หน้า 2 จากทั้งหมด 5

Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 10:48 am
โดย et al.
Luty97 เขียน:
ขอเพิ่มมุมมองละกันครับ ว่าการที่จะคิดว่าหุ้นเกรดไหน บางคนก็ให้ไม่เท่ากัน บางเวลา A ก็ไปเป็นเป็น B C หรือในทางกลับกัน B อาจอัพเกรดไปเป็น A ก็ได้ เช่น

Mint BGH BH UEC เมื่อก่อน A โคดๆ ตอนนี้เริ่มสงสัยว่า Aจริงเหรอ

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 11:10 am
โดย hongvalue
[quote="IWILLBEVI"]

มุมมองเรื่อง fund Flow นี้มีประโยชน์มากๆ ผมอ่านหนังสือของคุณวิศิฐ (Tisco) ก้อยังคิดว่าไม่ลึกพอ รบกวนคุณฮงบอกแหล่งข้อมูล หรือหนังสือที่เขียนเรื่องนี้อย่างเข้าใจง่ายๆ และนำมาใช้วิเคราะห์ได้จริง

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 11:10 am
โดย hongvalue
terati20 เขียน:คุณ ฮง เปิดสอนหลักสูตร  Fundflow  เถอะ อยากรู้มากๆ
หนังสือตำราก็ไม่ค่อยมีเขียนไว้  จะเป็นประโยชน์ต่อ อนุชนรุ่นหลังมากๆ

:8)

แหะแหะ  ผมยังอยู่ในขั้นตั้งไข่เองครับ

fundflow  ขนาดผมชวนพี่ลูกอีสานเปิด course ทางของลูกอีสาน

พี่ลูกอีสานบอกว่าเขายังไม่เก่งพอ

แล้วอย่างกระผม จะเอาปัญญาที่ไหนมาเปิด course ครับ

ถ้าความรู้ทาง fundflow ของผมก้าวหน้ากว่านี้ซัก 4-5 ขุม

ผมจะมาเรียกพี่ terati ไปฟังผมฝอยคนแรกเลยครับ

Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 11:14 am
โดย hongvalue
[quote="nandeandw"]
เห็นด้วยกับพี่หนู
เปิดเมื่อไรบอกด้วยนะ จะไปสมัครเรียนด้วย

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 11:24 am
โดย hongvalue
mprandy เขียน:เข้ามาดู รูปภาพ
แหมเฮียช่วยแจมหน่อยดิ

อยากฟังอะ

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 11:49 am
โดย yoyo
พี่หนูฟิตจิงๆ... วันนี้ผมเลยเริ่มฮืดตามแล้ว

บทเรียนอีกข้อนึงที่ที่ผมเจอ

บัฟเฟต์บอกว่า
"ให้ซื้อธุรกิจยอดเยี่ยม ในเวลาที่มีปัญหาชั่วคราว"

แต่สิ่งที่ผมมักจะทำคือ
"ซื้อธุรกิจธรรมดา ที่ยอดเยี่ยมชั่วคราว"

ปีนี้แหละมั๊ง ที่ผมจะได้ทำแบบที่อาจารย์ลุงของผมสอนซะที ทำผิดมาตลอด  :oops:

Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 2:25 pm
โดย naris
ก่อนอื่นขอแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาสำหรับเพื่อนVIรุ่นแรกๆ(แถมเคยนอนห้องเดียวกันอีก 555)โปรดอย่าคิดลึก :lol: แต่ละคนก็จะมีแนวถนัดไม่เหมือนกัน หนูต้องปรับตนเองให้เหมาะกับการลงทุนในสไตล์เราเอง(ทำแบบไหนเราสบายใจ และทำแล้วมีกำไร) ที่แสดงความเห็นข้างล่างเป็นความเห็นส่วนตัวของพี่อาจไม่เหมาะสมกับหนูก็ได้นะครับ

Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 2:30 pm
โดย sai
naris เขียน:(แถมเคยนอนห้องเดียวกันอีก 555)]

:)
[/quote]
:oops:  :oops:  :oops:

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 4:48 pm
โดย b4solid
ขอบคุณ เป็นประโยชน์ต่อคนที่เริ่มเล่นอย่างผมมากเลย

เมื่ออ่านความเห็นของคุณ hongvalue เรื่อง fundflow กับการ cutloss แล้วก็นึกถึงตัวเองเหมือนกัน กำลังสับสนกับหลักการ Vi กับการล้างพอร์ตเมื่อมีแนวโน้มมากกว่าครึ่งว่าตลาดกำลังจะตกต่ำ แต่ก็ยังเชื่อในหลัก Vi อยู่เลยไม่ยอมล้างพอร์ต เพื่อนโทรมาเตือนทุกวัน แต่ในใจคิดว่ากู Vi โว้ย กิจการก็ไม่เป็นไรนี่หว่า ผลก็เลยออกมา...... :twisted:

ก็คงต้องกลับมาคิดหาทางปรับหลักการให้เข้ากับตัวเราใหม่เสียแล้ว :idea:

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 5:45 pm
โดย nw108
:D


      โวตให้ครับ เป็นกระทู้ที่ดี ต้องช่วยขุดๆๆๆ

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 6:43 pm
โดย V_accy
ขอบคุณพี่บลูบลัดที่มาแชร์ครับ
ผมว่าพี่คงโดน snc แหงๆ ผมก็โดน :lol:



พี่ฮง ผมก็อยากแชร์เรื่องfund flow ด้วยแต่เกรงว่าความรู้จะไม่ถึง(จริงๆไม่รู้อะไรเลย)

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 7:15 pm
โดย SEHJU
ขอบคุณสำหรับประสบการณ์ครับ..

เป็นต้นปีที่เราจะได้ทบทวนหลักการ การลงทุนที่เรามั่นใจนักมั่นใจหนาว่า

มันใช้ได้จริงหรือไม่.. ปีที่แล้วเป็นบทเรียนที่คุ้มค่ามากจริงๆ

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 11:00 pm
โดย เพื่อน
มาแจมด้วยคนครับ
ปีที่แล้วก็โดนมาพอสมควรเหมือนกันครับ

เห็นหลายคนมีมุมมองวิธีการของลุงบัฟเฟต ในลักษณะไปทางลบกันบ้างแล้ว
ที่จริงผมก็มองแนวทางของลุงบัฟแกไม่ผิดหรอกครับ แต่เราหลายคนพยายามทำแบบแกทั้งๆที่ทำไม่ได้ต่างหาก

ทำไมหุ้นตกหนักแต่คุณลุงแกไม่สะเทือน เพราะแกมีเงินทุนสภาพคล่องที่สูงกว่าเรามาก หุ้นยิ่งตกแกยิ่งซื้อ และแกก็ยิ่งกำไรเมื่อถึงเวลาหุ้นฟื้นตัว

ในขณะที่ สำหรับเรา หุ้นยิ่งตก เราอาจจะซื้อได้อยู่บางส่วน พอตกลงไปอีก ก็ติดกับดักตัวเอง เงินซื้อเพิ่มไม่มี เงินเก่าที่ติดอยู่ก็ยังลดค่าลงไปอีก

คิดว่าทุกคนก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้ว ผมก็(มิบังอาจ)แนะนำได้แค่ให้พยายามมีสภาพคล่องเหลือติดตัวไว้เป็นวิธีที่ดีที่สุด แนวทางของคุณลุงบัฟเฟตก็ต้องเอามาพลิกแพลงให้ต่างออกไปบ้าง....ที่ผมชอบและเห็นว่าเหมาะกับชาวบ้านธรรมดาแบบเรา ก็น่าจะเป็นแนวหุ้นใข่ห่านทองคำ ที่อ่านดูแล้วก็ธรรมดาๆใครๆก็รู้ แต่จริงๆแล้วเป็นหลักจิตวิทยาง่ายๆให้เรารู้สึกกล้าที่จะตัดสินใจซื้อและโดยเฉพาะกล้าขายหุ้น โดยยังมีเงินเหลือเก็บติดตัวไว้อย่างปลอดภัย

โม้มาซะมาก จริงๆตอนนี้ผมก็ไม่มีเงินเหลือเลยเหมือนกัน... :lol:

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 07, 2009 11:40 pm
โดย Alastor
ไว้ว่างๆมาแจมมั่ง หุ้นตกปีเดียวอย่าเพิ่งจิตตกกันสิครับ

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 12:36 am
โดย Ent'
เข้ามาดู พี่หนูครับ ขอบคุณมากครับที่มาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังครับ

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 12:43 am
โดย newbie_12
fund flow นี่มันเดายากกว่าราคาหุ้นอีกนะผมว่า

สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะเซียนมาจากไหน ก็ถูกครึ่ง ผิดครึ่ง

ผมคิดเฉยๆนะ ไม่มีหลักการใดๆยืนยัน

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 12:45 am
โดย dome@perth
เข้ามาอ่านครับ และ ตามดูมวยรุ่นพี่ เขาถกกันเรื่อง ข้อผิดพลาดและแนวทางการปรับปรุง  แอบจำไปใช้ :lol: อิอิ

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 7:46 am
โดย terati20
ขออนุญาติ นำบทความ อาจารย์ สุมาอี้ มาเเนะนำครับ ค่อนข้างดีมากๆ  
:D

นักธุรกิจ - นักลงทุน
« 0084: Asset Allocation | Main | 0090 : แหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแอบแฝง »
ว่ากันว่านักลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานคือคนที่มองการลงทุนในหุ้นเหมือนเป็นการลงทุนในธุรกิจ แต่เท่าที่ผมได้สัมผัสมา ผมว่านักลงทุนกับนักธุรกิจจริงๆ นั้นมีวิธีคิดบางอย่างที่ไม่เหมือนกันด้วย

นักลงทุนเชื่อมั่นในพลังมหัศจรรย์ของการทบต้น การทบต้นต้องอาศัย "ความนาน"ถึงจะสร้างความมหัศจรรย์ออกมาได้ พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับการถือหุ้นให้นานและมากที่สุด มีเงินเท่าไรก็จะพยายามรีบใส่เข้าไปในตลาดหุ้น ถ้าได้เงินปันผลมาก็จะรีบใส่กลับลงไปใหม่ เพื่อให้เม็ดเงินและระยะเวลาที่ลงทุนตลอดชีวิตมีค่ามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ พลังแห่งการทบต้นจะได้แสดงศักยภาพของมันออกมาอย่างเต็มที่ ในขณะที่ นักธุรกิจจะชอบลงทุนเมื่อมองเห็นโอกาสเท่านั้น ไม่คิดว่าจะต้องรีบลงทุนให้มากที่สุด ถ้ามองไปข้างหน้าแล้วไม่ดี นักธุรกิจจะชะลอการลงทุน นักธุรกิจหลายคนยังชอบมีสภาพคล่องส่วนหนึ่งเหลือไว้เสมอเพื่อรอสินทรัพย์ในราคาถูกในยามที่เศรษฐกิจฝืดเคืองเพราะจะเป็นโอกาสเดียวที่จะได้ซื้อของที่ดีมากๆ ในราคาถูกๆ

ตลาดหุ้นคือสถานที่ซึ่งนักธุรกิจนำธุรกิจของตนมาขายให้นักลงทุน เป็นที่ทราบๆ กันอยู่แล้วว่า ก่อนที่หุ้นจะเข้าตลาดต้องมีการ "แต่งตัว" ให้ดูดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ (การแต่งตัวไม่ใช่เรื่องผิดถ้าไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฏหมาย) นักธุรกิจจะ "เบ่ง" กำไรของบริษัทให้พองโตที่สุด 2-3 ไตรมาสก่อนเข้าตลาดเพื่อให้จะขายหุ้นจองได้ในราคาที่สูงที่สุด โครงการในอนาคตอะไรที่น่าจะทำให้กำไรของบริษัทเพิ่มขึ้นได้ในอีกหลายๆ ปีข้างหน้าก็ต้องรีบเอามาทำก่อนเข้าตลาดเพื่อโชว์กำไร ถ้ายังไม่มีทุนสำหรับทำโครงการเหล่านั้นก็จะกู้เงินระยะสั้นจำนวนมากลงทุนก่อน พอเข้าตลาดได้แล้วค่อยนำเงินเพิ่มทุนที่ได้มาชำระหนี้คืน ก็จะทำให้ขายบริษัทได้ในราคาที่ดีกว่าเมื่อเทียบกับการขายหุ้นก่อนแล้วค่อยเอาทุนนั้นไปขยายงานทีหลัง หรือถ้าธุรกิจที่ไม่มีทางโตได้อีกแล้วจริงๆ ก็ต้องเร่งให้ลูกค้าเจ้าเก่าให้ช่วยกันซื้อสินค้าไปตุนไว้ล่วงหน้าเพื่อให้ยอดขายไตรมาสสุดท้ายก่อนเข้าตลาดดูดีเป็นพิเศษ (ลูกค้าเหล่านั้นอาจได้รับจัดสรรหุ้นจองในราคาพิเศษเป็นการตอบแทนในฐานะผู้มีอุปการะคุณ) เรื่องพวกนี้ว่าไม่ได้ เพราะใครๆ ก็ย่อมอยากขายธุรกิจที่ตนสร้างมากับมือให้ได้ราคาสูงที่สุด จะเห็นได้ว่า นักธุรกิจจะพยายามขายทิ้งธุรกิจที่โตถึงขีดสุดแล้ว ส่วนธุรกิจที่ยังโตได้อีกจะยังถือไว้เองเพื่อปั้นให้โตจนเต็มที่สุดแล้วค่อยนำไป cash out ในตลาด ในขณะที่ นักลงทุนมักอยากซื้อธุรกิจที่ mature แล้ว เพราะมองว่ามีความมั่นคง เป็น cash cow จ่ายเงินปันผลได้มากและสม่ำเสมอ ธุรกิจที่ยังอยู่ในช่วงขยายตัวหรือ Star นั้นกลับเป็นธุรกิจที่นักลงทุนมักไม่ค่อยสนใจเพราะมองว่าเสี่ยงสูง จ่ายปันผลได้น้อย

ด้วยเหตุนี้นักธุรกิจกับนักลงทุนจึงเป็นคู่ซื้อคู่ขายที่ลงตัว เพราะ คนหนึ่งต้องการ cash out ธุรกิจที่อิ่มตัวแล้ว เพื่อเอาสภาพคล่องไปปั้นธุรกิจอื่นที่ยังโตได้อีก ส่วนอีกคนหนึ่งก็ต้องการซื้อธุรกิจที่อิ่มตัว ตลาดหุ้นบ้านเราก็เลยเต็มไปด้วยนักธุรกิจที่เอาธุรกิจที่อิ่มตัวแล้วมาขายเป็นส่วนมาก ตลาดหุ้นไทยจึงไม่ได้ทำหน้าที่ของมันในการระดมทุนเพื่อไปขยายกิจการแต่เป็นที่ Exit ให้นักธุรกิจมากกว่า ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความต้องการของนักลงทุนส่วนใหญ่เอง ผมมีความใฝ่ฝันว่า สักวันหนึ่ง นักลงทุนไทยจะเลิกรีดเงินปันผลจากบริษัทแล้วหันมากดดันบริษัทเรื่องการสร้างกำไรให้เติบโตแทนแบบนักลงทุนในประเทศทุนนิยม เมื่อนั่นตลาดหุ้นไทยจะได้ทำหน้าที่ที่แท้จริงของมันเสียที คือการเร่งให้ภาคธุรกิจมีการลงทุนใหม่ๆ ให้กับระบบเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตให้กับประเทศชาติ

วิธีคิดของนักลงทุนอีกอย่างหนึ่งที่ผมมองว่าประหลาดคือ นักลงทุนซื้อหุ้นแล้วชอบมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบริษัท ในขณะที่ ปกติแล้ว นักธุรกิจจะรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของก็ต่อเมื่อตนเองได้ถือหุ้นเสียงข้างมากเท่านั้น เพราะการถือหุ้นใหญ่จะทำให้ตัวเองมีอำนาจควบคุมบริษัทได้ นักธุรกิจมักไม่ค่อยมี commitment กับบริษัทที่ตนเองถือหุ้นส่วนน้อยเพราะมองว่าตนเองอาจถูกผู้ถือหุ้นใหญ่เอาเปรียบได้ง่ายเนื่องจากไม่มีอำนาจควบคุม โหวตมักแพ้ ในขณะที่นักลงทุนในตลาดซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (ส่วนน้อยมาก) กลับรู้สึกชอบที่จะพูมฟักความรู้สึกเป็นเจ้าของให้กับตัวเองทั้งที่ตัวเองก็ไม่มี control อะไรเลย ถ้าผู้ถือหุ้นใหญ่นิสัยไม่ดีจะเอาเปรียบเมื่อไรก็ทำได้ไม่ยาก โดยส่วนตัวแล้ว ผมชอบแนวคิดของเบนจามิน แกรม มากกว่าที่ว่า เวลาซื้อหุ้นให้คิดให้เหมือนกำลังซื้อธุรกิจ ส่วนแนวคิดที่ว่าเวลาซื้อหุ้นให้รู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นเจ้าของนั้นผมกลับไม่ชอบเท่าไร เพราะทำให้เราเกิดความลำเอียงเพราะหลงรักได้ง่าย เวลาใครมาด่าว่าบริษัท แทนที่เราจะรับฟัง เราก็จะโกรธ เพราะเรารู้สึกว่าเขามาด่าของๆ เรา

ผมเป็นลูกพ่อค้าครับ ผมจึงชอบวิธีคิดแบบนักธุรกิจมากกว่าวิธีคิดแบบนักลงทุน สรุปแล้วมุมมองของผมจึงต่างจากนักลงทุนทั่วไปดังนี้

1. ธุรกิจแกร่งอย่างเดียวยังไม่พอ ต้องขยายงานได้ด้วย เราควรถือหุ้นตราบเท่าที่บริษัทยังมีโอกาสขยายงานได้อยู่ ถ้าธุรกิจอยู่ตัวเมื่อไร ก็ควรขายหุ้นทิ้งเพื่อนำไปลงทุนในบริษัทอื่นที่ยังมีโอกาสขยายงานอยู่

2. จงมองการซื้อหุ้นให้เป็นการซื้อธุรกิจก็พอแต่ไม่ต้องสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ เพราะจะทำให้เราเกิดความลำเอียงได้

3. ลงทุนมากน้อยตามแต่ปริมาณและคุณภาพของโอกาสที่มองเห็นอยู่ มีเงินสดสำรองไว้บ้างเสมอสำหรับโอกาสที่ไม่คาดฝัน

นอกเหนือจาก 3 ข้อนี้แล้ว ผมก็คิดอะไรอย่างอื่นๆ คล้ายกับนักลงทุนนั้นแหละครับ

Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 12:45 pm
โดย peerawit
Blueblood เขียน: 4. การทุ่มซื้อตัวเดียว เมื่อรวมกับข้อ 1และ2 ด้วย หายนะที่ผมมองข้ามไปตลอด ด้วยคิดว่าตัวเองเก่งและควบคุมความเสี่ยงได้ก็บังเกิด
โดนเหมือนกันครับข้อนี้

กำไร เก้าตัว เอามารวมหายไปในหุ้นตัวเดียว ล้านกว่าบาท

ไม่เป็นไร I'll be back !

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 1:36 pm
โดย doodeemak
ขอบคุณครับ  :D


ปีที่แล้วได้ประสบการณ์เยอะดีครับ แต่ข้อที่โดนสุดก็คง

"หากริจะลอกหุ้นจากเว็บ ต้องหมั่น update การโพสของเซียนเสมอๆ เพื่อให้มั่นใจว่า เราเป็นคนแรกๆที่อ่าน จากนั้นซื้อแล้วถือจนกว่ามันจะเป็นที่กล่าวขัวญถึงในเว็บไปทั่ว นั่นคือจังหวะขายที่ดีที่สุด"
:twisted:  :twisted:

ล้อเล่นนะคร้าบ  :roll:  :roll:  :roll:

Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 3:39 pm
โดย yoyo
sai เขียน:
:oops:

Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 4:04 pm
โดย naris
yoyo เขียน:
:oops:

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 4:38 pm
โดย 007-s
จาก......วิวัฒนาการแนวแวยู่ของผม...กลายมาเป็น....วิวัฒนาการแนวนอนร่วม(ห้อง)ของผม.....ไปซะแว้วววว


:rofl:  :rofl:  :rofl:

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 4:49 pm
โดย sorawut
เธอจะมีใจหรือเปล่า มันคือความจริงที่ฉันอยากรู้
ติดอยู่ในใจแต่ไม่อยากถาม กลัวว่าเธอเปลี่ยนไป(ถือหุ้นตัวอื่นนะ) :lol:

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 8:00 pm
โดย austin_bd
มาอ่านคับ โพสต่อนะคับ จะเข้ามาอีก ขอบคุณ คับ

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 10:50 pm
โดย leksmile
สุดยอดกระทู้คุณภาพของปีนี้เลย เริ่มรู้สึกความคึกคักเหมือนสมัยตอนเริ่มเข้ามาเล่น Thaivi ใหม่ๆอีกครั้ง เหล่ายอดฝีมือเริ่มเตรียมออกรบ วอร์มอัพกันใหญ่

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 08, 2009 11:38 pm
โดย 007-s
เอามั่งแล้วกันค่ะ ถือเป็นการปรึกษาหารือจะดีกว่า ใช้ว่าคำแนะนำไม่น่าจะเหมาะสม
สำหรับพี่บลูแล้ว ในสายตาดิฉัน จัดให้อยู่ในกลุ่มหนูหนึ่งเลยล่ะ
การพลาดครั้งใหญ่ซักครั้งสองครั้ง ไม่ได้หมายถึงต้องถูกออกจากกลุ่มหนูหนึ่งที่ไหนกันเล่า.... :wink:



1. เลือกหุ้นโดยเน้นคุณภาพมากกว่าการคาดการณ์กำไรแค่ช่วงสั้นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าบริษัทนั้นจะอยู่ไปอีกนานที่สุดหรือแพ้เป็นบริษัทท้ายๆในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

....อันนี้ดิฉันก็ว่าน่าจะเป็นงั้นค่ะ

2. สภาพคล่องในการซื้อขายต้องมากพอให้เข้าออกได้อย่างรวดเร็ว

....คิดว่า อันนี้ก็คงต้องดูระยะด้วย บางช่วงเวลา หุ้นที่ดีในอนาคตบางตัว ตอนที่เริ่มซื้อ สภาพคล่องมันก็น้อยได้ พอตลาดกลับมาคึกคัก หรือหุ้นตัวเก่งกลับมาคืนฟอร์มแชมป์ สภาพคล่องก็กลับมาได้เช่นกัน(แน่นอน ในบางตัว มันก็ไม่คล่องอยู่อย่างนั้นล่ะ ไม่ว่าจะสภาพตลาดไหน ซึ่งเข้าใจว่าต้องพิจารณาจากประวัติความที่เคยเป็นแชมป์ หรือมีแววว่าจะได้เป็นถึงแชมป์ได้ในวันหน้า)

3. มีจุด cut loss ที่ชัดเจน ไม่ต้องกลัวเรื่องมูลค่า ถ้าลงจนเปลี่ยนเทรนก็ต้อง cut ไปก่อน แล้วถ้า cut แล้วผิดทางไม่ว่าโดนหลอกหรือตลาดเปลี่ยนค่อยซื้อคืนใหม่ โดยใช้ technical เข้าช่วย

....ถ้าจะให้ดี การพิจารณาผสมผสานข้อมูลเรื่องมูลค่าด้วย จะดียิ่งขึ้นมั้งคะ แต่ทั้งนี้ การหลุดเทรนด์สำคัญ มักจะมาจากเหตุอันคาดได้ในอนาคตมาเกี่ยวข้อง เทคนิคมักจะไม่มีเหตุผลกำกับแปะบอกไว้ว่าทำไมจึงหลุดเทรนด์สำคัญได้ แต่แทบทุกครั้ง มันมีความคิดของผู้คนแฝงฝังอยู่ในจุดหักเหนั้นเสมอ โดยเฉพาะเมื่อมันหลุดเทรนด์ใหญ่สุดลงมาได้ ต้องมีอะไรแฝงอยู่แน่นอน คนที่ติดอยู่ด้านบน มักเป้นคนที่มาพบทีหลังว่าคาดได้ช้ากว่าคนที่หนีออกไปแล้ว
เด็กเทคนิครู้ตัวดีว่า ไม่เก่งเรื่องมูลค่า ไม่แน่ใจเรื่องข้อมูลอนาคตอันสำคัญจะมีผลกระทบต่อมูลค่าในอนาคต เขาจะคิดเสมอว่า การหลุดเทรนด์ใหญ่สุดลงมาได้ ต้องมีคนที่รู้อนาคตมากกว่า และอีกพวกคือฟลุ๊คหนีทันพอดี
ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่าไว้ว่า "ยิงก่อน ถามทีหลัง" ไฟไหม้ ต้องหาทางหนีก่อน เห็นชัดๆว่าไฟไหม้ อย่ามัวถามว่าทำไมจึงไหม้ ค่อยออกมาถามกันด้านนอกตัวอาคาร แล้วค่อยว่ากันอีกที
คำว่าไฟไหม้ คือมันหลุดเทรนด์ใหญ่ เทรนด์สำคัญ โดยเฉพาะจุดที่ถ้าหลุดแล้วมันคว่ำแน่ๆ อันนี้เห็นเลยว่าไฟแน่ๆ ไม่ใช่แค่แสงแว๊บๆ ต้องหนีทันที
แต่ถ้ามันยังไม่ใช่จุดสำคัญ จะรอก่อนก็ได้ ค่อยๆคิดหาเหตุผลก็ได้แล้วแต่ถนัด

4. ปัจจัยเรื่องการกระจายความเสี่ยงจำนวนหุ้นไม่สำคัญเท่าไหร่ ถ้าผมมีข้อ 2-3 แล้วผมจึงคิดว่าการกระจายตัวหุ้นยังไม่สำคัญมากสำหรับผมจึงยังคงลงทุนแบบ 1-2 ตัวไปก่อน ถ้าพอร์ตใหญ่กว่านี้ค่อยว่ากัน  

....พี่บลูจัดอยู่ในกลุ่มหนูหนึ่ง การกระจายหุ้น ดิฉันก็คิดว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็นมากนัก เอาว่าไปตามขนาดพอร์ทก็น่าจะดีแล้วค่ะ แต่สำหรับหนูสอง ไม่ควรเลียนแบบหนูหนึ่งเด็ดขาด อตร. ถ้าอ่านไม่ขาดควรกระจายตัวถือมากกว่า 1-2 ตัวแบบนั้น




แหะๆ คืนนี้เล่นเนตดึกหน่อย ขอลองฟิตกะเขาบ้างก่อนนอนละกัน

:lol:

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 09, 2009 1:02 am
โดย King_Krimson
ฟิตกันดี อย่างนี้รู้สึกฟิตขึ้นมาเหมือนกัน
ปี 51 ผมเองก็แย่เหมือนกัน ติดลบเกือบ 50% ของพอร์ต แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้เล่น Margin ด้วย แฮ่ แฮ่ แบบว่าไม่มี credit เพียงพอ

ประสบการณ์ก็ยังน้อยนิด ยังไงก็ขอฟิตกับเพื่อนๆด้วยคนนะคร๊าบ

Re: วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 09, 2009 3:24 am
โดย Ryuga
ชอบคุณมากครับ  :P
พี่นริศ เขียน:
:oops:

วิวัฒนาการแนวแวลู่ของผม

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 09, 2009 8:05 am
โดย เทียน
แค่การยอมรับในสิ่งที่ตัวเองทำผิดพลาด แค่นี้ก็เยี่ยมแล้วครับ

ที่เหลือก็เป็นการเรียนรู้กันต่อไป

นับถือและสู้ต่อไปครับ