Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

pak เขียน:ลำดับ / บริษัท / จำนวนเงินที่ต้องใช้เพื่อเป็น ผถห. รายใหญ่ (ประมาณการ)
1. YCI = 189,000 บาท
2. CHUO = 421,875 บาท
3. WIN = 564,190 บาท
4. DIMET = 639,000 บาท
5. CMO = 682,000 บาท
6. STAR = 863,600 บาท
7. BTNC = 876,000 บาท
8. SLC = 1,060,500 บาท
9. NC = 1,121,325 บาท
10. AFC = 1,311,000 บาท
11. PLUS = 1,650,000 บาท
12. L&E = 1,834,000 บาท
13. PAE = 1,930,000 บาท
14. BWG = 2,688,000 บาท
15. PAF = 2,700,000 บาท
16. OFM = 2,840,000 บาท
17. TFD = 2,875,000 บาท
18. BROCK = 3,600,000 บาท



########## จบบริบูรณ์ ##########

ที่เสนอมา แค่อยากติดชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ ลงทุนมากไป

นี่เลย

ไม่เกินแปดหมื่นบาทก็ได้ติดชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ แล้วครับ

TCAP-P : บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน)

เรื่องจะมีสภาพคล่องมีหรือเปล่า ห้ามถามนะ
จะขายได้ตอนไหนห้ามคิด
จะมีปันผลไหม มีอยู่นะ
แค่ขำขำ

long141 เขียน:ตกลงได้เป็น หรือยัง คัรบ โชว์ หน่อยเร็ว

รู้สึก ยังไง เสียว ซาน หรือ เปล่า\.......

แต่ ผถห ใหญ่ ก็ ไปสั่ง คนนั้น คนนี้ ในบริษัทไม่ได้นิ ต้องเป็น กก ก่อน

"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนอยู่ด้วยเสมอ"

ผมฝันเอาไว้ว่า "ผมอยากมีชื่อในเว็บ Settrade เอาไว้เปิดให้คุณแม่คุณพ่อดู"
หรือพูดอีกอย่าง คือ "ผมอยากมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทฯที่ดีและมีความมั่นคง"
เพราะคุณแม่ของผม ท่านเคยต่อว่าผมเอาไว้ว่า "ทำงานสิบกว่าปี ไม่เห็นเก็บเงินอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันซักอย่างเลย!!!"

ความฝันเล็กๆของผม จึงเริ่มต้นที่ "เงินสามแสนบาท"
ซึ่งเป็นเงินที่สะสมมาได้มาจากการทำงานมาตลอด 10 กว่าปี

ผมอายุ 36 ปี (จบ ป.ตรี วิศวะ KU52 และ ป.โท MBATechM เอแบค) เงินเดือนห้าหมื่นกว่าบาท
ระหว่างทางเดินของความฝันในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา...
"เงินเดือน และโบนัสของผม"...ถูกนำมาลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเงินต่างๆทั้งหมดที่พอจะหาได้
(ขายแหวนที่ไม่จำเป็นสำหรับผม ผมก็ทำมาแล้วอ่ะนะครับ 555+)
สรุปว่า รวมทั้งหมดทั้งก้อนแรกและก้อนที่เอามาเติมเพิ่มระหว่างทาง
รวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1.5 ล้านบาท

จากการคำนวณในกระดาษ
ผมเคยเข้าใจว่า...ผมน่าจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ปี ในการจะได้มีชื่อเป็น ผถห.ใหญ่ ในบริษัทฯหนึ่ง
แต่เนื่องจากสภาพตลาดอำนวยฯ...ทำให้ผมไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่าที่วางแผนไว้
(ผมอาจไม่ได้เก่งอะไรเลย แต่ตลาดมันอยู่ในช่วงกระทิงต่างหาก!!!)
รวมทั้งความโชคดีของผมที่ลงทุนในหุ้น Turnaround ที่ถูกตัว (อันนี้คงมีเรื่องฟลุ๊คผสมอยู่ด้วยอ่ะนะครับ)

การลงทุนในหุ้น "ต้องถูกตัว และถูกเวลาเท่านั้น"
ผิดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้เลย

"จำนวนหุ้นที่ผมซื้อ" จะแปรผันตรง(Direct Variation) กับ "ความมั่นใจในบริษัทฯ" ของผมเสมอ
กล่าวคือ...

มั่นใจน้อย...ก็ซื้อน้อย (แล้วค่อยๆติดตามผลประกอบการไปเรื่อยๆ)
มั่นใจมาก...ก็ซื้อมาก
แต่ถ้ามั่นใจสุดๆ...ก็ "ตีแตก" ทันทีครับ...

และการที่เราจะเข้าไปมีชื่อเป็น "ผู้ถือหุ้นใหญ่" นั้น...เราควรจะมั่นใจสุดๆเท่านั้น


สำหรับผมแล้ว...
ถ้าให้เวลาผม 1 ชม. แล้วให้ผมพูดถึงรายละเอียด และข้อดีข้อเสียของบริษัทฯที่ผมสนใจจะลงทุน
รวมทั้งให้พูดถึง "SWOT Analysis ของบริษัทฯ , ความเป็นมาในอดีต , สภาวะในปัจจุบัน และแนวโน้มกิจการในอนาคต"
รวมถึงวิศัยทัศน์ของผู้บริหาร
ถ้าผมยังพูดไม่ได้!!!...นั่นแปลว่า ผมอาจจะยังพร้อมที่จะตีแตกในบริษัทฯนั้นๆ(เพราะเราอาจจะยังไม่รู้จักมันดีพอ หรือมันอาจจะยังไม่น่าสนใจเพียงพอ)

2 บริษัทฯที่มีชื่อผมอยู่...
ผมสามารถเปิด RoadShow ให้กับใครก็ได้ที่สนใจจะรู้ข้อมูล ได้อย่างทันที
และผมก็พูดให้คนรอบข้างฟังบ่อยซะด้วยซิ (ยิ่งพูด ก็ยิ่งได้รับ Feedback หรือข้อมูลที่เราไม่เคยรู้มาก่อน)
1 ชั่วโมง ต่อหนึ่งบริษัทฯ ยังไม่รู้จะพอให้ผมพูดหรือเปล่าอ่ะนะครับ 555+

"2 บริษัทฯที่ผมลงทุนนั้น" ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมามากกว่า 200%ไปหมดแล้ว!!!
ดังนั้นกระทู้นี้จึงไม่ใช่การเชียร์หุ้น
มันเป็นเพียงแต่ "คนธรรมดาคนนึง...มานั่งเล่าความฝันของตัวเอง" ก็เท่านั้นจริงๆครับ
(^_^)


ปล.
1) แม้ว่า "การเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่(ของบริษัทฯที่ดีๆ)" จะเป็นความฝันหลักของผม แต่ผมก็มีความฝันรองอื่นๆเช่นกัน
ดังนั้น ถ้าผมมีเหตุจะต้องใช้เงิน ผมก็อาจจะต้องขายหุ้น และสละการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไป!!!
เพื่อความฝันรองของผม
มันก็คงเป็นธรรมดา และความจริงง่ายๆ...เช่นนั้นเอง

2) ผมเองก็กำลังพยายามหาบริษัทฯที่ 3 ต่อไปเช่นกัน
แต่ภาวะตลาดช่วงนี้ เริ่มหาหุ้นดีๆที่จะลงทุน ยากเต็มที...ว่าไหมครับ?

ยังเคยนึกว่าคุณ pak
เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับที่ 22 ของ NC ซะอีก

บริษัทที่ 22 คือ FOCUS
ราคาพาร์ = 1.00 บาท
จำนวนหุ้นทั้งหมด = 125,000,000 หุ้น
Market Cap. ในปัจจุบัน = 162.50 ล้านบาท

จำนวนหุ้นขั้นต่ำที่คุณต้องมี = 625,000 หุ้น
(นั่นคือคุณจะต้องมีจำนวนอย่างน้อย 0.5%ของหุ้นทั้งหมด ในกรณีถ้าคุณอยากเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่)
ราคาปิดเมื่อวาน = 1.30 บาท

ดังนั้นจำนวนเงินที่คุณจะต้องใช้ในการซื้อ(โดยประมาณ) = 812,500 บาท


จะว่าไปแล้วบริษัทฯ FOCUS ก็เป็นเพียง "บริษัทฯรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็ก" ที่ไม่ได้มีความน่าสนใจอะไรนัก
แต่บริษัทฯก็มี "ก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลง" อยู่บ้างเช่นกัน
กับการผันตัวเองจาก "ผู้รับเหมาก่อสร้าง" มาเป็น "Developer"
กับผลงานคอนโดฯเล็กๆแห่งแรก คือ "โฟกัส ออน ศาลาแดง" ซึ่งทำเอง ขายเอง
โดยโครงการแรกนี้ มีจำนวนห้องเพียง 62 ยูนิตเท่านั้น และมูลค่าโครงการประมาณ 286 ล้านบาท
สำหรับการเริ่มต้นการเป็น Developer เช่นนี้
ซึ่งผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่า "นี่เป็น Timming การเริ่มต้นที่ดี...จริงๆหรือ?"

แต่สิ่งที่น่าจับตามองสำหรับผม คือ CEO ครับ
กับ "คุณอนุชา สิหนาทกถากุล" ซึ่งจบปริญญาตรีและโท ทางด้านการเงิน จากสหรัฐอเมริกา
และปัจจุบัน คุณอนุชา ยังมีดีกรีเป็นถึง "บอร์ดของหลายๆบริษัทฯในเครือของบริษัท อมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)"
และในอดีต ท่านยังเคยเป็นบอร์ดของ PTTEP อีกด้วย
และยังมีประเด็นที่น่าสนใจคือ การลงทุนของบริษัท FOCUS ใน "บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน สยาม ไนท์ ฟันด์ แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ Siam Knight Fund Management Securities Co., Ltd (SKFM)"
และการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ RAIMON (ซึ่งในปัจจุบันบริษัทฯได้ขายเงินทุนระยะยาวในส่วนของ RAIMON ออกไปทั้งหมดแล้ว!!!)

สัดส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ น่าจะอยู่ในตระกูล "สิหนาทกถากุล" เพราะบริษัทฯนี้เป็นธุรกิจในตระกูลของท่าน
แต่บริษัทนี้ก็เคยมีข่าวจะถูกเทคโอเวอร์จากกลุ่ม "เสี่ยวิลลี่" หรือ นายวิรัตน์ อุดมสินวัฒนา
แต่ภายหลังข่าวก็เงียบหายไป คงเหลือไว้เพียงโวลุ่มการซื้อขายเบาบางที่อาจจะเรียกได้ว่า "สภาพคล่องต่ำมากๆ"


"เงิน 8 แสนกว่าบาท" ครับ กับการเข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯที่มี CEO ที่น่าสนใจแห่งนี้ครับ

ข้อมูลเพิ่มที่ : http://www.focus-pcl.com/

^
^
พอกลับมาอ่านเองอีกทีแล้ว
ผมรู้สึกว่า ผมจะเขียนข้อมูลตกไป "มุมนึง" อ่ะนะครับ
เพื่อความแฟร์ต่อผู้อ่าน เราควรให้ข้อมูลที่ครบถ้วยครับ คือ...

"แม้ว่า CEO จะมีความน่าสนใจตามที่ได้กล่าวไป แต่ท่านก็เคยมีข่าวในทางลบเช่นกัน" คือ...
หัวข้อข่าว : "ก.ล.ต.ปรับ1.3ล้านบิ๊กFOCUS ฐานร่วมมืออำพรางหุ้น-ปั่นราคา"
จาก ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 9 กันยายน 2552
ที่ http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000104346

long141 เขียน:ตกลงได้เป็น หรือยัง คัรบ โชว์ หน่อยเร็ว

รู้สึก ยังไง เสียว ซาน หรือ เปล่า\.......

แต่ ผถห ใหญ่ ก็ ไปสั่ง คนนั้น คนนี้ ในบริษัทไม่ได้นิ ต้องเป็น กก ก่อน

Ratio ที่ผมใช้คือ "อัตราส่วนของความสุขต่อความเสียว(เมื่อถือหุ้นนั้นเอาไว้)" อ่ะนะขอรับ
ถ้ามากกว่า 1 ถือว่า โอเค
แต่ถ้าน้อยกว่า 1...อันนี้คงต้องพิจารณาใหม่อีกทีอ่ะนะขอรับ 555+

(^_^)

สุดยอดครับ พี่ pak ขยันมาก

ไม่ทราบว่า market cap. นี่หายังไงครับ

หาได้แล้วครับ market cap ขอบคุณครับ

เห็นใน signature คุณ pak



อันนี้คือเป้า ที่ตั้งไว้ว่าจะทำ dividend ต่อปีรึเปล่าครับ?

Ii'8N เขียน:เห็นใน signature คุณ pak



อันนี้คือเป้า ที่ตั้งไว้ว่าจะทำ dividend ต่อปีรึเปล่าครับ?

ให้ผมทาย นะครับ
จำนวนหุ้น ณ ปัจจุบัน ของ ตัวที่ถือตอนปิดสมุด ไว้ 5,000,100 หุ้นแน่เลยครับ

มีคำถามครับ ทำไมชื้อ เศษไว้ 100 หุ้นอ่ะครับ

ผมขอเดา ว่า 100 เป็นหุ้นที่ซื้อไว้ตอนแรกเพื่อรับรายงานประจำปี
หรือเปล่าครับ แล้วค่อยซื้อเพิ่มเมื่อมั่นใจเต็มที่

superme เขียน:มีคำถามครับ ทำไมชื้อ เศษไว้ 100 หุ้นอ่ะครับ

อย่าไปใส่ใจกับตัวเลขเลยครับ เพราะตัวเลขดังกล่าว มันก็ "มีขึ้นมีลง" ตามสถานการณ์ ไม่เคยหยุดนิ่ง

แต่ถ้าเกิดคน 2 คนมีหุ้นจำนวนพอๆกัน
"อันดับของผม" ก็จะเฉือนชนะเค้าตรง "100 หุ้น" นี่แหล่ะครับ (ฮา....)

บทความเรื่อง : CEO ก็คือโชเฟอร์ของเรา
By pak


ถ้าเปรียบเทียบ CEO ของบริษัทฯเป็นเสมือน "โชเฟอร์" หรือ "คนขับรถ" ซักคันหนึ่ง
การเป็น "ผู้ถือหุ้นใหญ่" ก็คงเปรียบเสมือน "เราขึ้นมาจองที่เพื่อโดยสารไปกับรถคันนั้น"

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า...
"ถ้าเราจะตัดผมร้านไหน เราก็ต้องไว้ใจและชื่อมือช่างตัดผมร้านนั้น
เช่นกัน ถ้าเราจะขึ้นนั่งรถคันไหน เราก็ต้องไว้ใจและเชื่อมือ โชเฟอร์ของรถคันนั้น เช่นเดียวกัน!!!"

"โชเฟอร์" คือ คนที่กุมชีวิตของเราไว้ครับ
เพราะ "โชเฟอร์" อาจจะพาคุณไปสู่จุดปลายทางได้อย่างปลอดภัย
หรือ "โชเฟอร์" อาจจะพาคุณแหกโค้ง ,ตกหน้าผา หรือลงเหวที่ไหนซักแห่งก็ย่อมได้!!!

แต่ก็มีบ้าง ที่โชเฟอร์ แอบขับรถสวีทสวาทไปบ้าง
หรือบางทีก็ขับรถกระแทกกระทั้น หรือขับรถผ่านหลุมบ่อโดยไม่แตะเบรค
เสมือนจะ "เขย่า" พวกเราให้ทนไม่ไหว แล้วขอลงจากรถ

แต่ขอบอกจากใจผู้ถือหุ้นรายใหญ่(ตัวเล็กๆคนหนึ่งคนนี้)ว่า...

"ขับต่อไปเถอะครับ เพราะไม่ว่าคุณจะ "เขย่า" อย่างไรก็ตาม ผมก็จะยังคงอยู่บนรถคันนี้"

เพราะผมรู้สึกว่า...

วันนี้ ผมไม่ได้เป็นเพียงแค่ "ผู้โดยสาร"
แต่ผมกลับรู้สึกว่า...ผมเป็น "ส่วนหนึ่งของรถคันนี้" ไปเรียบร้อยแล้ว!!! อ่ะนะครับ


...ว่าแต่ว่า "วันนี้ คุณมีโชเฟอร์ที่คุณไว้ใจได้แล้วหรือยังครับ?"



Pak
(^_^)

ตามมาอ่านพี่เล่าเรื่อง

บทความเรื่อง : "เส้นทางนักลงทุน(ที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ)"
By pak, 21 มี.ค. 55

ผมยอมเป็น "คนโง่" ในสายตาของคนอื่น แต่ผมจะไม่ยอมทรยศต่อความฝันของตัวเอง
...นั่นคือ ประโยคที่ผมพูดกับตัวเองในหัวใจ

ปี 2555..."นักลงทุนรุ่นใหม่" และ "เซียน"...เกิดขึ้นมากมาย
คอร์สและหลักสูตรต่างๆที่เกี่ยวกับ "หุ้น"...มีมากมาย และผู้คนก็พร้อมใจที่จะจ่าย เพื่อให้ได้เคล็ดลับวิชาอันสุดยอดนั้นมา
ผู้คนมากมายต่างโพสต์ "ผลตอบแทนการลงทุน" กันอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ

"วีไอ"...มักอยู่ในซอกมุมเล็กๆที่ผู้คนมองมาไม่ถึง
แต่ "ฟันด์โฟล์"...เข้ามาในที่แจ้ง หรือ Top Pick เสมอๆ

"วีไอ"...มิได้หรี่แสงในตนเองลง
แต่ "สปอร์ตไลท์ฟันด์โฟล์"...มันสาดส่องไปบนเวทีที่ตัวแสดงเอกต่างหาก
...จุดสนใจถูกเปลี่ยน มันก็เท่านั้นเอง

"วีไอ"...ถูกมองว่า "คร่ำครึ, ไม่ตามกระแส และมีอัตตาในตนเอง!!!"
แท้จริงแล้ว...
"ท่ามกลางตลาดที่เปลี่ยนแปลง เราเองไม่ได้เปลี่ยนไป"
เรายังคงมีแกนกลาง หรือหลักยึดที่เหมือนเดิม
เรายังคงเลือกลงทุนในกิจการที่เราวิเคราะห์ว่ามี mos และมีเชื่อมั่นในกิจการนั้นๆ

นักลงทุนที่เก่งกาจ...กลายเป็นคำชื่นชมสำหรับผู้ที่ได้ผลตอบแทนมหาศาลในเวลาอันรวดเร็ว!!!
ผมเองยอมรับว่า...ท่านเหล่านั้นเก่งในแนวทางของเค้า
และผมบอกตัวเองเสมอว่า...

"ไม่มีเงินง่ายๆ...บนโลกใบนี้
การลงทุน...ไม่ได้ถูกโรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
และผมยอมเป็นนักลงทุนโง่ๆ ผลตอบแทนแสนธรรมดา แต่ผมมีความสุขในการลงทุนในแนวทางที่ตนเองเลือกเดิน
และมีความสุขที่ได้ฝันครับ"

pak (^_^)

เยี่ยมๆๆ เห็นหลายกระทู้แล้ว

เยี่ยมมากเลยครับ คุณนพดล ดาวแสงสว่าง น่านับถือๆ

หนทางการลงทุนยังอีกยาวนานและคงดำเนินตลอดไปตราบใดที่ยังมีตลาดหลักทรัพย์อยู่ ขอแค่อย่าประมาทหรือมั่นใจจนเกินไปจนเกิดความลำเอียงไปด้านหนึ่งด้านใดมากเกินไป จงเดินทางสายกลางได้แล้วนั้น หนทางนั้นจะยืนยาว มั่นคงและยั่งยืนตลอดการเดินทางอันแสนยาวไกล

ขอบคุณสำหรับแนวคิดดีๆ ค่ะ แล้วมาเขียนอีกนะคะ

กลับมานั่งอ่านกระทู้นี้ที่ตัวเองเขียนไว้อีกครั้ง
นี่คือ "กระทู้ทางเลือก(สำหรับการลงทุน)" ที่น่าสนใจดีเดียวครับ
โดยมิได้บอกหรือเชียร์ให้ซื้อ
แต่เป็นการแชร์มุมมองอีกมุมหนึ่ง ในลักษณะการลงทุนแบบเข้าเป็น ผถห.รายใหญ่ โดยใช้เงินไม่มากนัก เท่านั้นเองครับ

ณ วินาทีนี้...ด้วย Concept แบบกระทู้นี้
เราจะหาหุ้นที่เราจะสามารถเข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยเงินน้อยๆได้ยากเต็มที
เพราะหลายๆบริษัทฯราคาก็ปรับขึ้นกันไปหมดแล้ว
ที่เหลือพอมีอยู่ก็คงเสี่ยงเต็มที เพราะของดีราคาถูกที่คนยังมองไม่เห็นคงเหลือน้อยเต็มที

อยากเป็นบางครับ ยังไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลย

ไปนั่งขบคิดมา
อาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ก็พอมีเค้าบ้างนะครับ ^ ^

กับ 8 ข้อง่ายๆ ในตรวจการสอบเบื้องต้น ว่า...
คุณคือ “นักเก็งกำไร” หรือ “นักลงทุน” ?

กำลังจะเป็นครับรอปิดสมุดทะเบียนอยู่ซื้อหุ้นในกลุ่ม factoring ตัวหนึ่ง

รู้สึกดีแบบเงียบๆ
(ปีที่แล้ว มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทประกัน)

เข้ามาอ่านหัวข้อนี้อีกครั้ง หลายบริษัทที่คุณ pak พูดถึงราคาขึ้นไปหลายเท่าตัวอย่างน่าตกใจ ตอนนี้ไม่แน่ใจว่าเรายังมีโอกาสแบบนั้นอยู่หรือไม่ครับ

คิดว่าเม.ย.นี้ครับ
จะเซฟเก็บไว้หน่อยครับ

หุ้นที่ใช้เงินน้อยสุดและจำนวนเงิน (ไม่คิดเรื่องสภาพคล่อง) ในการติดผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (ไม่นับหุ้นบุริมสิทธิ์) ตอนนี้น่าจะเป็นอย่างนี้ครับ
1. YCI 280,000
2. BNC 670,000 (โรงงานหยุดผลิต)
3. DTCI 800,000
4. CHUO 800,000
5. TUCC 810,000 (เสี่ยงโดนแขวน SP)
6. TCOAT 1,100,000
7. CYBER 1,180,000
8. TSI 1,220,000
9. SAWANG 1,300,000
10. DIMET 1,390,000
11. STAR 1,390,000
12. ADAM 1,460,000
13. BSM 1,460,000
14. BTNC 1,470,000
15. MME 1,490,000

มาอ่านตอนนี้ก็ยังได้ความรู้ที่ทันสมัยอยู่นะครับ
ขอบคุณพี่ pak ครับ

ชอบกระทู้นี้จัง

ขอบคุณครับ ได้อ่านประสบการณ์สั้นๆๆ เห็น time line และข้อเตือนใจ ที่ดีครับ