อุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

อุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ตามความคิดเห็นของผม น่าจะมีสักคอลัมน์ที่ติดตามความเคลื่อนของแต่ละอุตสาหกรรม เพื่อเป็นแหล่งที่ติดตามข่าวเกี่ยวกับอุตสาหกรรม แม้หลายคนอาจจะลงทุนโดยยึดพื้นฐานของแต่ละบริษัทเป็นหลัก แต่ความสำคัญเกี่ยวกับความเป็นไปในแต่ละอุตสาหกรรมก็สำคัญไม่น้อย
  จึงขออนุญาติใช้พื้นที่ตรงนี้รายงานข่าวความเคลื่อนไหวของแต่ละอุตสาหกรรมครับ แต่ไม่ทราบมันถูกคอลัมน์หรือป่าวก็ไม่ทราบ หากไม่ตรงก็ฝากผูดูแล ช่วยย้ายไปอยู่ให้มันถูกที่ถูกทางด้วยนะครับ

การเมืองทุบอุตฯโรงแรม ยอดพักตกต่ำสุดใน10ปี
โพสต์ทูเดย์ นายกสมาคมโรงแรมไทย ชี้อุตสาหกรรมโรงแรมอยู่ในช่วงวิกฤต ยอดเข้าพักต่ำสุดในรอบ 10 ปี หนักกว่าช่วงไข้หวัดนก อัดรัฐบาลไร้นโยบายกระตุ้นท่องเที่ยว

นายชนินทร์ โทณวณิก นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวถึงสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมที่พักในขณะนี้ว่า อยู่ขั้นวิกฤตเกือบทุกโรงแรมในทุกภูมิภาคของประเทศไทยมีอัตราเข้าพักลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงนี้ซึ่งเป็นโลว์ซีซัน หรือนอกฤดูกาลท่องเที่ยว อัตราเข้าพักของนักท่องเที่ยวลดลงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนในช่วงเดียวกัน โดยอัตราเข้าพักโรงแรมทุกภูมิภาคลดลงกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงโลว์ซีซันของปีก่อน


นอกจากนี้ ยังรวมถึงอัตราการเข้าพักในภูเก็ตและภาคใต้ฝั่งอันดามัน ที่เริ่มมีแนวโน้มอัตราเข้าพักที่ลดลงบ้างแล้วในบางโรงแรม ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้นับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ของวงการธุรกิจโรงแรมที่พัก


สถานการณ์ขณะนี้ แย่กว่าช่วงที่เกิด โรคซาร์ส และไข้หวัดนก เมื่อ 4 ปีก่อน เพราะตอนเกิดโรคซาร์สเป็นเพียงระยะสั้นๆ 3-4 เดือน ก็ฟื้นกลับมาปกติ แต่สำหรับ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเวลานี้ เป็นเพราะ เหตุการณ์ภายในของประเทศไทยเอง ซึ่งทำให้ประเทศคู่แข่งสามารถช่วงชิงนักท่องเที่ยวไปได้ นายชนินทร์ กล่าว


สำหรับภาพรวมของธุรกิจโรงแรมที่พักในปีนี้คงไม่เติบโตจากปีก่อน ซึ่งหากสามารถประคองให้มีรายได้เท่ากับปีก่อนได้ก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว จากปกติธุรกิจโรงแรมในภาพรวมจะเติบโตเฉลี่ย 10% ต่อปี


นายชนินทร์ กล่าวว่า อัตราเข้าพักของ นักท่องเที่ยวที่ลดลงนั้น หากการท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทย (ททท.) จะมองว่านักท่องเที่ยว ยังคงเติบโตก็มีสิทธิ์ที่จะคิดได้ เพราะตัวเลขสถิติที่ ททท.นับนั้น เป็นการเก็บตัวเลขจาก ผู้ที่ผ่านเข้าประเทศทางตรวจคนเข้าเมือง แต่ในส่วนของภาคโรงแรม จะนับจากอัตราแขกเข้าพักจริง


ทั้งนี้ เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับภาคท่องเที่ยว เกิดจากความไม่ใส่ใจของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ขณะที่รัฐบาลต้องการให้ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างรายได้เข้าประเทศ แต่ 8 เดือนของการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ ยังไม่มีนโยบายด้านการท่องเที่ยวที่ชัดเจนออกมาเลย และ 6 เดือนที่เหลืออยู่ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีนโยบายกระตุ้นภาคธุรกิจท่องเที่ยวที่ชัดเจนออกมาบ้างหรือไม่


ขณะเดียวกันยังมีหลายปัญหาที่เกิดจากนโยบายที่ผิดพลาดของรัฐบาล ซึ่งภาคเอกชนไม่สามารถแก้ได้ อย่างปัญหาการมี 2 สนามบิน ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางลำบาก รวมถึงปัญหาสายการบินแห่งชาติที่มุ่งหวังแต่ผลกำไร ทั้งที่จริงควรเป็นต้นแบบในการเปิดเส้นทางบินที่มีดีมานด์ และเป็นไดเรกต์ไฟลต์จากเมืองท่องเที่ยวของไทยไปยังเมืองใหญ่ หรือเมืองเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามา
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news07/06/07

โพสต์ที่ 2

โพสต์

Hospitality industry still growing strong
SOMPORN THAPANACHAI

Thailand's hospitality industry is drawing about 15 billion baht of new investment through next year, said international real-estate consulting firm Colliers International Thailand (CIT).

CIT has seen several potential deals in the hotel and leisure industries worth about 15 billion baht since being set up four months ago, said Patima Jeerapaet, managing director of Colliers Thailand.

He said that Thailand's hospitality sector was attracting a variety of investors. Institutional investors are focused on the hotel and leisure industry and the commercial sector, while corporate investors like the residential segment. Deals can be as 100%-owned firms, joint ventures or acquisitions of listed companies
http://www.bangkokpost.com/Business/07Jun2007_biz37.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news18/06/07

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ททท.สู้ศึกม็อบกรุง

โพสต์ทูเดย์ ผู้ว่า ททท.ดันชาร์เตอร์ไฟลต์ บินตรงลงสนามบินนานาชาติต่างจังหวัด แก้ปัญหาการเมืองในกรุงเทพฯ ไม่สงบ ชี้ 5 เดือนนักท่องเที่ยวยังโต 2.7%

นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งเสริมให้สำนักงาน ททท.ในแต่ละภูมิภาค สนับสนุนการเช่าเครื่องแบบเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) ของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆ โดยให้บินตรงไปลงยังสนามบินนานาชาติ ใน จ.เชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย กระบี่ แทนการบินมาลงที่กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความหวาดกลัวของนักท่องเที่ยวที่มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองของไทย ซึ่งมีการชุมนุมอยู่อย่างต่อเนื่องที่กรุงเทพฯ

การเน้นให้มีชาร์เตอร์ไฟลต์บินตรงไปลงที่สนามบินในจังหวัดท่องเที่ยว เพื่อลบจุดอ่อนเรื่องความไม่สงบทางการเมือง เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติยังต้องการมาไทย แต่กลัวการเมือง แต่เมื่อเรามีทางออกให้ก็ไม่มีปัญหา นางพรศิริ กล่าว
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=173002
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news18/06/07

โพสต์ที่ 4

โพสต์

กลุ่มโรงแรมหรูชี้อุตฯท่องเที่ยวไทยน่าลงทุน

โดย มติชน วัน จันทร์ ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2550 08:34 น.

เผยเป็นแดนสวรรค์นักเที่ยวกลุ่มใหม่ การบินคึกเอเชียเพิ่มเที่ยวบินมากสุด

นายวิกเตอร์ แปง ผู้อำนวยการสายงานบริหารในเครือแอคคอร์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศที่น่าลงทุนสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหรือโรงแรมนั้นมีหลายประเทศ เช่น ไทย เวียดนาม สิงคโปร์ มัลดีฟส์ อินเดีย โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ที่จะเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวในประเทศเหล่านี้คือ กลุ่มแบ๊คแพคเกอร์รุ่นใหม่ กลุ่มการรักษาพยาบาลหรือสุขภาพ (เมเดคอน) กลุ่มอิโก้ทัวร์ริสซึม กลุ่มเบบี้บูมหรือนักท่องเที่ยวสูงอายุซึ่งจะมีการพำนักในระยะยาว หรือลองสเตย์ อย่างไรก็ตาม กลุ่มเหล่านี้จะชอบเดินทางท่องเที่ยวระยะสั้นคือ ระยะเวลาไม่เกิน 6 ชั่วโมง

นายแปงกล่าวว่า จากการที่มีสายการบินต้นทุนต่ำนั้นทำให้โครงสร้างธุรกิจการท่องเที่ยวได้เปลี่ยนแปลงไป เพราะในอนาคตจะทำให้มีโรงแรมประเภทโลว์คอสหรือโรงแรมต้นทุนต่ำเกิดขึ้นด้วยเพื่อเป็นการช่วยนักท่องเที่ยวประหยัดค่าใช้จ่าย โดยในปีนี้จะมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นทั่วโลกประมาณ 38,000 เที่ยวบิน โดยมีอัตราการเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 8% และจะมีการเติบโตมากที่สุดในเอเชียแปซิฟิค

นายเคิร์ล วาชต์ไวเทล (Kurt Wachtveitel) ผู้จัดการทั่วไปโรงแรม แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ กล่าวว่า การที่โรงแรมจะขึ้นเป็นโรงแรมอันดับหนึ่งของโลกได้นั้นจะต้องคำนึงถึงบุคคลเป็นหลัก โดยจะต้องมีกาเทรนนิ่ง(ฝึกอบรม)พนักงานตลอดเวลาเพื่อให้พร้อมบริการลูกค้าที่จะเข้ามาพักในโรงแรม โดยแขกที่เข้าพักในโรงแรมนั้นจะเป็นแขกระดับบนโดยส่วนใหญ่มาจากยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก

นายวิลเลียม ไฮเนคเก้ (William Heinecke) ประธานกลุ่มไมเนอร์ กล่าวในเรื่องการลงทุนในธุรกิจโรงแรมว่า การลงทุนในธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยนั้นยังใช้งบประมาณค่อนข้างต่ำอยู่ คือประมาณ 250,000-300,000 เหรียญสหรัฐต่อห้อง ขณะที่ผลตอบแทนการลงทุนในประเทศไทยก็ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม โรเบิร์ท เอ้าท์ลุค ได้ประเมินว่าในปี ค.ศ. 2006 (พ.ศ.2549) อัตราห้องพักในภูเก็ตมีการเติบโตมากที่สุดคือประมาณ 43% รองลงมาคือ ฮานอยและโฮจิมินห์ซิตี้ ประเทศเวียดนาม และมุมไบมีการเติบโตที่ 71.9% ส่วนสิงคโปร์มีการเติบโตที่ 17.5% เท่านั้น
http://news.sanook.com/economic/economic_147440.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news20/06/07

โพสต์ที่ 5

โพสต์

สภาอุตฯส่งหนังสือจี้ รัฐอุ้มลงทุนท่องเที่ยว

โพสต์ทูเดย์ สภาอุตฯ ท่องเที่ยว ร้องรัฐอุ้มผู้ประกอบการท่องเที่ยว ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำปรับปรุงกิจการ รับต่างชาติ

นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธาน สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สทท.เตรียมทำหนังสือถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการในวงการอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เรื่องสิทธิพิเศษด้านการลงทุน ด้วยการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และลดหย่อนภาษีให้กับผู้ประกอบการ

ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นธุรกิจทำรายได้เข้าประเทศหลัก แต่รัฐบาลยังไม่ได้เข้ามาสนับสนุนด้านการลงทุนกับ ผู้ประกอบการไทยอย่างเต็มที่ ทำให้ศักยภาพการลงทุนลดลง ทั้งๆ ที่รัฐบาลต้องการให้ภาคเอกชนพัฒนาสินค้าทางการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สำหรับรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบน

ที่ผ่านมารัฐมองแต่รายได้ทางการท่องเที่ยวที่จะเข้ามา แต่ไม่คำนึงถึงการพัฒนาของผู้ประกอบการ ซึ่งบางรายมีทุนน้อย ต้องการให้รัฐเข้ามาให้ความช่วยเหลืออย่างมาก หนังสือดังกล่าวคาดจะส่งถึงเลขาฯ นายกรัฐมนตรีได้ปลายเดือนนี้ นายกงกฤช กล่าว

ช่วงนอกฤดูท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน) ที่จะถึงนี้ ผู้ประกอบการควรใช้เวลาปรับปรุงโรงแรมที่พัก หรือเพิ่มการลงทุน เพื่อเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวช่วงฤดูท่องเที่ยว (ไฮซีซัน) ปลายปีนี้

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยว ต้องยอมรับว่า ความวุ่นวายทางการ เมืองส่งผลกระทบ
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=173404
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news23/06/07

โพสต์ที่ 6

โพสต์

บริษัททัวร์ปิดตัว300ราย สังเวยธุรกิจเที่ยวไทยทรุด

โพสต์ทูเดย์ บริษัททัวร์รายเล็กแห่ปิดกิจการกว่า 300 ราย ระบุเศรษฐกิจไม่กระเตื้อง เม็ดเงินโฆษณาด้านการท่องเที่ยววูบกว่า 500 ล้านบาท

นายทักษิณ ปิลวาสน์ นายกสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวไทย (สนท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบ นำเที่ยว (ทัวร์) โดยเฉพาะบริษัท ทัวร์ขนาดเล็ก เริ่มทยอยปิดกิจการไปแล้วไม่น้อยกว่า 200-300 ราย เนื่องจากไม่สามารถแบกรับต้นทุนการบริหารจัดการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ประกอบกับทุกบริษัทหันใช้กลยุทธ์ด้านราคา เพื่อใช้เป็นแรงจูงใจให้คนไทยเดินทางเที่ยว ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กที่มีทุนน้อยไม่สามารถปรับตัวรับการแข่งขันได้้


ทั้งนี้ ภาพรวมการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยในปีนี้ค่อนข้างซบเซา เนื่องจากคนไทยยังวิตกกังวลกับ สถานการณ์ทางการเมือง รวมถึงปัญหาทางภาคใต้ที่ขยายวงกว้างและทวีความรุนแรง อีกทั้งภาวะเศรษฐกิจ ที่ชะลอตัว ทำให้คนไทยระมัดระวัง การใช้จ่ายสูง ขณะเดียวกันยังพบว่า พฤติกรรมการเดินทางของนักท่องเที่ยวไทยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยคนไทย นิยมขับรถส่วนตัวเดินทางเที่ยวมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัททัวร์ที่ขาดรายได้ในส่วนดังกล่าวไป

นอกจากนี้ สถานการณ์ท่องเที่ยว ที่ซบเซายังส่งผลให้ผู้ประกอบการทัวร์งดการกระตุ้นท่องเที่ยวโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ เพื่อ ลดค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้ง ฯลฯ ในช่วงนี้ ซึ่งคาดว่าทำให้วงการโฆษณาสูญเม็ดเงินจาก ผู้ประกอบการท่องเที่ยวงดการลงสื่อไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=174145
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news25/06/07

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ทัวร์อินบาวนด์5เดือนฟื้นททท.-บินไทยงัดไม้เด็ดเพิ่มเอเชีย

โดย ประชาชาติธุรกิจ วัน จันทร์ ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2550 02:02 น.

อินบาวนด์ลุ้นอีกเฮือกหลัง 5 เดือน มกราคม-พฤษภาคม ต่างชาติเที่ยวไทยขยับเพิ่ม 2.7% ยอดทะลุ 4 ล้านคน ททท.เร่งฟื้น 2 ตลาด เอเชียตะวันออก-อเมริกา และ การบินไทย พร้อมผนึกทีมรับกลยุทธ์ดึงไฮเทคซื้อขายตั๋วล่วงหน้า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) รายงานว่าท่ามกลางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศเคลื่อนไหวไม่ปกติอยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวนานาประเทศมาตลอดครึ่งปี 2550 แต่ภาพรวมตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าเมืองไทย (inbound) สถิติ 5 เดือนแรก มกราคม-พฤษภาคม 2550 สถิติการเข้าเมือง 2 สนามบินนานาชาติ ซึ่งมีอินบาวนด์ผ่านเข้ามามากสุดกว่า 85% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดนั้น ผลปรากฏว่า ณ สนามบินสุวรรณภูมินักท่องเที่ยวยังคงเพิ่มขึ้น 2.70% รวม 4,143,942 คน สนามบินนานาชาติภูเก็ต เพิ่มขึ้น 18.92% รวม 564,131 คน

ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาด (market share) 5 เดือนแรก 7 ภูมิภาค พบว่าลดลงเพียง 2 ภูมิภาค คือ ตลาดหลักภูมิภาคเอเชียตะวันออกรวมอาเซียน 10 ประเทศ บวก จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และอื่นๆ เปรียบเทียบช่วงเดียวกันปี 2549 ปรากฏว่าส่วนแบ่งตลาดลดลง 4.31% จาก 49.93% ปีนี้เหลือเพียง 45.62% จำนวนนักท่องเที่ยวรวมลดลงเช่นกัน เวียดนาม 31.02% จีน 21.70% สิงคโปร์ 13.19% ญี่ปุ่น 4.59% และภูมิภาคอเมริกา ส่วนแบ่งตลาดลด 0.25% จำนวนนักท่องเที่ยวลด 0.52% จาก 324,485 คน เป็น 322,794 คน
http://news.sanook.com/travel/travel_150169.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news29/06/07

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ระดมกำลังฟื้นท่องเที่ยวไทยถอยมาเก๊าขึ้นแซง

โดย วัน ศุกร์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 02:54 น.

รัฐเร่งระดมสมองแก้ปัญหานักท่องเที่ยวต่างชาติหด เตรียมแผนกระตุ้นช่วงไฮซีซั่น พาต้าเผยผลสำรวจไทยถอยหลังโดนมาเก๊าแซง
นายสุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ขณะนี้นักท่องเที่ยวคุณภาพจากหลายประเทศมีจำนวนลดลง โดยเฉพาะญี่ปุ่นลดลง 5-6% จึงต้องระดมสมองเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นและคาดว่าจะเกิดขึ้นให้หมดไป เนื่องจากนักท่องเที่ยวถือเป็นตัวจักรสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต จากรายได้ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวในอีก 3-4 เดือนข้างหน้านี้

นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผน ททท. กล่าวว่า ขีดความสามารถในการแข่งด้านระบบขนส่งทางอากาศและภาคพื้นดินของไทยยังอยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่งในภูมิภาค เช่น มีเที่ยวบินไม่เพียงพอในการบินตรงไปยังแหล่งท่องเที่ยว การลงจอดของเครื่องบินเหมาลำ หรือชาร์เตอร์ไฟลท์ ซึ่งถือเป็นอีกปัญหาสำหรับการท่องเที่ยว นอกเหนือจากปัญหาภาวะเศรษฐกิจและการเมือง

ทั้งนี้ ผลสำรวจของพาต้าคาดการณ์แนวโน้มนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียในปี 2552 ระบุว่าประเทศไทยอาจถูกลดตำแหน่งลงมาเป็นอันดับ 5 จากปัจจุบันอยู่ในอันดับ 4 โดยมาเก๊าแซงหน้าขึ้นเป็นอันดับ 4 จากอันดับ 5 ขณะเดียวกันประเทศไทยอาจสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดให้ประเทศจีน โดยไทยจะมีส่วนแบ่งตลาดเหลือเพียงแค่ 5-6% จาก 9.3%
http://news.sanook.com/economic/economic_151278.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news01/07/07

โพสต์ที่ 9

โพสต์

นักท่องเที่ยววูบหนัก "สุวิทย์" เร่งระดมสมองแก้วิกฤติ

29 มิถุนายน พ.ศ. 2550 10:31:00

"สุวิทย์" เร่งระดมสมอง แก้วิกฤติยอดนักท่องเที่ยววูบ หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี เอกอัครราชทูตกรุงอาบูดาบี-บรูไน แนะเพิ่มเที่ยวบินรับเศรษฐีใหม่ตะวันออกกลาง ขณะที่ พาต้า เผยผลสำรวจ ระบุอีก 2 ปี ไทยเสี่ยงถูกมาเก๊าแซง หล่นอันดับ 4 แถมยังถูกจีนแย่งมาร์เก็ตแชร์

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : วานนี้ (28 มิ.ย.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดประชุมเรื่อง "การอำนวยความสะดวกการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ" โดยมีร้อยโทสุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธาน ร่วมกับ นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการด้านนโยบายและแผนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ นายธฤติ จรุงวัฒน์ อธิบดีสารสนเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พ.ต.ท.วิรัช บังฉิม รองผกก.ปฏิบัติหน้าที่ด่านตม.สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และตัวแทนจากการบินไทย เข้าร่วม

      ร้อยโทสุวิทย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การท่องเที่ยวประสบปัญหาปริมาณนักท่องเที่ยวคุณภาพจากอังกฤษ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศส รัสเซีย สแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย มีจำนวนลดลง โดยเฉพาะญี่ปุ่นลดลง 5-6% จึงจำเป็นต้องระดมสมองเพื่อหาทางแก้ไข เนื่องจากการท่องเที่ยว ถือเป็นตัวจักรสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตในอีก 3-4 เดือนข้างหน้านี้

         ขณะที่นายอักกพล กล่าวว่า ผลจากการสำรวจปัญหาของการท่องเที่ยวในช่วงที่ผ่านมา นอกเหนือจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวและปัญหาเสถียรภาพทางการเมือง รวมทั้งสถานการณ์ความไม่สงบสามจังหวัดภาคใต้ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่น ขณะที่ขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านระบบการขนส่งทางอากาศและภาคพื้นดิน ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าคู่แข่งในภูมิภาค รองจากสิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และเกาหลี โดยไทยเรามีปัญหาเที่ยวบินไม่พอรองรับนักเดินทางจากต่างประเทศ ขาดเที่ยวบินตรงเข้าสู่แหล่งท่องเที่ยว ขาดเส้นทางบินตรงจากเมืองที่มีศักยภาพในพื้นที่ตลาด รวมทั้งการขออนุญาตเปิดเที่ยวบินเหมาลำ เป็นต้น  

             สอดคล้องกับที่บรรดาเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูดาบี บรูไน ที่เข้าร่วมประชุม ได้นำเสนอให้ทางการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแก้ปัญหาในการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง ที่กำลังหันมาเที่ยวในประเทศเอเชีย แทนไป อิสราเอล-เลบานอน หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในเลบานอนจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย จึงเป็นโอกาสทำตลาดกับกลุ่มเศรษฐีใหม่ซึ่งแม้ตลาดมีขนาดเล็กแต่กำลังซื้อสูง  

          ด้านนายชัยศักดิ์ ได้เสนอวิธีการแก้ไขปัญหาเที่ยวบินไม่พ
http://www.bangkokbiznews.com/2007/06/2 ... wsid=81552
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news02/07/07

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ททท.ดึง ''''''คฑา'''''' ชูเที่ยวทั่วไทยสุขเสริมมงคล
นายสุรพล เศวตเศรนี รองผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า ททท. จะใช้แนวคิด อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เพื่อทำการตลาดในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติไปอีก 2 ปี ไปจนถึงปี 52 หลังจากพบว่าเป็นแนวคิดที่ติดตลาดและสร้างการรับรู้อย่างกว้างขวาง โดย ททท. อาจเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของกิจกรรมบ้าง ตามความเหมาะสม

แคมเปญอะเมซิ่งไทยแลนด์ ประสบความสำเร็จมาก เพราะสร้างการรับรู้ในลักษณะ แบรนด์ไทยแลนด์ได้ชัดเจน แต่อาจมีคำต่อท้ายเพื่อสื่อความชัดเจน เพราะได้ใช้อะเมซิ่งไทยแลนด์มาถึง 6 ปี แต่หยุดการใช้ไประยะหนึ่ง โดยในปีต่อไปจะชูความชัดเจนของแคมเปญอะเมซิ่งไทยแลนด์ออกไปในแต่ละด้าน เพื่อให้สอดรับกับการแข่งขันในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลก เช่น มีความเป็นวาไรตี้เทรนดี้ ความสวยงาม เป็นต้น

ส่วนเรื่องการของบทำการตลาดพิเศษช่วงนอกฤดูกาล (โลว์ซีซั่น) จำนวน 500 ล้านบาทนั้น แม้ยังไม่ได้รับงบประมาณ แต่ททท.จะนำงบปกติมาใช้พร้อมหาพันธมิตรเข้ามาร่วมไปก่อน โดยส่วนงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ครึ่งปีหลังจะโยกมาจากงบตลาดในประเทศประมาณ 25 ล้านบาท เพื่อใช้รณรงค์การท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง

สำหรับโครงการเที่ยวทั่วไทยสุขใจเสริมมงคล เพื่อกระตุ้นการเดินทางของคนไทยช่วงโลว์ซีซั่น ระหว่างเดือน ก.ค.-ต.ค.นี้ ได้จัดเป็นแพ็กเกจท่องเที่ยวตามแหล่งวัฒนธรรมและศาสนา 4 ภาคทั่วประเทศ 8 เส้นทาง เช่น ไหว้พระ 9 วัด สมุทรสงคราม, ขึ้นธาตุเมืองคอน ขอพรหลวงปู่ทวด โดยว่าจ้างให้นายคฑา ชินบัญชร นักพยากรณ์ ชื่อดัง เป็นพรีเซ็นเตอร์โครงการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสุขใจ เพื่อเสริมมงคลทั่วทั้ง 4 ภาคพร้อมทั้งรูปแบบการเดินทางที่หลากหลาย ขณะเดียวกัน วันที่ 5 ก.ค.นี้ ททท.เตรียมเปิดตัวโครงการอะเมซิ่งคูปอง ซึ่งร่วมกับสมาคมท่องเที่ยวในประเทศ 4 สมาคม ขาย 10 เส้นทางท่องเที่ยวด้วยการใช้คูปองอะเมซิ่ง.
http://news.sanook.com/economic/economic_151834.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news04/07/07

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ททท.หมดกึ๋นงัดมุกเก่าชิงรางวัลรถ

โพสต์ทูเดย์ ททท.ยอมรับคนไทยหมดอารมณ์เที่ยว งัดมุกเก่า อัดแคมเปญชิงโชคของรางวัลล่อใจคนไทยเที่ยว

นายวันเสด็จ ถาวรสุข ผู้อำนวยการฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวภายในประเทศระยะนี้ คนไทยไม่นิยมเดินทางท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากประสบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาทางการเมือง รวมถึงเข้าสู่นอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน)
ปัญหาดังกล่าวส่งผลให้คนไทยหมดอารมณ์วางแผนเดินทางท่องเที่ยว โดยส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยว ภายในประเทศซบเซา
ทั้งนี้ ททท.ได้ปรับกลยุทธ์การกระตุ้นตลาดท่องเที่ยว ด้วยการหาพันธมิตรค่ายรถยนต์ เป็นผู้สนับสนุนของรางวัล ในการจัดรายการชิงโชครถยนต์ เพื่อสร้างกระแสจูงใจให้มีความแรงพอ ที่จะเชิญชวนคนไทยเดินทางเที่ยวในช่วงนี้
นอกจากนี้ ได้เตรียมหาพันธมิตรในส่วนอื่น เช่น กลุ่มธนาคาร เพื่อร่วมมอบรางวัลให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยที่ส่งคูปองร่วมลุ้นของรางวัล
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=176483
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news04/07/07

โพสต์ที่ 12

โพสต์

อัดฉีด 239 ล้านกระตุ้นท่องเที่ยวเร่งด่วน  

โดย เดลินิวส์ วัน พุธ ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 11:54 น.
บุกผ่านทุกสื่อล่านักท่องเที่ยว
ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.อนุมัติงบประมาณดำเนินมาตรการกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวเร่งด่วนในไตรมาส 3-4 ปี 50 วงเงิน 239 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติจากเดิมที่ตั้งไว้ 14.5 ล้านคนครั้ง ก่อให้เกิดรายได้ 530,000 ล้านบาท เป็น 14.6 ล้านคนครั้ง รายได้ 539,400 ล้านบาท และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยจากเดิม 80.1 ล้านคนครั้ง ก่อให้เกิดรายได้ 357,100 ล้านบาท เป็น 82 ล้านคนครั้ง รายได้ 377,800 ล้านบาท

สำหรับมาตรการกระตุ้นตลาดต่างประเทศใช้เงิน 124 ล้านบาท โดยเพิ่มความถี่ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการรับรู้ภาพลักษณ์ด้านบวกของไทยผ่านสื่อโทรทัศน์ วิทยุ สิ่งพิมพ์ ควบคู่กับการกระตุ้นให้พันธมิตรทางการท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์และสายการบิน ซึ่งเน้นญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร สแกนดิเนเวีย ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง

ส่วนตลาดในประเทศจะจัดกิจกรรมกระตุ้นกระแสการเดินทางท่องเที่ยวให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตด้วยการโฆษณาภายใต้แคมเปญ เที่ยวไทยให้สนุก เติมความสุขให้ชีวิต โดยมีแนวคิดคือการท่องเที่ยวในเมืองไทยมีสิ่งแปลกใหม่ พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจท่องเที่ยว โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวทั่วไป เยาวชน นักเรียนนักศึกษา ข้าราชการ เป็นต้น

เงินจำนวน 239 ล้านบาท เป็นเงินจากรายการค่าก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ 160 ล้านบาท และงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นค่าใช้จ่ายแผนงานกระตุ้นตลาดการเที่ยวที่เร่งด่วน 79 ล้านบาท.

http://news.sanook.com/economic/economic_152382.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news05/07/07

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ท่องเที่ยวไตรมาส 2 เดินสะพัด / เอกชนผุดโปรเจ็คดังรับกระแส - 5/7/2550

ท่องเที่ยวไตรมาส 2 เดินสะพัด / เอกชนผุดโปรเจ็คดังรับกระแส

แม้ว่าสถานการณ์บ้านเมืองทั่วไปยังไม่สงบ แต่นางอมรา ศรีพยัคฆ์ ผอ.อาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจภายในประเทศ แบงก์ชาติ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ 2 เดือนแรกของไตรมาส 2 ว่าขยายตัวดีขึ้นกว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 246 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดรวมดุลการค้า 5 เดือนเกินดุลอยู่ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจด้านการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน เดือน พ.ค.เกินดุลการค้า 656 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่ดุลบริการลดลง ขาดดุล 410 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนหนึ่งเพราะเป็นช่วงนอกฤดูกาลการท่องเที่ยว มีทั้งภัยธรรมชาติและภัยจากมือมนุษย์ ที่เกิดขึ้นตามหัวเมืองท่องเที่ยวสำคัญๆ ทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกห้องพัก และจำนวนลดลง 10-20% อย่างไรก็ตามในสัปดาห์ที่แล้วนักวิชาการภาคเอกชนของม.หอการค้าไทย ได้สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นตัวเลขสำคัญ 3 ตัวคือ CCI TISI และBSI ในเดือนพ.ค.ต่ำกว่าค่าปกติทั้งสิ้น ห่างกันเพียงสัปดาห์เดียวตัวเลขภาครัฐกลับดีขึ้นผิดหูผิดตา แล้วอย่างนี้ภาคประชาชนจะเชื่อมั่นดัชนีความเชื่อมั่นภาครัฐหรือเอกชนดี

++ ททท.กระตุ้นนักท่องเที่ยว

นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. เปิดเผยว่า ททท. จะจัดประชุมแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประจำปี 2551 ระหว่างวันที่ 9-13 ก.ค.พร้อมกันนี้จะแถลงอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 17 ก.ค.โดยแนวทางส่งเสริมการตลาดต่างประเทศในปีหน้าจะมุ่งเน้น 2 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.การเจาะตลาดเบบี้บูม หรือกลุ่มผู้เกษียณอายุ และ 2. เน้นการพัฒนาระบบ CRM โดยเป็นการเก็บฐานข้อมูลนักท่องเที่ยว เพื่อทำตลาดเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง นอกจากนี้ ททท.ยังได้เตรียมจัดทำไกด์บุ๊ก "72 Hour Amazing Thailand" กว่า 2.5 หมื่นเล่ม เพื่อรวบรวมโปรดักด์ที่เหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้วย

++ ออเร็นทัลฯสอนสปาส่งนอก

นายปิยศักดิ์ บุญคมรัตน์ กก.ผจก.บจก.ออเร็นทัลสปา เปิดเผยว่า บริษัทฯได้จัดตั้ง 'สถาบันวิชาชีพสปา กรุงเทพ' (Bangkok Spa Academy หรือ BSA) เพื่อผลิตบุคคลากรด้านสปาในทุกระดับ ตั้งแต่พนักงานจนถึงเจ้าของกิจการสปา โดยเปิดสอนทั้งสิ้น 8 หลักสูตร พร้อมฝึกปฏิบัติงานจริงในเครือ ดิ ออเร็นทิสต์ สปา ทั้ง 3 สาขา นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะส่งผู้เชี่ยวชาญไปประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งจะขยายสาขาไปยังประเทศต่างๆ ปีหน้า
http://www.siamrath.co.th/Economic.asp?ReviewID=176794
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news05/07/07

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ไทยเฟสติวัลกระหึ่มสิงคโปร์ / ททท.ตั้งเป้าดึงคนเข้าประเทศสิ้นปีทะลุ 8 แสนคน  - 5/7/2550
ไทยเฟสติวัลกระหึ่มสิงคโปร์ / ททท.ตั้งเป้าดึงคนเข้าประเทศสิ้นปีทะลุ 8 แสนคน

"เชื่อมั่นว่า ถ้าไม่มีปัจจัยภาพนอกเข้ามากระทบ ก็จะสามารถดึงชาวสิงคโปร์เข้าไปเที่ยวใน ประมาณ 8 แสนกว่าคน ส่วนนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซีย และชาวฟิลิปปินส์ตกประมาณ 2 แสนคนเศษๆ ทั้งสองประเทศ และเมื่อรวมยอดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแล้ว ทางททท.สำนักงานสิงคโปร์สามารถนำคนเข้าประเทศไทยประมาณ 1 ล้าน 2 แสน ซึ่งถือเป็นตัวเลขนักท่องเที่ยวที่สูงทีเดียว"

เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยกับงานไทย เฟสติวัล 2007 ซึ่งทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ สิงคโปร์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานสิงคโปร์ร่วมกันจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ถึงต้นเดือนกรกฏาคม เพื่อนำผู้ประกอบการ และชาวบ้านในท้องถิ่นจากประเทศไทยมาเปิดบูธจำหน่าย และแนะนำสินค้าให้กับชาวสิงคโปร์ได้รับทราบ

ในเรื่องนี้นางสาวเอื้อมพร จิรกาลวิศัลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานสิงคโปร์ กล่าวว่า ด้วยพื้นที่ของสถานทูตไทย ซึ่งอยู่ในแหล่งช๊อปปิ้งที่สำคัญที่สุดของประเทศสิงคโปร์ บนถนนออฉาด ดังนั้นจึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการชาวไทยที่มาร่วมงานในครั้งนี้ไม่ใช่น้อย อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมให้ผู้ผลิตชาวไทยส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น

ในขณะเดียวกันการจัดงานดังกล่าวได้เกิดประโยชน์ทางอ้อมกับการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากผู้ประกอบการ ทั้งที่เป็นชาวบ้าน และเป็นองค์การบริหารส่วนตำบล และองค์การบริหารส่วนจังหวัดในแต่ละท้องถิ่นได้นำความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละท้องถิ่นให้ชาวสิงคโปร์ได้รับทราบอีกด้วย

ซึ่งการจัดงานดังกล่าวนางสาวเอื้อมพร กล่าวว่า ไม่อยากให้ทุกคนมองงานที่จัดขึ้นเพียง 5 วันขายสินค้าได้เท่าไร แต่น่าจะเป็นการฉวยโอกาสที่ได้มาเปิดบูธจำหน่ายสินค้าในครั้งนี้แนะนำสินค้าให้ชาวสิงคโปร์ และชาวต่างชาติได้รับรู้ เพื่อให้ผู้ที่มาดูสินค้าได้สั่งสินค้าเข้า
http://www.siamrath.co.th/Economic.asp?ReviewID=176796
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news05/07/07

โพสต์ที่ 15

โพสต์

เทรนด์ทัวร์ริสซึมระอุ!โชคชัย-ดอยตุงรุมชิงเค้ก - 5/7/2550

เทรนด์ทัวร์ริสซึมระอุ!โชคชัย-ดอยตุงรุมชิงเค้ก

ด้วยตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวฟาร์มโชคชัย และโครงการพัฒนาดอยตุง ปีละหลายล้านคน สร้างรายได้ปีละหลายพันล้านบาท กลายเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอนาคตการท่องเที่ยวไทยเทรนด์รักธรรมชาติจะมาแรงมากขึ้น ล่าสุดภาครัฐเปิดยุทธศาสตร์ 4 ปี(ปี 47-51) ชูจุดขายสุวรรณภูมิ ดันจัดกิจกรรมอินเตอร์ในไทย ผุดศูนย์พัฒนาบุคคลากรทุกภาค ปั้นไทยเป็นแหล่งผลิตบุคคลากรท่องเที่ยวป้อนเพื่อนบ้านหวังรายได้จากชาวไทย และชาวต่างชาติเที่ยวไทยมากกว่า 12.26 แสนล้านบาทในปี 2551

จากกระแสของโลกร้อนในช่วงปีที่ผ่านมา ทำให้หลายๆ หน่วยงานต่างเร่งตอบโจทย์ที่เกิดขึ้น พร้อมหามาตรการแก้ไขกันอย่างจ้าละหวั่น แต่สำหรับกลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย ซึ่งมีการเจริญเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง กลับไม่รู้สึกหวั่นใจ โดยเฉพาะโชคชัย บูลกุล กรรมการผู้จัดการกลุ่มบริษัทที่ปรึกษา ศ.ดร.ธีระ สูตะบุตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร และสหกรณ์ และซี อีโอ กลุ่มบริษัทฟาร์มโชคชัย มองว่าน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจของตัวเองไม่ใช่น้อยทีเดียว

++ ฟาร์มโชคชัยเที่ยวครบวงจร

สำหรับฟาร์มโชคชัยดูจะมีภาษีดีกว่าหลายองค์กรใหญ่ในระดับเดียวกัน เนื่องมาจากมีการปรับกลยุทธ์ และปรับทิศทางของธุรกิจหลังโดนพิษเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 มาโดยตลอด ทำให้ฟาร์มโชคชัย นอกจากจะพัฒนาโคนมสัญชาติไทยเพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จนเวลานี้ยอดสั่งจองโคนมสัญชาติไทยที่ผลิตโดยฟาร์มโชคชัยเป็นที่ต้องการ และไม่ทันต่อยอดการสั่งจอง

ขณะเดียวกัน"โชค บูลกุล" ยังพลิกธุรกิจที่เคยติดลบให้ทำกำไร โดยได้พัฒนาสถานที่ภายในฟาร์มโชคชัยให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวติดอันดับ และเป็นฟาร์มโคนมที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยวิสัยทัศน์ของผู้บริหารยุคใหม่ที่เข้าใจสถานการณ์โลก รู้จักศักยภาพของบริษัท เข้าใจตัวเอง จึงทำให้ทิศทางในการกำหนดนโยบายของบริษัทสมบูรณ์ทั้งแนวรุกแนวรับ
http://www.siamrath.co.th/Economic.asp?ReviewID=176800
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news05/07/07

โพสต์ที่ 16

โพสต์

จัดหมวดสินค้าดันเที่ยวไทยปี51

โพสต์ทูเดย์ ททท.ปรับกลยุทธ์การตลาดปี 2551 จัดสินค้าทางการท่องเที่ยว 7 ธีม แยกตามความต้องการนักท่องเที่ยว ดันรายได้ต่างชาติเพิ่ม 10% คนไทย 4.5%

แหล่งข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การจัดทำแผนกลยุทธ์ สินค้าทางการท่องเที่ยว ปี 2551 ททท.ได้จัดหมวดหมู่ประเภทสินค้าตามความต้องการของนักท่องเที่ยว โดยนำข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวและความชื่นชอบสินค้าทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมาวางกรอบกำหนดธีมสินค้าในการนำเสนอ

ทั้งนี้ ได้แบ่งประเภทสินค้าได้แบ่งเป็น 7 ธีม ในปีหน้า ได้แก่ 1.The Root Of Thailand ตอบสนองความต้องการกลุ่มสนใจการท่องเที่ยวแบบเรียนรู้ 2.Eco-Friendly กลุ่มนิยมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ 3.Forever Yong กลุ่มรักษาสุขภาพ 4.สวรรค์ทะเลไทย กลุ่มนิยมพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ ทะเล

กลุ่มที่ 5.Hidden Treasure ตอบสนองนักท่องเที่ยวที่ต้องการสิ่งแปลกใหม่ 6.Trendy & Stylish สำหรับนักท่องเที่ยวที่นิยมความทันสมัย โฉบเฉี่ยว และ 7.Magic of Love ตอบสนองกลุ่มที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวแบบครอบครัว คู่รัก

อย่างไรก็ตาม แนวคิดการจัดประเภทสินค้าด้วยการจัดหมวดหมู่ตามความต้องการของ นักท่องเที่ยวอยู่ในขั้นตอนการศึกษา เพื่อร่วมกันหาข้อสรุปอีกครั้งในการประชุมวางแผนการตลาด ททท. ปี 2551 ระหว่างวันที่ 9-12 ก.ค. นี้

ขณะนี้ได้เสนอให้ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัด เพื่อร่วมมือกันจัดหมวดหมู่แหล่งท่องเที่ยวให้ตรงตามธีมที่ตั้งไว้ แหล่งข่าวกล่าว

สำหรับการจัดธีมดังกล่าวนับเป็นการปรับกลยุทธ์ใหม่ของ ททท. เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริง มากกว่าการนำเสนอสินค้าที่มีอยู่เหมือนที่ผ่านมา โดยใน ปีหน้าตั้งเป้าหมายมีรายได้จากนักท่องเที่ยว ต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10% และนักท่องเที่ยว ในประเทศ 4.5% เมื่อเทียบกับปีนี้
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=176715
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news09/07/07

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ททท.งัดแผนซอฟต์เซล ใช้เซเลบริตี้ดึงความเชื่อมั่น

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2550 15:02 น.

      ททท.ชูกลยุทธ์แผนประชาสัมพันธ์ปี 2551ด้วยเผยซอฟต์เซล ดึงเซเลบริตี้ชื่อดังร่วมเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศไทย ฉายภาพความปลอดภัย ดึงความเชื่อมั่นให้ฟื้นคืนโดยเร็ว
     
      แหล่งข่าวจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า ในการประชุมแผนกลยุทธ์การท่องเที่ยว ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 9-13 กรกฎาคมศกนี้ ในส่วนของฝ่ายโฆษณาประชาสัมพันธ์ จะเสนอแผนในรูปแบบซอฟต์เซล กล่าวคือ ใช้วิธีให้นักท่องเที่ยวที่เคยเข้ามาเที่ยวประเทศไทยแล้วเป็นผู้บอกกล่าวถึงความสวยงาม ความประทับใจ ตลอดจนความปลอดภัย โดยผู้ที่จะเป็นผู้บอกกล่าวในครั้งนี้ จะจะต้องเป็นผู้มีชื่อเสียงที่น่าเชื่อถือเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก หรือเรียกว่า "เซเลบริตี้" ที่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยบ่อยครั้ง ได้แก่ มาเรีย ชาราโปว่า นักเทนนิสหญิงชื่อดัง นิโคลัส เคส นักแสดงชื่อดังจากฮอลลีวูด และ เดวิด เบ็คแฮม นักฟุตบอลชื่อดัง เป็นต้น
     
      ทั้งนี้ในวิธีการ ททท. จะขอความร่วมมือจากคนดังเหล่านั้น ให้พูดเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ให้พูดถึงความสวยงานของแหล่งท่องเที่ยว ความมีมิตรไมตรีของคนไทย ตลอดจน ความมั่นใจในด้านความปลอดภัย เพราะเหล่าคนดัง หากเขาตัดสินใจไปเที่ยวในที่ใดจะต้องให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยเป็นพิเศษอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้รับฟังข้อมูลทั้งหมด จะเกิดความมั่นใจต่อประเทศไทย และประเทศเองก็ได้ภาพลักษณ์ที่ดีกลับคืนมา
     
      "เชื่อว่าวิธีนี้จะสามารถเรียกความมั่นใจกับนักท่องเที่ยวต่างประเทศให้กลับฟื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว เพราะการมาเยือนของเซเลบริตี้ จะช่วยสร้างความมั่นใจด้านความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี"
     
      อย่างไรก็ตาม วิธีที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ททท.ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก ก็สามารถดำเนินการได้ เพียงแต่เราให้การสนับสนุนให้คนดังเหล่านี้ ในด้านการประสานงานที่พัก สถานที่ท่องเที่ยว แล้วขอสัมภาษณ์เขาถึงความรู้สึกที่มีต่อประเทศไทย ซึ่งปกติแล้ว ประเทศไทย เป็นเดสติเนชั่นที่เซเลบริตี้จากหลายประเทศให้ความสนใจเข้ามาท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ททท.ยังไม่ได้นำส่วนดีในข้อนี้ มาจัดทำเพื่อการประชาสัมพันธ์อย่างชัดเจน แต่ในแผนงานปี 2551 เราจะให้ความสำคัญและบรรจุไว้ในแผนปฏิบัติการให้ชัดเจน
http://www.manager.co.th/Business/ViewN ... 0000079717
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news10/07/07

โพสต์ที่ 18

โพสต์

วาดฝันปี 51 รายได้ท่องเที่ยว 1 ล้านล้าน  
โดย เดลินิวส์
วัน อังคาร ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 12:41 น.

นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมแผนการตลาดปี 51 พิจารณาตั้งเป้าหมายสร้างรายได้การท่องเที่ยวปีหน้าไว้เกือบ 1 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปี 50 ที่ได้ 925,300 ล้านบาท โดยแยกเป็นเป้าหมายจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 602,250 ล้านบาท เพิ่ม 10% จำนวน 15.5 ล้านคน เพิ่ม 5% ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยมีรายได้หมุนเวียน 394,800 ล้านบาท เพิ่ม 4.5% จำนวนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 2% หรือ 83.6 ล้านคนครั้ง
สำหรับกลยุทธ์ทำตลาดจะใช้แนวคิด อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ เจาะตลาด 38 ประเทศ แบ่งเป็นตลาดหลัก 21 แห่ง เช่น สแกนดิเนเวีย รัสเซีย ตะวันออกกลาง ยุโรป เอเชีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีสำนักงาน ททท. ประจำอยู่แล้ว ส่วนตลาดรอง 17 แห่ง เช่น ยุโรปตะวันออก กรีซ อิสราเอล สวิตเซอร์แลนด์ แอฟริกาใต้ สำหรับงบทำตลาดปรับเพิ่ม 15% โดยมุ่งใช้ประชาสัมพันธ์ตลาดนอกและในประเทศเป็นหลัก ส่วนเป้าหมายการท่องเที่ยวปีนี้ยืนยันเท่าเดิมที่ 547,500 ล้านบาท จำนวน 14.8 ล้านคน

นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการ ททท. ฝ่ายตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า งบการตลาดต่างประเทศปี 51 เพิ่มขึ้น 15% จากปี 50 หรือ จาก 1,070 ล้านบาท เป็น 1,231 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นเจาะตลาดระดับบน เช่น อินเดีย ในกลุ่มแต่งงานที่มีถึงปีละ 1.6 ล้านคู่ ด้วยวิธีทำตลาดออนไลน์ไปยังเป้าหมายปีละ 2 แสนคู่ นอกจากนี้ยังเจาะกลุ่มตลาดย่อย เช่น เบบี้บูม เมอร์ เป็นผู้มีอายุ 50-60 ปีที่มีรายได้สูง ตลาดกลุ่มแต่งงานแล้วแต่ไม่มีลูก และกลุ่มตลาดเพศที่สาม รวมถึงตลาดสำคัญอื่น เช่น ตลาดยัปปี้ วัยรุ่น นักเรียน นักธุรกิจตลาดที่เน้นความหรูหราหรือประเภทลักชัวรี่.
 http://news.sanook.com/economic/economic_154786.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news11/07/07

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ททท.ไฮเทคเปิดเน็ตดึงนักท่องเที่ยวจีน

โพสต์ทูเดย์ ททท.เล็งใช้งบ 100 ล้านบาท ผุด 5 โครงการ รุกหนัก อี-มาร์เก็ตติง ดึงนักท่องเที่ยวแดนมังกรรุ่นใหม่ เที่ยวไทย


นายสรรเสริญ เงารังษี ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.เตรียมใช้งบประมาณจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบกระตุ้นการท่องเที่ยวตลาดจีน ที่รัฐบาลชุดก่อนได้อนุมัติไว้ เพื่อนำมากระตุ้นตลาดประเทศจีนในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน) นี้
สำหรับแผนการใช้งบดังกล่าว จะเตรียมส่งเสริมการท่องเที่ยว 5 โครงการ ได้แก่ 1.การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ 2.จัดทำภาพยนตร์โฆษณาผ่านสื่อโทรทัศน์ 3.โครงการอี-มาร์เก็ตติง เจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ และกลุ่ม นักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง 4.โครงการสนับสนุนการจัดเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) และ 5.โครงการอะเมซิ่ง ไทยแลนด์
อย่างไรก็ตาม ททท.เตรียม เดินหน้าทั้ง 5 โครงการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการอี-มาร์เก็ตติง จะเริ่มดำเนินงานตั้งแต่เดือน ต.ค. เป็นต้นไป พร้อมเร่งกระตุ้นให้เกิดการต่อเนื่อง เพื่อรับกระแสความนิยม ของนักท่องเที่ยวที่เริ่มจองผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งสามารถขยายฐาน นักท่องเที่ยวสู่กลุ่มวัยรุ่น และเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ ประเทศจีนนับเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐอเมริกา ที่คนในประเทศนิยมท่องโลกอินเทอร์เน็ต ส่วนแผนลงโฆษณาผ่านสื่อทางโทรทัศน์ ได้ให้สถานีโทรทัศน์บีบีซี นำภาพยนตร์โฆษณาที่จัดทำให้แก่ ททท. เพื่อเผยแพร่ในตลาดอินเดีย ออสเตรเลีย ตะวันนออกกลาง มาปรับใช้โดยใช้ภาพเดิม แต่เปลี่ยนเป็นภาษาจีน
ผู้ที่นิยมท่องโลกอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ในจีนเป็นกลุ่มคนทำงาน คนรุ่นใหม่ ที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง มีความพร้อมที่จะเดินทางเรียนรู้แหล่งท่องเที่ยวด้วยตัวเอง โดย ไม่ผ่านบริษัททัวร์ ซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ และเป็น นักท่องเที่ยวคุณภาพ นายสรรเสริญ กล่าว
นอกจากนี้ ททท.จะจัดทำเว็บไซต์การท่องเที่ยว โดยเตรียมหารือร่วมกับภาคเอกชน เพื่อสร้างเว็บไซต์ของททท. ให้สามารถเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวได้ ซึ่งภายในเว็บจะรวบรวมแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของประเทศไทย กิจกรรมการท่องเที่ยว อีกทั้งสามารถจองห้องพักผ่านทางเว็บได้ทันที
นอกจากนี้ ช่วงไตรมาส 4 ของปี เตรียมเปิดตัวโครงการอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ในประเทศจีน และกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเป็นทางการ โดยร่วมมือกับเอกชน บริษัททัวร์จัดแพ็กเกจทัวร์ท่องเที่ยว ด้วยการนำเสนอเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ๆ เน้นความหรูหรา เพื่อใช้เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ซึ่งจะนำแพ็กเกจดังกล่าวนำเสนอต่อรัฐบาลจีน และบริษัททัวร์ในช่วงไตรมาส 4 ด้วย
ด้านสถานการณ์การเดินทางท่องเที่ยวของคนจีนในปีนี้ ยอมรับว่ามีจำนวนลดลง เนื่องจากปัญหาทางการเมือง แต่ในสิ้นปีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะเท่ากับปีที่ผ่านมาคือ 1.03 ล้านคน
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=177944
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news17/07/07

โพสต์ที่ 20

โพสต์

สสปน.แตะมือททท.ทำแผนดึงไมซ์เข้าไทย
โพสต์ทูเดย์ สสปน.ผนึก ททท.เสริมแกร่งวางแผนระยะยาว 5 ปี รุกสร้างภาพลักษณ์ใหม่สร้างแบรนด์จูงใจต่างชาติจัดไมซ์ในไทย


นายนิพัทธ์ ดิถีเพ็ญ รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. กล่าวว่า สสปน.อยู่ระหว่างการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานระยะยาว 5 ปี ซึ่งแผนดังกล่าวจะ สอดคล้องกับแผนการทำงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน

สำหรับแผนงานระยะยาว 5 ปี จะเพิ่มการทำงานให้รอบด้านมากกว่าที่ผ่านมา ซึ่งเน้นเฉพาะการทำตลาดต่างประเทศเท่านั้น โดยเริ่มจากการสร้างแบรนด์ สสปน.ให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนโลโก้และสโลแกนใหม่ให้มีรูปแบบสื่อถึงความเป็นไทย คาดเปิดตัวอย่างเป็นทางการประมาณปลายปีนี้

นอกจากนี้ ยังเตรียมพัฒนาบุคลากรในธุรกิจการจัดประชุมและนิทรรศการ (ไมซ์) ให้มีความเชี่ยวชาญ รวมถึงการสร้างฐานข้อมูล (อินเทล ลิเจนต์เซ็นเตอร์) เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมดึงข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจไมซ์มาใช้วางแผนดำเนินงานได้

สสปน.จะทำงานร่วมมือกับ ททท.ให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งตลาดในและต่างประเทศ โดย สสปน.ช่วยสนับสนุนการจัดประชุมมุสลิมโลก และในปีหน้ากลุ่มไลอ้อนโลก เตรียมเดินทางเข้ามาจัดงานประชุมใหญ่ที่ประเทศไทย ซึ่งงานลักษณะนี้จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทย และตอกย้ำเรื่องความปลอดภัยในการเดินทางมาด้วย นายนิพัทธ์ กล่าว

ส่วนแผนงานครึ่งปีหลังนี้ สสปน.เตรียมรุกตลาดกลุ่มจัดประชุมสัมมนาและท่องเที่ยวเพื่อรางวัล เนื่องจากเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สามารถกระตุ้นตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยการจูงใจให้เดินทางมานั้น สสปน.จะใช้กลยุทธ์การเชิญชวนบริษัทต่างประเทศที่ทำงานในไทยให้เดินทางมาไทย รวมถึงร่วมงานกับภาครัฐเพื่อให้แต่ละกระทรวงที่มีงบประมาณปลายปีในการจัดประชุมให้ไปจัดการประชุมในจังหวัดรอง เป็นต้น

ทั้งนี้ สสปน.จะเสนอจุดขายให้กลุ่มนักท่องเที่ยว โดยนำเสนอแพ็กเกจ คอร์ปอเรต เวลเนส เพื่อเจาะตลาดตรงเฉพาะกลุ่มและสินค้าหรือบริการรูปแบบใหม่ และรูปแบบผสมให้มีความน่าสนใจมากขึ้น เช่น กลุ่มกอล์ฟ สปา กีฬา เป็นต้น ซึ่งในอนาคตการจัดทำแพ็กเกจดังกล่าว อาจนำธีมสินค้าทางการท่องเที่ยวที่ ททท.ได้จัดทำมาดำเนินงานร่วมกัน

นอกจากนี้ สสปน.จะจัด 3 งานใหญ่ ได้แก่ งาน คอร์ปอเรต คอนเนกชัน พลัส, งานอินเซนทีฟ ทราเวิล แอนด์ คอนเวนชัน มีตติง เอเชีย และคอร์ปอเรต ทราเวิล เวิลด์ เอเชีย แปซิฟิก 2007 โดยทยอยจัดงานตั้งแต่เดือน ส.ค.เป็นต้นไป
สำหรับสถานการณ์การเดินทางของกลุ่มไมซ์ พบว่าครึ่งปีแรกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมือง โดยนักท่องเที่ยวยังเดินทางมาเท่ากับปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้คาดว่าจะสามารถดึงกลุ่มไมซ์เข้าไทยไม่ต่ำกว่า 7 แสนราย มีรายได้ 5 หมื่นล้านบาท
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=179173
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news18/07/07

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ททท.เปิด4ยุทธศาสตร์ ปั้นเที่ยวไทยสู้ตลาดโลก
โพสต์ทูเดย์ ททท.ใช้ 4 ยุทธศาสตร์ อัพเกรดประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ


นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า แผนตลาดการท่องเที่ยว ปี 2551 ได้วางยุทธศาสตร์กระตุ้น นักท่องเที่ยวภายใต้กรอบดำเนินการ 4 แนวทางหลัก ได้แก่ 1.เร่งสร้าง ความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ โดยเน้นภาพลักษณ์ให้ ไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหรูหรา ปลอดภัย 2.ขยายฐานลูกค้า นักท่องเที่ยวคุณภาพ 3.รักษาส่วนแบ่งทางการตลาด พร้อมขยายฐานลูกค้านักท่องเที่ยวทั่วไปให้เกิดการเดินทางซ้ำ และ 4.เสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน ด้วยการนำเทคโนโลยี อย่าง อี-มาร์เก็ตติง
 นอกจากนี้ ได้ปรับกลยุทธ์การ วางสินค้าทางการท่องเที่ยว โดยจัด แบ่งกลุ่มประเภทสินค้าเป็น 7 ธีม ได้แก่ 1.วิถีไทย หัวใจแผ่นดิน 2.มรดก แห่งแผ่นดิน นำเสนอสินค้าทางวัฒนธรรม 3.ความหลากหลายทางทะเลไทย 4.ชีวิตร่วมสมัย
5.รักษ์ ห่วงใย ใส่ใจสุขภาพ 6.สุขภาพนิยม ให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจ และ 7.เทศกาล และความมันส์ การจัดกิจกรรมกระตุ้นท่องเที่ยวตามเทศกาลตลอดปี

  ทั้งนี้ ตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีหน้าไว้ที่ 15.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6% มีรายได้ 6 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 10% ส่วนนักท่องเที่ยว คนไทยจำนวน 83 ล้านคนต่อครั้ง จากปีนี้ที่มีนักท่องเที่ยว 82 ล้านคน ต่อครั้ง มีรายได้เพิ่มขึ้น 1.2% มูลค่า 3.85 แสนล้านบาท จากปีนี้ 3.8 แสนล้านบาท
สำหรับการกระตุ้นท่องเที่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง ททท.ได้ใช้งบประมาณจำนวน 19 ล้านบาท เปิดแคมเปญ อะเมซิ่ง คูปองเงินสด ลดทั่วไทย โดยแคมเปญดังกล่าวจะกระตุ้นให้คนไทยเดินทางเที่ยว 3 ล้านคนต่อครั้ง
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=179392
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news20/07/07

โพสต์ที่ 22

โพสต์

ท่องเที่ยวไทยขยายตัวต่อเนื่อง ข่าว 12.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Friday, July 20, 2007
นายมาลัย สกลวิภาค ประธานสมาคมสกาล อินเตอร์ เนชั่นแนล กรุงเทพ ซึ่งเป็นสมาคมที่รวบรวมธุรกิจท่องเที่ยวทุกแขนงจากต่างประเทศ มองว่า แนวโน้มธุรกิจท่องเที่ยวของไทยยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยต่างชาติยังให้ความสนใจที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย ถึงแม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีความรุนแรง แต่อาจจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ก็ทำให้นักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง เนื่องจากค่าใช้จ่ายไม่สูงมากนัก แต่ประเทศแถบยุโรป เช่น อเมริกา ถึงแม้ว่าค่าเงินสหรัฐจะอ่อนค่าลง แต่ก็ถือว่าค่าใช้จ่ายยังสูงและขอวีซ่าได้ยาก ทำให้นักท่องเที่ยวไทยไม่ค่อยสนใจที่จะไปเที่ยวมากนัก

ด้านรองประธานสมาคมสกาล อินเตอร์ เนชั่นแนล กรุงเทพ ยอมรับว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น มีผลกระทบต่อธุรกิจทัวร์ที่ได้ตกลงราคากันไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ถือว่ายังอยู่ในระดับที่สามารถต่อรองเจรจาราคาใหม่ได้ จึงไม่เป็นปัญหามากนัก ขณะที่ค่าเงินแข็งทำให้มีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศบ้าง แต่ถือว่าไม่มากนัก เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้การตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศลดลงเมื่อเทียบกับช่วงที่เศรษฐกิจดี

ขณะที่นายไบรอัน ซินแคลร์ ทอมป์สัน ตัวแทนธุรกิจสายการบิน ยอมรับว่า แม้ไทยจะโปรโมตด้านการท่องเที่ยวอย่างหนัก แต่อาจจะไม่ได้รับผลตามที่คาดหมาย เนื่องจากจำนวนสายการบินและเที่ยวบินไม่เพียงพอต่อความต้องการ และต้องการให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เป็นตัวกลางในการผลักดันการสร้างสนามบินเฟสต่อไปของสนามบินสุวรรณภูมิด้วย เนื่องจากสิ้นปีนี้แนวโน้มผู้โดยสารที่ใช้สนามบินสุวรรณภูมิใกล้เต็มความจุของสนามบินที่รองรับได้ 45 ล้านคนแล้ว แต่รัฐบาลยังไม่มีแผนการขยายโครงข่ายในสนามบิน ตามที่เคยวางแผนไว้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news20/07/07

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ททท.ถอดรหัส 9.8 แสนล. ตลาดฮีโร่ "เอเชีย-ยุโรป-4 ภาค"

รายงาน
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดทำแผนการตลาดการท่องเที่ยวประจำปี 2551 ยึดยุทธศาสตร์เพิ่ม "รายได้" มากกว่าเน้น "จำนวนนักท่องเที่ยว" ตั้งเป้าจะต้องสร้างเม็ดเงินรวมตลอดทั้งปี 9.8 แสนล้านบาท จากตลาดต่างประเทศ 6 แสนล้านบาท ตลาดในประเทศ 3.8 แสนล้านบาท

วางกลยุทธ์การเพิ่มรายได้จาก 2 มิติ ทางเศรษฐกิจ และทางสังคม ในการสร้างจุดขายอย่างโดดเด่นตลาดต่างประเทศและในประเทศ ด้วยการจัดหมวดหมู่ "สถานที่ท่องเที่ยว- กิจกรรม-ธีมรูปแบบการขาย"

สำหรับ "ต่างประเทศ" กำหนดธีมการขาย "7 Wonder Amazing Thailand" หรือ "7 สิ่งมหัศจรรย์เที่ยวเมืองไทย"


ประกอบด้วยวิถีไทย 2 ธีม คือ 1) วิถีไทย : หัวใจของแผ่นดิน เน้นเรื่องวิถีชีวิตคนไทย กับวิถีไทย : มรดกแผ่นดิน เน้นด้านโบราณสถานและโบราณวัตถุ

2) สิ่งแวดล้อม 2 ธีม คือหลากหลายทางทะเล : หาดทรายสร้างความเฮฮา หาดทรายชายทะเลที่สงบ และหาดทรายที่ใกล้ชิดธรรมชาติ กับรักษ์ ห่วงใย ใส่ใจธรรมชาติ : เที่ยวแบบประหยัดพลังงานและเชิงนิเวศ

3) คุณภาพชีวิต 1 ธีม คือสุขภาพนิยม : สปา ฟื้นฟูกายใจ และพึ่งพาโรงพยาบาลทางการแพทย์ (medical)

4) ชีวิตร่วมสมัยหลากสีสัน 2 ธีม คือชีวิตร่วมสมัย : ที่พัก ร้านอาหารเทรนด์ CHIC + บูติค กับเทศกาลความมันส์ : ดนตรี กีฬา สวนสนุก

จากนั้นก็จัดลำดับการสร้าง "รายได้" จากปี 2550 สู่ปี 2551 รวมทั้งสิ้น 6 แสนล้านบาท จากกลุ่มเป้าหมายที่จะต้องทำงานหนัก อันดับ 1 คือ "เอเชียตะวันออก + อาเซียน" เพิ่มเป็น 241,6000 ล้านบาท จากเดิม 221,350 ล้านบาท อันดับ 2 ยุโรป เพิ่มเป็น 227,500 ล้านบาท จากเดิม 204,240 ล้านบาท อันดับ 3 เอเชียเหนือ 160,300 ล้านบาท จากเดิม 146,750 ล้านบาท

อันดับ 4 อเมริกา + แคนาดา 51,000 ล้านบาท จาก 49,300 ล้านบาท อันดับ 5 โอเชียเนีย (ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอื่นๆ) 35,100 ล้านบาท จากเดิม 32,360 ล้านบาท อันดับ 6 เอเชียใต้ 22,000 ล้านบาท จากเดิม 19,600 ล้านบาท อันดับ 7 ตะวันออกกลาง 19,000 ล้านบาท จากเดิม 17,100 ล้านบาท อันดับ 8 แอฟริกาและอื่นๆ 3,800 ล้านบาท จากเดิม 3,550 ล้านบาท

ด้วยเครื่องมือทางการค้าสมัยใหม่ในธีม "เซเว่น วันเดอร์ อะแมซิ่ง ไทยแลนด์"

ส่วน "ในประเทศ" เป้ารายได้ 3.8 แสนล้านบาท แยกการส่งเสริมเป็น 2 ทาง เชิงเศรษฐกิจ และ เชิงสังคม ทุ่มทุนสร้าง 5 สิ่งมหัศจรรย์เมืองไทย การท่องเที่ยวในมิติทางเศรษฐกิจด้วย

มหัศจรรย์ที่ 1 การท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ส่งเสริมการเที่ยวทางรถยนต์ สินค้าเสนอขายแปลกดี ภาคเหนือ ขับรถตามหาแมงกะพรุน เขาค้อ เพชรบูรณ์ ภาคกลาง ขับรถเที่ยวโครงการพระราชดำริ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขับรถตามรอยไดโนเสาร์ ภาคใต้ ขับรถท่องมหัศจรรย์ทะเลไทย เสริมทัพทั้งหมดด้วยโครงการ บัตรผู้สูงวัย เที่ยวสุขใจกับ ททท., ผจญภัยหัวใจสีเขียว, เทศกาลเที่ยวเมืองไทย, เที่ยวสนุกสุขหรรษา วันธรรมดาน่าเที่ยว และ การเดินทางสร้างคุณค่าชีวิต

มหัศจรรย์ที่ 2 สร้างการรับรู้ความเป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ ชูงานกิจกรรมประเพณีท้องถิ่น 76 จังหวัด ปีละ 300 เทศกาล มหัศจรรย์ที่ 3 ส่งเสริมการเดินทางเชื่อมโยง ททท.เตรียมทำคู่มือ โฆษณาประชาสัมพันธ์ ทำเครือข่ายพันธมิตร จัดแพกเกจ ไปรถกลับเครื่องบิน (Fly & Drive) ทั่วประเทศ 3 ฤดู ระหว่าง พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ มีนาคม-มิถุนายน และ กรกฎาคม-ตุลาคม

การเที่ยวในมิติเชิงสังคม มหัศจรรย์ที่ 4 รณรงค์ให้เกิดการรู้ค่า...รักษาแหล่งท่องเที่ยว เพื่อตลาดเยาวชนจัดแคมป์ความสนใจเฉพาะ ภาคเหนือ : รักษ์พนาป่าไม้ ภาคอีสาน : รู้รักษ์วัฒนธรรม ภาคกลาง ว รู้รักษ์เกษตรวิถีชุมชน ภาคใต้ : รู้รักษ์ทะเล มหัศจรรย์ที่ 5 ส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้และทัศนศึกษา "ท่องเที่ยวไทย...ได้ความรู้" ด้วยกิจกรรมปีละ 4 ครั้ง อาทิ เปิดค่ายคนรุ่นใหม่สนใจการ ท่องเที่ยว คัดเลือกเยาวชนต้นแบบระดับมัธยมและมหาวิทยาลัยเข้าร่วมโครงการ จัดกิจกรรมการมีส่วนร่วม

เป็น 5 มหัศจรรย์เที่ยวเมืองไทย กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศจนหยู่หมัดในปี 2551 เสริมทัพร่วมกับ 7 มหัศจรรย์อะเมซิ่ง ไทยแลนด์
http://www.matichon.co.th/prachachat/pr ... ionid=0208
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news22/07/07

โพสต์ที่ 24

โพสต์

อันดามันคลับลบภาพคาสิโน+ปรับลุกเป็นแหล่งท่องเที่ยว บริการครบวงจร ดูดคนรักกีฬาและทะเล  

โดย ฐานเศรษฐกิจ วัน อาทิตย์ ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 04:49 น.

อันดามันคลับ ปรับภาพลักษณ์ใหม่หันชูแหล่งท่องเที่ยว หวังลบภาพกาสิโน พร้อมเดินแผนรุกตลาดเต็มเหนี่ยวหวังดึงนักเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้าใช้บริการโปรโมชั่นห้องพักหรูราคาถูก ซื้อสินค้าปลอดภาษีลดอีก15% ตั้งเป้าปีนี้ขอโตสวนกระแส 20 %

นางสาวโครนา วิสูตรราศัย ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสารการตลาด อันดามันคลับ ผู้บริหารโรงแรมอันดามันคลับ เมียนมาร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศพม่า มีอาณาเขตติดต่อกับจังหวัดระนอง ทางภาคใต้ของประเทศไทย เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่าขณะนี้ทางกลุ่มผู้บริหารโรงแรมอันดามันคลับมีแนวคิดที่จะปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของโรงแรมใหม่จากเดิมที่ผู้คนทั่วไปมักจะติดกับภาพของแหล่งกาสิโน ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในจังหวัดระนองและภาคใต้ตอนบน

เพื่อเตรียมพร้อมรับภาพลักษณ์ใหม่ทางโรงแรมจึงได้ปรับปรุง พัฒนา และสร้างความหลากหลาย เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่เดินทางเข้ามาใช้บริการ โดยปัจจุบันนอกจากการให้บริการห้องพักจำนวน 205 ห้อง แบ่งเป็นห้องเดอลุกซ์ 191 ห้อง และห้องสวีท 14 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องสามารถมองเห็นทัศนียภาพของทะเลอันดามัน และทิวเขาของฝั่งจังหวัดระนองแล้ว ยังมีบริการอาหารนานาชาติ,อาหารจีน,ห้องคาราโอเกะ,ห้องออกกำลังกาย,ซาวน์น่า,สปา พร้อมกันนี้ยังมีสนามกอล์ฟขนาด 18 หลุม ตั้งอยู่บนยอดเขาบนเกาะสน หรือเกาะตะเตชุน บนเนื้อที่กว่า 1,200 ไร่ รองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่ชอบในกีฬากอล์ฟ โดยการเดินทางจากระนองไปยังเกาะสนที่ตั้งของโรงแรมสามารถทำได้ง่ายเพราะอยู่ห่างจากจังหวัดระนองเพียง 5 กม. ใช้เวลาการเดินทางเพียง 20 นาทีเท่านั้น

นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีบริการดำน้ำที่เกาะเซนต์ลุค ซึ่งขึ้นชื่อในด้านความสวยงามของปะการัง รวมถึงการให้บริการร้านค้าปลอดภาษี( Duty Free Shop ) ซึ่งมีสินค้าให้เลือกมากมายทั้งเครื่องหนัง,น้ำหอม,เครื่องประดับ,เหล้า,ไวน์,ช็อกโกแล็ตฯลฯ และเพื่อเสริมฐานธุรกิจให้มีความหลากหลายในการบริการขณะนี้ได้มีการให้บริการนำเที่ยวจากระนองสู่เกาะสนแล้วข้ามต่อไปยังพม่าเพื่อข้ามไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตชาวพม่า และเลือกซื้อสินค้าโดยเฉพาะอัญมณีที่มีชื่อเสียง และสินค้าพื้นเมือง

นางสาวโครนากล่าวต่อว่าในปีนี้ทางโรงแรมจะหันไปเจาะกลุ่มเป้าหมายระดับองค์กรมากขึ้น เพื่อนำเสนอเรื่องของการจัดประชุมสัมมนา อบรม เลี้ยงสังสรรค์ ซึ่งปัจจุบันทางโรงแรมมีความพร้อมมากในด้านนี้ทั้งห้องที่กว้างใหญ่ และอุปกรณ์การประชุมที่ครบครัน ที่สำคัญยังมีศูนย์บริการทางธุรกิยครบวงจร ส่วนกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติทางโรงแรมก็จะหาทางขยายฐานตลาดให้กว้างยิ่งขึ้น

ปัจจุบันที่สัดส่วนผู้เข้ามาใช้เป็นชาวไทย 80% ต่างชาติ 20% ซึ่งต่อไปในอนาคตคาดว่าสัดส่วนชาวต่างชาติจะขยับเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ทางโรงแรมได้แต่งตั้งตัวแทนทั้งในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อทำการประชาสัมพันธ์แนะนำโรงแรม การบริการ เพื่อชักจูงกลุ่มชาวต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการ ซึ่งส่วนใหญ่ให้ความสนใจแต่ยังติดปัญหาเรื่องสายการบินมายังระนอง ซึ่งล่าสุดคาดว่าในอีกไม่เกิน 3 เดือนน่าจะมีสายการบินใหม่เข้ามาเปิดให้บริการในเส้นทางนี้ ซึ่งจะเป็นตัวแปรที่สำคัญต่อการเดินทางเข้ามายังระนองของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทย

ในช่วงตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ต.ค.ทางโรงแรมได้จัดรายการพิเศษเพื่อส่งเสริมการขาย และกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวให้คึกคักด้วยการจัดรายการพัก 1 คืน แถมฟรี 1 คืน ในอัตราเพียง 1,920 บาท พร้อมรับส่วนลด 15% เมื่อซื้อสินค้าในร้านปลอดภาษี และส่วนลด 10% ในบริการอื่นๆ สำหรับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังอันดามันคลับในปีนี้แม้ว่าจะมีปัจจัยลบหลายประการ แต่คาดว่าผลจากทำตลาดในเชิงรุกจะทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 20%
http://news.sanook.com/economic/economic_159614.php
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news23/07/07

โพสต์ที่ 25

โพสต์

จัดคาราวานรถ กระตุ้นคนไทย เที่ยวครึ่งปีหลัง

โพสต์ทูเดย์ ททท. จับมือเอกชน จัดคาราวานรถยนต์เพื่อปลุกกระแสคนไทยท่องเที่ยวพร้อมกับบำเพ็ญประโยชน์

แหล่งข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับผู้ประกอบการเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยว เตรียมจัดงานคาราวานรถยนต์ เพื่อร่วมเฉลิมฉลองงานท่องเที่ยวโลก ซึ่งองค์การท่องเที่ยวโลก กำหนดให้วันที่ 27 ก.ย. ของทุกปี เป็นวันท่องเที่ยวโลก
การจัดงาน เพื่อจูงใจให้คนไทยเดินทางเที่ยว รวมถึงตอกย้ำให้คนไทยเห็นความสำคัญของการเดินทางท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ท่องเที่ยวพร้อมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ใช้ชื่อกิจกรรม วันท่องเที่ยวไทย วันท่องเที่ยวโลก
งานครั้งนี้ได้เตรียมปล่อยคาราวานรถยนต์ ในแต่ละจังหวัด เพื่อเดินทางท่องเที่ยวตามเส้นทางที่ผู้ประกอบการทัวร์เป็นผู้กำหนด โดยกรุงเทพฯ จะใช้ลานพระบรมรูปทรงม้าเป็นศูนย์กลางปล่อยคาราวาน
กิจกรรมที่เตรียมให้ผู้ร่วมคาราวานปฏิบัติ ส่วนใหญ่เป็นการ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม และปลุกจิตสำนึกให้คนไทยห่วงใยและร่วมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น ปลูกต้นไม้ เก็บขยะ ฯลฯ
ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอความร่วมมือกับค่ายรถยนต์ เพื่อเป็นการ จัดแคมเปญทำซีอาร์เอ็มกับลูกค้า ที่ซื้อรถยนต์หรือเอกชนในภาคธุรกิจอื่นๆ ที่สนใจมอบเป็นรางวัลแก่ลูกค้าด้วยแพ็กเกจทัวร์คาราวานรถยนต์ในครั้งนี้

ททท.อยู่ระหว่างตั้งงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรจัดงาน โครงการนี้จะเป็น อีกหนึ่งกิจกรรมใหญ่ ที่จะใช้ในการกระตุ้นให้เกิดการเดินทางเที่ยวใน ช่วงครึ่งปี เพื่อให้การส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ตลอดทั้งปี ด้วยจำนวนคนไทยเที่ยว 82 ล้านคน มีรายได้เข้ามา 3.8 แสนล้านบาท แหล่งข่าวกล่าว
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=180391
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news26/07/07

โพสต์ที่ 26

โพสต์

บาทแข็งตัวกระทบภาพรวมท่องเที่ยว - 26/7/2550
บาทแข็งตัวกระทบภาพรวมท่องเที่ยว
ผู้ประกอบการดึงกิจกรรมกีฬาเป็นจุดขาย


"ททท.ตั้งเป้าโกยเงินนักกีฬาโอลิมปิก 2008 แวะพักเที่ยวเมืองไทยก่อนไปแข่งขัน คาดรายได้ตลอดฤดูกาลไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้าน หรือข่าวการท่องเที่ยวอีสานใต้ครึ่งปีหลังฟื้นตัว ด้วยแผนงานส่งเสริมการขายและกิจกรรมใหญ่ช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่โคราช มั่นใจดึงตัวเลขเศรษฐกิจท่องเที่ยวทั้งปีโต 10% คาดสร้างรายได้ใน 4 จังหวัดอีสานใต้ไม่ต่ำกว่า 11,000 ล้าน"

ตัวเลขจากสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว เผยภาพรวมครึ่งแรกปี 50 รายได้จากการท่องเที่ยวเติบโตลดลง 30% ซึ่งเป็นปัจจัยลบมาจากค่าเงินบาทที่แข็งตัว และความไม่เชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวทุกกลุ่มโดยทัวร์เอาท์บาวด์ ลดลง 30% ทัวร์อินบาวด์ลดลง 20% และกลุ่มโดเมสติก ลดลง 25 % ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่องในส่วนภูมิภาค ต้องปรับตัวช่วยเหลือตัวเองกันทั่วทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะการดึงกิจกรรมด้านกีฬาเป็นจุดขาย ซึ่งพิจารณาได้จากข่าวสำคัญ เช่น ไทยเปิดตลาดท่องเที่ยวเชิงกีฬา "กอล์ฟ" สิงหาฯ มาแรง เหลือรอบละ 800 บาท ตามติดด้วยเรือใบรีกัตตา เทนนิสไทยแลนด์ โอเพ่น ส่งท้ายปีด้วย "พัทยามาราธอน" พ.ย.50 นี้
ซึ่ง ททท.ตั้งเป้าโกยเงินนักกีฬาโอลิมปิก 2008 แวะพักเที่ยวเมืองไทยก่อนไปแข่งขัน คาดรายได้ตลอดฤดูกาลไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้าน หรือข่าวการท่องเที่ยวอีสานใต้ครึ่งปีหลังฟื้นตัว ด้วยแผนงานส่งเสริมการขายและกิจกรรมใหญ่ช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่โคราช มั่นใจดึงตัวเลขเศรษฐกิจท่องเที่ยวทั้งปีโต 10% คาดสร้างรายได้ใน 4 จังหวัดอีสานใต้ไม่ต่ำกว่า 11,000 ล้าน เป็นต้น ส่วนภาครัฐ-ททท.ประเมินล่วงหน้าแล้วว่าปี 2551 รายได้ตลาดในประเทศโตแค่ 2% หรือมีรายได้ 3.85 แสนล้านบาท คงต้องช่วยออกแรงกันอย่างหนักในทุกภาคส่วน เพียงแต่ต้องไปในทิศทางเดียวกันด้วย

บาทแข็ง ท่องเที่ยวไทยสะดุด
รหัสข่าว 09630019 : 16/07/50: ดอกเบี้ยธุรกิจ


นายมนัส พิพัฒธนนันท์ ที่ปรึกษาสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว เผย ภาพรวมครึ่งปีแรก เติบโตลดลง 30% ซึ่งเป็นปัจจัยลบมาจากค่าเงินบาทที่แข็งตัว และความไม่เชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นทัวร์เอาท์บาวด์ ลดลง 30% ทัวร์อินบาวด์ 20% และกลุ่มโดเมสติก ลดลง 25%

ไทยเปิดตลาดท่องเที่ยวเชิงกีฬา
รหัสข่าว 09630020 : 16/07/50: ประชาชาติธุรกิจ (ราย 3 วัน)


ไทยเปิดตลาดท่องเที่ยวเชิงกีฬา "กอล์ฟ" สิงหาฯ มาแรง เหลือรอบละ 800 บาท ตามติดด้วยเรือใบรีกัตตา เทนนิสไทยแลนด์ โอเพ่น ส่งท้ายปี "พัทยามาราธอน" พฤศจิกายนนี้ ททท.ตั้งเป้าโกยเงินนักกีฬาโอลิมปิก 2008 แวะพักเที่ยวเมืองไทยก่อนไปแข่งขัน คาดรายได้ตลอดฤดูกาลไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาท

อีสานใต้หวังปี50 ทะลุหมื่นล้าน
รหัสข่าว 09630021 : 16/07/50: ผู้จัดการรายสัปดาห์


6 เดือนแรกท่องเที่ยวอีสานหด ทั้งนักท่องเที่ยวและรายได้ในภาพรวมลดลง เผยแผนงานส่งเสริมการขายและกิจกรรมใหญ่ช่วงปลายปีนี้ โดยเฉพาะการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่โคราช จะฉุดการท่องเที่ยวอีสานใต้ครึ่งปีหลังฟื้นตัว มั่นใจดึงตัวเลขเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทั้งปีโต 10% ตามเป้าหมายแน่นอน คาดสร้างรายได้ใน 4 จังหวัดอีสานใต้ไม่ต่ำกว่า 11,000 ล้าน ส่วนเมืองย่าโมประตูสู่อีสาน คาดนักท่องเที่ยวทะลักพุ่ง 6 ล้านคน เงินสะพัดไม่น้อยกว่า 8,200 ล้านบาท

เลือกชลบุรี-แหลมฉบังโชว์เสน่ห์
รหัสข่าว 09630022 : 16/07/50: ผู้จัดการรายสัปดาห์


ก.พาณิชย์ ชวนผู้ประกอบการไทย เข้าร่วมงาน CAEXPO หรือ ไชน่า-อาเซียนเอ็กซ์โป ครั้งที่ 4 วันที่ 20-23 ต.ค.นี้ ชี้ผลประโยชน์นักธุรกิจไทยเพียบ โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอาหารโอทอป สินค้าเกษตร และชิ้นส่วนยานยนต์ พร้อมนำเสนอเสน่ห์ของเมืองเลือกโชว์ชลบุรีแหล่งท่องเที่ยว และมีท่าเรือแหลมฉบังเป็นจุดขายสำคัญ สามารถเชื่อมเมืองท่าทั่วอาเซียนลดต้นทุนด้านขนส่งได้

สสปน.ผนึก ททท. ดึงไมซ์เข้าไทย
รหัสข่าว 09900023 : 17/07/50: โพสต์ทูเดย์/แนวหน้า/Bangkok Post

นายนิพัทธ์ ดิถีเพ็ญ รองผอ.สสปน.เผย ภาพรวมธุรกิจการจัดประชุมและนิทรรศการ (MICE) ยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ โตปีละ 20-30% โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการจัดประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล เติบโตเพิ่มขึ้นทุกปีเกือบ 20% เร่งวางเป้าหมายเชิงรุกปี 50 เน้นการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการทำตลาดตรงเฉพาะกลุ่มและสินค้าบริการรูปแบบใหม่ หรือรูปแบบผสมที่มีความน่าสนใจมากขึ้น

ทีพีซีได้ฤกษ์เฟ้นหาผจก.ใหญ่
รหัสข่าว 09630023 : 17/07/50: โพสต์ทูเดย์


นายรพี ม่วงนนท์ กก.และรักษาการผจก.ใหญ่ บ.ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการไทยแลนด์ อีลิทการ์ด เผย อยู่ระหว่างทำหนังสือถึงปลัดก.ท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อเป็นประธานคัดเลือกคณะกรรม
การสรรหาผู้จัดการใหญ่ บ.ทีพีซี ทำหน้าที่แทนคนเก่า เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเดินหน้าโครงการต่อ ทำให้ทีพีซีต้องมีผู้นำเข้ามาบริหารจัดการแผนงานระยะยาว 20 ปี ตามที่ตั้งไว้อย่างเป็นรูปธรรม คาดรู้ผลไม่เกินสิ้นปีนี้

รัสเซียบินเข้าภูเก็ต 3 เที่ยวต่อวีค
รหัสข่าว 09630024 : 17/07/50: กรุงเทพธุรกิจ


นางอัญชลี วานิช เทพบุตร นายก อบจ.ภูเก็ต เผย การเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศรัสเซีย ได้รับการตอบรับดีเกินคาด ทัวร์รัสเซียเตรียมเช่าเหมาลำบินจากมอสโกตรงเข้าภูเก็ต สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน อีกทั้ง นักท่องเที่ยวไทยและรัสเซีย ไม่ต้องขอวีซ่าในการเดินทาง พักได้นาน 30 วัน นอกจากนี้ รัสเซียจะแต่งตั้งกงศุลกิตติมศักดิ์ประจำภูเก็ต พังงา กระบี่ โดยใช้ภูเก็ตเป็นสำนักงานอีกด้วย

ทรูวิชั่นส์ไม่ปรับลดค่าสมาชิก
รหัสข่าว 09610028 : 18/07/50: กรุงเทพธุรกิจ/ผู้จัดการรายวัน


ทรูวิชั่นส์ ยันไม่ปรับลดค่าสมาชิกเคเบิลทีวี แม้ พ.ร.บ.การประกอบกิจการวิทยุและโทรทัศน์ฯ เปิดโอกาสให้โฆษณาได้ แจงต้องแบกรับค่าลิขสิทธิ์เพิ่ม 10-100% ทุกปี แต่กลับปรับราคาขึ้นทุก 2 ปี ระบุรายได้จากโฆษณาช่วยชะลอเวลาปรับราคาให้นานขึ้นเท่านั้น ล่าสุดคว้า 9 ช่องรายการใหม่ระบบดิจิตอล ส่ง 3 แพกเกจตามสั่งล่อใจ ตั้งเป้ารายได้โต 5% สมาชิกแห่เปลี่ยนสัญญาณระบบอะนาล็อกเป็นระบบดิจิตอลไม่ต่ำกว่า 10%

ราชประสงค์-กทม.ติด "ซีซีทีวี"
รหัสข่าว 05110012 : 18/07/50: กรุงเทพธุรกิจ


นายกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ประเมินภาพรวมช็อปปิ้งครึ่งปีแรกหดตัว 15-20% เดินหน้าดึงความเชื่อมั่นลูกค้าทั้งไทย-เทศกลับคืน ผนึก กทม.ลงขัน 20 ล้านบาท เสริมระบบความปลอดภัย ลุยติดตั้ง "ซีซีทีวี" 80 ตัว โครงการช็อปปิ้งสตรีทย่านราชประสงค์นำร่องเป็นต้นแบบ

ไทยรักษาฤาษีดัดตนไว้ได้
รหัสข่าว 09200011 : 18/07/50: สยามธุรกิจ


นพ.สมยศ เจริญศักดิ์ รองปลัดก.สธ. รักษาราชการแทนอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เผย ภายหลังอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ก.พาณิชย์ ยื่นหนังสือคัดค้านกรณีชาวญี่ปุ่นจดทะเบียนลิขสิทธิ์คำว่า "ฤาษีดัดตน" เป็นเครื่องหมายการค้าและชื่อบริษัทว่า "ห้างหุ้นส่วนจำกัดฤาษีดัดตนจำกัด" ล่าสุด ศาลพิพากษาให้เป็นภูมิปัญญาของไทย และชาวญี่ปุ่นคนดังกล่าวก็ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทำงานเชิงรุก และมีการเฝ้าระวังภูมิปัญญาของไทยมากขึ้น เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะถูกต่างชาติจดสิทธิบัตร

ร.ร.ภาคเหนือโอดบาทแข็งลูกค้าหด
18/07/50: กรุงเทพธุรกิจ


นายกสมาคมธุรกิจโรงแรมไทยภาคเหนือ เผย ผลพวงจากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ทำให้ธุรกิจโรงแรมขนาดเล็กมีลูกค้าลดลงและปิดกิจการ โดยพบว่าโรงแรมหลายแห่งเริ่มปรับตัว เน้นตลาดการประชุมแทน ด้านเอเยนซี่ ที่หาลูกค้าในกรุงเทพฯ ต้องประสบปัญหาการกำหนดราคา เนื่องจากที่ผ่านมาลุกค้าของโรงแรมในพื้นที่กว่า 90% มาจากเอเยนซี่ดังกล่าว ทางสมาคมฯ ได้หามาตรการส่งเสริมการตลาดระยะสั้น ได้แก่ การลด แลก แจก แถม และจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้าด้วยการออกโรดโชว์ต่างประเทศ ในช่วงเดือน ก.ย. เพื่อเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว

ททท.ฝ่อปีหน้าตลาดในโต 2%
รหัสข่าว 09630026 : 18/07/50: ผู้จัดการรายวัน


ททท.ฝ่อ ตั้งเป้าปีหน้ารายได้ตลาดในประเทศโตแค่ 2% หรือมีรายได้ 3.85 แสนล้านบาท ขณะที่ภาคเอกชนเสนอ ททท. ทำแผน 5 ปีต่อเนื่องบูมภาคอีสาน ด้านตลาดต่างประเทศ นายกสมาคมท่องเที่ยวอเมริกาแห่งประเทศไทย แนะททท. อย่ามองข้ามตลาดระยะไกล เหตุพฤติกรรมนักท่องเที่ยวเปลี่ยน ตัดสินใจเร็วและเดินทางได้ทั้งปี ชูไทยเมืองพุทธศาสนาเป็นจุดขายดึงนักท่องเที่ยวชาวพุทธจากทั่วโลกกว่า 400 ล้านคน เที่ยวไทยสร้างความต่างเหนือคู่แข่ง

ททท.ชูการตลาดไอเอ็มซี
รหัสข่าว 09630027 : 19/07/50: กรุงเทพธุรกิจ


ททท.จัดหารือและแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการตลาดการท่องเที่ยวกับผอ.ททท.ทั้ง 22 แห่งทั่วโลก พร้อมด้วยตัวแทนการท่องเที่ยว โดย ททท.ได้นำเสนอแผนกลยุทธ์การตลาด สำหรับการท่องเที่ยว โดยให้ความสำคัญในเรื่องการใช้ตลาดแบบบูรณาการ หรือไอเอ็มซี (Integrated Marketing Communication) เพื่อสร้างการรับรู้แก่นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ และรักษาฐานนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวในเมืองไทย

ททท.รุกเจาะเกาหลีคานทอง
รหัสข่าว 09630028 : 19/07/50: ประชาชาติธุรกิจ (ราย 3 วัน)


นางศศิอาภา สุคนธทรัพย์ ผอ.สนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประจำกรุงโซล เกาหลีใต้ เผย ททท.วางแผนเชิงรุก เจาะกำลังซื้อนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนโสดที่ไม่ได้แต่งาน อายุระหว่าง 25-40 ปี ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปี 2551 ททท.ต้องเร่งขยายฐานกลุ่มตลาดคานทองและคนโสดทั่วไปเพิ่มอีก 10% เชื่อว่าสร้างรายได้กว่า 15,000 ล้านบาท จากเป้ารายได้รวม 40,000 ล้านบาท

ส.ท่องเที่ยวใต้ต้านโรงนิวเคลียร์
รหัสข่าว 09630029 : 19/07/50: กรุงเทพธุรกิจ


จากกรณีที่รัฐบาลเตรียมศึกษาโครงการก่อสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์พลังงานไฟฟ้า โดยมีพื้นที่เป้าหมายประกอบด้วย นครศรีธรรมราช, สุราษฏร์ธานี, ชุมพร และระนอง นายกสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยว จ.ระนอง กล่าวว่า ประชาชนในพื้นที่และผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐ ที่ใช้พื้นที่เป็นสถานที่ตั้งของโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ หวั่นทำธุรกิจท่องเที่ยวพัง ด้านสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) เดินหน้าสร้างความเข้าใจ หวังคลายวิตกคนในพื้นที่ คาดสรุปที่ตั้งได้ ต.ค.นี้

รายได้ททท.ปี 51ล้านล้านบาท
รหัสข่าว 09630030 : 21/07/50: สยามธุรกิจ


ททท. วางแผนปี 2551 เพิ่มรายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติขึ้นอีก 10% และรายได้จากตลาดในประเทศอีก 2% ตั้งเป้ารายได้ตลาดต่างประเทศเป็นเงิน 6 แสนล้านบาท จากตลาดหลัก 21 ประเทศ และตลาดรอง 24 ประเทศ กลุ่มเป้าหมายนักท่องเที่ยวจากตลาดยุโรป เอเชียตะวันออก และตะวันออกกลาง โดยมุ่งรักษาฐานตลาดเดิม และบุกตลาดใหม่ ได้แก่ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย รัสเซีย และ CIS กลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก U.A.E. และซาอุดิอาระเบีย คาดมีนักท่องเที่ยวประมาณ 15.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6 % ส่วนเป้ารายได้ตลาดในประเทศ คิดเป็นมูลค่า 3.85 แสนบ้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทย 83 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.23%

อันดามันคลับลบภาพกาสิโน
รหัสข่าว 09630031 : 22/07/50: ฐานเศรษฐกิจ ราย 3 วัน


น.ส.โครนา วิสูตรราศัย ผจก.ฝ่ายการสื่อสารการตลาด ผู้บริหารโรงแรมอันดามันคลับเมียนมาร์ ซึ่งตั้งอยู่ตอนใต้ของประเทศพม่า เผยว่า จะปรับภาพลักษณ์ของโรงแรมให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งในจังหวัดระนอง เนื่องจากคนทั่วไปมักมองว่าเป็นแหล่งกาสิโน โดยจะเพิ่มบริการที่หลากหลาย เช่น บริการอาหารนานา ชาติ ตีกอล์ฟที่เกาะตะเตชุน บริการดำน้ำที่เกาะเซนต์ลุค รวมทั้งบริการนำเที่ยวจากระนองสู่เกาะสน ข้ามไปซื้ออัญมณีและสินค้าพื้นเมืองในพม่า ซึ่งขณะนี้มีสัดส่วนนักท่องเที่ยไทย 80% ต่างชาติ 20% คาดได้นักท่องเที่ยวเกาหลีและญี่ปุ่นเพิ่ม พร้อมมีสายการบินใหม่มาเปิดบริการในอีกไม่เกิน 3 เดือนข้างหน้านี้

แอตต้ เชื่อเป้า 6 แสนล้านสูงเกิน
รหัสข่าว 09300023 : 22/07/50: ฐานเศรษฐกิจ ราย 3 วัน
16/07/50: กรุงเทพธุรกิจ


นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เผยว่า แผนยุทธศาสตร์การท่อง เที่ยวปี 2551 ของททท.ที่กำหนดเป้าหมายไว้ 6 แสนล้านบาทโดยเน้นเรื่องรายได้มากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะตัวเลขในตลาดเอเชียปรับลดลง ทั้งสิงคโปร์และมาเลเซีย ด้านสมาคมส่งเสริมการจัดประชุมนานาชาติ (ไทย) : ทิก้า ระบุว่าควรมีแผนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวควบคู่กับการพัฒนาแผนการตลาด
http://www.siamrath.co.th/Economic.asp?ReviewID=178245
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news27/07/07

โพสต์ที่ 27

โพสต์

กระทรวงท่องเที่ยวคาดรายได้ปี 50 มากกว่า 5.4 แสนล้านบาท
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Friday, July 27, 2007
นายสุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Hard Topic ทาง Money Channel ว่า ปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไม่มากนัก โดยตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเล็กน้อย ขณะที่นักท่องเที่ยวจากฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ลดลงในสัดส่วนที่สูงกว่า
ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็ได้แก้ปัญหาดังกล่าว โดยจัดทำแผนการตลาด การหาตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ การสร้างสินค้าและบริการใหม่ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้อยู่ในเมืองไทยนานกว่า 1 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนให้คนไทยเที่ยวในประเทศ โดยการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ การสนับสนุนให้นักเรียนไปทัศนศึกษาตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น อยุธยา และสุโขทัย รวมถึงการพัฒนาแหล่งชุมชน เพื่อให้มีศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติ

นายสุวิทย์ยืนยันว่า ปัญหาเงินบาทแข็งค่า จะไม่ทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยลดลง เพราะประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวครบทุกประเภททั้งภูเขา ทะเล วัฒนธรรม และสุขภาพ นอกจากนี้คนไทยยังมีความเป็นมิตร และพร้อมให้ความช่วยเหลือในทุกเรื่อง

ส่วนปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง หลังจากเกิดเหตุลอบวางระเบิดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายสุวิทย์บอกว่า มีเพียงบางชาติในเอเชียเท่านั้น ที่ยังกังวลเรื่องความปลอดภัย ส่วนนักท่องเที่ยวจากยุโรป ออสเตรเลีย และอาหรับ ไม่ค่อยมีปัญหา เพราะมีความคุ้นเคยกับเหตุการณ์ลักษณะนี้ ซึ่งรัฐบาลก็ได้เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว โดยมีการติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) การเพิ่มกำลังของตำรวจท่องเที่ยว และการตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่สนามบิน ส่วนคนไทยก็ควรจะช่วยกันดูแลด้วย

รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาบอกว่า ปัจจุบันทุกประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับปัญหาโลกร้อน จึงได้คิดสโลแกน ท่องเที่ยววิถีไทย ต้านภัยโลกร้อน และให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยแปรเป็นภาษาต่างประเทศ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ว่า ประเทศไทยมีการรักษาสิ่งแวดล้อมในทุก ๆ ด้าน ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวไทยก็จะมีส่วนร่วมในการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย

นายสุวิทย์คาดว่า ปี 2550 ประเทศไทยจะมีรายได้จาการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 5.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 7 8% โดยในไตรมาสที่ 1/2550 ไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนไตรมาสที่ 2/2550 รายได้ลดลงบ้าง เพราะเป็นช่วงโลว์ซีซั่น นอกจากนี้ยังเกิดจากการที่ไทยไม่มีเครื่องบินที่มากพอที่จะรองรับนักท่องเที่ยวจากยุโรป และตะวันออกกลางด้วย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Har ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news30/07/07

โพสต์ที่ 28

โพสต์

8ปัจจัยลบฉุดท่องเที่ยว
โพสต์ทูเดย์ นายกทีเอชเอ ชี้ 8 ปัจจัยลบ รุมทึ้ง ธุรกิจโรงแรมเดี้ยง


นายชนินทร์ โทณวณิก นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมในช่วงครึ่งปีแรก ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จาก
8 ปัจจัยลบสำคัญ ประกอบด้วย
1.ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของ นักท่องเที่ยว
2.สภาพเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว
3.ปัญหาความพร้อมในการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และการใช้สองสนามบิน สร้างความ สับสนให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติค่อนข้างมาก
4.เป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาที่สาม ทำให้สายการบินต่างชาติลดจำนวนเที่ยวบินเข้าไทย

5.ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น
6.กฎหมายฉบับใหม่ที่ออกในยุครัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้ในการควบคุมธุรกิจโรงแรม อาทิ จำกัดเวลา พื้นที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การบังคับให้มีหน้ากากป้องกันอัคคีภัยในห้องพัก เป็นต้น

7.ประเทศคู่แข่งมีสินค้าทางการท่องเที่ยวใกล้เคียงประเทศไทย แต่มีสิ่งจูงใจที่เหนือกว่า และ
8.รัฐบาลมี นโยบายที่ไม่ชัดเจนเรื่องการท่องเที่ยว

ปัจจัยทั้งหมดนี้ ส่งผลต่อภาพรวมในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยอยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่องมาจนถึงครึ่ง ปีหลัง

ผู้ประกอบการโรงแรมเจอปัญหารอบด้าน อย่างกฎหมายฉบับใหม่ เช่น พ.ร.บ.แอลกอฮอล์ได้จำกัดพื้นที่และเวลาขาย ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาของนักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน หรือการมีหน้ากากป้องกันภัยในโรงแรมห้องละ 2 ชิ้น ได้ส่งผลกระทบต้นทุน นายชนินทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้องการให้รัฐบาลชุดปัจจุบัน เข้ามาให้ความช่วยเหลือ ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะเรื่องกฎหมาย เพราะเชื่อว่ากฎหมายที่ออกมาใช้ จะลดขีดความสามารถทางการแข่งขันของผู้ประกอบการในอนาคต
นอกจากนี้ รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้ภาคเอกชน ซึ่งคลุกคลีกับอุตสาห กรรมการท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด ได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น เพราะที่ผ่านมาการออกฎหมายมาบังคับ ไม่เคยฟังเสียงจากเอกชน
สำหรับปัญหาเรื่องค่าเงินบาท ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดท่องเที่ยวที่มีอัตราแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญสหรัฐ อย่าง ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ส่วนตลาดอื่น ยังไม่มีผลกระทบ

ด้านอัตราการเข้าพักของทุกโรงแรม เฉลี่ยลดลงราว 5-10% ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเพิ่มราคาห้องได้ตามต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะเกรงว่านักท่องเที่ยวจะไม่เดินทางมา ดังนั้น รัฐบาลควรหามาตรการมาแก้ไขใน เรื่องดังกล่าว ก่อนที่ภาพรวมธุรกิจจะเสียหายกว่านี้
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=181838
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news30/07/07

โพสต์ที่ 29

โพสต์

บาทแข็งกระตุก'ท่องเที่ยว' ไม่ถึงขั้นวิกฤติเหมือน'ลอยตัวค่าเงิน'  
การผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่เกิดขึ้น หากถามว่ากระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างไร และในภาวะเช่นนี้ ย่อมส่งผลให้แพ็คเกจและราคาสินค้าทางการท่องเที่ยวของประเทศไทยปรับเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว แต่แรงจูงใจในการเดินทางมาเที่ยวไทยลดลงโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตลาดญี่ปุ่น ฮ่องกง อเมริกา เพราะเป็นประเทศที่มีการขายแพ็คเกจทัวร์โดยใช้เงินสกุลดอลลาร์เป็นหลัก ส่วนตลาดยุโรป ออสเตรเลียไม่ได้รับผลกระทบเท่าไรนัก เพราะค่าเงินยูโรไม่ได้อ่อนตัวตามสกุลดอลลาร์สหรัฐ
ดังนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเงินบาทแข็งค่า จึงทำให้การท่องเที่ยวได้รับผลกระทบกระเทือนบ้างเป็นบางตลาด ไม่ถึงขั้นรุนแรงเหมือนภาคการส่งออก ในขณะนี้

เรื่องนี้นายไมตรี นฤขัตพิชัย นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากปัญหาค่าเงินบาทแข็งไม่กระทบการท่องเที่ยวของภูเก็ตเท่าไรนัก เพราะขณะนี้ตลาดหลักของภูเก็ตเป็นตลาดยุโรปและตลาดออสเตรเลีย ซึ่งทั้งสองตลาดนี้ไม่ได้รับผลกระทบ ขณะที่เงินบาทแข็งค่าจะส่งผลกระทบต่อสกุลเงินเยน และดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก ซึ่งทั้งตลาดญี่ปุ่น และตลาดอเมริกาไม่ใช่ตลาดหลักของภูเก็ต

ด้านนายสันติ ชุดินธรา ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลอสแองเจลิส เปิดเผยว่าปัญหาค่าเงินบาทแข็ง ส่งผลให้ราคาแพ็จเกจเพิ่มขึ้นราว 10% และแม้จะปรับราคาสูงขึ้น แต่ค่าครองชีพในไทยถือว่าไม่สูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวของไทย อย่างราคาห้องพักโรงแรมระดับ 4 ดาวในเมืองไทยก่อนหน้านี้ประมาณ 100 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งขณะนี้ได้ปรับราคาขึ้นเป็น 110 ดอลลาร์สหรัฐก็ไม่ได้สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนภาพรวมของตลาดอเมริกาในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาไม่ได้ปรับตัวลดลงแต่อย่างใด โดยคาดว่าทั้งปีจะมีอัตราเติบโต 6-7% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวเอฟไอที(เดินทางเที่ยวเอง)
ส่วนในมุมของผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวนั้น การแข็งค่าของเงินบาท จะส่งผลกระทบต่อโรงแรมเชนที่อาจจะกำไรลดลง เพราะในช่วงเงินบาทลอยตัวเมื่อปี 2540 เป็นต้นมา ธุรกิจเหล่านี้ได้ปรับกลยุทธ์การขายจากการโค๊ดราคาขายเป็นเงินบาทมาอิงราคาขายเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐ แต่นับจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก จาก 40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 33-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้รายได้ค่าห้องพักลดลงกว่า 20%
สำหรับโรงแรมที่บริหารโดยเชนต่างประเทศส่วนใหญ่ ได้ทยอยหันมาปรับวิธีการขายใหม่ ด้วยการโค๊ดราคาค่าห้องพัก อิงสกุลเงินบาทเป็นหลัก เช่น อิงราคาขายห้องพักอยู่ที่ 4,500 บาท ก่อนแจ้งราคาขายเป็นดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นไม่ว่าบาทจะแข็งค่าเป็นเท่าไหร่ โรงแรมก็จะได้รายได้เท่าเดิม แต่หากอิงราคาขายเป็นดอลล่าร์สหรัฐ ก็จะทำให้โรงแรมมีรายได้ลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเงินบาทแข็งค่า ซึ่งโรงแรมหลายแห่งได้ทยอยปรับวิธีการขายมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แต่กว่า 90% ขายเป็นเงินบาทอยู่แล้วก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไร

ขณะเดียวกันจากการสอบถามผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวหลายราย ถึงเหตุผลที่แท้จริงของการชะลอตัวของการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวเอเชีย จากต่างฟันธงไปในทางเที่ยวกันว่า จุดหลักมาจากปัญหาความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์การเมืองไทย การก่อการร้าย และผลความไม่สะดวกในการต่อเครื่องบินจากการเปิดสนามบินดอนเมืองควบคู่กับสุวรรณภูมิมากกว่าบาทแข็งก็เป็นเพียงองค์ประกอบเล็กน้อยเท่านั้น

ทั้งนี้จะเห็นได้จากการแข็งค่าของเงินบาท ที่ส่งสัญญาณมาตั้งแต่ปี 2549 แต่การท่องเที่ยวไทยก็ไม่ได้เสียเปรียบในเชิงเปรียบเทียบอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียที่ถือเป็นคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวของไทย ก็มีอัตราแลกเปลี่ยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเช่นเดียวกัน

ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ได้วิเคราะห์ผลกระทบนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทแข็งค่า โดยชี้ให้เห็นชัดเจนว่าภาพรวมในอดีตที่ผ่านมา มีเพียงความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนและการปรับค่าเงินบาทลอยตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 เท่านั้น ที่มีผลต่อการเดินทางของท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเห็นได้ชัดเจน โดยสถานการณ์ในขณะนั้นอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยมีความผันผวนมากที่สุด จากความไม่เชื่อมั่นในระบบการเงินของประเทศ เงินตราไหลออกนอกประเทศ ทำให้ประเทศไทยมีการประกาศปล่อยลอยตัวเงินบาท ส่งผลให้อัตราค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐเปลี่ยนแปลงจาก 25.24 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2539 มาเป็นอัตราแลกเปลี่ยน 31.15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2540 และ 41.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2541

นับตั้ง ปี2540เป็นต้นมา ค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ก็อยู่ในระดับประมาณ 40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ในช่วงนั้น ได้ลดลงถึงร้อยละ 27.48 ทำให้ในช่วงนั้นททท.ต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยการใช้โอกาสที่อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทลดลงเป็นอย่างมาก เปิดตัวแคมเปญอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ครั้งแรกเมื่อปี 2541-2542 โดยใช้จุดแข็ง Value for Money เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวไทย ทำให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวเพิ่มจาก 0.41 ในปี 2540เป็น 10%ในปี 2542

ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นรายตลาด จากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น เฉพาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีแนวโน้มอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินสกุลของประเทศอ่อนตัวลง โดยเปรียบเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2544-2548) ใน 3 ตลาด คือ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และฮ่องกง การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาทไม่มีผลต่อการเดินทางเข้าประเทศไทย โดยปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเป็นเหตุการณ์วิกฤติที่ค่อนข้างรุนแรง ก็คือ การก่อการร้าย 9/11 ในปี 2544 การแพร่ระบาดของโรคชาร์สในปี 2546 การระบาดของไข้หวัดนก ในปี 2547 และเหตุการณ์ธรณีพิบัติ ภัยสึนามิ ในช่วงปลายปี 2547 (ตารางประกอบ)

อย่างไรก็ตามแม้ผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า จะยังไม่ได้ส่งผลกระทบมากนัก แต่ททท.ก็ คงต้องจับตามองความเคลื่อนไหวอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะหากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นสูงมาก จนกระทั่งส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจโดยรวมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเช่นเดียวกับเมื่อครั้งปี 2540 ผลกระทบดังกล่าวอาจจะส่งผลลบกับภาพรวมทั้งประเทศได้เช่นกัน
http://www.thannews.th.com/detialnews.p ... issue=2238
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news02/08/07

โพสต์ที่ 30

โพสต์

สมาคมโรงแรมเร่งรัฐหามาตรการแก้ไข  - 2/8/2550
สมาคมโรงแรมเร่งรัฐหามาตรการแก้ไข
หวั่นธุรกิจท่องเที่ยวไทยซบเซาถึงครึ่งปีหลัง


ช่วงโลว์ซีซั่นมองไปทางไหนก็รู้สึกว่าจะโลว์ไปเสียทั้งหมด ดูจากข่าวที่สมาคมสวนสนุกนานาชาติ หรือไอแอปป้า ชี้ไทยตกอันดับ 1 ใน 3 ธุรกิจสวนสนุกในเอเชีย หลังสิงคโปร์ทุ่มงบกว่า 123,000 ล้านบาท ผุดยูนิเวอร์แซลสิงคโปร์ โครงการรีสอร์ตเวิลด์ บนเกาะเซ็นโตซา แถมวิเคราะห์ว่า ธีมพาร์คในไทยไม่โต เพราะทำสวนสนุกเป็นไซซ์เล็ก แต่เน้นพัฒนาธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตมากกว่า

เปรียบเทียบมุมมองภาพรวมธุรกิจโรงแรมที่ถูกพาดพิงถึง ผ่านสายตาของนายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) นายชนินทร์ โทณวณิก ให้ความเห็นว่า ช่วงครึ่งปีแรกของปี 50 การท่องเที่ยวไทยอยู่ในภาวะซบเซาต่อเนื่องมาจนถึงครึ่งปีหลัง ด้วย 8 ปัจจัยลบสำคัญ คือ 1.สภาพเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว 2.ปัญหาความไม่พร้อมบริการของสนามบินสุวรรณภูมิ และความสับสนของนักท่องเที่ยวกับการใช้ทั้งดอนเมืองและสุวรรณภูมิ

3.สายการบินต่างชาติลดจำนวนเที่ยวบินเข้าไทย 4.ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย ของนักท่องเที่ยว 5.ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น นักท่องเที่ยวต้องจ่ายแพงขึ้น 6.กฎหมายฉบับใหม่ ที่ใช้ในการควบคุมธุรกิจโรงแรม อาทิ จำกัดเวลา/พื้นที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการบังคับให้มีหน้ากากป้องกันอัคคีภัยในห้องพัก เป็นต้น 7.รัฐบาลมีนโยบายที่ไม่ชัดเจนเรื่องการท่องเที่ยว และ 8.ประเทศคู่แข่งมีสินค้าท่องเที่ยวใกล้เคียงประเทศไทย แต่มีสิ่งจูงใจที่เหนือกว่า ดังนั้น รัฐบาลควรหามาตรการมาแก้ไขใน เรื่องดังกล่าว ก่อนที่ภาพรวมธุรกิจจะเสียหายกว่านี้

http://www.siamrath.co.th/Economic.asp?ReviewID=178629
โพสต์โพสต์