บทเรียน สำหรับ VS

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
chopper
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง
ยามหุ้น พุ่งทยาน เหล่านักเกร็งกำไร สนุกสนาน
ใครถือหุ้นกินปันผล ถูกหัวเราะเยาะว่า
โง่หรือ กินปันผล ปีละ 5-6 %
คนอื่นเขา กำไร วันละ 5-6 %

พอยาม หมีมาเยือน พวกที่ติดหุ้น
ก็จะมาคุยว่า ที่ถือนี่รอรับปันผล นะ
หุ้นตกไม่เป็นไร ยังถือรอได้ มีปันผล
แต่ไม่ยอมบอกว่า ทุนหายไปครึ่งแล้ว

บทเรียนแบบนี้ มีให้เห็นทุกปี ๆๆๆๆๆๆๆๆ
นานๆๆๆ แสนนานๆๆๆๆ
หน้าเก่าไป หน้าใหม่มา
ก็ เป็นเช่นเดิม
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 3

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมว่า VS ที่เก่งๆ เค้าก้อคงมีแหละครับ แต่ไม่เยอะหรอก 100 คนจะมีสัก 2-3 คนมันขึ้นอยู่กับประสพการณ์มากกว่า อย่าไปตีกรอบว่า VS หรือ VI เลย

แต่รายย่อยบางคนเค้าเกร็งกำไรโดยไม่มีวินัย เค้าเลยเป็นแมงเม่า ถือยาวแบบจำเป็น มีอยู่กลุ่มนึงขี้โม้ครับ ว่าได้กำไรเท่านั้นเท่านี้ พูดแต่ตัวที่กำไรคับ ตัวที่ติดอยู่ไม่พูด พอถามลึกๆ เข้าก้อบอกว่ายังไม่ขายก้อยังไม่ขาดทุนนะสิ

อันนี้เพื่อนผมเองนะคับ ไม่ได้ว่าสุ่มๆ ใครมีวินัย รู้จัก cut-loss จับขาขึ้นขาลงตลาดได้แม่นยำ อันนี้ผมเองก้อนับถือและไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสามารถยังงั้นได้ครับ

ผมก้อเลยต้องเล่นแบบซื้อแล้วอมหุ้นครับ วิเคราะห์จนละเอียดแล้วซื้อ ปีนึงวิเคราะห์ได้ไม่เกิน 2-3 ตัวครับ มันเหนื่อยเหมือนกันนะกว่าจะเลือกตัวที่ถูกใจได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา1
Verified User
โพสต์: 1092
ผู้ติดตาม: 4

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 3

โพสต์

8) พวกเราลองมารวมตัวกัน

คุยกันสัก15ปี แล้วถึงจะรู้ ว่าใครเก่งกว่าใคร

ถ้าสายVS ผมนับถือ.....คุณคลายเครียดและคุณอยากเชือกและยาจกซู

หนังเหนียวเคี้ยวไม่ขาด

อยู่มาพอๆกับเปิดตลาดเอาตัวรอดแบบเล่นหุ้นอย่างเดียว




ส่วนคุณคนที่โพท์ส ผมยังไม่เห็นฝีไม้ลายมือคุณเลยว่าเก่งแค่ไหน

และไม่ได้ดูถูก ว่าคุณจะอยู่ได้นานเท่าไหร่อีกสักกี่ปี

ถ้าอยู่คุยกันได้นานเป็น10ปีก็จะดีมากเลยครับ

จะได้มีประสพการและมีบทเรียนมาสอน นักลงทุนรุ่นใหม่

ให้เขาเห็นคุณค่า ว่าการลงทุนมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด...........
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
chopper
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ผมอยู่มา 12 ปี ครับคุณ ปรัชญา
ที่จริง ผมน่าจะเรียก ตัวเองว่าเป็น VS มากกว่า
ไม่งั้นคงไม่รอดตอน 1700 จุดครับ
เพราะสั่งขายล้าง port ราคา floor อยู่ 2-3 วันกว่าจะหมด

ผมเลยอยากออกมาเตือน VS ครับ ให้เป็นบทเรียน
ไม่งั้น ก็จะติดดอยเสมอๆ
รักเป็น VI ไม่ต้องกังวลมาก รักเป็น VS ก็ ต้องใจนักเลงหน่อย
กล้าได้กล้าเสีย ข้อนี้สำคัญ เพราะส่วนใหญ่มีแต่กล้าได้

ใหนๆ คุณปรัชญา ว่ามาแล้วก็ขอบอกเลยละกัน
เมื่อ 12 ปีก่อน เริ่มด้วย 300000
ตอนนี้ ประมาณ 60 ลบ
แต่ระหว่างนั้น มีเงินเดือนเหลือก็ ลงไปหมด เพิ่มทุนเท่าที่มี

ตอนนี้ เป็นพวกผสม 2 แบบครับ แต่ยังชอบพวก Wมากๆ
tiik
Verified User
โพสต์: 2
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เป็นน้องใหม่ค่ะ ขอเข้ามาแนะนำตัว :D อยู่มาปีกว่าๆ ไม่ค่อยซื้อ ไม่ค่อยขายเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี :? บางตัวดีดี ซื้อไว้แล้วมันขึ้นก็ไม่กล้าขาย กลัวขายหมู เลยต้องถือไว้ก่อน :wink: บางตัวซื้อมาพักนึงแล้วมันตกก็ขายไม่ได้กลัวขาดทุน รอมันจนขึ้นมาพอได้ทุน ตัดใจขาย มันดันขึ้นต่อไม่หยุด ต้องนั่งเจ็บใจอยู่คนเดียว :evil:
ทำไปทำมา ช่วงหลายวันก่อนหุ้นตก ก็อยู่เฉยๆ รอว่าเมื่อไหร่จะหยุดตกจะได้ซื้อ อยู่ๆ เมื่อวานมันขึ้นมา ตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เลยไม่ได้ซื้อ วันนี้ว่าจะซื้อ ก็แหม สองวันก่อนราคาถูกกว่านี้ตั้งเยอะ ไม่อยากซื้อแพง เฮ้อ แล้วเมื่อไหร่จะได้เป็น VI หรือ VS กะเค้ามั่งก็ไม่รู้นะคะ
ภาพประจำตัวสมาชิก
sirivajj
Verified User
โพสต์: 985
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 6

โพสต์

คุณ tiik หากตั้งใจและหมั่นศึกษาจริงจัง ก็คงจะได้ประสพการณ์และเป็น VI ที่ดีได้ครับ
โชคดีนะครับ
ปล. ในความเห็นของผมหุ้นเล่นได้เรื่อยๆ ไม่ได้ซื้อวานนี้ ก็ทำการบ้านแล้วหาจังหวะซื้อใหม่ได้เสมอ เสมอครับ ขอเพียงอย่าไปไล่ซื้อ เพียงเพราะถูกเร้า ด้วยภาวะที่เห็นคนอื่นได้กำไรกันล่ะครับ
What do you mean.?
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา1
Verified User
โพสต์: 1092
ผู้ติดตาม: 4

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 7

โพสต์

chopper เขียน:ผมอยู่มา 12 ปี ครับคุณ ปรัชญา
ที่จริง ผมน่าจะเรียก ตัวเองว่าเป็น VS มากกว่า
ไม่งั้นคงไม่รอดตอน 1700 จุดครับ
เพราะสั่งขายล้าง port ราคา floor อยู่ 2-3 วันกว่าจะหมด

ผมเลยอยากออกมาเตือน VS ครับ ให้เป็นบทเรียน
ไม่งั้น ก็จะติดดอยเสมอๆ
รักเป็น VI ไม่ต้องกังวลมาก รักเป็น VS ก็ ต้องใจนักเลงหน่อย
กล้าได้กล้าเสีย ข้อนี้สำคัญ เพราะส่วนใหญ่มีแต่กล้าได้

ใหนๆ คุณปรัชญา ว่ามาแล้วก็ขอบอกเลยละกัน
เมื่อ 12 ปีก่อน เริ่มด้วย 300000
ตอนนี้ ประมาณ 60 ลบ
แต่ระหว่างนั้น มีเงินเดือนเหลือก็ ลงไปหมด เพิ่มทุนเท่าที่มี

ตอนนี้ เป็นพวกผสม 2 แบบครับ แต่ยังชอบพวก Wมากๆ


-------------------------------------------------------------------------------------


:roll: ที่จริงผมไม่ค่อยอยากจะเล่าถึงเรื่องนี้มากนัก

แต่ก็คงถึงเวลา อันควรเล่าแล้ว

เพราะผมคงไม่มีเวลาจะอยู่กับสังคมเน็ต

มากหรือนานเกินไป คงอีกไม่กี่เดือน

ผมก็ยังยืนยันคำว่า VI

นักลงทุนหุ้นเน้นคุณค่า ถ้าเรามีเงินมากพอที่จะสร้างพอท์ต

หมายถึงมีเงินเป็น10ล้านหรือรายได้เดือนละเป็นแสน

ผมว่าก็ มีทางเป็นไปได้สูง


แต่ถ้ากำเงินเข้าตลาดมา คนละ3แสนบาท

ระหว่างนักเก็งกำไรและ นักลงทุนหุ้นคุณค่า

มันเหมือนคนว่ายน้ำกลางทะเลแทบไม่เห็นฝั่งครับ

วิน่ะดี 100% ผมไม่มีข้อโต้แย้ง

แต่ถ้าจะเอาแต่เงินปันผลมาตบแต่งพอท์ต ผมท้าได้เลยโตไม่ทันตลาด

3แสนของท่านวันนี้ก็คงไม่เกิน1ล้าน

ผมก็เหมือนคุณ ผมกำเข้ามา3แสน แต่วันนี้ผมก็มีมูลค่าเกิน30 ล บ.

เหมือนกัน มาจากเก็งกำไรครับ

คุณมนตรี คุณอาจอง คุณธันวา คุณวิบูลย์

จะโกรธเกลียดผมเพราะเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไรครับ ทำใจไว้แล้ว




คนเราเหมาะกับบางสถานที่ และเหมาะกับบางเวลา




ขอล่วงเกิน ท่าน ดร.นิเวศน์ ของผมสักหลายครั้งเถอะ

ผมว่า.......ท่านเล่นทั้งอินไซด์ โดย.....รู้ข้อมูลภายในหลายบริษัท

ฉวยโอกาสและเก็งกำไรสุดชีวิต มากกว่าผมที่เคยเป็นซะอีกครับ

กลับไปอ่านหนังสือเก่าๆของท่าน

ที่พูดถึงแต่ส่วนดีของการลดค่าเงินและบริษัทโชติ

แต่ไม่ได้ชี้ให้เห็นถึงผลเสียถึงค่าเงินแข็ง

สอนให้ดูP/B P/E และหลายอย่าง

แต่ท่านรู้ทิศทางเศรษฐกิจว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางรถยนต์ในเอเชีย

รู้ว่าไทยแสตนย์เล่จะย้ายบริษัทแม่มาผลิตที่ไทย

ผมตามท่านตลอดท่านไม่เคยบอกเรื่องราวเหล่านี้ ผมท้าได้เลย

แล้วท่านก็ขายเกือบทุกตัวหุ้นตั้งแต่วาโก้ โชติวัฒน์ มาม่า

ทุ่มลงไปกับหุ้นตัวนี้ มันเหมือนหลอกนักลงทุนรุ่นใหม่ให้ดูค่าโน่นค่านี่

ท่านกับทำตรงกันข้าม

กอบโกยซื้อเอาซื้อเอา

จนตอนนี้หลายแสนหุ้นแล้ว


ถ้าท่านแน่จริงออกมาชี้แจงให้ผมรู้และเข้าใจหน่อยก็ดี

แต่ถ้าท่านทำเฉย ผมก็ว่าผมคิดของผมถูกละครับ

เบื่อ VI จอมปลอม



ข้อความนี้ไม่ถูกใจหรือไม่เหมาะสมลบทิ้งได้เลยครับ
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
moo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1150
ผู้ติดตาม: 2

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 8

โพสต์

อ่านโพสของพี่ปรัชญาแล้ว รู้สึกว่ามีอะไรซ่อนอยู่หรือครับ
ในแต่ละแนวทางผมเชื่อว่ามีคุณค่าในตัวของมันเองอยู่แล้ว
จะแนวอะไร ที่จริงก็คือการลงทุนเพื่อผลตอบแทนตามที่ทุกคนคาดหวังไว้
พี่ปรัชญาครับ ผมว่าแนวทางของพี่คือ สุดยอดของวิชาแล้วครับ
เปรียบเหมือนวิทยายุทธ์ที่เมื่อเราเริ่มศึกษา แน่นอนว่าเราต้องเริ่มที่พื้นฐาน ท่ามวย การออกหมัด เรียนรู้เคล็ดวิชาต่างๆ ศึกษาให่รู้ รู้จริง และเมื่อถึงที่สุดแล้ว ท่ามวย เคล็ดวิชาต่างๆ ต้องลืมให้หมดครับ จึงจะเป็นสุดยอด เพลงมวย ถ้ามวยไทย มีหมัดตรง หมัดฮุก หมัดสวิง หลายต่อหลายท่ามวย แต่ที่สุดแล้ว ยิงตรงดีที่สุด เร็ว แม่น คู่ต่อสู้อ่านยาก
หลากหลายความรู้ที่นี่ ล้วนมีประโยชน์อย่างยิ่งครับ ไม่ว่าแนวไหน ผมว่าอยู่ที่ผู้ศึกษา เรียนรู้แล้วนำไปพัฒนาต่อเพื่อให้เหมาะกับตัวเอง จึงจะประสพความสำเร็จครับ
ในเวปน่าจะมีความหลากหลายครับ เพื่อน้องๆจะได้นำไปประยุกต์ต่อไปตามแนวทางและข้อจำกัดของตน
รู้ถึงขั้นมองปราดเดียว อ่านออก รับได้ รู้จนเป็นสันชาตญานแล้วอย่างพี่นี่ผมนับถือว่าเป็นสุดยอดครับ :D
เชื่อว่าพี่ๆทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นพี่มนตรี พี่อาจอง พี่ธันวา พี่วิบูลย์(อ่านกระทู้ที่พี่กรุณาให้เป็นวิทยาทานไว้ไม่เคยขาดซักวัน พิมพ์เก็บไว้อ่านด้วย) และืท่านอื่นๆคงเข้าใจครับ :D
ส่วนตัวผมยอมรับความหลากหลายและชอบที่ได้เรียนรู้กับมันครับ
พี่ปรัชญาอย่าหายไปไหนนะครับ อยู่ให้วิทยาทานกับน้องๆด้วยเถอะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
champ
Verified User
โพสต์: 1280
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 9

โพสต์

พี่ปรัชญาจะไปไหนเหรอครับ
เห็นบอกถึงเวลาอันควรแล้วครับ
อยู่ด้วยกันแหละครับพี่
ผมว่าจริงๆแล้วผมก็ยังไม่รู้เลยว่าเป็น VI หรือ VS ดีกว่ากันครับ
เพราะในพอร์ทผมมีทั้งสองอย่าง
อย่างตอนนี้ มี TFI ที่เล่นกับข่าวว่าจะไป 2 บาท
ช่วงหุ้นตกลงมา ผมก็มึนเหมือนกันครับ
ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเก็บไว้ดีหรือเปล่า
แต่มันยังไม่ลงไปที่ทุนก็เลยถือต่อครับ
แล้วจริงๆที่พี่พูดผมก็ว่าจริงนะครับ
ปีนี้ที่ผมได้หนักๆ ก็หุ้นเก็งกำไรทั้งนั้นแหละครับ
อย่าง KRP เพื่อนผมบอกมา ว่ามีข่าวต้องเก็บแล้ว
ผมฟาดไปแสนหุ้น ก็ได้กำไรมา 250,000 บาท
ในเวลา 3 วัน
ส่วนที่เก็บตายอย่าง TF ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรให้ได้มากมายหรอกครับ
FE ที่ผมถามพี่ตอนนี้ผมมี 2,000 หุ้น ทุน 84 ถามว่ากำไรมั้ย
กำไรครับ แต่ช้า ถ้ากินปันผลคุ้มมั้ย คุ้มครับ
แต่ถ้าผมเอาไปซื้อ TFI ละ ไม่ยิ่งคุ้มกว่าเหรอ
ซึ่งผมไม่สามารถเอามาบอกที่นี่ได้ เพราะมีกฎอยู่และผมคงไม่สามารถแหกกฎของที่นี่ได้
ผมว่าที่นี่คุยกันแบบสบายๆกันบ้างดีมั้ยครับ
จะได้ไม่เครียด เห็นตอนแรกที่ผมเข้ามาก็ตั้งกฎว่า
จะโพสชื่อหุ้นก็ต้องมีเหตุผลมารองรับด้วย
แต่เดี๋ยวนี้ผมว่ามันก็คลายลงไปเยอะแล้วนะครับ
เหรียญยังไงก็มี 2 ด้านอยู่แล้ว
จริงมั้ยครับ กฎคนตั้งขึ้นมา คนตั้งก็ย่อมแก้ได้
METCO ก็เหมือนกันครับ พูดจริงๆแล้วผมก็ซื้อเก็งกำไรนั่นแหละครับ
เพราะเมื่อหุ้นมีปันผลยังไงราคาก็ต้องไป
ซึ่งทุกคนรู้กันอยู่ทุกคนแหละครับ
ผมก็เพียงแต่มาบอกตอนที่มันลงให้เก็บ
เหมือนที่โพสบอกพี่ปรัชญา ว่า 218-220 เก็บได้
ซึงผมไม่รู้ว่าพี่ได้อ่านหรือเปล่าหรือพี่อาจจะไม่ชอบหุ้นตัวนี้ก็ได้
พอผลประกอบการออกมามันก็ไปตามสเตปของมันก็แค่นั้นเองครับพอมันขึ้นหนักๆ ผมก็อาจจะขายออกครึงหนึ่ง ที่เหลือเก็บไว้เป็นทุนให้ต่ำๆไว้เล่นปีหน้าครับ
เหมือนกับพี่ปรัชญานะครับ
ถ้าไม่ถูกต้องก็ลบออกไปได้นะครับ
VIB007
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 2035
ผู้ติดตาม: 71

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 10

โพสต์

พี่ปรัชญาจะไปไหนครับ
อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน

ผมว่า"การลงทุน"ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิดหรอกครับ
แต่การลงทุนด้วยพื้นฐานทำให้เราไม่ถูกนักปั่นลากไปเชือด
แต่ใครจะทำผลตอบแทนได้มากได้น้อยแค่ไหน
ก็แล้วแต่ละคน

การลงทุนแบบ VI
ถ้าเราเห็น"โอกาส"ที่ดีกว่า
เราก็เปลี่ยนตัวได้ครับ
ไม่จำเป็นต้องถือตลอดก็ได้
ไม่มีกฎห้ามขาย
เอาทุนไปต่อทุนได้ครับ

เพียงแต่
สมมุติฐานของการลงทุนมีอยู่ว่า
ถ้าผลประกอบการบริษัทเป็นอย่างไร
ราคาหุ้นก็จะไปทางนั้น
ถ้าผลประกอบการแย่ แต่ราคาพุ่งแสดงว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ขณะที่"นักเก็งกำไร"ในความหมายของผม
ก็คือคนที่สนใจใน"ราคา"อย่างเดียว ไม่สนใจพื้นฐานบริษัท
โอกาสที่จะเป็น"แมงเม่า"ก็จะสูงเพราะถูกดึงดูดด้วย"ราคา"ที่สูงขึ้นๆ
แล้วขาใหญ่ก็ปล่อยของ ออกไม่ทัน

วันนี้ ผมยังไม่มีตังค์เท่าพี่
แต่ก็คิดว่า
ความคิดความเห็นของพี่มีประโยชน์ต่อรุ่นหลังมากๆเลยครับ
ยังไง ก็อย่าทิ้งกันไปเลย
ช่วยมองกันหลายๆมุม น้องๆจะได้อะไรลึกซึ้งขึ้นครับ
ไม่เคยโกรธหรือเกลียดความคิดเห็นแบบอื่นๆเลย
จริงๆนะครับ
และผมก็คิดว่า คุณมน คุณธันวา ก็คงคิดคล้ายๆกัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
ayethebing
Verified User
โพสต์: 2125
ผู้ติดตาม: 3

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 11

โพสต์

นั่นดิพี่ปรัชญา คนดีแดนอีสานของน้องๆ จะไปไหนเหรอครับ อยู่เป็นร่มโพธ์ร่มไทรให้น้องๆ ก่อนดิพี่
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 12

โพสต์

พี่ปรัชญาเขียนหนักหน่วงดีครับ จริงๆผมเองก็คิดแต่ไม่กล้าพูด

แต่จะไปว่า ดร. ก็ไม่ได้นะผมว่า เพราะหลักการ VI คือ ต้องรู้จักธุรกิจ ต้องมองอนาคตได้ มองที่พื้นฐานจริงๆ เพียงแต่คนเรามันมีโอกาสไม่เท่ากันแค่นั้นเอง

ข้อมูลที่ท่านได้รับ กับที่เราได้รับ หาได้เท่ากันไม่

ผมเองไม่ชอบตรงที่ชอบมาบอกว่าให้ดูค่าโน้นค่านี้แล้วให้ซื้อซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ใช่อะครับ

VI ชาวบ้าน ถ้าจะเลือกคัดหุ้นจริงๆ ผมเชื่อว่าต้องอ่านงบการเงินได้อย่างช่ำชองครับ ต้องใช้คำว่าช่ำชองเลย ไม่งั้น ตายสถานเดียว ต้องอ่านแล้วรู้ ไม่ใช่มาดูค่า P/E P/BV ไม่งั้นนะ พรุ่งนี้ซื้อ JAS กันเลยดีกว่าครับ

JAS
P/E 1.43
P/BV 1.24
ROE(%)* 583.86
Net Profit Margin(%) 359.24

ข้อมูลแค่นี้พอหรือไม่ครับ ?

ผมไม่ชอบตรงที่ชอบทำให้คนเข้าใจผิดว่า VI นี่มันง่ายนิดเดียวเอง ง่ายๆ ใครๆก็ทำได้ เลือกของที่ใช้อยู่ทุกวันกับแค่ P/E P/BV ก็พอ ซึ่งผมไม่เชื่อว่าพอครับ

สำหรับผม งบการเงิน คือ หัวใจของ VI ทำไมไม่บอกคนให้เข้าใจอย่างแท้จริงเรื่องนี้ครับ?

ปล. พี่ปรัชญาอย่าเพิ่งเลิกเล่นเลยครับ อยู่นานๆเถอะนะครับ จริงๆแล้วผมตามอ่านมานานตั้งแต่พี่ยังอยู่กันที่ taladhoon.com ยังไม่ย้ายมานี่ ไม่อยากให้พี่ไปครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
อภินัย
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 13

โพสต์

สุดยอดเลยครับเฮียปรัชญา ที่จริงผมรู้จักเวบเกี่ยวกับหุ้นที่ไม่ใช่ของทางการแห่งแรกก็ที่นี่อ่านอยู่นานหลายเดือนแต่ก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าจะเป็น vi ที่รำรวยได้อย่างไรโดยไม่มีสมบัติบรรพบุรุษมาเป็นทุน แม้ว่าตัวที่ผมถือจะโตปีละสิบเปอร์เซ็นต์ ไหนจะกันสำรอง ไหนจะกันสะสม ไหนจะลงทุนใหม่ขยายกิจการเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน(กันท่าคู่แข่ง)ยิ่งอยู่ไปนานๆวงจรชีวิตธุรกิจก็ไม่แน่นอนดูอย่างตระกูลน้ำเป็นตัวอย่างจะอยู่อีกกี่ปี profit margin ลดลงเรื่อยๆ จะเหลือแบ่งให้ผมซักเท่าไร เก็บไว้ในกองกลางเป็นหลัก ยามเจ็บป่วยฉุกเฉินก็เบิกไม่ได้ อย่างมากก็แค่ไว้คุยว่าเป็นหุ้นส่วน(น้อย)ของกิจการระดับประเทศ ถึงพื้นฐานจะดีตามทฤษฎีแต่ไม่เห็นตัวไหนเหนืออารมณ์ตลาดได้ ถึงราคาจะโตแต่จะยึดเป็นสรณะเดี่ยวๆก็โตไม่ทันกิเลสตัณหาของผมและบริวาร ถ้าจะเอาแค่รักษาเงินต้นกับปันผลค่ากับข้าวผมไม่เถียง เลยยึดถือ vs เป็นหลักถือคติน้ำขึ้นรีบตักเหนื่อยหน่อยที่คอยมองหาบ่อน้ำที่กำลังเอ่อขึ้นมาให้ตักเหมือนขับรถมองข้างหน้าเป็นหลัก มองกระจกหลังแบบ vi ผมก็มองบ้างในบางประเด็นแต่ให้น้ำหนักค่อนข้างน้อย จะเป็น vi ก็เป็นช่วงสั้นๆกับตัวโน้นทีตัวนี้ที โดนใจที่เฮียปรัชญาพูดถึงท่าน ดร. ไม่มีใครเก่งเกินตลาดผมเข้าใจอย่างนั้นแต่เราเอาชนะตลาดรวมได้ถ้าเราดูตลาดเป็นส่วนๆ(รายตัว)ตลอดเวลาน้ำขึ้นตรงไหนก็ไปตักตรงนั้นขยันหน่อย
ต้องขอโทษชาว vi ด้วยโดยเฉพาะเกจิทั้งหลาย ปกติผมก็เข้ามาอ่านประจำไม่เคยโพสท์แต่หาข้อมูลไปเป็น vs วันนี้เวบตลาดหุ้นเดี้ยง กะมาตามหาเพื่อนๆเจอข้อความเฮียปรัชญาเลยแสดงความเห็นหน่อย
อภินัย
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 14

โพสต์

สุดยอดเลยครับเฮียปรัชญา ที่จริงผมรู้จักเวบเกี่ยวกับหุ้นที่ไม่ใช่ของทางการแห่งแรกก็ที่นี่อ่านอยู่นานหลายเดือนแต่ก็บอกตัวเองไม่ได้ว่าจะเป็น vi ที่รำรวยได้อย่างไรโดยไม่มีสมบัติบรรพบุรุษมาเป็นทุน แม้ว่าตัวที่ผมถือจะโตปีละสิบเปอร์เซ็นต์ ไหนจะกันสำรอง ไหนจะกันสะสม ไหนจะลงทุนใหม่ขยายกิจการเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน(กันท่าคู่แข่ง)ยิ่งอยู่ไปนานๆวงจรชีวิตธุรกิจก็ไม่แน่นอนดูอย่างตระกูลน้ำเป็นตัวอย่างจะอยู่อีกกี่ปี profit margin ลดลงเรื่อยๆ จะเหลือแบ่งให้ผมซักเท่าไร เก็บไว้ในกองกลางเป็นหลัก ยามเจ็บป่วยฉุกเฉินก็เบิกไม่ได้ อย่างมากก็แค่ไว้คุยว่าเป็นหุ้นส่วน(น้อย)ของกิจการระดับประเทศ ถึงพื้นฐานจะดีตามทฤษฎีแต่ไม่เห็นตัวไหนเหนืออารมณ์ตลาดได้ ถึงราคาจะโตแต่จะยึดเป็นสรณะเดี่ยวๆก็โตไม่ทันกิเลสตัณหาของผมและบริวาร ถ้าจะเอาแค่รักษาเงินต้นกับปันผลค่ากับข้าวผมไม่เถียง เลยยึดถือ vs เป็นหลักถือคติน้ำขึ้นรีบตักเหนื่อยหน่อยที่คอยมองหาบ่อน้ำที่กำลังเอ่อขึ้นมาให้ตักเหมือนขับรถมองข้างหน้าเป็นหลัก มองกระจกหลังแบบ vi ผมก็มองบ้างในบางประเด็นแต่ให้น้ำหนักค่อนข้างน้อย จะเป็น vi ก็เป็นช่วงสั้นๆกับตัวโน้นทีตัวนี้ที โดนใจที่เฮียปรัชญาพูดถึงท่าน ดร. ไม่มีใครเก่งเกินตลาดผมเข้าใจอย่างนั้นแต่เราเอาชนะตลาดรวมได้ถ้าเราดูตลาดเป็นส่วนๆ(รายตัว)ตลอดเวลาน้ำขึ้นตรงไหนก็ไปตักตรงนั้นขยันหน่อย
ต้องขอโทษชาว vi ด้วยโดยเฉพาะเกจิทั้งหลาย ปกติผมก็เข้ามาอ่านประจำไม่เคยโพสท์แต่หาข้อมูลไปเป็น vs วันนี้เวบตลาดหุ้นเดี้ยง กะมาตามหาเพื่อนๆเจอข้อความเฮียปรัชญาเลยแสดงความเห็นหน่อย
ภาพประจำตัวสมาชิก
คัดท้าย
Verified User
โพสต์: 2917
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 15

โพสต์

คุณอภินัยครับ ผมว่า VI มีแนวความคิดนึงที่น่าสนใจมากๆเลยนะครับ

คือ ซื้อหุ้นที่ถูกกว่ามูลค่าที่แท้จริงของมัน

อันนี้สุดยอดนะครับ Simple แต่ ... ไร้ข้อโต้แย้งครับ

ปัญหาคือ มูลค่าที่แท้จริงนี่หาได้ยังไง อันนี้ยากครับ ผมกำลังฝึกฝนอยู่ครับ นี่กำลังจะไปเรียนการเงินสั้นๆ ไว้ 1 คอร์ส

ผมว่าน่าสนใจนะครับ ถ้าเราสามารถหา "มูลค่าที่แท้จริง" ได้ ผมว่าข้อนี้เป็นประโยชน์สำหรับทุกๆคน ไม่ว่าจะเป็น VI หรือ VS ครับ
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา1
Verified User
โพสต์: 1092
ผู้ติดตาม: 4

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 16

โพสต์

[quote="VIB007"]พี่ปรัชญาจะไปไหนครับ
อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน


ยังยืนหยัดและไม่ได้คิดหนีไปไหนในระยะนี้ครับทุกท่าน



แต่มายืนถือป้ายประท้วง ท่าน ดร.นิเวศน์

เพื่อนๆหลายคนอ่านหนังสือ และติดหุ้นที่ท่านแนะนำ

และ คำที่ว่า...คุณซื้อหุ้น5ปี ไม่ขายกล้าไหม

หลายคนก็ยังถืออยู่

ผมเชื่อความคิดความสร้างสรรค์ ความสามารถของท่าน ดร.

ที่จะสามารถเขียนหรือสื่อให้เห็นมุมที่ไม่ดีของหุ้น

หนังสือชื่อตีแตก แต่คนอ่านแล้วตีไม่แตกนะครับ

ที่จริงผมก็ไม่น่าจะต้องไปเดือดร้อนหรือโพท์สถึงทำไม

แต่ผมนี่ล่ะ อ่านแล้วรักและนับถือ เลยอยากเอาของดีดีไปฝากเพื่อนๆ

เลยจัดการซื้อหนังสือส่งไปให้เพื่อนอ่าน ตอนออกใหม่ๆและเพื่อนๆ

ก็ซื้อหุ้นพวกนั้นไว้ แต่ว่า...ตัวดีๆที่ท่านแนะนำพวกมาม่า-โอเรียลเต็ล

และอื่นๆไม่ชอบ ไปทุ่มกับกุ้งเพราะเห็นงบแล้วอ่านง่ายดีเลยลำบากกัน

อยู่หลายคน ผมก็ขอแสดงความรับผิดชอบ

ฝากถามท่าน ดร.ว่าจะแก้ไขอย่างไร

ทั้งที่ทราบดีว่า ก็เหตุผลเดิมๆ ผมพิมพ์ช้าไม่มีเวลาตอบ
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 29

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 17

โพสต์

เฮียครับ โดยส่วนตัวแล้วผมนับถือท่านดร.นิเวศน์นะครับ ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าเขียน

แต่อย่างไรก็ตามผมก็นับถือตัวผมเองด้วย

คือผมขอสารภาพว่า ผมก็คิดอย่างเฮียเหมือนกัน

เวลาผมอ่าน วอเรน ผมก็คิดว่า วอเรนนี่แหละ ที่แยบยล เขียนหนังสือออกมา ผ่านทาง ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เพื่อพยุงราคาหุ้นของตัวเอง

เวลาผมอ่านตีแตก ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ท่านดร.นิเวศน์ นี่ก็อยากให้มีคนมาตามซื้อ เพื่อให้ราคาไม่ตกมากๆ เวลาเกิดการปรับฐาน

แต่อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อตัวผมเองมากกว่า

ผมจึงดึงแต่ส่วนดีของวอเรน ของท่านดร.นิเวศน์ออกมา

...........................................................................

ผมขอสารภาพ ว่า ผมอ่าน ตีแตก ไม่จบ อ่านแล้ว เบื่อ อ่านแล้วเซ็ง

คือผมอ่านแล้ว ผมจับหลักการไม่ได้

แต่โดยรวม แล้ว ดีกว่า ไม่อ่าน เพราะเป็นการกระตุ้น ให้นักลงทุนหน้าใหม่ มองเห็นมุมมอง ของนักลงทุน ที่ประสบความสำเร็จ จริง เขาคิด เขาทำอย่างไร

หนังสือเล่มนี้ ดังเป็นพลุ เพราะเป็นเล่มแรก ที่เขียนแนวนี้ ผมขอชื่นชมท่านดร.นิเวศน์ว่า มาถูกจังหวะ จริงๆ

แต่ในระยะยาวแล้ว ผมก็กำลังรอ เล่มใหม่ๆ โดยคนใหม่ที่ไม่ใช่ท่านดร.นิเวศน์ เขียนออกมาเหมือนกัน

ไว้ผมไปเจอท่านดร. เป็นการส่วนตัว แล้วผมอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้

เพราะโดยรวมแล้ว ผมไม่เห็นว่าท่านจำเป็นต้องมาเสียสละ อะไรมากมายอย่างที่เฮียปรัชญาเสนอ

ท่านดร. ท่านก็เป็นมนุษย์ปุถุชน คนธรรมดาคนหนึ่ง ครับ
+++unlog
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 18

โพสต์

สงสัย
VI อาจแปลได้เป็นว่า

Value Insider

อิอิ...


ผมอาจจะเห็นไม่เหมือนเพื่อนๆ นะครับ
ตัว ดร. ท่านเองก็บอกไว้นะครับว่า

VI มีหลายพันธุ์

บางคนหวังปันผล
บางคนหวัง capital Gain


ส่วนหลักการที่พี่ปรัชญา พูดถึง ท่าน ดร. นั้น ผมว่า
ท่านทำตามหลักการของ Peter Lynch นะครับ

ไม่รู้เรียกว่า insider หรือป่าว

เพราะ มันมีเรื่องเล่า ตอนที่ Lynch แก ทุ่มซื้อ Crysler
ก็มีแต่คนร้องยี๊... แต่แก ก็ซื้อเอาๆ

ส่วนนึง เพราะแกได้คุยกับผู้บริหาร และจับทิศทางตลาดได้ถูก



และผมว่า การที่ท่านดร. แกเอาชื่อตีแตก เป็นชื่อหนังสือ

ก็เป็นการบอกเป็นนัยนะครับ แกชอบเล่นไพ่

แกชอบเสี่ยง แกชอบเดิมพัน

เดิมพันโดยการตัดความเสี่ยง ให้น้อยที่สุด



ผมว่า แกไม่ได้หลอกเราหรอกครับ
ส่วนเรานั้น หลอกตัวเอง
ว่า การเป็น VI คือ การกินเงินปันผล

อิอิ...


ขออภัย ถ้าจะไปขัดแย้งกับใครบางคนนะครับ
ถือว่า ขอร่วมแสดง comment เฉยๆ ครับผม

อิอิ..



ผมว่า อย่าไปจับผิด กับคำบางคำพูด ของแกเลยครับ
คนเราบางทีผิดพลาดกันได้
เอาที่ context หรือ ใจความ ดีกว่า

ซึ่งเราปฏิเสธ ไม่ได้ว่า ท่านดร.
ท่านเป็นผู้บุกเบิก แนว Value ในประเทศไทย
อันนี้ต้องขอให้เครดิตครับ

ถ้าไม่มีแก ป่านนี้ ก็ยังคงดู แนวรับแนวต้านกันอยู่

อิอิ
ผ่านมา
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ผมว่า LOSO คืออาจารย์นิเวศ แต่หรือคุณ +++ UNLOG คืออาจารย์นิเวศ
_THiNK_
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 20

โพสต์

VI หรือ VS คงไม่สำคัญ

Graham พยามทำให้นักลงทุนเป็น Intelligent Investor

ซึ่งน่าจะให้ความสำคัญมากกว่า แค่ชื่อ VI หรือ VS

เปล่าประโยชน์ที่จะรู้ว่าเขาเป็นใคร ถ้าไม่รู้ว่าเราเป็นใคร
pae2020
Verified User
โพสต์: 226
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ผมชอบความหลากหลายครับ ผมถือว่าแนวคิดที่หลากหลายเป็นการเปิดขยายมุมมอง ดังนั้นผมอ่านแนวคิดของ ดร.นิเวศน์ อ่านกระทู้สุดยาวของคุณวิบูลย์ อ่านข้อสงสัยของคุณคัดท้าย และอ่านความเห็นของคุณปรัชญาด้วย พร้อมกับของคนอื่นๆ อีกหลายๆคนจากหลายที่ต่างๆ

แต่ที่สุดแล้ว เราเท่านั้นครับ ที่หลอมแนวคิดต่างๆ เป็นแนวคิดส่วนตัว ผมไม่ไ้ด้เชื่อ ดร.นิเวศน์ 100% และความคิดของใครๆก็ตาม 100% แต่ผมเปิดใจรับทุกความเห็นไว้พิจารณา และสร้างสมความรู้ให้ตัวเอง

สำหรับผมแล้ว VS หรือ VI ยากที่จะระบุว่าอะไรให้ผลตอบแทนสูงกว่าอย่างถูกต้องแน่นอนในสภาวะตลาดที่เติบโต ผมเชื่อว่าคงไม่มีคำตอบแบบฟันธงครับ เพราะเราลืมตัวแปรสำคัญตัวหนึ่งที่กำหนดความแตกต่างระหว่าง VS กับ VI

ตัวแปรตัวนั้นผมเห็นว่าคือ "ความเสี่ยง"ครับ

VS สนใจ High Return เป็นแก่นกลาง และพยายามหาทางลด Risk ลงด้วยวิธีทางเทคนิค หรือการวิเคราะห์อะไรก็แล้วแต่ ซึ่งที่สุดแล้วก็จะยอมรับความเสี่ยงระดับหนึ่ง โดยกำหนดจุดทำกำไร และจุด Cut Loss ออกมา เข้าทำนอง High Return then try to lower risk.

ในขณะที่ VS ลงทุนในลักษณะการซื้อกิจการ จึงสนใจเรื่อง Low Risk เป็นแก่นกลาง และในระหว่างการเลือกลงทุนที่ Low Risk ของหุ้นต่างๆกันนั้น จะพยายามเลือกหุ้นที่สร้าง High Return ให้สูงสุด โดยการพิจารณา Growth Rate และความเข้มแข็งของกิจการในการสร้างผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนในรูปแบบต่างๆกัน เข้าทำนอง Low risk then try to higher return.

เราเป็นนักลงทุนประเภทไหนล่ะครับ วิธีการลงทุนของเรามองด้านไหนเป็นแก่น และเราต้องการอะไรมาก่อน ระหว่าง High Return กับ Low Risk.
ภาพประจำตัวสมาชิก
Mon money
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 3134
ผู้ติดตาม: 27

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 22

โพสต์

อ่านไปอ่านมาชักเครียด

อย่าคิดอะไรมากเลยครับ ใครจะinside outside ใจเราเป็นสูขเป็นพอ

ผมเองลงทุนแนวVI สไตร์ Warren Buffettครับ ไม่ใช่ว่าตาแกไม่เก็งกำไรนะ แกก็เอากะเขาเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยเป็นข่าวเท่านั้นแหละ ส่วนผมก็มีกะๆเก็งๆบ้างตามแต่ข้อมูลที่ได้วิเคราะห์ความน่าจะเป็นว่ามีสูงก็ลงเลย ก็มีเป็นกอบเป็นกำพอใช้ได้ ได้มาจากการเป็น VI ซะมากกว่าครับ แต่ที่ได้เที่ยวบอกให้คนอื่นๆระมัดละวังลงทุนแบบVIนี่ ก็เพราะต้องการให้เริ่มจากพื้นฐาน แล้วค่อยๆพาตัวออกไปโต้คลื่นโต้ลมเมื่อเวลาเหมาะสม ไม่ใช่อยากก็ลุยเลย มันต้องมีพื้น
ฐานประกอบ และมีเหตุผลรองรับที่มีน้ำหนักครับ ไม่เช่นนั้นคุณจะอยู่ในตลาดหุ้นได้ไม่นานแน่นอน อยู่ให้นานเห็นให้มาก จะไปได้ดีครับ

ความเห็นผมนะพี่ปรัชญาอย่าโกรธกันเด้อ ผมว่าหนังสือเป็นเพียงเนื้อหาที่บอกเล่าแนวคิด ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องของการยกตัวอย่าง ซึ่งเปลี่ยนไปตามเวลาและปัจจัยแวดล้อม อ่านแล้วเราต้องหาแก่นให้ได้ครับ เอาเฉพาะแก่นมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆให้เหมาะสม ไม่มีสูตรตายตัว ไม่ใช่ตำราทำอาหารที่กำหนดสูตรไว้ให้เรียบร้อย Peter Lynch พยายามทำหนังสือOne UP On Wall Streetให้ออกมาเป็นหนังสือของนักเล่นหุ้น จนแล้วจนรอดก็ต้องเขียนแบบเชิงเอาแก่นนำและยกตัวอย่างประกอบ แกเก็งแบบยาวๆตามรอบและปัจจัยต่างๆ แต่แกทำได้อย่างนั้นเพราะอยู่ในตลาดเป็นนักวิเคราะห์อยู่หลายปีนะครับ

เขียนมาไปแล้ว ไปดีกว่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา1
Verified User
โพสต์: 1092
ผู้ติดตาม: 4

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 23

โพสต์

[quote="Mon money"]อ่านไปอ่านมาชักเครียด



ความเห็นผมนะพี่ปรัชญาอย่าโกรธกันเด้อ ผมว่าหนังสือเป็นเพียงเนื้อหาที่บอกเล่าแนวคิด ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องของการยกตัวอย่าง ซึ่งเปลี่ยนไปตามเวลาและปัจจัยแวดล้อม อ่านแล้วเราต้องหาแก่นให้ได้ครับ เอาเฉพาะแก่นมาประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆให้เหมาะสม ไม่มีสูตรตายตัว ไม่ใช่ตำราทำอาหารที่กำหนดสูตรไว้ให้เรียบร้อย Peter Lynch พยายามทำหนังสือOne UP On Wall Streetให้ออกมาเป็นหนังสือของนักเล่นหุ้น จนแล้วจนรอดก็ต้องเขียนแบบเชิงเอาแก่นนำและยกตัวอย่างประกอบ แกเก็งแบบยาวๆตามรอบและปัจจัยต่างๆ แต่แกทำได้อย่างนั้นเพราะอยู่ในตลาดเป็นนักวิเคราะห์อยู่หลายปีนะครับ


----------------------------------------------------------------------------------]

ไม่เคยคิดโกรธใครหรอกครับ ในสังคมอินเตอร์เน็ต

ส่วนเรื่องหุ้นโชติฯนั่น ผมก็เอาหนังสือไปให้เขาและเขาอ่านเขาก็ซื้อ

ได้เงินปันผลปีสุดท้าย แล้วก็เก็บไว้เรื่อยมาจนทุกวันนี้

หมดกันไปคนละหลายล้านซื้อราคาแถวๆ150บาทครับ

วันนี้เหลือ90บาท และไม่ได้รับเงินปันผลกี่ปีลองนับกันดู


[color=red]เอาใจเขามาใส่ใจเราครับ[/color]


ประสพการเรื่องลดค่าเงินบาท

พวกที่ไม่ได้เรียนระดับด๊อกเตอร์ตามไม่ทันหรอกครับ


ส่วนความรับผิดชอบของผมที่เอาความปราถนาดีไปทำร้ายเขา

ผมก็ต้องรับผิดและหาทางออกให้เขาบ้าง

ถึงจะช่วยเต็มที่ไม่ไหวแต่ก็สุดตัวเลย

พักชื่อFE ชื่อผมอาจไม่มีก็ได้ ผมแบ่งให้เขาไป

เพื่อช่วยเหลือกัน เอาแบบโอนใบหุ้นไม่ได้ขายในตลาดครับ

ผมบอกอันนี้ไม่ใช่ของท่านด๊อกเตอร์ผมวิเคราะห์เอง

อาจจะไม่ร่ำรวยเท่าพวกที่มีความรู้วิเคราะห์และชี้นำ

แต่ก็ปลอดภัย กับเงินต้น

เราคงมีเวลาพิสูจน์กันไปอีกนาน

หากไม่มีใครทิ้งใครไม่มีใครหนีใคร

และมาดูความจริงใจซึ่งกันกันและกัน
ฝันถึง วัน ฟ้าสวย...... อยากร่ำรวย-ด้วยเล่นหุ้น
ฝัน เป็น นักลงทุน..... ลุ้นความหวัง-ความตั้งใจ
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 1

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 24

โพสต์

Value Investor ในความหมายของผมเอง คือ นักลงทุนที่มุ่งจะประเมินหรือค้นหามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งสิ่งที่ยากมันก็คือ ไอ้เจ้ามูลค่าที่แท้จริงนี่แหละครับ มันต้องกลั่นออกมาจากข้อมูลสารพัดด้านที่เกี่ยวกับกิจการ ยกตัวอย่าง ความสามารถและความซื่อสัตย์ของผู้บริหาร ความเติบโตของอุตสาหกรรม ความแข็งแกร่งของบริษัท การแข่งขันจากตลาดโลก ทรัพยากรองค์กร พลังทั้งห้าของกิจการ การสนับสนุนจากปัจจัยแวดล้อม เช่น การเมือง สังคม ภูมิศาสตร์ การแสวงหาพันธมิตร และอื่นๆ อีกยั้วเยี้ยไปหมด

ดังนั้น ถามว่าท่านทั้งหลายที่ต้องการปวารณาตัวเองเป็น VI (ในความหมายของผม) จะมีศักยภาพพอที่จะทำได้หรือไม่ มีความสนใจทุ่มเท มีความพยายาม มีสติปัญญาพอที่จะตัดสินใจวิเคราะห์ข้อมูลในด้านต่างๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเงิน การตลาด กลยุทธ์ธุรกิจ ซึ่งมันไม่ง่ายเลย

ผมเองก็กำลังพยายามเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ทีละเปลาะ ทีละเปลาะ ทีละบริษัท ทีละอุตสาหกรรม

สิ่งเหล่านี้ผมเชื่อว่า เราไม่มีทางได้มาง่ายๆ จะต้องสั่งสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ แต่ คุ้มค่า ที่จะยอมเหนื่อย และผม เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า เป็นแนวทางที่ถูกต้องและดีที่สุดสำหรับการลงทุนครับ
Golden Stock.
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 25

โพสต์

ได้อ่านแล้วได้มุมมองที่ดีมากเลยครับ ก็เลยทำให้อยากร่วมแสดงความเห็นสักนิดหน่อย

ผมก็เคยอ่านหนังสือตีแตกครับ คิดว่าแนวคิดก็ใช้ได้ครับ เป็นพื้นฐานสำหรับคนที่ไม่มีความรู้เรื่องการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งยังไม่เพียงพอ

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ควรจะวิเคราะห์บริษัทในด้านของข้อมูลทางการเงิน ด้วยอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญต่าง มากกว่าการดูแค่ค่า pe และ pb และควรดูในด้านอื่นด้วยนอกจากงบการเงิน คือกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท เช่น การบริหาร การดำเนินงาน การตลาด เป็นต้น นอกจากนี้ควรจะวิเคราะห์ถึงปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ซึ่งตรงนี้จะไปสร้างโอกาส และภัยคุกคามแก่บริษัท โดยที่ปัจจัยแวดล้อมต่างจะมีการเปลี่ยนแปลง เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

ตัวอย่างในหนังสือตีแตก ก็มีการวิเคราะห์คล้ายในลักษณะที่กล่าว เช่น ค่าเงินที่บาทที่อ่อนลงจากยี่สิบห้าบาทไปเป็นสี่สิบห้าบาท ถือเป็นโอกาสจากปัจจัยแวดล้อมภายนอกของบริษัทโชติฯ แต่ตัวอย่างนี้ไม่ได้วิเคราะห์เป็นรูปแบบให้ดู และไม่ได้กล่าวถึงหลักการหรือทฤษฎีในหนังสือตีแตกเท่านั้นเองครับ สำหรับคนที่ศึกษาในระดับ MBA หรือเกี่ยวกับบริหารธุรกิจน่าจะเข้าใจว่าท่านดร.นิเวศน์เขียน แต่คนที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ก็อาจจะไม่เข้าใจ อย่างเช่น การวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ทำอย่างไร หรือปัจจัยแวดล้อมภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ณ วันนั้นอาจจะเป็นโอกาส แต่ทว่าต่อมาอาจจะเป็นภัยคุกคาม ซึ่งก็เป็นด้านลบของหนังสือที่เขียนรายเอียดเกี่ยวกับการลงทุนที่น้อยเกินไป แล้วอาจทำให้นักลงทุนเข้าใจผิดได้ว่า เพียงแค่ในหนังสือตีแตกก็เพียงพอแล้วสำหรับการเป็นลงทุน

ส่วนแนวคิดการวิเคราะห์หุ้นแบบพื้นฐาน ผมยอมรับว่าดีครับ เพราะว่าอย่างน้อยทำให้เรารู้ว่าหุ้นตัวไหนควรซื้อ หรือควรขาย คือบริษัทที่ดีบางทีไม่ใช่ว่าราคาจะต้องถูกไปด้วย ควรจะซื้อตอนที่เราวิเคราะห์แล้วคิดว่าถูก ส่วนการถือหุ้นผมว่าระยะเวลาเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ครับ คือไม่แน่นอน เช่น ถ้าพื้นฐานของบริษัทเปลี่ยนก็ขาย คิดว่า over value ก็ขาย ปัจจัยแวดล้อมเปลี่ยนไปในทางที่สร้างภัยคุกคามแก่บริษัทก็ขาย เป็นต้น

ก็ขอแสดงความคิดเห็นแค่นี้ครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนครับ
ประจวบ
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 26

โพสต์

ผมเป็นแฟนพันธ์แท้ของอจ.นิเวศน์ตั้งแต่อ่าน"ตีแตก"จบเมื่อ2ปีก่อน
และติดตามงานเขียนของอจ.ในกรุงเทพธุรกิจมาตลอดโดยตัดเก็บไว้ในสมุดวาดเขียนได้8เล่มพอดี
ถ้าสรุปแล้วจะมีการเขียนอยู่4แนว
1.หลักการเบื้องต้นของการลงทุนแบบvi โดยเฉพาะปรัชญาที่ลงทุนหุ้นพื้นฐานดี ราคาถูก มีปันผลดีกว่าเงินฝาก ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนพอสมควร (แต่ไม่ได้บอกว่าจะรวยเร็ว)และการควบคุมใจตัวเอง
2.วิธีหาความรู้การลงทุนแนวviต่อไป โดยแนะนำหนังสือ แหล่งข้อมูล
3.ข้อเตือนสติบางช่วง เช่น ตลาดกระทิง ช่วงสงคราม การลงทุนแบบvs
4.แนะนำหุ้นเป็นบางครั้งเช่น หุ้น ร.พ. (แต่น้อยครั้งมาก) เตือนเป็นบางตัว เช่น หุ้นตลาดmai ช่วงบูม...
ผมว่าเหมือนกับอจ.สอนให้เรารู้จักจับปลาเองโดยยกตัวอย่างที่ผ่านมาที่อจ.เคยทำ แต่ข้อมูลเป็นช่วงปี40ซึ่งช่วงนั้นหุ้นส่งออกได้อานิสงฆ์จริงๆ แต่เอามาใช้ปัจจุบันไม่ได้ ใครตามแบบโต้งๆจึงเจ๊ง และหุ้นบางตัวพื้นฐานก็เปลี่ยนไปจนดูไม่ได้ แต่หุ้นviหลายตัวที่แนะนำไว้ในตีแตกก็ยังvi จริงๆโดยเฉพาะstanly metcoแต่จะvi ต่อไปหรือไม่ อีกนานเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ ดังนั้นควรยึดเอาหลักปรัชญาของการลงทุนมาใช้ไม่ใช่จำชื่อหุ้นโต้งๆ
ผมเผอิญได้อ่าน essay to shareholder+ceo ของw.b.ซึ่งเค้ารวมข้อเขียนถึงผู้ถือหุ้นของเบอกไชย์แฮททาเวย์ปีละครั้งเอาไว้หลายๆปี (น้อยกว่าที่อจ.นิเวศน์เขียนไว้แค่2ปีมาก) และถือเป็นคัมภีร์ของชาวviจากปากของw.b.เอง(ที่เราอ่านจากหลายที่นั้นเป็นความเห็นของผู้เขียนบวกเข้าไปด้วย ทำให้การลงทุนแนวvi แบบw.b.มีทั้งแบบmary b. และแบบr.hagstrom )
w.b.เค้ายินดีแลกเปลี่ยนหลักปรัชญาในการลงทุนกับผู้ถือหุ้นของเบอกไชย์ อย่างเปิดเผย แต่เค้าจะไม่บอกชื่อหุ้นที่เค้าลงทุนซื้อหรือที่เค้าขายทิ้งเพราะต่อไปเค้าอาจซื้อเพิ่มอีกก็ได้ ( เค้าจะเปิดเผยเฉพาะที่ก.ม.บังคับเท่านั้น) เพราะถ้ามีคนรู้จะทำให้เค้าต้องซื้อแพงขึ้น
ผมว่าอจ.นิเวศน์ก็คล้ายๆกันครับ
เป็นความใจกว้างที่อจ.ออกมายืนแถวหน้าของการลงทุนแบบvi และสอนเคล็ดวิชาvi ให้กับสาธารณะชนรู้เท่ากับเพิ่ม"คู่แข่ง"ในอนาคต จะเห็นว่ามีviเกิดใหม่จำนวนมากจากงานเขียนของอจ. โดยเฉพาะwebแห่งนี้ก็เกิดขึ้นมาจากจุดนี้
แต่ในฐานะนักลงทุนเช่นกันที่อจ.คงไม่เปิดเผยหุ้นที่จะซื้อจะขาย(แบบพวกปั่นหุ้น)เพราะจะทำให้ต้นทุนของการเก็บหุ้นแพงขึ้นอย่างstanlyพวกเราไปรู้กันเองไม่ใช่อจ.ออกข่าว ผมไม่คิดว่าที่อจ.มาสอนเคล็ดวิชาviให้พวกเราโดยยกตัวอย่างประกอบจะเป็นการ"หลอก"ให้ออกของที่ตัวเองถือได้แพงขึ้น
ที่ผมpost ข้อเขียนนี้ขึ้นเพราะไม่อยากให้อจ.เสียกำลังใจ เพราะอาจทำให้ไม่ได้อ่านข้อเขียนที่มีคุณค่าแบบนี้ต่อในอนาคต
CEO
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 27

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับคุณปรัชญานะครับเรื่องดร นิเวศน์
ผมก็ซื้อมาอ่านเกือบทุกเล่มที่แกเขียนมาขาย
แต่บางเล่มแค่ยืนอ่านผ่านๆที่ร้านก็เข้าใจแล้ว
ผมไม่ได้อวดเก่งหรือตีตนเสมอคนที่จบ ดร ครับ

แต่ที่แกเขียนมาขายทั้งหมดนั้นมันแค่กระพี้ครับ
ไม่ใช่แก่น
ก็เหมือนที่พูดกันว่าคนไทยนับถือพุทธ แต่พุทธแค่กระพี้หรือเข้าถึงแก่น ถ้าไม่ทราบลองไปหาหนังสือแก่นพุทธศาสตร์มาอ่านดู

หรือมันคือเรื่องเบื้องต้น เหมือนเรียนปี 1 ในมหาลัยแค่นั้นเอง
ส่วนหมัดเด็ดนั้นผมรับรองว่าไม่มีใครสอนแม้จะยอมเสียเงินไปเรียนมาแพงๆก็ตามเพราะมันเป็นวิชาหาเงินของเขาคนเดียวเท่านั้น

ในโลกนี้อาจจะมีศิษยืก้นกุฎิของแกสักคนหนึ่งที่แกอาจจะถ่ายทอดวิชาให้....
ซึ่งอาจจะเป็นภรรยาหรือลูกของแกเอง...

สรุปแล้วนักลงทุนทุกคนรวมถึงผมก็ต้องหาแนวทางของตัวเองต่อไป สรุปบทเรียนและทำตามแนว PDCA ครับ
Stock Broker
Verified User
โพสต์: 2509
ผู้ติดตาม: 1

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 28

โพสต์

CEO เขียน:ผมเห็นด้วยกับคุณปรัชญานะครับเรื่องดร นิเวศน์
ผมก็ซื้อมาอ่านเกือบทุกเล่มที่แกเขียนมาขาย
แต่บางเล่มแค่ยืนอ่านผ่านๆที่ร้านก็เข้าใจแล้ว
ผมไม่ได้อวดเก่งหรือตีตนเสมอคนที่จบ ดร ครับ

แต่ที่แกเขียนมาขายทั้งหมดนั้นมันแค่กระพี้ครับ
ไม่ใช่แก่น
ก็เหมือนที่พูดกันว่าคนไทยนับถือพุทธ แต่พุทธแค่กระพี้หรือเข้าถึงแก่น ถ้าไม่ทราบลองไปหาหนังสือแก่นพุทธศาสตร์มาอ่านดู

หรือมันคือเรื่องเบื้องต้น เหมือนเรียนปี 1 ในมหาลัยแค่นั้นเอง
ส่วนหมัดเด็ดนั้นผมรับรองว่าไม่มีใครสอนแม้จะยอมเสียเงินไปเรียนมาแพงๆก็ตามเพราะมันเป็นวิชาหาเงินของเขาคนเดียวเท่านั้น

ในโลกนี้อาจจะมีศิษยืก้นกุฎิของแกสักคนหนึ่งที่แกอาจจะถ่ายทอดวิชาให้....
ซึ่งอาจจะเป็นภรรยาหรือลูกของแกเอง...

สรุปแล้วนักลงทุนทุกคนรวมถึงผมก็ต้องหาแนวทางของตัวเองต่อไป สรุปบทเรียนและทำตามแนว PDCA ครับ
อันนี้ผมขอมองต่างมุมนะครับ

เนื่องจากก่อนที่จะพิมพ์หนังสือเล่มหนึ่งๆ ออกมาขาย มันก็จะต้องประเมินก่อนว่าพิมพ์แล้วจะคุ้มค่าหรือไม่ ทีนี้เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นยังมีความรู้ความเข้าใจในหลักการลงทุนน้อย ขืนอ.ท่านพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับเนื้อหาลึกซึ้งยุ่งยาก จะมีสักกี่คนที่มาซื้อล่ะครับ

แต่ในอนาคตนั้นไม่แน่ ถ้าเกิดหนังสือเล่มที่เป็นเนื้อหาพื้นฐานของท่านขายดิบขายดี คนที่ซื้อไปอ่านย่อมต้องการที่จะได้รับความรู้เพิ่มขึ้น ถึงวันนั้นท่านอาจพิมพ์หนังสือเชิงลึกที่เราๆ ท่านๆ ต้องการออกมาให้อ่านกันก็ได้

อยากให้เอาใจเขาใส่ใจเราบ้างนะครับในการวิเคราะห์ ถ้าเป็นเรา สมมติคาดการณ์ว่าหนังสือจะพิมพ์แล้วมีคนซื้อแค่ 500 - 1,000 เล่ม แถมจะซื้อที่ราคาไม่แพง เล่มละ 100 - 200 บาท เราจะพิมพ์มาขายมั้ยครับ

ให้เวลาตลาดทุนเราพัฒนาไปกว่านี้ก่อนดีกว่านะครับ รอให้คำถามยอดฮิตตามห้องค้าประเภท "วันนี้เล่นอะไรดี" "ตัวนี้มัน Target เท่าไร" "ใครลากใครออกของใครเก็บของ" ลดลงไปก่อนนะครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14784
ผู้ติดตาม: 29

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 29

โพสต์

สรุป บวก ลบ คูณ หาร แล้ว

มีคนอย่างดร.นิเวศน์ มากๆ บ้านเมืองจะเจริญขึ้นครับ

สุดท้ายแล้ว เราต้องช่วยกันส่งเสริมให้มีคนอย่างท่านมากๆ

ส่วนใครจะได้มาก ได้น้อย ไม่ได้เลย

ก็แล้วแต่นะครับ

ลองคิดดูว่า สมัยก่อน ไม่มีคนอย่างดร.นิเวศน์เลย

สมมุติว่า ไม่มีหนังสือ หรือข้อคิดเห็นแนว VI เลย

คนส่วนใหญ่ก็ยังคง วกวนอยู่ในวัฎจักรการเกร็งกำไร

ใช่หรือไม่

เราจบประเด็นดร.ท่านดีกว่า หรือไม่เพื่อนๆ

เพราะมันก็ไม่ค่อยแฟร์ เท่าไรที่เราเอาบุคคลที่สาม มาพูดกันปาวๆ โดยเจ้าตัวไม่ได้มีโอกาสแก้ต่างเท่าไร

หวังดีกับทุกคนครับ

ไม่อยากให้ประเทศไทยเสียคนดี

อีกหน่อย ถ้าเฮียปรัชญา แต่งหนังสือ

แล้วมีคนมาว่าเฮีย ผมก็คงต้องพูดแบบนี้เหมือนกัน ใช่หรือไม่

เราเสียเงิน 100 - 200 บาท ซื้อหนังสือมาอ่าน ง่ายมาก

ลองไปแต่งหนังสือดูสักเล่มดูสิ โคตรยากเลย
new comer
ผู้ติดตาม: 0

บทเรียน สำหรับ VS

โพสต์ที่ 30

โพสต์

อ่านบทวิจารณ์ ตั้งแต่ต้นมา ผมขอแสดงความคิดบ้างครับ

สมันก่อนพวกเรา เล่นหุ้นกันอย่างไร เล่นการพนันชัดๆ ครับ
ผมก็เป็นเช่นนั้น ถึงแม้จะมีกำไร แต่มองย้อนกลับไป
ไม่รู้ว่ารอดมาได้อย่างไร เช่น BLAND 200 บาท KMC 180
เล่น ทั้งที่ไม่รู้ว่า มันแพงมหาศาล

จุดประกาย ที่ทำให้ผมมีวันนี้ คือ หนังสือ ตีแตกครับ
ก็ต้องขอแสดงความขอบคุณ ระลึกถึงบุญคุณ ที่อาจารย์ นิเวศน์
เขียนหนังสือนี้ออกมา ให้สังคมไทยได้รับรู้ แนวทางการลงทุน
ก่อนอ่านหนังสือท่าน ผมไม่รู้จัก Buffet หลังอ่านหนังสือท่าน
ผมมองหาหนังสือที่ท่านพูดถึง จึงได้เปิดโลกทัศน์ในการลงทุน

ถึงแม้นหนังสือท่าน จะไม่สมบูรณ์ที่สุด ที่ทำให้บางท่านตีความผิดพลาด
แต่ไม่ใช่ความผิดพลาดของผู้เขียน แตเป็นความผิดพลาดของผู้อ่านที่
จับประเด็นเล็กๆ ไปใช้ ก่อนที่จะเข้าใจแก่นแท้
เปรียบเสมือน พระธรรม นั้นเป็นของแท้ แต่มีการตีความมากมาย
เกิดการเข้าใจผิด และ นิกายต่างๆ มากมาย ถกเถียงกันไม่เลิก

แต่โชคดี ที่การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ยังมีผู้ถ่ายทอดที่ยังมีชีวิตอยู่
ถ้าเราติดตาม อ่านข้อคิด ของ Buffet เสมอ ๆ เราคงไม่หลงประเด็น
เมื่อ ย้อนกลับมาดู ตีแตก อีกครั้ง ก็จะตีความในหนังสือ แตก จริงๆ

เรื่องการตีความ ไม่เฉพาะลูกศิษย์ อาจารย์นิเวศน์ เท่านั้นที่สับสน
แม้แต่ลูกศิษย์ Graham เอง ตั้งหลายคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็มีแนวทางการลงทุนที่แตกต่างกัน ในรายละเอียด

สำหรับ คุณ ปรัชญา คุณเป็นคนดี ผมเลื่อมใสครับ
แต่ผมก็ขอแสดงความคิดเห็นในมุมมองของผมที่มีต่อ อาจารย์นิเวศน์
ขอความเป็นธรรมให้ท่านครับ และผมคิดว่าท่านคงอ่านกระทู้นี้อยู่ครับ

ที่สุดแล้ว ผมขอยกท่านอาจารย์ นิเวศน์ เป็นครูคนแรกของผม
ถัดมา คือ Buffet , Fisher , Lynch ครับ

....... ขอคารวะ ด้วยใจจริง......
ล็อคหัวข้อ