หน้า 2 จากทั้งหมด 3

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 06, 2010 10:07 pm
โดย donrak
เรื่องราวน่าติดตามครับ นับถือพี่ Nevercry boy ครับ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 9:13 am
โดย 0N0111
มีประโยชน์มากครับ  สำหรับคนที่กำลังเรียนอยู่ ส่วนคนที่ผ่านมาแล้วอ่านแล้วก็เห็นภาพมองย้อนนึกถึงตัวเอง หลายคนคงยังเสียดายกับบางเรื่อง แต่คงย้อนไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 9:32 am
โดย toyti
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ครับจะรอฟังต่อเด้อ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 9:45 am
โดย manuel
สุดยอดครับ มันส์มาก ติดตามตอนต่อไปครับ
ปล F5 จะพังแล้ว :lol:  :lol:

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 11:21 am
โดย unnop.t
พี่ NB เรียนวิศวะ แต่เก่งชีวะ  :shock:

ช่วงนี้หลาย ๆคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับภาวะตลาดที่เริ่มกระทิง ส่วนใหญ่มองด้วย

ความกังวลมากกว่า ผมทึกทักเอาว่าใน thaivi ส่วนใหญ่คิดว่าภาวะตลาดน่าจะ

เป็นจุดเริ่มฟองสบู่มากกว่า นึกถึงปาร์ตี้คอกเทลของปีเตอร์ ลินช์

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 11:44 am
โดย Saran
มาติดตามอ่าน Nevercry.boy ต่อครับ :D
ประสบการณ์ของพี่นี่สุดยอดจริงๆ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 12:05 pm
โดย VI Wannabe
unnop.t เขียน:
ช่วงนี้หลาย ๆคนตั้งกระทู้เกี่ยวกับภาวะตลาดที่เริ่มกระทิง ส่วนใหญ่มองด้วย

ความกังวลมากกว่า ผมทึกทักเอาว่าใน thaivi ส่วนใหญ่คิดว่าภาวะตลาดน่าจะ

เป็นจุดเริ่มฟองสบู่มากกว่า นึกถึงปาร์ตี้คอกเทลของปีเตอร์ ลินช์

ผมว่าตลาดตอนนี้เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีอยู่ครับ เมื่อเค้าเปิดเพลงเราก็เต้นกันไป แต่ขอให้มีสติ อย่าเต้นเพลินจนลืมตัว พอเพลงหยุดเราต้องหยุดและมีเก้าอี้นั่งนะ  

:D

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 12:41 pm
โดย SEHJU
อ่านของพี่ NB แล้วสงสัยว่าป่วยโรคอะไร จากสภาพการณ์แล้วคงเป็นการ ป่วยทางจิต ของนักลงทุนแน่ๆ ฮ่าๆ  รออ่านต่อครับ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 12:41 pm
โดย leaderinshadow
:cool:

ยอดเยี่ยมครับ ชอบมาก

ปล. ผมจบสายตรง จิตวิทยาอุตสากรรม จาก ม.เกษตร ครับ แต่เกือบจะแอบมีวิชาโท เป็น Finance
เพราะไปลงเรียน finance ไว้ 5 ตัว กับ เศรษฐศาสตร์การเงินอีก 1 ตัว
แต่อาจารย์บอกว่า หลักสูตรผม ไม่มีวิชาโท (เมื่อก่อนได้วิชาโท)

ทำให้วุฒิผม เป็นวิทยาศาสตร์บัณฑิต เอกจิตวิทยาอุตสาหกรรม เพียวๆ
ทำให้ไปสมัครงานสาย Finance ที่ไหน ก็ไม่มีใครรับ
ถึงแม้จะมีใบเซอร์ ใบอนุญาต ประกาศนียบัตรด้านการแข่งขันเกี่ยวกับการเงินเต็มไปหมด  :cry:

สุดท้าย กลายเป็น Full time investor ซะงั้น  :twisted:

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 8:56 am
โดย ougnt
ขอมานั่ง lecture ด้วยคนครับ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 9:32 am
โดย คลายเครียด
ผมจำง่ายๆแบบนี้ครับ
ไม่มีหลักวิชาการอะไรรองรับ


"เจ้ามือไม่ได้ปั่นหุ้น  เขาปั่นความโลภและความกลัวในใจเรา"

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 10:27 am
โดย peacedev
สวัสดีครับ พี่ Nevercry.boy
เข้ามารอฟังจิตวิทยาสรีระ ด้วยคนครับ :)

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 11:15 am
โดย Blueblood
ยอดเยี่ยมมากครับพี่ NB แอบตามอ่านอยู่ตลอดครับ  :bow:  :bow:  :bow:

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 11:43 am
โดย Multinet
:cool: สวัสดีครับ พี่ NB ขอบคุณครับ
เข้ามาอ่านด้วยคนครับ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 2:02 pm
โดย สิบพัน
ขอบคุณครับพี่ NB ติดตามอ่านอยู่ครับ ผมชอบเวลาพี่เล่า ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำให้เข้าใจง่ายไปซะหมด เช่น สายปิโตร หรือแม้กระทั่งร่างกายของเรา ซึ่งผมก็เรียนแล้วและคืนอ.ไปแล้ว (โชคดีที่ฝ่ากฏได้ เพราะผมเกลียด Anatomy มากและไม่ต้องเจอมันอีก) รออ่านครับ   :D

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 2:24 pm
โดย extraordinary
ขอบคุณพี่Nevercry.boy มากครับพี่เป็นคนที่อธิบายเรื่องยากๆให้เข้าใจได้ง่ายๆ ผมคอยอ่านกระทู้ของพี่อยู่เสมอมา ได้ความรุ้เยอะมากครับ จากที่พี่เล่าให้ฟังนี้ ดูเหมือนกระดูกสันหลังเรา ยังพอจะสามารถสั่งสอนมันได้ ไม่ทราบว่ามีวิธีการอย่างไรบ้างครับ ที่จะสามารถสร้างสัญชาิตญาณที่ดีขึ้นในตัวเรา

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 7:26 pm
โดย peedcheee
ผมแอบตามอ่านพี่แทบทุกกระทู้เลยครับ
ให้ความรู้ดีมากเลยครับ ขอบคุณมากครับพี่

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 8:39 pm
โดย SoLid_frOg
นับถือครับพี่ NB

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 8:45 pm
โดย Fon^^
พี่ NB สุดยอดมากมาย  :bow:

รับรู้ถึงพลังออร่าความเก่งทะลุจอคอมออกมาค่ะ

ลงคอร์สรอฟังด้วยคนค่ะ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 1:39 am
โดย symsum
ขอนั่งหลังห้องเหมือนเดิมนะครับ อาจารย์ NB

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 6:45 am
โดย tattoo_thai
มานั่งฟังด้วยคนครับ  :cool:

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 7:59 am
โดย por_jai
:8) ปูเสื่อจิบชานั่งฟังอยู่พักใหญ่แล้ว
     อย่าขยักนานนัก
     คนรอฟังอึดอัด...ฮ่า...

     ฝากถึงพี่mulcompหน่อย
     avatarของพี่เท่มาก
     ยิ่งsignatureมอญยันหลักของพี่นี่สุดยอดจริงๆ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 12:42 pm
โดย Nevercry.boy
สวัสดีพี่ป้อมครับ งานเข้าเยอะครับพี่ปลายปี

กราบสวัสดี เฮียเอนโด ครับ เคารพและคิดถึงเฮียเสมอครับ

...............................................................

ต่อครับ

ในหนังสือ Bipolar Expedition, Mania and depression in American culture ของ Emily Martin นั้นพูดถึง อาการทางจิตของ Mr.Market ไว้อย่างน่าฟัง สังคมป่วย Mr.Market ป่วย เรียกว่าเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง Bipolar นั้นหมายถึงอาการดีใจเสียใจสุดขั้ว ดีใจสุดขีด เสียใจสุดขั้วคือ Bipolar (และสังคมอเมริกัน)

Mr.Market นั้นเป็นตัวละครที่ปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือของอาจารย์ใหญ่แห่งวอลล์สตรีท อาจารย์เบนจามิน เกรแฮม โดยอาจารย์เบน บอกว่าเค้าเป็นนายตลาดผู้จะมาหาเราทุกวันไม่ว่าฝนจะตก แดดจะออก เค้าจะมาเสนอซื้อขายหุ้นให้ทุกวันในราคาที่ไม่เท่ากัน แต่อย่างที่เรารู้ ๆ กันว่าสังคมอเมริกันนั้นก็ป่วยและขาดที่พึ่งทางใจอย่างหนัก ไม่เฉพาะในตลาดหุ้นแต่รวมถึงสังคมและเด็กรุ่นใหม่ สังคมป่วยส่งผลให้ Mr.Market ป่วย

การมีเทคโนโลยีนั้นกลับทำให้ความอดทนต่าง ๆ น้อยลง สมัยก่อนเราอดทนโทรศัพท์กันได้ เดี๋ยวนี้เราซื้อขาย on-line และนอกจากนั้นเรามีการซื้อขายอัตโนมัติโดยคอมพิวเตอร์ เร็ว ๆ นี้มีเหตุการณ์ที่ ดาวโจนส์ร่วง 1,000 จุดและรีบาวด์กลับอย่างรวดเร็ว หลายสำนักข่าวรายงานว่าการขายในล็อตนั้นเกิดจากการทำงานของคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่แต่ละโบรก ตั้งโปรแกรมเอาไว้ เช่น ต่ำกว่า xx,xxx ให้ทำการขายอัตโนมัติทันที และมันเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ Mr.Market ป่วย

ในประเทศไทยนั้น เมือผมเริ่มต้นทำงานช่วง (ประมาณปี 92-93) ชีวิตของผมเริ่มต้นจากการเป็นวิศวกร แต่เชื่อหรือไม่ว่า ในยุคนั้นวิศวกรที่เป็นที่นิยมคือ วิศวะโยธา และเชื่ออีกหรือไม่ว่า วิศวะอีกส่วนหนึ่งนิยมที่จะไปเรียนต่อทางด้านการเงิน เพื่อนผมหลายคนที่เรียนจบ IE-Industrial Engineer เหมือนอย่างผม ไปเป็นโยธา

สาเหตุส่วนหนึ่งก็เพราะว่านโยบายทางเศรษฐกิจที่เฟื่องฟูจากนโยบายการเปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า ส่งผลให้ราคาที่ดินสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างสูง ธุรกิจอสังหาเฟื่องฟู

ส่วนอีกหลายคนที่ไปเรียนต่อทางด้านการเงินก็เพราะได้โบนัสเยอะ เยอะมากครับ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 12:45 pm
โดย Nevercry.boy
ประเทศไทยกำลังหอมกลิ่นประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญใหม่ มือถือเริ่มมีเครื่องใหญ่ ๆ
โฟนลิงค์ แพคลิงค์ มีไว้รับข่าวและส่งข้อความหาเพื่อน หาสาว เวลาจะฝากข้อความต้องฝากผ่านโอเปอเรเตอร์ เขินชะมัด
โตโยต้า โคโรลล่า 16 วาล์ว และ civic ทรงเหลี่ยม รวมทั้ง accord เป็นสิ่งที่คนเรียนหนังสือจบใหม่อยากจะได้มาขับ
ขับกันก็ไม่ค่อยแข็ง ทางด่วนบางนารู้สึกจะ 15 บาทมั๊งตอนเปิดแรก ๆ
เบนซ์ 190E สร้างความตื่นเต้นให้ตลาด เพราะราคาต่ำกว่าล้าน!

เบิร์ดดังแล้วจากบูมเมอแรง ต่อเนื่องเบิร์ดพริกขี้หนู พร้อมทั้งชุดสีจัด ทำให้ บอดี้โกรฟ ดังเปรี้ยง พร้อมทั้งโฆษณาที่พี่เบิร์ดเต้นเร้กเก้ มีเพลงร้องว่า
“โหว่ โว โว เย๊ แอม มิสเตอร์ เรคเก้ แอมบาสซะเดอร์” – โหว่ โว โว เย๊

Ghost ของเดมี่มัวร์และแพทริก สเวย์ซีย์ ฉากที่พระเอกโอบกอดนางเอกจากด้านหลัง กำลังปั้นหม้อ พร้อมเพลงประกอบ Ohhh my love, my darling I’m hungry for your touch …….. (ฮัมตามเลยครับ)
เป็นหนังที่ซึ้งและผมยังจำได้เสมอ ทั้งเพลงประกอบและทรงผมของเดมี่มัวร์ สาว ๆ สมัยนั้นตัดกันทั้งเมือง

ผมสั้นของผู้ชายเป็นที่ฮิตตามมาอย่างรุนแรงกับกระแสของเคียร์อานูรีฟ จาก Speed กับทรงสกินเฮด

RCA เพิ่งเริ่มเปิดยังบริสุทธิ์และน่าเที่ยวกว่าสมัยนี้ ทอรัสดูจะไฮกว่านิด ๆ รีโนผับเปิดตัวมาแรง

แต่ถ้าจะพาสาวไปนั่งจ้องตาสักคน Jass Pub ซอยศาลาแดง ฟังคุณวิยะดาร้องเพลง ไม้ขีดไฟกับดอกทานตะวัน ก็เป็นทางเลือกที่อบอุ่นครับ

อีกที่ถ้าเขียนแล้วให้ครบก็คือ อิมเมจินารี่ ซึ่งปัจจุบันผมเข้าใจว่าเปลี่ยนเจ้าของและเปลี่ยนแบรนด์ไปแล้ว ในยามอกหัก นั่งที่เคาท์เตอร์ ว๊อดก้าซักสองชอร์ต เบียร์ซักขวด ฟังคุณโจ-ก้องร้องเพลงก็พอบรรเทายามอาการหนาวของผู้ชายขม ๆ ได้ครับ

สามหนุ่มสามมุม มีแล้ว กบ-มอส-แท่ง
แท่ง-นุสบา ดังแล้วจาก รักในรอยแค้น
และคุณแท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ เปิดตัวโฆษณากรุงเทพพาณิชยการ ด้วยมาดหล่อเดินข้ามถนน พร้อม ๆ กับในแวดวงการเงินเริ่มรู้จักชื่อพ่อมดการเงินของเมืองไทย ราเกรซ ศักดิ์เสนา!

สมัยนั้นสถาบันการเงินรุ่งเรือง มีเงินต้องเอาไปฝากทรัสธ์ และต้องนำบุ๊คไป up ดอกทุกวัน หากทรัสต์ไหนให้ดอกน้อยกว่าธนาคาร รับรองได้ไม่มีใครฝาก มีไปถึง 15-16% ครับ

ถนนทุกสายมุ่งสู่อสังหาริมทรัพย์ จบวิศวะต้องโยธา และการเงิน  จบบริหารต้องการเงิน

ในความทรงจำผม Mr.Market เริ่มออกอาการหลังจากนั้น

(ใครเป็นวัยรุ่นยุคนั้นมาช่วยผมเติมหน่อยก็ดีครับ)

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 2:08 pm
โดย Nevercry.boy
Mr.Market เป็นลูกคนรวย มีเงินไม่จำกัด มีหุ้นไม่จำกัด บางครั้งตัดสินใจถูก บางครั้งตัดสินใจผิด

เคยคบลูกคนรวยมั๊ยครับ เค้ามีนิสัย ยังไง?

บางวันผมเห็นเค้าซื้อของแพง เราก็จะสงสัยว่า “เฮ้ย ซื้อทำไม (วะ)”
บางวันผมเห็นเค้าขายซะถูกเชียว ขายถูกกว่าที่ซื้อมาซะงั้น เหมือนไม่แคร์อะไร ก็ลูกคนรวยอ่ะ

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เค้าเป็นคนที่มีความมั่นใจสูง

Mr.Market พร้อมจะทำในสิ่งที่เราคาดไม่ถึงเสมอ และด้วยการที่เค้าเป็นคนที่มีความมั่นใจสูงนี่เอง ทำให้เราหวั่นไหว

..........................................................................................
มาฟังกันต่อครับ

Mr.Market มั่นใจสุดขีด หุ้นไฟแนนซ์ร้อนแรง ซื้อแล้วขึ้น ยิ่งซื้อยิ่งขึ้น
หุ้นไฟแนนซ์นั้นร้อนแรง พร้อม ๆ กับ ภาพอันทรงพลังของ คิงปิ่น กับอาณาจักรฟินวัน

แม้จะร้อนแรงแต่ผู้คนมองว่าปลอดภัย!? (คุ้น ๆ มั๊ย) กลายเป็นกรณีศึกษาที่ผู้คนพูดถึงทั้งในหนังสือพิมพ์แม้ในมหาวิทยาลัย

ไม่มีใครชัดเจนว่าอะไรหรือทำไม? สถาบันการเงินต่าง ๆ จึงให้โบนัสสูง ๆ หรือให้ดอกได้สูงแบบนั้น

ตราบใดก็ตามที่มีความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยสูง ๆ ได้ ผู้คนพอใจ
ที่ดิน คอนโด อสังหา ขึ้นแม้ว่าจะไม่มีคนอยู่ (คุ้น ๆ มั๊ย) ตามมาด้วยปัญหา สภาพคล่องหายและ NPL

ดร.นิเวศน์เคยกล่าวถึงคุณปิ่นและ ฟินวันว่า

บ่อย ครั้งที่เราลงทุน  เราอาจจะคิดว่าความเสี่ยงมีน้อยทั้งที่มันอาจจะมาก   การที่เราเคยทำแล้วประสบความสำเร็จนั้นไม่ได้หมายความว่าความเสี่ยงต่ำ  เพียงแต่ว่าผลร้ายมันยังไม่เกิด  ความสำเร็จที่เกิดขึ้นหลาย ๆ  ครั้งอาจทำให้เราชะล่าใจคิดว่าเราเก่งเราเข้าใจดี   แต่อาจจะมีวันที่เราทุ่มลงทุนอย่างหนักด้วยความมั่นใจสูงแต่ผลอาจจะเป็นทาง ตรงกันข้ามและนั่นอาจจะหมายถึงหายนะ    พูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงกรณีของบริษัทเงินทุน  Fin One ของนายปิ่น จักกะพาก  ซึ่งครั้งหนึ่งประสบความสำเร็จสูงมากจากการเติบโตอย่างรวดเร็ว  ในตอนนั้นคุณปิ่นเคยให้สัมภาษณ์ว่า  Fin One ทำงานอย่างอนุรักษ์นิยมมากและเน้นความปลอดภัยสูงสุด  Fin One ไม่  “Take Risk” หรือรับความเสี่ยงสูง  แต่แล้วก็อย่างที่ทราบกัน  Fin One ล่มสลายในยามที่มันโตสุดขีด    บทเรียนเรื่องนี้สอนให้ผมตระหนักว่า  หายนะอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา   และมันมักจะเกิดตอนที่เรามั่นใจสุดขีด Posted by nivate at 9:17 AM in โลกในมุมมองของ Value Investor

ความมั่นใจของ Mr.Market ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความปลอดภัยหรืออันตรายของธุรกิจเลย แต่เนื่องจาก Mr.Market เป็นคนมีความมั่นใจสูง ผิด ถูก ไม่เกี่ยว ป่วยเป็นโรค Bipolar และเป็นลูกคนรวย! ที่สำคัญเราต้องค้าขายกับเค้า

ทั้งนี้ทั้งนั้นเมื่อเราอยู่ต่อหน้า Mr.Market ผู้มีเงินเยอะ และมีความมั่นใจสูงเราย่อมเกิดความหวั่นไหวในการกระทำของเราเป็นธรรมดา

แล้วเราจะแก้อย่างไร? เราควรทำธุรกิจกับเค้ามั๊ย? แล้วเราจะทำอย่างไรดี?

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 5:00 pm
โดย mulcomp
[quote="por_jai"]:8) ปูเสื่อจิบชานั่งฟังอยู่พักใหญ่แล้ว

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 9:46 pm
โดย Anti-Aircraft
โห อ่านเพลินเลย พี่ NB เล่าเรื่องสนุกมากเลยครับ สมัยที่พี่เล่า ผมยังนั่งดูเซนต์เซย่าอยู่เลยครับ ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาเลย ตอนปล่อยค่าเงินบาทลอยตัวยังไม่เข้าใจเลยว่ามันจะเดือดร้อนเราตรงไหน ยิ่งตอนทำเงินหายเนี่ยเพื่อนจะชี้ไปบนฟ้าเลยบอกว่า โน่น เงินมึงลอยไปแล้ว เอิ๊กๆๆ ร่วมระลึกความหลังครับ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 10, 2010 9:28 am
โดย siebelize
ตามมาอ่านครับ  :D

ชอบการเล่าเรื่องโดยใช้มุมมองแบบของพี่ NB

ว่าแต่ว่า เมื่อไหร่พร้อมจะแนะแนวทางเข้าคอร์สลดน้ำหนักอีก อย่าลืมเรียกด้วยนะครับ 555555

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 10, 2010 11:42 am
โดย humdrum
ขอบคุณครับ ความคิดบางด้านไม่เคยทราบ เขียนไดดีครับ อย่างลึกซึ้ง ตงไปตงมา เหตุผลที่นำมาอธิบาย ก็ไม่บังคับให้เชื่อหรือคล้อ ยตามแต่อย่างใดเลย
  ถ้าเอาไปคิดต่อในมุมองแต่ะคน  มันมีปะโยชน์ไม่น้อยต่อการกลับมาสำรวจตวจสอบแก่นแท้ของการลงทุนเน้คุณค่าอันแท้จริงท่ามกางระบอบทุนนินมที่พวกเราอาสัยอยู่ และ ได้รับอิทธิพลจากมันในวงกว้างในขณะที่หายใจเข้าไป

  แต่ผมมีมุมมองที่แตกต่างไปบ้าง ที่อาจสั่นคอนความยึดมั่นในความคิดดั้งเดิม เพียงแต่มีมุมมองให้หลากหลายไปบ้างเทานั้น ถ้าอาจจุดประเด็นความแตกต่างและปราะบางทางความคิดให้เกิดขึ้น ผมขออภัยล่วงหน้าครับ มีโอกาสจะเข้าใจผิดอย่างมาก เพราะผมพิพิมพ์ไปผิดไป ขอโทษที่สะกดผิดครับ

  มุมมองนายตลาดจากอาจารย์เบนจามิน แกรม มองอย่างนั้น ผมว่ามองจากมุมข้างนอก ถ้เมองจากข้างในก็เหมือนพี่คลายเคียด นั่นสุดยอดของนักปราชญ์การลงทุน

 ส มมุติว่านายตลาดคนนี้มีชื่อว่าปื๊ดนะครับ ปืดเป็นนายตลาดที่อารมณ์เอาแน่เอานอนได้อย่างที่อาจารย์แกรมบอกไว้

   แต่ถ้าปื๊ดเป็นน้องเราที่คานตามกันมาหรือเป็นลูกเราที่มีอาการออติสติก เราจะมองเขาเหมือนอย่างที่เราทำไหม หรือว่าเราจะพยายามทำความเข้าใจว่าเขาทำอย่างนั้นเพราะอะไรและเราจะช่วยอะไรเขาได้บ้าง

  มุมมองของอาจารย์เป็นมุมมองจากคนภายนอกครอบครัว ท่านเข้าใจปื๊ดว่าปื๊ดเป็นคนอย่างไรและท่านกำลังบอกเราว่าอย่าไปสนใจปื๊ดให้มากนัก ท่านมองจากคนนอกที่มีส่วนได้ส่วนเสียและหาโอกาสเอาเปรียบน้องของเราเมื่อเขาสติแตก

      แต่ปื๊ดเป็นน้องเราครับ อาจารย์อธิบายแต่อาการของปื๊ด แต่อาจารย์ไม่เคยบอกว่าทำไมปื๊ดถึงมีอาการแบบนั้น

   ถ้าวันหนึ่ง เรามองในมุมกลับ นายตลาดเป็นน้องเรา เราจะเริ่มศึกษาอย่างแท้จริงว่า  อะไรที่ทำให้นายตลาดมีอาการแบบนั้น  

  ความคิดเรื่องนายตลาดเป้นผลลัพธ์ที่กเดแล้ว ไม่ใช่กระบวนการทางความคิด  วิธีทำมันหายไป มันมีแต่คำตอบอย่างเดียว ถ้าไปเจอโจทย์ใหม่ ๆ นี่อาจทำให้คิดไม่ออกเลยว่าจะคิดให้

   
  เวลาคิดเรื่องนายตลาด  ผม invert ตัวเองลงไปในความคิดของปื๊ด ผมไม่ได้แยกตัวเองออกมาในฐานะผู้สังเกตอยู๋ภายนอกเหมือนที่อาจารย์แกรมทำ นั่น้นองผม ใครจะวิจารย์น้องผมว่าสติแตกอะไรก็ตาม แต่เขาเป็น้องผม ผมเห็นใจน้องผม ผมสงสารเขา ผมอยู๋ในนั้นกับน้อง   ผมตกเป้นเฉลยในค่ายกักกันที่น้องเข้าไปอยู่ ผมจินตนาการเข้าไปในจิตใจของน้อง  เป้นเป็นส่วนหนึ่งในนั้นด้วย

  ถ้าทำอย่างนั้นบ้าง เป้นนายตลาดสักวัน   แล้วสังเกตตัวเองผมรับประกันว่า ท่านจะพบนายตลาดที่แท้จริง มากกว่าที่สังเกตจากภายนอก  อย่างน้อยจะสังเกตว่าตัวเองมีความตื่นตัว อยากรู้อยากเห้นมากกว่าปกติอย่างมาก  อะไรรอบตัวกำลังเกิดขึ้น และถ้าสิ่งนั้นเกิด สิ่งใดอะไรเปนผลตามมา  แล้วมันทำให้นักลงทุนอย่างเราๆ ตกอยู๋ในอันตรายหรือไม่  เราระวังความคิดและอารมณ์ตัวเองอย่างที่พี่คลายเครียดท่านว่าไว้

    ความกระหื่นกับสิ่งต่างที่เกิดขึ้นไมได้ปนกับอารมณ์ต่างๆ ของเราเลยแม้แต่น้อย มองทุกอย่างตามภาวะความเปนจริง ไม่มีความรู้สึกส่วนตัว ปื๊ดทำไมได้ แต่เรามีสภาพจิตใจแบบนั้นต่อเมื่อเราคิดที่จะปกป้องตนเองจากการถูกทำร้าย หรือว่า ในโลกของพวกเรา ก็กลัวการขาดทุน
 

  เหมือนความคิดเรื่องตลาดปรับเข้าสมดุลที่เป็นผลลัพะแล้ว แต่ระหว่างก่อนที่มันจะปรับนั้น มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เหมือนตลาดที่ความผกผันทุกวันก่อนที่จะเข้าสู่จุดสมดุลในที่สุด

    ผมว่าเราก็ควรสนใจกระบวนการความคิดของเรามากกว่าที่จะสนใจเรื่องการขาดทุน

  อย่างที่พี่คลายบเครียดว่าละครับ
  ความกลัวและความโลถอาจเป้นต้นเหตุที่แท้จริงของนายตลาด อยู่ที่ว่าเราจะยอมรับตัวเองหรือไม่ ว่าเราก็คือส่วนหนึ่งของนายตลาด เรามีนายปื๊ดสิงในด้านที่เราไม่ยอมรับ และวันนหึ่งเรากลายเป็นนายตลาดเมื่อไหร่ก้ได้ หรือ ว่า วันนี้เราเป็นนายตลาดไปแล้ว

   อาจารย์มีงเกอร์บอกว่า คนที่เขียนแนะนำคนอื่นว่าด้วยเรื่องอะไร คนคนนั้นจะต้องการสิ่งนั้นมากที่สุด

  ผมพูดหมดแล้ว
  ขอโทษด้วยนะครับ

วิเคราะห์สุขภาพจิตของ Mr.Market - นายป่วยหรือเราป่วย?

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 11, 2010 3:39 pm
โดย doc_zodi
ยอดเยี่ยมมากครับ ทั้งพี่ NB และพี่ humdrum

ถ้าฟังกันคนละที โดยที่ไม่รู้ความเห็นอีกฝ่าย เราคงคล้อยตามสิ่งที่เราได้ยินได้ฟัง เพราะถูกต้องทั้งคู่

แต่พอได้เห็นความคิดทั้ง 2 ด้านที่แตกต่าง ทำให้เห็นว่า เหรียญมี 2 ด้านเสมอ อยู่ที่เราจะมองด้านไหน หรือให้เหตุผลในการอธิบายอย่างไร เท่านั้น

แต่ถ้าเราคิดได้ทั้ง 2 ด้าน ก็ทำให้เรามองสิ่งต่างๆ ได้ลึกซึ้งขึ้น มองโลกได้ครบ 360 องศา

ขอบคุณสิ่งดีๆ ที่มอบให้ครับ