หน้า 1 จากทั้งหมด 1

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 07, 2005 8:45 pm
โดย สุเกียง
.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..


http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 54580.html

ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ

ยีน   คอนลิน  นักเทคนิคการแพทย์

ได้รวบรวมสรรพคุณของพืชผักช่วยรักษาโรคพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ฮาร์เปอร์คอนลิน นิวยอร์ก กล่าวถึง

สรรพคุณของพืขผักแต่ละชนิดว่ามีคุณประโยชน์ต่อการรักษาได้อย่างไร

ไว้ในหนังสือชื่อ   ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ     เช่น

1.  ปวดหัว

กินปลามาก ๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด น้ำมันจากปลา

มีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว  กินพร้อม ๆ กับขิง

จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง

2.  แพ้ละออง เป็นแพ้ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้  

ให้ กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว

3.  โรคหัวใจ

ดื่มชาเขียว

เป็นประจำสารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนังหลอดเลือด

4.  โรคนอนไม่หลับ  

ดื่มน้ำผึ้ง  

เป็นประจำสารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอนหลับฝันดี

5.  โรคหืดหอบ

กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม  

ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง

6.  โรคไขข้ออักเสบ  

กินปลาเท่านั้น แก้ไขเป็นปกติได้  ได้แก่  

ปลาแซลมอน  ปลาทูน่า (ปลาโอ)  ปลาแมคเคอเรล  ปลาซาดีนส์  (ปลากระป๋อง)

น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง

7.  ท้องผูก  ท้องอืด  

ให้ กินกล้วย  หรือ  ขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก  และ

ขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้าหายไป

8.  ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ

ให้ กินน้ำคั้นจากลูก  แคนเบอรี  (ไม้เมืองหนาว )

กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้

9.  โรคหงุดหงิด  ฟุ้งซ่าน  โดยเฉพาะเกิดในผู้หญิงสูงอายุด้วย  

ให้ กินข้าวโพด    

ช่วยบรรเทาอาการเครียด  วิตกกังวล  และความคิดสับสนได้

10.   โรคกระดูกพรุน   ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย  

แก้ไขได้โดย

ให้กินสับปะรด   ซึ่งมีสารแมงกานีสอยู่มาก  

ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้

11.  ความจำเสื่อม  

แก้ไขโดย    

กินหอยนางรม  หอยแครง  หรือหอยอื่น ๆ  

ซึ่งในเนื่อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี

12.  เป็นหวัด  

กินกระเทียม   ทำให้จมูกโปร่ง  สมองโล่ง  

กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย

13.  ไอ  จาม  

กินพริกแดง สารที่นำมาทำยาแก้ไอนั้นสกัดมาจากพริกแดง

14.  มะเร็งเต้านม  

กินข้าวสาลี  รำข้าว  และกะหล่ำปลี  

จะช่วยป้องกันได้ดี โดยเฉพาะรำข้าว กะหล่ำปลี

ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิง เอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม  

ข้อสำคัญ  อย่ากินไก่มาก  

เพราะใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในการเร่งการเจริญเติบโต

15.  มะเร็งปอด  

กินส้ม  และ ผักใบเขียว  

มีวิตามินเอ  อยู่มากจะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน

16.  แผลในกระเพาะอาหาร  

กินกะหล่ำปลี    

ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะอาหาร  และลำไส้เล็กหายขาดได้

17.  โรคท้องร่วง    

กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก    

ช่วยให้อาการปั่นป่วนในท้องเมื่อเชื้อโรคบิดเล่นงานทุเลาลง

18.  เส้นเลือดตีบ    

กินผลอโวคาโด    

แก้ได้เพราะไขมันดี   โมโรอันแซตเทอเรต  ที่มีอยู่ในผลไม้ชนิดนี้

ทำลายไขมันเลว   คลอเลสเตอรอล    ได้

19.  ความดันโลหิตสูง  

กินผลโอลีฟ  และผักขึ้นฉ่าย

พืชทั้งสองชนิดนี้มีสารเคมี  ทำให้ระดับความดันเลือดลดลง

20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล  

กินผักบร็อกโรลี่  และ ถั่วลิสง  

ซึ่งมีอินซูลินทำให้น้ำตาลในเลือดสมดุลได้

พืชผักที่กินเป็นอาหารประจำวันนั้น  นอกจากจะอิ่มท้องแล้ว

ยังมีสรรพคุณช่วยสร้างความสมดุลภายในร่างกาย  

ช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บชนิดต่าง ๆ ได้  

ถ้าได้เรียนรู้ที่จะรู้จักเลือกกินให้เหมาะกับตนเอง

คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร  

โดยเฉพาะพืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทย  

เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่นอันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานไทย  

ขอให้ช่วยกันป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติ  

ที่จ้องฉกฉวยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติของเราไปเป็นของตนทุกวิถีทาง

ดังนั้นอนุชนรุ่นหลังจึงควรที่จะได้นำมาศึกษา  ค้นคว้า  และคิดค้น  

ตามแนวทางที่บรรพบุรุษของเราท่านได้วางพื้นฐานไว้ให้  

เพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในด้านโภชนาการของคนไทยต่อไป.
[/b]

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 07, 2005 8:53 pm
โดย สุเกียง
FW:

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 07, 2005 8:58 pm
โดย สุเกียง
ดิฉันมารบกวนพื้นที่กระทู้ของทางเว็บ หากไม่ถูกใจบอกได้นะคะ

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 07, 2005 10:06 pm
โดย CK
ยินดีมากครับ ที่มาโพสต์

ไม่รบกวนเลยครับ

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 4:22 pm
โดย Temujin
มีประโยชน์มาก  ขอบคุณมากครับ  :bow:  :bow:  :bow:

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 4:32 pm
โดย CK
8.  ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ

ให้ กินน้ำคั้นจากลูก  แคนเบอรี  (ไม้เมืองหนาว )

กรดเข้มข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้
อันนี้น่าสนใจมากครับ

ตามตำราไทย ให้ดื่มน้ำกระเจี๊ยบคั้นสด มีสรรพคุณในการรักษาโรค
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

เท่าที่ได้ชิมมา Cranberry กับน้ำกระเจี๊ยบ มีรสชาดใกล้เคียงกันมาก
สีก็คล้ายๆ กัน

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 10:09 pm
โดย สุเกียง
ขอบคุณค่ะ คุณTemujin

สวัสดีค่ะ คุณ CK ขอบคุณค่ะ
ดื่มน้ำกระเจี๊ยบ นี่เคยอ่านมาเหมือนกันค่ะ
แก้กระหาย เป็นยาระบายอ่อนๆ ขับสารตกค้างในกระเพาะปัสสาวะได้
พืชสมุนไพรไทย ล้วนแล้วมีแต่ประโยชน์ทั้งนั้น

เพียงแต่ไม่ค่อยนิยมกัน มักนิยมสิ่งแปลกใหม่จากต่างถิ่น
คนสมัยโบราณรู้คุณค่าสมุนไพรอย่างดี จึงมีสุขภาพดีอายุยืนกัน
สมัยนี้สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ  ยาอะไรก็ต้านไม่อยู่
สิ่งที่จะช่วยให้แข็งแรงและอยู่ได้นานๆคือการออกกำลังกาย

แต่ละคนมักบอกไม่มีเวลา  ก็จริงนะคะ เหงื่อออกนิดเดียว ก็เหนื่อยแล้ว
เลยหันมาพึ่งยาที่ทั้งลด และเพิ่มกัน ก็เลยทำให้คนอื่นรวยไป
ในทีวีมีทุกคืน ปั่นสมองให้หลงเชื่อได้ทุกๆวัน
แค่เข็มขัด 1 เส้น 3900 บาท ไม่ไหว ต้องขายซีมีโก้ไ ปเกือบ พันหุ้น

ฮาๆยอมให้หุ้นอยู่กับตัว ดีกว่าเอาเข็มขัดมารัดพุงเป็นไหนๆ

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่านนะคะ

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 11:22 pm
โดย สามัญชน
:lol:  :lol:  :lol:  :lol:

สงสัยครับ
เพราะชาเขียวจะมีประโยชน์ต่อร่างกายในขณะที่ร้อนอยู่เท่านั้น
ชาเขียวไม่ว่าร้อนหรือเย็น  พอตกไปถึงกระเพาะ  ก็จะโดนร่างกายเราปรับอุณหภูมิให้เท่ากับอุณหภูมิร่างกายอยู่แล้วที่ 37 องศา ใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้นแหละ  ไม่ใช่เหรอครับ  

แล้วกว่าจะไปถึง  ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ซึ่งเป็นจุดที่มีการดูดซึมมากที่สุด ก็กินเวลาอีกหลายชั่วโมงนี่นา

ดังนั้นไม่ว่าก่อนกิน  อุณหภูมิจะเย็นหรือร้อน  แต่ตอนดูดซึมไปใช้ มันก็ไม่แตกต่างกันนี่ครับ

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 11:49 pm
โดย สุเกียง
สวัสดีค่ะคุณ สามัญชน ขอบคุณค่ะ ที่แวะมาให้ข้อคิดดีๆ
เรื่องการดื่มชานั้น ความจริงตอนเด็กๆก็เคยถามพ่อเหมือนกัน
ว่าทำไมต้องดื่มตอนร้อนๆ ไม่ร้อนปากร้อนคอเหรอ

เพราะเห็นพ่อชงทีไรเททิ้งครั้งแรกและครั้งที่สอง ดื่มเอาครั้งที่สามทุกที
พอบอกว่าลวกครั้งแรกไล่ฝุ่นละอองออก ครั้งที่สองต้องรีบเทออกเร็วๆ
เพื่อเร่งกลินสีชาออกมา ครั้งที่สามดื่มร้อนๆเลย ชาและกลินจะหอมชื่นใจ

ก็ไม่เข้าใจทำไมแค่ดื่มชาทำไมพิรีตองมากมายเหมือนกัน
พ่อบอกว่าเป็นศิลปอย่างหนึ่ง คนจีนโบราณเขาดูอุปนิสัยคนที่การดื่มชา
ฮาๆไม่เอาด้วยหรอก แค่ เทน้ำร้อนล้างรอบแรกก็ดีถมไปแล้ว ครั้งที่สองดื่มเลย


.....รวยริน กลิ่นชา

ผู้เขียนใช้นามปากกาว่า เรืองรอง รุ่งรัศมี

(สำนักพิมพ์มติชน)

ชาเขียวสารอาหารมหัศจรรย์


ถ้าจะพูดถึงเครื่องดื่มที่คนนิยมดื่มกันมากรองมาจากน้ำ เห็นจะเป็นชา

น้ำชา เป็นเครื่องดื่มที่เป็นรู้จักกันดีในประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะชาวจีนและชาวญี่ปุ่น ซึ่ง ดื่มกันมานับพันปีเห็นจะได้

ชา ที่นิยมดื่มกันในปัจจุบัน มี 3 ชนิด คือ

ชาจีน, ชาเขียว, ชาฝรั่ง

ซึ่งแต่ละชนิดมี กรรมวิธีในการผลิตแตกต่างกัน

แต่ชาที่มี ประโยชน์ต่อสุขมากมากที่สุด ก็คือ ชาเขียว (Green Tea)

ซึ่งได้จากการทำใบชาให้แห้งที่ อุณหภูมิสูงอย่างรวดเร็ว ทำให้ใบชาแห้งแต่ ยังคงมีสีเขียวและมีคุณภาพเช่นเดียวกับ ใบชาสด

เมื่อนำมาชงกับน้ำร้อนแล้วจะให้ น้ำชาสีเขียว

ไม่มีกลิ่น รสฝาดกว่าชาจีน จึง นิยมแต่งกลิ่นด้วยพืชหอมต่างๆ อาทิ กลิ่น มะลิ กลิ่นบัวหลวง

ชาเขียวมี 2 ประเภท คือ ชาเขียวแบบ จีนและชาเขียวแบบญี่ปุ่น

ซึ่งแตกต่างกันตรง ที่ชาเขียวแบบจีนจะมีการคั่วด้วยกระทะร้อน แต่ชาเขียวแบบญี่ปุ่นไม่ต้องคั่วใบชา

ใน ประเทศญี่ปุ่นมีการผลิตชาเขียว ในรูปผง สำหรับบริโภคขึ้น ซึ่งสามารถเติมลงใน อาหารหลายชนิด

ตั้งแต่อาหารญี่ปุ่น สเต็ก แฮมเบอร์เกอร์ สปาเกตตี้ และสลัด เป็นต้น

ในชาเขียวมีสารที่เป็นประโยชน์ต่อ ร่างกายหลายชนิด เช่น โพลีฟีนอล (polyphenol)

มีฤทธิ์ต้านการทำปฏิกริยา ของออกซิเจน ทำให้เกิดอนุมูลอิสระช้าลง

ส่งผลให้เซลล์และผิวของเรามีอายุยืน หรือ พูดง่ายๆ ก็คือแก่ช้าลงนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมี แคทิซิน (catechin) ที่ช่วยต้านความชรา ได้ผลดีกว่าวิตามินซีหรือวิตามินอี

และที่สำคัญ เคยมีการศึกษา พบว่าสารสกัดจากชาเขียว และเแคทิซิน

ช่วยลดอัตราการเกิดมะเร็ง เช่น มะเร็งปอด กระเพาะ ลำไส้

มีรายงานจาก ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า หญิงญี่ปุ่นที่ดื่มชา เขียวอย่างน้อย 3 ถ้วยต่อวัน

จะลดความ เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม จึงทำให้ชา เขียวเป็นที่นิยมของสาวญี่ปุ่นมากขึ้น

และ ประโยชน์ของชา ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนนำมาใช้

คือ เรื่องการลดน้ำหนัก โดยนักวิทยา ศาสตร์ ชื่อ Dulloo และคณะ

รายงานไว้ใน วารสาร American Journal of Clinical Nutrition ปี 1999

ว่าสารสกัดจากชาเขียว ช่วยเพิ่มการย่อยสลายไขมันร่างกาย ทำให้ ช่วยลดน้ำหนักได้

นอกจากนี้ชาเขียวยังมี ประโยชน์อีกมากมาย เช่น ป้องกันฟันผุ ช่วยลดการสะสมน้ำตาลและไขมันในเลือด

จึงไม่ต้องกังวลเรื่องโรคหัวใจ เบาหวาน โคเลสเตอรอล หรือความดันโลหิตสูง แถม ยังช่วยแก้อาการอาหารเป็นพิษได้อีกด้วย


เคล็ดลับชาเขียว

การชงชาให้ได้รสชาตินั้น มีเคล็บลับ ง่ายๆ

ซึ่งหากทำไม่ดีแล้ว สารโพลีฟีนอล ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ร่างกาย ก็อาจเป็น ตัวทำลายรสชาติได้

โดยทำให้ชามีรสชาติ เหมือนหญ้า ดังนั้น จึงไม่ควรต้มชานานเกิน ไป

วิธีง่าย ๆ นั่นคือ ใช้ชา 1 ถุง หรือประมาณ 2-4 กรัม ต่อถ้วย (1-2 ช้อนชา ขึ้นอยู่กับชนิด ของชา)

ต้มน้ำให้เดือด จากนั้น ทิ้งไว้ 3 นาที แล้วเทน้ำร้อนลงบนถุงชา และทิ้งไว้ 3 นาที นำถุงชาออก ปล่อยให้ชาเย็นลงอีก 3 นาที

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 11:49 pm
โดย สุเกียง
...." ชาเขียวกับความงาม "

สูตรน้ำแร่ชาเขียว :

ง่ายๆ เพียง แค่นำน้ำแร่มาต้มให้เดือด ใส่ชาเขียวแบบผง หรือใบชาลงไป

อาจเพิ่มใบสะระแหน่สักนิด แล้วทิ้งไว้ให้เย็น หรือนำไปแช่ในตู้เย็น

ถ้าใช้ ใบชา ควรกรองเอาแต่น้ำ เทใส่ขวดสเปรย์

ใช้เป็นสเปรย์น้ำแร่ชาเขียว จะเพิ่มความ ชุ่มชื่น

และความเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า ฉีด ได้ทุกเวลาที่คุณต้องการความสดชื่น


สูตรถนอมผิวรอบดวงตา ด้วยชาเขียว :

ต้มชาเขียวกับน้ำเดือด แล้วนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็นจัด แล้วใช้สำลีชุบ ชาเขียวให้เปียกชุ่ม

นำมาวางบริเวณเปลือก ตา ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง

จะช่วยลดร่อง รอยความอ่อนล้าของผิวรอบดวงตา

และยังลดการบวมของเปลือกตาและถุงใต้ตา ผิวจะ นุ่มนวล และดูสดชื่นขึ้น


สูตรลดน้ำหนัก :

ดื่มชาเขียว วันละ 3 แก้ว จะช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ พลังงานและและไขมันของร่างกายได้ คงจะ เป็นข่าวดีของสาวอยากผอมล่ะ


ประโยชน์มากมายอย่างนี้ ชาเขียวจึง ไม่ใช่เครื่องดื่มอีกต่อไป

แต่เป็นสารอาหารเพื่อ สุขภาพที่ทุกคนควรบริโภคเป็นประจำ ต้อง รีบไปหามาดื่มบ้างแล้ว

"วันนี้คุณดื่มชาเขียว หรือยังค่ะ"

อ้างอิง

http://www.ku.ac.th/e-magazine/february46/agri/tea.html.

เรียบเรียงโดย .. เยาวลักษณ์ พิพัฒน์จำเริญกุล


ปล. ความเห็นส่วนตัว น้ำหนักจะลดต้องอาศัย การออกกำลังกายประกอบด้วย ไม่ใช่ดื่มชาอย่างเดียว

และอาหารทุกชนิด แม้จะมีสรรพคุณดีเพียงใด ก็ต้องทานในสัดส่วนที่พอเหมาะ

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 11:50 pm
โดย สุเกียง
...." ชา พิษสงแอบแฝง "

๑. เขียนถึงด้านดีของการดื่มชาแล้ว คงต้องเขียนถึงข้อห้ามและผลเสียของน้ำชาบ้าง

เพื่อไม่ให้ข้อเขียนชุดนี้กลายเป็นการโฆษณาชวเชื่อ "ลัทธิดื่มชา" ไป

ในใบชานั้นมีกรดแทนนิค (Tannic Acid) หรือ Tannin ประกอบอยู่

กรดแทนนิคหรือแทนนินนี้มีอยู่ในชาแดงมากกว่าชาเขียว

ใบชาเกรดยิ่งต่ำก็ยิ่งมีกรดแทนนิคสูง

กรดชนิดนี้มีผลต่อ Trace element ในกระเพาะอาหารและลำไส้

เมื่อรวมตัวกับสารโปรตีนแล้วจะย่อยได้ยาก

ทำให้ผู้ดื่มชาที่เป็นเด็กเล็ก ย่อยและดูดซึมอาหารได้ไม่เต็มที่ซึ่งเท่ากับเป็นอุปสรรคในการเจริญเติบโต

Trace element ประกอบด้วย ธาตุเหล็ก แคลเซียม แมกนีเซียม สังกะสี เป็นอาทิ

กรดแทนนิครวมตัวกับธาตุเหล็กแล้วจะจับตัวกลายเป็นก้อนแข็งเม็ดเล็กๆ ได้ง่าย และย่อยละลายได้น้อย

หากเด็กดื่มน้ำชาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ย่อมต้องพบปฏิกิริยาเหล่านี้ไปด้วย

ซึ่งอาจนำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยอาการขาดธาตุเหล็กในเลือด ทั้งอาจทำให้ร่างกาย เจริญเติบโตไม่สมวัยได้ด้วย

การดื่มชาที่เข้มข้นมากๆ ใกล้ช่วงเวลาอาหาร ก็มีผลทำให้กระเพาะสามารถดูดซับสารอาหารได้น้อยลง

นอกจากนี้น้ำชาที่เข้มข้นมากยังทำให้ท้องผูก ซึ่งส่งผลในแง่ลบต่อผู้ที่มีอาการริดสีดวงทวาร

การดื่มชาเข้มข้นมากๆ ในขณะท้องว่าง มีผลทำให้ระบบย่อยอาหารผิดปกติ

ถ้ายิ่งดื่มชาเข้มข้นยามท้องว่างติดต่อกันเป็นระยะเวลายาวนาน อาจทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ด้วย

ผู้รู้สอนว่า ควรดื่มชาหลังรับประทานอาหารแล้ว๒๓ ชั่วโมง

ในใบชาเกรดต่ำ (อย่างที่เรามักเจอในร้านก๋วยเตี๋ยวที่เขาให้เติมน้ำแข็งเปล่า)

มักจะมีแต่สี กลิ่นไม่หอม และคุณสมบัติในแง่โอสถมีอยู่น้อยมาก

ชาเกรดต่ำมากๆ บางชนิดมีสิ่งปลอมปนที่ละลายมาในน้ำชาอีกด้วย

โดยหลักการแล้ว มีข้อห้ามที่สำคัญๆ ที่ควรรำลึกไว้เสมอในการดื่มชา คือ

๑.ไม่ควรดื่มชาขณะกินยา ในที่นี้หมายรวมถึงยาฝรั่ง ยาจีน และยาไทย

ทั้งนี้เพราะสารต่างๆ ในน้ำชาอาจไปทำปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์ต่อยาที่กินเข้าไป

ขั้นเบาคือ ไปทำให้คุณสมบัติของยาที่กินเจือจางหรือเสื่อมสภาพลง

ขั้นร้ายแรงคือ ยาบางตัวเมื่อทำปฏิกิริยากับสารต่างๆ ในน้ำชาอาจกลายเป็นสารพิษได้

หากอยากดื่มชาในยามป่วยไข้ ควรเลือกเวลาก่อนหรือ

หลังรับประทานยา ๒ ชั่วโมงและในระหว่างต้องกินยาอยู่นั้น ให้ดื่มแต่น้ำชาบางๆ ห้ามดื่มน้ำชาที่ชงอย่างเข้มข้น


๒.ไม่ควรดื่มชาก่อนนอนสำหรับผู้ที่นอนหลับยากหรือเป็นโรคนอนไม่หลับ

เพราะน้ำชาจะไปกระตุ้นร่างกายให้นอนหลับยากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ควรดื่มชาเข้มข้น

หรือน้ำชาใส่น้ำแข็งหรือน้ำชาแช่เย็น

ทั้งนี้เพราะน้ำชาเย็นๆ จะไปกระตุ้นลำไส้และกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ต้องตื่นกลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำบ่อยๆ

ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน สตรีมีครรภ์ คนชรา และเด็กเล็ก ซึ่งมักหลับยากอยู่แล้วเป็นปกติวิสัย

ควรหลีกเลี่ยงการดื่มชาในช่วงก่อนนอน

แต่หากว่าดื่มชาจนเป็นนิสัยและไม่ส่งผลต่อการนอนหลับแล้วก็เป็นข้อยกเว้น

แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรดื่มชาเข้มๆ ในช่วงก่อนนอนมากนัก โดยเฉพาะในสตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และคนชรา


๓.ไม่ควรดื่มชาที่ร้อนจัด

เพราะอาจถูกลวกจนทำให้เกิดอันตรายในช่องปาก ลำคอ ลำไส้ หากเกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น

ทำให้เนื้อบางส่วนในช่องปากตาย หรือเป็นต้นเหตุให้เกิดเซลล์มะเร็งขึ้นมา จะยิ่งไม่คุ้ม


๔.ไม่ควรดื่มน้ำชาที่ชงค้างคืนหรือชงไว้นานหลายชั่วโมงแล้ว

ทั้งนี้เพราะน้ำชาอาจบูดได้ และน้ำชาที่ชงทิ้งค้างไว้นานๆ สาiต่างๆ ในน้ำชาก็จะทำปฏิกิริยากันบ้าง

เสื่อมคุณภาพบ้างแปรเป็นสารพิษไป

ในเมืองไทย บางครอบครัวชอบเอาน้ำชาใส่ขวดหรือใส่กระป๋องไปแช่ตู้เย็นไว้ดื่มหลายๆ วัน

วิธีนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ หากอยากดื่มชาเย็นๆ ให้ชงชาใหม่แล้วใส่น้ำแข็งจะดีกว่า

ในต่างประเทศอย่างฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ เห็นมีน้ำชาพาสเจอไรซ์ใส่ขวด กระป๋อง

หรือบรรจุกล่องนม กล่องสาเกขาย ซึ่งก็ขายดีมากในสังคมชาวจีน

น้ำชาพาสเจอไรซ์นั้น ไม่รู้ว่ามีโทษไหม

แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ อร่อยสู้น้ำชาชงเองไม่ได้ และราคาก็แพงอย่างน้ำอัดลม

ไหนๆ อยากดื่มชาทั้งที ลงทุนซื้อกระติกน้ำร้อน ก่อนออกจากบ้านก็ชงน้ำชากรอกใส่ขวดพกพา

หรือกระติกน้ำร้อนไว้ จะคุ้มค่าและได้น้ำชาที่ดื่มอร่อยกว่าเป็นไหนๆ

หรือถ้าจะซื้อชุดน้ำชาเอาไว้ชงดื่มในที่ทำงานก็สะดวกสบาย ไม่มีอะไรยุ่งยาก

ที่กาแฟยังมีอุปกรณ์ประจำสำนักงานทั่วไปเลย

ทำไมจะมีชุดน้ำชาส่วนตัวหรือส่วนกลางประจำที่ทำงานบ้างไม่ได้

ทั้งยังใช้เงินเพียงไม่กี่ร้อยบาท ก็ได้ชุดน้ำชาสวยๆ ไว้อวดผู้มาเยี่ยมเยือนสำนักงานได้ด้วย

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 11:51 pm
โดย สุเกียง
« Reply #3 เมื่อ 24/12/2004 , 02:30:25 »
--------------------------------------------------------------------------------
....๒.แม้ว่าน้ำชาจะมีคุณสมบัติด้านดีหลายประการ เช่น ช่วยให้จิตใจชุ่มชื่นกระปรี้กระเปร่า

ช่วยดับกระหาย ช่วยระงับยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์

ช่วยระงับยับยั้งการแข็งตัวของหลอดเลือด ช่วยละลายไขมันและคอเลสเตอรอล

แต่สำหรับบางคน น้ำชาไม่ใช่เครื่องดื่มที่เหมาะสม

เพราะการดื่มน้ำชาอาจก่อให้เกิดโทษสำหรับบุคคลนั้นได้ เช่น


๑.ผู้ที่ไตทำงานบกพร่องหรือมีอาการไตวาย ไม่ควรดื่มน้ำชามาก

ยิ่งในกรณีไตวายนั้น ยิ่งต้องปฏิบัติตนเคร่งครัดตามคำแนะนำของแพทย์ (ไม่ว่าจะดื่มน้ำประเภทใดก็ตาม)

เพราะร่างกายของผู้มีอาการไตวายไม่สามารถขับน้ำออกทางปัสสาวะได้อย่างปกติ

ในกรณีที่ประสิทธิภาพการทำงานของไตบกพร่องเพียงเล็กน้อยและเป็นการชั่วคราว

การดื่มน้ำชามากก็จะทำให้ปัสสาวะบ่อย หากดื่มน้ำชาปริมาณมากในเวลากลางคืน

ก็จะทำให้นอนหลับไม่สนิท เพราะต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ


๒.ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้

ดยเฉพาะผู้ที่มีอาการอย่างที่ศัพท์แสงทางการแพทย์จีน เรียกว่า "กระเพาะเย็น"

ซึ่งมักจะมีอาการอึดอัด และอาเจียนออกมาเป็นน้ำใสๆ

กรณีนี้ห้ามดื่มน้ำชาเวลาท้องว่างตอนเช้า เพราะจะมีผลต่อสมรรถภาพของกระเพาะอาหารและลำไส้

ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซับวิตามิน B๒ และธาตุเหล็กได้เต็มที่

ซึ่งจะส่งผลสืบเนื่องทำให้เกิดอาการปวดกระเพาะอาหาร และทำให้ไตต้องทำงานหนักมากขึ้น

จึงแนะนำว่าหากอยากดื่มชาในตอนเช้า อย่างน้อยควรหาอะไรรับประทานก่อนพอไม่ให้ท้องว่างจึงจะดี


๓.เด็กอายุต่ำกว่า ๓ ขวบ ไม่ควรดื่มน้ำชา

เพราะว่ากรดแทนนิคในน้ำชาเมื่อรวมตัวกับธาตุเหล็กในกระเพาะอาหารและลำไส้แล้ว

จะกลายเป็นสารที่ไม่สามารถละลายได้ ทำให้เด็กเล็กไม่เติบโตมีอาการขาดธาตุเหล็กและเป็นโรคโลหิตจางได้


๔.สตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิด ไม่ควรดื่มน้ำชาเข้มข้น

โดยเฉพาะก่อนและหลังรับประทานยาคุมกำเนิด ๔ ชั่วโมง

เพราะกรดแทนนิคในน้ำชาจะทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิดลดลง

ทั้งน้ำชายังมีผลทำให้สารต่างๆ ในยาคุมกำเนิดละลายตัวยากและถูกดูดซึมได้น้อยลง


๕.สตรีระหว่างมีประจำเดือน สตรีระยะตั้งครรภ์ และแม่ลูกอ่อนที่ให้ลูกดื่มนมแม่

ไม่ควรดื่มน้ำชา โดยเฉพาะน้ำชาเข้มข้น เพราะทารกที่ดูดนมแม่

ซึ่งดื่มน้ำชาเข้มข้นอย่างต่อเนื่อง จะได้รับผลเช่นเดียวกับเด็กอายุต่ำกว่า ๓ ขวบ

สารต่างๆ ในน้ำชาจะผ่านไปทางน้ำนมของแม่ ทำให้ทารกขาดธาตุเหล็กและเป็นโรคโลหิตจางได้

นอกจากนี้น้ำชายังทำให้ความสามารถในการขับน้ำนมของแม่ลดลงกระทั่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่


๖.ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงหรือเป็นโรคหัวใจ

ไม่ควรดื่มน้ำชาเข้มข้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายถูกกระตุ้นมากเกินไป

หากความดันโลหิตขึ้นสูงมาก หรือหัวใจถูกกระตุ้นมากเกินขีด จะเป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างรวดเร็วฉับพลันเลยทีเดียว

ข้อห้ามทั้งหกข้อนี้ควรถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

เพราะสามารถส่งผลลบให้เห็นได้ในเวลาอันรวดเร็ว และผลเสียต่อร่างกายนั้นอาจสืบเนื่องยาวนานและร้ายแรง

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 11:51 pm
โดย สุเกียง
....นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามอื่นๆ เกี่ยวกับการดื่มชาที่มิได้ส่งผลร้ายแรงดังหกข้อข้างต้น

เช่น ผู้ที่มีอาการประสาทอ่อนแอโดยเฉพาะผู้ที่นอนหลับยากนั้น ไม่ควรดื่มชาในเวลากลางคืน

แต่ในกรณีของผู้ที่ดื่มน้ำชาจนเคยชินแล้ว ข้อห้ามนี้อาจไม่ต้องถือเคร่งครัด

เพราะบางคนก็สามารถนอนหลับได้ดีทั้งๆ ที่ดื่มน้ำชาตอนกลางคืน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ช่วงก่อนนอนก็ไม่ควรดื่มน้ำชาที่เข้มข้นจนเกินไป

เพราะแม้ระบบประสาทจะไม่เป็นไร แต่กระเพาะปัสสาวะก็ยังถูกกระตุ้นอยู่ดี

ข้อท้วงติงอีกอย่างคือ ไม่ควรดื่มน้ำชาเพื่อแก้ง่วง หรือใช้น้ำชากระตุ้นให้ตาสว่างมากเกินไป

ความจริงข้อท้วงติงนี้ครอบคลุมถึงเครื่องดื่มกระตุ้นร่างกายทุกประเภท

การดื่มน้ำชาเพื่อกระตุ้นร่างกายมากเกินไป ไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหารและลำไส้

แต่ยังทำให้ร่างกายอ่อนเพลียมากขึ้นทันทีที่สารกระตุ้นหมดฤทธิ์

หากปฏิบัติเช่นนี้บ่อยๆ ร่างกายจะทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว

ผู้ที่มีไข้สูงก็ไม่ควรดื่มน้ำชา เพราะว่าด่างในน้ำชาจะทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น

กระตุ้นให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น จึงยิ่งทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นไปอีก

กรดแทนนิคในน้ำชายังส่งผลให้ร่างกายขับเหงื่อออกมาได้น้อยกว่าปกติ

ดังนั้นเวลามีไข้สูงแทนที่น้ำชาร้อนๆ ที่ดื่มเข้าไปจะช่วยขับเหงื่อออกมา เพื่อทำให้อุณหภูมิร่างกายลดลง

กลายเป็นว่ายิ่งทำให้ระบบการขับเหงื่อของร่างกายทำงานบกพร่อง

ในระหว่างรับประทานยาบำรุงโลหิต ก็ไม่ควรดื่มน้ำชา เพราะกรดแทนนิคในน้ำชาจะทำปฏิกิริยาต่อธาตุเหล็ก

(สารสำคัญในยาบำรุงโลหิต) ทำให้ร่างกายดูดซึมตัวยาไปใช้ประโยชน์ได้น้อย

หรือผู้ที่กินยาบำรุงแบบจีน จำพวกโสมและเขากวาง ก็ห้ามดื่มน้ำชาเช่นกัน

เพราะฤทธิ์ของน้ำชากับฤทธิ์ของยาจะไปแก้กัน

ส่วนผู้ป่วยที่หลอดเลือดแดงใหญ่ในหัวใจอุดตันนั้น ห้ามดื่มน้ำชาที่เข้มข้น

เพราะด่างในน้ำชามีฤทธิ์กระตุ้นหัวใจ อาจทำให้โรคกำเริบอย่างเฉียบพลันได้ หากอยากดื่มชา ให้ดื่มเพียงน้ำชาบางๆ

เป็นอันว่า แม้น้ำชาจะเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายไม่น้อย

แต่ก็อาจส่งผลเสียต่อบุคคลบางคนได้จึงควรดื่มน้ำชาอย่างผู้ไม่งมงาย



ที่มา http://board.dserver.org/p/plearn/00000084.html โพสต์โดย มีน - 19/07/2001 14:48

คัดลอกจาก จากหนังสือ รวยรินกลิ่นชา (หน้า 119 126)

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 11:52 pm
โดย สุเกียง
....เรื่องน่าคิดของผู้ที่ชอบดื่ม Green Tea
>
>เนื่องจากมีผู้ส่ง เมล์มาหาผม แล้วบอกสรรพคุณ ของชาเขียว
>ซึ่งผมก็อยากเสนอความคิดเห็นเนื่องจาก ผมอยู่ที่ญี่ปุ่น
>และก็พอจะทราบเรื่องชาเขียวพอสมควร
>ผมต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้เรียนแพทย์หรือเภสัชนะครับ
>อาจจะได้ข้อมูลผิดๆจากผมไปนะครับ ทราบมาว่าคนญี่ปุ่น
>ดื่มชาเขียวมาเป็นเวลานานแล้ว ตั้งแต่พวกเขายังเป็นคนแคระแกน
>หรือตัวเตี้ย หรือที่เราเรียกว่า ไอ้ยุ่น คือคนตัวเตี้ยๆ
>
>ทุกวันนี้ก็ยังดื่มกันอยู่แต่น้อยลงเมื่อเทียบกับสิบปีที่แล้วที่ผมไปอยู่ใหม่ๆ
>ผมเห็นแม้แต่เด็กแบเบาะเด็กทารก เขาก็เอาใสขวดนมดื่มกัน
>แต่สิ่งที่ผมสังเกตอย่างนึงว่า และเป็นสิ่งที่ผมโดนถามมาตลอด คือ
>คนญี่ปุ่นผมหงอกเกือบทุกคน เป็นกันตั้งแต่ อายุน้อยๆกันเลยหละ
>ถ้าคุณลองค้นหาประเทศที่ใช้ยาย้อมผมมากที่สุดก็น่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น
>เพราะทุกทีที่ผมบอกว่าผมอายุ สามสิบหก ไม่ค่อยไม่ใครเชื่อ
>เพราะเขาจะสังเกตที่สีผมของผม และเพื่อนที่ทำงานร่วมกันที่เป็นคนไทย
>ก็อายุมากกว่าผม เขาก็ไม่มีผมหงอกเหมือนกัน
>นี่เป็นสิ่งหนึ่งที่ผมโดนถาม หลังจากบอกอายุ แล้วการที่ผมหงอกนี้
>เป็นทั้งผู้ชายและผู้หญิงเป็นกันตั้งแต่อายุสิบแปดปีซะส่วนใหญ่
>หงอกเกือบหมดทั้งหัวเมื่ออายุเกิน ยี่เจ็ด ยี่สิบแปดไปแล้ว
>นี่ก็คื่อเรื่องที่หนึ่งที่ผมสงสัย จากนั้น เรื่องที่สอง
>ที่น่าสังเกตอีก และก็น่าจะมีสถิตบันทึกไว้ หรือมีการบันทึกไว้ก็คือ
>คนญี่ปุ่น เท่าที่ผมเจอ ไม่ใส่แว่น ก็ใส่คอนแทคเลนส์ ในที่ทำงานผม
>ก็มีคนทำงานในออฟฟิตเป็นร้อยกว่าคน และในส่วนของผมที่ทำงานใกล้ๆกัน
>ก็มีประมาณสี่สิบกว่าคน ไม่มีใครไม่ใส่แว่นเลย หรือ คอนแทคเลนส์
>ผมถามว่าส่วนใหญ่ใส่กันเมื่อไร ก็บอกว่า ประมาณอายุ ยี่สิบ
>ก็จะต้องเริ่มใส่แล้ว นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเก็บมาคิด
>ยังมีอีกเรื่องหนึ่งคือ คนญี่ปุ่น แก่เร็วมาก
>ไม่ได้มาจากผมที่หงอกอย่างเดียวเท่านั้น ผิวหนัง ของคนญี่ปุ่น
>โดยเฉพาะผู้หญิงแล้ว ขาวซีดและก็หยาบและก็เหี่ยวเป็นเกือบทุกคน
>เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน ต้องพอกโลชั่นกันสามเวลา และไม่ต้องถามเลย
>คนที่อายุมากกว่า สามสิบไปแล้ว เหี่ยวทั้งตัว
>นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเฝ้ามองอยู่ทุกวัน
>และเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือ
>ผมสอบถามกับเพื่อนคนญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ด้วยกัน
>ถามกันแบบภาษาผู้ชายเวลาที่ดื่มเหล้าก็คงไม่พ้นเรื่องลามก
>แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเก็บมาได้ และก็คิดว่าถ้าเล่าให้ดีๆก็จะไม่ลามก
>แต่จะเป็นประโยนช์มากกว่า มีอยู่สองเรื่องด้วยกัน คือ
>หนึ่งเรื่องขนาดของผู้ชาย
>และรวมที่ตัวผมได้อาบน้ำร้อนรวมกับคนญี่ปุ่นด้วย
>ซึ่งมีขนาดเล็กมากโดยเฉลี่ยแล้วจะเล็กเท่าๆกันหมด
>และเมื่อสำรวจตลาดถุงยางอนามัยแล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
>เพราะที่นั่นขายในขนาดเล็กสุดเพื่อป้องกันการหลุด
>ผมได้สอบถามกับทางผู้ขายว่ามีขนาดนี้ขนาดเดียวหรือเขาก็บอกว่า
>มีอีกแยกไว้ต่างหาก ก็คือ BIG size ผมก็เลยแกล้งถามโง่ๆว่า
>เอาไว้ขายใคร เขาก็บอกว่าเอาไว้ขายคนต่างชาติเท่านั้น
>ในฐานะที่เป็นผู้ชายและก็อยากทราบจริง จึงลองด้วยตัวเอง
>เพราะผมก็มีของที่เมืองไทยขายติดตัวไว้ตลอดเวลาด้วยความไม่ประมาท
>ปรากฎว่า size ของคนไทยใหญ่กว่ากันมาก
>เพราะถุงของคนไทยมีขนาดนี้เท่านั้น แต่ในทางกลับกัน ถุงของเขา
>ก็ประมาณได้ว่าเพื่อไม่เป็นการอนาจาร และเพื่อให้ได้ประโยชน์จริง
>ผมจะเปรียบเทียบอย่างนี้ เหมือนคุณมีเอว 38 จะไปให้ใส่ กางเกงเอว 28
>มันก็ใส่ไม่เข้า หรือเข้าก็บีบรัดจนทนไม่ไหว และเรื่องที่สอง ก็คือ
>จากวงเหล้าเหมือนกัน คนญี่ปุ่นมีความสัมพันธุ์กับภรรยาน้อยมากๆ
>บางคนหกเดือนหนึ่งครั้ง และมีบางคนไม่ยุ่งเลย หลังจากมีลูกได้หนึ่งคน
>นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ประเทศญี่ปุ่น มีหนังสือหรือวีดีโอ หรือ
>สื่อลามกต่างๆมากมาย ก็คงเป็นเพราะเพื่อกระตุ้น แต่ผิดกันคนไทย
>ซึ่งไม่ต้องกระตุ้น แต่ในทางตรงกันข้ามต้องหายาลดอีกต่างหาก
>ผมเคยไปอยู่ญี่ปุ่นเมื่อสิบปีที่แล้ว
>ก็บริโภคอาหารญี่ปุ่นทุกวันพร้อมกับดื่มชาเขียวแทนน้ำทุกวัน
>ปรากฎว่ามีอาการหงอย จนกลับกระทั่งกลับเมืองไทย ก็คิดว่าตัวเองมีความผิดปกติ
>แต่พอกลับมาถึงเมืองไทยก็กินแต่อาหารไทยพบว่า กลับมาสู้ซ่าเหมือนเดิม
>
>อาจจะจริงอยู่ว่าคนญี่ปุ่น อายุเฉลี่ยแล้ว มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก
>แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารการกินอย่างเดียว
>สิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตก็คือ ประเทศเขามีแผ่นดินไหวเกือบทุกวัน
>ในเมืองที่ผมอยู่ เมือง อันโจ ใกล้กันกับเมืองนาโกย่าที่ทุกคนรู้จัก
>สาเหตุที่มีแผ่นดินไหวบ่อยๆก็เพราะ ประเทศเขาตั้งอยู่บน
>เส้นทางของลาวาทำให้แผ่นดินเคลื่อนตัวตลอด
>และถ้าขุดลงไปตรงไหนก็ได้ของประเทศ ไม่เกินสิบเมตร คุณจะพบ น้ำร้อน
>หรือ บ้านเราเรียกน้ำพุ่ร้อน อันนี้ผมดูสาระคดีจากโทรทัศน์ของประเทศเขา
>คนญี่ปุ่น ชอบอาบร้อนร้อนกันมาก ชอบแช่กันสัก สามสิบนาที
>ซึ่งนั้นก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่น่าจะเกี่ยวกับสุขภาพ
>และที่ทราบมาจากการพูดคุยนอกจากการสังเกตด้วยตัวเองแล้ว ยังพบว่า
>คนญี่ปุ่นมีเด็กปัญญาอ่อนจำนวนมาก หากคุณพูดคุยกับคนญี่ปุ่นสัก
>ห้าถึงหกคน หนึ่งในนั้น จะมีปัญหาเรื่องความดันต่ำหรือไม่ก็โลหิตจาง
>ซึ่งก็น่าจะเป็นต้นเหตุของการทำให้เด็กเกิดมามีปัญญาอ่อนกันเยอะ
>
>สรุปจากผมซึ่งไม่ควรเชื่อเพราะผมไม่ใช้หมอ
>แต่ลองพิจารณาดูเองชาเขียวนั้น สามารถทำให้อายุยืนได้จริง
>เพราะช่วยในการลดไขมัน ทั้งการดูดซึมและในเส้นเลือด
>ประกอบกับการอาบน้ำร้อนบ่อยๆทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดี
>(แต่มีขอเตือนที่ติดไว้กับบ่อน้ำร้อนที่เป็นห้องส่วนตัวคือ
>ห้ามมีเพศสัมพันธ์ในบ่อน้ำร้อนเป็นอันขาด
>เนื่องจากการที่โลหิตไหลเวียนในอัตราที่สูง หากหัวใจเต้นแรงกว่าปกติ
>คุณจะหน้ามืด ล้มลงและจมในอ่าง ตาย อันนี้เป็นเรื่องจริง
>ที่ผมสอบถามมากับตัวเองจากเพื่อนคนญี่ปุ่นไม่ใช่ตลก
>
>อย่าได้คิดลองเป็นอันขาดถ้าคุณผู้ชายที่ได้มีโอกาสอยู่กันสองต่อสองในบ่อน้ำร้อน
>นี่ผมไม่ได้ลามกนะแต่เห็นว่าเป็นคำเตือนที่มีประโยชน์เท่านั้น)
>นั้นก็เป็นสาเหตุที่
>คนญี่ปุ่นมีอายุยืนแต่สิ่งที่ผมทราบมาในส่วนเพิ่มเติมอีก ชาเขียว
>มีวิตามินซีสูงและก็แคลเซียมสูง แต่สิ่งที่ ชาเขียวเป็นโทษก็คือ
>
>ชาเขียว หากดื่มหลังอาหารสองชั่วโมง ร่างกายจะไม่ดูดซึมธาตุเหล็ก
>ซึ่งเป็นต้นเหตุ ของโลหิตจาง
>
>สำหรับเรื่อง ความดันต่ำ ผมหงอก และ ผิวหนังเหี่ยวเร็ว
>ไม่สรุปไว้ในใจเรียบร้อยแล้วว่าน่าจะเกิดจากอะไร แต่การอธิบายทาง
>อินเตอร์เน็ต อาจทำให้เรื่องเหล่านี้ ซึ้งผมก็ไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า
>ทำให้ธุรกิจ ของชาเขียวเจ๊งไปหรือเปล่า นั้นผมของไม่ออกความคิดเห็น
>แต่สิ่งที่น่าจะเป็นไปได้คือ
>ชาเขียวจะกำจัดไขมันทุกชนิดออกจากร่างกายออกหมด
>ก็น่าจะรวมไขมันที่ผิวหนังต้องการออกไปด้วย
>ดังนั้นร่างกายจึงขาดไขมันส่วนที่จำเป็นต่อผิวหนัง
>ทำให้หนังเหี่ยวและไม่ทนต่อแสงแดดเพราะสาวญี่ปุ่นจะใช้ Sun block
>ที่มีค่าความต้านทานแสงแดดสูงๆขายทุกที่
>สำหรับผมหงอกก็น่าจะมาจากโลหิตจางก็อาจเป็นได้
>เพราะชาเขียวคงไปขับสารที่สำคัญของร่างกายออกไปด้วย
>แต่ที่น่าสังเกตอีกอย่างคือ คนญี่ปุ่นมีเลือด กรุ๊ป ABเป็นจำนวนมาก
>นั้น อาจจะมาจาเหตุผมของการบริโภค อะไรบางอย่างติดต่อกันเป็นเวลานาน
>จนทำให้เลือดมีการเปลี่ยนไป ผมไม่ได้บอกว่า AB ไม่ดีนะครับ
>แต่มันเกิดการเปลี่ยนโครงสร้างไปเท่านั้น
>
>สุดท้าย ผมขอ ให้คนไทย ที่กำลังดื่มหรือบริโภคอาหารญี่ปุ่น
>ก็ขอให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงในตัวเองด้วยนะครับ เพราะผมทุกวัน
>ต้องทำอาหารไทยกินเอง ผมเป็นคนหนึ่งที่ทดสอบอาหารญี่ปุ่น
>มาเป็นเวลานานมาก และก็ทราบผลแล้ว มันไม่เหมาะกับผม
>แต่มันจะไม่เหมาะกับคนไทยหรือเปล่า ผมเองก็ไม่ทราบ
>และที่ทำงานที่เมืองไทยของผมก็มีคนญี่ปุ่นทำงานด้วย
>เคยบอกผมว่าอาหารไทยเหมาะกับเขาเป็นอย่างมาก
>ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขอให้พิจารณากันเอาเอง แต่ขอให้ดูแลตัวเองด้วย
>
>เพราะคุณอาจกำลังดื่มเครื่องดื่มที่ล้างไขมันพร้อมกับล้างสารอาหาร
>ที่เป็นประโยชน์ออกจากร่างกายไปด้วยหรือเปล่า
>
>ใบไม้ปลิวบนกองฟืน
>
>13-02-04

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 09, 2005 12:04 am
โดย สุเกียง
พอดีมีเซฟไว้ก็เลยนำมาลงให้เพื่อนๆอ่านกัน เผื่อจะได้ข้อคิดดีๆจากลิงค์ที่ก๊อบมา
ซึ่งจริงๆแล้ว การดื่มน้ำชา ชงแล้วต้องดื่มเลยดีที่สุด อย่าชงทิ้งไว้นานรสชาจะเปลี่ยนไป
ดิฉันก็ชอบดื่มชาแต่เด็กๆ  ดื่มเป็นเพื่อนพ่อประจำ ถ้วยเล็กไม่จุใจ ต้องถ้วยใหญ่อร่อยดีค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------



http://www.healthandyoga.com/html/produ ... ictea.html

http://green-tea.dminternational.biz/KY ... n-tea.html

http://green-tea.dminternational.biz/KY ... nefit.html

http://www.mycustompak.com/healthNotes/ ... en_Tea.htm

http://www.betterhumans.com/News/news.a ... 04-03-17-1


http://yalenewhavenhealth.org/Library/H ... umd04490a1

ข้อมูลอ้างอิง

http://green-tea.dminternational.biz/KY ... n-tea.html

http://www.digitalnaturopath.com/treat/T173049.html

http://www.findarticles.com/cf_dls/g260 ... html?term=

http://yalenewhavenhealth.org/Library/H ... umd04490a1

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 09, 2005 12:56 am
โดย moo
ได้ประโยชน์มากครับ   ขอบพระคุณครับ

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 09, 2005 7:30 am
โดย mey
ทุกทีเปิดกระทู้พี่สุเกียงจะเห็นภาพสวยๆ  และ  ภำพที่ดูแล้วหิว :mrgreen:

....วันนี้วิชาการล้วนๆ.....

..ชาเขียว  เคยทานชาเขียวที่มีในพิธีชงชาของญี่ปุ่น ซึ่งมีสีเขียวเข้ม ข้น
รสชาดออกฝาดหน่อยๆ....พอเห็นชาเขียวเมืองไทย  คนญี่ปุ่นคงยิ้มแน่ล่ะ.. 8)

** แต่ชาเขียวรสข้าวญี่ปุ่นอร่อยดีเหมือนกันนะ **
.

ดีใจที่เห็นคุณสุเกียงในบอร์ดนี้ครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 09, 2005 10:20 am
โดย setmaker
ดีใจที่เห็นคุณสุเกียงในบอร์ดนี้ครับ
:D

.. ยามหัศจรรย์สำหรับคุณ ....Flower of Birth ..

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 09, 2005 5:36 pm
โดย tk
:bow:  :bow:  :bow:  :cool: