มีเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ไม่เป็นเป็นนักลงทุน vi แล้ว

[pak]

ที่ Set 1,240 นี้...คำตอบจะเปลี่ยนไปบ้างไหมครับ?

(^_^)

[sakkaphan]

ผมคิดว่า การที่เราจะดูว่าแนวทางที่เราเล่นประสบความสำเร็จหรือไม่
ต้องประมาณผลตอบแทนขั้นต่ำที่หวัง ในระยะเวลาที่ตั้งไว้
สำหรับคนที่เล่นไป 2-3เดือนแล้วบอกว่าไม่ได้ตามที่หวัง ผมว่านี่ไม่ใช่ vi แล้วล่ะครับ
เพราะส่วนตัวผมคิดว่าต้องดูผลตอบแทนที่ระยะเวลาอย่างต่ำ 1 ปี
ที่ผมพูดมานี่เพราะว่าผมเจอเองกับประสบการณ์แบบที่ว่า4-5เดือนผ่านไป ราคาก็ยังไม่ขยับไปไหน แถมติดลบด้วยซ้ำ
ผมท้อใจครับ ในขณะที่เพื่อนมาโม้ๆให้ฟังว่าได้เกือบ50%แล้ว
แต่ก็ยังคงคิดว่า เราตั้งเป้าviนี่ ไม่ใช่จะดูได้ในระยะเวลาไม่กี่เดือน
ถ้าถึงเวลาที่ตั้งไว้แล้ว ผลตอบแทนไม่ถึงเป้า นั่นแหละถึงจะกลับมาทบทวนแนวทางการลงทุน
สุดท้ายผมได้ทะลุเป้าครับ
ทำให้ได้รู้เลยว่า เราควรยึดหลักการเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ยึดเอาอารมณ์มาบดบังความคิด
ถึงตอนนี้ผมภูมิใจมาก ที่สามารถข้ามผ่านช่วงเวลาที่ต้องเอาชนะอารมณ์มาได้ และมันทำให้พอร์ตของผมได้ผลตอบแทนที่ดี
ก็ขอเล่าให้ฟังสำหรับเพื่อนๆพี่ๆที่อยู่ในช่วงท้อใจ ท้อได้แต่อย่าถอยนะครับ

โอ้โห พูดไปได้ นี่ปี2009 นี่ ช่วงนั้นผมกำลังไฟแรง เพ้อฝันมากๆ
บางที ณ ช่วงเวลาหนึ่ง เราคิดแบบหนึ่ง
เวลาผ่านไป ประสบการณ์เยอะขึ้น ความคิดก็เปลี่ยนไป
ครั้งนั้น ผมคิดว่าเอาระยะเวลาเป็นตัววัด แล้วพอหุ้นขึ้นดังที่หวังไว้ภายในระยะเวลาที่คาดหวัง ก็คิดว่าตนเองถูก
ทั้งที่จริงๆแล้วตอนนั้น right for the wrong reason ขนานแท้เลยครับ ...หลังจากนั้นก็ติดกับดักทางความคิดตรงนี้ ก็เลยเจ็บตัวในเวลาต่อมา
การเอาผลตอบแทนVSระยะเวลาเป็น performanceวัด เพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้วิเคราะห์ถึงตัวพื้นฐานกิจการ ไม่ได้วิเคราะห์ว่าที่หุ้นขึ้นนั้นมันสมเหตุสมผลกับพื้นฐานบริษัทหรือไม่ อาจจะทำให้มองภาพบิดเบือนไปได้

ปล.ขอบคุณคุณpakที่ขุดมาให้

[dragonrider]

จากประสบการณ์ผมในการเลือกหุ้น
ช่วงลงทุนใหม่ๆ เป็น VI หัดเดิน คงเรียกได้
เลือกลงทุนในหุ้น จาก ค่าวัดเชิงปริมาณ เป็นหลัก ซึ่งเป็นค่าในอดีต
ส่วนเชิงคุณภาพดูจากผู้บริหาร ประวัติดี บริษัท มั่นคงอยู่มายาวนาน
ผลตอบแทน อยู่ในระดับ พอใช้

ช่วงพัฒนา ลดน้ำหนัก การวัดมูลค่าเชิงปริมาณ และ เพิ่มน้ำหนัก
ในการให้คุณค่า เชิงคุณภาพ มากขึ้น โดยดูแนวโน้ม ธุรกิจ กระแสบริโภค
ผลตอบแทน ค่อนข้างดี

ช่วงพัฒนาและปรับปรุง พบว่าการให้น้ำหนักเชิงคุณภาพ ระยะเวลาของผล
ตอบแทน นั้น มีความแตกต่างกัน เพราะ ขาดการให้น้ำหนักของตัวเร่ง เป็น
Key Factor ทำให้หลายครั้ง ผลตอบแทนค่อนข้างใช้เวลานาน
กำลังปรับปรุงตรงจุดนี้อยู่

ผมไม่ได้ยึดติดคำว่า VI มากนัก เพราะ ผมรู้สึกว่าเป็นแค่นิยาม ซึ่งบางครั้ง
ก็ทำให้เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่รู้จบ วิธีการคิด การลงทุน ที่ทำให้เราสร้าง
ผลตอบแทนที่ดีพอ และ สามารถพัฒนาต่อไปได้ นั้น เป็นอะไรที่สำคัญกว่า
ใครจะเรียกว่าอย่างไร ก็ช่างเถอะ ใส่ใจในวิธีการก็พอ

[BHT]

เด็กนักเรียนห้าคน เกาะกลุ่มกันมาเหนียวแน่นตั้งแต่อนุบาล วันที่เรียนจบจะแยกย้ายกันไปประกอบอาชีพ ก็มาตั้งเป้าหมายกันว่าในอีกสิบปีจะเป็นเศรษฐีร้อยล้าน

คุณ ก ทำงานเก็บเงิน มาลงทุนในหุ้น ดูพื้นฐานตามแนววีไอ ครบสิบปีมีพอร์ทมูลค่าร้อยล้าน
คุณ ข ทำงานเก็บเงิน มาลงทุนในหุ้น ไม่สนใจพี้นฐาน ทำกำไรตามกราฟ ครบสิบปีมีพอร์ทมูลค่าร้อยล้าน
คุณ ค ไม่สนใจลงทุนในหุ้น มุมานะไต่เต้าจากพนักงานระดับล่างจนกลายเป็น CEO มือหนึ่งของบริษัทยักษ์ใหญ่ ครบสิบปี มีเงินเก็บ จากเงินเดือน โบนัส ฯลฯ (คงจะรวมอีสปด้วย) มูลค่าร้อยล้าน
คุณ ง ไม่สนใจลงทุนในหุ้น เริ่มทำธุรกิจส่วนตัว ขยายกิจการจนใหญ่โต ครบสิบปี มีคนมาขอซื้อกิจการให้มูลค่าร้อยล้าน
คุณ จ ประกอบอาชีพอิสระเป็นตากล้องและนักเขียนสารคดี สิบปีเดินทางไปเหยียบมาแล้วกว่าร้อยประเทศ มีเงินเก็บนิดเดียว หนึ่งวันก่อนจะครบสิบปี ไปซื้อล็อตเตอรี่ถูกรางวัลแจ็กพอตได้เงินมาร้อยล้าน
คุณ ...
คุณ ...

เลือกเอาตามชอบใจเลยครับ หนึ่งในหลายร้อยหลายพันเหตุผล ที่ผมพร้อมจะสละแนวทางวีไอ บรรลุเป้าหมายเหมือนกัน แล้วแต่จะชอบประสบการณ์ระหว่างทางแบบไหนครับ  

เมื่อก่อนอยากเป็นคุณ จ นะ แต่ติดตรงที่สิบปีแล้วก็ยังไม่ถูกหวยนี่สิ ปัจจุบันพยายามเป็นคุณ ก ให้ได้

[Hughes]

โอ้วกระทู้เก่าขุดมาใหม่

เวลาผ่านไปเราก็เรียนรู้อะไรใหม่ๆขึ้นเยอะ เห็นอะไรมากขึ้น ประสบการณ์มากขึ้น ต้องพยายามพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ จะมานั่งลอกหุ้นอย่างเดียวเหมือนตอนเริ่มเล่นหุ้นใหม่ๆก็ไม่ไหว

การลงทุนแบบ vi และมุมมอง fundamental ก็เป็นศาสตร์ที่ควรเรียนรู้ แต่การคิดอะไรแบบ "งมงาย" ไม่หมั่นหาความรู้ใหม่ๆ หรือรับฟังมุมมองอื่นเลยก็อาจจะทำให้เราเสียโอกาสดีๆไป หรือทำให้เราเสียหายหนักได้

อย่างผมก็ยังคิดว่า fundamental analysis เป็นสิ่งสำคัญแต่มันอาจมีเครื่องมืออื่นๆที่ช่วยให้ performance ของเราดียิ่งขึน้ได้ครับ

[perfectackle]

ขอขอบคุณท่านสมาชิกที่ขุดกระทู้เก่าๆให้สมาชิกรุ่นใหม่อย่างผมอ่าน อ่านแล้วได้ไอเดียและมีประโยชน์มากครับ

[blueplanet]

มีเหตุผลแค่อย่างเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เราไม่อยากเป็น viแบบที่เราเคยเป็น
คือผลงานแย่กว่าชาวบ้าน โดยเอา set เป็นตัววัด ตอนกำไรกำไรน้อยกว่า
set ตอนขาดทุนขาดทุนมากกว่า set ส่วนระยะเวลาในการเปรียบเทียบ
ผมเป็นคนขยัน ผมจึงเปรียบเทียบทุกๆ 5 นาที
ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว เมื่อเลือกหุ้นได้แล้ว และมั่นใจว่าดีกว่าตัวเก่าที่มี
ก็ได้ทำการทยอยขายตัวเก่าทยอยซื้อตัวใหม่ เมื่อทำเสร็จก็เริ่มนับศพ
เสียหายไปประมาณ 40% ที่เสียหายมากก็เพราะ เมื่อทำใจขายไปครั้งแรกแล้ว
ก็ยังไปซื้อกลับมาอีก ทำแบบนี้ กับ หุ้นที่รักมาก 2ตัว(จะไม่มีวันลืม)
port ปี 2554 ลดจากปี 2553 ประมาณ 40% ทั้งๆที่ส่วนมากทุกๆคนก็กำไร

[ซากคน]

มีเหตุผลแค่อย่างเดียวเท่านั้น ที่ทำให้เราไม่อยากเป็น viแบบที่เราเคยเป็น คือผลงานแย่กว่าชาวบ้าน โดยเอา set เป็นตัววัด ตอนกำไรกำไรน้อยกว่า
set ตอนขาดทุนขาดทุนมากกว่า set

เรื่องความรู้สึกที่เกิดขึ้น คงห้ามใจกันไม่ได้แหละครับ ก็มันเสียใจไปแล้ว สิ่งที่จะฉุดรั้งไม่ให้เราไปทำลายแผนลงทุนที่เราตั้งใจไว้ดีแล้ว คือ การกลับไปดู หุ้นที่เราถือว่า มันยังมีความคุ้มค่าแก่การถือเพื่อให้เราสมหวังกับการรอคอย แลกกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นหรือเปล่า ยิ่งหุ้นที่เราประเมินไม่ค่อยออก แต่รู้ว่ามี story ที่ดีมากคอยหนุนหลัง แล้วยัง
อยากเข้าไปร่วมแจม นั่นก็เท่ากับว่า เราต้องปรับตัวกัน ตั้งแต่ mindset ใหม่ ที่ต้องรับรู้ว่า
นี่คือ เกมเก็งกำไร ที่เราไม่อาจวางใจ ถืออย่างสบายใจได้อย่าง หุ้นที่เราทำได้บนแนวทาง VI แล้วจึง ค่อยไปเลือกเครื่องมือครับว่า จะเอาอะไรมาช่วยในเกมนี้มั่ง และรู้ตัวให้ไว ว่า เมื่อถึงจุดจะแพ้แล้ว อย่าคิดหวังน้ำบ่อหน้า คิดไปเองว่าจะชนะเกมนี้ ให้รีบถอนตัวก่อนที่ เงินทุนจะเสียหายไปกว่านี้

[ดำ]

เหตุผลที่ไม่เป็น vi ก็เมื่อพิสูจน์พอแล้วว่าไม่เหมาะกับเรา และหาแนวทางอื่นที่เหมาะกว่าได้

ไม่ว่าคุณจะเป็น vi หรือไม่ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่านี่เป็นแนวทางที่ดีที่สุดเพียงแนวทางเดียว ตราบเท่าที่ยังไม่เคยศึกษาจากคนที่สำเร็จในแนวอื่น

หากว่าตอนนี้คุณกำลังเดินในแนว vi แล้วรู้สึกว่ายาก รู้สึกท้อ ก็ยังมีหลายทางให้เดินต่อ...

จะสู้ต่อในแนว vi ด้วยใจอดทน จะลองศึกษาหนทางอื่นๆ หรือกระทั่งหาการลงทุนอื่นๆที่นอกไปจากตลาดหุ้น

[firstee]

VI=MOS

[luckyingame]

ก้อตามเมื่อดลาดขี้นมาเยอะ หาหุ้นที่ under value ไม่ได้ครับ แต่ผมคิดว่ามันจะเป็นวัฏจักรครับทุกอย่างมีลงก้อต้องมีขี้น โชคดีกับการลงทุนครับ

[simplelife]

ที่ Set 1,240 นี้...คำตอบจะเปลี่ยนไปบ้างไหมครับ?

(^_^)

ท่ามกลางบรรยากาศดีแค่ไหน ก็ยังมีหุ้นที่ราคาอยู่ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เหตุต่อเนื่องจากน้ำท่วม, จากเลือกตั้ง, etc...

เพียงแต่ว่าเราหาเจอแค่ไหนมากกว่า