Thai Value Investor การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุน VI หุ้นวีไอ Webboard

พี่ๆครับ ถามหน่อยครับว่า

กำไรสะสมกับเงินสด ในงบดุล เกี่ยวข้องกันยังไงครับ คือ ..

สมมุติว่า บริษัทนึงมีกำไรสะสมเยอะๆ แล้วปีนี้เค้าจะเอาเงินอยู่ที่มีไปสร้างโรงงานเพิ่ม หมายความว่า กำไรสะสมกับเงินสดก็จะลดลงเท่าๆกันใช่หรือไม่

อย่างนี้แล้วการหามูลค่าที่แท้จริงแบบ DCF ก็คือ มูลค่าบริษัทจะลดลงตามเงินที่เอาไปสร้างโรงงานใช่หรือไม่ (เงินสดลดลง) ... ราคาแท้จริงก็ควรจะลดลง ... ถูกต้องมั้ยครับ

แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า การสร้างโรงงานกับการเก็บเงินไว้เฉยๆ อย่างไหนดีกว่ากัน .. ผมคิดว่าดูว่าเงินลงทุนกับกำไรที่คาดว่าจะได้ปีถัดๆไป ใช้เวลาซักกีปีถึงคืนทุน ถ้ามากปีเกินไปก็คงไม่น่าสนใจ ..

รบกวนแชร์ด้วยครับ

"วิถีเซียนหุ้นมูลค่า" ผมไปได้มาจาก B2S เซ็นทรัลสีลม เมื่อตอนต้น ๆ ปีครับ คุ้น ๆ ว่าเห็นอยุ่หลายเล่มนะครับ แต่ตอนนี้ไม่แน่ใจครับ

auiyoo เขียน:พี่ๆครับ ถามหน่อยครับว่า

กำไรสะสมกับเงินสด ในงบดุล เกี่ยวข้องกันยังไงครับ คือ ..

สมมุติว่า บริษัทนึงมีกำไรสะสมเยอะๆ แล้วปีนี้เค้าจะเอาเงินอยู่ที่มีไปสร้างโรงงานเพิ่ม หมายความว่า กำไรสะสมกับเงินสดก็จะลดลงเท่าๆกันใช่หรือไม่

ขอโทษทีที่ตอบช้าครับ

กำไรสะสมคือเงินกำไรที่ได้ตั้งแต่ตั้งบริษัทสะสมมาเรื่อยๆ
ซึ่งเงินนั้นอาจไม่อยู่ในรูปเงินสดแล้วก็ได้แต่จะแปลงเป็นทรัพย์สินอื่นๆ

บนสมมุติฐานที่ว่าเอากำไรสะสมไปสร้างโรงงาน
เงินสดจะลดลงอย่างแน่นอน
แต่กำไรสะสมในบัญชีไม่ลดครับ
แต่จะแปลงเงินสดไปเป็นทรัพย์สินถาวรอย่างโรงงานที่สร้างขึ้นใหม่

เคยเห็นไหมครับบริษัทที่มีเงินสดน้อยแต่กำไรสะสมมาก
เพราะเอาไปลงทุนหมด

auiyoo เขียน:อย่างนี้แล้วการหามูลค่าที่แท้จริงแบบ DCF ก็คือ มูลค่าบริษัทจะลดลงตามเงินที่เอาไปสร้างโรงงานใช่หรือไม่ (เงินสดลดลง) ... ราคาแท้จริงก็ควรจะลดลง ... ถูกต้องมั้ยครับ

ไม่ถูกครับ

พอสร้างโรงงานเพิ่ม
หมายความว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาในอนาคตจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
ดังนั้นกระแสเงินสดจากการดำเนินงานจากการขายของที่ผลิตได้เพิ่ม
จะเป็นการเพิ่มมูลค่าของบริษัทครับ
ถ้าการลงทุนนั้นทำผลอบแทนได้มากกว่าต้นทุนทางการเงิน (WACC)

auiyoo เขียน:แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า การสร้างโรงงานกับการเก็บเงินไว้เฉยๆ อย่างไหนดีกว่ากัน .. ผมคิดว่าดูว่าเงินลงทุนกับกำไรที่คาดว่าจะได้ปีถัดๆไป ใช้เวลาซักกีปีถึงคืนทุน ถ้ามากปีเกินไปก็คงไม่น่าสนใจ ..

รบกวนแชร์ด้วยครับ

คงต้องขึ้นกับผลตอบแทนที่ได้รับ
ถ้าเก็บเป็นเงินสดได้ดอกเบี้ยเท่าไหร่
แต่ถ้านำไปสร้างโรงงานจะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่
เช่น ฝากแบงค์ได้ 2% ต่อปี
แต่สร้างโรงงานทำผลตอบแทนได้ 20% ลงทุน
อย่างนี้ 5 ปีก็คืนทุนแล้วดีกว่าเก็บเงินสดไว้เฉยๆ

บางบริษัทก็เก่งสร้างโรงงานทำผลตอบแทนได้ดีกว่าฝากแบงค์ก็น่าทำ

แต่บางบริษัทลงทุนมากเกินไป ทำผลตอบแทนติดลบก็มีครับ
โดยเฉพาะพวกสินค้าโภคภัณท์ต่างๆที่มักลงทุนตอนตลาดพีคสุดๆ
พอสร้างโรงงานเสร็จ ตลาดวายพอดี เพราะสร้างพร้อมๆกัน

คงเข้าใจมากขึ้นนะครับ

ขอบคุณครับพี่วิบูลย์ .. เข้าใจแล้วครับ

ผมรบกวนถามเพิ่มเรื่อง Dilution Effect หน่อยครับ

จากงบกำไรขาดทุน ถ้า

กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (หน่วย : บาท) ไม่เท่ากับ กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นปรับลด (หน่วย : บาท) แสดงว่ามี Dilution Effect ใช่มั้ยครับ

แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า Dilution Effect มันเกิดจากอะไรบ้าง .. เช่น จาก Warrant หรือ หุ้นกู้ หรือ หุ้นบุริมสิทธิ์ ฯลฯ
ต้องอ่านจากข่าวบริษัทย้อนหลัง หรือเช็คได้ที่ไหนบ้างอ่ะครับ

ป.ล. ถ้าสมมุติหาข้อมูลได้ยาก .. ถ้าบังเอิญ กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน ไม่ต่างกันมากกับ กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นปรับลด .. เรามองข้ามไปเลยได้หรือไม่

auiyoo เขียน:ขอบคุณครับพี่วิบูลย์ .. เข้าใจแล้วครับ

ผมรบกวนถามเพิ่มเรื่อง Dilution Effect หน่อยครับ

จากงบกำไรขาดทุน ถ้า

กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน (หน่วย : บาท) ไม่เท่ากับ กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นปรับลด (หน่วย : บาท) แสดงว่ามี Dilution Effect ใช่มั้ยครับ

ใช่ครับ
ส่วนใหญ่ในงบจะคำนวณจากที่มองเห็นได้ เช่น หุ้นบุริมสิทธิ์ที่แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้
ส่วน Warrant ไม่แน่ใจว่ามีการคำนวณหรือไม่ เช่น Warrant ที่ออกให้พนักงาน คิดว่าไม่มีนะครับ

auiyoo เขียน:แล้วเราจะรู้ได้ไงว่า Dilution Effect มันเกิดจากอะไรบ้าง .. เช่น จาก Warrant หรือ หุ้นกู้ หรือ หุ้นบุริมสิทธิ์ ฯลฯ
ต้องอ่านจากข่าวบริษัทย้อนหลัง หรือเช็คได้ที่ไหนบ้างอ่ะครับ

ดูจาก 56-1 น่าจะมี
หรือรายงานประจำปีก็ได้ครับ
น่าจะมีการระบุเอาไว้

auiyoo เขียน:ป.ล. ถ้าสมมุติหาข้อมูลได้ยาก .. ถ้าบังเอิญ กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน ไม่ต่างกันมากกับ กำไร (ขาดทุน) ต่อหุ้นปรับลด .. เรามองข้ามไปเลยได้หรือไม่

ไม่น่าได้ครับ
เพราะบางครั้งงบที่ออกมาไม่ได้รวม Warrant อื่นๆที่ยังไม่ได้แปลงสภาพในอนาคต
ต้องนำมาคำนวณด้วยถึงแม้ในงบจะไม่มี

ขอถามเพื่อนๆ พี่ๆหน่อยครับว่า

เราจะหากราฟ ราคาหุ้น เทียบกับ กำไร แบบในหนังสือ One Up ของ Peter Lynch

ได้จากที่ไหนครับ ขอบคุณล่วงหน้า

ตอนนี้ผมอ่านถึงหน้า 94 ขอแปะไว้ก่อน

ศิษย์เซียน007 เขียน:ผมอุดหนุนหนังสือพี่มาแล้ว ขอให้ขายดีแบบหนังสือปรมาจารย์นิเวศน์นะคับ

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2011 กระทู้นี้จะอายุครบ 8 ปีเต็ม เป็นกระทู้ทรงคุณค่าจริงๆ

มาลงช่่ือก่อนนอนว่าอ่านจบ1รอบครับ

Puckr! เขียน:ขอถามเพื่อนๆ พี่ๆหน่อยครับว่า

เราจะหากราฟ ราคาหุ้น เทียบกับ กำไร แบบในหนังสือ One Up ของ Peter Lynch

ได้จากที่ไหนครับ ขอบคุณล่วงหน้า

ตอนนี้ผมอ่านถึงหน้า 94 ขอแปะไว้ก่อน

ลองทำเองดูมั๊ยครับ
ไม่น่ายาก Excel ก็น่าจะทำได้

BEN100 เขียน:วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2011 กระทู้นี้จะอายุครบ 8 ปีเต็ม เป็นกระทู้ทรงคุณค่าจริงๆ

เพิ่งสังเกตเหมือนกัน

หลายคนก็หายหน้าหายตาออกไปจากเวป
หลายคนตั้งเวปใหม่
หลายคนยังอยู่

ผมอยู่เวปผ่านการบริหารมาสามสี่รุ่น
ทำให้พอจะเข้าใจชีวิตมากขึ้น
ว่าโลกนี้มีทั้งรัก โลภ โกรธ หลง

อย่างไรเป้าหมายกระทู้นี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
คือให้ความรู้กับนักลงทุนที่สนใจในการลงทุนแบบเน้นคุณค่า
โดยไม่ได้ให้ปลากิน แต่สอนวิธีจับปลา

โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ

ขอบพระคุณครับพี่วิบูลย์..
สำหรับความรู้ครับ..

thanks a lot,

เพิ่งอ่านจบครับ . .

ถามเรื่องพื้นฐานหน่อยครับ เมื่อคำว่า "พื้นฐานเปลี่ยน" เป็นอีกปัจจัยเมื่อตอนขายหุ้น

ยกตัวอย่าง บริษัท A ขายสินค้า x=70% y=30% (x มีมาร์จิ้นประมาณ 30% yมาร์จิ้น10%)

แล้วเริ่มเล็งเห็นว่ามีคู่แข่งมาขายสินค้า x มาขึ้นเรื่อยๆ และแนวโน้มเสียมาร์เกตแชร์ไปเรื่อยๆ

ฝ่ายบริหารจึงมาเน้น y=70% x=30% แล้วกำไรตกไปเกิน 20% ที่ไตรมาสถัดไปหลังจากเปลี่ยนแผนการตลาด

ถ้าเกิดสถานการณ์แบบนี้ ถือว่าพื้นฐานเปลี่ยนเลยใช่ไหมครับ แล้วคุณวิบูลย์จะทำอย่างไร

ถ้าขาย จะขายก่อนที่ผลประกอบการไตรมาสลดลง หรือ ให้ลดลงซัก2ไตรมาสค่อยตัดสินใจขายครับ

ต่อจากข้างบน

คุณวิบูลย์ช่วยแชร์ประสบการณ์ที่ต้องขายหุ้นเมื่อพื้นฐานเปลี่ยนหน่อยได้ไหมครับ

เหตุผลที่ขาย และ หลังจากขายแล้วเป็นไปตามที่คาดไว้หรือเปล่า

เพื่อนๆคนอื่นที่แวะเข้ามา ช่วยกันแชร์กันได้ครับ

มีอีกคำถามครับ

ถ้าบริษัทที่ขายของให้ลูกค้าบริษัทต่างประเทศ รายได้มาจากทางนี้ กว่า80%
แต่บริษัทต่างประเทศนี้เป็นหุ้นรับเหมา(ถือว่าเป็นหุ้นวัฏจักรไหมครับ ต้องขึ้นตามการเติบโตเศรษฐกิจประเทศนั้น)
เราควรวิเคราะห์อย่างไรครับ
หากบริษัทต่างประเทศ รับงานได้น้อยบริษัทเราก็น่าจะน้อยไปด้วย
หากบริษัทยังหาลูกค้าใหม่เพื่อมาลดความเสี่ยงที่ขายให้เจ้าเดียวไม่ได้ ก็น่าจะมีผลกระทบมาก
แต่เหตุการณ์มันยังไม่เกิดครับ แค่กังวลว่าจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า

ถ้ามีกรณีศึกษารบกวนช่วยอธิบายด้วยครับ ผมมือใหม่

Puckr! เขียน:เพิ่งอ่านจบครับ . .

ถามเรื่องพื้นฐานหน่อยครับ เมื่อคำว่า "พื้นฐานเปลี่ยน" เป็นอีกปัจจัยเมื่อตอนขายหุ้น

ยกตัวอย่าง บริษัท A ขายสินค้า x=70% y=30% (x มีมาร์จิ้นประมาณ 30% yมาร์จิ้น10%)

แล้วเริ่มเล็งเห็นว่ามีคู่แข่งมาขายสินค้า x มาขึ้นเรื่อยๆ และแนวโน้มเสียมาร์เกตแชร์ไปเรื่อยๆ

ฝ่ายบริหารจึงมาเน้น y=70% x=30% แล้วกำไรตกไปเกิน 20% ที่ไตรมาสถัดไปหลังจากเปลี่ยนแผนการตลาด

ถ้าเกิดสถานการณ์แบบนี้ ถือว่าพื้นฐานเปลี่ยนเลยใช่ไหมครับ แล้วคุณวิบูลย์จะทำอย่างไร

ถ้าขาย จะขายก่อนที่ผลประกอบการไตรมาสลดลง หรือ ให้ลดลงซัก2ไตรมาสค่อยตัดสินใจขายครับ

ถ้าเราตั้งสมมุติฐานบนรายได้และกำไรจาก x=70% y=30% ต่อไปในอนาคต
แต่บริษัทเปลี่ยนสินค้าเป็น y=70% x=30%
ถือว่าผิดจากที่คาดการณ์เอาไว้
โดยเฉพาะถ้ารายได้และกำไรลดลงในอนาคต

ถ้ารู้ว่าบริษัทมีนโยบายเช่นนี้ก็ไม่ต้องรีรอครับ
ไม่เช่นนั้นถ้ารอผลประกอบการออกมา
ราคาหุ้นก็ร่วงลงไปมากแล้ว

Puckr! เขียน:ต่อจากข้างบน

คุณวิบูลย์ช่วยแชร์ประสบการณ์ที่ต้องขายหุ้นเมื่อพื้นฐานเปลี่ยนหน่อยได้ไหมครับ

เหตุผลที่ขาย และ หลังจากขายแล้วเป็นไปตามที่คาดไว้หรือเปล่า

มีหุ้นตัวหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดชื่อ CCET
กำไรดีมาก ปันผลดีมาก ราคาต่อหุ้นประมาณ 200 บาท
ผู้บริหารออกข่าวรายวันว่าบริษัทดีอย่างนั้นอย่างนี้

บริษัทนี้ผลิตพัดลมส่งออก

ปรากฏว่าวันหนึ่งลูกค้ารายหนึ่งยกเลิกออเดอร์ที่สั่ง
ผลปรากฏว่าบริษัทขาดทุนมหาศาล
เพราะรายได้ลดลงไปมากกว่าครึ่ง
เหตุผลคือบริษัทนี้รายได้และกำไรดีจริง
แต่มีลูกค้ารายใหญ่แค่สองราย

พอลูกค้ารายใหญ่ยกเลิกออเดอร์
ทำให้บริษัทขาดทุนมหาศาลได้

ราคาหุ้นบริษัทลดลงเหลือไม่กี่บาท

นี่เป็นตัวอย่างของบริษัทที่พื้นฐานเปลี่ยน

แต่ผมไม่มีหุ้นบริษัทนี้นะครับ
เล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์

Puckr! เขียน:เพื่อนๆคนอื่นที่แวะเข้ามา ช่วยกันแชร์กันได้ครับ

มีอีกคำถามครับ

ถ้าบริษัทที่ขายของให้ลูกค้าบริษัทต่างประเทศ รายได้มาจากทางนี้ กว่า80%
แต่บริษัทต่างประเทศนี้เป็นหุ้นรับเหมา(ถือว่าเป็นหุ้นวัฏจักรไหมครับ ต้องขึ้นตามการเติบโตเศรษฐกิจประเทศนั้น)
เราควรวิเคราะห์อย่างไรครับ
หากบริษัทต่างประเทศ รับงานได้น้อยบริษัทเราก็น่าจะน้อยไปด้วย
หากบริษัทยังหาลูกค้าใหม่เพื่อมาลดความเสี่ยงที่ขายให้เจ้าเดียวไม่ได้ ก็น่าจะมีผลกระทบมาก
แต่เหตุการณ์มันยังไม่เกิดครับ แค่กังวลว่าจะเป็นแบบนี้หรือเปล่า

ถ้ามีกรณีศึกษารบกวนช่วยอธิบายด้วยครับ ผมมือใหม่

ถ้าบริษัทนี้มีลูกค้าน้อยรายก็จะเข้าข่ายเหมือน CCET ข้างบนนั่นหละครับ
เสี่ยงมากๆ

สวัสดีค่ะพี่วิบูลย์ติดตามอ่านข้อมูลที่พี่วิบูลย์ได้กรุณาแบ่งปันแก่นักลงทุนท่านอื่นๆมานาน
อยากรบกวนขอความรู้จากพี่วิบูลย์เกี่ยวกับ
1.เวลาอ่าน research ของ ivl เห็นคำว่า green field expansion กับ brown filed ไม่ทราบว่าต่างกันอย่างไรค่ะ

2.ivl ต้องดู spread pta-px หรือ integrated spread ค่ะ แล้ว integrated spread นี้คือรวมทั้ง pta+pet -px หรือเปล่าค่ะ

3.ทำไมช่วงที่เกิดวิกฤติปี 2008-2009 integrated spread ของ ivl ถึงแทบไม่ลดลงเลยล่ะค่ะทั้งๆที่เป็นสินค้า commodity

ขอขอบคุณล่วงหน้าคะ

ที่ถูกน่าจะเป็น CEI นะครับ ไม่ใช่ CCET

ดำ เขียน:ที่ถูกน่าจะเป็น CEI นะครับ ไม่ใช่ CCET

ขอบคุณครับ ใช่แล้วครับ CEI ไม่ใช่ CCET

babycat เขียน:สวัสดีค่ะพี่วิบูลย์ติดตามอ่านข้อมูลที่พี่วิบูลย์ได้กรุณาแบ่งปันแก่นักลงทุนท่านอื่นๆมานาน
อยากรบกวนขอความรู้จากพี่วิบูลย์เกี่ยวกับ
1.เวลาอ่าน research ของ ivl เห็นคำว่า green field expansion กับ brown filed ไม่ทราบว่าต่างกันอย่างไรค่ะ

green field expansion หมายถึง organic growth
คือการขยายกิจการโดยการลงทุนเองต่อยอดจากสิ่งที่มีอยู่
เช่น การขยายโรงงานหรือสร้างโรงงานใหม่ด้วยเงินลงทุนของบริษัท

brown filed ถ้าผมเดาคงหมายถึงการควบรวมกิจการ หรือ M&A
ด้วยการซื้อกิจการบริษัทอื่นที่สนใจมีการดำเนินกิจการอยู่แล้ว

babycat เขียน:2.ivl ต้องดู spread pta-px หรือ integrated spread ค่ะ แล้ว integrated spread นี้คือรวมทั้ง pta+pet -px หรือเปล่าค่ะ

ivl รับ px มาจากโรงกลั่น
จากนั้นนำมาผลิตเป็น pta และ pet
ดังนั้น integrated spread นี้คงหมายถึงรวมทั้ง pta+pet -px

babycat เขียน:3.ทำไมช่วงที่เกิดวิกฤติปี 2008-2009 integrated spread ของ ivl ถึงแทบไม่ลดลงเลยล่ะค่ะทั้งๆที่เป็นสินค้า commodity

ขอขอบคุณล่วงหน้าคะ

เกิดจากดีมานด์ของ pet ยังคงสูงอยู่ในช่วงเกิดวิกฤติ
เพราะ pet นำไปใช้ในธุรกิจบรรจุภัณท์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริโภค
ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจนี้ไม่มาก
เพราะคนยังต้องซื้อของกินของใช้เช่นเดิมและมากกว่าเดิม

และราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ราคาวัตถุดิบคือ px ลดลงไปด้วย

ทำให้ integrated spread สูงอยู่

สวัสดีครับพี่วิบูลย์

พอดีผมมือใหม่ อยากจะหัดอ่านงบการเงินให้เก่งๆ เล่ม ดร.ภาพร ก็อ่านจนหมดแล้วพอเห็นภาพคร่าวๆว่าในงบการเงินมีอะไรบ้าง

ปัญหาผมตอนนี้คือ ผมก็ดูพวกอัตราส่วนทางการเงินง่ายๆได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องไปประยุกต์ใช้ยังไงบ้าง ก็เลยอยากหาหนังสือที่เกี่ยวกับงบการเงินที่อาจจะแยกของแต่ละอุตสาหกรรมว่าต้องดูอะไรเป็นพิเศษบ้าง หรือเล่มที่ค่อนข้าง Advanced อ่านแล้วแบบว่าเอาไปใช้ในธุรกิจได้จริงเลย
พอมีแนะนำบ้างไหมครับ ขอบคุณมากครับ

Mr.high เขียน:สวัสดีครับพี่วิบูลย์

พอดีผมมือใหม่ อยากจะหัดอ่านงบการเงินให้เก่งๆ เล่ม ดร.ภาพร ก็อ่านจนหมดแล้วพอเห็นภาพคร่าวๆว่าในงบการเงินมีอะไรบ้าง

ปัญหาผมตอนนี้คือ ผมก็ดูพวกอัตราส่วนทางการเงินง่ายๆได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องไปประยุกต์ใช้ยังไงบ้าง ก็เลยอยากหาหนังสือที่เกี่ยวกับงบการเงินที่อาจจะแยกของแต่ละอุตสาหกรรมว่าต้องดูอะไรเป็นพิเศษบ้าง หรือเล่มที่ค่อนข้าง Advanced อ่านแล้วแบบว่าเอาไปใช้ในธุรกิจได้จริงเลย
พอมีแนะนำบ้างไหมครับ ขอบคุณมากครับ

หนังสือของอ.ภาพรอาจจะง่ายเกินไป
ลองหาของอ.วรศักดิ์ ทุมมานนท์มาอ่านดูครับจะละเอียดมากขึ้น
น่าจะหาได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬานะ ลองหาดู

ขอถามพี่วิบูลย์หน่อย
ศก โลกตอนนี้ คิดว่าจะเกิดวิกฤติหรือไม่
ราคาน้ำมัน จะขึ้นสูงเกิน 100$ ในปีหน้าไหม

ถ้าน้ำมันไม่แพงพวก พลังงานทางเลือกจะอดทนอยู่ได้สักกี่ปีครับ

VIB007 เขียน:

Mr.high เขียน:สวัสดีครับพี่วิบูลย์

พอดีผมมือใหม่ อยากจะหัดอ่านงบการเงินให้เก่งๆ เล่ม ดร.ภาพร ก็อ่านจนหมดแล้วพอเห็นภาพคร่าวๆว่าในงบการเงินมีอะไรบ้าง

ปัญหาผมตอนนี้คือ ผมก็ดูพวกอัตราส่วนทางการเงินง่ายๆได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องไปประยุกต์ใช้ยังไงบ้าง ก็เลยอยากหาหนังสือที่เกี่ยวกับงบการเงินที่อาจจะแยกของแต่ละอุตสาหกรรมว่าต้องดูอะไรเป็นพิเศษบ้าง หรือเล่มที่ค่อนข้าง Advanced อ่านแล้วแบบว่าเอาไปใช้ในธุรกิจได้จริงเลย
พอมีแนะนำบ้างไหมครับ ขอบคุณมากครับ

หนังสือของอ.ภาพรอาจจะง่ายเกินไป
ลองหาของอ.วรศักดิ์ ทุมมานนท์มาอ่านดูครับจะละเอียดมากขึ้น
น่าจะหาได้ที่ศูนย์หนังสือจุฬานะ ลองหาดู

แล้วถ้าเป็นเล่มที่เป็นภาษาอังกฤษพอมีแนะนำหรือเปล่าครับ

Mr.high เขียน: แล้วถ้าเป็นเล่มที่เป็นภาษาอังกฤษพอมีแนะนำหรือเปล่าครับ

อันนี้ผมก็ไม่เคยซื้อหนังสือแกะงบการเงินเป็นภาษาอังกฤษด้วยซิ
แค่ภาษาไทยก็ยากมากแล้วครับ
สงสัยถ้าอยากเก่งจริงๆต้องไปสมัครเรียน CFA ไปเลย

แต่หนังสือลงทุนภาษาอังกฤษมีเยอะครับ
ส่วนใหญ๋แปลเป็นภาษาไทยในช่วงสามสี่ปีหลังนี่เกือบหมดแล้ว

MO101 เขียน:ขอถามพี่วิบูลย์หน่อย
ศก โลกตอนนี้ คิดว่าจะเกิดวิกฤติหรือไม่

ไม่ได้คุยกันนานเลยนะท่าน
เรื่องเศรษฐกิจโลก
ต้องบอกตามตรงว่าไม่รู้
และไม่มีใครทำนายอนาคตได้ถูกต้อง
แม้แต่นักเศรษฐศาตร์ก็ยังต้อง"เดา"เอา

ยิ่งผมไม่ใช่นักเศรษฐศาตร์ด้วยแล้ว
ยิ่งเดาไม่เป็นใหญ่

เอาเป็นว่าถ้ามันเกิดขึ้นอีกจริงๆเหมือนซัพไพร์ม
ก็เตรียมตัวเก็บหุ้นเข้าพอร์ตกัน
ไว้ตลาดฟื้นเมื่อไหร่จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ
เหมือนรอบที่แล้วไง

MO101 เขียน:ราคาน้ำมัน จะขึ้นสูงเกิน 100$ ในปีหน้าไหม

ราคาน้ำมันจะขึ้นได้ก็ด้วยการฟื้นตัวของอเมริกาและยุโรป
ถ้าสองทวีปนี้ยังสาละวันเตี้ยลงแบบนี้
คงเห็นราคาน้ำมันแพงๆยาก

ลำพังจะอาศัยจีนอินเดียและประเทศเกิดใหม่ดันราคาน้ำมันแพงๆคงไม่ง่าย
เพราะอเมริกาและยุโรปก็ใช้นำมันกว่าครึ่งค่อนโลกแล้ว
ถ้าเศรษฐกิจของอเมริกาและยุโรปยังไม่ดีขึ้น
ราคาน้ำมันก็ทรงตัวอย่างนี้หละ

MO101 เขียน:ถ้าน้ำมันไม่แพงพวก พลังงานทางเลือกจะอดทนอยู่ได้สักกี่ปีครับ

ถ้ารัฐบาลไม่อุดหนุนคงเจ๊งกันไปตั้งนานแล้ว
พวกพลังงานทางเลือกต้องอาศัยกลไลรัฐถึงจะอยู่ได้
ไม่ว่าจะเป็นแก๊สโซฮออล์ ไบโอดีเซล พลังงานลม แสงอาทิตย์ อะไรพวกนี้

สังเกตว่าทั่วโลก
ถ้ารัฐบาลไม่สนับสนุน
พลังงานทางเลือกเกิดไม่ได้แน่นอน

ตราบใดที่รัฐบาลประเทศไหนสนับสนุน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการชดเชยหรือมาตราการภาษี
ก็จะยังคงอยู่ได้เรื่อยๆ

เพิ่งได้ใช้อินเตอร์เนท
ขอบคุณ คุณวิบูลย์ที่ตอบคำถามก่อนหน้าให้ครับ
ผมเองยังวิเคราะห์และติดตามบริษัทยังไม่ได้ดีเท่าที่ควร ตัดสินใจช้าไปหน่อย
รองบออกแล้วราคาร่วงไวกว่างบเรื่อยเลย

ขอถามอีกเรื่องคือการติดตามความเป็นไปของบริษัท เช่นการคาดการณ์ผลประกอบการ
ข่าวอื่นที่กระทบและทำให้กำไร หรือยอดขาย หรือบางอย่างที่กระทบกับบริษัท
คุณวิบูลย์มีวิธีติดตามข่าวที่ดีอย่างไรบ้างครับ ส่วนใหญ่มาจากแหล่งไหน เข้าประชุม oppday IR หรือ อื่นๆ
ช่วยแนะนำด้วยครับ