมไม่ได้ว่าใครนะครับ แต่วิกฤติทุกรอบ มีใครรู้บ้างไหมว่า มันจะลึกหรือตื้น

มันเป็นอนาคตครับ ไม่มีใครรู้

ดังนั้นสิ่งที่มองกันแบบเลวร้ายสุดๆๆด้วยคน 97เปอเซ็นต์ ก้อาจจะเป็นความผิดพลาด

ก้ได้ ยิ่งคนกลัวมากเท่าไหร่ ขายมากเท่าไหร่ แล้วใครจะรับผิดชอบ

ถ้าวิกฤตินั้นไม่แรงอย่างที่คิด

ถ้าจงกลัวเมื่อถึงเวลากลัว ก้เหมาะแก่ตอนที่ ทุกคนมีแต่ความโลภ คนโลภ97เปอเซ็นต์

อย่าพึ่งหวังในสิ่งที่ยังไม่ควร อันนี้ก้เหมือนกัน ผมเองก้มองว่ามันเป็นแนวคิดสุดโต่ง

ของด้านลบ จะควรไม่ควร เซทจะลงมากน้อยแค่ไหน ไม่มีใครรู้

ผมขอว่า ถ้าจะกลางๆ น่าจะดีกว่านะครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
thipong
Verified User
โพสต์: 178
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เหอๆๆ อัดความหวังกันเต็มๆ asia miracle2 :wall:
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 4

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 7

โพสต์

หึๆAsian miracle คุ้นๆมั้ยครับ :oops:

อันนี้ผมก้เคยเขียน แต่การเขียนบอกว่า ถ้าคิวอี3เกิด เงินจะไหลเข้าครับ

ซึ่งตรงนี้จิงๆๆผม อาจจะผิด เพราะคนส่วนใหญ่ทั้งโลกมองว่าน่าจะเกิดถึง97 เปอเซ็นต์

แต่พอไม่ออก หุ้นก้เลยเกิดการขายออกมามากมาย

สรุปว่า คนที่ไม่คิดว่าออกก้ชนะ และคนเหล่านั้นก้มีแค่ 3เปอเซ็นต์


ในขณะที่ตอนนี้หลายคนและคนส่วนใหญ่มองเซทจะลงไปลึกมากๆๆแบบในปี2008

เผลอๆยิ่งกว่า และคนส่วนนั้นคิดเป็น คน 97เปอเซ็นต์

ผมพูดในฐานะคนกลางนะครับเฮีย

ไม่มี Bias
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
kmig
Verified User
โพสต์: 239
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 8

โพสต์

น่าจะเอาไปลง ในเวป S2_ เทพประจำเวปเค้าจะสะดุ้งหรือเปล่า :8)
harikung
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2237
ผู้ติดตาม: 16

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 9

โพสต์

มันมาจากS2ไาใช่เหรอครับ หรือผมเล่นเกมทายคำผิด "เวปหุ้นพรุ่งนี้" แปลเปนอังกิดอย่างอื่นได้ด้วยเหรอ :8)
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
navapon
Verified User
โพสต์: 760
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 10

โพสต์

วันนี้ผมเข้าไปดู เจ้าของเขาหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว ยังเหลือแต่เม่ามาโพส
อาทิตย์หน้า ถ้ายังลงอีก อาจโดนสาวกโพสด่าเพียบ

ว่าแต่ "จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่ควร"
มันก็จริงอยู่ แต่ใครจะรู้อนาคตว่ามันจะลงหรือขึ้น มันอาจไม่ลงแล้วก็ได้นะครับ
ผมเสนอ ช้าได้พร้าเล่มงาม อย่าทุ่มหมดหน้าตัก แค่นี้ก็พอแล้ว

ผมชอบ "จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ จงโลภเมื่อคนอื่นกลัว" แบบเดิมมากกว่า
เพียงแต่ว่า แต่ละคนก็ตีความต่างกันไปว่า ตอนนี้คนอื่นเขาโลภหรือกลัวกันอยู่
สำหรับผม ผมว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่ควรโลภแบบเต็มที่ครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 4

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 11

โพสต์

อันนี้ผมก๊อปมาจากพี่ ป๊อปโป้ข้างบน

poppo wrote:
มารายงานผลครับ

ผมทำผิดพลาดหลายอย่างมากเลยครับ และหุ้นแต่ละตัวที่ผมขายไปที่เกือบฟลอร์หรือฟลอร์ ถ้าถือถึงวันนี้ ผมคงรวยไปแล้วล่ะครับ

ผมขาย mcs. ไปตอนสองบาท ก่อนมันจะลงไป 1.7 แต่ปัจจุบันเกินสิบบาทไปแล้ว อันที่จริงผมกลับมาซื้อมันใหม่ตอนสี่บาท แล้วขายไป 9.5 แล้วไม่ได้ดูแล้วครับ

ส่วนแมคโครขายไปตอนขึ้นมาแถว74บาท ปัจจุบันสองร้อยแล้ว

ไวท์กรุ๊ปเพิ่งขายหมดมือไปแถว 70 บาท ขายเพราะน้องสาวจะขอเงินไปซื้อคอนโดใหม่ที่สิงคโปร์ ถือว่าให้เขาไป

ส่วน dcc. ขายไปแถว 15 บาทมั้ง


ผมสรุปว่า แสดงว่า สิ่งที่เราไม่รู้คือ Timing แต่สิ่งที่ถูกต้องเสมอ ตั้งแต่ปี2540 คือ

หุ้น มีขึ้นมีลงได้ ถ้า ไม่เน่าจนเกินแกง หรือง่อยพิการ

จะบอกว่าตรงไหนถึงดาลเนี่ย มันบอกไม่ได้จริงๆๆๆ ไม่มีใครรู้จิงๆๆหรอกครับ

อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่ควร------อันนี้ไม่ถูกต้องแน่ เพราะไม่มีใครรู้ว่า

เวลาไหนจะดีและเหมาะ สิ่งที่เรารู้คือ มันถูกหรือแพงเมื่อคำนวณด้วย ค่าสากลที่ยอมรับได้
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
beaeaebe
Verified User
โพสต์: 214
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนำต่างๆ ครับ โดยเฉพาะคุณ chukieat30 ครับ ช่วยในการปรับทัศนคติในการเขียนบทความ และความคิดในการลงทุนมากๆครับ

อธิบายก่อนว่าที่เขียน ความตั้งใจจริงคือ ผมทนเห็นไม่ได้ที่ สาวก หรือแมงเม่าบางกลุ่มที่หลับหูหลับตาเอาความรู้ ความเห็น การวิเคราะห์ ที่ผู้อื่นยื่นให้ไปใช้ในทางที่ผิดเพี้ยนครับ ถ้าผมไปนั่งเถียง ใน FB หรือ ไปบอกตรงนั้น คงไม่มีใครจะฟัง หรือ อาจจะโดนลบคอมเม้น

ผมจึงต้องการกระตุกความคิดคนเพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยง และเตือนว่าให้ใช้สติครับ

กรุณาอ่าน ย่อหน้าหลังๆที่ผมสรุป ว่าต้องใช้วิจารณญาณ มองโลกในความเป็นจริง ตัด ความคาดหวังออกไป

ผมไม่ได้บอกว่า ตอนนี้ให้โลภ หรือให้กลัว เพราะผมไม่ทราบ ผมไม่ทำนาย ผมใช้คำว่าอาจจะ เสมอ เมื่อยกตัวอย่าง เหตุการณ์ว่าถ้ามันเป็นอย่างนั้นอย่างงี้ล่ะ คุณคิดถึง Downside ไว้รึเปล่า ไม่ใช่มองโลกแง่ดีสุดๆ

แต่สุดท้ายถ้าใครอ่านแล้วเห็นว่าผมยังมีความ Bias ผมก็จะนำไปวิเคราะห์ปรับปรุงครับ ขอบคุณมาก

และบอกตรงๆ ผมเป็นคนที่ไม่อยากให้มีQE3 ถ้าคุณเข้าเวป หุ้นพรุ้งนี้ ผมเคยเขียนกระทู้ รวมถึง blog ในนั้นว่า "ทำไม ผมไม่อยากให้มี QE 3" และผมก็เชื่อลึกๆว่ามันจะไม่มี และผมก็ล้างพอร์ตไปก่อนหน้านี้นานแล้ว กอดเงินสด และผมก็ดีใจมีความสุขที่คิดถูก มันพิสูจน์ได้หมดครับในสิ่งที่ผมทำ และผมวิเคราะห์ และไม่ได้คิดไปเอง

ผมยังสงสัยว่า ไอ่เรื่องที่ยกตัวอย่างมาว่า เหตุการณ์นี้ เกิดเพราะ คนส่วนใหญ่ 97% คิดแบบนี้ มันเลยเกิดอีกแบบที่ 3% คิดแบบนี้?

คุณรู้ได้อย่างไรว่า 97% คิดแบบนี้ ส่วนใหญ่คิดแบบนี้? ทั้งที่บางที ส่วนใหญ่ก็อาจจะคิดถูกและทำถูก คุณแค่ฟังข่าวสาร เห็นแค่บางส่วน แน่นอนไม่มีทางที่คุณจะไปทำโพลรู้ได้หมดว่า 97% คิดแบบไหนอย่างไร 3% ยังไง

ตรงนี้ผมขอให้พิจารณา ว่าบางที การพูดเป็นกลาง มันก็สอดแทรกความ Bias ได้เหมือนกัน ดังนั้นขออนุญาต แนะนำกลับนะครับ ว่าบางทีอย่าคิดไปเอง อนุมานหมด ว่าผมจะมองว่า set จะดำดิ่งไปไหน

เพราะผมใช้คำว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่างงี้ เป็นเหมือน สมมติฐานและไม่ได้ปลูกฝังใครว่ามันจะเกิดจริงหรือไม่ เพราะผมไม่ใช่กูรูที่ไหนครับ

เมื่อผมโพสไปตอนดึก และเมื่อเช้า เห็นบางท่านก็มีการโพส เทคนิคในเวปที่หลายๆคนอ้างอิง ว่าให้ระวัง สัญญาณไม่ดี อันตรายมาก

นั่นแหละครับ ผมบรรลุจุดประสงค์แล้ว ผมต้องการส่งสารไปถึงท่านบางท่าน เนื่องจากมีแต่ท่านเท่านั้นที่เตือนสาวกท่านเองได้ คนอื่นพูดสาวกท่านมีแต่ด่ากลับ

ผมเป็นห่วงคนอื่นครับ และนี่เป็นวิธี กุศโลบายที่ผมพอจะทำได้

เพราะถ้าผมไม่ทำ เมื่อวานตกแรงๆหนักๆครั้งแรก ยังมีการแนะนำอยู่เลยว่า ภาพใหญ่ยังไปได้... ผมบอกตรงๆ ผมทนห่วงไม่ได้

แต่ผมก็ไม่รู้ครับมันจะลงไปถึงไหน ไม่ทำนาย มันอาจจะเด้งพรุ่งนี้ แต่ผมบอกเลย ว่าคนเรารับความเสี่ยงไม่เท่ากัน

ผมสรุปไว้ชัดเจนว่าท่านต้องฟังแล้วคิดวิเคราะห์พิจารณาเอง อย่าอนุมาน

แล้วถ้าท่านอนุมานว่า ผมบอกว่ามันจะดำดิ่งหรือไง ท่านต้องรับผิดชอบความคิดนั้นของท่านเอง ผมไม่ฟันธงเด็ดขาดครับ


ขอบคุณที่สนใจความรู้น้อยๆ สาระน้อยๆ ที่โพสครับ ขอบคุณจริงๆครับ
beaeaebe
Verified User
โพสต์: 214
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 13

โพสต์

"จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ จงโลภเมื่อคนอื่นกลัว" <-- ผมก็ชอบครับ และตระหนักเสมอ

แต่ที่ผมจะสื่อคือ ใช้ให้มันถูกเวลา และอย่าไปอยู่ผิดฝั่งเท่านั้นเอง รับผิดชอบเงินท่านเองครับ ผมได้แค่พูดแบบนี้ ท่านฟัง ท่านคิด ท่านทำของท่านเอง ไม่ใช่เงินผม
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 4

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 14

โพสต์

beaeaebe เขียน:ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะนำต่างๆ ครับ โดยเฉพาะคุณ chukieat30 ครับ ช่วยในการปรับทัศนคติในการเขียนบทความ และความคิดในการลงทุนมากๆครับ

อธิบายก่อนว่าที่เขียน ความตั้งใจจริงคือ ผมทนเห็นไม่ได้ที่ สาวก หรือแมงเม่าบางกลุ่มที่หลับหูหลับตาเอาความรู้ ความเห็น การวิเคราะห์ ที่ผู้อื่นยื่นให้ไปใช้ในทางที่ผิดเพี้ยนครับ ถ้าผมไปนั่งเถียง ใน FB หรือ ไปบอกตรงนั้น คงไม่มีใครจะฟัง หรือ อาจจะโดนลบคอมเม้น

ผมจึงต้องการกระตุกความคิดคนเพื่อให้เข้าใจถึงความเสี่ยง และเตือนว่าให้ใช้สติครับ

กรุณาอ่าน ย่อหน้าหลังๆที่ผมสรุป ว่าต้องใช้วิจารณญาณ มองโลกในความเป็นจริง ตัด ความคาดหวังออกไป

ผมไม่ได้บอกว่า ตอนนี้ให้โลภ หรือให้กลัว เพราะผมไม่ทราบ ผมไม่ทำนาย ผมใช้คำว่าอาจจะ เสมอ เมื่อยกตัวอย่าง เหตุการณ์ว่าถ้ามันเป็นอย่างนั้นอย่างงี้ล่ะ คุณคิดถึง Downside ไว้รึเปล่า ไม่ใช่มองโลกแง่ดีสุดๆ

แต่สุดท้ายถ้าใครอ่านแล้วเห็นว่าผมยังมีความ Bias ผมก็จะนำไปวิเคราะห์ปรับปรุงครับ ขอบคุณมาก

และบอกตรงๆ ผมเป็นคนที่ไม่อยากให้มีQE3 ถ้าคุณเข้าเวป หุ้นพรุ้งนี้ ผมเคยเขียนกระทู้ รวมถึง blog ในนั้นว่า "ทำไม ผมไม่อยากให้มี QE 3" และผมก็เชื่อลึกๆว่ามันจะไม่มี และผมก็ล้างพอร์ตไปก่อนหน้านี้นานแล้ว กอดเงินสด และผมก็ดีใจมีความสุขที่คิดถูก มันพิสูจน์ได้หมดครับในสิ่งที่ผมทำ และผมวิเคราะห์ และไม่ได้คิดไปเอง

ผมยังสงสัยว่า ไอ่เรื่องที่ยกตัวอย่างมาว่า เหตุการณ์นี้ เกิดเพราะ คนส่วนใหญ่ 97% คิดแบบนี้ มันเลยเกิดอีกแบบที่ 3% คิดแบบนี้?

คุณรู้ได้อย่างไรว่า 97% คิดแบบนี้ ส่วนใหญ่คิดแบบนี้? ทั้งที่บางที ส่วนใหญ่ก็อาจจะคิดถูกและทำถูก คุณแค่ฟังข่าวสาร เห็นแค่บางส่วน แน่นอนไม่มีทางที่คุณจะไปทำโพลรู้ได้หมดว่า 97% คิดแบบไหนอย่างไร 3% ยังไง

ตรงนี้ผมขอให้พิจารณา ว่าบางที การพูดเป็นกลาง มันก็สอดแทรกความ Bias ได้เหมือนกัน ดังนั้นขออนุญาต แนะนำกลับนะครับ ว่าบางทีอย่าคิดไปเอง อนุมานหมด ว่าผมจะมองว่า set จะดำดิ่งไปไหน

เพราะผมใช้คำว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่างงี้ เป็นเหมือน สมมติฐานและไม่ได้ปลูกฝังใครว่ามันจะเกิดจริงหรือไม่ เพราะผมไม่ใช่กูรูที่ไหนครับ

เมื่อผมโพสไปตอนดึก และเมื่อเช้า เห็นบางท่านก็มีการโพส เทคนิคในเวปที่หลายๆคนอ้างอิง ว่าให้ระวัง สัญญาณไม่ดี อันตรายมาก

นั่นแหละครับ ผมบรรลุจุดประสงค์แล้ว ผมต้องการส่งสารไปถึงท่านบางท่าน เนื่องจากมีแต่ท่านเท่านั้นที่เตือนสาวกท่านเองได้ คนอื่นพูดสาวกท่านมีแต่ด่ากลับ

ผมเป็นห่วงคนอื่นครับ และนี่เป็นวิธี กุศโลบายที่ผมพอจะทำได้

เพราะถ้าผมไม่ทำ เมื่อวานตกแรงๆหนักๆครั้งแรก ยังมีการแนะนำอยู่เลยว่า ภาพใหญ่ยังไปได้... ผมบอกตรงๆ ผมทนห่วงไม่ได้

แต่ผมก็ไม่รู้ครับมันจะลงไปถึงไหน ไม่ทำนาย มันอาจจะเด้งพรุ่งนี้ แต่ผมบอกเลย ว่าคนเรารับความเสี่ยงไม่เท่ากัน

ผมสรุปไว้ชัดเจนว่าท่านต้องฟังแล้วคิดวิเคราะห์พิจารณาเอง อย่าอนุมาน

แล้วถ้าท่านอนุมานว่า ผมบอกว่ามันจะดำดิ่งหรือไง ท่านต้องรับผิดชอบความคิดนั้นของท่านเอง ผมไม่ฟันธงเด็ดขาดครับ


ขอบคุณที่สนใจความรู้น้อยๆ สาระน้อยๆ ที่โพสครับ ขอบคุณจริงๆครับ

ขอบคุณที่สนใจความรู้น้อยๆ สาระน้อยๆ ที่โพสครับ ขอบคุณจริงๆครับ[/quote]

ขอบคุณที่ยอมรับความเห็นต่างครับ เมื่ออ่านที่คุณบอก

ผมก้ได้แง่คิดในอีกหลายมุมมอง

ขอบคุณที่ลงบทความดีๆๆให้อ่านนะครับ ผม+1ให้
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
Dimsum
Verified User
โพสต์: 187
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ผมว่าสิ่งที่สำคัญคือ ต้องโลภตอนที่ราคามี MOS มาก ๆ ถึงจะถูกมั๊งครับ
ถ้าโลภตอนที่ราคาหุ้นยังไม่ถูก ก็อาจบาดเจ็บอย่างหนักก็ได้ในตลาดขาลง
torpongpak
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2611
ผู้ติดตาม: 63

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 16

โพสต์

chukieat30 เขียน:http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 06332.html

ถ่าคน 97 เปอเซ็นต์ทำอะไร ผมจะพยายามทำตรงข้ามครับ

เพราะคน 3 เปอเซ็นต์

ที่จะได้กำไร

ชอบคำนี้ครับ

และมันก้เป็นจริงทุกรอบครับ สุดท้ายคน 97 คนก้ต้องเสียเงิน ให้กับคน3คน

ผมว่าที่เค้ากล่าวมา มันเป็นเรื่องจริงที่พิสูจน์ได้ครับ

ถ้าไม่รู้สระน้ำลึกแค่ไหน แล้วเรากระโดดทั้งตัว ลงไปในสระน้ำนั้น ถ้าไม่ตายก้เลี้ยงไม่โต

ผมว่าอารมณ์และแผนการก้เป็นองค์ประกอบหลัก

ถ้าเราโดดลงไปทั้งตัว มันจะแสดงวุฒิภาวะได้เลย ว่า พวกนักเก็งกำไร

ถ้าเราเอาขาแหย่น้ำก่อน แล้วค่อยๆๆหย่อนขาซ้ายหรือขวาลง แล้วค่อยๆๆเอาเอวลง

โดยที่ยังจับราวอยู่ ถ้าขาคุณไม่ถึงพื้น แสดงว่าน้ำยังลึก คุณอาจจะจับราวรอให้น้ำ

มันลดลงก่อน เพื่อจะมองหาว่าพื้นอยู่ไหน

คนประเภทนี้ เรียกนักลงทุนครับ

ผมก้เชื่อในทฤษฎีผลประโยชน์อีกคนหนึ่ง และก้มองว่า ถ้าคน97คนแทงหวยถุกเจ้ามือ

คงไม่พอจ่ายแน่ครับ
ผมว่า"ระบบผลประโยชน์"ที่คุณพิชัยค้นพบเเละใช้เป็นวิธีคิดมันก็คือ"ไตรลักษณ์"นั่นเอง
ทุกสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นวัฎจักร ถ้าเราสามารถมองออก"รอบ"ของ ไตรลักษณ์ ในเรื่องหุ้นออกการกระทำของเราก็จะดูเหมือนสวนทางกับคนอื่น แต่จริงๆเเล้วเรานำหน้าไปก่อนคนอื่น 1 ก้าว เช่น
ช่วงที่ตลาดพันจุดทุกอย่างดูดี(แต่เราทยอยขายก่อนเเล้ว)-->พอมาช่วงนี้คนตกใจทยอยขาย(เเต่เราก็จะรอ)--> พอทยอยขายมากขึ้นอีก(เราก็ยังรอ)ขณะที่บางคนเริ่มซื้อสวน(เราก็ยังรอ)-->จนถึงจุดนึงเริ่มไม่มีVolumnในตลาด อาจไม่มีการซื้อเพราะ"ช้อนหัก" หรือไม่กล้า ไม่มีคนขายเพราะขายจนหมดเเล้ว(ตอนนั้นเเหละเราจะเริ่มซื้ออย่างเมามัน)

สังเกตุดูว่าถ้าเรามองไตรลักษณ์ของเรื่องต่างๆออกเราจะนำคนส่วนใหญ่อยู่ 1 Step

ไม่ทราบผมเข้าใจถูกรึเปล่า พี่chukieat30 โปรดชี้เเนะครับ :D
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
ภาพประจำตัวสมาชิก
SamuelYeD
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 261
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 17

โพสต์

เคยซื้อหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับ Asian Miracle ที่ว่า Set จะไป 1,500 - 1,700 จุดงี้

อ่านได้ประมาณ 20-30 หน้า โยนทิ้งเลย รู้สึกมันเพ้อเจ้อและตรงข้ามกับทัศนคติในการลงทุนของผม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4915
ผู้ติดตาม: 246

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 18

โพสต์

kmig เขียน:น่าจะเอาไปลง ในเวป S2_ เทพประจำเวปเค้าจะสะดุ้งหรือเปล่า :8)
ไม่สะดุ้งหรอกครับ น่าจะเศษเงินเค้านะครับ ขนาดเปิดร้านอาหารที่Australia ยังแบมือขอ พ่อแม่ ตั้ง $500000 เลย
ฝรั่งบางคน หาทั้งชีวิตยังไม่ได้เลยครับ เปิดแล้วเจ๊งไปเยอะ
หนังสือหมีแพนด้าใส่สูดดําแบบ หลินปิง เค้าก็ขายดีนี่ครับ ผมว่าเค้าเป็นนักตั่งเรื่องที่เก่งครับ แต่Skills ทั้งด้านลงทุนยัง :?: :?: :?:
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 29

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ตอนนี้คนกลัวกันจริงๆหรือ เทรดวันนี้ 50000 ล้านบาท

ผมว่าตอนที่คนกลัวกันจริงๆ น่าจะเทรดน้อยๆ ใช่หรือไม่ เช่น 3000 ล้านบาท

คำว่า กลัว แต่ยังดูหุ้น ยังซื้อ ยังขาย

กับคำว่ากลัวแบบ ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ดู ไม่ต้องมาพูดถึงเรื่องหุ้น

ไม่อยากฟัง คุยเรื่องอื่นดีกว่า

คงจะต่างกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rocker
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4915
ผู้ติดตาม: 246

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 20

โพสต์

จําได้ตอน Subprime Volume บางวัน 5000-6000 ลบ ตอน SET แถวๆ 400 จุด ซึมไปพักใหญ่
วรันศ์ บัฟเฟต
Verified User
โพสต์: 1679
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 21

โพสต์

Rocker เขียน:
kmig เขียน:น่าจะเอาไปลง ในเวป S2_ เทพประจำเวปเค้าจะสะดุ้งหรือเปล่า :8)
ไม่สะดุ้งหรอกครับ น่าจะเศษเงินเค้านะครับ ขนาดเปิดร้านอาหารที่Australia ยังแบมือขอ พ่อแม่ ตั้ง $500000 เลย
ฝรั่งบางคน หาทั้งชีวิตยังไม่ได้เลยครับ เปิดแล้วเจ๊งไปเยอะ
หนังสือหมีแพนด้าใส่สูดดําแบบ หลินปิง เค้าก็ขายดีนี่ครับ ผมว่าเค้าเป็นนักตั่งเรื่องที่เก่งครับ แต่Skills ทั้งด้านลงทุนยัง :?: :?: :?:
เอา comment คุณ rocker ไปลง น่าจะสะดุ้งนะครับ

:rofl:
value trap
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
simplelife
Verified User
โพสต์: 756
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 22

โพสต์

Rocker เขียน:จําได้ตอน Subprime Volume บางวัน 5000-6000 ลบ ตอน SET แถวๆ 400 จุด ซึมไปพักใหญ่
มองได้อีกแง่ว่า มีหุ้น 100,000 ราคา 400 เวลาขายก็ได้มูลค่าซื้อขาย 40 ล้าน แต่พอหุ้นตกเหลือ 150 มูลค่าการซื้อขาย ก็เหลือแค่ 15 ล้าน มูลค่าการซื้อขายก็ลดลงไปเกือบ 3 เท่าครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
ภาพประจำตัวสมาชิก
JUMP
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 188
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ผมมีความรู้น้อยนะครับ และไม่อยากขัดขาใคร เพราะทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นเท่าเทียมกัน ผมขอเสนอให้หยุดโจมตีดีไหมครับ ลองนำความคิดเห็นต่อสถานการณ์เช่นนี้มาแลกเปลี่ยนกันเพื่อเป็นการเตือนหรือให้กำลังใจกันดีกว่าไหมครับ
อย่างที่บอกผมความรู้น้อย port ก็เล็ก แต่ผมยึดแนวทาง ดร.นิเวศน์ อย่างเหนียวแน่น ถึงแม้บางครั้งอยากออกแนวบ้างแต่ก็พยายามอดใจ ในสถานการณ์นี้ผมคิดว่าผมต้อง
กลับมาดูตัวเอง Port เป็นอย่างไร หากลงต่อจะปรับ port ไหมอันนี้ผมไม่ปรับ เพราะการลงกระทบผมเพียงแค่กำไรลดลง ไม่ได้ก่อให้เกิดการขาดทุน กรณีนี้พื้นฐานของบริษัทที่ผมลงทุนร่วมด้วย (ไม่ใช่หุ้นนะครับ) ไม่เปลี่ยนหรือเปลี่ยนไม่มาก MOS พอมีก็อยู่เฉยๆ รอดูไป ซึ่งของผมหลายตัวเป็นเช่นนี้ แต่สิ่งที่ผมทำอีกคือตอนนี้ผมไม่มีเงินสด ผมจึงเลือกขายบางตัวที่ลงน้อยออกมารอเก็บตัวที่ลงเยอะที่ตั้ง MOS คอยอยู่ อันนี้คือสิ่งที่ผมจะทำเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสให้กับ port ของผมเอง เพื่อนจะทำอะไรกันบางล่ะครับ

โดยส่วนตัวผมมองว่าคราวนี้คงลงไปเยอะอยู่ หากไม่มีมาตรการออกมาหยุดความกลัวของนักลงทุนนะ ตอนนี้ยังลงไม่เยอะเพราะหลายคนคิดว่าลงแล้วต้องรีบทะยอยเก็บบ้างเพราะเดี๋ยวขึ้นไปแล้วจะตกรถ ซึ่งจริงๆก็ถูกต้องแต่อย่างลืมอนาคตไม่มีใครรู้ แต่เหตุการณ์ในอดีตก็คล้ายๆนี้ คือ ช่วงแรกตกๆขึ้นๆ จากนั้นตกแรงหน่อยและขึ้นได้อีกหน่อยสัก 2-3 ครั้ง ซึ่งตรงนี้ใช้เวลาหลายเดือนเหมือนเล่นชักกะเย่อ จากนั้นเมื่อทุกคนเริ่มคลายความวิตก คราวนี้ดิ่งเลย อันนี้ผมสังเกตุจากความรู้สึกของ subprime กับกราฟ dotcom effect ครับ เพราะเข้ามารับความรู้สึกตอน dotcom ไม่ทันในตอนนั้น
สติ รู้ตัว, ปัญญา รู้คิด.
torpongpak
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2611
ผู้ติดตาม: 63

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ในภาวะเศรฐกิจเเบบนี้เเละสำหรับคนที่มี"เงินทุนน้อย"เเบบผม ผมมองว่าการซื้อที่ราคาMy Margin of Safetyอาจไม่พอ(เพราะตลาดเเบบนี้ ราคาหุ้นขึ้นกับอารมณ์ของคนส่วนใหญ่มากกว่า ดังนั้นเมื่อเราซื้อที่MOSของเรา เเต่มันก็ยังลงไปถูกกว่าอีก) เราอาจต้องดูVolumnในตลาดประกอบด้วย ถ้ามีเเต่คนอยากขายเเต่ไม่มีคนอยากซื้อ ตอนนั้นเหละถึงจะลุย...
เเต่ถ้ากลัวเสียโอกาสก็เปิดอีกPortนึงลงทุนเเบบDollarcost average

เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ผมประสบการณ์น้อยเข้ามาหลังSubprime
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
comrade
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 805
ผู้ติดตาม: 6

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 25

โพสต์

ขอเข้ามาคารวะพี่ beaeaeber อีกคนครับ :bow: :bow: :bow:
Sure I am of this that you have only to endure to conquer
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 26

โพสต์

torpongpak เขียน:ผมว่า"ระบบผลประโยชน์"ที่คุณพิชัยค้นพบเเละใช้เป็นวิธีคิดมันก็คือ"ไตรลักษณ์"นั่นเอง
ทุกสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นวัฎจักร ถ้าเราสามารถมองออก"รอบ"ของ ไตรลักษณ์ ในเรื่องหุ้นออกการกระทำของเราก็จะดูเหมือนสวนทางกับคนอื่น แต่จริงๆเเล้วเรานำหน้าไปก่อนคนอื่น 1 ก้าว เช่น
ช่วงที่ตลาดพันจุดทุกอย่างดูดี(แต่เราทยอยขายก่อนเเล้ว)-->พอมาช่วงนี้คนตกใจทยอยขาย(เเต่เราก็จะรอ)--> พอทยอยขายมากขึ้นอีก(เราก็ยังรอ)ขณะที่บางคนเริ่มซื้อสวน(เราก็ยังรอ)-->จนถึงจุดนึงเริ่มไม่มีVolumnในตลาด อาจไม่มีการซื้อเพราะ"ช้อนหัก" หรือไม่กล้า ไม่มีคนขายเพราะขายจนหมดเเล้ว(ตอนนั้นเเหละเราจะเริ่มซื้ออย่างเมามัน)

สังเกตุดูว่าถ้าเรามองไตรลักษณ์ของเรื่องต่างๆออกเราจะนำคนส่วนใหญ่อยู่ 1 Step

ไม่ทราบผมเข้าใจถูกรึเปล่า พี่chukieat30 โปรดชี้เเนะครับ
เป็นแบบนี้นี่เอง ถึงแก่นๆ ขอบคุณคับ :D

วิกฤตทุกรอบจะมีจุดclimaxผมคิดว่าอีกไม่นานแล้วอาจจะเป็นเดือนหน้าก็เป็นได้ตอนนี้ผมถือคติง่ายๆว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวางไว้ก่อนคับ :oops:
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง

http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html



http://goo.gl/VjQ4cG
ศิษย์เซียน007
Verified User
โพสต์: 1252
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 27

โพสต์

หลังจากอ่านข้อความของคุณtorpongpakแล้วผมจึงพอที่จะเข้าใจความหมายของคำว่าคนกลัวกับคนโลภในวลีเด็ดนั้นเป็นอย่างไร "จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ จงโลภเมื่อคนอื่นกลัว " จริงๆซะที

คนกลัวน่าจะอยู่ในภาวะที่รู้สึกว่าถูกยังไงก็ไม่อยากซื้อหรืออยากซื้อก็จริงแต่กระสุนหมดทำให้วอลุ่มตลาดหรือหุ้นเบาบางไปซักระยะเวลาหนึ่ง

คนโลภน่าจะอยู่ในภาวะที่รู้สึกว่าแพงยังไงก็จะซื้อกระสุนหมดไม่เป็นไรเดียวอัดมาร์จืนเพิ่มได้ทำให้วอลุ่มตลาดหรือหุ้นหนาแน่นไปซักระยะเวลาหนึ่ง :idea:
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง

http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html



http://goo.gl/VjQ4cG
ภาพประจำตัวสมาชิก
นพพร
Verified User
โพสต์: 1039
ผู้ติดตาม: 0

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ถ้าตอนนี้ไม่มีความรู้สึกกลัวเลยจะผิดแปลกไปมั้ยนะ
ก้าวแรกที่เล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11444
ผู้ติดตาม: 85

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 29

โพสต์

โลกปัจจุบันนี้ ทุกอย่างมีความผันผวนและรวดเร็วมาก โดยเฉพาะโลกของการเงิน การลงทุน

ผมคิดว่าคนที่ขายหุ้นในช่วงสองวันก่อนส่วนใหญ่ขายเพราะกลัวว่าราคาหุ้นจะตก มากกว่าขายเพราะกลัวว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจะลดลง

ผมก็แปลกใจว่า สภาวะการลงทุนในโลกมีความผันผวนค่อนข้างมาก ความวิตกกังวลอยู่ไปทั่ว

แต่ทำไม อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกในปีหน้าที่สถาบันการเงินระดับโลกทั้งหลายคาดการณ์ก็ยังคงเป็นบวกอยู่ไม่ใช่หรือ

รวมทั้งอัตราการเติบโตของสหรัฐ หรือแม้กระทั่งยุโรปเอง ถ้าจำไม่ผิดก็ยังคงไม่ติดลบ ไม่ต้องพูดถึงในเอเชีย

แน่นอนว่าอัตราการเติบโตคงจะลดลง ซึ่งก็คงจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกในบางอุตสาหกรรม แต่ก็ไม่ใช่ทุกบริษัทจะได้รับผลกระทบ

ผมคิดว่าเสาร์อาทิตย์นี้ นักลงทุนควรจะใช้เวลาตั้งสติ และทบทวนข้อมูลพื้นฐานของบริษัทที่ตัวเองถืออยู่ ว่าได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจโลกหรือไม่ มากน้อยแค่ไหน และลองประเมินราคาดู

เราลองดูผลการดำเนินงานของอุตสาหกรรมต่างๆดูก็ได้ว่าช่วงวิกฤต Sub Prime มีอุตสาหกรรมไหนได้รับผลกระทบบ้าง แต่ผมคิดว่าครั้งนี้อาจจะมีผลกระทบน้อยกว่า เนื่องจากแต่ละฝ่ายก็มีประสบการณ์มาแล้ว

ตัวอย่างเช่น ครั้งที่แล้ว อุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบหนัก ครั้งนี้รัฐบาลก็ได้ออกมาตรการณ์มาช่วงพยุงไว้แล้ว ซึ่งก็อาจจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากมากเป็นน้อย
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 4

Re: จงกลัวเมื่อถึงเวลาที่ควรกลัว อย่าพึ่งหวังในเวลาที่ยังไม่

โพสต์ที่ 30

โพสต์

torpongpak เขียน:ในภาวะเศรฐกิจเเบบนี้เเละสำหรับคนที่มี"เงินทุนน้อย"เเบบผม ผมมองว่าการซื้อที่ราคาMy Margin of Safetyอาจไม่พอ(เพราะตลาดเเบบนี้ ราคาหุ้นขึ้นกับอารมณ์ของคนส่วนใหญ่มากกว่า ดังนั้นเมื่อเราซื้อที่MOSของเรา เเต่มันก็ยังลงไปถูกกว่าอีก) เราอาจต้องดูVolumnในตลาดประกอบด้วย ถ้ามีเเต่คนอยากขายเเต่ไม่มีคนอยากซื้อ ตอนนั้นเหละถึงจะลุย...
เเต่ถ้ากลัวเสียโอกาสก็เปิดอีกPortนึงลงทุนเเบบDollarcost average

เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรช่วยวิจารณ์หน่อยครับ ผมประสบการณ์น้อยเข้ามาหลังSubprime
อันนี้ผมเห็นด้วยครับ

ผมชอบตรงที่คุณต่อ ไฮไลท์ไว้ ผมว่าก้ตรงกับที่ผมคิดเกี่ยวกับเรื่อง

Mos Mosser Mosset คนมีมาก ก้อุ่นใจมาก

คนไม่มีก้รอซื้อเมื่อมันมี ผมว่า ดีครับ

ขอบคุณที่ช่วยต่อยอดตกผลึกครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
โพสต์โพสต์