หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 16, 2009 6:24 pm
โดย unnop.t
ไม่ทราบว่าพอจะมี benchmark อะไรบอกว่าเงินสดที่บริษัทถือไว้มากเกินไปครับ คิดเป็นประมาณกี่เปอร์เซนต์ของสินทรัพย์ ถ้าบริษัทไม่มีแผนขยายกิจการ เงินสดนี้ก็ถือว่ามี return ต่ำควรแจกปันผลเพิ่ม หรือใช้หนี้ไปซะดีกว่า ใช่มั๊ยครับ ขอทราบความเห็นหน่อยครับ

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 16, 2009 8:08 pm
โดย akekarat
ต้องดูที่ Free Cash Flow ครับ คิดเป็น % ไม่น่าจะได้

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 16, 2009 8:44 pm
โดย unnop.t
จุดประสงค์ผมคือว่า ต้องการจะดูระดับเงินสดที่บริษัทถือครองอยู่ว่าเหมาะสมหรือไม่ การที่บริษัทมีเงินสดถือไว้มาก ผมว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่มีผลตอบแทนต่ำ และยิ่งถ้าบริษัทไม่มีแผนการลงทุนแล้วไซร้ น่าคิดว่าเขาถือเงินสดมากเกินไปทำไม ทำไมไม่จ่ายปันผลถือทำอย่างอื่น

การดู FCF ผมไม่แน่ใจว่าในกรณีนี้นำมาพิจารณาอย่างไรครับ อาจจะเป็นคนละประเด็นหรือป่าวครับ FCF บอกเพียงแต่กิจการมีเงินสดเหลือเท่าไหร่จากการลงทุน จะนำไปจ่ายดอกเบี้ยหรือปันผลพอมั๊ย

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 8:54 am
โดย นักดูดาว
ผมคิดว่าถ้าเงินสดสามารถสะท้อนในมูลค่าหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ถือว่ามากเกินไปครับ ยกตัวอย่าง ราคาหุ้น 4 บาท มีเงินสด 2 บาท ถือว่ามีมากเกินไป

แต่ในมุมมองหนึ่งการมีเงินสดสะสมไว้มากๆ ก็อาจจะนำมาสู่การรับซื้อหุ้นคืนแล้วออกจากตลาดไปก็ได้ เพราะคงหมดความจำเป็นในการระดมทุนในตลาดแล้ว

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 10:45 am
โดย Tibular
คงจะต้องดูที่ความจำเป็นของแต่ละธุรกิจ แต่ละช่วงเวลา แต่ละเหตุการณ์
แ่ต่ละอุตสาหกรรม แต่ละแผนการลงทุน โดยทั่วไปก็เห็น 5-10%ของสินทรัพย์

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 11:59 am
โดย akekarat
การมีเงินสดไว้ก็เพื่อรักษาสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ
จนถึงความคล่องตัวในการลงทุนเพิ่มเติมในกิจการ การดู FCF ก็เพื่อจะให้รู้ว่า
ในเงินสดที่มีอยู่ในบริษัทนั้น เป็นเงินสดที่จำเป็นต้องใช้ในการดำเนินกิจการเท่าไหร่
และส่วนที่เหลือก็เป็น กระแสเงินสดส่วนเกิน ซึ่งตรงนี้แหละ ที่จะไม่ได้ใช้ทำอะไร
นอกจากเสียว่าจะเก็บไว้เผื่อมีการลงทุนในอนาคต หรือเผื่ออะไรก็แล้วแต่

ดังนั้น หลาย ๆ บริษัทจึงเลือกเก็บส่วนที่เป็น FCF ไว้ในรูปเงินลงทุนระยะสั้น (ประมาณ 3 เดือน)
เราเป็นนักลงทุน ก็จะมีคำถามว่า "เขาถือเงินสดมากเกินไปทำไม ทำไมไม่จ่ายปันผลถือทำอย่างอื่น" อย่างที่คุณว่าไว้
แต่คุณก็ต้องมองกลับไปในมุมมองผู้บริหารว่า "แล้วจะปันผลไปมากมายทำไม ผู้บริหารก็ไม่ได้อะไร ทำงานยากขึ้นอีกในเวลาต้องใช้เงิน"
บางบริษัทถึงเลือกเก็บเงินสดไว้จนท่วมบริษัทอยู่ในตอนนี้ไงครับ เช่น WG

Re: เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 12:44 pm
โดย RONNAPUM
ไม่ทราบว่าพอจะมี benchmark อะไรบอกว่าเงินสดที่บริษัทถือไว้มากเกินไปครับ คิดเป็นประมาณกี่เปอร์เซนต์ของสินทรัพย์


คงต้องดูหลายอย่างประกอบอ่ะนะ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา แผนงานในอนาคต
สถานการณ์ต่างๆ นโยบายการบริหาร
ต้องดูธุรกิจประกอบด้วยอ่ะ บริษัทนั้นทำอะไร  

เงินสดนี้ก็ถือว่ามี return ต่ำควรแจกปันผลเพิ่ม หรือใช้หนี้ไปซะดีกว่า ใช่มั๊ยครับ ขอทราบความเห็นหน่อย


อันนี้ก็ต้องดูนโยบายของบริษัทอีกอ่ะนะ ว่าเขามีนโยบายอย่างไร
บางบริษัท มีเงินสดมากมายแต่เขาก็ไม่จ่ายปันผลเพิ่ม เพราะเขาไม่มีนโยบายที่จะจ่าย
หรือไม่อยากจ่าย

สุดท้ายแล้วเราเป็นนักลงทุนเราก็คงต้องเลือกเองอ่ะนะว่าเราพอใจแบบไหน

 :D

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 2:54 pm
โดย krisy
คำตอบที่ถูกไม่น่ามีค่ะ

ก็ต้องดูทุกอย่างประกอบกันตามที่ท่านอื่นได้แนะนำกันไว้ FCF ถามว่าดูได้ไหม มันก็ดูได้นะคะ เราได้เงินค่าขนมมา หักโน่นนี่แล้ว เหลือเท่าไหร่ แล้วที่เหลือมันพอกับค่าครองชีพจนกว่าจะได้เงินค่าขนมก้อนใหม่ไหม นั่นก็บอกเงินสดที่จำเป็นต้องมีได้ค่ะ จริงๆเอาเงินสดในหน้างบมาดูกับ cash cycle (รอท่านอื่นอธิบายเน้อ) ก็จะทราบว่าเงินพอหรือไม่พอ

หรือง่ายกว่านั้นไปดูของคู่แข่งก็ได้ว่า ถ้าขนาดพอๆกัน เค้ามีเงินเท่าไหร่ เราควรมีพอๆกัน วิธีนี้จะหยาบกว่า ต้องรับความเสี่ยงนิดหน่อย เพราะคู่แข่งที่ขนาดพอๆกันไม่จำเป็นต้อง copy การบริหารกันทุกรูปแบบ

ส่วนเงินพอหรือไม่พอแล้วต้องทำไงนั้น การจัดการเรื่องเงินเป็นเรื่องของผู้บริหารค่ะ อย่าไปหวังมากมาย

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 3:02 pm
โดย unnop.t
ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ อืมม์... แอบแวะไปดูงบของ WG แล้ว เงินสดรวมแล้วเยอะจิง ๆแฮะ  :shock:  30% TA ได้ คิดเป็นเกือบ 20 บาท/หุ้น ว่าง ๆจะลองแวบเข้าไปดูรายละเอียดหน่อย

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 3:19 pm
โดย chavanakorn
ส่วนตัวผมคิดว่าขึ้นอยู่กับความจำเป็นของกิจการนั้นๆ และวิสัยทัศน์ในการขยายงานของผู้บริหารครับ การมีเงินสดในมือมากๆ ก็ถือว่าเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างนึง ที่เราสามารถที่จะขยายงานได้ในยามที่เราเห็นโอกาสในการเติบโต โดยที่เราไม่จำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนทางอื่นโดยเฉพาะการกู้เงินมาลงทุน ส่วนความจำเป็นในการถือเงินสดเพื่อดำรงกิจกรรมการดำเนินงานปกตินั้นตามธรรมเนียมก็จะขึ้นอยู่กับรอบการหมุนเวียนของเงินทุนหมุนเวียนของกิจการครับซึ่งแต่ละกิจการก็จะไม่เหมือนกัน
ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆ ก็ลองเปรียบกิจการเหมือนบุคคลสิครับ กำไรจากการดำเนินงานก็เหมือนรายได้ประจำ เงินสดในมือก็เหมือนเงินเก็บ ก็อยากจะถามกลับว่า ระหว่างมีเงินสดเยอะ กับเงินสดน้อยถ้าเป็นคุณคุณเลือกอันไหน?

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 3:40 pm
โดย akekarat
chavanakorn เขียน:ส่วนตัวผมคิดว่าขึ้นอยู่กับความจำเป็นของกิจการนั้นๆ และวิสัยทัศน์ในการขยายงานของผู้บริหารครับ การมีเงินสดในมือมากๆ ก็ถือว่าเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างนึง ที่เราสามารถที่จะขยายงานได้ในยามที่เราเห็นโอกาสในการเติบโต โดยที่เราไม่จำเป็นต้องหาแหล่งเงินทุนทางอื่นโดยเฉพาะการกู้เงินมาลงทุน ส่วนความจำเป็นในการถือเงินสดเพื่อดำรงกิจกรรมการดำเนินงานปกตินั้นตามธรรมเนียมก็จะขึ้นอยู่กับรอบการหมุนเวียนของเงินทุนหมุนเวียนของกิจการครับซึ่งแต่ละกิจการก็จะไม่เหมือนกัน
ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆ ก็ลองเปรียบกิจการเหมือนบุคคลสิครับ กำไรจากการดำเนินงานก็เหมือนรายได้ประจำ เงินสดในมือก็เหมือนเงินเก็บ ก็อยากจะถามกลับว่า ระหว่างมีเงินสดเยอะ กับเงินสดน้อยถ้าเป็นคุณคุณเลือกอันไหน?
การมีเงินมากไป หรือการหวังพึ่งแต่เงินสดในบริษัท
ก็บ่งบอกถึงความสามารถในเชิงบริหารของฝ่ายบริหารเหมือนกันครับ ว่ารักสบายไป หรือ conservative
อย่าลืมว่า Cost of Debt น้อยกว่า Cost of Equity นะครับ

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 4:13 pm
โดย นักดูดาว
chavanakorn เขียน: ถ้าจะเปรียบเทียบง่ายๆ ก็ลองเปรียบกิจการเหมือนบุคคลสิครับ กำไรจากการดำเนินงานก็เหมือนรายได้ประจำ เงินสดในมือก็เหมือนเงินเก็บ ก็อยากจะถามกลับว่า ระหว่างมีเงินสดเยอะ กับเงินสดน้อยถ้าเป็นคุณคุณเลือกอันไหน?
บริษัทมีเงินสดมากๆ ผู้บริหารมีเงินเดือน มีเงินโบนัสใช้จ่าย ผู้ถือหุ้นได้ใช้อะไรบ้างครับ?

เงินสดจะเป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้น ก็ต่อเมื่อเรามีอำนาจควบคุมเงินครับ หลักการเดียวกับการรับรู้กำไรของบริษัทลูกเมื่อมีปันผล ส่วนการปล่อยให้ผู้บริหารถือเงินสดมากเกินไป ผมไม่เห็นประโยชน์ยกเว้นจะมีโครงการลงทุน

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 5:04 pm
โดย unnop.t
ผมเห็นด้วยกับคุณนักดูดาวกับคุณ akekarat เพราะว่าเงินสดมีต้นทุนการเสียโอกาสอยู่ และจริงที่ COD <COE  นั่นคือประเด็น ที่ผมอยากจะทราบถึงแนวทางในการประเมินกิจการในเรื่องของการบริหารเงินสด แบบจับต้องได้ (quantitative) เห็นคุณ krisy พูดถึง cash cycle และคุณ chavanakorn พูดถึง working capital ผมขอลองเสนอแนวทางวิเคราะห์เล่น ๆดูคร่าว ๆ นะครับ เอา WG ปี 51 เป็น case ล่ะกัน

cash cycle = DSI +DSO + DPO
                = 96+78-60
                = 114 days

working capital = C/A - C/L
                       = 767 - 145 M฿
                       = 622 M฿

Required Working Capital = Avg. sales/day * cash cycle
                                       = 2.7 M฿ * 114 days
                                       = 308 M฿
แสดงว่า WG น่าจะมี working cap มากเกินไป ก็คือเงินสดมากเกินไป?
ถ้า WG ไม่มีโครงการลงทุน น่าคิดนะครับว่าเก็บเงินไว้ทำไม ?

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 7:01 pm
โดย krisy
WG มีเงินสดเท่าไหร่คะ เอา CA-CL ดูนิดนึงว่า CA กับ CL รวมรายการที่ไม่ค่อยเกี่ยวกับ daily operation เท่าไหร่ อย่างพวก other current asset เยอะไหม เพราะพวกนั้นไม่ได้อยู่ใน cash cycle นะจ้ะ

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 17, 2009 10:55 pm
โดย chavanakorn
ผมก็นึกว่าเราผ่านขั้นตอนการวิเคราะห์ความสามารถของผู้บริหารและความโปร่งใสในการดำเนินงาน รวมถึงความเป็นธรรมในการแบ่งผลประโยชน์ของผู้บริหารไปแล้วซะอีกครับ ถึงมาพูดกันถึงเรื่องงบการเงิน
เพิ่มเติมเรื่องเงินทุนหมุนเวียนนิดนะครับ ส่วนมากตามหลักการแล้วน่าจะมีเกินจุดที่เพียงพอต่อ วงจรการหมุนเวียนเงินสดของกิจการ ไปสักนิดเช่นอาจมีเพียงพอต่อการใช้ 1.5 รอบเป็นต้นครับซึ่งจะมีมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับคุณภาพลูกหนี้การค้าที่มีอยู่ด้วยครับ
ส่วนเรื่องต้นทุนของเงินทุนนั้น ผมไม่เถียงว่าต้นทุนของหนี้สินนั้นต่ำกว่าต้นทุนของส่วนของเจ้าของ แต่อย่าลืมว่าเราก็ต้องดูไปตามสภาวะการณ์ในปัจจุบันและในอนาคตประกอบด้วยครับ ซึ่งส่วนตัวผมคิดว่าช่วงนี้นั้นเงินสดมีมากก็ถือว่าไม่เสียหายอะไร ซึ่งก็มีประโยชน์ 2 ข้อชัดๆก็คือ 1.ป้องกันภาวะความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ระดับหนึ่ง 2.สามารถนำไปลงทุนในโครงการที่มีประโยชน์ได้โดยไม่ติดขัดปัญหาในการระดมทุน ส่วนข้อเสียก็อย่างที่หลายคนติมาล่ะครับซึ่งก็ต้องดูตัวผู้บริหาร และความสามารถในการแข่งขันของกิจการประกอบไปด้วยครับ

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 18, 2009 12:29 pm
โดย chatchai
[quote="unnop.t"]ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ อืมม์... แอบแวะไปดูงบของ WG แล้ว เงินสดรวมแล้วเยอะจิง ๆแฮะ

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 18, 2009 1:12 pm
โดย นักดูดาว
ความสามารถส่วนหนึ่งของผู้บริหารนั้นสะท้อนในการบริหารเงินสดด้วยไม่สามารถแยกกันได้ครับ  

บางเหตุการณ์ถือว่าผู้บริหารทำไปด้วยความสุจริต แต่อาจจะไม่มีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่นการเอาเงินสดฝากธนาคารในบัญชีออมทรัพย์หรือกระแสรายวันเป็นเวลานานๆ โดยผู้บริหารไม่ได้นำไปใช้ในทางที่ผิดเลย แบบนี้ถือว่าโปร่งใสแต่ไม่มีประสิทธิภาพครับ


ขอความเห็นผู้ถือหุ้น ในกรณีนี้ครับ:
ในธุรกิจดาวร่วง กำไรก็หด ส่วนแบ่งตลาดก็หด

1.การมีเงินสดสำรองไว้มากๆเป็นสิ่งที่ดี เพราะเกิดปัญหาในธุรกิจจะได้ต่อชีวิตบริษัทไปได้ระยะหนึ่ง ซึ่งสามารถเลี้ยงพนักงานไปได้จนกว่าจะหาทางขยับขยายไปได้
เหตุผลแบบนี้คุณคิดว่าเป็นการบริหารที่โปร่งใสและมีความสามารถหรือไม่ อย่างไรครับ?

2.หากผู้ถือหุ้นบีบให้ผู้บริหารนำเงินสดมาจ่ายปันผลมากขึ้น แต่นานวันเข้า บริษัทเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ทำให้ล้มละลายในที่สุด
การบีบให้ผู้บริหารปันผลออกมามากขึ้น เป็นความถูกต้องชอบธรรมของผู้ถือหุ้นหรือไม่?

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 18, 2009 4:45 pm
โดย unnop.t
ผมก็คิดว่า WG มีเงินสดเยอะแล้วนะครับ

แต่เมื่อดู TIW หนาวไปเลยครับ        

มีเงินสด 548.48 ล้านบาท (หุ้นละ 91.41 บาท) ในขณะที่สินทรัพย์รวม 986.39 ล้านบาท  ส่วนของผู้ถือหุ้น 883.09 ล้านบาท  

และราคาหุ้นอยู่ที่ 69 บาท
:roll: ถ้า TIW อยู่อเมริกา เมื่อซัก 2-3 ปีที่แล้วอาจโดนพวกล่าบริษัททำ LBO ไปเรียบโร้ย
1.การมีเงินสดสำรองไว้มากๆเป็นสิ่งที่ดี เพราะเกิดปัญหาในธุรกิจจะได้ต่อชีวิตบริษัทไปได้ระยะหนึ่ง ซึ่งสามารถเลี้ยงพนักงานไปได้จนกว่าจะหาทางขยับขยายไปได้
เหตุผลแบบนี้คุณคิดว่าเป็นการบริหารที่โปร่งใสและมีความสามารถหรือไม่ อย่างไรครับ?

2.หากผู้ถือหุ้นบีบให้ผู้บริหารนำเงินสดมาจ่ายปันผลมากขึ้น แต่นานวันเข้า บริษัทเกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ทำให้ล้มละลายในที่สุด
การบีบให้ผู้บริหารปันผลออกมามากขึ้น เป็นความถูกต้องชอบธรรมของผู้ถือหุ้นหรือไม่?
ผมไม่ได้ถือหุ้นแต่ขอแจม (555)  :lol: ผมคิดว่าในสภาวะเช่นนั้น อาจต้องขอกำเงินสดเพิ่มจากปรกติ เพราะว่าปัจจัยที่กล่าวมามีผลต่อ cash ลดลงแน่นอน ในสถานการณ์นี้ผมคิดว่าผู้ถือหุ้นคงไม่ต่อว่าเรื่องการถือเงินสดไว้มากขึ้น แต่ในระยะยาวถ้ายังไม่มีแผนการรองรับต่ออนาคต ผมคงต้องขอบ๊ายบายหุ้นตัวนี้หละครับ

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2009 7:39 am
โดย Windy
ถ้าบริษัทมีเงินสดเอาไว้ขยายเงินหรือเผื่อฉุกเิฉินก็ยังมีเหตุผล แต่ถ้าเอาไปฝากธนาคารหรือกองทุนรวมไว้เฉยๆหลายๆปี แบบนี้คืนให้ผู้ถือหุ้นดีกว่า

เมืองไทยน่าจะมีกลุ่มทุนที่พยายาม Take Over บริษัทแบบนี้นะ

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 21, 2009 12:23 pm
โดย holidaytours
ก็คงขึ้นอยู่กับบริษัทนะคับ
แต่ส่วนมากปัญหานี้ไม่ค่อยเจอกันนะคับ
ถ้ามีเงินสดมาก ๆ แสดงว่าบริษัทนี้
ต้องมีความสุดยอดอยู่แล้วนะ
ผมว่าเงินสดมากเกินไป
ส่วนมากจะเกิดกับบริษัทที่ดีครับ
และเป็นอนุรักษ์นิยม
ถ้ามากเกินไปคือ มีเยอะจนไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์
นั่นแหละคับ ควรจะกันเงินไว้ส่วนหนึ่งก็จริง
แต่ไม่ใช่กันเงินไว้จนเกินความจำเป็นนะครับ
อย่างตอนวิกฤติเศรษฐกิจ บริษัทต้องใช้เงินเท่าไหร่
ในการผ่านวิกฤติ นั่นแหละหครับ
คือเงินที่ควรจะมีไว้ ซึ่งก็น่าจะซัก  1 ปีของรายจ่าย
ไม่รู้ว่าจะมากไปไหม แต่นี่ก็น่าจะมากพอแล้วนะคับ
ไม่แน่ใจเหมือนกัน คงต้องรบกวนท่านอื่นๆ มาแนะนำเพิ่มเติมนะครับ

แต่ถ้าความคิดส่วนตัวผมคือกันเงินไว้ 1 ปีของรายจ่ายนะมากพอแล้วครับ

เงินสดในงบดุล มากขนาดไหนจึงบอกว่ามากเกินไป ??

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 21, 2009 12:28 pm
โดย holidaytours
เพราะช่วงเกิดวิกฤติเราไม่ทราบว่าจะยาวนานแค่ไหน
ถ้ามีเงินกันไว้สำหรับค่าใช้จ่าย 1 ปี ผมว่า
น่าจะพอที่จะมีเวลาคิดจะทำอะไรได้บ้าง
น่าจะพอสำหรับการวางแผนที่จะแก้ปัญหานะครับ
ถ้าหกเดือนอาจจะไม่พอ ถ้าเศรษฐกิจเกิดการทรุดตัวนาน ๆ