Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

สำหรับท่านที่มี  port ใหญ่ๆ นะครับ ประมาณ 10 ล้านขึ้นไปก็ดี
และกำลังถือหุ้นอยู่เต็มปอด ณ ตอนนี้
สามารถใช้ tfex ลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนของราคาได้
ทั้งนี้ คุณต้องมั่นใจก่อนว่า หุ้นที่ถือไว้ มีศักยภาพดีมาก
และสามารถเติบโตได้ต่อไปในระยะยาว

วิธีการ

1. คำนวณหา beta ของ port เราเทียบกับ SET50 Index
ถ้าทำไม่เป็น คิดง่ายๆ ว่า ถ้า SET50 ลง 10%
หุ้นเราจะลงกี่ % สมมุติว่า 8% แสดงว่า beta คือ 0.80

2. ขายหุ้นออกมาในสัดส่วนของ  beta คือ 8% จากตัวอย่างบน

3. เอาเงินที่ขายมา ไป short S50Z06 ให้หมด


ถ้าหุ้นเกิดขึ้นไปมากๆ ก็ cover short ขาดทุน
เป็นค่าประกันความเสี่ยงไป แต่จะได้คืนจาก port เราที่โตขึ้นมาก

ถ้าหุ้นเกิดลบมากๆ tfex จะกำไรมหาศาล
พอหุ้นเริ่มราคาน่าสนใจมากๆ แบบพลาดไม่ได้
ก็ take profit futures แล้วเอากำไรทั้งหมด
มาซื้อหุ้นตัวที่เราถือเพิ่ม

จะได้ต้นทุนเฉลี่ยใกล้เคียงกับการขายทิ้งทั้งพอร์ท
ในวันแรก แล้วมาซื้อคืนทั้งหมดในราคาที่เราชอบ
(สูงกว่าหน่อย ถือเป็นค่าพรีเมี่ยมประกันความเสี่ยง)

ดันๆๆ ผมว่าเป็นการใช้ ฟิวเจอร์แบบที่ควรจะเป็นนะครับ  :D

1. คำนวณหา beta ของ port เราเทียบกับ SET50 Index
ถ้าทำไม่เป็น คิดง่ายๆ ว่า ถ้า SET50 ลง 10%
หุ้นเราจะลงกี่ % สมมุติว่า 8% แสดงว่า beta คือ 0.80

2. ขายหุ้นออกมาในสัดส่วนของ  beta คือ 8% จากตัวอย่างบน

3. เอาเงินที่ขายมา ไป short S50Z06 ให้หมด

ข้อ 2 และ 3 สามารถทำสลับกันได้เป็น 3 ก่อนแล้วค่อย 2
เนื่องจากการขาย F. ยังไม่ชำระราคาในทันทีที่ขาย

ในขณะเดียวกันถ้าหุ้นขึ้นมากๆ ก็ ซื้อ F. ก่อน(ปิดสถานะ)แล้วค่อยซื้อหุ้นคืน
เล่นแบบพี่ CK ว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงอย่างหนึ่ง
ส่วนพวกที่เล่นโดยไม่มีหุ้นนี่น่าจะเข้าข่ายพนัน

จริงๆ แล้วกลับกันครับ

การเปิดสถานะ Futures จะต้องวางเงินค้ำประกันเข้าไปก่อนเสมอ
ไม่งั้นเปิดไม่ได้ครับ

50,350 บาทต่อสัญญา

เงื่อนไขแบบนี้

อนุพันธ์น่าสนใจที่สุดคับ

เห็นด้วยครับ

กับสิ่งที่คุณ CK พูดทุกประการ ครับ

แค่หุ้นสามัญก็ว่าเสี่ยงแล้ว พวก Futures, Options, Swap นี่คงต้องไว้ก่อนอ่ะครับ

ยอมเลยอันนี้

เวลาที่ index มันสวิงมากๆ อาจไม่ได้ตังส์ ถ้าไม่เวลามาเฝ้าดู (คงต้องเข้าขั้นหมกหมุ่น)

[quote="CK"]สำหรับท่านที่มี

Kao เขียน: ว่าแต่Z06ต่างกับ U06 H06 M06 ยังไงครับ

ต่างกันที่วันหมดอายุใช่มั๊ยครับ

แล้ว Short คือ ต้องขายSET50 Futureไปก่อน(ทั้งๆที่ตอนนี้ยังไม่มี) และต้องซื้อคืนก่อนที่จะหมดอายุ ผมเข้าใจถูกไหมครับ และถ้าไม่ได้ซื้อมาคืนล่ะครับจะมีผลยังไง

beta 0.625

มูลค่าพอร์ท 40 ล้าน
ควร short ออกมามูลค่า 40 x 0.625
= 25 ล้านบาท

ตอนนี้ z06 อยู่ที่ 488
(Z06 หมดอายุปลายเดือนธันวา)

ก็ต้องซื้อ 25 m / 488,000 = 51 สัญญา
ต้องวางเงิน 51 x 50,000 = 2.55 ล้านบาท


อย่าลืมนะครับ ข้อเสียของวิธีนี้คือป้องกันความเสี่ยง
ซึ่งแปลว่ามีค่าใช้จ่ายนะครับ ถ้า set ดีดกลับแรง
จะได้กำไรไม่มาก หรืออาจจะเท่าทุนด้วยซ้ำ ถ้าปิดสัญญาไม่ทัน

ขอบคุณครับ

ทำไมตัวอย่างของพี่CK betaพอร์ต=0.8 ให้ short 8%
พอร์ตผม betaพอร์ต=0.625 แต่ให้ short 62.5%ครับ

beta ของคุณ kao ไม่ใช่ 0.625 ครับ มันต้องมากกว่าหนึ่งเพราะแกว่งแรงกว่าดัชนี ประมาณ 2.4/1.5 ครับ

Kao เขียน:ขอบคุณครับ

ทำไมตัวอย่างของพี่CK betaพอร์ต=0.8 ให้ short 8%
พอร์ตผม betaพอร์ต=0.625 แต่ให้ short 62.5%ครับ

ตอนนั้นผมพูดคร่าวๆ ครับ โดยเทียบกับวงเงินเป็นเกณฑ์
และสมมุติว่า SET50 อยู่ที่ 500 พอดี ขออภัย พูดไม่เคลียร์

คือในทางทฤษฎีนั้น 1 สัญญาของ TFEX
มีมูลค่าเท่ากับราคาซื้อขายคูณ 1,000 บาท
เช่น 488 x 1,000 = 488,000 บาทต่อสัญญา
แต่วางเงินค้ำประกันเพียง 50,000 บาท
หรือประมาณ 10% ของมูลค่าสัญญา
(ในต่างประเทศ บางทีจะให้วางเงิน 3% หรือ 10%
ไม่ได้ fix จำนวนเงิน เข้าใจว่าไทยกลัวรายย่อยงง)

คุณ kao ถ้า short จริงก็ลงเงินแค่ 51 x 50,000 = 2.55 ล้านบาท
หรือประมาณ 6.375% ของพอร์ท ก็ขายออกมาแค่ 6.4%

มูลค่าของ TFEX ที่ได้ short ไป จะเป็น 51 x 488 = 24.9 ล้านบาท
หรือประมาณ 63% ใกล้กับค่าเบต้าของ port

การใช้วิธีนี้ เปรียบคล้ายๆ กับการขายหมดพอร์ทนะครับ อย่าลืม
เป็นการขายหมดพอร์ทโดยไม่ต้องขายทั้งหมดจริงๆ
แต่ใช้ TFEX มาช่วยครับ

ดังนั้น จะ work ก็ต่อเมื่อคุณคิดว่า น่าขายหมดไปก่อน
เพื่อลดความเสี่ยง แต่แทนที่จะขายหมดจริงให้เสียราคา
ก็ขายนิดๆ แล้ว short แทนครับ

ได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกันพอควรแต่มีข้อดีคือ
downside ต่ำกว่า ถ้าปิดสัญญาทัน

ถ้าขายหมดพอร์ท แล้วหุ้นเกิดขึ้นสวน
จะเสียโอกาสมาก เพราะการไล่ซื้อคืนจะมี cost สูง
แต่ถ้าคุณปิดสัญญาล่วงหน้าทัน ก็จะขาดทุนจาก tfex ไม่มาก
(ไม่น่าจะหมดหรือติดลบมากกว่าเงินค้ำประกัน)

ดังนั้น มองในอีกแง่คือ
คุณเอาหุ้น 6.4% ออกมาทำประกันเผื่อหุ้นตกแรง
จะได้สามารถเพิ่ม stake ในพอร์ท

ถ้าคุณคิดว่า ขายครึ่งนึงไปก่อน
ก็ขายออกมาแค่ 3.2% แล้ว short 25 สัญญาครับ
(จากพอร์ท 40 ลบ.) ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน

adi เขียน:beta ของคุณ kao ไม่ใช่ 0.625 ครับ มันต้องมากกว่าหนึ่งเพราะแกว่งแรงกว่าดัชนี ประมาณ 2.4/1.5 ครับ

พอร์ตผม -1.5%
SET50 -2.4%
ดังนั้น Beta port = -1.5/-2.4 = 0.625

ขอบคุณมากครับ พี่CK
เริ่มเข้าใจแล้วครับ แต่คงต้องศึกษาเพิ่มเติมน่ะครับ เพื่อความชัวร์

โอ้ ผมอ่านผิดครับ