Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

เรื่องมีอยู่ว่า ผมศึกษาหุ้นอยู่ตัวนึงมาได้สักพักนึงแล้วครับ เป็นกิจการที่ดีเลย สามารถเติบโตได้เรื่อยๆ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี (ตอนไม่ดีมากๆอาจจะแค่ทรงๆ) และอาจจะโตได้ก้าวกระโดดได้ถ้าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว งบก็โอเค หนี้ต่ำมาก และตอนนี้ราคาหุ้นมันก็ลงมาในระดับที่น่าเก็บแล้ว

แต่อ่านไปอ่านมา ไปเห็นบทสัมภาทณ์ อ่านไปก็โอเคนะครับ ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่มาติดตรงที่หน้าตาผู้บริหารไม่ถูกชะตาเลย แบบหน้าตาผู้ร้าย ท่าทางโกงๆเขี้ยวๆ ยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก

เลยกลายเป็นว่าผมไม่กล้าเก็บตัวนี้เข้าพอร์ตมาก ถามเพื่อนๆ เขาก็บอกว่าผมประสาท คิดมาก บางคนก็บอกว่าสงสัยปีที่แล้วหุ้นตกมากผมเลยบ้า เลยอยากมากถามเล่นๆในนี้ว่าตกลงผมบ้ารึเปล่าเนี่ย

เจก

ขอชื่อ ผู้บริหาร หลังไมค์ครับ..

แล้วจะช่วยให้ความเห็นว่าบ้าไหม  

ไม่บ้านะครับ
ซื้อหุ้นก็เหมือนซื้อบริษัท
ถ้าคุณเป็นเจ้าของบริษัท เวลาสัมภาษณ์ผู้บริหาร
1ในเรื่องที่คุณนำมาตัดสินใจ ต้องมีเนื่องหน้าตา บุคลิกภาพ แน่ๆ

จริงๆแล้วผมคิดว่าไม่ประสาทนะครับ
บางที Sense ก็บอกอะไรเราได้ครับ
เพียงแต่ว่าถ้าจะให้มันสมเหตุผลสมผล
ผมคิดว่าถึงแม้เราจะไม่ชอบใจหรือชอบหน้าท่านผู้บริหาร
เราก็ไม่ควรไปเอาความรู้สึกนั้นตัดสินว่าจะซื้่อหรือไม่ซื้อหุ้นของบริษัทนั้น

ผมคิดว่าทางออกหรือทางเลือกที่ดีกว่าน่าจะเป็นการไปหาข้อมูล
ในอดีตของผู้บริหารท่านนั้น และวิเคราะห์ดูว่าท่านเป็นคนเช่นไร
( ในกรณีนี้เรารู้สึกไม่ถูกชะตา เราก็อาจจะหาข้อมูลลึกหน่อย
หรือละเอียดหน่อย เพื่อป้องกันไว้ หรือเพื่อความสบายใจ)
ถ้าสรุปออกมาแล้วไม่มีปัญหา ผมก็ไม่คิดว่าน่าจะต้องเป็นห่วงนะครับ

โชคดีครับ

 :D

อืม อาการเริ่มแรกของการใกล้บ้ามั๊ง

คือว่า คนบ้า มักจะสงสัยตัวเองว่า บ้าเป่านี่

และเริ่มอยากรู้ว่า คนปกติคิดอย่างไร



อิอิ แซวนา

ผิดถนัดครับ....

คนที่คิดว่าตัวเองใกล้บ้า  หรือบ้า  นั่นแหละ ไม่บ้า :lol:

คนบ้ามักไม่รู้ตัวเองว่าบ้าครับ

ปล.ลองย้อนไปดูประวัติการบริหารงานย้อนหลังไปเยอะๆของเค้าคับ  คนขี้โกง  ไงหางต้องโผล่  ถ้าหาไม่เจอ  แต่หน้าตาไม่น่าไว้ใจ  ก็ค่อยๆเก็บไปตราบใดที่บริษัทยังมีกำไร  + เติบโตได้ตลอด  + ราคาหุ้น+ปันผลมีทิศทางสูงขึ้น  แล้วเราจะไปสนหน้าตาผู้บริหารทำไมละคับ  เหอๆ :lol:

ไม่สบายใจก็ปล่อยมันไปไม่ต้องเก็บมาคิด
สบายใจก็เก็บเข้า port แค่นี้ล่ะ

คลื่นความร้อนแถวโน้น...คงมีผลกับคุณแล้วล่ะ :lol:  :lol:  :lol:

ว่าแต่...อยู่อุตสาหกรรมไหนหรือครับ  เผื่อจะเดาถูก

ซื้อ 100 หุ้น   แล้วไปประชุมประจำปี     company visit
ไปสังเกตบุคลิก พฤติกรรม หรือซักถามเลย

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ

ผมคงเก็บหุ้นตัวนี้ไปเรื่อยๆแหละครับ แต่คงไม่ลงทุนมากกว่า 20 เปอร์เซนต์ของพอร์ต เพราะยังมีอะไรๆตะหงิดอยู่ ที่ชอบมากๆเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้คือเขาไม่ได้้มีลูกค้ารายหลักรายเดียวครับ มีลูกค้าจากหลากหลายอุตสาหกรรมและยังไงๆก็ใช้บริการเรื่อยๆอยู่ดี อาจมีปัญหาเรื่องคู่แข่งรึเปล่าไม่รู้แน่ชัด ผมคงต้องลงลึกเรื่องนี้ล่ะครับ

เรื่องหน้าตานี่ หล่อ สวย น่าเกลียด หรือยังไงพวกนี้ผมไม่ค่อยสนนะครับ แต่ที่สนคือถ้าหน้าตาขี้โกง ร้าย แล้วขี้โกง+ร้ายเหมือนหน้า นี่ผมว่าแย่เหมือนกัน แต่จิงๆแล้วคนหน้าตาใสซื่อ แต่ชั่วสุดๆก็มีเหมือนกันนะเนี่ย

คงต้อง research ต่อไปครับ

เจก

เอ๊ะ... ขึ้นต้นด้วย U หรือเปล่าครับ

จะเหมือนขงเบ้งตอนที่รู้จักบังทองหรือเปล่าครับ :lol:

เรื่องหน้าตาขี้โกงนี่ ผมว่าก็ดูได้นะ
แต่รูปเพียงรูปเดียวไม่น่าจะตัดสินคนได้ถึงขนาดนั้น

ส่วนที่ว่าดูขี้โกงนี่ ไม่รู้คุณมีอะไรเป็นบรรทัดฐานหรือเปล่าครับ
เช่น ตัวร้ายในละครทีวี หรือว่าภาพยนต์ต่างประเทศ ?

แต่ถ้าดูโหวงเฮ้งเป็นนี่ก็โอเคเลย ตามสะดวกครับ

ไม่บ้าค่ะ ไม่ประสาทด้วยค่ะ มันเป็นการทำงานของจิตประสาทแบบอัตโนมัติ ประสานกันระหว่างหน้าที่ของจิตสองส่วน คือ จิตสำนึก และ จิตใต้สำนึก

แต่การจะวิเคราะห์ว่าควรจะเชื่อเซนส์ตัวเองได้แค่ไหน กี่เปอร์เซ็นต์
ให้ลองหาเวลาว่างๆ ทำจิตสงบๆ วันสบายๆ ค่อยๆพิจารณาดู ทบทวนที่ละเรื่องย้อนหลัง ว่ามีกี่ครั้ง ที่เซนส์เรา เมื่อมันเตือน แล้วถูกบ่อยกว่าผิดหรือไม่

ถ้ายังพบว่าผิดบ่อยกว่า ให้ทบทวนช้าๆ ทีละเรื่อง เพื่อเป็นการช่วยปรับกระบวนการบันทึกของจิตทั้งสองส่วน ให้เก็บในส่วนที่ถูกต้องเข้าไปไว้ในส่วนจิตใต้สำนึก ให้เพิ่มมากขึ้น ๆๆ

ข้อสังเกตุนิดนึงคือ ให้ลองสังเกตุอย่างนี้นะคะ
เวลาถ้าเซนส์ มันมาแบบบริสุทธิ์ คือมาแบบไม่มีเหตุผลประกอบ แปลว่านั่นเป็น จิตใต้สำนึก
แต่ถ้าคำเตือน มาพร้อมกะเหตุผลอ้างอิงประกอบมากมาย ส่วนนั้นคือ จิตสำนึก

สิ่งที่ต้องฝึกคือ การเปิดรับสิ่งที่เป็นจริง อย่างที่มันเป็นจริง เพื่อเวลา จิตสำนึกเปิดรับข้อมูล ส่งต่อไปยัง จิตใต้สำนึกเพื่อเก็บข้อมูลไว้ใช้ จะถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
เช่น ถ้าเราโปรแกรมลงไปว่า หน้าตาแนวนี้ ต้องเป็นคนไม่ดีแน่ๆ (ซึ่งเรายังไม่มีประสบการที่พิสูจน์ได้จริงว่า การบันทึกแบบนี้ ถูกต้องหรือไม่) อาจเป็นการชี้นำเกินไป และเวลาที่เกิดสถานการณ์จริงขึ้น เวลาจิตใต้สำนึกถูกเรียกมาใช้เพื่อประมวลผลโดยอัตโนมัติ มันอาจได้ผลออกมา อย่างไม่ตรงกับเรื่องจริงเท่าไหร่นัก

แต่กลับกัน บางท่านชอบที่จะนำกระบวนการบันทึกและประมวลผลของจิตสองส่วนนี้ มาปรับกลยุทธใช้อย่างฉลาด เช่นเดียวกับหลักการของ เดอะซีเคร็ท
เช่น บันทึกย้ำๆลงไปตลอดเวลาว่า ฉันสวย-หล่อ ฉันฉลาด ฉันรวย ฉันสุขภาพดี เมื่อตอกย้ำไปเรื่อยๆ กระบวนการทำงานของจิตใต้สำนึกจะประทับไว้สะสม แล้วจะแมทช์อัตโนมัติ เมื่อเจอเรื่องที่แมทช์กัน เช่น เมื่อเจอคนประเภทที่ว่าตามสเป๊คนี้ ใจเราจะเข้าไปจดจ่อกะเรื่องราวของคนเหล่านี้ทันที จากนั้นจิตสำนึก จะเข้าไปรับรู้สิ่งต่างๆที่เป้นตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นการกินอยู่ วิธีคิด และส่งผ่านมาเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกที่เปิดรอไว้ตลอดเวลา จิตใต้สำนึกไม่หลับ (ไม่เชื่อ ให้ลองฝึกดู ใครไม่เคยตื่นตีห้าได้มาก่อน ให้ท่องย้ำๆไปก่อนนอนทุกคืน ว่า ฉันต้องตื่นตีห้า ๆๆๆๆๆๆๆ จนร่างกายหลับไป อาจจะวันรุ่งขึ้นเลย หรืออีกซัก 3-4 วัน แล้วแต่คน จะพบว่าสามารถตื่นตีห้าได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก จิตสำนึกหลับไปพร้อมร่างกาย แต่จิตใต้สำนึกเปิดตลอดเวลา พอตีห้าปุ้บ มันทำตามออเดอร์ที่เราโปรแกรมไว้ได้เอง โดยที่ไม่ต้องรอร่างกายตื่น)

สรุป (หลังจากพูดเยิ่นเย้อมานาน :lol: )

เซนส์ก็อาจจะเรียกได้ว่า คือ การทำงานของจิตใต้สำนึกนั่นเอง
บางคน มีตรงนี้ แม่นบ่อยๆโดยธรรมชาติให้มาแต่เดิม
บางคน มีเหมือนกัน แต่อาจจะน้อยหน่อย เมื่อมีน้อยเกินไป ต้องหาเวลาโล่งๆโปร่งๆ ค่อยๆทบทวนว่า ที่ผ่านมา เราไม่ค่อยดูแลระบบการทำงานของมันรึเปล่า เราเป็นคนที่มีจิตสำนึกสับสนปนเป มีข้อมูลขัดแย้งกันอย่างผิดๆถุกๆมากไปหรือเปล่า

ดิฉันเข้าใจว่า ทุกคนมีเซนส์ แต่จะได้ประโยชน์จากตรงนี้มากน้อยอย่างไร ก็ขึ้นอยู่ที่ เซนส์ที่มี แม่นมากน้อยอย่างไร และใส่ใจมันแค่ไหน

ยกตย.นึง ง่ายๆ ให้ลองดูการทำงานของ จิตใต้สำนึกละกันค่ะ

วันนึง(นานมาแล้ว) ดิฉันไปเดินห้างแห่งนึงกะเพื่อนเม่ารุ่นน้องคนนึง
ก็ไม่ได้คิดอะไรเรื่องหุ้นในตอนนั้นเลย คุยกันแต่ดินฟ้าอากาศทั่วไป และจ้องมองของต่างๆที่อยากได้น้ำลายหก ฟุ้งฝอยกันไปตามประสาสาวๆเวลาเดินห้างเห็นของ sale ดาษดื่น  :lol:
อยู่ๆเดินไปพบ ลานการจัดสัมนาต้อนรับนลท.หน้าใหม่ อะไรก็ไม่ทราบ เล่นเกมหุ้นกันอย่างเฮฮา ใบหน้าพวกเขาล้วนเปื้อนยิ้ม เหมือนโลกช่างสดใส อนาคตดูยังมีทางเดินแสนไกลที่สวยหรูสำหรับพวกเขา....

เราสองคนหันหน้ามองตากันโดยมิได้นัดหมาย ขนลุก หูตั้งชัน

"ดอย" เราสองคนเปล่งเสียงเบาๆพร้อมกัน


จากตย. การประมวลผลจากจิตใต้สำนึก ไม่ใช่แค่ภาพเหล่านลท.หน้าใหม่เฮฮากันเป็นกลุ่มใหญ่นั่นแต่เพียงอย่างเดียว
จิตใต้สำนึก ทำงานมาโดยตลอดแล้ว ก่อนหน้านั้น
...หุ้นขึ้นมาเรื่อยๆ
...โวลุ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
...คนโชคดีเยอะเหลือเกิน แทงตัวไหนก็ถูกไปหมด
...หุ้นจะขึ้นอะไรกันนักหนา ทำไมโลกช่างมีแต่ข่าวดี
...บางทีข่าวเล็กๆ ยังทำให้หุ้นขึ้นอย่างบ้าคลั่งได้ต่อ
...
...
...
...

007-s เขียน:วันนึง(นานมาแล้ว) ดิฉันไปเดินห้างแห่งนึงกะเพื่อนเม่ารุ่นน้องคนนึง

ขำชื่อเรียกแบบนี้จริงๆครับ

แต่......โห......
ประสบการณ์ขนาดเปล่งคำว่า ดอย ออกมาโดยอัตโนมัติพร้อมกันเนี่ย
ไม่ใช่เม่าและเพื่อนเม่าแล้วล่ะครับ

หูตั้งชัน  :shock:    :shock:

[quote="Bread & Butter"]หูตั้งชัน

:lol: ท่านอนาคตอดีตประธาน กล่าว...

ผมสิเวลาไปไหนมาไหนกับเพื่อนแมง
ยังต้องดูราคาหุ้นทุกห้านาทีเลยครับ
เป็นวีไอแบบไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน
คงจะแบบแมงๆ

คงจะเป็น วีเอ้าแมงไม

พวกลูกผสมน่ะค่ะ

:lol:

ว่าแต่ ทำไมท่านอนาคตอดีตประธาน ไม่ต่อสัญญาสัมปทานไปอีกสมัยนึงก่อนละคะ

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พรรคเม้งก่า จะเป็นเยี่ยงไรเล่าท่าน วานเฉลย

007-s เขียน: ว่าแต่ ทำไมท่านอนาคตอดีตประธาน ไม่ต่อสัญญาสัมปทานไปอีกสมัยนึงก่อนละคะ

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ พรรคเม้งก่า จะเป็นเยี่ยงไรเล่าท่าน วานเฉลย

เรื่องสัมปทานนั้น ผมพูดเองลำบากครับ
เอาว่าถ้าไม่มีใครอาสาเลย ค่อยมาหาทางกันอีกที
ผมเองก็รักเวปนี้เช่นเดียวกับสมาชิกท่านอื่นๆเช่นกัน
และจริงๆแล้วก็ไม่เคยคิดจะทอดทิ้งไปไหนเลย จะยังขออาศัยใบบุญอยู่ในนี้ไปเรื่อยๆ
แต่ถ้าผมพูดอย่างนี้ตั้งแต่ต้น
คนที่เขาอยากจะเป็นและอยากพัฒนาเวปขึ้นเรื่อยๆก็อาจจะเซ็งเพราะมีผมและทีมงานขวางอยู่

นอกจากนี้ ผมยังเชื่อมั่นในทฤษฎีวิวัฒนาการ
และชื่อว่าองค์กรหรือหน่วยงานใดๆก็ตามก็ไม่แตกต่างกับสิ่งมีชีวิตนัก
สังเกตไหมครับว่า องค์กรนั้นภาษาอังกฤษใช้คำว่า organ ซึ่งแปลว่าอวัยวะ
หลายๆอวัยวะรวมกันเป็นสิ่งมีชีวิต
หลายๆองค์กรรวมกันเป็นองค์การ
องค์การคือ organization
องค์การเป็นนิติบุคคลที่สมบูรณ์ มีตัวตนและตัดสินใจเองได้ตามกฏหมายเสมือนเป็นชีวิตๆหนึ่งทีเดียว
แต่องค์กรไม่เป็นนิติบุคคลและก็เหมือนอวัยวะซึ่งอยู่เดี่ยวๆไม่ได้

การวิวัฒนาการควรจะมีสามปัจจัยต่อไปนี้เป็นขั้นต่ำ
สิ่งดีงามจึงจะต่อยอดไปได้เรื่อยๆ
ถ้าขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ก็จะกลายเป็นถดถอยลงเรื่อยๆ ซึ่งเราคงไม่ต้องการ

สามสิ่งที่ว่าคือ

1. การเปลี่ยนแปลง หรือ change ของคุณพี่โอบามานั่นแหละครับ แม้ในทางชีววิทยาเราจะเรียกว่า mutation แต่ความหมายก็ไม่ต่างกันนัก

2. natural selection

แต่พี่หมอเพิ่งจะสอนผมอยู่ไม่นาน คลื่นเสียงที่กระทบกระดูกสามชิ้นในหูผมยังสั่นอยู่เลยว่า.......

วิวัฒนาการที่เร็วเกินไป เขาเรียกว่า "ชิงสุกก่อนห่าม" ไงครับพี่.

สองปีที่ผ่านมาพี่ก็ยอมรับว่า ไวเหมือนโกหก ยังไม่ทันได้ตั้งไข่สักเท่าไหร่เลย ไหนจะรีบบ่มรมแก๊สให้สุกไปถึงไหน รสชาติมันก็บ่นัวดิ. ท่านป๋ามน ดอทดำ(ใครตั้งให้หว่า) :lol: ประธานคนเก่าของเรายังอยู่นานกว่านี้

สรุปว่าอยู่ต่อให้นานขึ้นจาก พี่ เป็น ป๋า ก่อนนะพี่นะ

เห็นด้วยกะพี่นริศนะคะ พี่ศรรามเป็นต่อ ดิฉันก็เชื่อว่า สมาชิกพรรค ก็คงไม่รู้สึกว่ายาวนานเกินไปยังไงหรอก (มั้ง :lol: )

และอีกหนึ่งความเห็น ดิฉันคิดว่า เชื่อมั่นว่า ในพรรคเรานี้ ยังมีอีกหลายท่านที่เหมาะสม(หรือบางท่านอาจจะเหมาะสมกว่าพี่ศรรามด้วยซ้ำ) ที่จะขึ้นมาทำหน้าที่ประธานพรรค

แต่ประเด็นคือ ความพร้อม พร้อมทั้งทางกายและใจ ของผู้ที่จะมาเป็น
หน้าที่ประธานนี้ มันหนักหนา มันไม่ใช่ว่าเหน็ดเหนื่อยแบกหามอันใด แต่มันต้องจัดการความยุ่งเหยิง ทั้งบนน้ำและใต้น้ำ ที่อาจเกิดขึ้น ในระหว่างทางที่พรรคกำลังก้าวต่อไปข้างหน้า

ผู้ที่เป็นคนดีและเก่ง ในสายแวยู่แห่งเม้งก่าแห่งนี้ ย่อมมีมากมาย
ผู้ที่เยี่ยมยุทธกว่าท่านศรรามย่อมมีมากมาย
แต่ผู้พร้อมที่จะอาสามาจัดการพรรค ในสถานการณ์อันสับสนหดหู่จากสภาวะดินฟ้าอากาศที่ผันแปรรุนแรง อาจมีไม่มากนักในยามนี้

ท่านประธาน เป็นหนึ่งในตองอู มีทั้งบุ๋นบู๊ ครบครัน

ขอได้โปรดพริ๊นา

เรื่องมีอยู่ว่า ผมศึกษาหุ้นอยู่ตัวนึงมาได้สักพักนึงแล้วครับ เป็นกิจการที่ดีเลย สามารถเติบโตได้เรื่อยๆ ไม่ว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี (ตอนไม่ดีมากๆอาจจะแค่ทรงๆ) และอาจจะโตได้ก้าวกระโดดได้ถ้าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว งบก็โอเค หนี้ต่ำมาก และตอนนี้ราคาหุ้นมันก็ลงมาในระดับที่น่าเก็บแล้ว

แต่อ่านไปอ่านมา ไปเห็นบทสัมภาทณ์ อ่านไปก็โอเคนะครับ ไม่ค่อยน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่มาติดตรงที่หน้าตาผู้บริหารไม่ถูกชะตาเลย แบบหน้าตาผู้ร้าย ท่าทางโกงๆเขี้ยวๆ ยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก

เลยกลายเป็นว่าผมไม่กล้าเก็บตัวนี้เข้าพอร์ตมาก ถามเพื่อนๆ เขาก็บอกว่าผมประสาท คิดมาก บางคนก็บอกว่าสงสัยปีที่แล้วหุ้นตกมากผมเลยบ้า เลยอยากมากถามเล่นๆในนี้ว่าตกลงผมบ้ารึเปล่าเนี่ย

ผู้บริหารท่านนั้นถ้ารู้น่าจะบอกว่า  เอาน่า Love me, Love my dog   :lol:

007-s เขียน::lol: ท่านอนาคตอดีตประธาน กล่าว...
คงจะเป็น วีเอ้าแมงไม

พวกลูกผสมน่ะค่ะ

:lol:

หรือเรียกสั้นๆว่า "แมงไอ" หรือ "วีเม่า" ก็ได้ครับ  :lol:  :lol:  :lol:

พยายาม research ดู แต่ไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหารเลยครับ เจอแต่ข่าวที่มีกลุ่มปั่นหุ้นที่เกี่ยวกับนักการเมืองด้วยมาปั่นกันเมื่อประมาณปลายปี 50 - ต้นปี 51 ตอนนั้นออกข่าวกันนัวเนียเลย แต่ตอนนี้ก็โดนทุบซะเละเลย เจอยังงี้แล้วผมขอบายดีกว่า คงซื้อติดไว้สักหมื่นสองหมื่นหุ้นไว้ดูเล่นๆล่ะครับ

เจก

เจก เขียน:พยายาม research ดู แต่ไม่ค่อยมีข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหารเลยครับ เจอแต่ข่าวที่มีกลุ่มปั่นหุ้นที่เกี่ยวกับนักการเมืองด้วยมาปั่นกันเมื่อประมาณปลายปี 50 - ต้นปี 51 ตอนนั้นออกข่าวกันนัวเนียเลย แต่ตอนนี้ก็โดนทุบซะเละเลย เจอยังงี้แล้วผมขอบายดีกว่า คงซื้อติดไว้สักหมื่นสองหมื่นหุ้นไว้ดูเล่นๆล่ะครับ

เจก

ในเมื่อมีนิดเดียวแล้ว เฉลยได้ยังว่าดูตัวไหนอยู่ จะได้อ๋อ. :lol: