Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผลจากการ รับฟัง money forum วันนี้..
แล้วลองมาคิดทบทวน
แบบคนชมมวย ว่า "ออกอาการแล้วยัง"

สรุปได้ดังนี้
เลยลองจดไว้ เผื่อ ช่วยกันคิดต่อ

อาการที่1ที่สำคัญ:
ได้ยินว่า america เริ่มใช้ QE
quantitative easing (QE)

http://en.wikipedia.org/wiki/Quantitative_easing
ก็แบบบ้านๆก็คือ พิมพ์เงินเพิ่มๆ จริงหรือไม่ internet เป็นแหล่งข้อมูล หาเพิ่ม เอง แต่ ผลได้ ยิน มาจากงานสัมนา นักการเงิน เขาพูด รายการเมื่อเช้าก็มีอีก

อาการที่2ที่สำคัญ:
มีการแห่เอาเงินมาประเทศ เอเซีย อันนี้ไม่ ต้อง check ข้อมูลก็เห็นกันอยู่
โดยเฉพาะได้ ยินว่า ใน ตลาด bond ของไทยยิ่งสูงมาก เหมือนจะดักล่วงหน้า ว่า เงินเฟ้อ 3% + เงินบาทแข็ง เดี๋ยวจะต้อง ขึ้นดอกเบี้ย เขาไปรอรับก่อนแล้ว

อาการที่3ที่สำคัญ:
ค่าเงินบาทแข็งเร็วอย่างผิดปกติ = ค่าดอลล่า อ่อนลงอย่าง ผิด ปกติ
พอเป็น อย่างนี้ ใน สัมนา บ้าง ก็ บอกว่า จะไป 29 บ้าง 25 บ้าง
แต่ อาการเห็นชัด คือ
ไป

อาการที่4ที่สำคัญ:
ฟังจากสัมนา ว่า อเมริกา หนี้ประมาณแถวคอ แล้ว
ก็ ลอง check net ดู เจอ เวบนี้ น่า สนใจ
http://www.usdebtclock.org/
ในสัมนาบอกว่า ถ้่าหนี้ถึง 14 trillion ก็จะเต็มเพดาน ตอนนี้ มัน 13.537183 และเพิ่มทุกวินาที

อาการที่5ที่สำคัญ:
อุตสาหกรรมใหญ่ ล้มไป ถึงแม้นจะมี high tech มาแทน
เช่นไม่รู้ว่า market cap ของ GM บริษัทเดียวเงินหายไปเท่าไหร่
แต่ยังดี ที่ iphone4 เมืองไทย จอง เยอะมาก ก็ช่วยๆเขาบ้าง
และส่วนใหญ่ จะโดนพี่ใหญ่จีน แย่ไปทำหมด

****
ซึ่งผลกระทบ
ต่อประเทศเรา เอาเฉพาะ ด้านไม่ดี..
1. ตลาดหุ้นจะขึ้น นาน และ overvalue แบบใน รายการmoney forum วันนี้ บอกว่า ฝนตกข้านอก คนก็เลยต่อแถวร้านข้างแกงในตึกยาว
2. เงินบาทถ้าลงแรงเร็วเกินไป พิธีกร ท่าน หนึ่ง ก็บอกแล้ว ว่า 50/50 อาจจะเห็น มาตรการ อะไร ออกมา พิธีกร มีแนะนำให้รัฐ ซื้อ เครื่องจักร เครื่องบิน
(ผมว่า ถ้าเงิน ดอลล่า ลดเร็ว ถ้าไม่ต้องการ ถือดอล่า ก็ เก็บเป็นน้ำมันดิบ ก็ ได้ หรือ แบบ banpu ไปซื้อ เหมือง อีกหลายเมือง หรือ TUF ไป takeover ในตปท. ก็ได้ รัฐสนันสนุนให้ บริษัท จด ทะเบียน ไป take เขา ได้ 2 เด้ง เพราะซื้อ ถูก และ เงินก็ไม่แข็งเร็ว...รู้สึกว่าจีน จะทำมาก่อน)
3. มีความไม่แน่นอนสูง เพราะเงินเข้ามา มันเป็น น้ำทะลักเขื่อน จำนวณมาก และมัน ก็มักจะ หนีไปที่อื่นได้ อย่างรวดเร็ว
...
ไว้คิดเล่นๆ
อาจจะเป็นจริงก็ได้
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 2

โพสต์

อ้อลืมไป
ในสัมนาท่าน หนึ่งบอกว่า ราคาทอง มัน สูงไป
ผลว่า
รัฐ ก็ลอง เก็บ "น้ำมันดิบ" แทน ก็ได้ ตอนนี้ ถูก
และถ้า ดอลล่าลง มากๆ น้ำมัน ก็จะกลับมาสูงอีก เพราะ ซื้อขายเป็น ดอลล่า
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 3

โพสต์

http://chicagobreakingbusiness.com/2010 ... price.html

By Reuters
Posted yesterday at 7:09 a.m.

Further quantitative easing by the U.S. Federal Reserve could push oil prices to an average of $83 next year even if demand remains weak, analysts at Bank of America Merrill Lynch said on Friday.

The bank calculated in a Global Commodity Research note that oil prices would increase by 6 percent if the Fed were to expand the money supply by an additional $500 billion-$750 billion as early as the first quarter of 2011 in a second round of quantitative easing (QE).

Expansionary U.S. monetary policy tends to boost the prices of oil and other dollar-denominated commodities by increasing the number of greenbacks in circulation.

“Additional monetary easing in early 2011 could bring Brent crude oil prices LCOc1 up from an average of $78 a barrel this year to an average of $83 a barrel next year even if demand stays weak,” Bank of America Merrill Lynch said.
My House
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1317
ผู้ติดตาม: 9

My House

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เก็บเป็นน้ำมันดิบ งืม มองแบบบ้านๆแบบผม ผมว่าไอเดียแจ่มครับ :cool:
ภาพประจำตัวสมาชิก
freedomlife
Verified User
โพสต์: 214
ผู้ติดตาม: 0

Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 5

โพสต์

Gold and Silver
ภาพประจำตัวสมาชิก
pporkha
Verified User
โพสต์: 91
ผู้ติดตาม: 0

Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 6

โพสต์

imerlot เขียน:อ้อลืมไป
ในสัมนาท่าน หนึ่งบอกว่า ราคาทอง มัน สูงไป
ผลว่า
รัฐ ก็ลอง เก็บ "น้ำมันดิบ" แทน ก็ได้ ตอนนี้ ถูก
และถ้า ดอลล่าลง มากๆ น้ำมัน ก็จะกลับมาสูงอีก เพราะ ซื้อขายเป็น ดอลล่า
จะเก็บยังไงครับ  ผมว่าถังที่มีคงเก็บได้ไม่มากเท่าไหร่ครับ
matee
Verified User
โพสต์: 535
ผู้ติดตาม: 0

Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 7

โพสต์

การเก็บน้ำมันดิบ ต้องสร้างถังเก็บครับ
ของเมกามี
ส่วนจีนเพิ่งเริ่มสร้าง ถังเก็บน้ำมันสำรอง เมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา
ช่วงน้ำมันแพง จีนสร้างคลังเก็บน้ำมันสำรอง ไว้หลายที่
ส่วนไทย ไม่มีแล้วจะเก็บยังไงครับ
ได้ข่าวว่า จีนกำลังสร้าง คลังเก็บน้ำมันสำรองเพิ่มเรื่อยๆ
กะว่า จะสำรองน้ำมันไว้ใช้ได้ประมาณ 4-5 เดือน นี่แหละ
ภาพประจำตัวสมาชิก
thaloengsak
Verified User
โพสต์: 2716
ผู้ติดตาม: 1

Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ถ้าสร้างถังเพิ่ม บริษัทตรวจสอบถังก็... :)
ลงทุนเพื่อชีวิต
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 9

โพสต์

แผนพลังงานปี 2554 ต้อนรับปีกระต่ายเพชร



กระทรวงพลังงาน ชูนโยบายปีกระต่ายเพชร ผลักดันแผนอนุรักษ์พลังงานของประเทศ กำหนดเป้าหมายระยะ 20 ปี ลดการใช้พลังงานให้ได้ 25% เมื่อเทียบกับปี 2005 พร้อมเร่งเดินหน้าการพัฒนาพลังงานทดแทนตามเป้าหมาย 15 ปี เผยภาพรวมการใช้พลังงานในปีเสือทองคนไทยยังใช้พลังงานเพิ่มขึ้น




นายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในการแถลงข่าวภาพรวมการใช้พลังงานของประเทศไทยในปี 2553 และแนวโน้มสถานการณ์พลังงานปี 2554 พร้อม ทั้งการจัดกิจกรรมเลี้ยงขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความร่วมมือและเผยแพร่ข่าว ของกระทรวงพลังงานด้วยดีมาโดยตลอดว่า กระทรวงพลังงานได้รวบรวมข้อมูลการใช้/การนำเข้าพลังงานของประเทศในปี 2553 พบว่า ปริมาณการใช้พลังงานเชิงพาณิชย์ขั้นต้น เพิ่มขึ้น 7.3% เมื่อเทียบจากปี 2552 หรือ อยู่ที่ระดับ 1.785 ล้านบาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยปีนี้มีการขยายตัวสูงขึ้น ส่งผลให้การใช้พลังงานทุกชนิดปรับเพิ่มขึ้น และหากเศรษฐกิจของโลกฟื้นตัวในอัตราเช่นนี้ คาดว่าการใช้พลังงานในปี 2554 จะเพิ่มขึ้น 4.8% เมื่อเทียบกับปี 2553 หรืออยู่ที่ 1.870 ล้านบาร์เรลต่อวัน

สำหรับมูลค่าการใช้พลังงานโดยรวมพบว่า อยู่ที่ 1,796,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18% ของอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ (GDP) แม้จะมีปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบ 802,200 บาร์เรล/วัน หรือลดลง 0.1 % แต่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 17.6% หรือคิดเป็น 733,000 ล้านบาท ขณะที่ปริมาณการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 147,724 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 9.6 % คิดเป็นมูลค่าการใช้ไฟฟ้า 478,000 ล้านบาท และปริมาณการใช้ LPG ในปี 2553 อยู่ที่ 5.9 ล้านตันต่อปี เพิ่มขึ้น 13.4% เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดอุปสรรคจากกรณีโรงแยกก๊าซแห่งที่ 6 ไม่สามารถดำเนินการ ทำให้อัตราการนำเข้า LPG เพิ่มขึ้นกว่า 100% อยู่ที่ 1.524 ล้านตันต่อปี และคิดเป็นมูลค่าที่รัฐต้องชดเชยการนำเข้า 20,919 ล้านบาท

ในส่วน “การขับเคลื่อนการพัฒนาพลังงานทดแทน” ซึ่งเป็นวาระแห่งชาตินั้น กระทรวงพลังงานได้ดำเนินการผลักดันอย่างเป็นระบบ โดยในปี 2553 มีผลการส่งเสริมคิดเป็นสัดส่วน 7.75% จากแผนพัฒนาพลังงานทดแทน 15 ปีที่จะส่งเสริมให้ได้ไม่น้อยกว่า 20% ในปี 2565 ที่ผ่านมา ได้ประสบความสำเร็จในหลายรูปแบบและใช้มาตรการด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

อาทิ การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลมีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น 1.72 ล้านลิตรต่อวัน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน การใช้เอทานอลค่อนข้างทรงตัวในระดับ 1.23 ล้านลิตรต่อวัน แต่การผลักดันมาตรการทางภาษีสรรพสามิตในส่วนของรถยนต์ที่สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล E85 ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและคาดว่าจะมีผลประกาศใช้ในปี 2554 โดยในปี 2553 มีรถยนต์ E85 เพิ่มขึ้นเป็น 3,400 คัน และคาดว่าในปี 2554 จะเพิ่มเป็น 15,000 คัน ขณะที่ยอดการใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล E85 เพิ่มขึ้นจาก 630 ลิตรต่อวันในปี 2552 เป็น 5,500 ลิตรต่อวันในปี 2553 และคาดว่าในปี 2554 จะมีการใช้เพิ่มขึ้นเป็น 41,000 ลิตรต่อวัน และจะมีสถานีให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 30 แห่ง จากปัจจุบัน 11 แห่ง

นอกจากนี้ ในส่วนของการส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติในรถยนต์ (NGV) มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น 22.5% จากปีก่อน หรือ 4,900 ตันต่อวัน และมีจำนวนรถที่เปลี่ยนมาใช้ NGV เพิ่มขึ้น 30.46% หรือคิดเป็น 211,368 คัน ทั้งนี้ มีจำนวนสถานีให้บริการ NGV เปิดให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 420 แห่งในปี 2553 และในปีหน้าคาดว่าจะเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 530 สถานี เพื่อรองรับจำนวนรถยนต์ NGV ที่เพิ่มขึ้น

ด้าน มาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นอีกด้านหนึ่งที่กระทรวงพลังงานให้ความสำคัญและได้ดำเนินการมาอย่างต่อ เนื่องโดยใช้มาตรการต่างๆ เพื่อให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ มาตรการด้านการบริหาร โดยการส่งเสริมโครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทด แทน โครงการสินเชื่อพลังงาน โครงการส่งเสริมการลงทุนด้านอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน (ESCO Fund) และโครงการขอรับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้จากกรมสรรพากร โดยในปี 2553 ที่ผ่านมาได้ส่งผลให้เกิดการลงทุนด้านประสิทธิภาพพลังงาน รวม 261,007 ล้านบาท และทำให้เกิดการประหยัดพลังงานคิดเป็นมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาทต่อปี

โดยในส่วนของมาตรการด้านสังคม การรณรงค์ในปีที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ส่งเสริมการใช้หลอดไฟฟ้าประหยัดพลังงาน (T5) ให้แก่ หน่วยงานภาครัฐ วัด มัสยิด โบสถ์ และส่งเสริมการเปลี่ยนหลอดไฟในส่วนของประชาชนและผู้ประกอบการภาคเอกชน รวมทั้งสิ้น 1,876,000 หลอด ซึ่งสามารถลดการปล่อย CO2 ได้ถึง 440,000 ตันต่อปี

นายแพทย์วรรณรัตน์ กล่าวว่า ในปี 2554 กระทรวงพลังงานคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 80-90 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่มีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 77 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ดังนั้น กระทรวงฯ ได้วางเป้าหมายเพื่อเร่งส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนตามแผน 15 ปีให้เกิดขึ้นอย่างจริงจังมากขึ้น และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การอนุรักษ์พลังงานระยะ 20 ปี โดยมีเป้าหมายที่จะลด Energy Intensity ให้ได้ 25% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2005 และจะสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 30 ล้านตันต่อปี

ยุทธศาสตร์ ที่สำคัญตามแผนอนุรักษ์พลังงาน ประกอบด้วย การใช้มาตรการผสมผสานระหว่างการกำกับและบังคับด้วยกฎหมาย การจูงใจผ่านกลไกตลาดและราคา และการส่งเสริมเพื่อสร้างความตะหนักให้กับประชาชน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และภาคอาคารธุรกิจ และครัวเรือน ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว ไม่เพียงส่งผลด้านการอนุรักษ์พลังงานและลดการใช้พลังงานสิ้นเปลืองเท่านั้น แต่จะช่วยลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและวิกฤตภาวะโลกร้อนที่กำลังก่อตัวขึ้น ซึ่งกำหนดบทบาทให้ประเทศไทยในอนาคตเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่มี ประสิทธิภาพพลังงานสูง (Energy efficient economy) และสังคมคาร์บอนต่ำ (Low-carbon society) ต่อไป

ที่มา : กระทรวงพลังงาน

แม้จะมีปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบ 802,200 บาร์เรล/วัน หรือลดลง 0.1 % แต่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 17.6% หรือคิดเป็น 733,000 ล้านบาท
http://www.nesdb.go.th/Default.aspx?tabid=95
GDP2009=9,081,262ล้าน

733,000ล้าน/9,081,262ล้าน = 8.05%
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 10

โพสต์

http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000073868
ธปท.ขาดทุนยับอุ้มค่าบาทแสนล้าน ยอดขาดทุนสะสมเกือบสองแสนล้าน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มิถุนายน 2554 22:40 น.
เปิด งบดุลปี 53 แบงก์ชาติขาดทุนสุทธิ 1.17 แสนล้านบาท เจ๊งแทรกแซงค่าเงินอย่างเดียว 1.03 แสนล้านบาท ส่งผลขาดทุนสะสมเกือบ 2 แสนล้านบาท ยอดตั้งเงินสำรองสำหรับขาดทุนที่อาจจะเกิดในอนาคตจากการตีมูลค่าเงินตราต่าง ประเทศเป็นเงินบาทอีก 2.78 แสนล้าน

รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้ประกาศงบการเงินฉบับสมบูรณ์ของ ธปท.ปี 2553 พบว่า มีผลขาดทุนสุทธิสูงมากจากการเข้าแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท ไม่ให้แข็งค่ามากเกินไป ขณะที่ส่วนต่างระหว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศกับต่างประเทศ ยังทำให้ ธปท.มีรายจ่ายดอกเบี้ยมากกว่ารายได้จากดอกเบี้ยที่นำทุนสำรองทางการระหว่าง ประเทศไปลงทุนอีกด้วย

ในงบดุลปี 2553 ระบุว่า ธปท.มีสินทรัพย์ทั้งสิ้น 3,769,001.74 ล้านบาท ขณะที่มีหนี้สินทั้งสิ้น 4,200,830.45 ล้านบาท ส่งผลให้มีเงินทุนติดลบในขณะนี้ทั้งสิ้น 431,828.71 ล้านบาท

ขณะที่งบกำไรขาดทุนของ ธปท. ได้ระบุรายรับรายจ่ายและผลขาดทุนของธปท.ว่า ในปี 2553 ธปท.มีรายได้ทั้งสิ้น 53,895.39 ล้านบาท เป็นรายได้จากดอกเบี้ยรับ 42,598.53 ล้านบาท รายได้จากค่าธรรมเนียมการชำระเงิน และอื่นๆ 585.74 ล้านบาท และเป็นรายได้จากแหล่งอื่นๆอีก 10,711.12 ล้านบาท

ขณะที่มีรายจ่ายมากกว่ารายรับ โดยมีรายจ่ายทั้งสิ้น 171,368.59 ล้านบาท โดยเป็นรายจ่ายที่มาจากดอกเบี้ยจ่าย 62,709.29 ล้านบาท รายจ่ายที่มาจากผลขาดทุนจากกอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสุทธิทั้งสิ้น 103,805.93 ล้านบาท เป็นรายจ่ายเรื่องพนักงานทั้งสิ้น 3,510.07 ล้านบาท และเป็นรายจ่ายอื่นๆอีก 1,343.30 ล้านบาท ส่งผลให้ในปี 2553 ธปท.มีผลขาดทุนจากการดำเนินการทั้งสิ้น 21,249.11 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิทั้งสิ้น 117,473.20 ล้านบาท

ทั้งนี้ งบดังกล่าวเป็นงบของฝ่ายกิจการธปท.ไม่เกี่ยวข้องกับทุนสำรองเงินตรา กิจการธนบัตร และกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากพิจารณาจากการขาดทุนสุทธิของธปท.ในปี 2553 แล้ว ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการเข้าแทรกแซงเพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาทในปี 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 11% ด้วยการซื้อเงินตราต่างประเทศเข้ามาสะสมเพิ่มเติมในทุนสำรองทางการ ซึ่งจะเห็นได้จาก ทุนสำรองทางการระหว่างประเทศในปี 2553 เพียงปีเดียวเพิ่มขึ้นมากถึง 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯ ดังนั้น เมื่อค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นทำให้เกิดผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 103,805.93 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน การออกพันธบัตร ธปท.เพิ่มขึ้นเพื่อดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงิน จากการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ และการซื้อเงินดอลลาร์สะสมของธปท.เพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยของต่างประเทศ ซึ่ง ธปท.นำทุนสำรองทางการไปลงทุน ทำให้ในปีที่ผ่านมา ธปท.ขาดทุนจากดอกเบี้ยรับที่ต่ำกว่าดอกเบี้ยจ่าย 20,110.76 ล้านบาท

ในงบการเงินของธปท.ยังระบุด้วยว่า งบการเงินต้นปี 2253 ธปท.มียอดขาดทุนสะสมคงค้างจากปีก่อนหน้าทั้งสิ้น 82,096.22 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อรวมยอดขาดทุนสุทธิใหม่ที่เกิดขึ้นในปี 2553 จำนวน 117,473.20 ล้านบาท ทำให้ ยอดขาดทุนสะสมในขณะนี้ของธปท.เพิ่มขึ้นมาเป็น 199,569.42 ล้านบาท และเป็นการขาดทุนสะสมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2549

แม้ว่า ในการคิดงบดุลแบบใหม่ของธปท.จะไม่คิดผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นไว้ในบัญชี ประจำปีเหมือนในช่วงก่อนหน้า แต่ยังต้องมีการตีราคาสินทรัพย์ และหนี้สินในช่วงทุกสิ้นปี ทั้งนี้ จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในปี 2553 ทำให้เมื่อตีราคาสินทรัพย์ และหนี้สินทั้งหมดของธปท.แล้ว ในงบดุลธปท.ได้ตั้ งเงินสำรองที่ธปท.ต้องจ่ายในอนาคต สำหรับการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการตีราคาสินทรัพย์ และหนี้สิน ไว้เป็นเงินสูงถึง 260,211.3 ล้านบาท

โดยคำนวณจากผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแปลงค่าสินทรัพย์และ หนี้สินที่เป็นเงินตราต่างประเทศ 278,667.2 ล้านบาท ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการปรับมูลค่าตราสารอนุพันธ์ 345.4 ล้านบาท ผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการปรับมูลค่าสัญญารับฝาก 1,114.3 ล้านบาท และกำไรจากการปรับมูลค่าของเงินลงทุน 19,926.2 ล้านบาท
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ย้อนไป ณ เดือน พ.ค.

http://www.manager.co.th/stockmarket/vi ... 0000063519
ธปท.รับขาดทุนค่าเงิน อ้างผันผวน-ดอลล์อ่อนสวนทางดอกเบี้ยเอเชีย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 พฤษภาคม 2554 21:44 น.
"ประสาร" ยอมรับผลประกอบการแบงก์ชาติปี 53 ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากการแทรกแซงค่าเงินบาท เช่นเดียวกับปีนี้แม้ไตรมาสแรกกำไร แต่ทั้งปีน่าจะขาดทุน อ้างระบบการเงินโลกผันผวนสูง แนวโน้มดอลลาร์อ่อนไม่หยุด-ดอกเบี้ยเอเชียขึ้น เผยอิงเงินหยวนต้องใช้เวลาอีก 10 ปี

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ค่าเงินที่ผันผวนใช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะปี 2553 ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยค่อนข้างมาก การแข็งค่าของเงินบาททำให้ ธปท.ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากการเข้าแทรกแซงค่าเงินบาทไม่ให้แข็งเร็วเกินไป อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศได้รับผลกระทบเช่นกัน เป็นปัจจัยลบจากปัญหาของเศรษฐกิจสหรัฐ ส่วนปีนี้ แม้ว่า ไตรมาสแรกค่าเงินบาทจะมีช่วงที่อ่อนค่าลงทำให้งบดุลของ ธปท.มีกำไรจากการตีราคาอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาท แต่ทั้งปี ยังน่าจะขาดทุนมากกว่า เพราะหากดออลาร์สหรัฐอ่อนค่าเร็ว ธปท.ก็ต้องดูแลค่าเงินบาท

"ค่าเงินบาทที่มีความผันผวนมากขึ้นในช่วงนี้มีทั้งอ่อนค่าลงและแข็ง ค่าขึ้น เกิดจากปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสหภาพยุโรปที่มีปัญหาเรื่องหนี้สินของรัฐบาล รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงมีปัญหาความเปราะบางในเรื่องการฟื้นตัว แต่ในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า ธปท.จะไม่ค่อยได้เข้าแทรกแซงมากนัก เพราะประเทศไทยเป็นประเทศส่งออก แต่ที่จะต้องดูแลคือ ลดความผันผวนให้ค่าเงินบาทค่อยๆ เคลื่อนไหวแบบนิ่ง ไม่อ่อนค่าหรือแข็งค่าเร็วเกินไป เพราะจะเป็นปัญหาต่อผู้ประกอบการได้"

นายประสารกล่าวย้ำว่า ขณะนี้ระบบการเงินโลกมีความไม่สมดุลสูง เพราะในช่วงที่เศรษฐกิจสหรัฐถดถอยลง มีสัดส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) ของโลกประมาณ 20% แต่สัดส่วนที่ทั่วโลกใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการค้าขายยังอยู่ที่ 80% แต่ประเทศเศรษฐกิจใหม่อย่างจีน ซึ่งขนาดเศรษฐกิจใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วกลับมีปริมาณเงินในตลาดเงินน้อยมาก ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกยังต้องรับมือกับความผันผวนของดอลลาร์ ซึ่งยังมีแนวโน้มอ่อนค่าลงต่อเนื่อง

"ยังไม่มีเงินสกุลอื่นมาใช้แทนดอลลาร์ได้ในขณะนี้ โดยคาดว่า ในกรณีของเงินหยวนคงใช้เวลาอีกประมาณ 10 ปีถึงจะสามารถขึ้นมาเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศได้"

ทั้งนี้ ธปท.มีปัญหาในเรื่องงบดุลจากผลตอบแทนในการลงทุนตามกฎหมาย ธปท. ซึ่งส่วนใหญ่ ธปท.ลงทุนในพันธบัตรของประเทศใหญ่และมีความมั่นคง คือ พันธบัตรสหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และปอนด์ อังกฤษ ซึ่งในขณะนี้อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 0-0.25% ต่อปี ขณะที่การออกพันธบัตรธปท.เพื่อสภาพคล่องในระบบการเงินไทย ไม่ให้มากเกินไปจากการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ ธปท.ต้องจ่ายอยู่ที่ 2.75% ต่อปี ทำให้อย่างไรก็หากำไรได้ยาก ธปท.จึงแนวคิดที่จะตั้งนิติบุคคลใหม่ขึ้นมา โดยมีการแก้กฎหมาย ธปท. อาจจะมีเป็นลักษณะกองทุนความมั่งคั่ง หรือบริษัทจำกัดเพื่อลงทุนเพิ่มเติมในหุ้น และตราสารหนี้ประเภทใหม่ๆ ที่ได้ผลตอบแทนมากขึ้น
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ย้อนไป ปี52
http://www.showthep.com/show-137899
ธปท.เผยผลดำเนินงานปี52ขาดทุน7,662ลบ.

นายอรรคบุษย์ ไกรฤกษ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายช่วยงานบริหาร ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. แถลงผลการดำเนินงานของธนาคารแห่งประเทศไทย ในปี 2552 ว่า มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิจำนวน 7,662 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลจาก ภาระดอกเบี้ยพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จ่ายสุทธิจำนวน 12,200 ล้านบาท ตามการปฏิบัติในพันธกิจของธนาคารกลาง ในการดูดทรัพย์สภาพคล่อง เพื่อดูแลเสถียรภาพในการดูแลนโยบายการเงิน

ด้านนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กล่าวถึงเหตุที่ธนาคารแห่งประเทศ มีผลดำเนินการขาดทุนว่า เนื่องจาก ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลล่าร์ ทำให้ผลการบริหารเงินแท้จริง ในรูปแบบดอลลาร์ จะมีกำไร แต่เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาทแล้ว จะทำให้เกิดผลขาดทุน อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งประเทศไทย จะดูแลค่าเงินบาท ไม่ให้เกิดความผันผวนจนกระทบต่อเศรษฐกิจ



เนื้อหาโดย : INN News
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 13

โพสต์

http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000082637
ปตท.เสนอรัฐบาลใหม่ ตั้งคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ เพื่อบริหารความเสี่ยงราคาพลังงาน หากยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศมาลงทุนสำรองน้ำมันแทนการสำรองดอลลาร์ ส่วนปัญหาท่อก๊าซฯ ในทะเลรั่ว คาดว่ากลางส.ค.นี้ ท่อก๊าซฯ เส้นที่ 1 ส่งก๊าซฯ ได้ตามปกติ ส่วนท่อกิ่งที่ฉีกขาดอยู่ระหว่างการประเมินความเสียหายว่าจะใช้เวลานาน เท่าใดในการซ่อม

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยชูนโยบายยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า การยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทำได้ ขึ้นอยู่นโยบายรัฐบาล ซึ่งจะต้องพิจารณาว่าเมื่อยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว การอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติเหลวสำหรับยานยนต์ (แอลเอ็นจี) รัฐจะหาแนวทางการอุดหนุนราคาอย่างไร ซึ่งในหลายประเทศ ก็มีการบริหารจัดการความเสี่ยงน้ำมัน โดยการจัดตั้งคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์

ในฐานะประธานกลุ่มกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นว่าถึงเวลาที่ประเทศไทย ควรมีการจัดตั้งคลังสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ เพื่อบริหารจัดการความเสี่ยงด้านราคาพลังงาน เหมือนบางประเทศ เช่น เกาหลี และสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) ที่เพิ่งมีการนำสำรองน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลออกมาเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันในตลาดโลก

ส่วนงบที่จะนำมาดำเนินการจัดตั้งคลังสำรองน้ำมันดังกล่าว ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจนำทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่ปัจจุบันธปท.นำไปลงทุนซื้อเงินดอลลาร์สหรัฐ และทองคำเก็บไว้ ก็อาจเปลี่ยนเป็นการซื้อน้ำมันแทน เนื่องจากนับวันน้ำมันมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ส่วนปริมาณสำรองในคลังจะมีขนาดเท่าใด ขึ้นอยู่กับนนโยบายรัฐและความเหมาะสม แต่ในต่างประเทศมีการเก็บสำรองน้ำมันไว้ตั้งแต่ 30-90 วัน

"เรื่องนี้ เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทบวงพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ได้มีการเข้ามาประเมินแผนรองรับสภาวะวิกฤติด้านพลังงานของไทย โดยไออีเอเสนอความคิดเห็นว่า ไทยควรมีการจัดเก็บสำรองน้ำมันเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศเหมือนประเทศอื่นๆ เพื่อความมั่นคงทางด้านพลังงาน และอาจจะช่วยนำลดราคาน้ำมันได้ในกรณีที่เกิดการขาดแคลนน้ำมัน โดยประเมินว่าหากไทยต้องลงทุนจัดเก็บน้ำมันสำรองตามยุทธศาตร์จะต้องลงทุน ประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ"นายไพรินทร์กล่าว

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวคิดการยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง คงต้องรอความชัดเจนจากนโยบายรัฐบาล หากมีการยกเลิกกองทุนฯ จริง ก็มีผลทำให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลปรับลดลงทันที ขณะที่ราคาก๊าซหุงต้มและก๊าซแอลเอ็นจีก็จะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลต้องนำเงินจากส่วนใดมาอุดหนุนเพื่อไม่ให้ราคาสูงขึ้น

นอกจากนี้ คงหารือเกี่ยวกับโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ เนื่องจากต้นทุนราคาแอลเอ็นจีอยู่ที่ 15 บาท/กก. แต่ตรึงราคาขายอยู่ที่ 8.50 บาท/กก. โดยรัฐอุดหนุนอยู่ 2 บาท/กก. ทำให้ปตท.ต้องแบกรับภาระการขาดทุนอยู่ 4-5 บาท/กก. โดยหากไม่มีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว กระทรวงพลังงานคงมีการปรับโครงสร้างราคาพลังงานใหม่ ส่วนนโยบายการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล 5-6 บาท/ลิตร ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนก.ย.นี้ ทำให้รัฐสูญรายได้ปีละเกือบ 1 แสนล้านบาทนั้น ปตท.เห็นว่าหลายประเทศทั่วโลกมีการเก็บภาษีน้ำมันอยู่ และราคาน้ำมันของไทยไม่สูงกว่ายุโรปหรือเคนยา ซึ่งเป็นประเทศที่ต้องนำเข้าน้ำมัน หากราคาน้ำมันไทยต่ำเกินไปจะทำให้ประชาชนใช้น้ำมันไม่มีประสิทธิภาพ

นายไพรินทร์กล่าวอีกว่า ตามที่นักประดาน้ำได้ปิดวาล์วเพื่อตัดแยกระบบท่อกิ่ง (24 นิ้ว) ทำให้หยุดการรั่วไหลของก๊าซธรรมชาติของระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเลขนาด 34 นิ้ว (ท่อเส้น 1) ได้แล้ว เมื่อเวลา 01.15 น. ของวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา ขั้นตอนต่อไป ปตท. จะร่วมกับผู้เชี่ยวชาญดำเนินการตรวจสอบสภาพภายนอกของท่อประธาน และดำเนินการกำจัดน้ำและความชื้นออกจากระบบท่อฯ หลังจากนั้น จึงจะทำการตรวจสอบสภาพภายในระบบท่อฯ อย่างละเอียด ก่อนจะเริ่มขั้นตอนการนำระบบท่อกลับเข้าสู่การส่งก๊าซฯ ตามปกติ ซึ่งคาดว่าประมาณกลางส.ค.นี้ จัดส่งก๊าซฯประมาณ 700 ล้านลบ.ฟุต/วัน จากเดิมที่ส่งก๊าซฯได้ 850 ล้านลบ.ฟุต/วัน เนื่องจากไม่มีก๊าซป้อนจากแหล่งปลาทอง

ส่วนท่อกิ่งที่จะต้องมีการซ่อมท่อที่รั่วนั้น ทางฮุนได ได้เสนอแผนการซ่อมท่อให้ปตท.พิจารณาแล้ว คงจะใช้เวลาในการพิจารณาแผนดังกล่าวว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด โดยจะดูว่าบริเวณท่อที่ฉีกขาดนั้นจะต้องยกท่อออกหรือตัดท่อได้หรือไม่ หรือต้องเดินท่อใหม่ ทำให้ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าท่อกิ่งจะกลับมาใช้งานได้ตามปกติเมื่อใด

สำหรับการจัดหาเชื้อเพลิงทดแทน ปตท. ได้จัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เพิ่มมากขึ้นจากแผนในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.2554 ในปริมาณ 210,000 ตัน (3 ลำเรือ) โดยแบ่งเป็นในกลางเดือนก.ค.นี้ 1 ลำเรือ และในเดือนส.ค. 2 ลำเรือ จากแผนเดิม ปตท. มีแผนนำเข้าแอลเอ็นจี ในปลายเดือนก.ค. 1 ลำเรือ ปริมาณ 70,000 ตัน และในกลางเดือนส.ค.อีก 1 ลำเรือ ปริมาณ 70,000 ตัน ทำให้ปริมาณการจัดส่งน้ำมันเตาให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อผลิตไฟฟ้าลดลงจากปัจจุบัน 5 ล้านลิตร/วัน เหลือเพียง 3 ล้านลิตร/วัน หลังจัดส่งแอลเอ็นจีเพิ่มขึ้นจาก 160 ล้านลบ.ฟุต/วันเป็น 300 ล้านลบ.ฟุต/วันในกลางเดือนก.ค.นี้เมื่อเรือนำเข้าแอลเอ็นจีเข้ามา
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ความเห็นผู้โพสต์:
สำรอง stock ข้าว เพิ่ม เป็น 5 ปี ด้วย ก็ดี
เก็บด้วยโรงเก็บ ไนโตรเจน
ตรวจสอบstock โดย: หน่วยงาน accredited 3rd party
จัดการโดย:
เวลา ข้าวถูกสุดของปี ผลผลิตออกมาก ก็ ประมูลซื้อเก็บ
เวลาข้าว ขาดตลาดช่วง ผลผลิตไม่มีน้ำแล้ง ก็ประมูลขายออก
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 15

โพสต์

คิดง่ายๆ ไม่ต้อง มีความเชี่ยวชาญ หรอก
1. ถ้่ qe3 ออก หรือ เพดานหนี้ ปรับขึ้น ดอลล่าร์ ก็ต้อง ตก
2. ดอลล่าตก น้ำมันซื้อขาย ส่วนใหญ่ เป็น ดอลล่าร์ ก็จะ ขึ้น
3. ถ้า ทุนสำรองเราเป็น ดอลล่าร์ เราก็ขาดทุน

ขาดทุน แสนล้าน นะ สร้าง โรงพยาบาล ได้กี่หลัง สร้างมหาลัยดีๆ ได้ อีกี่แห่ง...
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ ธนาคารใหญ่อันดับ 1 ของสหรัฐ ระบุในงานวิจัยฉบับล่าสุดเรื่อง "กลยุทธ์พอร์ตลงทุน : เอเชีย แปซิฟิก : ปรับเพิ่มมาเลเซียกับอินโดนีเซียและปรับลดไทย" ว่า ขณะนี้ ธนาคารได้ปรับลดน้ำหนักลงทุนตลาดไทย เพราะกังวลภาพรวมเศรษฐกิจและการประเมินมูลค่า

"การ เติบโตของประเทศอ่อนแอมากขึ้น เงินเฟ้อสูงขึ้น การปรับสถานะของนักลงทุนต่างชาติมีมาก และเชื่อว่าความไม่แน่นอนผันผวนทางการเมือง ความอ่อนไหวต่อราคาน้ำมันสูง รวมทั้งการไร้ทิศทางจากระดับบนถึงล่าง ทำให้ตลาดไทยไม่ดึงดูดใจ ด้วยมุมมองแง่ผลตอบแทนเทียบกับความเสี่ยง" ทีมงานโกลด์แมน แซคส์ ให้ข้อมูล
(8มิ.ย.54) source:http://www.suthichaiyoon.com/detail/10503
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 17

โพสต์

มารู้จัก กับ
...A sovereign wealth fund (SWF)

is a fund owned by a state composed of financial assets such as stocks, bonds, property or other financial instruments. Sovereign wealth funds are entities that manage the national savings for the purposes of investment. The accumulated funds may have their origin in, or may represent foreign currency deposits, gold, SDRs and IMF reserve position held by central banks and monetary authorities, along with other national assets such as pension investments, oil funds, or other industrial and financial holdings. These are assets of the sovereign nations which are typically held in domestic and different reserve currencies such as the dollar, euro and yen. The names attributed to the management entities may include central banks, official investment companies, state pension funds, sovereign oil funds, among others.

http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_co ... alth_funds
imerlot
Verified User
โพสต์: 2697
ผู้ติดตาม: 13

Re: Double Dip US ??...ที่มีผลต่อไทย

โพสต์ที่ 18

โพสต์

http://www.ryt9.com/s/nnd/1217845
ข่าวหุ้น-การเงิน หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- เสาร์ที่ 20 สิงหาคม 2554 21:04:49 น.

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กล่าวว่า ยังไม่มีการนัดวันหารืออย่างเป็นทางการกับนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ถึงแนวคิดของนายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว.พลังงาน ที่จะนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ ล่าสุด ณ 5 สิงหาคม มีประมาณ 2.133 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ไปลงทุนในบ่อน้ำมันและบ่อก๊าซ แต่ในเบื้องต้นได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์ไปบ้างแล้ว ซึ่งเห็นว่า การทำงานที่ดี ควรมีการหารือร่วมกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเหตุผลของแต่ละฝ่ายให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ก่อนที่จะมีพูดกับสื่อมวลชนหรือสาธารณะชน ขณะเดียวกันก็เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้มีการแถลงนโยบายกับรัฐสภาฯเลย

ด้านนางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดเงิน ธปท. กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นหน่วยงานดูแลทุนสำรองทางการระหว่างประเทศ มองทิศทางเดียวกับม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ประธานคณะกรรมการธปท.โดยจากการประเมินความเพียงพอของทุนสำรองทางการขณะนี้ พบว่า ยังมีความจำเป็นต้องสำรองเงินทุนไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ความผันผวนที่อาจจะ เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป ทำให้ทุนสำรองที่ไม่มีภาระผูกพันเหลืออยู่น้อยมาก และไม่เพียงพอที่จะนำไปลงทุนหรือตั้งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติตามที่ มีการเสนอ

ขณะเดียวกัน การลงทุนในบ่อน้ำมันหรือบ่อก๊าซ ค่อนข้างเสี่ยง ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสมกับการใช้เงินทุนสำรองทางการ เพราะตามปกติ การนำเงินทุนสำรองทางการระหว่างประเทศไปลงทุน แม้ว่าตามพ.ร.บ.ธปท.ฉบับใหม่ อนุญาตให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มากประเภทขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ เรื่องสภาพคล่องหรือความคล่องตัวของทุนสำรอง และความปลอดภัยของทุนสำรอง ซึ่ง 2 อย่างนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญที่ต้องพิจารณา มากกว่าเรื่องผลตอบแทนที่ได้รับว่ามากหรือน้อย

"สิ่งที่ท่านประธาน ธปท.พูด ก็สะท้อนความคิดเห็นของคนในธปท.ว่า การลงทุนในน้ำมัน มีความเสี่ยงสูง ขณะที่ความผันผวนในเศรษฐกิจโลกตอนนี้ยังคงมีอยู่ ดังนั้นโอกาสที่จะมีการไหลออกของเงินทุนจากประเทศไทย ยังเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจำเป็นต้องเตรียมทุนสำรองให้เพียงพอรองรับการไหลออกของเงินทุน จึงไม่ควรนำไปลงทุนสินทรัพย์ที่ทำให้สภาพคล่องของทุนสำรองลดลง หรือมีความเสี่ยงมากเกินไป แต่หากนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเหมาะสม และเข้าหลักเกณฑ์ของกฎหมาย และเกณฑ์ของธปท. ก็สามารถลงทุนได้ ไม่ได้ปิดกั้นอะไร" นางผ่องเพ็ญ กล่าว

..
ความเห็น ผู้โพสต์
ถ้า น้ำมัน เป็น 8% ของ GDP ก็ควร ลงทุน ใน Oil Fund ก่อน โดยกระจายความเสี่ยงไป ซัก 15-20 กอง และหนึ้งกอง อาจจะเป็น vayu1 ก็ได้
โดยเริ่มที่ 8% ของทุนสำรอง ก่อน เพราะไม่มีความชำนาญ
โดยที่ "ซือ้" เมื่อ ต่ำกว่า sma 200 หรือ fix price เช่น ต่ำกว่า$85
และขายออก ซัก 20-25% เมื่อ สูงกว่า $100

เห็นว่า เร็วนี้
http://www.ryt9.com/s/nnd/1217844
ธปท.ถือทองคำอันดับ25ของโลก
..ก็ไม่รู้ว่า เพิ่งไปซื้อ มา หรือ เปล่า..
ถ้าทีทองราคา สูง เรายังกล้า ซื้อ แล้ว
น้ำมัน กองทุน ถ้า ราคา ต่ำแบบ $79-$84 เราก็ควรซื้อไว้บ้าง.
ผิดถูกขออภัย..มุมมองแบบนักลงทุน
โพสต์โพสต์