ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 9

Re: เกี่ยวกับเรื่องรายได้อื่นๆ

โพสต์ที่ 31

โพสต์

[quote="hutz"]เห็นคุณสุมาอี้พูดถึงเรื่อง EBIT ติดลบถ้าตัดรายได้อื่นๆ ออกไป
แล้ว ผมเลยไปดูในหมายเหตุประกอบงบการเงินของงบเก่าๆ เค้าอธิบายถึงรายได้อื่นๆ ว่า

[quote]รายได้อื่นส่วนใหญ่ประกอบด้วยรายได้รับจากยอดซื้อตามเป้า ซึ่งคิดจากยอดซื้อในอัตราร้อยละที่ตกลงร่วมกันระหว่างบริษัทฯและผู้ขาย รายได้รับค่าโฆษณาซึ่งเรียกเก็บจากผู้ขายโดยคิดตาม
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 9

Re: เกี่ยวกับเรื่องรายได้อื่นๆ

โพสต์ที่ 32

โพสต์

[quote="hutz"]
เรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น แต่กับธุรกิจอย่างอื่นก็เช่นเดียวกัน อย่างตอนนี้ทางด้าน วัสดุก่อสร้าง, เฟอร์นิเจอร์ พวก HyperMart เกิดขึ้นมาก ขายของถูก มีของครบ ราคาแน่นอนเชื่อถือได้
ยังไงลูกค้าก็ต้องไปอยู่แล้ว คงไม่มีใครอยากเลือกสิ่งที่ไม่ดีให้กับตัวเอง

บ้านผมขายวัสดุก่อสร้างอยู่ในอำเภอเล็กๆ วันดีคืนดีก็ต้องต่อกรกับ
Hypermart ใหญ่ๆ พร้อมๆ กันหลายเจ้า เฉพาะตอนนี้ก็มี
Cementhai HomeMart ที่เน้นเปิดขนาดใหญ่มากขึ้น, GlobalHouse ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างคล้ายโฮมโปร, แล้วที่กำลังจะเปิดอีกแห่งก็ HomePro
พักหลังลูกค้าก็เริ่มไปลองใช้บริการกันเยอะขึ้น แล้วเค้าก็ค่อนข้างชอบกันด้วย
ถึงกับบอกว่า "ถึงค่าน้ำมันรถไปจะแพง แต่ก็คุ้ม"
มันน่ากลัวจริงๆ น๊อ... ซักวันนึงอาจจะมีข่าวเรื่องรัฐเข้าช่วยโชว์ห่วยวัสดุก่อสร้างก็ได้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
hutz
Verified User
โพสต์: 15
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 33

โพสต์

เรื่องประเด็นรัฐเข้ามาช่วยค้าปลีกวัสดุก่อสร้างนี่ผมแซวเล่นๆ น่ะครับ  :lol:

ค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณ por_jai เรื่องพฤติกรรมผู้บริโภคมาก
และก็เป็นสิ่งที่ผมเองและที่บ้านกำลังกังวลกันว่า การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมันกำลังเริ่มขึ้น
ลูกค้าระดับล่างคือที่เป็นชาวบ้านจริงๆ ยังไม่น่าห่วงเท่าไหร่
เพราะเราสามารถใช้บริการ ความเป็นกันเอง แคมเปญของแจก ของแถม ลดราคา บริการส่งฟรี มาช่วยได้
ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ที่บ้านผมก็จะเป็นสัดส่วนซะประมาณ 70% ของลูกค้าทั้งหมดเข้าไปแล้ว

แต่กลุ่มที่พฤติกรรมกำลังเปลี่ยนจริงๆ คือกลุ่มผู้มีฐานะปานกลาง มีการศึกษา พวกอาจารย์ ข้าราชการ
กำลังเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมหันไปเข้า HyperMart มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเค้าสามารถเดินทางไปได้สะดวก
แล้วเค้าคำนวณแล้วพบว่ามันประหยัดกว่า เพราะรายการสินค้าบางอย่างที่ขายตาม Hypermart มันถูกกว่าราคาทุนที่บ้านซะอีก
ซึ่งผมคิดว่าไอ้การเปลี่ยนแปลงนิดหน่อยนี่แหละ ที่จะส่งผลเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้าได้
ภาพประจำตัวสมาชิก
เพื่อน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1832
ผู้ติดตาม: 1

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 34

โพสต์

ผมว่าเรากำลังมองปัญหากันผิดจุดอยู่นะครับ

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ความล้าสมัยของโชวห่วยและความทันสมัยของModern Trade ครับ

ผมเห็นด้วยที่ว่าModern Trade ทันสมัยกว่า น่าใช้กว่า มีความพัฒนากว่า....แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ

ในระบบของทุนนิยม ให้ความสำคัญกับเงินมาก ซึ่งก็ไม่ใช่ข้อผิด

แต่เดิม เงินคือสิ่งสมมุติ เพื่อนำมาใช้แทนการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน

ลำพังสินค้าจะถูกจะแพง ก็ยังไม่มีปัญหามาก ถ้ามันยังคงหมุนเวียนอยู่ในระบบวงจรของกลุ่มสังคมที่พึ่งพิงกัน เงินมันก็ไม่หนีไปไหนไกล

แต่เมื่อมีคนนอกกลุ่มสังคมเดิมเข้ามาร่วมวงจรด้วย ถ้าเงินมันยังหมุนอยู่ในวงจรเดิม ก็คงไม่เป็นปัญหา แต่ปัญหามันเกิดเพราะคนนอกกลุ่มที่ว่า(ซึ่งฉลาดและทันสมัยกว่า)ค่อยๆนำเงินที่เคยหมุนเวียนอยู่ในกลุ่มสังคมเดิม นำออกไปจากวงจรทีละน้อย ในขณะที่อำนาจต่อรองก็เพิ่มขึ้นทุกวันพร้อมกับเงินทุนที่แต่เดิมเป็นแค่สิ่งสมมุติสำหรับการแลกเปลี่ยนกัน ได้เปลี่ยนสภาพมาเป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่ใครมีสะสมมากกว่าก็จะได้เปรียบผู้ที่มีน้อยกว่า

การแก้ปัญหาไม่ใช่เรื่องห้ามขยายModern Tradeครับ แต่ต้องหาวิธีป้องกันเงินทุนที่หมุนเวียนอยู่ในกลุ่มออกไปนอกวงจร การมีข้อตกลงระหว่างประเทศเป็นการต่อรอง เช่นให้เค้าต้องรับแรงงานจากประเทศไทยเข้าไปในวงจรเงินทุนของเค้าเพิ่ม หรือลดข้อกีดกันทางการค้าของเค้าลงด้วย เพื่อให้สมดุลย์กันกับการยอมให้เค้ามาขยายModern Trade ไปด้วยกันได้

.....ตราบใดที่ยังไม่สามารถหาข้อตกลงที่เหมาะสมได้ เราก็ต้องหาทางป้องกันการแข่งขันของคนในสังคมของเราไว้ก่อนจนกว่าจะพร้อม เราคงไม่คิดจะส่งนักบอลที่ยังใส่รองเท้าแตะอยู่ไปลงแข่งโดยยอมให้เค้าใส่รองเท้าสตั๊ดอย่างดีมาแข่งด้วย....นอกจากบอกเค้าว่า ถ้ายูอยากแข่ง ก็ขอร้องให้ใส่รองเท้าเหมือนกัน (ถึงเราจะแพ้ แต่ก็ไม่ยับเยิน...เราค่อยไปเอาดีทางมวยไทยก็ยังได้)

Modern Trade เปิดได้ครับ แต่ต้องรู้จักต่อรองด้วย

อีกคำถามหนึ่งที่แสดงการกีดกันอำนาจทางทุนนิยมอย่างชัดเจนก็คือ ทำไมเราไม่ยอมให้ต่างชาติซื้อที่ดินเราได้โดยตรง .....เพราะเงินเค้าแค่นิดเดียว สามารถซื้อที่ดินเราได้เป็นจังหวัดเลยครับ สิงค์โปรอาจซื้อที่ประเทศไทยได้ง่ายๆ และให้เราเป็นผู้เช่าเค้าเก็บตังค์คืนเค้าอีกที.....นี่คือข้อควรระวังของระบบเสรีทางทุนที่มากเกินไป จนกลายเป็นอาวุธสมัยใหม่ไปแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 76

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 35

โพสต์

เวลาเขามากว้านซื้อที่ดินหรือธุรกิจของเรา  ถ้าเราไม่ขายซะอย่าง เขาจะไม่มีทางซื้อได้เลย เขาซื้อไปได้ก็เพราะเราเองนั้นแหละที่ตกลงขายให้เขา

สมัย PTTEP เข้าตลาดใหม่ มีรายย่อยถือหุ้นอยู่ 10% พอราคาขึ้น 6 เท่าตัว รายย่อยก็ขายออกจนหมด เดี๋ยวนี้มีรายย่อยถือหุ้นเหลืออยู่แค่ 1% เท่านั้น เราเองนั้นแหละที่ยินดีที่จะขายให้เขา ถ้าเราไม่ยอมขายซะอย่างต่อให้เขามีทุนมากกว่าขนาดไหนก็ไม่ทางซื้อได้เลย

เราชอบบอกว่าพวกนายทุนเอาเปรียบ เพราะเราเป็นลูกจ้างใช้แรงงานแต่ถึงเวลามีกำไรนายทุนก็เอากำไรนั้นไปหมด

แต่พอเขาเปิดโอกาสให้ลูกจ้างซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ได้ ลูกจ้างกลับไม่ยอมซื้อหุ้นบอกว่าหุ้นเสี่ยง

แล้วทำไมบอกว่าเป็นนายทุนได้เปรียบ นายทุนก็หมายถึงคนที่ถือหุ้นมิใช่หรือ

ทัศนคติของเรานี่แหละที่ทำให้เราจน อย่าไปโทษต่างชาติเลย
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เพื่อน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1832
ผู้ติดตาม: 1

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 36

โพสต์

[quote="สุมาอี้"]เวลาเขามากว้านซื้อที่ดินหรือธุรกิจของเรา
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 49

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 37

โพสต์

สุมาอี้ บอกว่า
สิงคโปร์เปิดเสรีตั้งแต่ตอนที่ประชาชนของเขายังใส่งอบอยู่เลย ทำไมเขาถึงไม่โดนต่างชาติยึดประเทศ ทุกวันนี้สิงคโปร์ออกไปไล่ซื้อธุรกิจของประเทศอื่นรวมทั้งประเทศที่ชอบปกป้องคนในประเทศให้แข่งขันได้อย่างประเทศไทย
ข้อความนี้สะดุดใจครับ เพราะว่าดูเหมือนจะออกนอกกรอบความคิดโดยปกติของคนเรา

ที่จริงคนสิงคโปร์ไม่ได้เก่งกว่าคนไทยเลย ก็สืบเชื้อสายมาจากสองกลุ่มใหญ่ๆคือจีนและมาเลย์ ซึ่งไม่ได้ต่างจากคนไทยเท่าไหร่ ไทยเราก็มีคนจีนเก่งๆเยอะแยะ คนไทยดั้งเดิมก็ไม่ใช่ย่อย  หรือที่มีเชื้อชาติอื่นๆก็ไม่ได้แย่อะไร ก็ล้วนแต่สู้ได้โดยไม่อายใครทั้งนั้น

ผมว่าที่คุณสุมาอี้ยกมานั้นเป็นอีกมุมมองหนึ่งซึ่งออกนอกกรอบที่เราเคยชิน  เรามองฝรั่งหรือต่างชาติอื่นๆว่าเขาใหญ่กว่าเขามีเงินมากกว่าเขาจึงได้เปรียบกว่า แต่เหตุการณ์จริงมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป ตัวอย่างกรณีวอลล์มาร์ท(ที่เป็นยักษ์ใหญ่ที่หนึ่งของโลก)ในญี่ปุ่น เกาหลี และจีนซึ่งขาดทุนจนเจ๊งก็เป็นตัวอย่างที่ดี  คาร์ฟูบริษัทยักษ์ของฝรั่งเศษก็จะเจ๊งในเมืองไทย โอเรนจ์ของประเทศไหนก็ไม่รู้ก็เจ๊งในเมืองไทยเหมือนกัน ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นหละ.....ก็เงินเยอะไม่ใช่หรือ.....

ถ้าเราอยู่ในกรอบเดิมเราก็คิดแต่ป้องกันตัว ต้องกีดกัน ต้องต่อต้าน ต้องออกกฏหมายห้ามโน่นห้ามนี่สารพัด ห้ามซื้อที่ดิน ห้ามผูกขาด ห้าม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

แต่เอ๊ะ!!!!!!.....เราก็ห้ามแล้วทำไมยังมีกรณีเกาะสมุยและที่อื่นๆอีกมากมาย  เหมือนยิ่งห้ามยิ่งยุ   ก็ปรากฏว่ามันห้ามไม่ได้  เราก็น่าจะประเมินใหม่หากุศโลบายใหม่ๆ  ไม่อย่างนั้นถ้าเราใช้วิธีเดิมๆ ผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิม

ทำไมที่ดินทีเกาะสมุยถึงโดนต่างชาติกว้านซื้อได้มากมาย ทั้งๆทีกฏหมายก็ห้ามไว้แล้วชัดเจน ก็เพราะการใช้วิธีการห้ามมันไม่ได้ผล  คนนะครับมันเก่งมันก็ต้องหาทางเลี่ยงจนเจอ  กฏหมายเป็นของตายดิ้นไม่ได้  แต่คนเป็นของเป็นซึ่งดิ้นได้ตลอด แล้วกฏหมายจะไปสู้ได้อย่างไร  และแล้ว......มันก็เจอวิธีจนได้โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนของมัน

ท่านอื่นอาจจะบอกว่าต้องปลูกฝังจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ  อย่าไปยอมเป็นนอมินีให้ต่างชาติ ฟังดูก็น่าจะดีนะ  

แต่เอ๊ะ.!!!!!.... แล้วมันสำเร็จกี่เปอร์เซนต์ ทำไมเราปลูกฝังเรื่องแบบนี้มานานเป็นร้อยๆพันๆปีแล้ว ทำไมมันถึงยังมีหลุดรอดไปได้อีกเรื่อยๆและนับวันจะรุนแรงมากขึ้น

อืม......เราก็มาคิดว่า

ถ้าการแก้ปัญหานั้นทำได้ง่ายๆโดยบอกให้ทุกคนเป็นคนดีทำแต่ความดีแล้วจบ แล้วทุกคนก็ทำตามแต่โดยดี โลกเราจะวุ่นวายแบบนี้เหรอ มันวุ่นวายเพราะว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้นนะสิครับ

ถ้าการแก้ปัญหายังอยู่ในวังวนเดิมๆแล้วก็วนเวียนคิดอยู่แค่นี้ โดยไม่สนใจว่าจะได้ผล(product)หรือไม่  เน้นแต่กระบวนการ(process)ว่าโก้แล้วเจ๋งแล้วเท่ห์แล้ว มันจะไหวหรือครับ

ถ้าอย่างนั้น อนาคตก็ต้องออกกฏหมายห้ามต่างชาติเอากำไรกลับประเทศ เพราะเราบอกว่าทำให้เงินที่อยู่ในวงจรของเราลดลง(ทั้งๆที่จริงๆแล้วเราต่างหากที่เป็นคนทำให้เงินในระบบของต่างชาติลดลง เพราะเราได้เปรียบดุลการค้ากลุ่มยุโรปและอเมริกาไม่ใช่เขาได้เปรียบเรา) แล้วประเทศไหนจะโง่มาทำธุรกิจกับเราหละ  แล้วถ้าเขาอ้างบ้างว่าที่ผ่านมา ไทยได้เปรียบดุลการค้าอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศสอิตาลี มหาศาลแล้วห้ามเอาเงินเข้าประเทศไทยมั่งเราจะยอมเหรอครับ

ผมเองไม่รู้หรอกว่าคำตอบของการคิดนอกกรอบเป็นอย่างไร เพราะปัญญาไม่ถึง  แต่ถ้าวิธีเดิมไม่ได้ผลก็ต้องหาวิธีใหม่ไปเรื่อยๆ  เพราะเราให้ความสำคัญกับ product ด้วย  ไม่ใช่เอาแต่ process
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 76

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ตอนนี้เวียดนามเขายอมรับแล้วว่าที่ผ่านมานโยบายปิดประเทศเป็นนโยบายที่ผิดพลาด และต่อไปนี้เขาบอกว่าอะไรก็ตามที่ขัดขวางการค้าและการลงทุนเขาจะเร่งเอาออกให้หมด

ส่วนประเทศไทยนั้นผมเห็นแต่ว่ากระแสต่อต้านต่างชาตินับวันจะมีแต่รุนแรงมากขึ้น เลยไม่รู้เหมือนกันว่าอีก 5 ปีข้างหน้าไทยกับเวียดนามจะแตกต่างกันอย่างไร

โบลิเวียกับพม่านั้นเป็นตัวอย่างของประเทศที่แก้แค้นต่างชาติที่เข้ามาลงทุนอย่างสาสม เพราะชอบหลอกให้ต่างชาติมาลงทุนเสร็จแล้วก็ยึดเป็นสมบัติของชาติ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าประชาชนของสองประเทศนี้จะมีอะไรดีขึ้น

แนวคิดที่ว่าต่างชาติเข้ามาเพื่อเอาเปรียบเราอย่างเดียวนั้น เป็นการคิดไปเองที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ

ถ้าเราคิดว่าต่างชาติมาลงทุนแล้วขนกำไรกลับประเทศเป็นการเอาเปรียบ ทำไมเวลาเราไปเปิดร้านอาหารไทยในต่างประเทศเราถึงเอากำไรครับ ถ้าเราคิดแต่จะได้เขาฝ่ายเดียวใครเขาจะคบเราครับ
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ForrestGump
Verified User
โพสต์: 1435
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 39

โพสต์

เห็นด้วยกับ ความคิดเห็นของ คุณหมอศรราม และคุณสุมาอี้นะครับ

แต่ว่าน่าจะมีกติกา ที่ควบคุมการขนกำไรกลับ การมีอำนาจต่อรองของผู้ขาย ไม่ให้มากเกินไป และ ควรมีการถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือ การจัดการ ให้คนเก่งๆ ได้เรียนรู้ วิธี ของค้าปลีกข้ามชาติ ที่ "เก่งกว่า" เราไปด้วย การคบหาสมาคมกัน มันจะได้ win win มากกว่า ที่เป็นอยู่นี้

ในระยะยาว แล้วคนไทยจะได้ไม่ต้องเอาแต่คอยตามชาติอื่นๆ อยู่อย่างนี้

อย่างอเมริกา ที่ว่า แข่งขันเสรีๆ มันเสรีจริงหรือเปล่า เค้าปกป้องคนของเค้า ธุรกิจของเค้าหรือเปล่า  

แล้วการแข่งขันเสรี โดยไม่ต้องมีกติกา กฎหมาย รองรับ เพื่อ absorb กระแส Globalization ที่รุนแรง ที่ทุน อำนาจ เทคโนลียีที่เหนือกว่า ชนะ ที่เล็กกว่าด้อยกว่า ระยะยาวแล้วมันดีสำหรับทุกสังคมจริงหรือ  

เปรียบกับไทยเป็นบ้าน ผู้นำในบ้าน(พ่อ) เอาคนเก่งจากนอกบ้าน ที่ เก่งกว่า คนในบ้านมา ทำให้วิถีชีวิต สะดวก สบายขึ้น  

แล้วพ่อ ก็บอกว่า ลูกเอ๊ย ไอ้คนใหม่ที่เข้ามาเก่งจริงๆ ว่ะ ทำให้เราสบายทุกอย่าง ต่อไปแกสบายแล้ว มีไรก็ซื้อเอานะ ดูท่าลูกทำเองคงสู้มันไม่ได้ ไปเป็นลูกจ้างมันเหอะ ไม่ต้องคิดอะไร สบายดี

หน้าที่ที่ดีของผู้นำ ควรเป็นคนสนับสนุนให้คนในบ้าน คิดๆๆ และ พัฒนาตัวเองให้สำเร็จ ไม่ใช่ปล่อยให้ลูก เฮ ตามเค้าไป โดยไม่ใส่ใจ

ผมไม่แน่ใจว่า ที่เราพัฒนาความคิดไปทางทุนนิยม ให้คนเก่ง คนฉลาด แต่คนที่ทำเพื่อส่วนรวมน้อยลงเรื่อยๆ มันดีจริงหรือไม่

ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นครับ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 49

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 40

โพสต์

แล้วพ่อ ก็บอกว่า ลูกเอ๊ย ไอ้คนใหม่ที่เข้ามาเก่งจริงๆ ว่ะ ทำให้เราสบายทุกอย่าง ต่อไปแกสบายแล้ว มีไรก็ซื้อเอานะ ดูท่าลูกทำเองคงสู้มันไม่ได้ ไปเป็นลูกจ้างมันเหอะ ไม่ต้องคิดอะไร สบายดี

หน้าที่ที่ดีของผู้นำ ควรเป็นคนสนับสนุนให้คนในบ้าน คิดๆๆ และ พัฒนาตัวเองให้สำเร็จ ไม่ใช่ปล่อยให้ลูก เฮ ตามเค้าไป โดยไม่ใส่ใจ
5555 น้องกั๊มพูดเหมือนคนมีลูกเลย  ที่จริงยังไม่มีไม่ใช่หรือ........

ลูกที่พ่อแม่คอยปกป้องมักจะทำอะไรไม่ค่อยเป็น ก็มีพ่อแม่คอยกำกับอยู่แล้วนิ....คอยคิดให้ คอยช่วยเหลือ คอยประคับประคอง คอยโอ๋ คอยเอาใจ  แล้วจะต้องคิดเองทำเองไปทำไม  เวลามีเรื่องก็ค่อยอาศัยจังหวะแหกปากตะโกนร้องชักดิ้นชักงอ เดี๋ยวพ่อแม่ก็ " จัดให้ "

ลูกที่เติบโตแข็งแกร่งมีน้ำอดน้ำทน มักจะเป็นกลุ่มที่พ่อแม่ไม่ได้ปกป้องมากนัก แต่ไม่ใช่ไม่มีความรักให้นะครับ แต่รักลูกอย่างถูกทางต่างหาก
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 49

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 41

โพสต์

ตอนนี้เวียดนามเขายอมรับแล้วว่าที่ผ่านมานโยบายปิดประเทศเป็นนโยบายที่ผิดพลาด และต่อไปนี้เขาบอกว่าอะไรก็ตามที่ขัดขวางการค้าและการลงทุนเขาจะเร่งเอาออกให้หมด

ส่วนประเทศไทยนั้นผมเห็นแต่ว่ากระแสต่อต้านต่างชาตินับวันจะมีแต่รุนแรงมากขึ้น เลยไม่รู้เหมือนกันว่าอีก 5 ปีข้างหน้าไทยกับเวียดนามจะแตกต่างกันอย่างไร
ใช่ครับ  จีนเองซึ่งถือว่าเป็นผู้นำค่ายคอมมิวนิสต์ก็เริ่มเปิดประเทศเช่นเดียวกัน  รัสเซียก็เริ่มเปิดประเทศไปแล้วหลังจากที่ประเทศต้องแตกสลายด้วยเพราะความลำบากลำบนและอดอยากถึงขึ้นไปถึงขีดสูงสุด  ผู้หญิงรัสเซียถึงขั้นต้องออกขายตัวทั่วโลก  แม้ในเมืองไทยประเทศที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไรผู้หญิงรัสเซียก็ยังมาขายตัว

ระบบทุนนิยมไม่ได้เป็นระบบที่ดีที่สุด  แต่ก็เลวน้อยกว่าระบบสังคมนิยม  บทเรียนของรัสเซียและจีนก็มีให้ดูตำตา แต่ด้วยผลของอะไรบางอย่าง สิ่งที่ตำตาขนาดนี้ก็กลายเป็นมองไม่เห็น


เฮ้อ......เข้าทำนอง  คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า  พายเรืออยู่ในอ่างแท้ๆ.......
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 49

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 42

โพสต์

แนวคิดที่ว่าต่างชาติเข้ามาเพื่อเอาเปรียบเราอย่างเดียวนั้น เป็นการคิดไปเองที่ไม่ได้มีการตรวจสอบ
เพราะการตรวจสอบนั้นต้องใช้ปัญญาพอสมควรมันจึงไม่ง่ายที่จะทำกันได้ทุกคน

แต่การเชื่อเลยนั้น ใช้อารมณ์ร่วมก็พอแล้ว หรืออาจจะบวกจินตนาการเข้าไปอีกหน่อย  มันก็ลุกโชนโชติช่วงชัชวาลย์........
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 49

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 43

โพสต์

ถ้าคำพูดผมจะรุนแรงไปบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ForrestGump
Verified User
โพสต์: 1435
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 44

โพสต์

เรียนคุณหมอ ศรราม
เรื่องประสบการณ์การมีลูกผมคงสู้ คุณหมอ เมียสอง ลูกสามไม่ได้นะครับ อิอิ

ที่คุณหมอบอกว่า
ลูกที่เติบโตแข็งแกร่งมีน้ำอดน้ำทน มักจะเป็นกลุ่มที่พ่อแม่ไม่ได้ปกป้องมากนัก แต่ไม่ใช่ไม่มีความรักให้นะครับ แต่รักลูกอย่างถูกทางต่างหาก
แสดงว่า คุณหมอเห็นว่า ตอนนี้ รัฐบาลได้กระตุ้น ให้ความรู้ ส่งเสริมให้ ร้านโชว์ห่วย พัฒนาตัวเอง เพื่อแข่งขันกับ modern trade ต่างชาต  อย่างดี และ รักลูกถูกทางแล้ว

หรือว่า ทำไมต้องกระตุ้น คุณคิดเองไม่ได้ ก็สมควรเจ๊งไปเหอะดีแล้ว  ผมเดินห้างของผมสบายๆ ดีกว่า

แล้วขอถามทุกท่านซ้ำอีกทีครับ ว่า ที่ อเมริกา กับ ประเทศเจริญแล้วอื่นๆ  เค้าเสรีจริงๆ ร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ รัฐบาลเค้าไม่ได้ออกกฎอะไรที่ช่วยอะไรคนของเค้าจริงหรือไม่

แสดงความเห็นกันนะครับ หวังว่าคงไม่เคืองกันนะครับ

ปล. จริงๆ มาคิดดูผมก็ได้แต่พูดๆ ล่ะครับ ก็ช่วยโชว์ห่วยอะไรไม่ได้ ก็ซื้อ modern trade มากกว่า โชว์ห่วยอยู่ดี แล้วเรามาคุยๆ กันเรื่องนี้ มีประโยชน์พอป่าวนะ
กฎข้อที่1 อย่ายอมขาดทุน กฎข้อที่2 กลับไปดูกฎข้อที่ 1
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 49

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 45

โพสต์

555 เมียหนึ่งครับ เดี๋ยวจะเข้าใจกันผิด เรื่องสองนั้นไม่เคยแม้แต่จะคิดครับ

ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาก็มีการดูแลร้านโชว์ห่วยพอสมควร โชว์ห่วยบางแห่งก็ต่อสู้จนเอาตัวรอดได้ ได้ปรับปรุงร้านตัวเองหลายๆอย่างในเรื่องการดูแลลูกค้า จัดร้านดีขึ้น พูดจาดีขึ้น สินค้าก็มีคุณภาพมากขึ้นแข่งกันลดราคาลงก็เยอะ จนอยู่รอดได้

ลูกค้าอย่างผมก็ยินดีช่วยอีกแรงหนึ่ง บางอย่างแม้จะแพงกว่านิดๆก็ยังซื้อเพราะทำเลอยู่ใกล้กว่า  ง่ายกว่า สะดวกกว่า คุ้นเคยมากกว่า

ส่วนบางร้านที่ไม่ยอมปรับปรุงตัวเอง เอาเปรียบเห็นๆ พูดจาห่วยๆ สินค้าหมดอายุ ย้อมแมว พวกนี้ก็สมควรจะสูญพันธ์และเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นที่ดีกว่าจะดีกว่า

ถ้ารัฐบาลยังอุ้มพวกนี้โดยบีบผู้บริโภคทางอ้อม  ผมว่า มันก็ไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค  ที่จริงผู้บริโภคโดนร้านพวกนี้เอาเปรียบมานานแล้วโดยไม่มีทางเลือก เพราะจะเลือกร้านอื่นๆก็ห่วยสมชื่อพอๆกัน  ครั้นมีคนมาเสนอทางที่ดีกว่ารัฐก็ยังจะออกกฎโน่นกฎนี่มาข่มเหงกันอีก ผมว่าก็เกินไปหน่อย ผู้บริโภคเป็นพลเมืองชั้นสองหรืออย่างไร

ส่วนประเทศอื่นจะปกป้องธุรกิจก็ช่างเขา  เพราะนักการเมืองทุกประเทศก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อคะแนนเสียง  ธุรกิจบางอย่างถ้าเป็นเรื่องจำเป็นก็อุ้มกันไป แต่ถ้าไม่จำเป็นผมว่าระยะยาวจะทำให้ระบบอ่อนแอและเดือดร้อนทั้งคนอุ้มและถูกอุ้มในอนาคต  เข้าทำนองเตี้ยอุ้มค่อม  หรือกอดหุ้นเน่า  หรือเด็ดดอกไม้รดน้ำให้หญ้า

อย่างหุ้นเบิร์คไชค์ซึ่งเมื่อก่อนทำสิ่งทอ  ถ้ารัฐเข้ามาอุ้มป่านนี้เบิร์คไชค์ก็คงยังทอผ้ากันอยู่ และคนอเมริกันก็ต้องซื้อเสื้อผ้าราคาแพงลิบๆทั้งประเทศ เพียงเพื่อช่วยเหลือคนไม่กี่กลุ่ม และถ้าเสื้อผ้าแพง ค่าครองชีพก็สูงขึ้นไปอีก ค่าอย่างอื่นก็ต้องสูงตามเพื่อชดเชยเป็นลูกโซ่ยาวเฟื้อย มันวุ่นวายขนาดนั้นเลยนะ  ก็ทำไมจะต้องเป็นอย่างนั้นหละ  คุณซื้อเสื้อผ้าจากเมืองไทยก็ได้ จากเมืองจีนก็ได้ ราคาต่ำกว่ากันเยอะ  พอไม่อุ้ม พวกสิ่งทอก็หันไปทำอย่างอื่นที่อยู่รอดโดยไม่ต้องเป็นภาระกับคนส่วนใหญ่และกับประเทศ และเขาก็ทำอย่างนี้กันทั้งนั้น

ตอนปลายของยุครถไฟ  คนอเมริกันจำนวนไม่น้อยที่เกี่ยวข้องกับรถไฟก็โวยวายบริษัทเครื่องบินและรถยนต์ทั้งในชาติและต่างชาติ  ถ้ารัฐยอมอุ้มป่านนี้อเมริกาคงเดินตามหลังเวียดนาม และเวียดนามอาจจะส่งทหารเข้าไปช่วยรบระหว่างฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้แทน เผลอๆเวียดนามเป็นผู้ชนะสงครามและครอบครองอเมริกาแทนก็ได้

แต่กรณีข้าวของอเมริกาฝรั่งเศสและญี่ปุ่นนั้น รัฐเขาอุ้มเพราะว่าข้าวมีความจำเป็นสูงกว่าสิ่งทอมาก เพราะข้าวเป็นสินค้าทางยุทธศาสตร์ด้วยเช่นเดียวกับพวกเหล็ก (ในอดีตมีคนพูดว่าประเทศไหนจะชนะสงครามให้ดูว่าประเทศไหนมีเหล็กมากกว่ากัน )

เขากลัวว่าจะไม่มีคนทำอาชีพนี้และถ้าเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีกินกันในกรณีที่เกิดสงครามหรือเกิดอะไรที่รุนแรงจริงๆ แต่ก็อุ้มอย่างมีขอบเขตุเอาแค่พอรับประกันความเสี่ยงเท่านั้นเอง ไม่ได้อุ้มเต็มตัวให้เป็นภาระหนักๆกับผู้บริโภคแต่อย่างใด
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
Boring Stock Lover
Verified User
โพสต์: 1301
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 46

โพสต์

[quote="ForrestGump"]
แล้วขอถามทุกท่านซ้ำอีกทีครับ ว่า ที่ อเมริกา กับ ประเทศเจริญแล้วอื่นๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เพื่อน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1832
ผู้ติดตาม: 1

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 47

โพสต์

ก่อนอื่น อย่าเพิ่งเคืองกันนะครับ ถ้าความเห็นจะไม่ตรงกันบ้าง

ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองกัน...ผมว่าอ่านหลายๆความเห็นแล้วก็สนุกดี ได้เห็นหลายๆด้าน

ขอแสดงความเห็นแย้งเรื่องตัวอย่างประเทศที่เคยปิดประเทศแล้วมีผลอย่างไร และประเทศที่หันมาเปิด เป็นอย่างไร

ตัวอย่างประเทศที่ยกมา เช่นพม่า เวียดนาม โบลิเวีย รัสเซีย จีน อาจจะรวมได้ถึงกัมพูชา ลาวและแม้แต่ประเทศไทยก็ยังได้ ประเทศเหล่านี้เคยปิดประเทศมาก่อน (บางประเทศก็ยังปิดอยู่)

ข้อสังเกตุก็คือ ประเทศเหล่านี้มีปัญหาในการพัฒนา โดยตรงแล้วเกิดจากระบบการปกครองเป็นหลักครับ ไม่ใช่ว่าเพราะเค้าเปิดแล้วเค้าถึงพัฒนา อาเจนติน่าเป็นยังไงครับ แมกซิโกเป็นยังไงครับ ประเทศแถบอาฟริกาเป็นยังไงครับ หลายๆประเทศก็เปิด แต่ก็ยังแย่อยู่ บางทีแย่หนักกว่าเดิมด้วย

ที่คุณเห็นว่าจีนและเวียดนาม พัฒนาขึ้นมา ไม่ใช่เค้าเปิดประเทศโดยไม่เตรียมตัวนะครับ เค้าพัฒนากลไกป้องกันขึ้นมาก่อนระดับหนึ่ง พร้อมกับพัฒนาความโปร่งใสในการปกครองมากขึ้น แล้วจึงค่อยๆเปิดประเทศ และค่อยๆคลายกลไกลงทีละเปราะที่เห็นว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะลงสนามแข่งได้แล้ว

คุณจำได้มั้ยว่าเมื่อก่อนเวียดนามสนับสนุนให้ต่างชาติเข้าไปลงทุน แต่มีกฎหมายห้ามนำเงินออกมา ให้หาทางใช้เงินต่อภายในประเทศเค้า ....ประเทศจีนก็คล้ายๆกัน มีเกราะป้องกันต่างชาติมากพอสมควรในช่วงแรกๆ คงจำกันได้ว่าการค้าขายกับจีนในช่วงแรกๆ เจอลูกเล่นต่างๆนาๆเยอะมาก แต่เค้าก็มีวิธีจูงใจในรูปแบบต่างๆให้คู่ค้ายังคงสนใจที่จะเพิ่มการลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ ....แล้วเค้าก็พัฒนาทางด้านการผลิตของเค้าเองขึ้นมาพร้อมๆกัน ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าคล้ายๆจะมีกฎหมายให้ผู้มาลงทุนจากต่างชาติต้องว่าจ้างคนภายในประเทศเค้าเพื่อถ่ายทอดเทคโนฯและความรู้ไปด้วยพร้อมๆกัน......เค้ามีข้อต่อรอง และความระมัดระวังตัวครับ

บางทีเราอาจจะรู้สึกว่าเราเก่งพอแล้ว เลยคิดว่าถึงเวลาที่เราจะต้องลงแข่งได้แล้ว แต่ไม่ทันมองลูกทีมที่ยังไม่ผ่านการฝึกฝนที่พอเพียง....ไม่ต้องรอให้แข่งจบ ก็คงรู้ผลก่อนแล้วครับ

ขอยกตัวอย่างคาร์ฟูเอง...ในประเทศฝรั่งเศสของเค้าเอง การจะไปเปิดสาขาในท้องถิ่นต้องได้รับความยินยอมผ่านผู้คนในท้องถิ่นนั้นๆก่อน....เพราะที่นั่นเค้ายังไห้ความสำคัญกับคนในระดับชาวบ้านที่มีการประกอบอาชีพทั่วไป ยังคงมีที่ทำกิน มีอาชีพตามปกติ ในระดับที่มีความสุขแบบชาวบ้านๆ....ผมก็ว่าเป็นเรื่องที่สวยงามที่ผู้คนยังมีความสัมพันธ์กันในรูปแบบท้องถิ่น กับอาคารหลังเล็กๆ ที่เดินเหินถึงกัน ถูกบ้างแพงบ้าง ก็เป็นเสน่ห์ของการใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง....สังคมเค้าจะช่วยตรวจสอบดูแลกันเองครับ

อีกตัวอย่างหนึ่ง อาจจะไม่ตรงนัก แต่ก็คล้ายๆกัน ในด้านความรู้สึกของคนในสังคม ที่มีมุมมองไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องทุนเสรีจนมากเกินไป
เป็นตัวอย่างของ ดิสนี่แลน์ตั้งใจจะไปเปิดที่รัฐMaryland ใกล้ๆ WDC. เมื่อประมาณ10กว่าปีก่อน ให้เหตุผลว่าจะช่วยพัฒนาการท่องเที่ยวและเพิ่มระดับความเป็นอยู่ให้กับชุมชนที่นั่น....ปรากฎว่าสังคมที่นั่นเค้าไม่ต้อนรับ เค้าไม่ได้สนใจแค่เรื่องทุนหรือกำไรเท่านั้น เค้าต้องการพื้นที่ที่ยังคงธรรมชาติสวยงามและสงบของเค้ามากกว่าความคึกคักกับเงินทุนหมุนเข้าออกสูงในชุมชน

คุณหมอศรรามครับ....ขออนุญาติแย้งคุณหมอเรื่องนึงนะครับ หวังว่าคงไม่ว่ากัน นะ นะ นะ .....ผมสังเกตุว่าช่วงหลังคุณหมอเปรยมาหลายครั้ง ทำนองว่า ระบบทุนเสรีนั้นถือว่าดีที่สุดในปัจจุบัน จนในกระทู้นี้คุณหมอเริ่มเอาไปเปรียบเทียบกับระบบสังคมนิยม
พอดีผมก็เพิ่งให้ความเห็นไปทำนองว่า ระบบทุนเสรีมีข้อที่น่าห่วงอยู่เหมือนกัน ก็เลยกลัวว่าคุณหมอจะเข้าใจว่าผมสนันสนุนระบบสังคมนิยม.... :lol:
ผมขอยืนยันครับว่าระบบทุนเสรีนั้น ดีกว่าครับ แต่ขอติงในเรื่องที่ควรระวังไว้บ้าง ข้อเสียมันก็มีมากเหมือนกันครับ โดยเฉพาะทุนที่อยู่ในมือของผู้มีอำนาจ(ที่ไม่ซื่อ)ครับ


แลกเปลี่ยนความเห็นกันนะครับ....คิดไม่เหมือนกันบ้าง แต่รับฟังกัน อธิบายกัน ผมว่าพัฒนาทางความคิดอ่านดีครับ....คุณหมอว่ามั้ย.... :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สุมาอี้
Verified User
โพสต์: 4576
ผู้ติดตาม: 76

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 48

โพสต์

สมัยที่เติ้งเสี่ยวผิงขึ้นสู่อำนาจใหม่ๆ มีการถกเถียงกันในสภาเรื่องนโยบายส่งคนจีนไปเรียนต่อต่างประเทศ ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ในพรรคคอมมิวนิสต์เกรงว่าถ้าปล่อยให้เด็กเหล่านี้ไปเรียนต่อต่างประเทศ สมองจะไหล เด็กพวกนี้จะไม่กลับมา เราจึงไม่ควรเสียเงินส่งไป

เติ้งเสี่ยวผิงบอกว่า "ไม่ต้องไปหาวิธีกักเขาหรอก ทำประเทศของเราให้ดีสิ แล้วเขาก็จะกลับมาเอง"

ในยุคที่เปิดประเทศใหม่ๆ ด้วยนโยบายสี่ทันสมัย จีนไม่มีเงินทุนพัฒนาประเทศจึงเปิดรับเงินลงทุนจากต่างชาติอย่างเต็มที่ ผู้บริหารระดับสูงหลายคนในพรรคคอมมิวนิสต์มองว่าเราไม่ควรยืมเงินต่างประเทศเหล่านี้มา การยืมจมูกเขาหายใจ ถ้าหากพัฒนาไม่สำเร็จเราจะไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยเราจะตกที่นั่งลำบาก

เติ้งเสี่ยวผิงตอบว่า "ขนาดเจ้าหนี้เขาเป็นเจ้าของเงินเขายังไม่กลัวเลย เราเป็นคนยืมเงินเราจะไปกลัวทำไม"

ความคิดของเติ้งเสี่ยวผิงสมัยนั้นจัดว่าเข้าขั้นขายชาติเลยทีเดียว
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
เพื่อน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1832
ผู้ติดตาม: 1

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 49

โพสต์

ความคิดสร้างสรรค์ มักจะเกิดจากคนส่วนน้อย..... :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 49

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 50

โพสต์

คุณเพื่อน บอกว่า
คุณหมอศรรามครับ....ขออนุญาติแย้งคุณหมอเรื่องนึงนะครับ หวังว่าคงไม่ว่ากัน นะ นะ นะ .....ผมสังเกตุว่าช่วงหลังคุณหมอเปรยมาหลายครั้ง ทำนองว่า ระบบทุนเสรีนั้นถือว่าดีที่สุดในปัจจุบัน จนในกระทู้นี้คุณหมอเริ่มเอาไปเปรียบเทียบกับระบบสังคมนิยม
อ่านแล้วตกใจกับความคิดตัวเองเหมือนกันครับที่บอกว่า ระบบทุนเสรีนั้นถือว่าดีที่สุดในปัจจุบัน

แต่เอ๊ะ.....ทำไมผมไม่คุ้นกับความคิดนี้เลยอ่ะ เพราะผมคิดว่ามันไม่ใช่ระบบที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี่นา หรือว่าผมพิมพ์ผิด

ก็เลยย้อนไปดู  อ้อ......ค่อยยังชั่ว ผมบอกว่า

ระบบทุนนิยมไม่ได้เป็นระบบที่ดีที่สุด  แต่ก็เลวน้อยกว่าระบบสังคมนิยม

ซึ่งผมว่าดูเผินๆอาจจะตีความว่า  ความหมายคล้ายคลึงกัน  ครือๆกัน

แต่ผมว่ามีส่วนต่างกันอยู่ครับ เช่น

1. ถ้าเราว่าอะไรอย่างหนึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว  ก็แปลว่าไม่มีอย่างอื่นที่ดีกว่า ก็ป่วยการจะไปค้นหาจุดแข็งจุดอ่อนของสิ่งนั้นๆ  ซึ่งจะทำให้ผมหลับหูหลับตาเชื่อไปเลย  ก็มันดีที่สุดแล้วนี่

2. ถ้าเราว่ามันไม่ได้ดีที่สุด ก็แปลว่ามันมีสิ่งที่ดีกว่า  และเราก็ย่อมจะมองหาข้อดีข้อเสียเปรียบเทียบอยู่บ่อยๆเพื่อค้นหาสิ่งที่ดีกว่าเสมอๆ  ไม่ได้ชอบอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงจุดอ่อนแต่อย่างไร  และย่อมหมายความว่าแม้กระทั่งจุดอ่อนเรื่องทุนที่อยู่ในมือคนไม่ซื่อก็ได้นำมาพิจารณาร่วมแล้ว......จะเป็นไปได้ไหมครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 9

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 51

โพสต์

8) ผมนั่งนึกภาพกระทู้นี้ไปว่ากำลังนั่งสนทนากันอยู่
    ในห้องสัมนาซักทีนึง
    สมมุติว่าที่ตลท.ห้อง1101ก็ได้
    มีหมอศรรามนะ น้องต้อม(ฟอเรสกั๊ม)นะ
    พี่เพื่อนนะ ท่านbslนะ ท่านแม่ทัพนะ
    ท่านhutzนะ วิศวกะท่านเจโชวนะ
    ผมว่าคงเป็นการสนทนาที่ออกรสไม่น้อยทีเดียว...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
เพื่อน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1832
ผู้ติดตาม: 1

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 52

โพสต์

[quote="สามัญชน"]
แต่ผมว่ามีส่วนต่างกันอยู่ครับ เช่น

1. ถ้าเราว่าอะไรอย่างหนึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
เพื่อน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1832
ผู้ติดตาม: 1

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 53

โพสต์

[quote="por_jai"]8) ผมนั่งนึกภาพกระทู้นี้ไปว่ากำลังนั่งสนทนากันอยู่
ภาพประจำตัวสมาชิก
เพื่อน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1832
ผู้ติดตาม: 1

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 54

โพสต์

สามัญชน เขียน:คุณเพื่อน บอกว่า
ผมลองไปดูกระทู้เก่าเมื่อไม่นานนี้(รู้สึกคุ้นๆ) เพราะสงสัยว่าทำไมถึงรู้สึกไปแบบนั้น....ก็พบว่าใกล้เคียงกับที่คิด แต่ลืมนึกถึงรายละเอียดที่คุณหมอว่ามาจริงๆด้วยแฮะ

จากกระทู้ คุณหมอครับ ... ที่หนังสือพิมพ์กล่าวหานี่มีมูลหรือเปล่าครับ
2.ระบบทุนนิยมเป็นระบบที่ตอบสนองความต้องการที่ไม่มีขีดจำกัดของมนุษย์ได้ดีกว่าระบบอื่นๆ(เท่าที่ทราบในปัจจุบันนะครับ)  มีคนลองใช้ระบบคอมมิวนิสต์หลายประเทศ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด  รัสเซียถึงกับล่มสลาย จีนต้องปรับตัวมาเปิดการค้าเสรี


จากกระทู้ $$$ จาก Warren Buffet ถึง Invisible hand $$$
แต่แล้วสังคมนิยมซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในบางประเทศก็ต้องสลายตัวไป เนื่องจากก่อให้เกิดการอดอยาก ยากแค้น เพราะเป็นระบบที่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมมนุษย์ส่วนใหญ่ ซึ่งมีทั้งด้านดีและด้านมืด  

แต่ระบบทุนนิยมยังคงอยู่

บัฟเฟตต์เป็นผลิตผลของระบบทุนนิยม  เป็นนักลงทุนทั้งในตลาดหุ้นและนอกตลาดหุ้น  หลายๆคนเคยมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม  แต่ณ.วันนี้  เขามอบทรัพย์สินของเขาให้แก่สังคมอย่างมากมายมหาศาลชนิดที่ไม่เคยมีใครในโลกนี้ให้มากเท่านี้มาก่อน

ระบบทุนนิยมที่หลายๆคนรังเกียจเสมือนเป็นตัวปีศาจซาตานที่ชั่วร้ายทำไมถึงสามารถมีลูกเช่นบัฟเฟตต์ได้  

ระบบนี้มีสิ่งดีๆที่เราคิดไม่ถึงหรือไม่


เป็นปัญหาที่เราต้องหาคำตอบกันต่อไปอีกนานแสนนาน
.... :lol:
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 49

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 55

โพสต์

:lol:
2.ระบบทุนนิยมเป็นระบบที่ตอบสนองความต้องการที่ไม่มีขีดจำกัดของมนุษย์ได้ดีกว่าระบบอื่นๆ(เท่าที่ทราบในปัจจุบันนะครับ)  มีคนลองใช้ระบบคอมมิวนิสต์หลายประเทศ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด  รัสเซียถึงกับล่มสลาย จีนต้องปรับตัวมาเปิดการค้าเสรี
ถูกต้องนะครับ ดีกว่า ไม่ใช่ ดีที่สุด

และเป็นปัญหาที่เราต้องหาคำตอบ(และมองหาสิ่งที่ดีขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเพราะเราไม่มีทางรู้หรอกว่าอะไรดีที่สุด  อนาคตก็จะมีสิ่งใหม่ๆดีกว่าเกิดขึ้นไม่มีวันหยุด)กันต่อไปอีกนานแสนนาน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
น้ำครึ่งแก้ว
Verified User
โพสต์: 1098
ผู้ติดตาม: 0

ข่าวค้าปลีก:สร้างภาพ,ขู่ หรือ เอาจริงเมื่อเกือบสาย?

โพสต์ที่ 56

โพสต์

คุณพอใจ กล่าวไว้ว่า
ผมนั่งนึกภาพกระทู้นี้ไปว่ากำลังนั่งสนทนากันอยู่
   ในห้องสัมนาซักทีนึง
   สมมุติว่าที่ตลท.ห้อง1101ก็ได้
   มีหมอศรรามนะ น้องต้อม(ฟอเรสกั๊ม)นะ
   พี่เพื่อนนะ ท่านbslนะ ท่านแม่ทัพนะ
   ท่านhutzนะ วิศวกะท่านเจโชวนะ
   ผมว่าคงเป็นการสนทนาที่ออกรสไม่น้อยทีเดียว
ฮ่า ๆ ๆ ๆ  ผม เห็นภาพที่เคยเห็นในหนังสือเรียนเกียวกับ
ห้องเรียนปรัชญาสมัยกรีก ครับ นั่งถกกันโดยนำเหตุผลมาแย้งกัน
ผมว่า เป็นเรื่องที่ดี ที่เราไม่ได้เอาชนะคะคานจากอารมย์เป็นหลัก
แต่นำเหตุผลและมุมของแต่ละคนมา ถกกัน  ผู้ที่ได้ประโยชน์ที่สุด

คือ ผู้ฟังทุกคนครับ
" ชีวิตไม่เคยขาดความหวาน "