เกาะติดฟองสบู่จีน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 31

โพสต์

รองนายกฯจีนประเมินเศรษฐกิจในประเทศปี 53 ขยายตัว 10%

นายหลี่ เก้อเฉียง รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวกับกลุ่มผู้นำธุรกิจในระหว่างเดินทางเยือนกรุงมาดริดของสเปนว่า เศรษฐกิจของจีนคาดว่า จะขยายตัวราว 10% ในปี 2553 พร้อมกับประมาณการว่า ยอดค้าปลีกปี 2553 ของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.5%

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายหลี่กำลังอยู่ในระหว่างการเดินทางเยือนสเปน เยอรมนี และอังกฤษเป็นเวลา 9 วัน โดยนายหลี่กล่าวกับกลุ่มผู้นำธุรกิจที่สเปนว่า "จีนยังคงเผชิญกับความยากลำบากในการพัฒนา ขณะเดียวกันจีนยังต้องเดินหน้าขยายการค้าและการลงทุนกับประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวต่อไปได้"

นายหลี่ประมาณการว่า เศรษฐกิจีนในปี 2553 ขยายตัวราว 10% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับที่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีนประมาณการไว้ในระหว่างการกล่าวปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นอกจากนี้ นายหลี่กล่าวว่า อุปสงค์ภายในประเทศมีส่วนขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงถึง 90% ในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ จีนมีแนวโน้มที่จะแซงหน้าญี่ปุ่นขึ้นเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกในปี 2553 หลังจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนแซงหน้าประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนโดยเฉลี่ยเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ระดับ 11.4% ในขณะที่หน่วยงานฝ่ายวางแผนเศรษฐกิจของจีนยืนยันว่า จะผลักดันเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพและรวดเร็วในปี 2554

นายหลี่ เฉิง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแห่งสถาบัน Brookings Institution ในกรุงวอชิงตัน คาดว่า นายหลี่ เก้อเฉียง ถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อจากนายเหวิน เจียเป่า ในปี 2555

คาดอัตราเงินเฟ้อจีนอยู่ในระดับสูงต่อไปจนถึง Q3/54

ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำ 56 คนชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนที่อยู่ในระดับสูงนั้น จะยังคงมีอยู่ต่อไปจนถึงไตรมาส 2 - 3 ของปี 2554 โดยนักเศรษฐศาสตร์ 21% ที่ตอบรับการสำรวจระบุว่า จีนอาจจะเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อสูงไปจนกระทั่งถึงไตรมาส 3

ผลการสำรวจที่ทางนสพ. Economic Observer ได้ตีพิมพ์ชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ 58% คาดว่า เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงในไตรมาสแรก หลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภคทะยานขึ้นแตะระดับ 5.1% ในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว

นักเศรษฐศาสตร์ของไชน่า เจียนหยิน อินเวสเมนท์ ซิเคียวริตีส์ กล่าวว่า เงินเฟ้ออาจจะดีดตัวขึ้นสูงสุดในเดือนมิ.ย.ปีนี้ที่ 6.3% แต่จะค่อยๆ อ่อนตัวลงมาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 4% จากระดับเดือนต.ค.

นักเศรษฐศาสตร์ประมาณ 33% เชื่อว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดต่างประเทศที่สูงขึ้น รวมทั้งราคาอาหารในประเทศที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ 28% มองว่า สภาพคล่องที่สูงเกินไปในตลาดจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้น

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจีนเดือนธ.ค.ขยับขึ้นแตะ 85.92 จุด

ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิตในจีนปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนธ.ค. 2553 เนื่องจากการโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่ช่วยกระตุ้นการบริโภค

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถือบัตรเครดิต (BCCI) ซึ่งรวบรวมโดยสำนักข่าวซินหัว และ ไชน่า ยูเนี่ยนเพย์ ซึ่งเป็นสมาคมอุตสาหกรรมบัตรเครดิตในจีน อยู่ที่ระดับ 85.92 จุดในเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 0.06 จุดเมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. แต่เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติเดือนพ.ย. 2552 นั้น ดัชนี BCCI เดือนพ.ย.อ่อนตัว 0.81 จุด

ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า การใช้จ่ายของผู้ถือบัตรเครดิตกับสินค้าที่ไม่มีความจำเป็นนั้น เช่น อัญมณีและบริการด้านความบันเทิงเพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน เนื่องจากโบนัสช่วงสิ้นปีช่วยหนุนกำลังซื้อของชาวจีน

ขณะเดียวกันความต้องการสินค้าต่างๆ เช่น อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์ดิจิตอล และรถยนต์ในช่วงเดือนธ.ค.ก็สูงขึ้นเช่นกัน

นับเป็นเดือนที่ 2 แล้วที่ดัชนีขยายตัวขึ้น หลังจากที่ดีดตัว 0.17 จุดในเดือนพย. เนื่องจากรัฐบาลได้นำมาตรการต่างๆมาใช้เพื่อควบคุมราคาสินค้าที่สูงขึ้น และธนาคารกลางก็ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยไป 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว รวมทั้งการขึ้นเพดานกันสำรอง 6 ครั้ง เพื่อควบคุมสภาพคล่อง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 32

โพสต์

มาตรการคุมเข้มด้านการเงินอาจฉุดยอดปล่อยกู้จีนชะลอตัว

ยอดปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์จีนมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากรัฐบาลเดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน โดยเฉพาะการคุมเข้มด้านการปล่อยเงินกู้ในตลาดจำนอง

อย่างไรก็ตาม รายงานที่เผยแพร่โดยธนาคารแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ (BOC) ในเซี่ยงไฮ้ระบุว่า ยอดปล่อยเงินกู้โดยรวมจะยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการสินเชื่อในระบบเศรษฐกิจอยู่มาก

นอกจากนี้ รายงานดังกล่าวยังระบุตัวเลขคาดการณ์ยอดปล่อยเงินกู้ในรูปสกุลเงินหยวนล็อตใหม่ในปีนี้ที่ระดับ 7 - 7.5 ล้านล้านหยวน ส่วนอัตราการขยายตัวของยอดเงินกู้คงค้างในรูปสกุลเงินหยวนจะอยู่ที่ 14.5% - 16% เมื่อเทียบกับที่เพิ่มขึ้น 19.9% ในปี 2553

ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์จีนมียอดปล่อยเงินกู้ที่ระดับ 7.95 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2553 ซึ่งแม้ว่ายอดปล่อยเงินกู้ดังกล่าวจะลดลง 1.65 ล้านล้านหยวนจากปี 2552 ที่อยู่ในระดับ 9.6 ล้านล้านหยวน แต่ยังคงอยู่สูงกว่าเพดานที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 7.5 ล้านล้านหยวน

จีนเปล่อยเงินหยวนซื้อขายในสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก

จีนปล่อยให้มีการซื้อขายเงินหยวนได้เป็นครั้งแรกที่ตลาดสหรัฐฯ โดยมีรัฐบาลกรุงปักกิ่งให้การสนับสนุนการซื้อขายสกุลเงินที่มีอัตราการเติบโตสูงนี้ พร้อมกับเป็นอีกก้าวที่สำคัญในการผลักดันเงินสกุลของตนในเวทีโลก Bank of China ซึ่งมีรัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ อนุญาตให้ลูกค้าตนสามารถซื้อขายเงินหยวนในประเทศสหรัฐฯ ได้แล้ว โดยเป็นไปตามวัตถุประสงค์ในการขยายตลาด offshore ของเงินหยวน เหมือนกับที่ได้มีการเริ่มเปิดให้ซื้อขายกันไปแล้วที่ฮ่องกงในปีที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวของ Bank of China เกิดขึ้นท่ามกลางข้อกล่าวหาจากฝั่งอเมริกาที่มองว่า จีนควบคุมค่าเงินหยวนให้อยู่ต่ำกว่าระดับที่ควรจะเป็น ทำให้ตนต้องเสียดุลการค้าแก่จีนเป็นจำนวนมหาศาล

การเตรียมตัวที่จะให้ค่าเงินหยวนสามารถแลกเปลี่ยนได้ง่ายขึ้นในต่างประเทศนี้ ยังเป็นสัญญาณที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของจีน ในฐานะที่เป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับสองของโลก การตัดสินใจของจีนดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ ปธน.หูจิ่นเทาของจีนจะเดินทางไปเยือนกรุงวอชิงตันในสัปดาห์หน้า เมื่อมีการคาดว่านโยบายอัตราแลกเปลี่ยนจะถูกนำขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 33

โพสต์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

จีนสั่งแบงก์เพิ่มอัตราเงินสดสำรอง

ธนาคารกลางจีนปประกาศเพิ่มอัตราเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามควบคุมภาวะเงินเฟ้อ

เอเอฟพีรายงานว่า อัตราดังกล่าวซึ่งจะเพิ่มขึ้น 0.5 % และมีผลในวันที่ 20 มกราคมนี้ มีระดับแตกต่างกันออกไปตามขนาดและประเภทของสถาบันการเงินแต่สำหรับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่คาดว่าอาจจะใกล้แตะระดับ 20%

ด้วยความวิตกว่าภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงจะก่อให้เกิดการจลาจลในประเทศ ทางการปักกิ่งจึงงัดมาตรการหลายระดับออกมาออกมาควบคุมดัชนีราคาผู้บริโภคและบรรเทาความกังวลว่าราคาอาหารและสินทรัพย์จะยิ่งสูงขึ้น

เมื่อปีกลายธนาคารกลางจีนสั่งขึ้นอัตราเงินสดสำรองไป 6 ครั้ง เพื่อลดสภาพคล่องในตลาดที่มีส่วนผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 4&catid=00
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 34

โพสต์

จีนประกาศเพิ่มสำรองเงินฝากธนาคารพาณิชย์ อีก 0.50%

เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีน ประกาศขึ้นสัดส่วนสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ อีก 0.50% เพื่อดูดซับสภาพคล่องส่วนเกิน ถือเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 7 นับตั้งแต่ปี 2552 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.เป็นต้นไป ท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้ว ธนาคารกลางจีนได้ขึ้นเพดานกันสำรอง 6 ครั้ง และขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้ง เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ โดยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลัก พุ่งแตะ 5.1% ในเดือนพ.ย.2553 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือน

ก่อนหน้าที่ธนาคารกลางจีนจะประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากนั้น คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) ได้ออกมาคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของจีนจะยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 โดยเฉพาะในไตรมาสแรก


จีนจ่อเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐในอีก 10 ปี

นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รมว.คลังสหรัฐเปิดเผกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า จีนมีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของสหรัฐใน 10 ปีข้างหน้านี้ และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นของทั้งสองประเทศจะเป็นประโยชน์ใหญ่หลวงต่อชาวอเมริกัน

ไกธ์เนอร์กล่าวว่า " ยอดการส่งออกจากสหรัฐไปยังประเทศจีนพุ่งขึ้นกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2553 ซึ่งมากกว่ายอดการส่งออกโดยรวมไปยังประเทศอื่นๆทั่วโลก

นั่นหมายความว่า ในอีก 4-5 ปีข้างหน้านี้ ยอดการส่งออกจากสหรัฐไปยังจีนจะพุ่งขึ้นเป็นสองเท่า และจะทำให้จีนมีแนวโน้มที่จะก้าวขึ้นเป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่สุดของสหรัฐในอีกประมาณ 10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2"

นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์กล่าวว่า โอกาสทางการค้าของบริษัทสหรัฐที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในจีนนั้น กำลังเพิ่มขึ้นอย่างมาก และในระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐของประธานาธิบดี หู จิ่นเทา (18-21 ม.ค.)รัฐบาลสหรัฐจะเจรจากับจีนเรื่องความวิตกกังวลทางเศรษฐกิจอย่างเปิดกว้างและตรงไปตรงมา


ทูตจีนระบุการที่จีนเยือนสหรัฐส่งผลดีต่อความสัมพันธ์

จาง เหยอสุ่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวจีนในกรุงวอชิงตันว่า ปีนี้ครบรอบปีที่ 40 ของการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ

ความสัมพันธ์จีนและสหรัฐอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ทั้งสองประเทศมีความคืบหน้าในการพัฒนาความร่วมมือหลายด้าน ขณะเดียวกันก็มีความท้าทายใหม่ๆ เกิดขึ้น ซึ่งในช่วงเวลาเช่นนี้ การเยือนสหรัฐของประธานาธิบดีจีน จึงมีความหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในการผลักดันความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีให้ก้าวไปข้างหน้า

อย่างไรก็ตาม นายจางกล่าวว่า จีนและสหรัฐมีปัจจัยแวดล้อมในประเทศ ระบบสังคม ตลอดจนประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ ยังมีขั้นตอนการพัฒนาที่ต่างกันด้วย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ทั้งสองฝ่ายจะมีมุมมองที่แตกต่างกันในบางประเด็น

สิ่งสำคัญก็คือ การให้ความเคารพผลประโยชน์และปัญหาหลักของแต่ละฝ่าย และแก้ไขความแตกต่างกันผ่านทางการเจรจาหารือ

นายจางเน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนาไปอย่างมั่นคงของจีนและสหรัฐจะเป็นประโยชน์ ไม่เฉพาะกับประชาชนของทั้งสองประเทศเท่านั้น แต่ยังมีส่วนสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและโลกโดยส่วนรวม


นักเศรษฐศาสตร์เตือนจีนระวังเงินเฟ้อ

ฟาน กัง อดีตที่ปรึกษาของธนาคารกลางจีน กล่าวในการประชุมเศรษฐกิจจีนประจำปี 2553-2554 ในกรุงปักกิ่งว่า จีนควรระมัดระวังเงินเฟ้อ และป้องกันผลกระทบจากสภาพคล่องที่สูงเกิน

นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน หรือ QE ของสหรัฐฯ ส่งผลให้เงินหลั่งไหลเข้าสู่ตลาด และทำให้เกิดกระแสคาดการณ์มากขึ้นว่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่า ขณะที่สกุลเงินอื่นๆแข็งค่า ซึ่งรวมถึงเงินหยวน

นายฟานกล่าวว่า นโยบายดังกล่าวเหมาะสมกับเศรษฐกิจของสหรัฐเอง แต่จะสร้างปัญหาร้ายแรงให้กับเศรษฐกิจโลก เนื่องจากทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น และกระตุ้นให้เกิดกระแสเงินร้อนที่เป็นต้นเหตุของภาวะเงินเฟ้อในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่

นายฟานยังสนับสนุนการปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นทีละน้อย เนื่องจากเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันเงินเฟ้อ และส่งผลดีต่อการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ


HSBC คาดจีนขึ้นดอกเบี้ยก่อนตรุษจีนปีนี้

นายกู ฮองบิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร HSBC สาขาประเทศจีน คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไตรมาสแรกของปี 2554 และมีความเป็นไปได้อย่างมากกว่าการปรับขึ้น

ดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์อีก 0.50% เมื่อวันศุกร์ เพื่อควบคุมการขยายตัวของเงินเฟ้อ

ภารกิจหลักของธนาคารกลางจีนในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 คือการสกัดเงินเฟ้อ และการสกัดตัวเลขเงินเฟ้อได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือการชะลออัตราการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียน HSBCเชื่อว่าธนาคารกลางจีนจะกำหนดเป้าหมายการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ M2 ไว้ต่ำกว่า 16% ในปี 2554 หลังจากปริมาณเงินหมุนเวียน M2 พุ่งขึ้นแตะ 19.7% ในปี 2553"

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า แรงกดดันของเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะทำให้ธนาคารกลางจีนต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยประมาณ 2-4 ครั้งในปี 2554 อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ติดตาม Money Insight ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 35

โพสต์

ราคาอสังหาฯ จีน เดือนธ.ค.ชะลอตัวลง

Posted on Monday, January 17, 2011
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน รายงานว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองใหญ่ของจีนเดือนธันวาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.4% เมื่อเทียบจากระยะเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำสถิติขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเดือนธันวาคมยังขยายตัวน้อยกว่าเดือนพฤศจิกายนที่ขยายตัวได้ถึง 7.7% และน้อยว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 7% เนื่องจากการที่รัฐบาลจีนเพิ่มมาตรการจำกัดความเสี่ยงของภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 36

โพสต์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

จีนตั้งเป้าลดปล่อยกู้ 10% หวังคุมเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางจีนตั้งเป้าลดการปล่อยกู้ใหม่ในปีนี้ลง 10% จากปีกลาย หวังควบคุมเงินเฟ้อและลดความร้อนแรงในตลาดอสังหาริมทรัพย์

เอเอฟพีอ้างรายงานของไชน่า ซีเคียวริตี้ เจอร์นัลว่า สถาบันการเงินในแดนมังกรจะปล่อยกู้ได้ราว 7.2-7.5 ล้านล้านหยวนในปีนี้ (1.09-1.14 ล้านล้านดอลลาร์) โดยปีนี้ธนาคารกลางอาจจะไม่ตั้งเป้าตัวเลขการปล่อยกู้อย่างเป็นทางการหลังจากปีที่แล้วมูลค่าการปล่อยกู้ซึ่งอยูที่ 7.95 ล้านล้านหยวนพุ่งสูงเกินเป้า 7.5 ล้านล้านหยวนที่วางไว้

อย่างไรก็ตาม แบงก์ชาติจีนยังคงมีอำนาจที่จะควบคุมการปล่อยกู้ได้ เพราะแผนการปล่อยกู้ประจำปีของธนาคารพาณิชย์จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากธนาคารกลางก่อน เจ้าหน้าที่ทางการอาจเลือกควบคุมบางสถาบันการเงินโดยการสั่งขึ้นอัตราเงินสดสำรองหรือบังคับให้ซื้อพันธบัตรระยะสั้นของรัฐบาล

นักวิเคราะห์ชี้ว่าสภาพคล่องปริมาณสูงในตลาดที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อและฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลของรัฐบาล
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 4&catid=00
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 37

โพสต์

แหล่งข่าวเผยเศรษฐกิจจีนโต 10.3 %

สถานีโทรทัศน์ฟินิกซ์ในฮ่องกง รายงานบนเว็บไซต์โดยอ้างแหล่งข่าวในธนาคารกลางที่ไม่เผยนาม กล่าวว่าเศรษฐกิจจีนเติบโต 10.3% ในปีที่แล้ว ขณะที่เงินเฟ้อสูงกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ตลอดทั้งปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวนั้น รั่วออกมากก่อนที่รัฐบาลกลางจะประกาศตัวเลขที่แท้จริงในวันนี้

ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวและตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าว ถือว่า เศรษฐกิจจีน เติบโตกว่าในปี 2552 และเป็นการขยายตัวที่รวดเร็วที่สุดตั้งแต่เริ่มเกิดวิกฤติการเงินโลก แต่ ดัชนีราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ปรับตัวสูงขึ้น 3.3% จากปี 2552 ซึ่งสูงกว่าที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ 3% ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิตซึ่งใช้ชี้วัดราคาสินค้าหน้าประตูโรงงาน เพิ่มขึ้น 5.9% เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงขึ้นทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวตำหนิมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลอย่างมหาศาลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกิดสภาพคล่องล้นตลาด ส่งผลต่อเงินเฟ้อและราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น

นักเศรษฐศาสตร์หนุน IMF นำหยวนคำนวณเงิน SDR

นายโรเบิร์ต มันเดลล์ นักเศรษฐศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล กล่าวในที่ประชุมการเงินเอเชียครั้งที่ 4 (4th Asian Financial Forum) ที่ฮ่องกงว่า การที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ไม่ได้นำงินหยวนมารวมในการคำนวณตะกร้าสกุลเงิน SDR (Special Drawing Right) ซึ่งเป็นหน่วยสกุลเงินทางบัญชีของ IMF นั้น ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

มันเดลล์กล่าวว่า IMF ควรใช้โอกาสนี้นำเงินหยวนเข้ามาคำนวณในตะกร้าสกุลเงิน SDR เพราะจีนกำลังเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลกและมีระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก นอกจากนี้ มันเดลล์มองว่า การที่เงินหยวนเป็นสกุลเงินที่ไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นได้นั้น ถือเป็นข้อดีทางเทคนิค เพราะเมื่อปี 2517 IMF ก็เคยนำสกุลเงินที่ไม่สามารถแลกเป็นเงินสกุลอื่นๆได้เข้ามาคำนวนในตะกร้าด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ มันเดลล์ยังแนะนำว่า จีนควรเพิ่มสัดส่วนการอุปโภคบริโภคภายในประเทศจากระดับปัจจุบันซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยควรปรับเพิ่มขึ้น 45-50% เพื่อปรับดุลการค้าให้มีความสมดุลมากขึ้น

จีนส่งออกแร่ธาตุหายากปี 2553 ลดลง 9.3%

สำนักงานสถิติกรมศุลกากรจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกแร่ธาตุหายากของจีนในปี 2553 ปรับตัวลดลง 9.3% จากปีก่อนหน้า (2552) แตะที่ 39,813 ตัน

ก่อนหน้านี้แหล่งข่าวอื่นๆ ของทางการระบุว่า จีนส่งออกแร่ธาตุหายากรวม 35,000 ตันในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2553 เพิ่มขึ้น 14.5% จากปีก่อนหน้า โดยส่วนมากส่งออกไปยังญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา

ทั้งนี้ จีนมีปริมาณแร่ธาตุหายากสำรองราว 36% ของทั้งหมดทั่วโลก และเป็นผู้จัดหาแร่ธาตุหายาก 90% ของอุปสงค์ทั้งหมดทั่วโลก

รายการดีๆน่าติดตาม
ติดตาม Money Insight ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

ศก.จีนโตเลข 2 หลัก เงินเฟ้อทะลุเป้า

เศรษฐกิจแดนมังกรเติบโต 10.3% ในปีที่แล้วซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ เนื่องจากเงินทุนไหลเข้ากระตุ้นดีมานด์แต่ก็กดดันอัตราเงินเฟ้อด้วยเช่นกัน

เอพีรายงานว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า เงินเฟ้อในเดือนธันวาคมลดลงมาอยู่ที่ 4.6% จากเดือนก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 5.1% ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ระดับ 3.3% สูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ไม่เกิน 3%

นักวิเคราะห์ชี้ว่าตัวเลขราคาสินค้าที่ไม่พุ่งสูงมากนักเป็นผลมาจากฐานการคำนวณของปี 2552 ต่ำ ดังนั้นรัฐบาลจึงควรหามาตรการมาควบคุมการปล่อยกู้ของสถาบันการเงินให้เข้มงวดกว่าเดิมเพื่อป้องกันการลงทุนมากเกินไป

ตัวเลขการเติบโตของจีดีพีที่สูงกว่าปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 9.2% แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของจีนซึ่งสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ของโลกได้สำเร็จ หม่า เจี้ยนตัง คณะกรรมาธิการของสำนักงานสถิติกล่าวว่า "ขณะนี้เศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ โดยกำลังปรับสภาวะจากการฟื้นตัวเป็นเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ"

ด้านการลงทุนในภาคการก่อสร้างและสินทรัพย์คงทนอื่นๆ เพิ่มขึ้น 23.8% ต่ำกว่าปี 2552 ซึ่งขยายตัว 30.1% จากอานิสงส์ของแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใช้รับมือวิกฤตเศรษฐกิจโลก ทว่าเศรษฐกิจจีนที่พึ่งพาการลงทุนดังกล่าวในสัดส่วนที่สูงสร้างความกังวลให้นักวิเคราะห์ว่าอาจก่อให้เกิดภาวะฟองสบู่ในภาคการเงินได้
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 4&catid=00
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 39

โพสต์

จีนมั่นใจคุมเงินเฟ้อปีนี้ได้

Posted on Monday, January 24, 2011
นายหยาง เสี่ยวกัง ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สถาบันวิทยาศาสตร์ของจีน บอกว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนปีนี้จะยังคงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และจีนจะสามารถควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้ เนื่องจากผลผลิตสินค้าเกษตรโดยรวมมีเสถียรภาพและสกุลเงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคานำเข้าสินค้าถูกลง แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดสำหรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีนในปีนี้ โดยความต้องการภายในประเทศจะยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และการลงทุนมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ขณะที่อัตราการขยายตัวด้านการส่งออกและนำเข้าจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนในเดือนธันวาคมปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.6% และทั้งปี 2553 ขยายตัวเฉลี่ย ที่ 3.3% ซึ่งสูงกว่าที่เพดานเงินเฟ้อที่รัฐบาลกำหนดไว้ที่ 3%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 40

โพสต์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

จีนประกาศตัวเลขเศรษฐกิจปี 2553 การบริโภคขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 18.4

ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ นายหม่าเจี้ยนถัง อธิบดีกรมสถิติจีน แถลงตัวเลขเศรษฐกิจของจีนในปี 2553 โดยมีรายละเอียดดังนี้

ในปี 2553 GDP ของจีนมีมูลค่าทั้งสิ้น 39,798,300 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 10.3 โดยภาคเกษตรกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น 4,049,700 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.3 ภาคอุตสาหกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น 18,648,100 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 และภาคอุตสาหกรรมการบริการสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น 17,100,500 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5

1. เกษตรกรรมของจีนพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ในปี 2553 ปริมาณของผลผลิตมีทั้งสิ้น 546.41 ล้านตัน เพิ่มขึ้นเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน และปริมาณการผลิตของเนื้อสัตว์มี 77.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6

2. อุตสาหกรรมการผลิตมีการขยายตัวขึ้นด้วยอัตราการเติบโตรวดเร็ว ปี 2553 กำไรของบริษัทต่างๆ มีการเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยรัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.7 บริษัทองค์กรแบบรวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 บริษัทร่วมหุ้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 และบริษัทลงทุนโดยต่างชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.5 อุตสาหกรรมหนักขยายตัวร้อยละ 16.5 อุตสาหกรรมเบาขยายตัวร้อยละ 13.6 ซึ่งหากพิจารณาเป็นภูมิภาค ภาคตะวันออกขยายตัวร้อยละ 14.9 ภาคกลางขยายตัวร้อยละ 18.4 และภาคตะวันตกขยายตัวร้อยละ 15.5

3. การลงทุนเพิ่มสูงขึ้นโดยเร็ว ในปี 2553 การลงทุนในด้านสินทรัพย์ถาวรของจีนมีมูลค่า 27,814,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 23.8 ในจำนวนนี้ การลงทุนในพื้นที่เขตเมืองมีมูลค่า 24,141,500 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.5 และในเขตชนบทมีการลงทุนทั้งสิ้น 3,672,500 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.7 ซึ่งหากพิจารณาเป็นภูมิภาค การลงทุนในภาคตะวันออกขยายตัวร้อยละ 22.8% ภาคกลางขยายตัวร้อยละ 26.9% ภาคตะวันตกขยายตัวร้อยละ 26.2% นอกจากนี้ การลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้างมีมูลค่าทั้งสิ้น 4,826,700 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.2

4. การบริโภคขยายตัวสูงขึ้นร้อยละ 18.4 ในปี 2553 ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคสร้างมูลค่าทั้งสิ้น 15,455,400 ล้านหยวน ในจำนวนนี้ การบริโภคด้านอาหารการกินมีมูลค่า 1,763,600 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 การบริโภคด้านค้าปลีกสินค้ามีมูลค่า 13,691,800 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 โดยสินค้าประเภทเครื่องประดับอัญมณี เฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านมีการขยายตัวร้อยละ 46.0, 37.2, 34.8 และ 27.7 ตามลำดับ

5. ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาหารเพิ่มราคามากที่สุด ในปี 2553 CPI ของจีนพุ่งสูงขึ้นร้อยละ 3.3 โดยในเมืองเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 และในชนบทเพิ่มขึ้นร้อยละ และหากพิจารณาแยกตามประเภทสินค้า ราคาอาหารเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 การรักษาสุขภาพและเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 การพักอาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.5 การบันเทิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มลดลงร้อยละ 1.0 การคมนาคมและโทรคมนาคมลดลงร้อยละ 0.4 อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านและบริการตกแต่งซ่อมแซมที่อยู่อาศัยมีการขยายตัวคงที่

6. มูลค่าการนำเข้าและส่งออกเพิ่มขึ้นรวดเร็ว การเกินดุลการค้าลดน้อยลง ในปี 2553 การนำเข้าและส่งออกของจีนสร้างมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,972,800 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 34.7 ในจำนวนนี้ การนำเข้าสร้างมูลค่า 1,394,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 38.7 การส่งออกสร้างมูลค่า 1,577,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.3 ซึ่งจีนมีการเกินดุลการค้า 183,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 6.4

7. รายได้ของประชาชนจีนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อัตราการเติบโตของรายได้ของชาวชนบทสูงกว่าคนเมือง ปี 2553 รายได้ต่อหัวต่อปีของคนเมืองมีทั้งสิ้น 21,033 หยวน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 11.5 ขณะที่ชาวชนบทมีรายได้ต่อหัวต่อปี 5,919 หยวน เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9

8. อุปทานของเงินตราเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง อัตราการเติบโตทางสินเชื่อและเงินฝากชะลอลง ถึงสิ้นเดือนธ.ค. 2553 ปริมาณเงินฝากในจีนมีทั้งสิ้น 71,800,000 ล้านหยวน และสินเชื่อทั้งสิ้น 47,900,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นด้วยอัตราการเติบโตที่ชะลอลงจากปีก่อน 1,100,000 ล้านหยวนและ 1,600,000 ล้านหยวนตามลำดับ
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 3&catid=00
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 41

โพสต์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

จีนขึ้นค่าแรง บรรเทาพิษเงินเฟ้อ

หลายเมืองใหญ่ในจีนพาเหรดขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจากแรงกดดันเงินเฟ้อ หวังลดความไม่พอใจในหมู่ประชาชน

เอพีรายงานว่า การปรับค่าจ้างแรงงานในเมืองศูนย์กลางการผลิตอย่างกวางตุ้ง และเมืองศูนย์กลางธุรกิจเซี่ยงไฮ้ เทียนจินและปักกิ่ง มีขึ้นหลังการขึ้นค่าจ้างเมื่อปีกลายซึ่งยิ่งกระตุ้นให้ผู้ผลิตสินค้าราคาถูกย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนค่าแรงต่ำกว่าอย่าง เวียดนามหรืออินโดนีเซีย

การขาดแคลนแรงงานในบางพื้นที่ การนัดหยุดงาน และการประท้วงของแรงงานหนุ่มสาว กดดันให้ทางการต้องปรับค่าจ้างขั้นต่ำให้สูงขึ้น และมีแนวโน้มว่าเมืองอื่นๆ จะดำเนินรอยตาม

สำนักแรงงานเทียนจินระบุในแถลงการณ์ว่า เตรียมขึ้นค่าจ้างแรงงานจาก 920 หยวน (140 ดอลลาร์) เป็น 1,070 หยวน (160 ดอลลาร์) ส่วนเซี่ยงไฮ้จะขึ้นค่าแรงอีก 10% จากระดับ 1,120 หยวน (170 ดอลลาร์) โดยจะมีผล 1 เมษายนนี้ ส่วนปักกิ่งขึ้น 20.8% กวางตุ้งจะเพิ่ม 19 % ในเดือนมีนาคมเป็น 1,300 หยวน (200 ดอลลาร์)

จากรายงานที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วของหอการค้าอเมริกาในเซี่ยงไฮ้ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของ 85 บริษัทชี้ว่า การขึ้นค่าแรงจะลดศักยภาพในการแข่งขันของแดนมังกรเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาด้วยกัน
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 4&catid=00
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 42

โพสต์

รองประธานอาวุโส ธนาคารโลกแนะจีนระวังภาวะฟองสบู่

จัสติน หยี่ฟู หลิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์และรองประธานอาวุโสของธนาคารโลก กล่าวว่า จีนควรจะระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่สินทรัพย์ แต่สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังอยู่ในสภาพที่ดีอยู่

นายหลินยังคงมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจจีน เนื่องจากประสิทธิด้านการคลังที่แข็งแกร่ง ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ยังคงขยายตัวได้ดี แต่แนะให้จีนต้องศึกษากรณีที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่นและไอร์แลนด์ซึ่งเผชิญกับภาวะฟองสบู่มาภายหลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัวจนทำให้เกิดวิกฤตการเงิน

นายหลินกล่าวต่อไปว่า ขณะที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการลงทุนที่คึกคัก อัตราการอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น และการที่จีนมียอดเกินดุลการค้านั้น ช่องว่างของรายได้ในประเทศจีนก็กว้างขึ้นด้วย

จีนขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในหลายเมืองรับมือเงินเฟ้อ

เมืองต่างๆในประเทศจีนประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำให้กับแรงงาน เพื่อรับมือกับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ อีกปัจจัยที่ทำให้ทางการตัดสินใจขึ้นค่าแรงขั้นต่ำคือ การขาดแคลนแรงงานในบางพื้นที่รวมถึงการชุมนุมประท้วงของแรงงานที่ไม่พอใจค่าแรงที่ได้รับ และคาดว่าเกือบทุกเมืองจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำด้วยเช่นกัน

หลายเมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตอย่างกวางตุ้ง เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน และปักกิ่ง ได้ขึ้นค่าแรงในระดับตัวเลขสองหลัก

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาหอการค้าอเมริกันในเซี่ยงไฮ้เปิดเผยว่า 85 บริษัทที่ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าต้นทุนที่สูงขึ้นกำลังทำให้จีนมีความสามารถในการแข่งขันลดลงเมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาประเทศอื่นๆ ทั้งนี้ หลังจากที่มีการขึ้นค่าแรงไปเมื่อปีที่แล้วจนทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น ส่งผลให้หลายบริษัทที่ผลิตสินค้าราคาถูกต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำอย่างเวียดนามและอินโดนีเซียแทน

ติดตาม Money Insight ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 43

โพสต์

จีน เพิ่มมาตรการสกัดเก็งกำไรตลาดอสังหาฯ

Posted on Thursday, January 27, 2011
คณะรัฐมนตรีจีนประกาศขึ้นเพดานขั้นต่ำของเงินที่ต้องชำระทันทีในวันทำสัญญาซื้อขายบ้าน(down payment) สำหรับการซื้อบ้านหลังที่สอง เป็น 60% ของมูลค่าบ้าน จากเดิมที่ระดับ 50% โดยมีเป้าหมายที่จะควบคุมการเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังจากราคาบ้านได้พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ จีนได้ประกาศควบคุมการซื้อบ้าน โดยประชาชนที่มีบ้านอยู่แล้ว 1 หลังจะสามารถซื้อบ้านเพิ่มได้อีกเพียง 1 หลังเท่านั้น และเจ้าของบ้านจะไม่สามารถขายบ้านต่อให้กับผู้ที่มีบ้านอยู่แล้วอย่างน้อย 2 หลัง

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีจีนยังกำหนดให้ใช้นโยบายภาษีเพื่อควบคุมการซื้ออสังหาริมทรัพย์ พร้อมกับอนุญาตให้สำนักงานท้องถิ่นของธนาคารกลางจีน ปรับขึ้นสัดส่วนเงินดาวน์บ้านและอัตราดอกเบี้ยสำหรับผู้ที่ซื้อบ้านหลังที่สอง และให้รัฐบาลท้องถิ่นรับผิดชอบในการสร้างเสถียรภาพและการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีน รายงานว่า อัตราการเติบโตของสินเชื่อในภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว 27.5% ณ สิ้นปี 2553
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 44

โพสต์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เซี่ยงไฮ้, ฉงชิ่ง นำร่องเก็บภาษีอสังหาฯ

เซี่ยงไฮ้และฉงชิ่งประกาศเริ่มเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์เพื่อชะลอความร้องแรงของตลาดที่อยู่อาศัยเป็น 2 เมืองแรกในจีน

ซินหัวรายงานว่า ฉงชิ่งจะเรียกเก็บภาษีการซื้อบ้านเดี่ยวหรืออพาร์ตเมนต์ที่ราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยของบ้านสร้างใหม่ในแถบตะวันตกเฉียงใต้อย่างน้อย 2 เท่าแต่ไม่เกิน 3 เท่าในอัตรา 0.5% ของราคาขาย, 1% สำหรับที่อยู่อาศัยที่ราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ย 3-4 เท่า และ 1.2% ถ้าราคาล้ำหน้าราคาเฉลี่ยมากกว่า 4 เท่า

แต่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อบ้านไว้อยู่อาศัยจริงๆ โดยบ้านเดี่ยว 180 ตารางเมตรแรก และอพาร์ตเมนต์ 100 ตารางเมตรแรกของครอบครัวจะได้รับการยกเว้นภาษี ส่วนคนที่ไม่ได้ทำงานหรือมีธุรกิจอยู่ในเมืองนี้จะถูกเก็บภาษีบ้านหลังที่สอง 0.5% ไม่ว่าจะราคาเท่าใด

ด้านเมืองเซี่ยงไฮ้นั้น การซื้อบ้านหลังที่สองไม่ว่าจะเป็นบ้านสร้างใหม่หรือบ้านมือสองของผู้อยู่อาศัยถาวรจะถูกเรียกเก็บภาษีถ้าสัดส่วนพื้นที่บ้านทุกหลังในครอบครองต่อจำนวนสมาชิกในครอบครัวสูงกว่า 60 ตารางเมตร ขณะที่การซื้อบ้านหลังแรกของผู้ที่ไม่ได้มีถิ่นฐานในเมืองนี้จะต้องเสียภาษีทั้งหมด แต่จะได้รับคืนหลังทำงานในเซี่ยงไฮ้ 3 ปีขึ้นไปถ้าเป็นการซื้อบ้านหลังแรก

โดยอัตราภาษีอยู่ที่ 0.4% สำหรับบ้านที่ราคาไม่เกิน 2 เท่าของราคาเฉลี่ย และ 0.6% ถ้าบ้านราคาสูงกว่า 2 เท่าของราคาเฉลี่ย

ทั้งนี้เมื่อปีกลายราคาที่อยู่อาศัยในเมืองฉงชิ่งสูงขึ้น 29% ส่วนเซี่ยงไฮ้ 26.1%
http://www.prachachat.net/news_detail.p ... 4&catid=00
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 45

โพสต์

จีนเตรียมรวมเมืองสร้างมหานคร ประชากร 42 ล้านคน
วันศุกร์ที่ 28 มกราคม 2011 เวลา 21:02 น.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ารัฐบาลจีนกำลังวางแผนที่จะผนวกรวมเอาเมือง 9 แห่งเข้าด้วยกันเพื่อสร้างมหานครที่ใหญ่ที่สุดในโลกโดยมีจำนวนประชากรรวมกันประมาณ 42 ล้านคน ภายใต้โครงการ “เปลี่ยนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ลให้เป็นหนึ่งเดียว” (Turn The Pearl River Delta Into One)”

เมืองแห่งใหม่นี้จะมีอาณาบริเวณรวมกัน 25,749 ตารางกิโลเมตร โดยจะครอบคลุมบริเวณศูนย์กลางเขตอุตสาหกรรมหลักของประเทศจีนคือเขตเมืองกว่างโจว เซินเจิ้น โฟ๋ซาน ตงก่วน จงซาน จูไห่ เจียงเหมิน เจ้าชิ่ง และเมืองฮุ่ยโจว ซึ่งเป็นเก้าเมืองที่มีสัดส่วนอยู่ในเศรษฐกิจของประเทศรวมกัน 10%


นอกจากนี้การรวมเมืองจะยังดึงเอาโครงข่ายกว่า 150 โครงข่ายของการขนส่ง ระบบพลังงาน ประปา และการสื่อสารเข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวภายในหกปีข้างหน้า

“แนวคิดในโครงการนี้คือ เมื่อเมืองทั้งหมดผนวกรวมเข้าด้วยกัน ผู้อยู่อาศัยจะสามารถเดินทางไปรอบๆได้อย่างอิสระเสรีและจะใช้บริการสุขภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในแต่ละพื้นที่ได้”หม่า เซียงหมิง หัวหน้าฝ่ายแผนงานประจำสถาบันวางแผนเมืองและชนบทของกว่างตง (กวางตุ้ง) และที่ปรึกษาอาวุโสของโครงการกล่าว

นอกจากนี้ปัญหาเรื่องมลภาวะที่เกิดขึ้นในบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล ซึ่งกลายเป็นปัญหาหลักในการพัฒนาอุตสาหกรรมของแต่ละเมือง จะได้รับการจัดการภายใต้นโยบายเดียวกันอย่างมีเอกภาพ รวมถึงราคาของน้ำมันและพลังงานไฟฟ้าก็จะได้รับการจัดให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

ทางด้านหอการค้าอังกฤษคาดการณ์ว่าจะมีเงินจำนวนประมาณ 1.08 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกใช้ไปในโครงการลงทุนในการพัฒนาเขตเมืองในช่วง 5 ปีข้างหน้า ควบคู่กับอีก 4.73 แสนล้านดอลลาร์ที่จะลงทุนในรางรถไฟฟ้าหัวกระสุน และอีก 1.1 แสนล้านดอลลาร์สำหรับการขนส่งในเขตเมือง
http://www.thanonline.com/index.php?opt ... Itemid=525
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 46

โพสต์

จีนทุ่มงบ 4 ล้านล้านหยวนพัฒนาแหล่งน้ำ

รัฐบาลจีนวางแผนทุ่มงบ 4 ล้านล้านหยวน ในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำในช่วง 10 ปีข้างหน้า เนื่องจากหลายเมืองประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ขณะที่ระบบชลประทานจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงขนานใหญ่

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้เผยแพร่เอกสารที่มีใจความว่า การก่อสร้างและพัฒนาแหล่งน้ำนั้นเป็นภารกิจหลักของประเทศ

กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยว่า รัฐบาลจีนได้ใช้งบประมาณ 365,500 ล้านหยวน (55,380 ล้านดอลลาร์) ในการพัฒนาแหล่งน้ำในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2549 - 2553) ซึ่งสูงกว่างบปี 2544 - 2548 ถึงกว่า 2 เท่า

แถลงการณ์ระบุว่า การเพิ่มงบประมาณในการพัฒนาแหล่งน้ำนั้นมีบทบาทที่สำคัญมากในการบริหารทรัพยากรน้ำจากแม่น้ำสายใหญ่ๆของจีน และจีนก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้อย่างดีมาเป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน
ติดตาม Money Insight ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 47

โพสต์

ตัวเลขภาคการผลิตจีนส่งสัญญาณกดดันขึ้นดอกเบี้ย

ผลสำรวจภาคการผลิตของจีนบ่งชี้ถึงสภาวะการขยายตัวในเดือนมกราคม ขณะต้นทุนปัจจัยการผลิตขยับสูงขึ้น ซึ่งตอกย้ำถึงแรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อ รวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น

ดัชนีคำสั่งซื้อ (Purchasing Managers’ Index) ที่จัดทำโดย สหพันธ์โลจิสติคส์ของจีน ขยับเข้าสู่โซนการขยายตัว สอดคล้องกับดัชนี PMI ที่จัดทำโดยค่ายอื่น อย่าง HSBC Holdings และบริษัทวิจัย Markit Economics ที่โชว์การเติบโตของภาคการผลิตเช่นกัน

การฟื้นตัวของต้นทุนการผลิต เป็นสาเหตุให้บริษัทขนาดใหญ่หลายรายหาโอกาสในการปรับขึ้นราคา ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ อย่าง เป่าชาน Iron & Steel ไปจนถึงร้านกาแฟชื่อดัง Starbucks

และจากสถานการณ์ราคาสินค้าที่กำลังอยู่ในทิศทางขาขึ้น ทางด้านนักวิเคราะห์ของ BNP Paribas ก็ออกมาฟันธงว่า แบงก์ชาติจีนอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในทันทีที่กลับมาจากวันหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
GymOnyx
Verified User
โพสต์: 47
ผู้ติดตาม: 0

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 48

โพสต์

ขอบคุณครับพี่ Naijan ช่วยให้ผมพอจะตามเรื่องจีนได้อย่างต่อเนื่องครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10548
ผู้ติดตาม: 69

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 49

โพสต์

มาขอบคุณอีกคนครับ จีนเป็นอะไรที่น่าจับตามากๆครับ :D
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 50

โพสต์

การค้าจีนกับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ขยายตัวแข็งแกร่งในปี 2553

กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า การค้าระหว่างจีนกับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในปีที่แล้ว โดยมูลค่าการค้ากับประเทศสมาชิกอาเซียนทะยาน 37.5% เมื่อเทียบรายปีในปี 2553 ขณะที่มูลค่าการค้ากับบราซิลทะยาน 47.5% เมื่อเทียบรายปี กับรัสเซียขยายตัว 43.1% กับแอฟริกาใต้พุ่ง 59.5% และกับอินเดียโต 42.4%

นอกจากนั้น จีนยังกลายเป็นคู่ค้าและตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อาเซียน ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ รวมถึงเป็นคู่ค้าและตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับสองของสหภาพยุโรป

ขณะเดียวกันจีนยังเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับสองและตลาดส่งออกรายใหญ่อันดับสามของสหรัฐอเมริกา

ผู้นำจีนให้คำมั่นจะควบคุมเงินเฟ้อ

หนังสือพิมพ์พีเพิ่ลส์เดลี่ของทางการจีนรายงานอ้างนายกรัฐมนตรีเวิน เจียเปา ว่า จีนจะพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อและกวาดล้างการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ในปีใหม่นี้ และพร้อมต้อนรับปีกระต่าย

นายเวิน กล่าวเนื่องในวันตรุษจีนว่า รัฐบาลจีนจะพยายามควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้คงที่ แต่ขณะเดียวกันได้เตือนว่า จีนอาจจะต้องเผชิญปัญหาที่เป็นขวากหนามในปีใหม่นี้ และว่าหนทางข้างหน้ายังต้องเผชิญอุปสรรคและปัญหาอีกมาก นายเวินกล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหาที่ประชาชนห่วงใยมากที่สุด และต้องพยายามควบคุมไม่ให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นย่างรวดเร็ว รวมทั้งควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วย

ที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้ย้ำมาโดยตลอดว่าจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ต้นเหตุของปัญหาความไม่สงบในสังคมเมื่อครั้งอดีตและเป็นปัญหาที่พรรคคอมมิวนิสต์กำลังวิตกเป็นอย่างยิ่ง แม้อัตราการเงินเฟ้อเริ่มขยับลดลงมาอยู่ที่ 4.6% เมื่อเดือน ธ.ค. แต่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าแรงกดดันต่อราคาสินค้ายังคงมีอยู่

นายเวินใช้เวลาในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ในการเดินทางไปเยือนพื้นที่ที่เคยเป็นฐานการปฏิวัติในมณฑลอานฮุย ตอนกลางของประเทศ โดยสำนักข่าวซินหัวได้ลงภาพขณะที่เขากำลังดื่มฉลองและทำอาหารกับชาวบ้าน
ติดตาม Money Insight ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 51

โพสต์

จีนเผยปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ ปี 53 เศรษฐกิจเติบโตร้อนแรง
วันพฤหัสบดีที่ 03 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 15:20 น.
วันนี้ (3 ก.พ.) สำนักงานสถิติและรัฐบาลของกรุงปักกิ่งเปิดเผยว่าในปี 2553 เมืองปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีนและเมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นเมืองท่าและเขตเศรฐกิจสำคัญของจีนมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 10.2% และ 9.9% ตามลำดับ

โดยกรุงปักกิ่งมีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน (จีดีพี) เกือบ 1.37 ล้านล้านหยวน (2.08 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 10.2% จากปี 2552 ด้านมูลค่าการนำเข้าและส่งออกมีจำนวนทั้งสิ้น 3.0141 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 40.3%

ขณะที่เมืองเซี่ยงไฮ้มีการขยายตัวของจีดีพี 9.9% จากปี 2552 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1.69 ล้านล้านหยวน โดยสำนักงานสถิติของเซี่ยงไฮ้ระบุว่า การขยายตัวดังกล่าวเป็นผลมาจากการเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์ เอ็กซ์โป ในระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคมเมื่อปีที่ผ่านมา
http://www.thanonline.com/index.php?opt ... Itemid=525
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 52

โพสต์

จีนขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มีผลวันนี้

Posted on Wednesday, February 09, 2011
ธนาคารกลางจีน ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และดอกเบี้ยเงินฝากอีก 0.25% มีผลวันนี้ (9 ก.พ. 54) เป็นต้นไป ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะ 1 ปี อยู่ที่ระดับ 6.06% และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะ 1 ปีอยู่ที่ 3%

การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 หลังจากที่ธนาคารกลางจีน ได้ประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรก ในรอบเกือบ 3 ปีไปเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2553 และอีกครั้งในวันที่ 25 ธันวาคม 2553
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 53

โพสต์

จีน ยันใช้นโยบายการเงินแบบค่อยเป็นค่อยไป

Posted on Wednesday, February 09, 2011
นายหลี่ เต้ากุย ที่ปรึกษาด้านวิชาการของธนาคารกลางจีน บอกว่า จีนจะยังคงคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงแม้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ

สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ ถือเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 2 ในรอบ 6 สัปดาห์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมกราคม เนื่องจากราคาสินค้าที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนเทศกาลตรุษจีน และสะท้อนหลักการของธนาคารกลางในการใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่หลากหลาย โดยธนาคารกลางจีนจะใช้วิธีการปรับขึ้นสัดส่วนการกันสำรองและปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สลับกันไป
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 54

โพสต์

จีนเทขายตราสารหนี้ญี่ปุ่นหลังเงินเยนอ่อนค่า

กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยลว่า จีนได้ขายตราสารหนี้ญี่ปุ่นสุทธิ 177,300 ล้านเยน หรือ 2,150 ล้านดอลลาร์) ในเดือนธ.ค.2553 ซึ่งถือเป็นการลดการถือครองตราสารหนี้ญี่ปุ่นที่มากที่สุดในรอบ 6 ปี และส่งผลให้ยอดการขายสุทธิตลอดปี 2553 อยู่ที่ 467,700 ล้านเยน หลังจากค่าเงินเยนและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอ่อนตัวลงในเดือนพ.ย.

ทั้งนี้ ค่าเงินเยนร่วงลง 3.9% ในเดือนพ.ย.เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ส่วนในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา เงินเยนอ่อนตัวลง 1.6% เมื่อเทียบกับสกุลเงินของประเทศอื่นๆในกลุ่ม G10
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 55

โพสต์

คาดจีนขึ้นเพดานสำรองเงินฝากอีกในเดือนนี้

Posted on Thursday, February 10, 2011
นายลู่ เจินเหว่ย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากอินดัสเทรียล แบงก์ บอกว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะปรับเพิ่มเพดานกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ (RRR) อีกครั้งภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อควบคุมอัตราการปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ และลดสภาพคล่อง รวมทั้งควบคุมอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศ แม้ธนาคารกลางจีนได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากอีก 0.25% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เนื่องจากนักวิเคราะห์ ประเมินว่า ยอดการปล่อยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ ยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง โดยในเดือนมกราคมคาดการณ์ว่า ยอดการปล่อยเงินกู้จะอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านหยวน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 56

โพสต์

คาด CPI จีนดีดตัวเหนือ 5% ในเดือนม.ค.

เซี่ยงไฮ้ ซีเคียวริตี นิวส์ รายงานว่า สถาบันการเงินกว่า 20 แห่ง อาทิ อินดัสเทียล ซีเคียวริตีส์, ยูบีเอส และ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด แบงก์ ต่างคาดการณ์ว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะขยายตัวเหนือระดับ 5% เมื่อเทียบรายปีในเดือนมกราคม ซึ่งตัวเลขคาดการณ์มีตั้งแต่ 5.2-5.8%

นายเหว่ย เฝิงชุน หัวหน้านักวิเคราะห์จากไชน่า ซีเคียวริตีส์ กล่าวว่า มีแนวโน้มสูงมากที่ CPI จะขยายตัวเหนือระดับ 5% ในเดือนมกราคม และอาจแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 หลังจากราคาน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ฟาร์มปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเทศกาลฤดูใบไม้ผลิและสภาพอากาศที่เลวร้าย

ทั้งนี้ CPI จีนขยายตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 28 เดือนที่ 5.1% เมื่อเทียบรายปีในเดือนพฤศจิกายน 2553 ก่อนที่จะชะลอตัวลงแตะ 4.6% ในเดือนธันวาคม

จีนเผยเงินท่องเที่ยวสะพัดช่วงตรุษจีนเพิ่มขึ้น 27%

สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งชาติของจีนเปิดเผยว่า รายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนเพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีที่แล้ว โดยรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว 1 สัปดาห์ระหว่างวันที่ 2 - 8 ก.พ.ที่ผ่านมา อยู่ที่ 82,050 ล้านหยวน (12,440 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

รายได้ราว 5.2 พันล้านหยวนของรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งหมดมาจากสายการบิน ขณะที่ 3,110 หยวนมาจากการเดินทางโดยรถไฟ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวได้ใช้จ่ายเงินรวมทั้งสิ้น 33,050 ล้านหยวนในการท่องเที่ยวในประเทศ และใช้จ่ายเงิน 40,690 ล้านหยวนสำหรับการท่องเที่ยวในภูมิภาคอื่นๆ

สำหรับจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนอยู่ที่ 153 ล้านรายทั่วประเทศ เพิ่มขึ้น 22.7% เมื่อเทียบกับตรุษจีนปีที่แล้ว
ติดตาม Money Insight ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 57

โพสต์

จีนเผยมูลค่าการค้าเดือนม.ค.เพิ่ม 44% เกินดุลลดลงมากกว่าครึ่ง
วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 21:26 น.
วันนี้ (14 ก.พ.) กรมศุลกากรจีนรายงานข้อมูลการค้าในเดือนมกราคมพบว่าการค้าต่างประเทศของจีนเพิ่มขึ้น 44% ในเดือนมกราคมเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยจากการซื้อขายสินค้าก่อนจะถึงช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่การเกินดุลการค้าของประเทศลดลงไปกว่าครึ่ง

กรมศุลกากรจีนรายงานผ่านเว็บไซต์ว่า การส่งออกในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 37.7% จากช่วงเดียวกันของปี 2553 มีมูลค่าการส่งออก 1.5073 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 51% มีมูลค่า 1.4428 แสนล้านดอลลาร์ คิดเป็นยอดการค้าต่างประเทศทั้งสิ้น 2.9501 แสนล้านดอลลาร์ โดยการเกินดุลการค้าลดลงไปจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 53.5% เหลือเพียง 6.45 พันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้มูลค่าการค้าที่เพิ่มขึ้นมีปัจจัยมาจากช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งในปีนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ขณะที่ปีที่แล้วเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ส่งผลทำให้การนำเข้าและส่งออกเร่งตัวเร็วขึ้นในช่วงมกราคมพอดี

สำหรับมูลค่าการค้ากับสหภาพยุโรปซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของจีนในปี 2553 มีมูลค่าการค้าในเดือนมกราคมทั้งสิ้น 4.597 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 30.5% จากปี 2553 ส่วนการค้ากับสหรัฐเพิ่มขึ้น 39.2% มีมูลค่าทั้งสิ้น 3.687 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การค้ากับญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 42% เป็น 2.784 หมื่นล้าน

นอกจากนี้การค้าระหว่างจีนและสมาคมประชาชาติแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) เพิ่มขึ้น 34.5% เป็น 2.889 หมื่นล้านดอลลาร์ ทั้งนี้การขาดดุลการค้าของจีนกับอาเซียนยังเพิ่มขึ้นถึง 4.4 เท่า เป็น 2.17 พันล้านดอลลาร์
http://www.thanonline.com/index.php?opt ... Itemid=525
j2methai
Verified User
โพสต์: 483
ผู้ติดตาม: 0

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 58

โพสต์

จีนขึ้นแท่นผู้ซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐรายใหญ่สุดแทนแคนาดาในปี 2553

กระทรวงเกษตรสหรัฐเปิดเผยว่า จีนกลายเป็นผู้นำเข้าอันดับ 1 สำหรับสินค้าเกษตรของสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรก โดยเป็นผู้ซื้อสินค้าเกษตรรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ แทนที่แคนาดา
ทั้งนี้ การที่จีนมีความต้องการถั่วเหลืองสหรัฐอย่างต่อเนื่องเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จีนซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐทั้งหมดคิดเป็นมูลค่าถึง 1.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ส่วนแคนาดาซื้อสินค้าเกษตรของสหรัฐคิดเป็นมูลค่า 1.69 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
การส่งออกสินค้าเกษตรของสหรัฐทั้งหมดในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่า 1.158 แสนล้านดอลลาร์ มากกว่าสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งก่อนที่ 1.148 แสนล้านดอลลาร์ที่ทำไว้ในปี 2551
กระทรวงเกษตรสหรัฐ คาดการณ์ว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรในปีงบประมาณ 2554 จะอยู่ที่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์ 1.265 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 10%จากสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.149 แสนล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2551
กระทรวงเกษตรสหรัฐ จะเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์การส่งออกสินค้าเกษตรครั้งต่อไป
ในวันที่ 24 ก.พ.ในการประชุมแนวโน้มประจำปีของกระทรวงฯ

http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%B2.html
j2methai
Verified User
โพสต์: 483
ผู้ติดตาม: 0

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 59

โพสต์

(2011-02-14 16:37:11 น.)
จีนขึ้นแท่นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก

อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับที่ 2 แซงหน้าญี่ปุ่นในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว


รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศตัวเลขจีดีพีประจำไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วมีมูลค่า 5,470,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ยังน้อยกว่าจีดีพีของจีนในช่วงเวลาเดียวกันที่ 5,800,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ เป็นสิ่งยืนยันอีกครั้งว่าจีนมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก แทนที่ญี่ปุ่นในขณะนี้

สาเหตุที่ทำให้ญี่ปุ่นมีอัตราการเติบโตของจีดีพีน้อยลงร้อยละ 0.3 ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มาจากการส่งออกและความต้องการผู้บริโภคลดลง รวมทั้งค่าเงินเยนอ่อนค่าลงอีกด้วย แต่จีนกลับได้รับอานิสงจากภาคอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตในขณะนี้

ส่วนนักวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ระบุว่า จีนมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ทางเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลกแทนสหรัฐภายใน 10 ปีนี้ หากยังมีอัตราการเติบโตเป็นเช่นปัจจุบัน

http://www.thaipbs.or.th/s1000_obj//lit ... _id=293440
j2methai
Verified User
โพสต์: 483
ผู้ติดตาม: 0

Re: เกาะติดฟองสบู่จีน

โพสต์ที่ 60

โพสต์

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2554 17:13
จีนผุดแหล่งสำรองแร่หายาก

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

จีนเข้มผุดแหล่งสำรองแร่หายากหวังเพิ่มอำนาจต่อรองด้านราคา

จีน เดินหน้าสร้างแหล่งสำรองแร่หายาก หวังเพิ่มอำนาจต่อรองด้านราคาในตลาดโลก ขณะแหล่งสำรองแร่หายากในมองโกเลียใน กักเก็บแร่เพื่อส่งออกไปขายในตลาดต่างประเทศ ปีที่แล้วได้มากถึง 39,813 เมตริกกัน

ทั้งนี้ จีน กำลังสร้างแหล่งสำรองเชิงยุทธศาสตร์แร่หายาก เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่อาจจะเพิ่มอำนาจรัฐบาลปักกิ่งในการเป็นผู้กำหนดราคาแร่ชนิดนี้ในตลาดโลกรวมทั้งเพิ่มบทบาทในการเป็นผู้จัดหาแร่ที่จีนค่อนข้างผูกขาดอยู่แล้ว

แม้แผนจัดทำแหล่งสำรองแร่หายากยังไม่ได้ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่หน่วยงานของรัฐบาลจีนหลายแห่ง บริษัทรัฐวิสาหกิจ และรายงานข่าวของสื่อที่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาล ก็ได้เผยร่างเค้าโครงเกี่ยวกับความพยายามเรื่องนี้ออกมาให้สาธารณชนรับรู้บ้างแล้วในแถลงการณ์เมื่อไม่นานมานี้

รายงานข่าวระบุว่า แหล่งสำรองแร่หายากที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผานมาในมณฑลมองโกเลียในสามารถเก็บรักษาแร่หายากที่ส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศเมื่อปีที่แล้วได้ถึง 39,813 เมตริกกัน

จีน ควบคุมการจัดหาแร่หายากทั่วโลกกว่าในสัดส่วนกว่า 90% ซึ่งแร่ชนิดนี้มีองค์ประกอบ 17 ชนิดและบางครั้งก็เรียกขานว่าเป็น"ทองคำแห่งศตวรรษที่ 21" เป็นแร่ที่มีความสำคัญสำหรับกระบวนการผลิตอุปกรณ์ไฮเทคโนโลยี อาวุธที่มีเลเซอร์เป็นตัวนำวิธี และแบตเตอรี่รถยนต์ไฮบริด ซึ่งที่ผ่านมา ทางการจีน ใช้มาตรการคุมเข้มด้วยการกำหนดโควต้าการส่งออก

http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B8%81.html