รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 31

โพสต์

คอลัมน์: ข่าวสั้น: พลังงานเล็งเปิดประมูลสัมปทานปิโตรเลียม
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 3 มกราคม 2555 00:00:35 น.

ไทยโพสต์ * นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ช่วงต้นปี 2555 กระทรวงพลังงานเตรียมเรื่องที่จะดำเนินการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 โดยการเปิดสัมปทานครั้งนี้จะเน้นให้บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.ในเครือ ปตท.เข้าไปแข่งขันให้มากที่สุด เพื่อที่จะให้แปลงสำรวจปิโตรเลียมเป็นของคนไทยมากขึ้น โดยในการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบใหม่ ขณะที่ นายทรงภพ พลจันทร์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมนำเรื่องเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดปิโตรเลียมในช่วงเดือน ม.ค.2555 เพื่อเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 หลังจากนั้นก็จะออกประกาศเชิญชวนนักลงทุนได้ในช่วงไตร มาสแรกของปี 2555 นี้ โดยมีแปลงสัมปทานทั้งหมด 22 แปลง แบ่งเป็น แปลงบนบก 17 แปลง ในทะเลไกลอีก 5 แปลง
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 32

โพสต์

ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน (จับกระแสพลังงาน)
ข่าวเศรษฐกิจ หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อังคารที่ 3 มกราคม 2555 01:47:19 น.

เป็นสัปดาห์แรกของการรับศักราชใหม่ ปีมะโรงหรือปีงูใหญ่ 2555 หลายคนคงไปดื่มด่ำการเฉลิมฉลองกับครอบครัวอันเป็น ที่รัก ชาร์จพลังงานชีวิตกันเต็มที่ ก่อนกลับเข้าสู่วันทำงานอีกครั้ง ที่บ้างก็ทำงานวันนี้ บ้างก็หยุดยาวตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) และเริ่มทำงานวันที่ 4 มกราคมนี้

ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 ดูเหมือนรัฐบาลจะ เดินหน้านโยบายด้านพลังงานมากมาย ทั้งการประกาศใช้น้ำมันมาตรฐานยูโร4 ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกเพิ่มขึ้น โดยเบนซินขึ้นได้ไม่เกิน 48 สตางค์ต่อลิตร ดีเซลไม่เกิน 43 สตางค์ต่อลิตร และวันที่ 1 ยังเป็นการขยับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคอุตสาหกรรม เป็นไตรมาส 3 อีก 3 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) รวมเป็น 9 บาทต่อกก.แล้ว ถือเป็นข่าวร้ายที่ซ้ำเติมภาคอุตสาหกรรมรับปีใหม่ทีเดียว

ไม่เท่านั้น รัฐบาลยังเตรียมเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เชื้อเพลิงสำหรับก๊าซแอลพีจีภาคปิโตรเคมีด้วย ที่ต้องลุ้นกันต่อว่า วันที่ 16 มกราคมนี้ รัฐบาลจะกล้าเดินหน้าขึ้นราคาตามมติ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) หรือไม่ ก็คงหนีไม่พ้นการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งเดือนละ 75 สตางค์ต่อกก. และการขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) เดือนละ 50 สตางค์ต่อกก. เพราะดูเหมือนว่าแรงต้านจากภาคขนส่งก็มีมากเหลือเกิน โดยเฉพาะในวันที่ 9 มกราคมนี้ ผู้ประกอบการภาคขนส่งขู่ปิดล้อมปตท. กดดันไม่ให้ขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี เพราะต้นทุนมันจะพุ่งปรี๊ดๆ

แต่ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พลังงาน ก็ออกมาส่งซิก ให้ผู้ประกอบการขนส่งทราบว่า "อย่าก่อม็อบเลย มีอะไรก็มาคุยกันดีๆ" ถ้าบอกว่ารัฐขยับขึ้นราคาเอ็นจีวีแล้วต้นทุนมันเพิ่ม ก็มาคำนวณต้นทุนให้เห็นหน่อยซิว่าเป็นยังไง ซึ่งทั่นรมว.พิชัย ก็ยินดีจะรับฟังเสมอ ดูเหมือนการขึ้นราคาพลังงานตอนนี้จะกระทบ 2 ส่วน คือ ภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะเซรามิก แก้วและกระจก ที่ทยอยปิดกิจการปลดคนงานไปบ้างแล้ว ทำหนังสือ หารือกับ ทั่นพิชัยก็แล้ว แต่ก็ไร้ความหวังที่จะเบรกการขึ้นราคาก๊าซแอลพีจี ได้ และทั่นยังย้ำชัดๆว่าต้องขึ้นให้ครบ 12 บาทต่อกก. แล้วอย่างนี้ ผู้ประกอบการภาคขนส่งจะต่อกรได้หรือ

ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาประเทศไทยมีการอุดหนุนราคาพลังงานมาโดยตลอด และเป็นเวลานาน ทำให้กลายเป็นปัญหาหยั่งรากลึกลงไป และกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องใช้เงินจำนวนมากในการเข้าไปอุดหนุนราคามหาศาล และหากรัฐบาลใดคิดจะขยับราคา ก็ต้องประลองกำลังกันว่าพลังมวลชนกับรัฐบาลใครจะแน่กว่ากัน ซึ่งตอนนี้ก็คงต้องมาวัดใจทั่นพิชัยกันว่าจะเมิน ข้อเรียกร้องของผู้ประกอบการภาคขนส่ง และเดินหน้าขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีได้อย่างที่ตั้งมั่นได้ไหม???

สาวิตรี รินวงษ์
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 33

โพสต์

PTTEPชงบอร์ดไฟเขียว
Source - ข่าวหุ้น (Th), Wednesday, January 04, 2012


งบลงทุน5ปี3.6แสนล้าน

PTTEP ตั้งเป้าเม็ดเงินลงทุน 5 ปีกว่า 3.6 แสนล้านบาท เน้นลงทุนต่างประเทศร่วม 20,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นการลงทุนในประเทศ ขณะที่บอร์ดพิจารณาแผนระดมทุนปลายเดือนนี้ ยอมรับ “เพิ่มทุน” เป็นทางเลือก แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปพร้อมรุกหนักลงทุนสำรวจขุดเจาะต่างประเทศ

นางเพ็ญจันทร์ จริเกษม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงินและบัญชีองค์กร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า บริษัทตั้งเป้าเม็ดเงินลงทุนระยะยาว 5 ปี (ปี 2555-2559) ไว้ประมาณ 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 3.6 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในประเทศประมาณ 51-52% และต่างประเทศประมาณ 48-49% โดยบริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนเม็ดเงินลงทุนปี 2555 ตอนนี้ยังไม่สรุปส่วนบริษัทจะมีแผนระดมทุนหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้เพราะต้องดูแผนงานทั้งหมดก่อน อย่างไรก็ตามจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ช่วงปลายเดือนม.ค. 55 เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว

“การลงทุนส่วนใหญ่ PTTEP เน้นด้านการสำรวจขุดเจาะ ส่วนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนต่างประเทศ หลังภาครัฐส่งเสริมมากขึ้นหรือไม่นั้น ต้องมีการพิจารณาในที่ประชุมก่อน ส่วนความคืบหน้าแผนระดมทุน ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน” นางเพ็ญจันทร์ กล่าว

นางเพ็ญจันทร์ กล่าวว่า กรณีมีนักลงทุนหลายคนกังวลว่าหุ้น PTTEP จะไดลูท หากมีการเพิ่มทุนจริง แต่บริษัทอยากให้มองที่ผลตอบแทนที่กลับมามากกว่า แต่ขณะนี้ภาวะตลาดหุ้นอยู่ในช่วงผันผวน จึงเห็นว่าไม่เหมาะที่จะต้องเพิ่มทุนช่วงนี้

ขณะที่นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงกรณีมีข่าวเกี่ยวกับการเพิ่มทุนPTTEP ว่า ขณะนี้ PTTEP อยู่ระหว่างหาแนวทางการพิจารณาการระดมทุนเพิ่ม เพื่อขยายงาน แต่อย่างไรก็ตามยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะใช้วิธีการใด แต่ยอมรับการเพิ่มทุนเป็นหนึ่งในตัวเลือก

“การระดมทุนของ PTTEP เท่าที่ทราบก็มีหลาย option ให้เลือก ตอนนี้ไม่ได้ตัดสินใจ ยังไม่สรุป แต่เป้าหมายกลุ่มต้องการมีกำลังการผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเป็น 9 แสนบาร์เรลต่อวัน ภายในปี 2663 โดยปตท.ไม่จะเข้าไปขัดขวางการขยายธุรกิจของ PTTEP” นายเทวินทร์ กล่าว

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/54 ของ PTTEP ไม่โดดเด่นนัก โดยคาดว่าปริมาณการผลิต Q4/54 ลดลงจากไตรมาส 3/54 เล็กน้อย โดยอยู่ในระดับประมาณ 2.65 แสนบาร์เรลต่อวัน ถึงแม้จะสามารถรับรู้กำลังการผลิตจากเวียดนาม 16-1 และบงกช ได้เต็มไตรมาส แต่จะมีแผนชัตดาวน์ที่แหล่งผลิตพม่าเยดานา และเยตากุน 4 วัน, เจดีเอ 1 สัปดาห์ และแหล่งไพลินประมาณ 4 วัน และจากแหล่ง S1 และ PTTEP1 ต้องลดกำลังการผลิต เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่วมทำให้เส้นทางขนส่งมีปัญหา

อย่างไรก็ดีไตรมาสนี้มีปัจจัยบวกจากราคาก๊าซแหล่งอาทิตย์และเจดีเอ จะปรับตัวขึ้นประมาณ 10% ประกอบกับบริษัทไม่น่าจะมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นไตรมาส 3/54 จึงทำให้กำไรสุทธิไตรมาส 4/54 เติบโตจากไตรมาส 3/54 อยู่ในระดับใกล้ 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้นกำไรปี 2554 มีแนวโน้มเท่ากับ 3.97 หมื่นล้านบาท แนะนำ “ซื้อ” PTTEP ราคาเป้าหมาย 209 บาท

--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 34

โพสต์

ปตท.-กฟผ. เผย สนใจลงทุนในกัมพูชา
Source - ไอ.เอ็น.เอ็น. (Th), Friday, January 06, 2012

นางนุชนารถ จรัญจินดา เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของหัวหน้า ปตท. สำหรับธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย และเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนไทย ที่เดินทางไปกัมพูชา เมื่อเดือนที่แล้ว พร้อมกับ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดย นางนุชนารถ เผยว่า ปตท. ยังไม่ได้ที่จะทำให้แผนในเรื่องที่จะลงทุนในกัมพูชา แต่ขึ้นอยู่กับว่า ปตท.สผ. สำรวจว่า พื้นที่ที่พบนั้นจะมีปริมาณก๊าซที่เพียงพอสำหรับการผลิต แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ดำเนินกิจกรรมใด ๆ นอกจากการสำรวจ โดยกล่าวอีกว่า ปตท. ได้แสดงความสนใจในการลงทุนในประเทศไปยังรัฐบาลกัมพูชาและยังรอเพื่อดูอยู่ ซึ่งแผนของบริษัท สำหรับเรื่องก๊าซในกัมพูชา จะได้มีการแจ้งชัดเจนในกลางปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า กฟผ. สนใจในการลงทุนในการผลิตไฟฟ้าในประเทศกัมพูชา อีกด้วย
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 35

โพสต์

ปตท.สผ.ดึงพม่าหุ้นM9 ขาย2.9แสนบาร์เรล/วัน
Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th), Friday, January 06, 2012


ASTVผู้จัดการรายวัน -ปตท.สผ.ดึงบริษัทน้ำมันและก๊าซแห่งชาติพม่า เข้าร่วมถือหุ้นในแหล่ง M9 สัดส่วน 20% คาดแหล่ง M9 ผลิตเชิงพาณิชย์ได้ปี 56 ตั้งเป้าปีนี้มียอดขายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้น 8% อยู่ที่ระดับ 2.9 แสนบาร์เรล/วัน

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียมจำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่าบริษัทฯได้ลงนามร่วมในสัญญาร่วมทุนผลิตแหล่งปิโตรเลียม M 9 ในสหภาพพม่ากับบริษัทน้ำมัน และก๊าซแห่งชาติพม่า(MOGE) เมื่อวานนี้ (5 ม.ค.) โดย MOGE จะเข้าร่วมถือหุ้น 20% ส่วนที่เหลือเป็นการถือหุ้นของ ปตท.สผ.

ทั้งนี้ แหล่งปิโตรเลียม M 9 จะผลิตก๊าซธรรมชาติในเชิงพาณิชย์ประมาณ 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในปีหน้า โดยส่วนใหญ่จะจัดส่งก๊าซฯเข้ามาในประเทศไทย 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เริ่มผลิตปี 2556

ทั้งนี้ ในวันที่ 11 มกราคมนี้ ปตท.สผ.จะได้รับสิทธิ์จากรัฐบาลพม่าในการสำรวจปิโตรเลียมบนบก 2 แปลง คือ อีพี 2 และแหล่งจี ซึ่งการที่ ปตท.สผ.ลงทุนในพม่านับได้ว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและความมั่นคงด้านพลังงานแก่ประเทศไทย และการที่พม่ามีการพัฒนาการเมืองที่ดีมีการเปิดประเทศ ทำให้ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในพม่ามากขึ้น ซึ่งกรณีปตท.สผ. ลงทุนในพม่าก็ทำให้หลายบริษัทให้ความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับ ปตท.สผ.มากขึ้นเช่นกัน

นายอนนต์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายปิโตรเลียมอยู่ที่ 2.9 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8% ที่มียอดขายปิโตรเลียมอยู่ที่2.65 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเนื่องจากปีนี้จะมีกำลังการผลิตปิโตรเลียมใหม่ที่เข้ามาในระบบ อาทิ แหล่งบงกชใต้ ที่เริ่มผลิตกลางเดือนมีนาคม กำลังการผลิต300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน แหล่งปิโตรเลียมมอนทารา ประเทศออสเตรเลีย เริ่มผลิตปลายไตรมาส 2 หรือต้นไตรมาส 3 กำลังการผลิตน้ำมัน 3 หมื่นบาร์เรลต่อวัน และโครงการเวียดนาม 16-1 กำลังการผลิตน้ำมัน3 หมื่นบาร์เรลต่อวันจะผลิตได้เต็มปี

ส่วนแผนยุทธศาสตร์การลงทุนของปตท.สผ.จะเดินหน้าร่วมกับปตท.ในการลงทุนสำรวจและปิโตรเลียม รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรในการแสวงหาโอกาสการลงทุนในต่างประเทศ อาทิ การร่วมมือกับสแตทออยล์ในการมองหาโอกาสลงทุนในหลายพื้นที่ เช่น แอฟริกา อเมริกาใต้ สหรัฐฯซึ่งน่าจะมีข่าวดีในโครงการใหม่

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับปตท.ในการหาแหล่งก๊าซธรรมชาติเหลว หรือแอลเอ็นจีในออสเตรเลียเพิ่ม เช่น แหล่งbrownse ในฝั่งออสเตรเลียตะวันตก ซึ่งเป็นแหล่งใหม่ที่ผู้ลงทุนในแหล่งนี้กำลังหาผู้ร่วมลงทุนในการพัฒนานำแอลเอ็นจีขึ้นมา หาก ปตท.สผ.เข้าไปลงทุนในแหล่งนี้นับว่าเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติแห่งใหม่นอกเหนือจากมีการร่วมลงทุนกับ ปตท.ในโครงการ FLNG ในแหล่งก๊าซแคชเมเปิลในออสเตรเลีย

งบประมาณลงทุนปีนี้ตั้งไว้ประมาณ150,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบก่อสร้างประมาณ 100,000 ล้านบาท งบขุดเจาะสำรวจ20,000 ล้านบาท งบดำเนินการประมาณ30,000 ล้านบาท ขณะที่งบลงทุน 5 ปีของปตท.สผ. คาดว่าจะมีประมาณ 600,000 ล้านบาท เป็นงบลงทุนประมาณ 350,000 ล้านบาท

--จบ--



ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 36

โพสต์

PTT increasing investment in green business
Source - The Nation Website (Eng), Friday, January 06, 2012


PTT plans to invest 10 per cent of its capital expenditure in the green business by 2020.

Sukrit Surabotsopon, senior executive vice president for petrochemicals and refining, said yesterday that the capex budget for PTT Group, excluding PTT Exploration and Production, was about Bt100 billion per year.

PTT units spearheading the green focus include PTT Global Chemical (PTTGC), PTT International and PTT Green Energy.

PTT has already invested in bioplastics production, palm oil in Indonesia, hydropower in Xaiyaburi, Laos, and solar power.

PTTGC has reached an agreement to acquire 50 per cent of NatureWorks from Cargill. NatureWorks is the world’s leading manufacturer of polylactic acid.

After the share purchase, PTTGC will set up a bioplastics plant costing US$200 million to $300 million (Bt6.3 billion to Bt9.5 billion) in an industrial park in Rayong with production capacity of 140,000 tonnes per year.

The plant is expected to be completed within three years.

PTTGC is also growing oil palms on 20,000 hectares in Indonesia and aims to expand the plantation to 200,000 hectares. It sells crude palm oil to biodiesel producers and the chemical industry.

It is conducting a feasibility study on the solar-power business and on energy produced from algae.

The group’s green push is in line with the government’s policy of supporting that industry and turning Thailand into Asia’s bio-energy hub.

PTT has opened a pavilion at the BOI Fair to highlight energy saving and greenhouse-gas reduction.
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 37

โพสต์

PTTEP aims for 22%output boost
Source - Bangkok Post (Eng), Wednesday, January 11, 2012
YUTHANA PRAIWAN, ENERGY


PTT Exploration and Production Plc (PTTEP) expects its annual output will increase by 22% to 324,000 barrels of oil equivalent (BOED) by 2016, up from 265,000 at the end of last year, through a massive capital investment of US$19.6 billion.

Chief executive Anon Sirisaengtaksin said the company will spend $5.17 billion to drill oil and gas wells this year.

The major part of the budget will go to maintaining oil and gas production including the S1, Bongkot, Arthit and Canada Oil Sands KKD projects and developing new projects and exploration activities.

PTTEP, a subsidiary of national oil conglomerate PTT Plc, currently has 41 projects worldwide 20 under production, two are under development and 19 under exploration.

The company is also in talks with strategic partners for joint development of other oil and gas blocks.

It plans to dilute the whole ownership in exploration licences in the Andaman Sea at A4/48, A5/48 and A6/48, the deep sea block in the far southwest of Thailand.

The company will also have strategic partners in its three exploration licences in off-shore deep water blocks in Indonesia.

PTTEP is also seeking a partner in developing Burma’s offshore block at M11.

"All projects in which we will have a partner are part of the business risk management plan, and we’ll finalise them in the first quarter," said Mr Anon.

Last year, the company teamed up with Royal Dutch Shell for joint development of its Great South Block located off New Zealand’s South Island.

Statoil Canada, its partner in the Canada Oil Sand KKD project, may co-develop with the company in expanding business.

"Statoil is interested in expanding its E&P business Asia, while PTTEP is interested in North America and Africa, which means there will be closer development in each other," said Mr Anon.

He said PTT plans another liquefied natural gas (LNG) production contract on top of its ongoing one with Australia’s Cash/Maple and Montara.

PTT will let PTTEP share its LNG production resources.

PTTEP is in talks over many oil and gas blocks, but these have yet to be finalised.

The company expects total petroleum production this year will grow by 8% to 287,000 BOED, up from 265,000 BOED at the end of last year.

PTTEP shares closed yesterday on the SET at 181 baht, up 2 baht, in trade worth 871 million baht.



Source: Bangkok Post
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ปตท.สผ.เปิดงบลงทุน5ปี5แสนล. ดึงเมียนมาร์ออยล์ถือซอติก้า20%
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th), Wednesday, January 11, 2012

บริษัท ปตท.สผ.คาดการณ์รายจ่ายลงทุนและการดำเนินงานช่วง 5 ปี มูลค่า 5.88 แสนล้านบาท เฉพาะงบลงทุนอย่างเดียวเกิน 3.57 แสนล้านบาท ไม่รวมการลงทุนสำหรับเพิ่มโอกาสธุรกิจ และคาดยอดขายปิโตรเลียมต่อวันปี 2559 ทะลุ 3.24 แสนบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ พร้อมเปิดช่องเมียนมาร์ออยล์ถือหุ้นโครงการซอติก้าในพม่า 20%

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ.ว่า บริษัทประมาณการรายจ่ายลงทุนและรายจ่ายดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย ในช่วงปี 5 ปี ตั้งแต่ปี 2555-2559 เป็นเม็ดเงินประมาณ 19,624 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 588,720 ล้านบาท (อัตราแลกเปลี่ยน 30 บาทต่อดอลลาร์) แยกเป็นเงินลงทุน 11,914 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 357,420 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน 7,710 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 231,300 ล้านบาท

ทั้งนี้งบดังกล่าวมีการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ และแผนงานล่าสุด โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการทั้งหมด 41 โครงการ โดยประกอบด้วยโครงการที่อยู่ในระหว่างการผลิต 20 โครงการ ระยะพัฒนา 2 โครงการ และระยะสำรวจ 19 โครงการ ทั้งนี้รายจ่ายลงทุนดังกล่าว ยังไม่รวมประมาณการเงินลงทุนที่บริษัทอาจต้องใช้เพิ่มสำหรับโอกาสทางธุรกิจ

ส่วนปี 2555 นั้น บริษัทประมาณการรายจ่ายไว้จำนวน 5,168 ล้านดอลลาร์ เป็นเงินลงทุน 3,597 ล้านดอลลาร์ และรายจ่ายดำเนินงาน 1,571 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายสำหรับ กิจกรรมการผลิตเพื่อรักษาระดับการผลิตสูงสุด โดยมีโครงการหลักที่สำคัญ ได้แก่ โครงการเอส 1 โครงการบงกช โครงการอาทิตย์ และ โครงการ แคนาดา ออยล์ แซนด์ เคเคดี และมีกิจกรรมการพัฒนา เพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตจากแหล่งปิโตรเลียมใหม่ โดยมีโครงการหลักที่สำคัญ ได้แก่ โครงการบงกชส่วนเพิ่ม (แหล่งบงกชใต้) และโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย (แหล่งมอนทารา) ซึ่งคาดจะเริ่มผลิตได้ภายในปี 2555 โครงการพม่าซอติก้า ซึ่งจะเริ่มผลิตได้ในสิ้นปี 2556 และโครงการแอลจีเรีย 433A & 416B ซึ่งจะเริ่มผลิตได้ภายในปี 2557

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสำรวจ เพื่อค้นหาแหล่งปิโตรเลียมใหม่ที่มีศักยภาพ ที่จะนำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ โดยมีโครงการหลักที่สำคัญได้แก่ โครงการพม่าเอ็ม 3 และเอ็ม 11 และ โครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย (แหล่งแคช/เมเปิล)

ทั้งนี้ ปตท.สผ. คาดการณ์ตัวเลขประมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันจากโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ระหว่างปี 2555-2559 ดังนี้ปี 2555 มีปริมาณขาย 284,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน ปี 2556 มีปริมาณขาย 330,000 บาร์เรล ปี 2557 มีปริมาณขาย 345,000 บาร์เรล และปี 2558 มีปริมาณการขาย 326,000 บาร์เรล และปี 2559 มีปริมาณการขาย 324,000 บาร์เรล

นายอนนต์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนในโครงการพม่าซอติก้า (เดิมชื่อแปลงเอ็ม 9 และ บางส่วนของเอ็ม 11) ในอ่าวเมาะตะมะในพม่า ซึ่งบริษัท ปตท.สผ. อินเตอร์ เนชั่นแนล จำกัด หรือ ปตท.สผ.อ. บริษัทลูกเป็นผู้ดำเนินการและถือหุ้นทั้งหมดในโครงการ ร่วมกับเมียนมาร์ ออยล์ และก๊าซ เอ็นเตอร์ไพรซ์ (MOGE) โดย MOGE จะเข้าถือหุ้นในโครงการดังกล่าว 20% ซึ่งเป็นไปตามสัญญา Production Sharing Contract และข้อตกลงเพิ่มเติมระหว่าง ปตท.สผ.อ. และ MOGE ที่ระบุให้ MOGE มีสิทธิเข้าร่วมทุนในโครงการหลังการอนุมัติการพัฒนาโครงการ โดย MOGE ชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามสัดส่วนที่เข้าร่วมทุน

ปัจจุบัน โครงการพม่าซอติก้า อยู่ในช่วงระหว่างการพัฒนา โดยบริษัทได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ บริษัท ปตท. และ MOGE ที่ปริมาณซื้อขายก๊าซธรรมชาติรวม 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (ขายให้ประเทศไทยในอัตรา 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และขายให้กับสหภาพพม่า 60 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน) โดยบริษัทฯคาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในสิ้นปี 2556

บล.เคจีไอ วิเคราะห์ว่า จากการเยี่ยวชมบริษัท ปตท. และพบกับผู้บริหารเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับแผนลงทุน 5 ปี และธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) เคจีไอมองว่า ประเด็นบวกที่สำคัญจากการพูดคุยกับบริหาร ได้แก่ การที่ ปตท.สผ. อาจจะปรับลดเป้าหมายการขยายกำลังการผลิตจาก 900 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันต่อวัน (KBOED) ในปี 2563 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่อิงจาก 30% ของปริมาณการบริโภคพลังงานที่คาดไว้สำหรับปี 2563

การปรับลดเป้าหมายดังกล่าวลง เป็นผลมาจากการเพิ่มสัดส่วนของถ่านหินและพื้นที่ปลูกพลังงานชีวภาพ ในส่วนผสมของพลังงาน ซึ่งจะช่วยลดภาระของ ปตท.สผ.ในการสนองความต้องการในด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งถือเป็นประเด็นบวกของบริษัท เพราะจะเป็นการลดความเสี่ยงในการที่จะต้องเพิ่มทุน บทวิเคราะห์ระบุ--จบ--



ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 39

โพสต์

นำภาพจาก "ตึก ENCO" มาฝากครับ
PTTEP กับ "900,000 BOED In 2020"
( BOED ย่อมาจาก Barrels of Oil Equivalent per Day )

รูปภาพ

รูปภาพ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
sirimethagul
Verified User
โพสต์: 320
ผู้ติดตาม: 0

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 40

โพสต์

"พลังงาน" สำรวจพบบ่อน้ำมันกลางทุ่งกุลาร้องไห้ เผยบริษัทรับสัมปทาน เตรียมตั้งแท่นขุดเจาะหลุมแรก ขณะที่ชาวบ้านบางส่วนกังวลผลกระทบสิ่งแวดล้อม เพราะเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพดีที่สุดของโลก ด้านราคาที่ดินพุ่งไร่ละ 3 แสน แต่อาจขึ้นไปแตะไร่ละ 1 ล้าน

มีรายงานข่าวว่า กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน และบริษัท ทอพ-คลาส คอนซัลแทนท์ จำกัด ได้กำหนดดำเนินโครงการเจาะหลุมปิโตรเลี่ยม แปลงสำรวจบนบก หมายเลข L 31/50 ซึ่งมีบริษัท ซ่านซี เหยียนฉาง ปิโตรเลี่ยม (กรุ๊ป) จำกัด เป็นผู้รับสัมปทานและมีแผนดำเนินการเจาะสำรวจปิโตรเลี่ยม โดยได้มอบหมายให้บริษัท ทอพ - คลาส คอนซัลแทนท์ จำกัด เป็นผู้ศึกษาและจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม

รายงานข่าวระบุว่า พื้นที่ในบ้านโคกกลาง หมู่ที่ 15 ตำบลชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ในแปลงสำรวจขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเป็นที่แปลงนา กินพื้นที่กว่า 10 ไร่ ตั้งแต่เขตเทศบาลชุมพลบุรี เทศบาลทุ่งศรีชุมพล และตำบลศรีณรงค์ มีหลักธงสีขาว ติดป้ายบริษัท ซ่านซี เหยียนฉาง ปิโตรเลี่ยม 1905 (กรุ๊ป) จำกัด เป็นผู้สำรวจ ซึ่งได้ดำเนินการสำรวจมาตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา และคาดว่าพื้นที่ ดังกล่าวจะมีน้ำมัน อย่างแน่นอนแล้ว ซึ่งทางบริษัท ทอพ-คลาส คอนซัลแทนท์ จำกัด จัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม จะทำการศึกษาในรัศมี 5 กิโลเมตรต่อหลุม

ทั้งนี้ บริษัท ซ่านซี เหยียนฉาง จำกัด ได้มาทำการสำรวจพื้นที่การขุดเจาะน้ำมัน โดยได้ระเบิดในพื้นที่แปลงนาเพื่อตรวจศึกษาวิเคราะห์ พื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะมีน้ำมัน และตั้งแท่นขุดเจาะ น้ำมัน และได้วัดระยะ พื้นที่รอบๆ ที่เจาะน้ำมันออกไปในรัศมี 5 กิโลเมตร โดยกินที่พื้นที่กว้างถึง 10 กิโลเมตร ความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ซึ่งชาวบ้านส่วนหนึ่งก็ตื่นเต้นจะมีบ่อน้ำมันในพื้นที่ เพราะจะทำให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้น

ขณะที่ประชาชนส่วนหนึ่งก็ไม่เห็นด้วย เพราะจะทำให้เกิดมลภาวะเกิดขึ้นในพื้นที่ ขณะนี้ก็กำลังทำประชาพิจารณ์กันอยู่ เพื่อดูว่าประชาชนในพื้นที่ 3 ตำบล จะเห็นด้วยหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนเป็นห่วงผลกระทบ ที่จะเกิดขึ้นตามมาหากมีการตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมัน และเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2555 เจ้าหน้าที่ของบริษัท ซ่านซี เหยียนฉาง จำกัด จำนวนกว่า 10 คน ก็ได้เดินทางเข้ามายังแปลง ที่ทำการสำรวจขุดเจาะน้ำมันที่บ้านโคกกลาง คาดว่าเป็นการวางแผนเพื่อตั้งแท่นขุดเจาะน้ำมันในเร็วๆ นี้

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ขณะนี้มีการทำประชาพิจารณ์กับประชาชนทั้งสามตำบล ซึ่งพบว่าประชาชนบางส่วนยังกังวลเรื่องมลภาวะสิ่งแวดล้อมที่จะตามมา โดยเฉพาะพื้นที่ทุ่งกุลาร้องไห้ อ.ชุมพลบุรี เป็นที่ปลูกข้าวหอมมะลิของโลก ที่มีชื่อเสียง สร้างรายได้ให้ประชาชนผู้ปลูกข้าวหอมมะลิ ในแต่ละปีเป็นอย่างมาก หากมีการขุดเจาะน้ำมัน หวั่นว่า นาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ชุมพลบุรี จะหายไป

ขณะที่ผลการสำรวจยืนัยันว่า พื้นที่แปลงสำรวจน้ำมันที่บ้านโคกกลาง เทศบาลตำบลชุมพลบุรี คาดว่าจะมีน้ำมันอย่างแน่นอน ซึ่งมีประชาชนบางคนได้เตรียมที่ดินให้บริษัทสำรวจน้ำมันในราคาไร่ละ 300,000 บาท ในขณะที่บางรายต้องการขายไร่ละ 1,000,000 บาท และก็มีเสียงชาวบ้านส่วนหนึ่งระบุว่า ชาวบ้านในพื้นที่จะไม่ได้ประโยชน์อะไร เพราะบริษัท ขุดเจาะน้ำมันได้ก็จะดูดขึ้นไป กลั่นที่โรงกลั่นน้ำมันที่ จ.ระยอง ประชาชนในพื้นที่จะเดือดร้อนเพราะมลภาวะ ที่เกิดขึ้น ซึ่งยังต้องทำประชาพิจารณ์ รับฟังความเห็นของประชาชนทุกฝ่าย จนกว่าจะได้ข้อสรุป

อย่างไรก็ตาม สำหรับแปลงสำรวจบนบก หมายเลข L 31/50 จะครอบคลุมพื้นที่ จังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด บุรีรัมย์ และสุรินทร์ มีพื้นที่ รวม 3,960 ตารางกิโลเมตร โดยทำการเจาะสำรวจ 3 หลุมเจาะ ในพื้นที่หมู่ที่ 8 บ.หนองไทร ต.หนองขมาร อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หมู่ที่ 15 บ.โคกกลาง ต.ชุมพลบุรี อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ และหมู่ที่ 4 บ.หนองสรวง ต.สระบัว อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์
ไม่ต้องบินให้สูงอย่างใครเข​า…
จงบินเอาเท่าที่เราจะบินไหว
ท่าที่บินไม่จำเป็นต้องเหมื​อนใค­ร
แค่บินไปให้ถึงฝัน เท่านั้นพอ :)
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 41

โพสต์

คอลัมน์: คอลัมน์ที่ 13: โครงการพม่าซอติก้า
Source - ข่าวสด (Th), Thursday, January 12, 2012

เมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.) ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุน(Joint Operating Agreement) ร่วมกับ Myanmar Oil and Gas Enterprise (MOGE) ของประเทศพม่า

ใน "โครงการพม่าซอติก้า"

หรือเดิมชื่อ "แปลงM9" และ "บางส่วนของแปลง M11" ความเป็นมาโครงการดังกล่าว ปตท.สผ.ได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิต M9 ร่วมกับ MOGE เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2546 เพื่อเป็นผู้ดำเนินงานทั้งสองแปลง และถือสัดส่วน 100%

ล่าสุดจากการลงนามการร่วมทุน มีสาระสำคัญหลักคือ MOGE จะเข้าถือสัดส่วน 20% ในโครงการพม่าซอติก้า

ซึ่งเป็นไปตามสัญญา Production Sharing Contract และข้อตกลงเพิ่มเติมระหว่าง ปตท.สผ. และ MOGE

ที่ระบุให้ MOGE มีสิทธิเข้าร่วมทุนในโครงการหลังการอนุมัติการพัฒนาโครงการ โดย MOGE ชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตามสัดส่วนที่เข้าร่วมทุน

ทั้งนี้ ปตท.สผ. จะถือสัดส่วนที่ 80% และยังคงเป็นผู้ดำเนินการในโครงการนี้ต่อไป

โครงการพม่าซอติก้า มีขนาดพื้นที่ 11,746 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ที่บริเวณอ่าวมะตะบัน ประเทศสหภาพพม่า

ประกอบด้วยแหล่งปิโตรเลียม อาทิ แหล่งซอติก้า แหล่งคอคาน่า และแหล่งกอตะก้า

ชนิดของปิโตรเลียมที่ขุดเจาะพบ ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ และ คอนเดนเสทโดยบริษัท ปตท.สผ.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ

ปตท.สผ.ได้ประมาณการรายจ่ายลงทุน และรายจ่ายดำเนินงาน ในช่วง 5 ปี (2555-2559) รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 19,624 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นเงินประมาณ608,344 ล้านบาท

ปัจจุบันบริษัทมีโครงการทั้งหมด 41 โครงการ ประกอบด้วยโครงการที่อยู่ในระหว่างการผลิต 20 โครงการ ระยะพัฒนา 2 โครงการ และระยะสำรวจ 19 โครงการ

ปี 2555 บริษัทจะมีรายจ่ายลงทุนประมาณ 3,597 ล้านเหรียญสหรัฐ รายจ่ายดำเนินงาน 1,571 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปี 2556 มีรายจ่ายลงทุนจำนวน 2,732 ล้านเหรียญสหรัฐรายจ่ายดำเนินงาน 1,397 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปี 2557 มีรายจ่ายลงทุนจำนวน 1,822 ล้านเหรียญสหรัฐรายจ่ายดำเนินงาน 1,473 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปี 2558 มีรายจ่ายลงทุน 1,957 ล้านเหรียญสหรัฐ รายจ่ายดำเนินงาน 1,522 ล้านเหรียญสหรัฐ

และปี 2559 มีรายจ่ายลงทุน 1,806 ล้านเหรียญสหรัฐรายจ่ายดำเนินงาน 1,747 ล้านเหรียญสหรัฐ


รายจ่ายลงทุนดังกล่าวยังไม่รวมประมาณการเงินลงทุนที่บริษัทอาจต้องใช้เพิ่มสำหรับโอกาสทางธุรกิจ

ส่วนประมาณการรายจ่ายของ ปตท.สผ. ในปี2555 จำนวน 5,168 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่เป็นรายจ่ายสำหรับกิจกรรมการผลิต เพื่อรักษาระดับการผลิตสูงสุด

ปตท.สผ.คาดการณ์ตัวเลขประมาณการขายปิโตรเลียมเฉลี่ยต่อวันในช่วง 5 ปี

ปี 2555 จำนวน 284 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันปี 2556 จำนวน 330 พันบาร์เรล ปี 2557 จำนวน 345 พันบาร์เรล ปี 2558 จำนวน 326 พันบาร์เรล และปี 2559 จำนวน 324 พันบาร์เรล

ปัจจุบันโครงการพม่าซอติก้า อยู่ในช่วงระหว่างการพัฒนาโดยปตท.สผ. ได้มีการตกลงทำสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ MOGE ที่ปริมาณซื้อขายก๊าซธรรมชาติรวม 300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน

ขายให้ประเทศไทยในอัตรา 240 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และขายให้กับสหภาพพม่า 60 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยปตท.สผ.คาดว่าจะสามารถเริ่มการผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในสิ้นปี 2556--จบ--



ที่มา: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 42

โพสต์

ปตท.รับสนใจลงทุนโรงฟ้าทวาย
Source - ข่าวหุ้น (Th), Thursday, January 12, 2012

หวั่นพม่าเปลี่ยนเชื้อเพลิง ดีมานด์ก๊าซเริ่มฟื้นตัว

“ไพรินทร์” ยอมรับสนใจลงทุนโรงไฟฟ้าในทวาย แต่หวั่นนโยบายพม่าเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากถ่านหินเป็นก๊าซ ขณะที่ดีมานด์ก๊าซช่วงไตรมาส 1/55 เริ่มฟื้นตัวหลังลดลงจากปัญหาน้ำท่วม

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ปตท.สนใจและศึกษาลงทุนโรงไฟฟ้าในโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวายในสหภาพพม่า แต่ขณะนี้ต้องรอดูนโยบายภาครัฐของพม่าก่อน เพราะรัฐบาลพม่าจะมีการทบทวนการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินในโรงไฟฟ้า หากกลับมาใช้ก๊าซธรรมชาติจะเป็นไปยากลำบาก เพราะท่อก๊าซที่ ปตท.ดำเนินการอยู่ไม่ได้ผ่านโครงการทวาย

สำหรับรายได้ไตรมาส 4/54 คาดว่าจะลดลงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซลดลงเล็กน้อย ซึ่งไม่ถึง 10% อย่างไรก็ตามเชื่อว่าภายหลังจากน้ำลดแล้ว ความต้องการใช้ก๊าซจะกลับมาทันทีและฟื้นตัวได้เร็ว

ส่วนนโยบายการปรับขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ปตท.ยืนยันว่า จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีตามแผนคือตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.นี้ เดือนละ 50 สตางค์ต่อกิโลกรัม เป็นระยะเวลา 12 เดือน เพราะราคาปัจจุบันที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ต่ำกว่าทุนมาก โดยจากการศึกษาของสถาบันปิโตรเลียมก็พบว่าต้นทุนอยู่ที่ 15 บาทต่อกิโลกรัม

ขณะเดียวกัน ปัจจุบันพบว่ามีปริมาณรถใหม่ที่ติดตั้งถังเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นวันละ 300 คัน และมาแย่งการเติมก๊าซจากรถบรรทุกและรถขนส่ง หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ จะทำให้เอ็นจีวีขาดแคลน และ ปตท.ต้องอุดหนุนราคาก๊าซเพิ่มขึ้น จากที่ขาดทุนสะสม 4 หมื่นล้านบาท ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2554 ปตท.ขาดทุนประมาณ 1 หมื่นล้านบาท

“ปัจจุบันราคาเอ็นจีวีอยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันเบนซินที่คิดเป็นกิโลกรัม อยู่ที่ 40 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งห่างกันถึง 5 เท่า ขณะที่ปริมาณรถที่ใช้เอ็นจีวีเพิ่มมากขึ้น โดยราคาก๊าซในระดับดังกล่าวถือเป็นราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รถบ้านยังหันมาเติมก๊าซมากขึ้น ขณะที่การขยายสถานีบริการ ทำได้ยาก เนื่องจากไม่คุ้มทุน ดังนั้นหากไม่มีการแก้ไขปัญหาในเรื่องของราคาก็จะยิ่งเป็นผลกระทบต่อ ปตท. เพราะจะทำให้มีภาระขาดทุนสะสมเพิ่มมากขึ้น” นายไพรินทร์ กล่าว

ขณะที่แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้ คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะปรับตัวในกรอบ 100-110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง คือ ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน ที่มีความเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังอิหร่านยังเดินหน้าผลิตนิวเคลียร์ ซึ่งอิหร่านมีความสามารถที่จะปิดอ่าวเปอร์เซียได้ หากอิหร่านมีการปิดอ่าวขึ้นจริง จะยิ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และจะมีผลส่งผ่านไปยังเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย

--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 43

โพสต์

PTTEP หดสัดส่วนร่วมทุนในแปลงสำรวจปิโตรฯที่อินโดฯให้ Total
วันศุกร์ที่ 13 มกราคม 2555 เวลา 16:52:54 น.

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP เปิดเผยว่า ลดสัดส่วนการร่วมทุนในแปลงสำรวจปิโตรเลียม บริเวณน้ำลึกนอกชายฝั่ง ในช่องแคบมากัสซาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ให้กับบริษัท โททาล (Total) ของฝรั่งเศส

ทั้งนี้ PTTEP ได้ตกลงลดสัดส่วนการร่วมทุนในแปลงสำรวจปิโตรเลียม จำนวน 3 แปลงได้แก่แปลงเซาท์ แมนด้าร์ ลด 33% แปลงซาดัง และ แปลงเซาท์ ซาการี ลดแปลงละ 10%

โดย PTTEP จะยังเป็นผู้ดำเนินการและถือสิทธิการร่วมทุนแปลงเซาท์ แมนด้าร์ในสัดส่วน 34% โดยมีบริษัท Talisman และ Total ถือสิทธิ 33% เท่ากัน

ส่วนแปลงซาดังและแปลงเซาท์ ซาการี ซึ่งมี Talisman เป็นผู้ดำเนินการและถือสิทธิ 40% และ 35% นั้น PTTEP ยังคงถือสิทธิการร่วมทุน 30% และ 20% โดยมี Totalถือสิทธิ 30% และ 45% ตามลำดับ

สำหรับการลดสัดส่วนการถือสิทธิในแปลงสำรวจปิโตรเลียมครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของ PTTEP อีกทั้ง Total ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดีของ PTTEP และได้ร่วมทุนในอ่าวไทยด้วยกันเป็นเวลายาวนานนั้น เป็นบริษัทที่มีประสบการณ์และเทคโนโลยีด้านการขุดเจาะในน้ำลึก ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งสามารถนำมาใช้กับแปลงสำรวจในอินโดนีเซียได้

นอกจากการถือสิทธิในแปลงสำรวจปิโตรเลียม 3 แปลงข้างต้นPTTEP ยังมีการลงทุนในอินโดนีเซียอีก 2 แปลง คือ แปลงมาลุนด้า ในบริเวณช่องแคบมากัสซาร์โดยเป็นผู้ดำเนินการและถือสิทธิ 100% และแปลงเซไม ทู บริเวณนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะปาปัวตะวันตก โดย PTTEP ถือสิทธิร่วมทุน 28.33% มีบริษัท Murphy, INPEX และ Pertamina เป็นผู้ร่วมทุน
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 44

โพสต์

กลุ่มปตท.ลงทุนอาเซียน ประเมินศักยภาพเติบโตสูง
Source - กรุงเทพธุรกิจ (Th), Friday, January 20, 2012


พีทีที โกลบอล 5 ปี ทุ่ม 5 หมื่นล้านบาท พุ่งเป้าธุรกิจมูลค่าเพิ่มสูง รองรับอุตฯ รถยนต์-ก่อสร้าง-อิเล็กทรอนิกส์

เครือปตท.รุกลงทุนต่างประเทศ โฟกัสกลุ่มอาเซียน เหตุศักยภาพเติบโตสูง พีทีที โกลบอล มุ่งสู่ธุรกิจมูลค่าเพิ่มสูง ทุ่มงบกว่า 5 หมื่นล้านภายใน 5 ปี วางแผนผลิตโพลียูรีเทน รองรับการเติบโตของอุตฯรถยนต์-ก่อสร้าง-อิเล็กทรอนิกส์ ชี้รายได้ปี 55 สูงกว่า 4 แสนล้านบาท พบผลตอบแทนควบรวมสูงกว่าคาดจากเดิมปีละ 100 ล้านดอลลาร์ เป็น 150 ล้านดอลลาร์ ด้าน ปตท.เตรียมออกหุ้นกู้ล็อตใหม่ 2-2.5 หมื่นล้าน กลางปีนี้

นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่มบริษัท ปตท. อยู่ระหว่างศึกษาแผนการลงทุนต่างประเทศร่วมกัน โดยเน้นที่กลุ่มประเทศในอาเซียน เพราะเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยในส่วนของบริษัทพีทีทีโกลบอลนั้น กำลังหาพื้นที่ในการเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเคมี เพื่อรองรับความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นทุกปี เฉพาะความต้องการโอเลฟินส์ของโลกเพิ่มขึ้นปีละ 4% หรือ ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี โดยจะเลือกพื้นที่ที่ใกล้แหล่งวัตถุดิบ และใกล้ตลาดเป็นหลัก

การลงทุนใหม่นี้ มีความเป็นไปได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แต่หากเป็นต่างประเทศ ก็คงต้องไปเป็นกลุ่มทั้งบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม และบริษัท ปตท. ซึ่งการลงทุนของบริษัทจะเลือกประเทศที่กลุ่มปตท.ได้รับสัมปทานแหล่งปิโตรเลียมอยู่ เพื่อให้ใกล้แหล่งวัตถุดิบ เพราะผลิตภัณฑ์ของบริษัทส่วนใหญ่มาจากสายก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก นายวีรศักดิ์ กล่าว

เขากล่าวว่า แผนการลงทุนดังกล่าว เป็นเรื่องระยะยาวที่ต้องศึกษาหลายด้าน ทั้งความเหมาะสมของพื้นที่ โอกาส และความคุ้มค่าในการลงทุน อีกทิศทางหนึ่งที่จะเป็นยุทธศาสตร์หลักของบริษัท คือ การมุ่งสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์เฉพาะที่มีมูลค่าเพิ่มสูงมาก ซึ่งเป็นธุรกิจปลายน้ำที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มและมีขนาดตลาดใหญ่ โดยเน้นผลิตภัณฑ์ที่ใช้กลุ่มอุตสาหกรรมรถยนต์ การก่อสร้าง และอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการเติบโตสูงมาก

บริษัทจึงมีแผนจะผลิตโพลียูรีเทน (Polyurethane) ซึ่งใช้ในการผลิตเบาะรถยนต์คุณภาพสูง และสีเคลือบรถยนต์และสิ่งก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันสารตัวนี้ไทยต้องนำเข้าทั้งหมด คาดว่างภายใน 5 ปีนี้จะใช้เงินลงทุนมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ในการผลิตโพลียูรีเทนนั้น จะต้องใช้วัตถุดิบที่สำคัญหลายชนิด ส่วนที่สำคัญและยากที่สุดคือ ไอโซไซยาเนส (Isocyanate) ซึ่งไม่มีการขายเทคโนโลยี บริษัทจึงได้เข้าไปซื้อหุ้นบริษัท Perstorp Holding France SAS ซึ่งเป็นเจ้าของเทคโนโลยีการผลิตไอโซไซยาเนส ในสัดส่วน 51% ในวงเงินประมาณ 114.8 ล้านยูโร หรือประมาณ 4,830 ล้านบาทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างรอขั้นตอนทางกฎหมาย คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนกลางปีนี้

บริษัทยังไม่ได้กำหนดวงเงินลงทุนรายปีที่ชัดเจน แต่ได้เตรียมความพร้อมในการจัดหาเงินทุนไว้แล้วประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยจะมาจาก 3 ส่วนคือ รายได้จากการดำเนินงาน กำไรสะสม และความสามารถในการก่อหนี้ จากสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทที่อยู่ในระดับต่ำเพียง 0.5 เท่า

ซึ่งบริษัทมีนโยบายชัดเจนว่าจะไม่เพิ่มทุน ยกเว้นจะมีการลงทุนขนาดใหญ่ที่เป็นประโยชน์กับผู้ถือหุ้นมากๆ อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้จะใช้เงินลงทุนรวม 1 หมื่นล้านบาท สำหรับบำรุงรักษาการผลิตเดิม 5-6 พันล้านบาท และลงทุนใน Perstorp อีก 5 พันล้านบาท

นายวีรศักดิ์ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการปี 2555 ว่า คาดว่ารายได้ในปีนี้จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวมประมาณ 4 แสนล้านบาท เนื่องจากมีการปิดซ่อมบำรุงน้อยกว่าปีก่อน ทำให้กำลังการผลิตโดยรวมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้แนวโน้มส่วนต่างราคาวัตถุดิบและราคาผลิตภัณฑ์ (สเปรด) มีโอกาสที่จะปรับขึ้น มากกว่าปรับลดลง

ขณะที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง คือ 105 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ปัจจุบันธุรกิจสายโอเลฟินส์ ถือว่าอยู่ในจุดต่ำสุดของวงจรธุรกิจแล้ว จากนี้ก็จะเริ่มปรับตัวดีขึ้น ขณะที่สายอะโรเมติกส์ ได้ผ่านจุดสูงสุด (พีค) เมื่อปีที่แล้ว จากนี้จะเริ่มปรับลดลง ซึ่งการควบรวมกิจการทำให้บริษัทสามารถบริหารวงจรขาขึ้นขาลงของธุรกิจได้ดีขึ้น

นอกจากนี้คาดว่าผลตอบแทนจากการควบรวมกิจการยังเพิ่มขึ้น จากเดิมคาดว่าจะได้ประโยชน์เพิ่มปีละ 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี ล่าสุดเพิ่มเป็น 150 ล้านดอลลาร์ต่อปี แต่บริษัทก็ต้องมีการลงทุนเพิ่มปีละ 150 ล้านดอลลาร์เช่นเดียวกัน

ขณะนี้ ยังไม่สามารถบอกได้ว่าปีนี้จะปิดซ่อมบำรุงส่วนใดบ้าง เพราะการปิดซ่อมบำรุงในปีนี้ ต้องหารือและวางแผนร่วมกันทั้งเครือ เพื่อให้มีผลกระทบกับการบริหารงาน และการบริการลูกค้าน้อยที่สุด คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ ก่อนจะแจ้งแผนการซ่อมบำรุงทั้งเครือให้นักลงทุนทราบ นายวีรศักดิ์ กล่าว

ปตท.จ่อออกหุ้นกู้ 2.5 หมื่นล้าน

ด้าน นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท ปตท. กล่าวว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้อีก 2-2.5 หมื่นล้านบาทในช่วงกลางปี 2555 เพื่อใช้ในการลงทุนและคืนหุ้นกู้ที่ครบชำระบางส่วน หลังจากบริษัทได้ขายหุ้นกู้ไปแล้ว 2 หมื่นล้าน เมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตามแผนจะต้องมีการจัดหาเงินทุนสำหรับปีนี้ประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุน ซึ่งบริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนในปีนี้ประมาณ 9 หมื่นล้านบาท

ปีนี้มีปัจจัยเสี่ยงค่อนข้างมาก จากปัญหาเศรษฐกิจ และหนี้ของยุโรปที่จะส่งกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินของโลก โดยเฉพาะผลกระทบต่อราคาน้ำมันที่อาจจะปรับลงแรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อครั้งเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หรืออาจจะพุ่งแรงจากการทำสงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่านที่เกิดความตึงเครียดอยู่ในขณะนี้ บริษัทจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม นายเทวินทร์ กล่าว

นายเทวินทร์ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแนวคิดจัดตั้งบริษัทธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (เอ็นจีวี) ในรูปแบบ Social Enterprise เพื่อเปิดให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมมาเป็นเจ้าของกิจการ ได้แก่ ผู้ที่ทำธุรกิจขนส่ง สหกรณ์แท็กซี่ต่างๆ ธุรกิจโลจิสติกส์ โดย ปตท.ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นใหญ่ หรืออาจจะไม่เข้าถือหุ้นก็ได้

เพราะมองว่า ธุรกิจเอ็นจีวี ไม่ใช่ธุรกิจที่สร้างกำไรหลักให้กับบริษัท แต่ดำเนินการเพื่อให้ครบวงจรและเป็นธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม โดยผลขาดทุนสะสมจากธุรกิจเอ็นจีวีกว่า 4 หมื่นล้านบาท ปตท.จะไม่นำไปไว้บริษัทใหม่ และยังคงจะแบกภาระหนี้ดังกล่าวต่อไป

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจผลิตและปิโตรเลียม หรือ ปตท.สผ. กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาโครงการลงทุนแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ในประเทศออสเตรเลีย คาดว่าจะสามารถสรุปภายในครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นไปตามแผนการนำเข้าแอลเอ็นจีที่จะเพิ่มเป็น 1.2 ล้านตัน จากปีก่อนที่ 1 ล้านตัน และตามแผนระยะยาว 5-7 ปี จะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็น 2-4 ล้านตัน โดยการลงทุนจะร่วมกับบริษัท ปตท. ด้วย

รายได้ปี55สูงกว่า4แสนล้านพบผลตอบแทนควบรวบสูงกว่าคาด

--จบ--


ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 45

โพสต์

PTTEPรุกลงทุนแหล่งLNGเพิ่ม
Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th), Friday, January 20, 2012

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.สผ.มั่นใจได้ข้อสรุปเข้าไปถือหุ้นแหล่งผลิต LNG ในต่างประเทศอย่างน้อย1 โครงการในครึ่งแรกของปีนี้ คาดภายใน 5-7 ปีข้างหน้าไทยนำเข้า LNG เพียง 2-4 ล้านตันต่อปี ต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ 10 ล้านตัน หากสำรวจพบก๊าซฯในอ่าวไทยเพิ่มเติม และพัฒนาปิโตรเลียมในพื้นที่คาบเกี่ยวไทยกัมพูชาได้

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(PTTEP) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกนี้บริษัทฯ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในการเข้าไปลงทุนถือหุ้นในแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในต่างประเทศอย่างน้อย 1 โครงการ ซึ่งออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีแหล่งสำรวจและผลิตLNG รายใหญ่ของโลก

การเข้าไปถือหุ้นในแหล่งผลิตLNG นั้นสอดคล้องกับนโยบายบริษัทแม่ คือ ปตท. ที่ต้องการให้ ปตท.สผ.เข้าไปถือหุ้นในโครงการต้นน้ำ (Up Stream)ด้วยหลัง ปตท.ทำสัญญาซื้อขาย LNG ระยะยาวโดยเจ้าของแหล่งผลิต LNG ก็พร้อมที่จะให้ปตท.สผ.เข้าไปถือหุ้นด้วย เพียงแต่สัดส่วนการถือหุ้นจะเป็นเท่าไรนั้นขึ้นอยู่กับการเจรจา

ทั้งนี้ ไทยมีแนวโน้มการนำเข้า LNG ในช่วง 5-7 ปีข้างหน้าประมาณ 2-4 ล้านตันต่อปี ต่ำกว่าการคาดการณ์เดิมของ ปตท.ที่เคยประเมินว่าไทยจะนำเข้า LNG สูงถึง 10 ล้านตันต่อปี สาเหตุที่มองว่าไทยนำเข้า LNG ไม่มากนัก เนื่องจากมีปัจจัยบวกจากการผลิตก๊าซฯเพิ่มเติมในแหล่งปิโตรเลียมในอ่าวไทยและอันดามัน และการพัฒนานำปิโตรเลียมในพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-กัมพูชาขึ้นมาใช้ แต่ทั้งนี้คงต้องรอแผนพัฒนาการกำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ใหม่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าไทยต้องนำเข้าLNG ประมาณ 1.2 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่นำเข้าเพียง 1 ล้านตัน

สำหรับความคืบหน้าการหาพันธมิตรร่วมทุนในแหล่งสำรวจปิโตรเลียม M 11 ที่สหภาพพม่านั้น น่าจะได้ข้อสรุปผู้ร่วมทุนภายในไตรมาส 1/2555 โดยจะเซ็นสัญญาร่วมทุน 1-2 ราย ซึ่ง ปตท.สผ.จะยังคงถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน40-50% โดยเปิดช่องให้รัฐบาลพม่าร่วมเข้าถือหุ้นด้วยตามสัญญา 20% โดยปลายปีนี้จะเริ่มสำรวจทางธรณีวิทยาการวัดคลื่นไหวสะเทือน

ส่วนแปลงสำรวจปิโตรเลียมบนบกที่ได้รับสัมปทานเพิ่มเติมจากรัฐบาลพม่าจำนวน2 แปลง คือ แปลง G และ ET2 คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ในเดือนกุมภาพันธ์นี้

นายอนนต์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้สหภาพพม่าได้มีการเปิดประเทศมากขึ้น มองว่าไทยได้เปรียบเนื่องจากเข้าไปลงทุนสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมในสหภาพพม่ามานาน ซึ่งการทำงานกับหน่วยงานของรัฐบาลพม่าก็เป็นไปได้ด้วยดี รัฐบาลพม่ารักษากฎ กติกาดี และการตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็ว


ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTVผู้จัดการรายวัน
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 46

โพสต์

**(เพิ่มเติม) เลขาฯ ก.ล.ต.เร่งผลักดัน SPRC เข้าตลาดหุ้นปีนี้,ตั้ง Private Equity Fund 3-4 พันลบ.

อินโฟเควสท์ (20 ม.ค. 55)--นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.จะพยายามผลักดัน บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟนิ่ง (SPRC) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ภายในปี 55 โดยล่าสุด ก.ล.ต.ได้หารือกับกระทรวงพลังงานเพื่อร่วมกันช่วยผลักดันและประสานงานกับบริษัท

พร้อมกันนั้น เลขาธิการ ก.ล.ต. ยังกล่าวในงานสัมมนาเพื่อการพัฒนาตลาดทุนไทย ประจำปี 55 เรื่อง อนาคตตลาดทุนไทยในมุมมองของ ก.ล.ต.ว่า ก.ล.ต.ต้องการเห็นตลาดทุนไทยเป็นแหล่งระดมทุนของภาคเอกชนทุกประเภทและทุกขนาดไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ และหวังเห็นผู้ประกอบจากทุกจังหวัดของประเทศเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ เนื่องจากมองว่าแต่ละจังหวัดมีธุรกิจที่มีศักยภาพแต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนด้าน ซึ่ง ก.ล.ต.พร้อมเข้าไปช่วยเหลือ

ขณะนี้ ก.ล.ต.ได้มีการประสานงานไปยังกรมพัฒนาธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อสอบถามข้อมูลจากฐานข้อมูลของธุรกิจต่างๆ และจากนี้ไป ก.ล.ต.จะได้ร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการในภูมิภาคมากขึ้น ซึ่งล่าสุด ก.ล.ต.ได้จัดตั้งหน่วยงานใหม่เป็นฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ และเตรียมเปิดศูนย์ให้คำแนะนำผู้ประกอบการที่ต้องการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์

ทั้งนี้ ประเมินว่าในช่วงครึ่งแรกปี 55 จะได้เห็นการจัดตั้งกองทุน Private Equity Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่มีนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ มีขนาดกองทุนประมาณ 3-4 พันล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในบริษัทต่างๆที่อยู่ระหว่างการเริ่มกิจการ ซึ่งกองทุนจะเข้าให้ความช่วยเหลือด้านให้คำปรึกษา การจัดทำบัญชี การดำเนินกิจการต่างๆ และเมื่อบริษัทมีศักยภาพพร้อมจะผลักดันเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

--จบ--

--อินโฟเควสท์ โดย อาชวินท์ สุกสี/จารุวรรณ/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 47

โพสต์

ปตท.ขานรับ "อารักษ์" คุมพลังงาน
Source - ไทยรัฐ (Th), Friday, January 20, 2012

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวรผู้ค้าก๊าซแอลพีจีจ่อขยับค่าขนส่ง เหตุดีเซลราคาพุ่งทะลุ 30 บาท

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.พร้อมร่วมงานกับนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน คนใหม่ ซึ่งเชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ ที่จะกำหนดแนวทางนโยบายเกี่ยวกับพลังงานของประเทศนับจากนี้ไปให้ต่อเนื่อง แม้ว่านายอารักษ์จะไม่ได้อยู่ในแวดวงธุรกิจพลังงานมาก่อนก็ตาม ซึ่ง ปตท.ก็พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบาย รมว.พลังงาน “ส่วนตัวผมไม่เคยเจอกับคุณอารักษ์มาก่อน แต่ก็เชื่อในการตัดสินใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพราะคงมองว่ามีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถกับตำแหน่งเป็นอย่างดีแล้ว”ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายการปรับราคาพลังงานทั้งก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) และก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เมื่อเปลี่ยนตัว รมว.พลังงาน เพราะประเด็นนี้ถูกโจมหนัก ขณะที่ ปตท.มีภาระแบกรับต้นทุนที่เกิดขึ้น ปตท.จะเสนอให้นายอารักษ์ทบทวนนโยบายขึ้นราคาตามกำหนดการเดิมหรือจะเสนอให้ชะลอการปรับขึ้นราคาพลังงานดังกล่าว นายไพรินทร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายของนายอารักษ์ ปตท.คงต้องมีการพูดคุยในรายละเอียด และหากนายอารักษ์เห็นว่าเรื่องนี้ควรจะมีการปรับขึ้นราคาพลังงานทั้ง 2 ชนิด ปตท.ก็ต้องปฏิบัติตามนโยบายของนายอารักษ์นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์“กรณีที่รัฐบาลมีแนวทางที่จะขายหุ้นของ ปตท.เพื่อให้พ้นสภาพจากการเป็นรัฐวิสาหกิจนั้น โดยส่วนตัวไม่สามารถตอบได้ แต่ถ้ารัฐบาลจะเดินหน้าเรื่องนี้ก็ต้องทำอย่างรอบคอบและมีทางออกสำหรับทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่ว่า ปตท.มีหนี้ที่รัฐบาลต้องค้ำประกัน 700,000 ล้านบาทนั้น ขอยืนยันว่าหนี้ ปตท.เป็นหนี้กู้ยืมมาเพื่อขยายการลงทุนและเป็นหนี้ที่ปตท.กู้ด้วยตัวเองและมีหน้าที่ชำระคืนตามกำหนด โดยที่รัฐบาลไม่ต้องเข้ามาค้ำประกันเงินกู้ให้ แต่ด้วยเพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ ทำให้หนี้ของ ปตท.ถูก บรรจุอยู่ในหนี้สาธารณะ หาก ปตท.ไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจ หนี้สาธารณะดังกล่าวก็จะหายไป รัฐบาลก็สามารถกู้เงินมาพัฒนาประเทศได้มากขึ้น”ด้านนายชิษณุพงษ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) กล่าวว่า ได้ติดตามราคาน้ำมันดีเซลอย่างใกล้ชิด หากยังปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปถึงระดับ 32 บาทต่อลิตร สมาคมฯจะยื่นข้อเสนอไปยังกรมการค้าภายใน เพื่อขออนุมัติปรับขึ้นค่าขนส่งแอลพีจีแบบถังส่งตามบ้าน เพิ่มอีก 4-5 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม (กก.) ปัจจุบันอยู่ที่15 บาทต่อถัง หรือเพิ่มเป็น 20 บาทต่อถัง เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มขึ้น“ที่ผ่านมาได้หารือกับกระทรวงพาณิชย์แล้ว โดยได้ให้ความร่วมมือตรึงค่าขนส่งไว้ ภายใต้เงื่อนไขว่า ถ้าดีเซลมีราคาสูงเกิน 30 บาทต่อลิตร ก็คงต้องขอปรับขึ้นค่าขนส่ง เพราะต้นทุนเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ราคาดีเซลทะลุ 30 บาทต่อลิตรแล้ว และสมาคมฯได้จัดทำต้นทุนให้กระทรวงพาณิชย์รับทราบว่า ดีเซลราคาระดับ 32-33 บาทต่อลิตร ก็จะต้องปรับค่าขนส่งอีก 4-5 บาทต่อถัง”.

=========================================================

ปล.
"อารักษ์ ชลธาร์นนท์"ขุนพลใหม่ รมว.พลังงาน
arrak.jpg
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ อดีตกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม ซึ่งคาดหมายว่าจะเข้ามานั่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นเพื่อนร่วมรุ่น 11กับนายบุญคลี ปลั่งศิริ อดีตผู้บริหารชิน คอร์ป

นายอารักษ์ เคยเป็นอดีตกรรมการ บมจ.ชิน คอร์ป ประธานกรรมการบริหารสายธุรกิจ ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ และธุรกิจอื่น บมจ.ชิน คอร์ป กรรมการบริหาร บมจ.ชิน คอร์ป กรรมการและประธานกรรมการบริหาร สายธุรกิจใหม่ และสื่อโฆษณา บมจ.ชิน คอร์ป กรรมการบริหาร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยคม กรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ

ที่มา : http://www.rsunews.net/index.php/news/detail/171
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
AS965
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 333
ผู้ติดตาม: 6

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 48

โพสต์

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ
ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 23 มกราคม 2555
06:06:00 น
สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กลดลงเป็นวันที่สามติดต่อกันมาปิดที่ระดับต่ำกว่า 100 ดอลลาร์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงาน รวมถึงสถานการณ์ไม่แน่นอนในยุโรป ในขณะที่การเจรจาเรื่องหนี้สินระหว่างรัฐบาลกรีซกับเจ้าหนี้ภาคเอกชนยังดำเนินต่อไป

สัญญาน้ำมันดิบที่ตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ร่วงลง 1.93 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 98.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 49

โพสต์

ปตท.สผ.ชูธงลงทุนเรือผลิตLNG ชี้รัฐบาลปรับชัวร์แผนพลังงานเลื่อนโรงไฟฟ้าก๊าซ
Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th), Saturday, January 21, 2012

ปตผ.สผ.โชว์แผนลุยโปรเจ็กต์เรือผลิตก๊าซแอลเอ็นจี นำร่องขุดเจาะแหล่ง"แคช/เมเปิล" ออสเตรเลีย ตรวจสอบปริมาณก่อนตัดสินใจระดมเงินลงทุนและจัดหาเทคโนโลยี เร่งใช้ไฮเทคเจาะแปลงเล็กทั่วอ่าวไทย และเชื่อปี’55 รื้อแน่แผน PDP พัฒนาไฟฟ้าประเทศ ส่อเค้าเลื่อนโรงไฟฟ้าก๊าซปี’57 ออกไปจนกว่าจะมีแผนจัดหาก๊าซแอลเอ็นจีชัด ๆ

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือปตท.สผ. กล่าวถึงแผนการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนศึกษาความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาโครงการเรือผลิตแอลเอ็นจี(Floating Liquefaction Natural Gas Production) ในแหล่งที่ ปตท.สผ.เข้าไปร่วมลงทุน เช่นในแหล่ง Cash/Maple ออสเตรเลีย ล่าสุดคืบหน้าไปถึงการเตรียมสำรวจขุดเจาะเพิ่มอีก เพื่อดูปริมาณสำรองก๊าซใต้ดินว่ามากน้อยอย่างไร ก่อนตัดสินใจลงทุนต่อไป หากปริมาณเป็นที่น่าพอใจให้สามารถผลิตได้ระยะยาว จะยื่นขออนุญาตขยายพื้นที่ผลิตเพิ่ม ต่อจากนั้นเป็นขั้นตอนการหาแหล่งเงินทุนและพันธมิตรลงทุนพัฒนาโครงการดังกล่าว

ตามแผนเบื้องต้นการออกแบบเรือซึ่งเป็นโรงงานลอยน้ำให้มีกำลังการผลิตปีละ 2 ล้านตัน เป็นโครงการเรือขนาดเล็ก อายุการใช้งานได้กว่า 20 ปี มูลค่าการลงทุนมหาศาลขึ้นอยู่กับการเลือกติดตั้งเทคโนโลยีจะมีราคาแตกต่างกัน

นอกเหนือจากการสำรวจปริมาณสำรองในแหล่งแคช/เมเปิล ออสเตรเลียแล้ว ยังจะสำรวจแถบทะเลอ่าวไทยในแปลงเล็ก ๆ ที่ยังไม่มีการสำรวจ อยู่ใกล้พื้นที่แหล่งบงกชใต้ ปัจจุบันถือเป็นแปลงสำคัญสามารถผลิตได้ค่อนข้างมากปัจจุบันทำได้ทันทีเพราะลงทุนได้ด้วยต้นทุนต่ำลงมาก เนื่องจากมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างจากก่อนหน้านี้การลงทุนสำรวจขุดเจาะต้นทุนจะสูงมาก

"ตอนนี้สิ่งแรกที่ต้องทำให้ชัดเจนก่อน ตรวจปริมาณสำรองใต้ดินมีมากเพียงพอขนาดไหน หากแปลงเล็ก ๆ ในอ่าวไทยมีศักยภาพ ปตท.สผ.จะได้ประโยชน์ สามารถเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานให้ประเทศได้เต็มที่ ประการสำคัญยังลดการนำเข้าเชื้อเพลิงพลังงานเหล่านี้ เพราะอนาคตไทยคงจะต้องนำเข้าแอลเอ็นจีเพื่อป้อนโรงไฟฟ้าเป็นหลัก"

นายอนนต์กล่าวเพิ่มว่า การเริ่มต้นโครงการแอลเอ็นจี หากภายในปีนี้สามารถสำรวจขุดเจาะและได้ปริมาณสำรองที่ชัดเจนว่าคุ้มค่าการลงทุนขั้นตอนต่อจากนั้นจะต้องใช้เวลาดำเนินการอีกอย่างน้อย 1 ปี จึงเริ่มได้ในปี 2556 และกว่าโครงการจะแล้วเสร็จต้องทยอยก่อสร้างอีก 4-5 ปี จึงจะนำวัตถุดิบขึ้นมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้

ส่วนใหญ่การจัดหาก๊าซแอลเอ็นจีจะเน้นนำมาป้อนโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะเกิดช่วงปี 2557 ตามโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และโรงไฟฟ้าเอกชน (IPP) ซึ่ง ปตท.สผ.เชื่อมั่นจากนี้ไปกระทรวงพลังงานจะปรับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศในฉบับล่าสุด (PDP 2553-2573) เพื่อเลื่อนโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซธรรมชาติขยับออกไป ให้สอดคล้องกับความชัดเจนในการจัดหาและการนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี

ขณะที่การนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีปัจจุบันนี้ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)ยังอยู่ในขั้นตอนเจรจากับประเทศผู้ผลิตจากหลายแหล่ง ทั้งในตะวันออกกลางแหล่งอื่นด้วย ตามแผนของ ปตท.สผ.จะใช้สิทธิ์พ่วงไปกับ ปตท.เข้าไปร่วมทุนโครงการใหม่ ๆ เพราะตอนนี้ทั้งเครือทำงานเป็นทีม จะไม่ตีกรอบจำกัดอยู่แต่การเป็นผู้นำเข้าเพียงฝ่ายเดียว แหล่งใหม่ เช่น ในอเมริกาใต้ แอฟริกาตะวันออก และในเอเชียด้วยกันบริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา หากการเจรจาคืบหน้าแหล่งนี้จะทำประโยชน์ได้มาก


ที่มา: หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 23 - 25 ม.ค. 2555--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 50

โพสต์

ATT : K.as965

ผมเองก็มีข้อมูลน้ำมันดิบรายวันมากมาย แต่ผมเองไม่ค่อยอยากนำมาลงครับ
ทั้งนี้เพราะ...
ถ้าเราเอามาลงกันจริงๆ ก็จะเจอแต่คำว่า "ตลาดฯกังวลปัญหายุโรป" กับ "ตลาดคลายความกังวัลปัญหายุโรป"
มันจะมีอยู่ประมาณนี้อ่ะนะครับ เลยไม่รู้จะลงไปทำไม ^ ^
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 51

โพสต์

ปตท.รับสนประมูลซื้อCOVE
Source - ข่าวหุ้น (Th), Tuesday, January 24, 2012


รับแผนผู้นำพลังงานอาเซียน

PTT เผยยังไม่ได้รับรายงานเข้าประมูลซื้อ Cove Energy แต่มองแอฟริกาเสี่ยง แต่หากสินทรัพย์น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักไม่ปิดโอกาสลงทุน

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า กรณีที่มีข่าวว่า ปตท. สนใจเข้ารวมประมูลกิจการบริษัท COVE ENERGY นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว แต่จากการ COVE ENERGY ทำธุรกิจในแอฟริกา มองว่าพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงสูงทั้งในเรื่องปัญหาการเมืองและความปลอดภัย

อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ปิดโอกาสในการลงทุน หากราคาสินทรัพย์นั้นน่าสนใจ และเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักของ ปตท. โดยขณะนี้มีธนาคารในยุโรปหลายแห่ง รวมถึงกิจการที่ประสบปัญหาหนี้ยุโรปได้มีการขายสินทรัพย์บางส่วนออกมา หากมีสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลักของ ปตท. และราคาน่าสนใจก็พร้อมที่จะเข้าไปศึกษา แต่บริษัทไม่ได้เน้นการขยายธุรกิจในยุโรป เพราะขณะนี้ยุทธศาสตร์การลงทุนของ ปตท. ยังเน้นที่ในประเทศออสเตรเลีย อาเซียน และอเมริกาเหนือเป็นหลัก

“ต้องยอมรับว่า PTT ทำธุรกิจด้านพลังงาน และประเทศไทยก็นำเข้าพลังงานเป็นส่วนใหญ่ โดยบริษัท PTT ก็เป็นผู้นำเข้าพลังงานรายใหญ่สุดของประเทศอาเซียน เพราะฉะนั้นบริษัทก็ต้องหาแหล่งพลังงานเพิ่มมากขึ้นและเพื่อความมั่นคงของพลังงานภายในประเทศ” นายไพรินทร์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ปตท. ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท โดยการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ถือหุ้นกู้เดิมของบริษัท ซึ่งใช้สิทธิจองซื้อหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาท หมดตามจำนวนเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นกู้เดิม และการเสนอขายให้แก่บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ลงทุนรายใหม่ทั้งที่เป็นและไม่เป็นผู้ถือหุ้นกู้เดิมของ ปตท. อีกจำนวน 4,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท

ส่วนแนวคิดของรัฐบาลที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นใน ปตท. ไปให้กองทุนวายุภักษ์ถือแทนบางส่วนนั้น เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการตรวจสอบเป็นอย่างดี และในแง่สวัสดิการพนักงาน ปตท. ก็ไม่ได้เหมือนรัฐวิสาหกิจอื่น ส่วนการพูดคุยกับสหภาพก็ได้พูดคุยกันอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว

วานนี้ (23 ม.ค.) การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ถือหุ้นกู้เดิมของ ปตท. ซึ่งใช้สิทธิจองซื้อหุ้นกู้ชุดใหม่มูลค่ารวม 16,000 ล้านบาทหมดตามจำนวนเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นกู้เดิม และจากการเสนอขายในช่วงที่สามที่เปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาที่เป็นผู้ลงทุนรายใหม่และผู้ถือหุ้นกู้เดิมที่ต้องการลงทุนเพิ่มมีโอกาสได้รับการจัดสรรหุ้นกู้ ปตท. ชุดใหม่อย่างเท่าเทียมกันอีกจำนวน 4,000 ล้านบาท รวมเป็นวงเงินทั้งสิ้น 20,000 ล้านบาท แสดงถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนมีต่อ ปตท.

โดย ปตท. ได้ทำการจัดสรรแบบสุ่มคัดเลือก (Random) โดยเปิดให้ผู้ลงทุนจองซื้อก่อนและชำระเงินเมื่อได้รับการจัดสรรแล้ว นับเป็นครั้งแรกในไทยที่ใช้วิธีจัดสรรดังกล่าว โดยนำระบบคอมพิวเตอร์ของ SETTRADE ซึ่งเป็นวิธีการที่โปร่งใสและใช้ในการจัดสรรหุ้นสามัญมาใช้ ส่งผลให้ผู้ลงทุนรายใหม่และผู้ถือหุ้นกู้เดิมที่ต้องการลงทุนเพิ่มได้รับการจัดสรรอย่างเท่าเทียมกัน

--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 52

โพสต์

'พิชัย'อำลาพลังงานชู'อารักษ์'ฉลาดทำงานเก่งยืนยันราคาเอ็นจีวีต้องปรับขืนแบกปตท.เจ๊งก่อน
Source - พิมพ์ไทย (Th), Tuesday, January 24, 2012


นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพิธีอำลาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน โดยกล่าวว่า ในเรื่องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งมีผู้ใหญ่ในพรรคเป็นผู้แจ้งว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งทางตนบอกว่ายินดี ไม่รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด เพราะเรื่องนี้เป็นการเมือง เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงก็เป็นเรื่องปกติทางด้านการเมืองเพราะตอนที่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี ตั้งแต่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังและเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก็เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน และเมื่อมีโอกาสก็จะขอทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ประเทศชาติ ทั้งนี้ หากในอนาคตมีโอกาสก็พร้อมเข้ามาทำงานอีก โดยจากนี้ตนจะทำงานด้านวิชาการในพรรคเพื่อไทยต่อไป ส่วนนายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ก็รู้จัก แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันนายอารักษ์ เป็นคนฉลาดทำงานเก่ง คงจะเข้ามาสานงานได้ดี คงไม่จำเป็นต้องฝากอะไรไว้ นายพิชัย กล่าวว่า สิ่งที่อยากจะเห็นงานของกระทรวงพลังงานเดินหน้าต่อ คือ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานปัจจุบันการใช้พลังงานของประเทศสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 20 ของจีดีพี ปี 2554 ไทยนำเข้าพลังงานสูงถึง 1.2 ล้านล้านบาท

ส่วนการปรับโครงสร้างพลังงานเมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ทั้งการปรับราคาเอ็นจีวี และแอลพีจี นั้น เป็นเรื่องจำเป็นในส่วนของเอ็นจีวี หากไม่ขึ้นราคาเลยมีการอุดหนุนต่อไปเรื่อย ๆ ปตท. คงจะเจ๊ง เพราะต้องแบกรับภาระมหาศาล ประเทศก็คงจะเจ๊งด้วย โดยเอ็นจีวี เป็นเชื้อเพลิงควรส่งเสริมต่อ เพราะต้นทุนต่ำเมื่อเทียบกับน้ำมัน หวังว่ารถบรรทุกปัจจุบันใช้500,000-600,000 คัน ก็จะเพิ่มเป็น 700,000-800,000 คัน แต่ราคาต้องสะท้อนต้นทุนแท้จริงรวมทั้งแอลพีจี ไม่เช่นนั้นหลังเปิดเขตการค้าเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 คงจะแข่งขันลำบาก.

--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 53

โพสต์

"ปตท.สผ." ทุ่มลงทุน กวาดแหล่งพลังงาน ขึ้นแท่นผู้นำเอเชีย
Source - ประชาชาติธุรกิจ (Th), Thursday, January 26, 2012

การจัดทำแผนแม่บททางด้านการหาพลังงานสำรองทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเตรียมไว้ในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้านั้น "อนนท์ สิริแสงทักษิณ" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) องค์กรที่บุกทะลวงหาแหล่งและเดินหน้าขุดเจาะทรัพยากรเชื้อเพลิงขึ้นมาใช้ทั้งในประเทศและตลาดโลก ให้สัมภาษณ์ "ประชาชาติธุรกิจ" ด้วยเนื้อหาน่าสนใจถึงก้าวไปเป็นพี่เบิ้มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เมื่อไทยสามารถเข้ารับสัมปทานแหล่งพลังงานใหญ่กระจายอยู่ทั่วโลก

- ธุรกิจขุดเจาะและผลิตปี"54 ฉลุย

ขอเริ่มจากปี 2554 ปตท.สผ.มียอดจำหน่ายน้ำมัน 2.56 แสนบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าแผนเพียง 2-3% เพราะผลจากอุทกภัยช่วงปลายปี ถนนถูกน้ำตัดขาดทำให้ลำเลียงน้ำมันเข้าโรงกลั่น บางจาก ปิโตรเลียม ไม่ได้ ก็หันไปใช้โรงกลั่นของไทยออยล์แทน จึงไม่กระทบกับรายได้มาก ยอดจำหน่ายลดลงเล็กน้อย

ปี 2554 ยังคงทำกำไรได้ค่อนข้างดี ได้ปัจจัยหนุนหลายเรื่องจากโครงการที่สามารถผลิตน้ำมันบนบก แหล่งก๊าซในทะเลอ่าวไทย ก๊าซในแหล่งพม่า, Oil Sands KKD แคนาดาโครงการลงทุนขนาดใหญ่สุดของบริษัทกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท เข้าไปซื้อหุ้น 40% ร่วมกับ หุ้นส่วนพันธมิตรกลุ่ม Statoil

ทุกโครงการเดินหน้าเต็มที่ โดยเฉพาะออยล์แซนด์สทำได้ดีเกินคาด ภายในเวลาไม่ถึงปีผลิตได้ถึง 1.8 หมื่นบาร์เรล/วัน นับเป็นโครงการที่มีสถานภาพสูงสุด 1 ใน 3 ของแคนาดาที่ผลิตน้ำมันจากออยล์แซนด์สที่ตั้งไว้มากสุดคือ 2 หมื่นบาร์เรล/วัน ส่งผลให้ยอดขายดีขึ้นมาก และอนาคตปี 2559 จะทำเฟสถัดไป จะต้องเพิ่มงบฯสำรวจเพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็น 8 หมื่นบาร์เรล/วัน

ขณะที่โครงการสิริกิติ์ก็ทำได้ดี ต้นปีที่ผ่านมาทำได้ถึง 2.7-2.8 หมื่นบาร์เรล/วัน จากเดิมเคยได้เพียง 2 หมื่นบาร์เรล/วัน เพราะนอกจากจะสำรวจบ่อน้ำมันบริเวณใกล้เคียงในชั้นที่เคยผลิตน้ำมันได้มาหลายปี ก็ลงทุนหาเทคโนโลยีบีบน้ำมันทุกหยดจากทุกบ่อได้เพิ่มขึ้น และปีนี้มีแผนจะขยายท่อโรงงานผลิตให้ถึง 3 หมื่นบาร์เรล/วัน ให้สอดคล้องกับกำลังสำรองน้ำมันที่มีจึงต้องขยายกำลังการขายเพิ่มตาม

ส่วนโครงการอาทิตย์กลางอ่าวไทย หารือกับ ปตท. ตอนเริ่มพัฒนาตกลงกันเรื่องการผลิตอยู่ในสัญญาชั่วคราว ตอนแรกกำหนดจ่าย 300 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน ตอนนี้คุยกันแล้วจะปรับแผนเป็นการผลิตระยะยาว จึงต้องหาค่าการจ่ายที่เหมาะสมเฉลี่ย 220 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน พร้อมปรับราคาจำหน่ายให้เหมาะสม เพื่อเก็บเล็กผสมน้อยนำแหล่งสำรองในพื้นที่ขนาดเล็กที่มีอยู่มาผลิตน้ำมันให้ได้มากที่สุด เป็นวิธีเก็บเกี่ยวผลิตภัณฑ์ขึ้นมาทั้งหมดและระยะยาว

โครงการในพม่า 2 แหล่ง คือ เยตากุน กับยานาดา ก็เดินหน้าได้ตาม เช่นเดียวกับเจดีเอในมาเลเซียทำได้ดีกว่าแผน

- แนวโน้มกลางปี"55 โตวันโตคืน

แนวโน้มปี 2555 ช่วงไตรมาส 2 และ 3 พร้อมเดินหน้าโครงการแหล่งขุดเจาะมอนทารา ในออสเตรเลีย ซึ่งได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลให้เดินหน้าต่อหลังจากเกิดปัญหาไฟไหม้ซึ่งก็ได้ชดเชยเงินประกันภัย ได้สิทธิ์นำความเสียหายมาหักภาษีนิติบุคคลได้ครึ่งหนึ่ง เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายการลงทุนซึ่งไม่ใช่ประเด็นหลัก และประเมินราคาน้ำมันตลาดโลกขณะนี้แล้ว การกลับมาเร่งทำโครงการนี้ให้เสร็จโดยเร็วจะได้ประโยชน์อย่างมาก

ส่วนการสำรวจเพื่อขุดก๊าซแหล่งใหม่ยิ่งสดใสมากขึ้น เมื่อเร็ว ๆ นี้รัฐบาลพม่าประกาศให้สัมปทาน ปตท.สผ.เพิ่มอีก 2 แปลง ครอบคลุมพื้นที่ 1.3 หมื่นตารางกิโลเมตร เรียกว่า PSC-G, EP-2 หลังจากที่เราได้แหล่ง M9 จะนำก๊าซขึ้นมาได้ปี 2556 และ M3 เพิ่งเข้าไป สำรวจและพบก๊าซไหลดีเหมือนกัน ปีนี้จะเข้าไปเจาะเพื่อดูปริมาณและวางแผนพัฒนา แหล่งนี้อยู่ใกล้ชายฝั่งเมืองย่างกุ้งเหมาะจะนำขึ้นมาใช้ประโยชน์ในพม่า และหลังเสร็จสิ้นประเมินปริมาณแล้ว ก็จะทำแผนพัฒนาตลอดเส้นทางทั้งผลิต วางท่อส่งก๊าซ เข้าไปดูโครงการใช้ประโยชน์มากกว่าทำเป็นเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว โดยกำลังดูจะทำโรงแยกก๊าซทำแอลพีจีหุงต้มบางส่วน หรือไปทำโรงไฟฟ้า ซึ่งโครงการนี้เป็นวิธีเดียวจะเปิดฟาสต์แทร็กต์ให้พม่านำก๊าซขึ้นมาใช้เร็วขึ้น ซึ่งรัฐบาลพม่ามีสิทธิเข้าร่วมทุน

แหล่งมอนทาราในออสเตรเลียมีบ่อ ที่ขุดเจาะหมดแล้วต้องปิด แต่ยังมีของใหม่คือบ่อแคชกับเมเปิลตั้งใจจะผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) บนเรือลอยน้ำ หรือ Floating LNG จะต้องเตรียมขั้นตอนอีกมากทั้งขนาดเรือรับน้ำหนักบรรทุก การเลือกใช้เทคโนโลยี ปริมาณการผลิตขนาดเล็กที่เวิร์กได้ 2 ล้านตัน ถังเก็บก๊าซ ท่าขนส่งก๊าซ จะตัดสินใจ อีกครั้งปี 2556 จากนั้นจึงพัฒนาโดยใช้เวลาอย่างน้อย 4-5 ปี

แหล่งขุดเจาะในทะเลก็จะเพิ่มปริมาณการผลิตเหมือนกัน ทั้งโครงการอาทิตย์ บงกช ไพรินทร์ เบญจมาศ หรือยู 1 ยู 3 ปลาทอง

- ใช้งบฯสำรวจ 700 ล.ดอลล์เป็นพี่เบิ้ม AEC

ปตท.สผ.ใช้งบฯสำรวจแหล่งเจาะและผลิตน้ำมันและก๊าซตลอดแผน 5 ปี ราว 700 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 13% ของงบฯลงทุนทั้งหมดเกือบ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นกว่า 6 แสนล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตเฉลี่ยปีละ 4%

ตามขั้นตอนเมื่อโครงการในอ่าวไทยจบ ก็จะมีแหล่งผลิตจาก M9 พม่า, ซอติก้า พม่า ตอนนี้กำลังก่อสร้างเร่งให้แล้วเสร็จปี 2556 ทำให้มีก๊าซเพิ่มอีก 300 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน จ่ายฝั่งไทยผ่านท่อเก่าทางอิต่อง กาญจนบุรี เข้า โรงไฟฟ้าราชบุรี 240 ล้านลูกบาศก์ฟุต และเข้าพม่า 60 ล้านลูกบาศก์ฟุต ปี 2557 ครึ่งปีหลังก็ผลิตจากแอลจีเรีย ซึ่งร่วมทุนกับรัฐบาลเวียดนาม เป็นบ่อน้ำมันใหม่ เบื้องต้นได้ 2 หมื่นบาร์เรล/วัน

สำหรับปี 2554 โครงการเวียดนาม 16-1 จะเข้ามาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ 3 หมื่นบาร์เรล/วันขึ้นไป การเติบโตจะก้าวกระโดดจากแหล่งผลิตบงกชใต้เข้ามามีนาคมนี้ แหล่งมอนทาราเข้ามาไตรมาส 3 และซอติก้าเข้ามาเต็มปลายปี 2557 จากนั้นออยล์แซนด์สเคเคดีจะเร่งการเติบโตได้ปี 2559

นอกจากนี้ยังมีโครงการประเทศเพื่อนบ้านในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย พม่า และการเคลียร์ข้อตกลงพื้นที่ทับซ้อนใต้ทะเลอ่าวไทยกับกัมพูชา ซึ่งพร้อมจะนำทรัพยากรก๊าซธรรมชาติขึ้นมาใหม่ เป็นแหล่งที่มีหวังมากที่สุด เนื่องจากอยู่ใกล้ชิดกับแหล่งที่ ปตท.สผ. พัฒนาอยู่แล้วตอนนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งประเทศในแถบอาเซียน รวมถึงญี่ปุ่นที่หลังประกาศยกเลิกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตอนนี้พร้อมสั่งนำเข้าพลังงานแบบไม่อั้น

การปูพรมพัฒนาหาแหล่งขุดเจาะและผลิตปิโตรเลียมของ ปตท.สผ.อย่างเป็นมิตรสามารถตกลงกับประเทศ เพื่อนบ้านนำแหล่งทรัพยากรพลังงานอันสมบูรณ์ที่สุดขึ้นมาใหม่ร่วมกันได้ก่อนชาติอื่น จะเป็นแรงส่งให้ไทยเป็นพี่ใหญ่ในวงการพลังงานอาเซียนทันทีที่เปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ปี 2558

--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 54

โพสต์

ปตท.เร่งแผนซื้อหุ้นท่อส่งน้ำมันเหนือ-อีสาน
Source - โพสต์ ทูเดย์ (Th), Monday, January 30, 2012


โพสต์ทูเดย์ -ปตท.จ้างที่ปรึกษาการเงินเร่งทำแผนซื้อหุ้นแทปไลน์หวังถือเกิน 50% รองรับโครงการท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ-อีสาน

นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. เปิดเผยว่าปตท.จ้างบริษัทที่ปรึกษาการเงินเข้ามาจัดทำแผนเสนอซื้อหุ้นบริษัท ท่อขนส่งปิโตรเลียมไทย (แทปไลน์) จากผู้ถือหุ้นต่างชาติ หวังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นให้มากกว่า 50% จากปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 33.19% เพื่อทำให้มีอำนาจการบริหารงานมากขึ้นในแทปไลน์โดยเฉพาะสามารถเดินหน้าโครงการลงทุนท่อขนส่งน้ำมันจาก จ.สระบุรีไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาทได้คล่องตัว

การทำแผนเสนอซื้อหุ้นแทปไลน์จะต้องตีมูลค่าหุ้นออกมาให้ชัดเจนและน่าสนใจ เพราะขณะนี้เริ่มไม่แน่ใจว่าผู้ถือหุ้นต่างชาติจะสนใจขายหุ้นให้ ปตท.หรือไม่ หลังธุรกิจท่อขนส่งน้ำมันเริ่มมีกำไรให้เห็น โดยปัจจุบันสัดส่วนผู้ถือหุ้นต่างชาติรวมกันมีมากถึง 57% ซึ่งยังไม่ได้ประเมินว่ามูลค่าการซื้อหุ้นจะมีจำนวนเท่าไหร่ ต้องรอให้บริษัทที่ปรึกษาสรุปตัวเลขทั้งหมดออกมาก่อน

โครงการท่อขนส่งน้ำมันถือเป็นยุทธศาสตร์ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เพราะที่ผ่านมาการขนส่งน้ำมันจะใช้รถยนต์และรถไฟเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบางครั้งก็เกิดอุปสรรคในการเดินทาง โดยเฉพาะกรณีปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ทำให้การขนส่งน้ำมันขาดประสิทธิภาพไม่สามารถจัดส่งน้ำมันไปยังภาคต่างๆ ได้สะดวก

นายสมนึก บำรุงสาลี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่าโครงการท่อขนส่งน้ำมันได้ศึกษารูปแบบการลงทุนไว้ 2 แนวทาง คือ 1.เส้น จ.สระบุรี ไปภาคเหนือผ่านจ.พิษณุโลก และลำปาง และแยกไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่านจ.นครราชสีมา และขอนแก่น รวมระยะทาง 958 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนประมาณ 1.52 หมื่นล้านบาท

2.เส้น จ.สระบุรี ไป อ.ชัยบาดาลจ.ลพบุรี แยกไปภาคเหนือผ่านจ.พิษณุโลก และลำปาง หลังจากนั้นจะแยกไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือผ่าน จ.ชัยภูมิ ถึงขอนแก่น รวมระยะทาง 887 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุน 13,751 ล้านบาท ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดเป็นการศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น m--จบ--



ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 55

โพสต์

ปตท.เล็งแตกเอ็นจีวแก้หมกเม็ดศึกษาโครงการแยกก๊าซ-ไฟพม่า
Source - สยามรัฐ (Th), Tuesday, January 31, 2012


ปตท.พร้อมแยกธุรกิจเอ็นจีวีแก้ครหาราคา ยังเดินหน้าศึกษาโครงการแยกก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าในพม่า

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ปตท.(PTT) เปิดเผยว่า บริษัทมีแนวคิดที่จะแยกธุรกิจ NGV โดยตั้งเป็นบริษัทย่อย เพื่อความชัดเจนทางบัญชี และไม่ถูกกล่าวหาว่ามีการหมกเม็ด แม้ว่าประเมินราคา NGV จะมีสถาบันกลางในการประเมิน คือ สถาบันปิโตรเลียม และยังมีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ตรวจสอบงบกำไรขาดทุนของบริษัท และที่ผ่านมา ปตท.ต้องแบกรับภาระจากราคาเอ็นจีวี อีกทั้งทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีแนวคิดที่จะจัดตั้ง Social Enterprise คือ การนำบริษัทที่ไม่ได้สร้างกำไรเข้าจดทะเบียนด้วย

สำหรับความคืบหน้าโครงการโรงแยกก๊าซธรรมชาติและโรงไฟฟ้าในพม่านั้นนายไพรินทร์ กล่าวว่า ปตท.ยังคงเดินหน้าในการศึกษา แต่ต้องรอการประเมินปริมาณปิโตรเลียมในแหล่ง M3 ที่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) กำลังดำเนินการอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในครึ่งหลังปี 55 และหลังจากนั้นก็จะดำเนินการต่อไปได้ ส่วนการที่รัฐบาลพม่าต้องการปริมาณก๊าซธรรมชาติใช้ในประเทศเพิ่มมากขึ้นนั้นในส่วนของ ปตท.ไม่มีปัญหาเพราะเป็นข้อตกลงร่วมกันอยู่แล้ว เชื่อว่าปริมาณก๊าซจะมีเพียงพอที่จะกลับมาใช้ประเทศไทย

ส่วนการประชุม World Economic Forum(WEF) ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ประเทศไทยได้รับความสนใจจากประชาคมโลก และเชื่อว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกจะอยู่ที่เอเชียตะวันออกรวมถึงอาเซียน

--จบ--
แนบไฟล์
3(323).jpg

"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 56

โพสต์

PTTGCเด้งรับทุ่มงบ5พันล้าน
Source - ข่าวหุ้น (Th), Tuesday, January 31, 2012

ฟื้นฟูโรงงานPERSTORPฝรั่งเศส

PTTGC ทะยานหลังเตรียมทุ่มงบ 5 พันล้านบาท ปรับปรุงโรงงาน “PERSTORP” ในฝรั่งเศส ดันรายได้ปีนี้โตกว่าปี 2554 ตามกำลังการผลิตเพิ่ม สเปรดยังดี ราคาน้ำมันสูง และปิดซ่อมบำรุงลดลง ฟาก 2 กูรูแนะซื้อราคาเป้าหมาย 75 บาท/หุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC วานนี้ (30 ม.ค.) ว่า ราคาหุ้นปรับขึ้นทันที 66 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือเพิ่มขึ้น 2.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงสุดอันดับหนึ่งที่ 2,357.21 ล้านบาท หลังจากที่ผ่านมามีข่าวระบุว่าในปี 2555 บริษัทปรับปรุงโรงงานจากประเทศฝรั่งเศส ชื่อ PERSTORP เพื่อผลิต TDI ซึ่งใช้ทำโพลียูเรเทน โดยมีมูลค่าการลงทุนในการซื้อโรงงานดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 5 พันล้านบาท

ด้าน บล.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ราคาหุ้น PTTGC ปิดตรงแนวต้าน 66.50 บาทต่อหุ้นพอดี อาจจะติดตรงนี้สักระยะ แต่ถ้าไม่ย่อลงมาไม่ต่ำกว่า 65.50 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้น PTTGC น่าจะปรับขึ้นต่อ แต่ก็คงไม่ไกลไปกว่า 67.00-67.50 บาทต่อหุ้น

ส่วนบล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า คาดผลประกอบการไตรมาสที่ 4/54 ของ PTTGC ออกมาไม่สดใส เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายจากการควบรวมราว 1,000 ล้านบาท ทำให้กำไรปรับตัวลดลงเหลือ 5,259 ล้านบาท ถึงแม้ว่าในปี 2555 มองว่าสเปรดของสายโอเลฟินส์ในช่วงครึ่งปีแรกปี 2555 จะยังคงไม่สดใสนัก แต่ PTTGC ยังคงได้เปรียบ เนื่องจากบริษัทใช้ Feedstock ที่มาจากก๊าซธรรมชาติมากถึง 90% ทำให้มีข้อได้เปรียบจากต้นทุนที่ต่ำกว่า

อีกทั้งยังได้ผลบวกจากสเปรดอะโรเมติกส์ที่เริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1/55 และยังมองว่าสเปรดพาราไซลีนจะยืนตัวอยู่สูงทั้งครึ่งปีแรก เนื่องจากมีดีมานด์จาก PTA เข้ามามาก และ PTTGC ยังเป็นบริษัทที่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุดหากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากความรุนแรงในตะวันออกกลาง

นอกจากนี้ ยังประเมินราคาเหมาะสมปี 2555 ของ PTTGC เท่ากับ 75 บาทต่อหุ้น (ดีน้อยกว่าเดิมที่ประเมิน 80 บาท) โดยราคาเหมาะสมคิดจากบริษัท ปตท. เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH และ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTTAR ควบรวมกันคิดตามค่า PER 10 เท่าในปี 2555 คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2554 เท่ากับ 31.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น EPS เท่ากับ 6.94 บาทต่อหุ้น (PTTGC) ส่งผลให้ค่า PER ปัจจุบัน อยู่ที่ราว 8.8 เท่า ถือต่ำกว่า SCC ที่ค่า PER 9.7 เท่า

โดยราคาหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีในภูมิภาคซื้อขายกันที่ PER ราว 12.02 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ SET ที่ 12.18 เท่า อีกทั้งค่า P/BV ยังคงต่ำเพียง 1.31 เท่า เทียบกับบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ที่ 2.92 เท่า ค่าเฉลี่ยของภูมิภาคที่ 1.85 เท่า และของ SET ที่ 1.88 เท่า จึงแนะนำซื้อหุ้นดังกล่าว

ก่อนหน้านี้ นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTTGC เปิดเผยว่า คาดว่ารายได้ในปี 2555 จะสูงกว่าในปี 2554 เนื่องจากปีนี้บริษัทมีการปิดซ่อมบำรุงใหญ่น้อยกว่าปีก่อน อีกทั้งมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ประกอบกับส่วนต่างราคา (สเปรด) ผลิตภัณฑ์กับแนฟทายังอยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าจะอ่อนตัวลงบ้างในช่วงนี้ โดยประเมินว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปีนี้อยู่ที่ 105 เหรียญต่อบาร์เรล สูงกว่าปี 2554 ที่ราคาน้ำมันเฉลี่ย 90 เหรียญต่อบาร์เรล

สำหรับรายได้ในปี 2554 ประมาณ 4 แสนล้านบาท จากปีก่อนซึ่งมีรายได้รวมอยู่ที่ 3.7 แสนล้านบาท แม้ว่าจะมีวิกฤตน้ำท่วม แต่ก็เชื่อว่าเป็นผลกระทบเพียงระยะสั้นเท่านั้น ในขณะที่การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกไม่ได้กระทบกับการส่งออกของบริษัทมากนัก เนื่องจากตลาดส่งออกของบริษัทอยู่ในภูมิภาคอาเซียนเป็นหลัก ซึ่งโดยปกติความต้องการโอเลฟินส์ของตลาดโลกจะอยู่ที่ประมาณ 3-4% และคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้ากำลังการผลิตของโพลีเอสเตอร์น่าจะอยู่ที่ 6%

--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 57

โพสต์

พม่าก๊าซล้นปตท.ไล่ขุดเพิ่ม
Source - ASTV ผู้จัดการรายวัน (Th), Tuesday, January 31, 2012

ASTVผู้จัดการรายวัน - ปตท.สผ.เตรียมเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียมในแหล่ง M3 ในพม่า เพิ่มเติม เพื่อดูปริมาณสำรองและคุณภาพก๊าซฯก่อนศึกษาต่อยอดการใช้ประโยชน์ก๊าซฯในด้านใดบ้างในปีนี้ หลังรัฐบาลเสนอนำก๊าซฯเกือบทั้งหมดในแหล่งนี้มาผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในประเทศ "ไพรินทร์" ไม่ห่วงพม่าทบทวนสัญญาการขายก๊าซฯที่ทำไว้ ชี้พม่ามีศักยภาพที่จะค้นพบก๊าซฯ และน้ำมันอีกมากเชื่อว่าเหลือเพียงพอส่งออก

นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯจะเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียมเพิ่มเติมในแหล่งM3 อีก 2 หลุม เพื่อประเมินปริมาณสำรองและคุณภาพก๊าซฯในแหล่งดังกล่าวว่าจะพัฒนาต่อยอดไปในทิศทางใดคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากแหล่งM3 อยู่ไม่ไกลจากเมืองย่างกุ้ง อดีตเมืองหลวงของสหภาพพม่า ดังนั้นรัฐบาลพม่าจึงต้องการให้นำก๊าซฯจากแหล่งดังกล่าวมาใช้ภายในประเทศเกือบทั้งหมดเนื่องจากเมืองย่างกุ้งยังขาดแคลนกระแสไฟฟ้าอีกมาก

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯเชื่อว่าแหล่ง M3 น่าจะมีก๊าซธรรมชาติที่มีคุณภาพดี โดยรัฐบาลพม่ามีแนวคิดที่จะนำก๊าซฯดังกล่าวมาผลิตกระแสไฟฟ้า โดย ปตท.สผ.จะทำการศึกษาว่าจะใช้ประโยชน์จากก๊าซฯได้อย่างไร หากพบว่าก๊าซฯ ดังกล่าวมีส่วนผสมก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) ก็อาจจะดำเนินการตั้งโรงแยกก๊าซฯเพื่อแยก LPG และก๊าซฯที่เหลือป้อนโรงไฟฟ้าต่อไป โดยจะนำผลการศึกษาดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลพม่าภายหลังการเจาะหลุมสำรวจปิโตรเลียมแล้วเสร็จ

สำหรับแหล่งปิโตรเลียมบนบกที่บริษัทฯ ได้รับสัมปทานจากพม่าอีก 2 แปลง มีพื้นที่ขนาดใหญ่ 1.3 หมื่นตร.กม.นั้นคงต้องใช้เวลาในการสำรวจ แต่เชื่อว่าแหล่งปิโตรเลียมดังกล่าวมีศักยภาพดีในการพบปริมาณก๊าซฯและน้ำมัน

นายอนนต์ กล่าวความคืบหน้าโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติเหลวลอยน้ำ (FLNG) ในออสเตรเลียว่า ขณะนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างการศึกษาเบื้องต้นทั้งด้านเทคนิค ขนาดเรือ FLNG และขนาดโครงการ รวมไปถึงเงินลงทุนที่ใช้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 2556 ทั้งนี้ บริษัทฯต้องมีการเจาะหลุมสำรวจเพิ่มเติมเพื่อประเมินปริมาณสำรองก๊าซฯที่แหล่งแคชแอนด์เมเปิลอีก 1 หลุมในกลางปีนี้ก่อนตัดสินใจ ซึ่งเดิมบริษัทฯมีแผนพัฒนาผลิต LNG ขนาด 2 ล้านตันต่อปีแต่เนื่องจากเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถผลิตได้สูงกว่านี้แล้ว

ส่วนการเข้าไปซื้อกิจการแหล่ง LNG เพิ่มเติมในออสเตรเลียนั้น ต้องศึกษาอย่างรอบคอบภายใต้ภาวะเศรษฐกิจและราคาพลังงานที่ผันผวนเช่นนี้ โดยขณะนี้ก็ยังมีการเจรจาพูดคุยอยู่แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป โดยปีนี้บริษัทฯจะเน้นโครงการปิโตรเลียมที่มีอยู่ในมือพัฒนาให้ผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ อาทิ แหล่งบงกชใต้ แหล่งมอนทาราที่ออสเตรเลีย คาดว่าผลิตน้ำมันดิบได้ 3.5 หมื่นบาร์เรลต่อวันในไตรมาส3/2555 และโครงการออยล์แซนด์ที่แคนาดา คาดว่าจะผลิตเพิ่มขึ้นจาก 1.7 หมื่นบาร์เรลต่อวันเป็น 2 หมื่นบาร์เรลต่อวันในปีนี้ เป็นต้น เพื่อให้บริษัทฯเติบโตเฉลี่ยปีละ 10%

นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) กล่าวว่าแนวโน้มสหภาพพม่ามีความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศเพิ่มขึ้น จะทำให้รัฐบาลพม่าทบทวนการขายก๊าซฯ ออกนอกประเทศนั้น ตนเชื่อว่าไม่มีปัญหาส่งผลกระทบต่อสัญญาซื้อขายก๊าซฯเดิมที่ปตท.ทำไว้ก่อนหน้านี้เนื่องจากประเทศพม่ามีศักยภาพอีกมากที่จะพบแหล่งปิโตรเลียมใหม่เพิ่มเติม ทำให้มีปริมาณปิโตรเลียมเหลือพอใช้ภายในประเทศและเหลือส่งออกได้ นอกจากนี้ หากปตท.สผ.เจาะสำรวจพบปริมาณสำรองก๊าซฯ ในแหล่งM3 มีคุณภาพก๊าซฯ ที่จะแยก LPG ออกมาได้ ปตท.ก็สนใจลงทุนโรงแยกก๊าซฯและต่อยอดไปธุรกิจไฟฟ้าด้วย

นายไพรินทร์ กล่าวต่อไปว่า บริษัทมีแนวคิดที่จะแยกธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์( NGV) ออกมาเป็นบริษัทเพื่อสังคม(Social Enterprise) เพื่อความชัดเจนทั้งทรัพย์สินและรายได้-รายจ่ายในทางบัญชี ทำให้ข้อกล่าวหาว่า ปตท.หมกเม็ดหมดในการระบุต้นทุนราคา NGV ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้มีการว่าจ้างสถาบันปิโตรเลียมเพื่อการประเมินราคา NGV แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับ

อย่างไรก็ตาม หากแยก NGV ออกมาเป็น Social Enterprise แล้วนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ต้องการลงทุนธุรกิจเพื่อสังคม โดยไม่หวังผลกำไรเข้ามาถือหุ้นก็เป็นแนวทางที่ต่างประเทศทำอยู่ซึ่งหวังว่าตลาดหลักทรัพย์น่าจะมีกลุ่มธุรกิจแบบนี้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย

สำหรับการประชุมประจำปี World Economic Forum(WEF) ครั้งที่ 42 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 26-29 ม.ค.ที่ผ่านมา นายไพรินทร์กล่าวว่า ไทยได้รับความสนใจจากประชาคมโลก ซึ่งการเติบโตเศรษฐกิจของโลกจะอยู่ที่เอเชียตะวันออก รวมถึงอาเซียนที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดดเด่นในปีนี้ เนื่องจากยุโรปยังมีความน่ากังวลเรื่องหนี้สาธารณะ ซึ่งในเดือน มี.ค.นี้ กรีซจะครบกำหนดชำระหนี้ก้อนใหญ่ หากไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อหลายประเทศในยุโรป โดยเฉพาะฝรั่งเศสและมีผลทำให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลงขณะที่ปัญหาตะวันออกกลางโดยเฉพาะอิหร่านจะเป็นตัวกดดันให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นได้

ดังนั้น ปตท.ต้องมีมาตรการรับมือความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น ซึ่งล่าสุดบริษัทฯได้รับใบรับรองระบบการบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม(มอก.) เลขที่ 22301-2553 จากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ(สรอ.) รายแรกของประเทศไทย บ่งชี้ให้เห็นว่า ปตท.มีขีดความสามารถที่จะผ่านพ้นช่วงภาวะวิกฤตต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

--จบ--
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 58

โพสต์

PTTEP sets sights on fuel in Lebanon
Source - The Nation Eng), Wednesday, February 01, 2012

PTT Exploration and Production yesterday confirmed reports that it plans to explore for energy resources in Lebanon.

PTTEP president and chief executive officer Anon Sirisaengtaksin said countries on the Mediterranean constituted one of the firm’s strategic locations for pursuing exploration and production (E&P) business.

The company is conducting a geological study of Lebanon’s resources, Anon said. It might ask the Lebanese government for permission to send a team to explore the country after the study is complete.

Anon’s comments follow recent remarks by fugitive former prime minister Thaksin Shinawatra that he had spoken with Lebanese officials to pave the way for PTT to conduct exploration in that country and cooperate with the government there to promote growth in the energy sector.

Anon said the company had conducted studies aimed at promoting E&P businesses in many countries deemed to have high energy potential, including Lebanon and other countries in the eastern Mediterranean, as well as in East Africa.

He said it was normal for the Thai government to support the company’s exploration efforts and offshore business activities. PTTEP is willing to cooperate with the government - or any person involved with the government - who helps the company in order to promote Thailand’s energy industry, the CEO said.

Meanwhile PTTEP, in cooperation with the Meechai Virivaidya Foundation and Business for Rural Education and Development (BREAD), yesterday introduced a new brand of packaged rice, School Rice, designed to promote farmers’ incomes and benefit society.

Anon said the School Rice brand was part of PTTEP’s corporate social responsibility activities to benefit rural people. The company has provided Bt16 million to fund research on the development of environmentally friendly rice-planting methods.

Meechai, a founder of BREAD, said that by purchasing this rice, consumers could help society, as the company will donate profits to schools and rural people.

School Rice will be sold at 102 branches of Tops Supermarket, or consumers can directly order at www.bread.co.th.

PTTEP’s sales revenue grew 25 per cent in 2011 thanks to a higher petroleum price and increased sales volume.

An independent study by IHS CERA showed that the average price of benchmark Brent crude was US$111 for the year, well above the previous high of $97 in 2008. This is the highest average annual oil price since 1860.

As revenue rose from $4.5 billion in 2010 to $5.69 billion, its net profit rose from $1.38 billion to $1.47 billion. In baht terms, net profit hit Bt44.7 billion, up from Bt43.77 billion a year earlier.

The company has proposed a dividend payment of Bt2.79 for the second-half performance, on top of the Bt2.61 interim dividend paid earlier.

During 2011, PTTEP booked losses from fires at its Montara site in the Timor Sea off Western Australia. Its foreign-exchange loss was down for the year.
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 59

โพสต์

PTT Exploration Closing In On Aussie LNG
January 19, 2012, 4:04 PM, By David Winning and Oranan Paweewun

PTT Exploration & Production’s reputation in Australia may have been damaged by the 2009 Montara oil spill, but that isn’t proving an obstacle to the Thai company in its pursuit of a foothold in the gas-export industry down under.

PTTEP Chief Executive Anon Sirisaengtaksin says the company hopes to conclude a deal to acquire a stake in an Australian liquefied natural gas, or LNG, project by the end of June.

Southeast Asia is emerging as an alternative market to China and India for natural gas exporters seeking exposure to rapidly growing Asian gas demand.

Thailand’s sole LNG terminal at Map Ta Phut began commercial operations in September last year and Singapore’s terminal is due to come online in 2013. According to the International Energy Agency, a further eight terminals could be built in the region covering 23 billion cubic meters of new import capacity.

The Map Ta Phut terminal has a regasification capacity of 5 million tons annually of LNG, but officials aim to double its capacity by 2016 assuming the expansion plan wins the backing of the Thai government. Anon didn’t say which Australian LNG project was negotiating with PTTEP, but a tightening of the market for project finance could make the Thai company’s involvement attractive.

Large-scale LNG projects in Australia typically cost upwards of US$14 billion to build. At the top end, the Chevron-led consortium developing the Gorgon gas project estimate it will cost 43 billion Australian dollars (US$44.7 billion). Earlier this month, Japan’s Inpex said its Ichthys LNG project would cost US$34 billion.

The talks over an Australian LNG equity stake come as PTTEP rebuilds its name in Australia after the Montara oil field leaked 20,000 barrels of crude over two months in 2009, ranking it among the worst in Australia’s history. The leak triggered a review of PTTEP’s licenses in Australia, before the company was informed by the federal government in February that it will be allowed to continue drilling for oil and natural gas.

Speaking to Deal Journal Australia colleagues in Bangkok, Mr. Anon said PTTEP will postpone the restart of operations at Montara until the third quarter from its previous plan of the first quarter so it can meet stringent safety standards.
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: รวมข่าว "การลงทุนในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี"

โพสต์ที่ 60

โพสต์

PTT LNG Company Limited (PTTLNG) was established in August 2004 as a wholly owned by PTT Public Company Limited, Thailand's national oil and gas company, in order to build and operate Thailand's first LNG Receiving Terminal, Map Ta Phut LNG Terminal, in addition to serve the rising demand of natural gas and secure the contry of long term energy supply.


PTTLNG is looking forward to be the excellent service provider of
World Class LNG Terminal with its key missions to encourage
clean energy and secure national energy supply with corporate good
governance and social responsibility.


Source : http://www.pttlng.com/en/default.aspx



"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."