เวลาซื้อหุ้น หุ้นขึ้นได้ลงได้ ฝากมือใหม่ครับ
โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 03, 2011 10:01 am
วิธีการซื้อ หากเรายังไม่ได้ซื้อ ให้ซื้อตอนข่าวร้ายที่ไม่ใช่ข่าวจริง
หรือต่อให้เป็นข่าวร้ายจริงๆ แต่ก็แก้ได้ และราคาหุ้นลงเกินจริง
หากเราไปซื้อตอนข่าวดี แล้วเห็นราคามันลง ก็เป็นธรรมดา ที่เขาเรียกว่า sell on fact
อย่างไรก็ตาม หุ้นจะขึ้นจะลง อย่าไปสนใจมาก เรื่องที่สำคัญคือ ราคานั้นๆ เราคำนวณกลับแล้วว่าเราได้
ผลการลงทุนคุ้มค่าหรือไม่
ผมยกตัวอย่างเช่น ผมซื้อ tks ราคา 6.55 ราคาก็วิ่งลงไป 5.70 ดูเหมือนขาดทุน 12.9 %
ต่อมา tks ก็วิ่งขึ้นไป 7.80 ดูเหมือนจะกำไร 19.08 %
แล้ว tks ก็วิ่งลงมา 6.05 แล้วก็วิ่งมาอยู่แถวๆ 6.60
ได้ปันผล .10
ทีนี้ถ้าเราซื้อเพราะต้องการขาย เวลาหุ้นขึ้น เราก็ดีใจ แล้วเราก็ขาย หากเราซื้อเพื่อขาย
เราก็ต้องเตรียมใจว่า ซื้อแล้วหุ้นก็ลงได้ครับ
สรุปคือหุ้นดี ขึ้นได้ลงได้ หุ้นไม่ดี ก็ขึ้นได้ลงได้
แต่หุ้นดี ถือได้ครับ หุ้นไม่ดี ถือไปหมดตัวได้ครับ
หรืออย่างเร็วๆนี้ snc ก็ลงมาจาก 32 เหลือ 23 ก็น่าจะเข้าไปทำการบ้าน
ว่าหุ้นลงอย่างนี้ เพราะอะไร และน่าซื้อหรือไม่
สักพัก snc ก็วิ่งไปปิด ประมาณ 25
หรืออย่าง uec ประกาศออกมาดี แต่ราคาก็ไหลลง ก็ควรไปศึกษาครับ
หากศึกษาแต่หุ้นจะขึ้น หรือไปซื้อหุ้นที่ขึ้นไปแล้ว และคิดว่า จะขึ้นไปอีก
ลองหันกลับมาศึกษาแบบ ไม่ต้องสนใจว่า หุ้นขึ้นมาเยอะ หรือลงมาเยอะ เอาว่าราคานั้นๆ
กำไรเท่าไร pe เท่าไร g ในอดีต เท่าไร g ในอนาคตเท่าไร กิจการมี คูเมือง ในการป้องกันคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน
ผมคิดว่า ถ้าจะลงทุน ก็ต้องรับความเสี่ยงราคาหุ้นขึ้นลงได้ ถ้าเราคิดว่าหุ้นตัวนั้นดีจริงๆ ซื้อแล้วลง เราก็ควรดีใจ หาเงินมาซื้อเพิ่ม กรณีนี้ต้องตีราคาได้จริงๆนะครับ ถ้าไปเล่นหุ้นปั่น ซื้อแล้วลง มันก็ลงต่ออีก แบบนี้ตายเลยนะครับ
สำหรับตัวผมแล้ว ตลาดช่วงนี้เล่นยาก สำหรับมือใหม่ เพราะหุ้นมันขึ้นมาจาก 380 จุด มา 1100 จุด
มีทั้งข่าวดีแรงๆ ของประเทศไทย และข่าวร้ายแรงๆจากต่างประเทศ
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหุ้นจะขึ้นจะลง
แต่ไม่ต้องห่วงครับ ถึงแม้จะขึ้น ก็ต้องลง ถึงแม้หุ้นจะลงก็ต้องขึ้น
หน้าที่ของเรา รีบ ไปทำความเข้าใจว่า หุ้นที่เราจะซื้อ เขาทำกิจการอะไร ยอดขายเป็นอย่างไร กำไรโตมั๊ย และมีแนวโน้มโตต่อมั๊ย เมื่ออยากได้ ราคาที่ซื้อแพงมั๊ยสำหรับเรา ดูอย่างไรว่าแพง
ลองจินตนาการว่า เราจะซื้อทั้งบริษัท กับกำไรนั้นๆ และมีแนวโน้มเติบโตแบบนั้น เราเอามั๊ย ทั้งบริษัท
ถ้าเราเอา ราคานั้นแหละ คือราคา ที่เราคิดว่าแฟร์ สำหรับเรา
ต่อมาถ้าหุ้นลง เราก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะมันไม่เกี่ยวกับ ผลที่เราจะได้รับในอนาคต เพราะระยะสั้น หุ้นก็ขึ้นๆลงๆ
แต่ระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นก็น่าจะปรับไปตามผลประกอบการณ์
ฝากให้มือใหม่ครับ
หรือต่อให้เป็นข่าวร้ายจริงๆ แต่ก็แก้ได้ และราคาหุ้นลงเกินจริง
หากเราไปซื้อตอนข่าวดี แล้วเห็นราคามันลง ก็เป็นธรรมดา ที่เขาเรียกว่า sell on fact
อย่างไรก็ตาม หุ้นจะขึ้นจะลง อย่าไปสนใจมาก เรื่องที่สำคัญคือ ราคานั้นๆ เราคำนวณกลับแล้วว่าเราได้
ผลการลงทุนคุ้มค่าหรือไม่
ผมยกตัวอย่างเช่น ผมซื้อ tks ราคา 6.55 ราคาก็วิ่งลงไป 5.70 ดูเหมือนขาดทุน 12.9 %
ต่อมา tks ก็วิ่งขึ้นไป 7.80 ดูเหมือนจะกำไร 19.08 %
แล้ว tks ก็วิ่งลงมา 6.05 แล้วก็วิ่งมาอยู่แถวๆ 6.60
ได้ปันผล .10
ทีนี้ถ้าเราซื้อเพราะต้องการขาย เวลาหุ้นขึ้น เราก็ดีใจ แล้วเราก็ขาย หากเราซื้อเพื่อขาย
เราก็ต้องเตรียมใจว่า ซื้อแล้วหุ้นก็ลงได้ครับ
สรุปคือหุ้นดี ขึ้นได้ลงได้ หุ้นไม่ดี ก็ขึ้นได้ลงได้
แต่หุ้นดี ถือได้ครับ หุ้นไม่ดี ถือไปหมดตัวได้ครับ
หรืออย่างเร็วๆนี้ snc ก็ลงมาจาก 32 เหลือ 23 ก็น่าจะเข้าไปทำการบ้าน
ว่าหุ้นลงอย่างนี้ เพราะอะไร และน่าซื้อหรือไม่
สักพัก snc ก็วิ่งไปปิด ประมาณ 25
หรืออย่าง uec ประกาศออกมาดี แต่ราคาก็ไหลลง ก็ควรไปศึกษาครับ
หากศึกษาแต่หุ้นจะขึ้น หรือไปซื้อหุ้นที่ขึ้นไปแล้ว และคิดว่า จะขึ้นไปอีก
ลองหันกลับมาศึกษาแบบ ไม่ต้องสนใจว่า หุ้นขึ้นมาเยอะ หรือลงมาเยอะ เอาว่าราคานั้นๆ
กำไรเท่าไร pe เท่าไร g ในอดีต เท่าไร g ในอนาคตเท่าไร กิจการมี คูเมือง ในการป้องกันคู่แข่งมากน้อยแค่ไหน
ผมคิดว่า ถ้าจะลงทุน ก็ต้องรับความเสี่ยงราคาหุ้นขึ้นลงได้ ถ้าเราคิดว่าหุ้นตัวนั้นดีจริงๆ ซื้อแล้วลง เราก็ควรดีใจ หาเงินมาซื้อเพิ่ม กรณีนี้ต้องตีราคาได้จริงๆนะครับ ถ้าไปเล่นหุ้นปั่น ซื้อแล้วลง มันก็ลงต่ออีก แบบนี้ตายเลยนะครับ
สำหรับตัวผมแล้ว ตลาดช่วงนี้เล่นยาก สำหรับมือใหม่ เพราะหุ้นมันขึ้นมาจาก 380 จุด มา 1100 จุด
มีทั้งข่าวดีแรงๆ ของประเทศไทย และข่าวร้ายแรงๆจากต่างประเทศ
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหุ้นจะขึ้นจะลง
แต่ไม่ต้องห่วงครับ ถึงแม้จะขึ้น ก็ต้องลง ถึงแม้หุ้นจะลงก็ต้องขึ้น
หน้าที่ของเรา รีบ ไปทำความเข้าใจว่า หุ้นที่เราจะซื้อ เขาทำกิจการอะไร ยอดขายเป็นอย่างไร กำไรโตมั๊ย และมีแนวโน้มโตต่อมั๊ย เมื่ออยากได้ ราคาที่ซื้อแพงมั๊ยสำหรับเรา ดูอย่างไรว่าแพง
ลองจินตนาการว่า เราจะซื้อทั้งบริษัท กับกำไรนั้นๆ และมีแนวโน้มเติบโตแบบนั้น เราเอามั๊ย ทั้งบริษัท
ถ้าเราเอา ราคานั้นแหละ คือราคา ที่เราคิดว่าแฟร์ สำหรับเรา
ต่อมาถ้าหุ้นลง เราก็ไม่ต้องคิดมาก เพราะมันไม่เกี่ยวกับ ผลที่เราจะได้รับในอนาคต เพราะระยะสั้น หุ้นก็ขึ้นๆลงๆ
แต่ระยะยาวแล้ว ราคาหุ้นก็น่าจะปรับไปตามผลประกอบการณ์
ฝากให้มือใหม่ครับ