หน้า 1 จากทั้งหมด 3

ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 9:46 am
โดย กาละมัง
เชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่ที่เดินตามแนวที่ถูกต้อง รายตัวอาจถูกบ้างผิดบ้าง แต่โดยรวมในที่สุดจะชนะตลาด

ถามว่าทำไม เพราะ เราได้ลงทุนในธุรกิจที่เราคัดสรรแล้ว น่าจะอยู่ใน top 30 ตัวแรก (ในการประเมินของเรา)

แต่ดูจาก poll ผลตอบแทนปี 53 นี้ มีสมาชิกกว่า 20% แพ้หรือเสมอตลาด

จึงอยากขอให้เพื่อน ๆ ช่วยกัน แลกเปลี่ยนความคิดประสบการณ์ ที่ดี ที่ถูกต้อง และ อยากให้แชร์ที่ไม่ดี และ ไม่ถูกต้อง ข้อผิดพลาดด้วย เพื่อเราจะได้เป็นนักลงทุนที่ดีต่อไป

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 10:31 am
โดย kotaro
เพราะต้องการเอาชนะ จึงพ่ายแพ้

ผมคิดว่า ในตลาดขาขึ้น นักลงทุนที่ลงทุนแบบ aggressive โดยมุ่งเป้าจะเอาชนะตลาด
ให้ได้ มีโอกาสแพ้สูง

และคิดว่า การลงทุนที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของตลาด และไม่จำเป็นต้องชนะตลาดเสมอไปด้วยครับ

Merry x'mas ครับพี่ กาละมัง

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 10:44 am
โดย saichon
ปีนี้ผมชนะตลาดครับ
แต่จำได้ว่าในช่วงการลงทุน2-3ปีแรกผมก็แพ้ตลาด
แม้ว่าจะเริ่มต้นด้วยการศึกษาการลงทุนแนววีไอเลยก็ตาม

ที่แพ้ตลาดเพราะความรู้ยังน้อยมากครับ
เลือกหุ้นไม่เป็น เห็นใครว่าตัวไหนดีก็ซื้อตาม แม้ไตร่ตรองแล้วแต่หลักการและมุมมองยังไม่ชัดเจน
(วันนี้ก็ยังไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่จะเลือกถือหุ้นเฉพาะที่ตัวเองพอเข้าใจธุรกิจ/
พอเข้าใจการเติบโตและที่มาของรายได้และกำไร/
และที่สำคัญคือตัวเองต้องสามารถประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆได้)

สำหรับผมช่วงแรกที่แพ้ คิดว่าเพราะขาดความรู้และประสบการณ์ในการลงทุนครับ :D

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:14 am
โดย CHOOKY
หาหุ้นได้ ซื้อหุ้นเป็น
แต่..... ขายไม่เป็น.... :wall:

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:25 am
โดย pak
Case 1 : มองหุ้นผิดตัว => "เจ๊งครับ!!!(ไม่ต้องคิดมากเลย)"
Case 2 : มองหุ้นถูกตัว ซื้อถูกจังหวะ แต่ดันขายผิดจังหวะ => "ขายหมู"
Case 3 : มองหุ้นถูกตัว แต่ซื้อผิดจังหวะ => "ดอย" หรือไม่ก็ "ต้องทนถือไปนาน ทำให้เกิดการแพ้ตลาดขึ้นมา"
Case 4 : มองหุ้นถูกตัว ซื้อถูกจังหวะ และขายได้ถูกจังหวะ => "กำไร"
^
^
^
การลงทุนไม่ใช่ง่ายๆนะครับ น้ำหนักส่วนสูงต้องมาครบหมด
กล่าวคือ "ต้องมอให้งถูกตัว, ต้องซื้อให้ถูกจังหวะ และต้องขายให้ถูกจังหวะเช่นกัน"


สำหรับ Case 3 ซึ่งทำให้เกิดการแพ้ตลาดขึ้นมา
ผมมองว่า ต้องมองในระยะยาวเช่นกันครับ
มองภาพแคบเกินไป อาจไม่รู้เรื่องครับ (หุ้นบางตัวใช้เวลา 3 วัน ซิลลิ่ง 3 วันซ้อนๆก็มี)

วันนี้ "เต่า" อาจจะดูเดินช้าในสายตาหลายๆคน
แต่ไม่แน่นะครับ "กระต่าย" ทำเป็นดี๊ด๊าไป อาจจะแพ้เต่าเข้าสักวันก็ได้นะขอรับ

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:29 am
โดย ส.สลึง
ผลตอบแทนมากกว่าตลาดน่ะดีครับ
แต่คงไม่จำเป็นครับว่า
จะต้องชนะตลาดทุกปี
ชนะบ้างแพ้บ้างจะได้ไม่เหงา
และที่สำคัญ
เราคงไม่วัดความสำเร็จในการลงทุน
ด้วยการชนะตลาดแค่ปีสองปี

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:45 am
โดย leaderinshadow
ต้องเทียบใน Long term หน่อยครับ
เช่น 3 ปี 5 ปี

เพราะช่วงฟองสบู่ดอทคอม ปู่บัฟเฟ็ทก็แพ้ตลาด
แต่โดยรวมหลายๆปี ก็ชนะกระจุยกระจาย :lol:

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:58 am
โดย unnop.t
ถึงปีนี้ผมจะชนะตลาด แต่ปีหน้าไม่ได้มีอะไรรับประกันว่าจะชนะตลาดเลย

สิ่งที่สำคัญคือ return โดยรวมเราได้ตามเป้าที่วาง 15-20% ต่อปี บางครั้งผมไม่ซีเรียสว่าจะต้องชนะตลาด

เพราะว่าเดี๋ยวเราจะทำอะไรที่เสี่ยงมากขึ้น และเบี่ยงออกจากหลักการลงทุนของเราครับ :(

ผมคิดว่าคนที่แพ้ตลาด ส่วนหนึ่งอาจจะทำการเปลี่ยนหุ้นบ่อยเกินไป เพื่อไปหาหุ้นตัวที่กำลังร้อน และทิ้งหุ้นที่ดีไป

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 3:03 pm
โดย Frankie
พอร์ตโตขึ้นแต่น้อยกว่าตลาด ก็คือแพ้ตลาด

ผมพลาดเพราะขายเร็วไป เปลี่ยนตัวผิดจังหวะ

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 4:30 pm
โดย picklife
คนที่แพ้ตลาด มีทั้งรู้ว่าเราพลาดที่อะไร
และยังไม่รู้ว่าเราพลาดที่อะไร

และวิธีชนะตลาดก็มีเซียนหลายท่านโพสไว้เยอะมากมาย
ดังนั้นถ้าจะให้เห็นภาพชัด รบกวนคนที่แพ้ตลาดช่วยมาแชร์ให้ฟัง
จะได้เห็นภาพจัดเจนมากขึ้นครับ ว่าทางปฏิบัติจริงๆ คนเราพลาดที่อะไรบ้าง!!!

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 5:43 pm
โดย Highway_Star
ทำไว้เป็น log สำหรับตัวเองอ่านก็ดีเหมือนกัน 555

เล่นหุ้นมาประมาณ 1 ปี 2 เดือน โดยรวมสิ้นปีนี้ก็คิดว่าน่าจะชนะตลาดนิดๆ ไม่กี่ %
สาเหตุก็คือ หุ้นที่ได้เลือกซื้อไว้เป็นหุ้นที่ดี แต่พอราคาขึ้นมาเยอะๆ ประเมินแล้วคิดว่า
upside น่าจะเหลือน้อย แต่กลับมองไม่เห็นโอกาสของหุ้นตัวอื่นๆ ที่ยังมี upside เหลือเยอะ
(ก็คือจริงๆ น่าจะเปลี่ยนไปถือตัวนั้น) ตรงนี้คิดว่าตัวเองน่าจะพลาดเรื่องความขยันในการหาข้อมูล
ของหุ้นที่เราไม่เคยมอง รวมถึงพลังในการมองอนาคตของธุรกิจต่างๆ ด้วย
อย่างเช่น AJ, PTL ก็เคยมีพี่ที่เก่งๆ แนะนำไว้ตั้งแต่ราคา 4 บาท
แต่ก็มองไม่ออกเรื่อง demand/supply ก็เลยพลาดไป

แต่ก็คิดซะว่า ไม่เป็นไรถือเป็นบทเรียนของความไม่ขยัน
พลาดกำไร ดีกว่าขาดทุน

อ่อ จริงๆ แล้วการวัด % ว่าได้เป็นกี่เท่าของตลาดเนี่ย มันมีข้อจำกัดนิดหน่อยนะครับ
ถ้าสมมติว่ามีหุ้นตัวที่เราเพิ่งเจอว่ามันน่าสนใจมาเจอตอนท้ายๆปี
แล้วซื้อไปเยอะๆ มันก็ทำให้ผลตอบแทน คิดเป็น % ของเราลดลงเช่นกัน เนื่องจากราคายังไม่สะท้อนมูลค่า

ดังนั้น พยายามอย่าไปคิดเทียบเป็น % จนเคยตัวนะครับ
ตัวเงินที่ได้มานั่นแหละที่สำคัญ ไม่ใช่ %

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 6:06 pm
โดย jeda01
ผมหวังแค่ให้ชนะตัวเองก็มากพอแล้วครับ

หมายถึง ถ้าได้มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ก็พอใจครับ :D

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 6:11 pm
โดย torpongpak
ตามนั้น ครับพี่ Chooky ของผมขอเพิ่มอีกนิด คือ ยังไม่เป็น VI(สำนัก Buffett) อย่างเเท้จริง เพราะถ้า Port ยังเป็นเเบบวันเเรกที่เล่นหุ้น(22/6/2009) ทุกตัวใน Port อย่างน้อยสองเด้ง มีบินไทย ซีพีและ Noble เกินสองเด้ง :wall: :wall: :wall:

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 6:21 pm
โดย vision
ผมแพ้ตลาด แต่ชนะใจตัวเอง
มีความสุขที่สุดครับ
จริงๆผมไม่รู้หรอกว่าแพ้ตลาดหรือเปล่า เพราะไม่ได้ดู แต่คิดว่าแพ้เยอะด้วย

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 9:12 pm
โดย LittleChicky
แพ้ตลาดเพราะซื้อหุ้นที่กำลังมีข่าวร้ายครับ :lovl: แล้วหวังว่าซักวันข่าวร้ายหมดแล้วมันจะกลับมาดี :wall: :wall: :wall:

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 9:17 pm
โดย CHOOKY
CHOOKY เขียน:หาหุ้นได้ ซื้อหุ้นเป็น
แต่..... ขายไม่เป็น.... :wall:
หมายถึง ขาย ในเวลาที่ไม่ควรจะขาย ครับ ถ้าขายเป็น ไม่น่าจะน้อยกว่า 2 เด้ง

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 9:30 pm
โดย murder_doll
kotaro เขียน:เพราะต้องการเอาชนะ จึงพ่ายแพ้
ปรัชญานี้ สวยงามมากครับ :D

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:07 pm
โดย กล้วยไม้ขาว
ปีที่แล้วตอนผมเพิ่งเริ่มลงทุนได้เกือบสองปี
ผมแพ้ตลาดหลุดลุ่ยคือกำไีีร 15% ของทั้งพอร์ทไม่รวมปันผล
ทั้งๆ ที่ตลาดขึ้นมาอย่างมาก
ผมนำสิ่งที่ผมพบในการลงทุนในปีนั้นมา่คิด
ว่าทำไมเราถึงยังไม่ได้อย่างที่หวัง

ตรงไหนที่ควรแก้ ตรงไหนต้องเพิ่ม ตรงไหนต้องลด

ผลสรุปคือปีนี้พอร์ทผมโตขึ้น 100% กว่าๆ ไม่รวมปันผล
หวังว่าจะมีประโยชน์ครับ

ปล.ปีนี้ผมอาจจะแค่โชคดีเื่ท่านั้นครับ
แต่ผมจะพัฒนาตัวเองต่อไป เพื่อที่จะได้โชคดีอยู่เสมอ

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:29 pm
โดย noolex
เล่นหุ้นที่วิ่งตามตลาดเครียดค่ะ

ปวดหัว แต่เล่นหุ้นหุ้น VI เน้นลงทุนยาวๆ จะไม่เครียดค่ะ
ตัวอย่าง AJ เป็นหุ้นตัวแรกที่ถือแล้วสบายใจ
ถือตอน 18 แต่ตอนนี้ขายไปแล้ว พลาดไปนิดหน่อย
รวมๆ ตอนนี้ยังไม่กำไรเลยคะ่

เพราะตัวเองแท้ๆ ถือ TOP มาตั้งสองปี
อีกนิดเดียวทนไม่ได้ ทิ้งไปซะงั้น
เจ็บ จำไปตลอดเลยอะ

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:31 pm
โดย กาละมัง
kotaro เขียน:เพราะต้องการเอาชนะ จึงพ่ายแพ้
ประโยคนี้ ชวนให้นึกถึงเมื่อครั้งเล่นหมากรุกไทย

ขณะเล่นได้แต่คิดจะรุกเขา สุดท้ายพลาดพลั้ง โดนเขาสวนกลับมา แพ้เลย

ขอบคุณครับ

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:48 pm
โดย comrade
:shock:

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: เสาร์ ธ.ค. 25, 2010 11:51 pm
โดย comrade
ตั้งแต่ต้น ๆ ปี ผมเลือกหุ้นจากร้อยคนร้อยหุ้น อ่านข้อมูลที่พี่ ๆ เพื่อน ๆ แชร์เข้ามา กลั่นกลองอีกทีด้วยตัวเอง
พยายามทำตามระบบ เพือเป็น VI ทีดี
หา MOS ลงมาไม่ถึงไม่ซื้อ ลงมาถึงซื้อเลย
หา target price ถึงแล้วขายเลย ขาย(หมู)แล้ววิ่งต่อก็ช่างมัน
แต่บางทีก็อดไม่ได้ยอมเสียค่าคอมให้มาร์ ยอมขายทิ้งซื้อกลับ ขายทิ้งซื้อกลับ เพราะเทรนขาขึ้นยังไม่หยุด
ปลาย ๆ ปีลอง daytrade เอามัน ผลก็คือ :'O :'O :'O

สรุปทั้งปี ปีนี้ชนะตลาด ได้เกินร้อย%ครับ
ขอยอมรับเลยว่า ชนะทั้ง ๆ ทีฝีมืออ่อนหัดกว่าหลาย ๆ คนในนี้เยอะมากกกกกก
ถ้าปีหน้า ตัวเองยังฝีมือระดับนี้ เชื่อว่า เอาตัวไม่รอดถ้าตลาดไม่ดี(มาก ๆ)เหมือนปีนี้
ปีนี้หยุดแล้วครับ รอปีหน้าเริ่มนับหนึ่งใหม่ครับ

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 9:42 am
โดย chaitorn
ก่อนอื่นต้องขอบคุณสำหรับกระทู้ของพี่กาละมังครับ ที่ตั้งกระทู้เพื่อเตือนสติ และให้ข้อคิดการลงทุนที่ดี ติดตามข้อคิดของพี่กาละมังมาตลอดครับ :lol:

ความเห็นผมในเรื่องนี้ ผมคิดว่าประเด็นหลักสำคัญของการลงทุนผมนึกถึงคำพูดของบัฟเฟทที่ว่า

การลงทุนต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่ว่า
1. อย่าขาดทุน
2. หากยังขาดทุนให้กลับไปดูข้อที่ 1

คำพูดนี้ฟังดูเหมือนเป็นคำพูดที่ตลก แต่ในความเป็นจริงแล้ว คำพูดนี้หละครับที่เป็นตัวปกป้องการลงทุนแนว Vi เป็นอย่างดี

อย่าขาดทุนข้อที่ 1 ผมคิดว่า เป็นเรื่องการลงทุนแต่ละครั้งต้องมี MOS ของแต่ละคนที่ตั้งระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้อย่างเหมาะสม ตามประเภทและลักษณะการสร้างมูลค่าของ Model ธุรกิจที่เราลงทุนประกอบ

คราวนี้คำพูดที่ 2 หากเราลงทุนในบางภาวะที่นายตลาดพาไป แต่มันมีความเสี่ยงทีจะขาดทุนมาก โดยเฉพาะภาวะตลาดกระทิง หรือฟองสบู่ ที่ดูแล้ว ราคาหุ้นมันไม่ถูกเพียงพอที่จะป้องกันความเสี่ยงได้

เราก็ต้องกลับมาพื้นฐานข้อที่ 1 คือ อย่าขาดทุน

ผมได้ข้อคิดนี้จากบทความของคุณสุมาอื้ ตามข้อเขียนนี้ครับ ซึ่งเป็นข้อเขียนที่ผมนำมาใช้เตือนสติตนเอง เพื่อไม่ให้ กลัวในขณะที่คนอื่นกล้า และให้กล้าในขณะที่คนอื่นกำลังกลัว
http://api.settrade.com/blog/1001ii/2008/10/17/354

ดังนั้นข้อที่ 2 ก็คือ เป็นเรื่องของการอดทนรอคอยเพื่อให้ได้จังหวะการลงทุนที่เหมาะสมด้วย

ขออนุญาตยกข้อความบางส่วนของบทความนี้มาให้อ่านกันอีกครั้งครับ

ในรอบหลายๆ ปี วอเรน บัฟเฟตถึงจะซื้อหุ้นในปริมาณที่มีนัยสำคัญสักครั้งหนึ่ง บัฟเฟตเองเคยพูดว่า เขาต้องรอถึง 16 ปีกว่าจะได้ซื้อหุ้นโค้ก ในช่วง Tech Bubble นั้น เขาไม่ได้ซื้อหุ้นอะไรอย่างมีนัยสำคัญเลย เป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 7 ปี เขาบอกว่า เขาไม่พบหุ้นที่มีราคาที่น่าสนใจ เขาจึงไม่ซื้อ ไม้บรรทัดของบัฟเฟตนั้นจึงน่าจะเป็นไม้บรรทัดที่ใช้ความระมัดระวังสูงมากทีเดียว

การอดทนในข้อที่ 2 ตรงนี้หละครับคือเคล็ดลับที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่เป็นภูมิคุ้มกันการลงทุนของ VI ด้วย

ตรงนี้จึงอยู่ที่ไม้บรรทัดของผู้ลงทุนแต่ละคนที่จะมีวินัยการลงทุนอย่างไร

เพราะผลตอบแทนสูง ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงที่สูง

ซึ่งเป็นที่มาของการลงทุนที่ส่วนใหญ่จะได้ผลตอบแทนที่เท่ากับค่าเฉลี่ยของตลาด

และเป็นเคล็ดลับสำคัญที่ผมคิดว่าทำไม บัฟเฟทถึงได้ผลตอบแทนที่สูงกว่าตลาดได้

เพราะมีไม้บรรทัดที่สำคัญตามปรัชญาการลงทุนดังกล่าวนั้นเอง

จึงไม่อยากให้มองที่ผลตอบแทนการลงทุนอย่างเดียว

แต่ต้องมองว่า ในแต่ละปี เราจะมีภูมิป้องกันการขาดทุน หรือมองกระจกหลังบ้าง แทนที่จะมองที่กระจกหน้า แล้วลุยดะเพื่อผลตอบแทนสูง ๆ อย่างเดียว

เพื่อไม่ให้ต้องกลับไปถอยหลังใหม่ หรือถอยรถกลับ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าจะเดินหน้าต่อได้ครับ

คำพูดสุดท้ายก็คือ อย่าประมาทครับ :lol:

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 11:22 am
โดย peerasak_off
ผมเคยมานั่งวิเคราะห์ตัวเองเหมือนกันสำหรับความผิดพลาดที่ผ่านมาได้ข้อสรุป คือ ซื้อแบบไม่มีวางแผน คงไม่เฉพาะหุ้นผมว่าถ้าเราไม่วางแผนไว้ล่วงหน้าโอกาศแพ้สูง รู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งครับ

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 12:26 pm
โดย miracle
ยังไม่สรุปว่าเป็นอย่างไงล่ะ
เพราะว่า ยังไม่จบปี
แต่คาดว่าใกล้เคียงกับตลาดครับ

ปีนี้ที่พลาด
ปัญหาเรื่องสภาพจิตใจมากที่สุด
และเรื่องของเวลาที่น้อยลงไปมากในการทำการบ้าน
เห็นแน่นอนว่าขึ้นเจอพายุเข้าก่อน แบบนี้ดวงไม่ดีในตอนเดือน 8
แต่พายุสงบแล้วก็เป็นมังกรทยานฟ้าเหมือนเดิม

ปีนี้ขาดทุนก็ขาดทุนหนัก
ได้ก็ได้เป็นมากเหมือนกัน
ไม่ค่อยมีตรงกลางเท่าไร
:)

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 3:24 pm
โดย nut776
เอาน่า อย่าคิดมาก
อย่างน้อยก็มีปันผล

ที่สำคัญที่ชนะตลาดหรือแพ้
มันคือมูลค่า หรือ เงินสดที่ได้รับ
ถ้าชนะตามบัญชี ยังไม่ได้realize profit
มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรต้องกังวลเรื่องชนะหรือแพ้
มันก็แค่การreative กัน

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ธ.ค. 26, 2010 5:14 pm
โดย yy
ณ วันนี้ ผมชนะตลาดอยู่พอสมควร
แต่ ลึกๆแล้ว ควรจะชนะมากกว่านี้อีกเยอะมากๆ
เพราะด้วยวิถีแห่ง วีไอ แล้ว
ปีนี้ ควรเป็นปีทองของวีไอจริงๆ (ปีที่แล้วไม่ใช่ เพราะหลับตาจิ้ม ยังซื้อถูกตัวเลย)
แต่ ... ผมปล่อยหมูไปเกือบหมดเล้า
คิดเป็นมูลค่าที่ปล่อยไปก่อนกำหนด ... คงอยู่ราวๆ 30% ของพอร์ต
ดังนั้น
ผมคงต้องฝึกวิชา วีไอ อีกมากๆ แน่ๆ

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: จันทร์ ธ.ค. 27, 2010 10:20 pm
โดย beater of market
Return ของตลาดวัดยังไงครับ แล้วของปี 53 เท่าไร

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 8:45 am
โดย picklife
beater of market เขียน:Return ของตลาดวัดยังไงครับ แล้วของปี 53 เท่าไร
[(SETindexปัจจุบัน/SETindexวันสุดท้ายปี52)-1]*100 :D

Re: ทำไมถึงแพ้ตลาด !!!

โพสต์แล้ว: อังคาร ธ.ค. 28, 2010 9:02 am
โดย Sumotin
ครับ ปีนี้ผมแพ้ตลาด เพราะถือ 2 ตัวหลักๆแล้วผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามคาดทั้ง 2 ตัว จากตอนแรกที่ชนะตลาดกลับมาเป็นแพ้ประมาณ 15% แต่เมื่อคิดดูแล้ว การวัดอย่างนี้ก็เป็น one point in time ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ผมเลยไม่ serious มากกับเรื่องนี้ครับเพราะราคานี้ยังไงก็ยังไม่ขายหุ้นที่ถือมาอยู่ดีต่อให้ราคาขึ้นอีกสัก 50%ก็ตาม ถ้ายังไม่มีสถานะการณ์ที่กระทบบริษัทอย่างมีนัยสำคัญครับ และผมมองว่ามองปีต่อปีค่อนข้าง short term มากเพราะปีก่อนก็ชนะตลาดมากกว่า 100% ก็สู้กันต่อไปครับ