Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

ได้เจอ
พี่เจ๋ง (อัธยาศัยดีมากครับ สรุปเรื่องต่างๆได้ดีมากๆ เก่งจัง)  
พี่CK (เสียดายมากๆ ไม่ได้คุยด้วย ว่าจะไปแนะนำตัวสักหน่อย ดูหนุ่มกว่าที่ผมคิดมาก)
เฮียคลายเครียด (ได้เจอแต่ตัว ไม่ได้คุยเหมือนกัน ไม่กล้าไปคุย เกรงใจครับ)
คุณสุมาอี้ (เก่ง เหมือนที่คาดไว้ Present ได้ดีนะครับ ยังหนุ่มอยู่แท้ๆ พิเศษสำหรับผมได้ติดรถกลับบ้านด้วย ขอบคุณอีกครั้งครับ)
คุณ Muffin และ พ่อมดฯ (2 พิธีกรสุดหล่อ นำเสนอและเข้าขากันดี บุคคิลน่าคุยด้วย)
คุณสุเกียง (น่ารักจริงๆ มีขนมมาให้กินด้วย)
ป้าโสม (ป้าตรงไหนเนี้ย สวยและเสียงดีมากๆๆๆ กลับมา ผมรีบ download เพลงมาฟังเลยนะครับ แต่ load ได้เพลงเดียวอีกเพลงหาที่ load ไม่เจอ ไว้ไปหาใหม่)
ผู้ร่วมบรรยาย เก่งๆ อีกหลายท่าน พี่เต่าฯ พี่ rockฯ และ อื่นๆ เก่งกันทั้งนั้น

คุ้มจริงๆ แค่ได้เจอคนเก่งก็คุ้มแล้ว ไว้เจอกันใหม่ งานของ thaivi นะครับ

ทุกท่านที่กล่าวมานี่

ใช้ nickname อะไรใน ห้องสินธรครับ

เข้าไปบ่อยๆแต่ไม่เจอเลยนะครับ วานบอกหน่อยดิครับ

ขอสรุปประเด็นที่ผมเก็บมาได้ละกันนะครับ กินขนมปังตอนเที่ยงแล้วมีอารมณ์อยากทำตัวมีประโยชน์บ้าง

เพื่อจะมีสาระบ้าง :lol:  :lol:

ไม่บอกไว้ใครพูดอะไรกันบ้างนะครับเพราะผมจำไม่ได้ เอาที่ผมสนใจ และได้เรียนรู้มานะครับ

การลงทุนในตลาดหุ้น สำหรับผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จ ต้องทำอย่างจริงจัง อดทน รอคอยได้ รู้จักจังหวะและโอกาส และมีประสบการณ์ในตลาดนานพอสมควร

ผมไม่เห็นใครในงานที่ผมได้ยินได้คุยประสบความสำเร็จ กับการเทรดรายวัน มีแต่เล่นสนุกๆเอามัน ส่วนใหญ่ก็มีเป็นพอร์ตเล็กเอาไว้ลองทฤษฎี ลองของ ลองอารมณ์ ไว้มีเรื่องคุยกัน ส่วนพอร์ตใหญ่จริงๆที่กำไรเป็นกอบเป็นกำ คือพอร์ตที่ซื้อเก็บเอาไว้กะไว้ให้ลูกให้หลาน

แต่ก็ใช่ว่าจะได้ไว้ให้ลูกให้หลานจริงๆ ถ้าเหตุการณ์มันเปลี่ยนไปก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง เช่นราคาสูงหรือต่ำเกินพื้นฐาน หรือเกินความรู้ที่มี ที่จะคาดคะเนได้ ก็พร้อมจะเปลี่ยนถ่ายเท ไปยังตัวอื่นๆที่ได้ศึกษา มีข้อมูลอยู่แล้ว หรืออาจจะซื้อหรือขาย เพิ่มตามความพอใจและภูมิปัญญาจะคาดไปถึง

ความพอใจก็ง่ายๆ บางคนอาจพอใจกับจุดซื้อจุดขาย บางราคา บางคนอาจคิดว่าที่ราคาที่ว่าอาจยังไม่ดีพอ ให้พอใจตามความรู้ที่มี อย่าให้อารมณ์พาไป อย่าให้พรายกระซิบชักจูง

หลักก็ให้คิดว่าถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการที่ดูแลกิจการนี้อยู่ทั้งในแง่ผู้บริหาร เจ้าของหรือเป็นจ้าว เขาคิดอย่างไร กิจการนี้ไปได้หรือเปล่า เป็นเบอร์ไหนในตลาด อย่าไปสนใจหลักเศรษฐศาสตร์มหภาคมากนัก เอาไว้ดูเป็นภาพรวมๆไว้ตรวจสอบเป็นระยะ ดูแนวโน้มและทิศทางเท่านั้น จุดเน้นๆให้มาที่กิจการและคู่แข่ง เน้นที่ตัวหุ้นนั้น ถ้าคนที่เขาดูกราฟเขาก็ดูแค่ตัวหุ้นนั้นเป็นหลัก พื้นฐานก็เน้นที่ตัวกิจการเช่นกัน

งบการเงินควรรู้ไว้ กราฟก็ควรรู้ไว้ ใครเชี่ยวชาญด้านไหนก็ตามสะดวก แต่ในที่สุดแล้วผมเห็นคนที่ชำนาญจริงๆทั้งสองด้าน หรือด้านใดด้านหนึ่ง เขาเหมือนบรรลุแล้ว แค่กวาดสายตามองไปมองมา ไม่กี่ครั้ง ก็รู้สึกได้รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ปกติหรือผิดปกติ ที่เกิดขึ้นในตลาด หรือในงบนั้น

และใช้ทั้งความปกติและไม่ปกติ ที่สัมผัสกับความรู้ความชำนาญที่มี มาทำกำไรเป็นเหตุการณ์นั้นๆ ดังนั้นไม่แปลกใจเลยที่ทำไม ผมจึงยังไม่สำเร็จ และความรู้เหล่านั้น ก็ใช่จะสอนกันได้หมด แม้สอนหมดแล้ว ก็ยังขึ้นอยู่กับทักษะบางสิ่งบางอย่างไม่สามารถสอนกันได้ด้วย เชกเช่นการสอนทำอาหาร แม้ว่าผู้สอนจะบอกตำรับ สูตรต่างๆที่มี วิธีการปรุงให้ทั้งหมดแล้วก็ตาม แต่ผู้ปรุงอาหารตามสูตรนั้นออกมาก็ใช่ว่าจะได้รสชาติเหมือนกันไปทั้งหมด

จิตวิทยามวลชนเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่ทั้งคนดูงบ ดูกราฟ หรือดูอื่นๆต้องหาทางนำไปประยุก์ใช้ ให้ถูกต้องอยู่เสมอ ระหว่างฟังบรรยายอยู่ผมถึงกับนึกว่า สิ่งนี้เหมือนกับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะมาสร้างกำไร เพราะราคาหุ้นแท้ที่จริง น่าจะสะท้อนออกมาจากผลประกอบการและความคาดหวังในอนาคตของหมู่ชนที่ถือหุ้นนั้นๆ มากกว่ามาตรวัดอื่นๆ ผมถึงต้องไปหยิบหนังสือจิตวิทยาการลงทุน ที่พี่ Web พรชัย ของเราแปลไว้ มาเตรียมการอ่านใหม่ และครานี้จะตั้งใจอ่านและให้จบด้วย

และที่สำคัญลำดับถัดมา ที่ควรจะดูเป็นอย่างยิ่งคืออัตราการเติบโต หรือ growth ที่จะเป็นไปได้ทั้งราคาหุ้น และผลประกอบการ ซึ่งจะรู้ได้อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่รู้แล้วละครับ ทั้งข่าวและข้อเท็จจริงๆต่างๆ หรือข้อมูลอื่น ที่นำมาวิเคราะห์ ความรู้จากการอ่าน ฟังจากแหล่งต่างๆ เป็นสิ่งที่จำเป็นยิ่งอีกอย่างหนึ่ง ที่ผมสังเกตุมานานแล้ว พบว่าคนที่เป็นนักอ่าน นักฟัง ส่วนนี้แหละที่ส่วนใหญ่แล้วประสบความสำเร็จ เพราะเขาเหล่านี้มีความรู้ในสิ่งที่เขารู้อย่างแท้จริง มีความทุ่มเท อุตสาหะ และเชื่อในตัวเองกับข้อมูลที่ได้สังเคราะห์ออกมา ไม่หลงไปตามมวลชน ตรงข้ามกลับใช้มวลชนให้เป็นประโยชน์แก่ตนได้

ส่วนปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการลงทุน ที่ผมรับฟังมา ผมว่าส่วนใหญ่ไม่ใช่เพื่อหากำไรสูงสุด เพราะเกือบทุกคนต้องการหาความสุขให้กับชีวิตตนและคนรอบตัวมากกว่า หลายๆคนลาออกจากงานมาลงทุน บางคนลงทุนไปด้วยทำงานกินเงินเดือนไปด้วย ก็เพื่ออิสรภาพทางการเงิน เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่เป็นสุข ตามอัตภาพ อยู่ในสังคมได้ ก็เท่านี้เองชีวิตเราจะดิ้นรนกันไปเพื่ออะไรมากมาย อยู่กันในโลกได้กันอีกไม่มีวันอยู่แล้ว เดี๋ยวก็ตายกับหมดแล้ว  เงินก็แค่ของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ได้ครับ หุ้นมีขึ้นก็มีลง ชีวิตก็เหมือนกัน ถ้าชีวิตวุ่นวายมากนัก ศาสนาช่วยได้ นาฬิกาตายยังบอกเวลาตรงวันละสองครั้งนะครับ

ขอให้ประสบความสำเร็จทุกคนนะครับ


ปล. ถ้างงไม่ต้องแปลกใจครับ เดี่ยวจะกลับมาอ่านใหม่ว่าตัวเองเขียนอะไรไป post ก่อนเด๊ยวหายพิมพ์ตั้งนานครับ

เกือบไปแล้ว net หลุด ดีนะที่ copy ไว้ก่อน ว่าแล้วเชียว เกือบ

อ่านใหม่แล้วครับ ใครที่ไปมาอาจว่าไม่เห็นเกี่ยวกับเนื้อเรื่องในงานเลย

แต่ผมว่าเกี่ยวนะ ผมเอามายำใหม่แล้วรวมที่ผมคิดไปด้วย แฮะๆ

chansaiw เขียน:ทุกท่านที่กล่าวมานี่

ใช้ nickname อะไรใน ห้องสินธรครับ

เข้าไปบ่อยๆแต่ไม่เจอเลยนะครับ วานบอกหน่อยดิครับ

ใช้เหมือนกันครับ แต่ไม่ค่อยได้ post

ขอขอบคุณพี่ CopyWriter มากนะครับ

ขอบคุณ คุณ copy writer ที่สรุปให้ฟัง

คุณ copy writer ชื่อเหมือนทำอยู่วงการโฆษณาเลยนะครับ

สวัสดีครับ น้อง copywriter เห็นเดินมาตักอาหารกับคุณสุมาอี้ใช่ไหมครับ



ที่หนุ่มๆ น่ะ ลูกชายผมมั้ง :lol:

ตามมาชื่มชมคำทำงานmeetingของสินธร

... ขอบคุณมากครับ

ไม่ได้ไป แต่ขอชื่นชมครับ    

8) ขอบคุณมากครับที่สรุปมาให้อ่าน
    ชอบตรงที่สรุปมาเป็นเหมือนคุยกัน
    แบบเป็นภาษาพูดนะครับ
    อ่านง่ายดี....

ขอบคุณครับ  เสียดาย ไม่ได้ไปร่วมงานด้วยครับ

จริงครับ หุ้นบางตัว ก้อมีการกดหลอกลงมาให้ขาดทุน

แต่หากมีความมั่นใจ และอดทน รอ ๆๆๆ  

สุดท้าย ก้อ จะ กลับมาทำให้เราได้กำไรจากการลงทุนครับ

ขอบคุณครับที่นำมาฝากกัน


เออ..คุณ Moo ครับ
ผมละชอบ Motto คุณจริงๆครับ  

ขอบคุณครับผม

CopyWriter เขียน:จิตวิทยามวลชนเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ที่ทั้งคนดูงบ ดูกราฟ หรือดูอื่นๆต้องหาทางนำไปประยุก์ใช้ ให้ถูกต้องอยู่เสมอ ระหว่างฟังบรรยายอยู่ผมถึงกับนึกว่า สิ่งนี้เหมือนกับเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะมาสร้างกำไร เพราะราคาหุ้นแท้ที่จริง น่าจะสะท้อนออกมาจากผลประกอบการและความคาดหวังในอนาคตของหมู่ชนที่ถือหุ้นนั้นๆ มากกว่ามาตรวัดอื่นๆ

อันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ

CopyWriter เขียน:ผมถึงต้องไปหยิบหนังสือจิตวิทยาการลงทุน ที่พี่ Web พรชัย ของเราแปลไว้ มาเตรียมการอ่านใหม่ และครานี้จะตั้งใจอ่านและให้จบด้วย

เล่มนี้ถ้ามีประสบการณ์เล่นหุ้นมาซักระยะหนึ่งแล้วค่อยอ่านจะอินกว่ามือใหม่ค่อนข้างมากครับ (เพราะจะเข้าใจข้อผิดพลาดได้ชัดเจนกว่า)

เป็นเล่มนึงที่ผมอ่านแล้วชอบ (แถมราคาหนังสือถูกด้วย) ตอนนี้ให้เพื่อนไปแล้ว แต่มีสรุปย่อส่วนที่โดนใจเก็บไว้เตือนสติเรียบร้อย

ผมไม่เห็นใครในงานที่ผมได้ยินได้คุยประสบความสำเร็จ กับการเทรดรายวัน มีแต่เล่นสนุกๆเอามัน ส่วนใหญ่ก็มีเป็นพอร์ตเล็กเอาไว้ลองทฤษฎี ลองของ ลองอารมณ์ ไว้มีเรื่องคุยกัน ส่วนพอร์ตใหญ่จริงๆที่กำไรเป็นกอบเป็นกำ คือพอร์ตที่ซื้อเก็บเอาไว้กะไว้ให้ลูกให้หลาน

ผมว่าคนที่มาเป็นพวกประสบการณ์มาก ๆ แล้วมัง้ครับ รู้ว่าอะไรเวิร์ก อะไรไม่เวิร์ก
ในขณะที่คนส่วนใหญ่ที่โพส ๆ กันในสินธรนั้นมีแต่พวก "ติด xxx ที่ yy ทำไรดี" คงไม่ได้ไป หรือไม่ได้พูดเพราะไม่กล้าพูด
คือไม่ใช่ไม่เคยติดนะครับ แต่มันก็การตัดสินใจของเรา เงินของเรา ออร์เดอร์ของเรา ก็หาทางลงเอาเอง  8)

เสียดาย ที่ไม่ได้ทักทายพี่copy writer อดเจอเลย  
ดีใจได้เจอพี่เจ๋ง พี่ชิกกี้ พี่สุมาอี้  ครับ:D

ตอนแรกนึกว่าพี่สุมาอี้มาจะเกินสี่สิบ
ที่ไหนได้ 30 เอง


แต่ฝีมือระดับเซียนเหยียบเมฆแล้ว

[quote="ต.หยวนเปียว"]ดีใจได้เจอพี่เจ๋ง พี่ชิกกี้ พี่สุมาอี้

เหอๆๆ ชมข้ามห้องอย่างงี้เขินแย่เลยครับ

แต่การสรุปของพี่ copywriter สรุปได้ยอดเยี่ยมครับ
ขออนุญาต post ไว้ที่ห้องสินธรนะครับ

ปล. ในวันงานไม่ค่อยมีโอกาสต้อนรับมากนักเพราะ
มีงานที่ต้องดูแลหลายอย่าง ขาดตกบกพร่องประการใด ขอภัยด้วยนะครับ

เสี่ย ป. ขอนแก่นหายไปไหนครับ
คนในงานมีตติ้ง ถามผมประมาณยี่สิบครั้งได้มั่ง

 :roll:  :roll:  :roll:  :roll:  :roll:  :roll:

คุณสุมาอี้หนุ่มกว่าที่คิดครับ

และที่คุณ copywriter สรุปมา
ได้ใจความดีเยี่ยมครับ

อยากจะเสริมเรื่องสุขภาพจิตของคนเล่นหุ้น
มันสำคัญมากๆ
คนที่นั่งข้างๆผมในงานมีตติ้ง
เขาก็เคยเล่นเดย์เทรดมาก่อน
ยังยอมรับเลยว่า  
ได้เปลี่ยนแนวทางการลงทุน ให้ถือหุ้นยาวขึ้น
เพราะรู้สึกเลยว่า  
ถึงตัวเองจะได้เงินมามากแค่ไหน
สุขภาพจิตก็ย่ำแย่  
เคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา


ในงาน ระหว่างพักกินอาหาร
ผมได้คุยกันคุณโอฬาร  
เจ้าของแชมป์  รายการแฟนพันธ์แท้ตลาดหุ้นอยู่ครู่หนึ่ง

คำบอกเล่าของคุณโอฬารที่ทำให้ผมอึ้งก็คือ

ผลตอบแทน ที่ได้จากรายการแฟนพันธ์แท้
ไม่คุ้มค่ากับสุขภาพจิตต้องเสียไป  
ซึ่งมันได้ส่งผลต่อไปถึงสุขภาพกาย
ทำให้ระบบของร่างกายรวนไปหมด

คือตอนเล่นแฟนพันธ์แท้เฉพาะตลาดหุ้น
เสี่ยตาอัดรายการ  
โดยให้ผู้เล่นมีเวลาเตรียมตัวแค่ ๒ วัน
คนที่ร่วมรายการ ก็เลยเครียดอยู่แค่ ๒ วันเท่านั้น
แต่พอ มาเป็นการชิงแชมป์แฟนพันธ์แท้ประจำปี
มีเวลาให้เตรียมตัวประมาณ ๒ อาทิตย์ก่อนอัดเทป
คุณโอฬารก็ต้องเครียดอยู่ถึง ๒ อาทิตย์

ซึ่งมันไม่คุ้มกับผลตอบแทนที่จะได้รับ
คุณโอฬารยังบอกด้วยว่า
ลองนึกถึงคนที่ต้องเครียดระดับนั้น
แล้วยังผิดหวังตกรอบ  จะเสียสุขภาพจิตมากขนาดไหน
เรียกว่าถ้ายิ่งตั้งเป้าไว้สูง  
ก็ยิ่งเครียดจัดมากขึ้นไปอีก

ดังนั้น

safe way to heaven  
ที่แท้จริงก็คือ

ความสุขทางจิตใจ
จะต้องมีความสมดุลกับ
ความสุขที่จะได้รับจากวัตถุครับ

                 

ยินดีที่ได้เจอกันครับ พี่เตวี่ หยวนเปียว 5555

พี่สุมาอี้ครับ ธรรมเนียมพี่น้องสินธร เขาเรียกพี่กันหมดครับ

ลืมไปที่นี่ทีวีไอ  คุณสุมาอี้ อายุน้อย แต่ความรู้ความสามารถ
ไม่น้อยตามอายุเลยครับ  :D

พี่ชิกกี้ ครอบครัวอบอุ่นลูกน่ารัก  ยินดีมากๆครับคุยกันนานเพิ่งเจอกัน  :D

ถามหาเฮียปรัชญา ผมเผลอถามซ้ำไป2ครั้ง  :lol:

พี่เจ๋ง   ไม่ลุยเลย

CK เขียน:ยินดีที่ได้เจอกันครับ พี่เตวี่ หยวนเปียว 5555

พี่สุมาอี้ครับ ธรรมเนียมพี่น้องสินธร เขาเรียกพี่กันหมดครับ

คือ ผมนึกถึงโฆษณา "เต่าเรียกพี่" สมัยก่อนน่ะครับ  :D

สุมาอี้ เขียน:

คือ ผมนึกถึงโฆษณา "เต่าเรียกพี่" สมัยก่อนน่ะครับ

[quote="คลายเครียด"]
คำบอกเล่าของคุณโอฬารที่ทำให้ผมอึ้งก็คือ

ผลตอบแทน ที่ได้จากรายการแฟนพันธ์แท้
ไม่คุ้มค่ากับสุขภาพจิตต้องเสียไป

คุณต.หยวนเปี่ยว นี่ โห หน้าตา บุคคลิก ถ่อมเนื้อถ่อมตัว น่านับถือ ตอนแรกนึกว่า อายุ 25 ไม่น่าเกิน 27

เหอๆ ตอนนี้ไม่กล้าทายอายุ คงรุ่นน้องมากก็จริง แต่บุคคลิกน่าเชื่อถือมากครับ

[quote="por_jai"]
 

Jeng เขียน:คุณต.หยวนเปี่ยว นี่ โห หน้าตา บุคคลิก ถ่อมเนื้อถ่อมตัว น่านับถือ ตอนแรกนึกว่า อายุ 25 ไม่น่าเกิน 27

เหอๆ ตอนนี้ไม่กล้าทายอายุ คงรุ่นน้องมากก็จริง แต่บุคคลิกน่าเชื่อถือมากครับ

หลอกตานะครับพี่เจ๋ง   สูตรเดียวกับเฮียเคลีไปตัดผมสั้น :lol:
สิ้นปีนี้ผม40เต็มล้วครับ