หน้า 28 จากทั้งหมด 30

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 23, 2010 8:44 am
โดย naris
Green เขียน:ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ ด้วยอีกคนนะครับ

คือ ผมอยากถามคุณนริศ เรื่อง การขายหุ้นอ่ะครับ ว่ามีหลักแนวคิดในการตัดสินใจ ขายหุ้นอย่างไรบ้าง หรือพูดง่ายๆ คือทำไงไม่ให้ขายหมู หน่ะครับ
เรื่องนี้ผมก็หาอาจารย์อยู่เหมือนกันครับ 555
แต่ผมว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่เจอหุ้นที่ดีๆ ถึงเราขายได้ราคาสูงอย่างไร สักวันหนึ่งก็ต้องขายหมู เพราะราคาหุ้นคงจะขึ้นตามผลประกอบการ

แต่ถ้าเอาหลักคิดบางหลักสำหรับตัวผมเองก็พอจะมีบ้างเช่น
เราต้องรู้ก่อนว่า หุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นประเภทไหน เช่นหุ้นโตเร็ว หุ้นเทรินอะราว หุ้นวัฎจักร หุ้นแอสแสทเพลย
เราต้องตั้งราคาเป้าหมายในใจไว้ ถ้ามันถึงราคาในใจให้ทะยอยปล่อยเป็นสเต็ปๆไป
เราต้องมีหุ้นในใจพร้อมกับเป้าหมายในใจว่าแต่ละตัวจะถือไม่เกินเท่าไหร่ และตอนนี้มีอัพไซด์อยู่เท่าไหร่ และทำการสวิทย์จากตัวที่เราต้องการจะขายเข้าตัวที่ต้องการจะซื้อ ถ้าไม่มีหุ้นที่ถูกใจก็ถือเงินสดไปก่อน
แต่ถ้าหุ้นตัวไหนเราไม่มั่นใจ เช่นเป็นหุ้นวัฎจักร ถ้าราคาเราพึงพอใจแล้ว ก็จะขายเอาทุนออกมาก่อน และที่เหลือก็รอจังหวะทะยอยขายขาเดียว
และสุดท้ายท่องไว้เสมอว่า. คนขายหมู แสดงว่า เรามีกำไร....ไม่เป็นไร. ขอแค่ อย่าไปซื้อควายเข้ามาแทนก็แล้วกัน

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 23, 2010 9:56 am
โดย solomon999
"และสุดท้ายท่องไว้เสมอว่า. คนขายหมู แสดงว่า เรามีกำไร....ไม่เป็นไร. ขอแค่ อย่าไปซื้อควายเข้ามาแทนก็แล้วกัน
"
ประโยคสุดท้ายโดนใจอย่างแรงงงง

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 23, 2010 10:42 am
โดย dome@perth
เรื่องนี้ผมก็หาอาจารย์อยู่เหมือนกันครับ 555
อาจารย์ ขาย หมู
ลูกศิษย์ ขาย ลูกหมู

5555

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 23, 2010 7:29 pm
โดย Green
naris เขียน:
Green เขียน:ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ ด้วยอีกคนนะครับ

คือ ผมอยากถามคุณนริศ เรื่อง การขายหุ้นอ่ะครับ ว่ามีหลักแนวคิดในการตัดสินใจ ขายหุ้นอย่างไรบ้าง หรือพูดง่ายๆ คือทำไงไม่ให้ขายหมู หน่ะครับ
เรื่องนี้ผมก็หาอาจารย์อยู่เหมือนกันครับ 555
แต่ผมว่าเป็นเรื่องปกติของคนที่เจอหุ้นที่ดีๆ ถึงเราขายได้ราคาสูงอย่างไร สักวันหนึ่งก็ต้องขายหมู เพราะราคาหุ้นคงจะขึ้นตามผลประกอบการ

แต่ถ้าเอาหลักคิดบางหลักสำหรับตัวผมเองก็พอจะมีบ้างเช่น
เราต้องรู้ก่อนว่า หุ้นที่เราถืออยู่เป็นหุ้นประเภทไหน เช่นหุ้นโตเร็ว หุ้นเทรินอะราว หุ้นวัฎจักร หุ้นแอสแสทเพลย
เราต้องตั้งราคาเป้าหมายในใจไว้ ถ้ามันถึงราคาในใจให้ทะยอยปล่อยเป็นสเต็ปๆไป
เราต้องมีหุ้นในใจพร้อมกับเป้าหมายในใจว่าแต่ละตัวจะถือไม่เกินเท่าไหร่ และตอนนี้มีอัพไซด์อยู่เท่าไหร่ และทำการสวิทย์จากตัวที่เราต้องการจะขายเข้าตัวที่ต้องการจะซื้อ ถ้าไม่มีหุ้นที่ถูกใจก็ถือเงินสดไปก่อน
แต่ถ้าหุ้นตัวไหนเราไม่มั่นใจ เช่นเป็นหุ้นวัฎจักร ถ้าราคาเราพึงพอใจแล้ว ก็จะขายเอาทุนออกมาก่อน และที่เหลือก็รอจังหวะทะยอยขายขาเดียว
และสุดท้ายท่องไว้เสมอว่า. คนขายหมู แสดงว่า เรามีกำไร....ไม่เป็นไร. ขอแค่ อย่าไปซื้อควายเข้ามาแทนก็แล้วกัน
ขอบคุณมากคร้าบบ

ขอบคุณพี่นริศ ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 26, 2010 10:54 am
โดย chatchaithai
[quote="naris"][quote="chatchaithai"]เรียนถามพี่นริศครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 26, 2010 10:59 am
โดย chatchaithai
ขอบคุณพี่ นริศ ครับ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนครับ ผมวิศวะ มข.รุ่น 38 เป็นviฝึกใหม่ได้ 5 เดือน แล้วครับ หลังจากดำนำ้มา 4 ปี ขาดทุนนิดหน่อย

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 26, 2010 2:34 pm
โดย naris
chatchaithai เขียน:ขอบคุณพี่ นริศ ครับ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนครับ ผมวิศวะ มข.รุ่น 38 เป็นviฝึกใหม่ได้ 5 เดือน แล้วครับ หลังจากดำนำ้มา 4 ปี ขาดทุนนิดหน่อย
ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันดีกว่าครับ และทางที่ดีไม่ควรถามระบุเจาะจงหุ้นรายตัวนะครับ เพราะจะได้ป้องกันกับคนที่มาหวังผลประโยชน์แอบแฝงครับ และถ้าเรื่องไหนถ้าตอบได้ก็จะพยายามตอบครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อังคาร ต.ค. 26, 2010 4:21 pm
โดย Green
ผมขอถามคุณนริศอีกข้อนะครับ ว่าชอบหุ้นแบบไหน ใน 6 กลุ่มของ ปีเตอร์ ลินซ์ หรือว่าเน้นแบบเลือกว่า ตัวไหนถูกต่ำกว่ามูลค่าของมัน ครับ

และมีการปรับพอร์ตสำหรับหุ้นพวกนี้อย่างไร ครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 06, 2010 10:33 pm
โดย Narongwart
สวัสดีครับพี่นริศ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนครับ
พึ่งเริ่มศึกษาครับ ขออ่านไปเรื่อยๆก่อน สักวันคงได้มาขอความรู้จากพี่แน่ๆเลยครับ  :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 6:27 pm
โดย naris
Green เขียน:ผมขอถามคุณนริศอีกข้อนะครับ ว่าชอบหุ้นแบบไหน ใน 6 กลุ่มของ ปีเตอร์ ลินซ์ หรือว่าเน้นแบบเลือกว่า ตัวไหนถูกต่ำกว่ามูลค่าของมัน ครับ

และมีการปรับพอร์ตสำหรับหุ้นพวกนี้อย่างไร ครับ
ชอบหุ้นเติบโตเป็นอันดับหนึ่งครับ สาเหตุเพราะว่า ถ้าเราเจอหุ้นที่ถูกและดี เราไม่ต้องทำการบ้านบ่อยครับ ซื้อและถือตัวหนึ่งๆอาจจะได้ถือยาวๆ5-10ปี ผลตอบแทนเกิน25%ทบต้น สบายๆเลยครับ :)

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 07, 2010 9:24 pm
โดย PRO_BABY
สวัสดีครับพี่นริศ ขอความรู้ในการตัดสินใจซื้อหุ้นเข้าพอร์ทครับ
ใช้เวลานานไหมในการซื้อหุ้นแต่ละตัวเข้าพอร์ทเช่น
ต้องดูงบแต่ละไตรมาสแล้้วทยอยซื้อ หรือศึกษาจนมั่นใจแล้วซื้อทีเดียวเลยครับ
:lol: ขอบคุณครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 8:52 am
โดย naris
PRO_BABY เขียน:สวัสดีครับพี่นริศ ขอความรู้ในการตัดสินใจซื้อหุ้นเข้าพอร์ทครับ
ใช้เวลานานไหมในการซื้อหุ้นแต่ละตัวเข้าพอร์ทเช่น
ต้องดูงบแต่ละไตรมาสแล้้วทยอยซื้อ หรือศึกษาจนมั่นใจแล้วซื้อทีเดียวเลยครับ
:lol: ขอบคุณครับ
แล้วแต่ความยากง่ายของกิจการและความถูกของราคาหุ้นครับ
ถ้ากิจการที่เราเคยดูเคยศึกษามาแล้ว เป็นหุ้นที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว และราคาเป็นขาลง ถ้าราคาลงมาถึงจุดที่ต้องการก็จะซื้อไปครึ่งและตั้งรับในขาลงครับ  ส่วนถ้าเป็นหุ้นใหม่ที่งบกำลังเทริน และเพิ่งจะศึกษาได้ยังไม่ถ่องแท้มาก จะซื้อตามความมั่นใจของข้อมูลที่มีครับ ถ้าดูง่ายก็ซื้อทีเดียวครบเลยในกรอบของราคาที่ตั้งใจไว้ แต่ถ้าไม่มั่นใจอาจจะขอดูงบอีกสักไตรมาสสองไตรมาสรอความชัดเจน ถ้าราคาไม่ไปไกลก็ลงทุนเพิ่มครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 9:15 am
โดย PRO_BABY
naris เขียน:
PRO_BABY เขียน:สวัสดีครับพี่นริศ ขอความรู้ในการตัดสินใจซื้อหุ้นเข้าพอร์ทครับ
ใช้เวลานานไหมในการซื้อหุ้นแต่ละตัวเข้าพอร์ทเช่น
ต้องดูงบแต่ละไตรมาสแล้้วทยอยซื้อ หรือศึกษาจนมั่นใจแล้วซื้อทีเดียวเลยครับ
:lol: ขอบคุณครับ
แล้วแต่ความยากง่ายของกิจการและความถูกของราคาหุ้นครับ
ถ้ากิจการที่เราเคยดูเคยศึกษามาแล้ว เป็นหุ้นที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว และราคาเป็นขาลง ถ้าราคาลงมาถึงจุดที่ต้องการก็จะซื้อไปครึ่งและตั้งรับในขาลงครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 9:24 am
โดย PRO_BABY
ขอบคุณครับ :lol:
ผมขอต่อเลยครับ
-ในการเสาะหาหุ้นที่จะลงทุน อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่นริศสนใจที่เข้าไปศึกษา เจาะลึกกิจการนั้นๆ จนนำไปสู่ การลงทุนครับ
-พอเจอกิจการที่สนใจสิ่งแรกที่ศึกษาคืออะไรครับ
-เมื่อศึกษาแล้ว สนใจที่จะลงทุน ให้ความสำคัญกับ สภาพคล่อง ความนิยม ไหมครับ
ขอบคุณครับ
 :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 11:53 am
โดย เกล้า
สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวกับสื่อทีวีดาวเทียมพี่นริศมีความเห็นอย่างไรครับสำหรับการเติบโต2-3ปีนี้..ท่ามกลางความแข่งขันที่สูงขึ้นผมอยากขอความเห็นสำหรับมุมมองภาพยาวๆสำหรับอุตสาหกรรมนี้จากพี่นริศครับขอบคุณครับ :D  :D  :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 8:49 pm
โดย naris
[quote="PRO_BABY"]ขอบคุณครับ :lol:
ผมขอต่อเลยครับ
-ในการเสาะหาหุ้นที่จะลงทุน อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้พี่นริศสนใจที่เข้าไปศึกษา เจาะลึกกิจการนั้นๆ จนนำไปสู่ การลงทุนครับ
-พอเจอกิจการที่สนใจสิ่งแรกที่ศึกษาคืออะไรครับ
-เมื่อศึกษาแล้ว สนใจที่จะลงทุน ให้ความสำคัญกับ สภาพคล่อง ความนิยม ไหมครับ
ขอบคุณครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 9:19 pm
โดย naris
[quote="tinithemandindang"]สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวกับสื่อทีวีดาวเทียมพี่นริศมีความเห็นอย่างไรครับสำหรับการเติบโต2-3ปีนี้..ท่ามกลางความแข่งขันที่สูงขึ้นผมอยากขอความเห็นสำหรับมุมมองภาพยาวๆสำหรับอุตสาหกรรมนี้จากพี่นริศครับขอบคุณครับ :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 9:39 pm
โดย เกล้า
ขอบคุณครับพี่นริศสำหรับมุมมองของอุตสาหกรรมทีวีดาวเทียม.. :D  :D  :D

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 08, 2010 11:05 pm
โดย PRO_BABY
ขอบคุณมากๆครับ
:)

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 09, 2010 8:25 am
โดย Paul VI
มุมมองเยี่ยมเลยครับ  :bow:

เพิ่ม COC ได้อีก 1 อย่างแล้ว

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 13, 2010 8:23 pm
โดย จอหงวน
มีอะไรสะดุดหรือโดนใจให้คุณนริศลงทุนใน HTECH และลงทุนเพิ่ม
และอะไรทำให้ขายหมู KIATไปครับ
มันเป็น growth stock ทั้งคู่

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ พ.ย. 14, 2010 9:25 am
โดย CHOOKY
สวัสดีครับพี่นริศ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนนะครับ ผม มข. รุ่น36 เรียนคณะเดียวกะ PRO_BABY เค้าครับ

ขอสอบถามเลยนะครับ
-synex พอจะมีจุดแข็งอะไรมั้ยที่พอจะสู้กับ SIS ได้ในระยะยาว
-ร้านค้า Dealer ของ SYNEX ซึงเกือบทั้งหมดเป็นร้านในท้องถิ่น จะสามารถต้านทาน hardware houseฯ ซึ่งมีร้านตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ได้มั้ยครับ
ปล. ผมเข้าใจว่า sis ถือหุ้น hardware house

ขอบคุณมากครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 17, 2010 5:46 am
โดย naris
CHOOKY เขียน:สวัสดีครับพี่นริศ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนนะครับ ผม มข. รุ่น36 เรียนคณะเดียวกะ PRO_BABY เค้าครับ

ขอสอบถามเลยนะครับ
-synex พอจะมีจุดแข็งอะไรมั้ยที่พอจะสู้กับ SIS ได้ในระยะยาว
-ร้านค้า Dealer ของ SYNEX ซึงเกือบทั้งหมดเป็นร้านในท้องถิ่น จะสามารถต้านทาน hardware houseฯ ซึ่งมีร้านตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ได้มั้ยครับ
ปล. ผมเข้าใจว่า sis ถือหุ้น hardware house

ขอบคุณมากครับ
Synex ก็มีจุดแข็งของตนเองพอสมควรครับ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับร้านค้ามายาวนานกว่าSiS  เพราะอยู่ในวงการนี้มาก่อน หรือการกระจายตัวไปต่างจังหวัด มีฐานที่ก้าวงกว่าSiS และตลาดต่างจังหวัดน่าจะมีการเจริญเติบโตที่มากกว่าในกรุงเทพ เพราะมีฐานผู้ใช้ที่ต่ำกว่ามาก และทางSynex มีสินค้าประกอบที่ครบ hdd ก็เป็นส่วนหนึ่งที่เป็นสินค้าขายดีในตอนนี้ นโยบายการปล่อยเครดิตก็ผ่อนคลายกว่าSiS

ส่วนเรื่องHWH ผมว่าไม่มีผลต่อตลาดโดยรวมหรอกครับ ร้านค้าitมีหลายหมื่นร้านค้า ทางHWH มีเพียง100เองครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 17, 2010 6:06 am
โดย naris
จอหงวน เขียน:มีอะไรสะดุดหรือโดนใจให้คุณนริศลงทุนใน HTECH และลงทุนเพิ่ม
และอะไรทำให้ขายหมู KIATไปครับ
มันเป็น growth stock ทั้งคู่
ที่จริงไม่ค่อยอยากจะตอบครับ แต่ถ้าจะไม่ตอบก็จะกลายเป็นหยิ่งๆไม่อยากตอบไปเสีย :lol:

ช่วงที่ขายkiat ตอนนั้นคิดว่าราคามันค่อนข้างจะขึ้นมารับข่าวอนาคตมากเกินไป จริงๆไม่ได้ขายแต่kiat ก็ขายตัวอิ่นที่ราคาoverขึ้นราคารับข่าวเช่นกัน แต่โดยนิสัยผมปกติจะถือหุ้น100% ช่วงนั้นถ้าไม่เจอตัวที่จะซื้อ ราคาสิบต้นๆคงไม่ขายเหมือนกันครับ แต่ตอนนั้นเจอพี่เหมราคาไม่ถึงบาทและนายตลาดยังไม่มีการรับรู้รายได้ กำไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากโรงไฟฟ้า ราคาจึงอันเดอร์อยู่ และค่อนข้างชัวร์กว่ากันเยอะ เลยขอสวิทย์ครับ ส่วนตอนนั้นทำไมไม่ขายhtech เพราะราคาตอนนั้นประมาณ3บาทผมมองว่าราคายังอันเดอร์พอสมควรครับ และตอนนั้นผมสวิทย์หลายๆตัวเข้าพี่เหมก็มากพอควรแล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จะขายhtechครับ แต่ผมคิดผิดคิดถูกอย่างไรคงจะต้องดูในอนาคตครับ ส่วนการซื้อhtechเพิ่ม น่าจะเป็นการเพิ่มให้เต็มจำนวนเลขสวยๆหรือเปล่าครับ เพราะผมจำได้ว่า ไม่ได้เพิ่มจำนวนอย่างมีนัยยะสำคัญอะไร และไปดูในพอร์ตตอนนี้จำนวนหุ้นก็เท่าๆเดิมกับช่วงปิดสมุดทะเบียนครับ

นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: พุธ พ.ย. 17, 2010 8:38 pm
โดย CHOOKY
naris เขียน:
CHOOKY เขียน:สวัสดีครับพี่นริศ ขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์ด้วยคนนะครับ ผม มข. รุ่น36 เรียนคณะเดียวกะ PRO_BABY เค้าครับ

ขอสอบถามเลยนะครับ
-synex พอจะมีจุดแข็งอะไรมั้ยที่พอจะสู้กับ SIS ได้ในระยะยาว
-ร้านค้า Dealer ของ SYNEX ซึงเกือบทั้งหมดเป็นร้านในท้องถิ่น จะสามารถต้านทาน hardware houseฯ ซึ่งมีร้านตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า ได้มั้ยครับ
ปล. ผมเข้าใจว่า sis ถือหุ้น hardware house

ขอบคุณมากครับ
Synex ก็มีจุดแข็งของตนเองพอสมควรครับ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับร้านค้ามายาวนานกว่าSiS

Re: นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 27, 2010 10:23 am
โดย Warmkung
อ่านมาจนถึงหน้าที่ 28 ทำให้ได้เข้าใจว่า ...

นักลงทุนที่ดีไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เป็นเพราะตั้งใจและเข้าใจในกิจการที่ลงทุนอย่างแท้จริง

ผมยังเป็นมือใหม่ ตอนนี้กำลังมองว่าธุรกิจสื่อสาีีรในไทยยังสามารถโตได้อีกมากในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เพราะเป็นช่วงการไหลเข้าของเทคโนโลยีโดยเฉพาะ Smart phone ซึ่งรายได้ต่อ user จะมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป แถมยังเป็นรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนในทุกเดือน ง่ายต่อการวางแผนธุรกิจ อีกทั้งจำนวนผู้ใช้เยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยดูได้จากสมัยมี smart phone ใหม่ๆ มีแต่คนรวยๆ เท่านั้นที่ใช้ แต่ปัจจุบัน ลงมาถึงคนระดับกลางประมาณเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว และตอนผมไป Hongkong ก็ยิ่งเจอเหตุผลที่สนับสนุน ก็คือ คนที่เมืองที่นั่น 100% ใช้ smart phone ซึ่งผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไทยกำลังจะเป็นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เป็น Semi Monopoly เพราะค่อนข้างยาก ที่จะมีผู้ให้บริการรายใหม่ เข้ามาในตลาด เนื่องจาก Brand loyalty และ High capital investment

พี่มีแนวคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ ...

Re: นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: เสาร์ พ.ย. 27, 2010 3:29 pm
โดย Tlk
ในประเด็นเร่ืองการถือครองหุ้นพี่ นริศ ถือทีละกีตัวและให้นำ้หนักแต่ละตัวโดยมีอะไรเป็นเกณฑ์ครับ

Re: นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 29, 2010 2:29 pm
โดย naris
Warmkung เขียน:อ่านมาจนถึงหน้าที่ 28 ทำให้ได้เข้าใจว่า ...

นักลงทุนที่ดีไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เป็นเพราะตั้งใจและเข้าใจในกิจการที่ลงทุนอย่างแท้จริง

ผมยังเป็นมือใหม่ ตอนนี้กำลังมองว่าธุรกิจสื่อสาีีรในไทยยังสามารถโตได้อีกมากในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เพราะเป็นช่วงการไหลเข้าของเทคโนโลยีโดยเฉพาะ Smart phone ซึ่งรายได้ต่อ user จะมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป แถมยังเป็นรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนในทุกเดือน ง่ายต่อการวางแผนธุรกิจ อีกทั้งจำนวนผู้ใช้เยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยดูได้จากสมัยมี smart phone ใหม่ๆ มีแต่คนรวยๆ เท่านั้นที่ใช้ แต่ปัจจุบัน ลงมาถึงคนระดับกลางประมาณเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว และตอนผมไป Hongkong ก็ยิ่งเจอเหตุผลที่สนับสนุน ก็คือ คนที่เมืองที่นั่น 100% ใช้ smart phone ซึ่งผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไทยกำลังจะเป็นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เป็น Semi Monopoly เพราะค่อนข้างยาก ที่จะมีผู้ให้บริการรายใหม่ เข้ามาในตลาด เนื่องจาก Brand loyalty และ High capital investment

พี่มีแนวคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ ...
ส่วนตัวพี่คิดว่าโดยนิสัยคนเรา ต้องการความสะดวกสบายเป็นที่ตั้ง โดยมีข้อจำกัดในด้านราคาเป็นวาลล์ที่จะให้เปลี่ยนแปลงเร็วหรือช้า

ในเรื่องสมาร์ทโฟนพี่ก็มองว่ามันก็เครืื่องใช้ไฟฟ้าตัวหนึ่งที่ไว้ตอบสนองความสะดวกสบายของคน(ที่ยังมีกิเลส)เพราะฉะนั้นการตอบสนองนี้จะเร็วมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นกับราคาเป็นปัจจัยหลัก ใน5ปีข้างหน้าพี่ว่าเป็นไปได้สูงที่สมาร์ทโฟนจะมีสัดส่วน80-90%ของมือถือ

ส่วนว่าใครจะประสบความสำเร็จในตลาดนี้มากน้อยเพียงใด ขึ้นกับจุดขาย(positioning) การรับรู้ของผู้บริโภค และราคา เป็นองค์ประกอบ

ในตัวBB ก็มีคนถามความคิดเห็นพี่ว่าคิดอย่างไรมันจะยั่งยืนแค่ไหน ถ้ากระแสความเห่อมันหายไปแล้วทำไง. ส่วนตัวพี่คิดว่าบางครั้งเราต้องแยกกระแสความนิยมกับความจำเป็นในการสื่อสารให้ออก เช่นทางUS ผู้ใช้ส่วนมากของBBเป็นกลุ่มองค์กร(ไว้ใช้ในเรื่องงาน)แต่ในไทยผู้ใช้ยังเป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงานเป็นส่วนใหญ่ที่ไว้ติดต่อในเรื่องงานอดิเรก ส่วนมากคำว่ากระแสจะอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว และที่เจอส่วนมากจะเอาไว้อวดความเท่ ความดูดี
ส่วนในไทยตอนนี้พี่ว่าคนใช้BBมีทั้งสองกลุ่ม คือกลุ่มที่ใช้เพื่อให้ตนเองดูดี กับกลุ่มทีใช้เพรามีสังคมส่วนตัวในBBแล้ว มันจะคล้ายๆเฟซบุ๊คที่พอมีกลุ่มสังคมที่ได้ติดต่อกันจนเลิกใช้ไม่ได้ เพราะเพื่อนจะหาย สังคมจะหาย นอกซะจากจะเลิกใช้กันทั้งกลุ่มโดยมีสินค้าทดแทนที่ดีกว่า(ซึ่งตอนนี้พี่ยังมองไม่เห็น) และยังมีตลาดองค์กรให้เขาเข้าไปเจาะได้อีกมากมาย

ส่วนไอโฟน พี่คิดว่าpositionเขาค่อนข้างชัดเจนเช่นกัน เขามีสาวกแอปเปิ้ลแหว่งที่ใช้แมค ใช้ไอโฟน และไอแพด ที่ค่อนข้างมีระบบที่ดี มีหน้าตาที่ดี เปรียบตนเองเป็นไฮโซ

ส่วนที่ต้องการเวลาพิสูจน์อีกระยะคือระบบแอนดรอยด์ซึ่งกำลังมาแรง แต่จะมีข้อเสียเปรียบในเรื่องแบรนด์ที่เครื่องฮาร์ดแวร์บางรุ่นอาจจะตอบสนองได้ไม่ดี ทำให้คนอาจจะคิดว่าระบบไม่ดี แต่ด้วยโครงสร้างที่เน้นความฟรีจึงทำให้อนาคตน่าจะเกาะกลุ่มอยู่ในตลาดแมสได้ไม่ยาก ส่วนแบรนด์ไหนจะสร้างจุดยืนให้ตนเองได้ในแอนดรอยด์ต้องตามดูต่อไป
ไม่รู้ตอบตรงจุดหรือเปล่าครับ :lol:

Re: นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ย. 29, 2010 2:38 pm
โดย naris
Tlk เขียน:ในประเด็นเร่ืองการถือครองหุ้นพี่ นริศ ถือทีละกีตัวและให้นำ้หนักแต่ละตัวโดยมีอะไรเป็นเกณฑ์ครับ
พี่จะมีกฎที่เป็นแนวทางอยู่คร่าวๆเช่น
หลักเก้าอี้สามขา หมายความว่าจะไม่เน้นอะไรที่มากเกินไป เอาไว้ป้องกันความโลภบังตาข้อเท็จจริงของตนเอง
หลักความสบายใจในการถือครอง ความสบายใจนี่ครอบคลุมทั้งการรอบรู้ในตัวหุ้นนั้นๆและราคาที่ถูกหรือแพงเพราะฉะนั้น ถ้าตัวไหนยิ่งรู้มาก รู้ลึก ก็อาจจะถือครองได้นานกว่า แต่ถ้าเริ่มอึดอัดก็ขายเท่าที่เราอึดอัด ถ้าสบายใจก็ถือต่อ
หลักของการซื้อกิจการเพื่อลงทุน ไม่ใช่เล่นรอบ ถ้าจะมีการเล่นรอบเพื่อความสนุกจะต้องเป็นสัดส่วนที่น้อยและไม่มีผลต่อพอร์ตรวมเขาเรา

ที่ผ่านมาก็เคยถือหุ้นมากที่สุดประมาณ20ตัว และน้อยที่สุดก็สามตัวครับ แต่เฉลี่ยๆก็ราวๆ8-10ตัวครับ มากน้อยตามหลักความสบายใจ

Re: นริศสอนน้อง

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ธ.ค. 03, 2010 2:53 pm
โดย Warmkung
[quote="naris"][quote="Warmkung"]อ่านมาจนถึงหน้าที่ 28 ทำให้ได้เข้าใจว่า ...

นักลงทุนที่ดีไม่ใช่เพราะโชคดี แต่เป็นเพราะตั้งใจและเข้าใจในกิจการที่ลงทุนอย่างแท้จริง

ผมยังเป็นมือใหม่ ตอนนี้กำลังมองว่าธุรกิจสื่อสาีีรในไทยยังสามารถโตได้อีกมากในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า เพราะเป็นช่วงการไหลเข้าของเทคโนโลยีโดยเฉพาะ Smart phone ซึ่งรายได้ต่อ user จะมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป แถมยังเป็นรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอนในทุกเดือน ง่ายต่อการวางแผนธุรกิจ อีกทั้งจำนวนผู้ใช้เยอะขึ้นเรื่อยๆ โดยดูได้จากสมัยมี smart phone ใหม่ๆ มีแต่คนรวยๆ เท่านั้นที่ใช้ แต่ปัจจุบัน ลงมาถึงคนระดับกลางประมาณเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว และตอนผมไป Hongkong ก็ยิ่งเจอเหตุผลที่สนับสนุน ก็คือ คนที่เมืองที่นั่น 100% ใช้ smart phone ซึ่งผมมองว่าเป็นสิ่งที่ไทยกำลังจะเป็นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ยิ่งไปกว่านั้นธุรกิจกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่เป็น Semi Monopoly เพราะค่อนข้างยาก ที่จะมีผู้ให้บริการรายใหม่ เข้ามาในตลาด เนื่องจาก Brand loyalty และ High capital investment

พี่มีแนวคิดยังไงกับเรื่องนี้ครับ ...[/quote]
ส่วนตัวพี่คิดว่าโดยนิสัยคนเรา ต้องการความสะดวกสบายเป็นที่ตั้ง โดยมีข้อจำกัดในด้านราคาเป็นวาลล์ที่จะให้เปลี่ยนแปลงเร็วหรือช้า

ในเรื่องสมาร์ทโฟนพี่ก็มองว่ามันก็เครืื่องใช้ไฟฟ้าตัวหนึ่งที่ไว้ตอบสนองความสะดวกสบายของคน(ที่ยังมีกิเลส)เพราะฉะนั้นการตอบสนองนี้จะเร็วมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นกับราคาเป็นปัจจัยหลัก ใน5ปีข้างหน้าพี่ว่าเป็นไปได้สูงที่สมาร์ทโฟนจะมีสัดส่วน80-90%ของมือถือ

ส่วนว่าใครจะประสบความสำเร็จในตลาดนี้มากน้อยเพียงใด ขึ้นกับจุดขาย(positioning) การรับรู้ของผู้บริโภค และราคา เป็นองค์ประกอบ

ในตัวBB ก็มีคนถามความคิดเห็นพี่ว่าคิดอย่างไรมันจะยั่งยืนแค่ไหน ถ้ากระแสความเห่อมันหายไปแล้วทำไง. ส่วนตัวพี่คิดว่าบางครั้งเราต้องแยกกระแสความนิยมกับความจำเป็นในการสื่อสารให้ออก เช่นทางUS ผู้ใช้ส่วนมากของBBเป็นกลุ่มองค์กร(ไว้ใช้ในเรื่องงาน)แต่ในไทยผู้ใช้ยังเป็นกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงานเป็นส่วนใหญ่ที่ไว้ติดต่อในเรื่องงานอดิเรก ส่วนมากคำว่ากระแสจะอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว และที่เจอส่วนมากจะเอาไว้อวดความเท่ ความดูดี
ส่วนในไทยตอนนี้พี่ว่าคนใช้BBมีทั้งสองกลุ่ม คือกลุ่มที่ใช้เพื่อให้ตนเองดูดี กับกลุ่มทีใช้เพรามีสังคมส่วนตัวในBBแล้ว มันจะคล้ายๆเฟซบุ๊คที่พอมีกลุ่มสังคมที่ได้ติดต่อกันจนเลิกใช้ไม่ได้ เพราะเพื่อนจะหาย สังคมจะหาย นอกซะจากจะเลิกใช้กันทั้งกลุ่มโดยมีสินค้าทดแทนที่ดีกว่า(ซึ่งตอนนี้พี่ยังมองไม่เห็น) และยังมีตลาดองค์กรให้เขาเข้าไปเจาะได้อีกมากมาย

ส่วนไอโฟน พี่คิดว่าpositionเขาค่อนข้างชัดเจนเช่นกัน เขามีสาวกแอปเปิ้ลแหว่งที่ใช้แมค ใช้ไอโฟน และไอแพด ที่ค่อนข้างมีระบบที่ดี มีหน้าตาที่ดี เปรียบตนเองเป็นไฮโซ

ส่วนที่ต้องการเวลาพิสูจน์อีกระยะคือระบบแอนดรอยด์ซึ่งกำลังมาแรง แต่จะมีข้อเสียเปรียบในเรื่องแบรนด์ที่เครื่องฮาร์ดแวร์บางรุ่นอาจจะตอบสนองได้ไม่ดี ทำให้คนอาจจะคิดว่าระบบไม่ดี แต่ด้วยโครงสร้างที่เน้นความฟรีจึงทำให้อนาคตน่าจะเกาะกลุ่มอยู่ในตลาดแมสได้ไม่ยาก ส่วนแบรนด์ไหนจะสร้างจุดยืนให้ตนเองได้ในแอนดรอยด์ต้องตามดูต่อไป
ไม่รู้ตอบตรงจุดหรือเปล่าครับ :lol:[/quote]

ตรงมากคร้าบ

ขอบคุณนะครับที่แบ่งปันความรู้ให้น้องใหม่กำลังเริ่ม VI อย่างผม

ไว้ถ้ามีอะไรสงสัยจริงๆ จะมารบกวนพี่อีกนะครับ ^^ .... ถ้าไม่ค่อยสงสัยเท่าไหร่จะพยายามไม่ถามเห็นคนถามพี่เยอะมาก