Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

วันที่ 8 เมษายน 2554 น.ส.พ.กรุงเทพธุรกิจ
หุ้นไทยปี 2573 ทะลุ 4,695 จุด

เซียนฟันด์โฟลว์ วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ เปิดโผงานวิจัยส่วนตัวหุ้นไทยในระยะยาวเกิน 10 ปี ยังมีอนาคตสดใส

เป็นไปตามคาดการณ์ว่าภูมิภาคเอเชียจะก้าวเข้าสู่ยุคทองในทศวรรษหน้า ตลาดหุ้นทั่วเอเชียจะเติบโตทั้งหมด

ข้อมูลจาก โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ตลาดหุ้นเกิดใหม่ หรือ กลุ่ม Emerging Market ประกอบด้วย ตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย ตลาดเกิดใหม่ในละตินอเมริกา ตลาดเกิดใหม่ในยุโรปตะวันออก และตลาดเกิดใหม่ในแอฟริกา ภายใน 20 ปีข้างหน้าจะมีอัตราการขยายตัวอย่างต่อเนื่องมูลค่าตลาดรวมจะเพิ่มจาก 14 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2553 เป็นประมาณ 80 ล้านล้านดอลลาร์ ในปี 2573 หรือในอีก 20 ปีข้างหน้า

โดยคาดว่าตลาดเกิดใหม่จะสามารถสร้างผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีได้ถึง 9.3% ในช่วง 20 ปีข้างหน้า เมื่อเปรียบเทียบกับ 4% ของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว

ขณะที่มาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นไทยปีที่แล้วอยู่ที่ 256 พันล้านดอลลาร์ ภายใน 10 ปีจะเพิ่มเป็น 601 พันล้านดอลลาร์ และภายใน 20 ปี เพิ่มเป็น 1,246 พันล้านดอลลาร์ หรือโตขึ้น 5 เท่าตัวใน 20 ปีข้างหน้า

“ภายใต้สมมติฐานว่าไม่มีความเสี่ยงรุนแรง กำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะเบียนไทยเติบโตเฉลี่ย 8.2%ต่อปี ภายใต้พี/อีเรโช เฉลี่ย 13 เท่า SET Index ในปี 2563 หรืออีก 10 ปีข้างหน้าจะอยู่ที่ 2,264 จุด และ ภายใน 20 ปี หรือ พ.ศ. 2573 จะอยู่ที่ 4,695 จุด” วิศิษฐ์ คาดการณ์

เขายังบอกอีกว่า สินค้าโภคภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็น Hard Commodity (น้ำมัน, โลหะมีค่า) หรือ Soft Commodity (สินค้าเกษตร) ยังมีแนวโน้มเป็น “ขาขึ้น” เกือบทั้งหมด ตัวอย่างเช่น ข้าวโพด น้ำตาล ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ทั้งหมดนี้เคยเกิดปรากฏการณ์ที่ราคาซื้อขายฟิวเจอร์สของสัญญาเดือนไกล (สัญญาที่มีอายุยาวกว่า) มีมูลค่าน้อยกว่าสัญญาเดือนใกล้ หรือ Backwardation ทำให้มีโอกาสที่ทั้งหมดนี้ "ราคาจะทำ New High ในอนาคตได้"

ขณะที่ราคาฝ้าย กาแฟ แร่เงินและทองคำ ราคาได้วิ่งทะลุ New High ไปแล้ว

“เราเชื่อว่าภายใน 3 ปี การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์จะให้ผลตอบแทน 30% อย่างแน่นอน” กูรูฟันด์โฟลว์ทำนายทิ้งท้าย

...บอกได้ถึงหลักหน่วย อืมม

คนที่ยังอยู่เล่นหุ้นถึงอีก 20 ปีข้างหน้าจะรวยกันทุกคน
แต่ผมไม่ค่อยเชื่ออ่ะ อีก 20 ปีข้างหน้ายังไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้น
อาจจะเจอวิกฤต แรง ๆ อีกก็ได้

เอาให้3-5ปีนี้ไม่ให้มันกลับไปหลักร้อยก่อนดีกว่ามั้ยครับ

เค้าใช้การหา Future value ธรรมดาโดยไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นมากเลยครับ - -'' FV = PV*(1+r)^n แต่ความเป็นจริงจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า มีความเป็นไปได้ครับ แต่คงไม่ง่ายขนาดนั้น

ลองเปรียบเทียบ 2534 กับ 2554 ก็ 20 ปีเหมือนกันดูซิว่าต่างกันกี่จุด 555

ถ้า SET index จะเดินทาง
จาก 1000 จุด
ไปที่ 4,600 จุด
ในระยะเวลา 19 ปีข้างหน้า
SET Index จะต้องเดินทาง
ด้วยความเร็วประมาณ...
8.4 % ทบต้น
ซึ่งผมคิดว่า...
มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
จะเกิดขึ้นหรือไม่ก็ได้

ผมคิดว่า เป็นไปได้ถ้ามีบริษัทดีๆเข้ามาในตลาดอีกเยอะๆ

ถ้ายังปล่อยให้ ปั่นกับทุบ กันแบบนี้ไม่มีทางถึง

ถ้ายังสร้างความเชื่อถือ และ เปลี่ยนทัศนคติตนไทยว่า ตลาดหุ้น คือ หวยคนรวย ไม่ได้ อย่าไปนึกฝัน

ถ้ายังมี Brokers และ Analyst จำนวนมาก ที่ยังสอนนักลงทุนว่า ขึ้นขาย ลงซื้อ หรือ แบ่งขายทำกำไร (แต่ตรูขาดทุนทุกที) ไม่มีทางแม้แต่จะใกล้

ปี 2534 มา 2554 อย่างไร การโตไป 2574 ก็แบบนั้นแหละ

ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ
ปล 20 ปีที่ผ่านมา อินโด กับ ฟิลิปปินส์ เขาไปกัน มากกว่า 4 เท่าแล้ว เฮ้อ ท้อ....ไปเล่นสาดน้ำไอ้ตูบดีกว่า

เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน SET Index อยู่ที่ 100 จุด
วันนี้ 1084 จุด เพิ่มขึ้น 10 เท่า
คิดผลตอบแทนทบต้น ไม่รวมปันผลได้ประมาณ 12-13% ต่อปี
แต่ระหว่างทางก็มีคนเจ้งหุ้น ไปไม่น้อย หรือหลายคนก็ได้ผลตอบแทนน้อยกว่านี้
แต่บางคนกลับได้ผลตอบแทนเป็นร้อยเท่า

วันนี้ อีก 20 ปีข้างหน้า จะเป็นเท่าไหร่ก็คงยากที่จะบอก
แต่เคยได้ยินตอนเคยไปแข่งเกี่ยวกับการวางกลยุทธบริหารกองทุนว่า
เค้ามีงานวิจัยในต่างประเทศ
ผลตอบของตลาดเกิดใหม่จะอยู่ที่ประมาณปีละ 15% ต่อปี
ส่วนผลตอบแทนของตลาดหุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 12% ต่อปี

leaderinshadow เขียน:เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน SET Index อยู่ที่ 100 จุด
วันนี้ 1084 จุด เพิ่มขึ้น 10 เท่า
คิดผลตอบแทนทบต้น ไม่รวมปันผลได้ประมาณ 12-13% ต่อปี
แต่ระหว่างทางก็มีคนเจ้งหุ้น ไปไม่น้อย หรือหลายคนก็ได้ผลตอบแทนน้อยกว่านี้
แต่บางคนกลับได้ผลตอบแทนเป็นร้อยเท่า

วันนี้ อีก 20 ปีข้างหน้า จะเป็นเท่าไหร่ก็คงยากที่จะบอก
แต่เคยได้ยินตอนเคยไปแข่งเกี่ยวกับการวางกลยุทธบริหารกองทุนว่า
เค้ามีงานวิจัยในต่างประเทศ
ผลตอบของตลาดเกิดใหม่จะอยู่ที่ประมาณปีละ 15% ต่อปี
ส่วนผลตอบแทนของตลาดหุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว จะอยู่ที่ประมาณ 12% ต่อปี

ขอโทษนะครับ พี่ leaderinshadow อัตราผลตอบแทบแบบทบต้น ในกรณี n=30 , pv=100 , fv=1084 solve หา I จะได้ประมาณ 8.26% หรือจากสมการ 1084 = 100(1+i)ยกกำลัง30 ก็ได้ I เท่ากัน หรือเปล่าครับ

ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับผม มือใหม่ครับ

เท่ากันครับ

แต่วิธี 1084 = 100(1+i)ยกกำลัง30
เหมือนค่า I จะต้องทำ trial and error เอา (ตอนที่เรียน เค้าสอนอย่างนี้อะ 55)
จิ้มเครื่องคิดเลข finance ง่ายกว่า


แต่พึงมาเช็คว่า market return เหลือ 8.26% แล้วหรอเนี่ย
เมื่อก่อน ตอนที่ตลาดหลักทรัพย์ ออก research ออกมายัง 12% อยู่เลย
เอ๋ หรือว่า อันนั้นเค้าคิดจาก SET TRI หรือ ดัชนีหลักทรัพย์ที่คิดรวมปันผล
หรือเพราะว่า ตอนนั้นดัชนีอยู่สูง ?
สำหรับตอนนี้ ตลาดอายุ 30 กว่า ถ้าคำนวณใหม่ market return ก็เหลือ 8% กว่าๆ
แล้วทรินิตี้ ก็เอาตัวนี้มาคำนวณ SET Index ในอีก 20 ปี ข้างหน้า

แต่โดนส่วนตัว คิดว่าใช้ return ตัวนี้ จะดูจะคอนเซอร์ไปเลยนะครับ
เพราะตัว market return ที่เคยได้ยินมา ในตลาดอื่นๆ สูงกว่า 10% ทั้งนั้น

พอเห็นตัวเลขของทรินิตี้ข้างต้น ก็เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่
เหมือนทำโจทย์เลข ภายใต้ assumption ของเค้า

เข้าใจว่าน่าจะต้องรวมผลตอบแทนจากเงินปันผลด้วยหรือเปล่าครับ ถึงจะได้เกิน 10%

เพราะถ้ารวมกันไป ก็น่าจะได้ราวๆ 12% พอดีเลยครับ ส่วนถ้าใช้ 8% นี่ผมก็ว่าคอนเซอ จริงๆครับ

[quote="leaderinshadow"]เท่ากันครับ

แต่วิธี 1084 = 100(1+i)ยกกำลัง30
เหมือนค่า I จะต้องทำ trial and error เอา (ตอนที่เรียน เค้าสอนอย่างนี้อะ 55)
จิ้มเครื่องคิดเลข finance ง่ายกว่า
------
สามารถหาค่า i จากสมการ
Y = X (1+i)^n

i = n-th root of (Y/X) - 1 ครับ

viim เขียน:

leaderinshadow เขียน:เท่ากันครับ

แต่วิธี 1084 = 100(1+i)ยกกำลัง30
เหมือนค่า I จะต้องทำ trial and error เอา (ตอนที่เรียน เค้าสอนอย่างนี้อะ 55)
จิ้มเครื่องคิดเลข finance ง่ายกว่า
------
สามารถหาค่า i จากสมการ
Y = X (1+i)^n

i = n-th root of (Y/X) - 1 ครับ

ครับสูตรเดียวกันเลย แต่ตอนนี้ก็ใช้ excel กันหมดแล้วครับ Trial and error เป็นแค่การสอนให้รู้เฉยๆ ครับ

ถ้านับจากตลาดเปิด ดูจากข้อมูลในเวป set น่าจะเป็นปี 2518 ถ้าปีนี้ก็ได้ return ประมาณ 6.8% ต่อปี แต่ถ้าดูใน Ft.com เห็นเป็นปี 2525 แต่ index อยู่ที่ 106.16 ก็จะได้ return ประมาณ 8.3% เดาเอาว่าช่วงแรกตลาดไทยตอนนั้นก็เหมือนตลาดลาวในปัจจุบัน หุ้นยังน้อยมากทำให้ข้อมุลการซื้อขายอาจจะยังไม่มีการเก็บอย่างเป็นระบบเวป ft.com เลยไม่มีข้อมูล

ถึงตอนนั้นเวปเราจะเป็นไงบ้างนะ

picklife เขียน:ถึงตอนนั้นเวปเราจะเป็นไงบ้างนะ

เวบเราจะมีคนบ่นว่ารู้งี้ กับบ่นว่าหาหุ้นundervalueยากจัง ถือเงินสดเยอะเข้าอะไรดี

densin เขียน:

picklife เขียน:ถึงตอนนั้นเวปเราจะเป็นไงบ้างนะ

เวบเราจะมีคนบ่นว่ารู้งี้ กับบ่นว่าหาหุ้นundervalueยากจัง ถือเงินสดเยอะเข้าอะไรดี

หรือไม่ก็ "ทำไมหุ้นคนอื่นขึ้นเอา ขึ้นเอา หุ้นเราไม่ไปไหนเลย งุงิ งุงิ"

Ani เขียน:

densin เขียน:

picklife เขียน:ถึงตอนนั้นเวปเราจะเป็นไงบ้างนะ

เวบเราจะมีคนบ่นว่ารู้งี้ กับบ่นว่าหาหุ้นundervalueยากจัง ถือเงินสดเยอะเข้าอะไรดี

หรือไม่ก็ "ทำไมหุ้นคนอื่นขึ้นเอา ขึ้นเอา หุ้นเราไม่ไปไหนเลย งุงิ งุงิ"

หรือไม่ก็ มีคนมาโพสว่า "อีก 20 ปี หุ้นไทยปี 2593 ทะลุ 19,478 จุด"

แล้วก็จะมีอีกหลายๆความเห็น วิจารณ์กันไปต่่างๆนาๆ

ถึงตอนนั้น

สงสัยต้องมีห้องวิเคราะห์ตราสารหนี้ วิเคราะห์กองทุนรวมตราหนี้ระยะสั้น
ประมาณว่า หุ้นแพงหมด จะเอาเงินไปพักไว้ที่ไหนดี เหอๆๆ เดาเล่นๆ สนุกๆนะครับ

ถ้าสงสัยว่าอีก 20ปีข้างหน้าจะเป็ยยังไง ลองมองย้อนไป20 ปีที่แล้วดูครับ ตอนนั้นช่วงที่ดัชนีทะลุพันจุดก็คงมีคนทำนายว่าจะไป 2 พัน 3พันจุด แต่สุดท้ายตอนนี้เราก็ยังไม่ได้กลับไปถึงจุดสูงสุดเดิมที่เราเคยไปถึงเลย ใครจะไปรู้อีก20ปีข้างหน้า อาจจะไม่มีตลาดหุ้นแล้วก็ได้ เอาให้ผ่านปีหน้า2012 แล้วโลกไม่แตกค่อยมาคิดต่อดีกว่าครับ

หุ้นทะลุ 4000 จุด

So What, Who Cares !!

น่าคิดกว่าว่า อีก 10 ปีข้างหน้าบริษัทที่เราลงทุนอยู่จะเป็นอย่างไร

มันเรื่องธรรมดาครับ เพราะเงินเฟ้ออีก 20 ปี ก๋วยเตี๋ยวอาจชามละร้อย น้ำมันลิตรละสามร้อย หุ้นมันก็ต้องขึ้นไปตามราคาสินค้า

ระหว่างทาง คงมีการสับขาหลอก ให้เรางง ไปหลายเที่ยวน่าดูเลยครับ คงมีคนที่รวยจากหุ้น และ จนจากหุ้น อยู่ เหมือนเดิม หุหุ