แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

http://chakapun.blogspot.com/

เหตุผลกับการเล่นหุ้น

พูดถึงเรื่องการเล่นหุ้น ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยชอบศึกษาก่อน (บางคนอาจจะบอกว่า ซื้อหนังสือมาอ่านก่อนแล้ว เล่มนึง!) อันนั้นเค้าไม่เรียกว่าศึกษาอย่างจริงจังนะครับ เค้าเรียกว่า ทำความเข้าใจ เท่านั้นเอง ที่เป็นอย่างนั้นมันมีเหตุผล คือ ธรรมชาติของมนุษย์จะไม่ชอบอ่าน ไม่ชอบศึกษาในสิ่งที่เราไม่เข้าใจเลย (ตอนนี้บางคนอาจจะเถียงว่า ยิ่งไม่รู้ยิ่งต้องศึกษาสิ) จริงๆแล้ว ลองทดสอบดูง่ายๆก็คือ ให้หนังสือมา 2 เล่ม เล่มที่ 1 เป็นเืรื่องที่คุณพอรู้บ้างเกี่ยวกับเนื้อหาในเรื่องนั้น กับอีกเล่มนึง คุณไม่เข้าใจอะไรเลย แม้กระทั่งชื่อเรื่อง คุณจะอ่านเล่มไหนก่อน ฉะนั้น การเล่นหุ้นก็เหมือนกัน คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบศึกษาก่อน เพราะไม่เข้าใจอะไรเลย อ่านเสร็จเจอคำว่า PE ,PBV, DCF และอีกมากมาย ก็งงแล้ว คำแนะนำของผมคือ คุณอ่านไปเถอะ ไม่เข้าใจไม่เป็นไร แล้วลองเล่นดูเลยแต่ใช้เงินเริ่มต้นน้อยๆ ตรงนี้แหละสำคัญ เพราะที่ผมศึกษามาแทบไม่มีใครเลย ที่เล่นครั้งแรกแล้วรวยเลย(ส่วนใหญ่จะรวยชั่วคราว) พอคุณเริ่มเจ็บตัว เท่าั้นั้นแหละ คุณจะเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง หนังสือทุกเล่มเกี่ยวกับการลงทุนคุณจะมีพลังวิเศษในการอ่าน อ่านอย่างไม่เหนื่อยเลย (อันนี้เป็นเรื่องจริงจากชีวิตผม) แล้วคุณจะเจอแนวทางในการลงทุนของตัวเอง แต่ละคนไม่เหมือนกันหรอกครับ

หลังจากผมเจ็บตัวอย่างหนัก ในครั้งแรกๆ ตอนนั้นขาดทุนประมาณ 60-70% (สยองมาก) แต่ตอนนั้นผมโชคดีอยู่อย่างคือ ผมไม่ได้เงินทั้งหมดเล่น ทำให้ตอนนี้ผมเหลือเงินเพื่อมาเริ่มต้นใหม่ได้ และมันก็คืนทุนไปแล้ว ตอนนั้นผมขาดทุนเยอะมาก จนหยุดเล่นไประยะหนึ่ง แต่ตอนที่หยุดเล่นนั้น ผมไม่ได้ยอมแพ้ ผมพยายามศึกษาที่จะกลับมาเล่นให้ได้ ความรู้สึกในตอนนั้นต่างกับการศึกษาครั้งแรกมาก ครั้งที่สองนี้ยอมรับว่าใช้เวลาในการอ่านต่อวันเยอะมาก ศึกษาอย่างละเอียด เค้าดูเว็บบอร์ดเยอะมากๆ สุดท้ายก็มานั่งวิเคราะห์ และสรุปผลที่ได้ศึกษามา วิธีการวิเคราะห์ของผมอาจจะแปลกกว่าคนอื่น แต่มันได้ผลจริง(ลองใช้ดู) คือ พอผมอ่านเสร็จผมก็จะมาเล่าให้คนรอบข้างฟัง(คนรู้ใจ) พอเล่าไปเรื่อยๆมันเหมือนการได้อธิบายให้ตัวเองฟัง พร้อมกับการคิดแบบเป็นตัวของตัวเอง มันทำให้ผมได้แนวคิดใหม่ๆ ทุกครั้งที่ผมเล่า แต่คุณต้องแน่ใจว่าคนรู้ใจของคุณต้องไม่เบื่อที่จะฟัง (ผมโชคดีตรงที่เค้าไม่เบื่อ)

และแล้วผมก็ได้พบอยู่อย่างเกี่ยวกับตลาดหุ้น คือ คนที่เข้ามาเล่นส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็นคนที่ฉลาดและเก่งขนาดไหน มีแนวโน้มว่าจะขาดทุนมากถ้าไม่มีเหตุผลพอ เรื่องง่ายๆที่ผมพลาดมากๆ และผมจะจำตลอดไปคือ ตอนที่ผมซื้อหุ้นครั้งแรก ผมอ่านข่าวหนังสือพิมพ์มา เจอหุ้นตัวนึงมีข่าวดีสุดๆ และพออ่านบทวิเคราะห์ฺของโบรกเกอร์ มันทำให้ผมจินตนาการว่า บริษัทนี้มีอนาคตที่สุดยอดมาก ตอนนั้นหาอะไรที่ร้ายไม่ได้เลย ผมจึงตัดสินใจซื้อ ผ่านไปไม่นาน ราคาก็ร่วงเละเทะ (ตอนนั้นจำได้่ว่า PE ประมาณ 20 แล้ว Dividend ก็ 1% กว่าๆ) ตอนแรกผมไม่ยอมขาดทุน เพราะคิดว่าเด๋วก็ขึ้น สุดท้ายพอร่วงมาเยอะๆ ขาดทุนเละเทะ เลยครับ เพราะทำใจถือต่อไม่ได้ บทเรียนครั้งนั้นทำให้ผมตาสว่าง จริงๆมันเป็นหลัก ตรรกศาสตร์ง่ายๆเลยคือ เมื่อทุกอย่างมันดี ทุกคนก็ซื้อกันหมดแล้ว ราคามันก็เลยแพง และหลังจากนั้น คนที่เค้ากำไรเยอะเค้าก็ Sell on Fact ราคาที่แพงเว่อร์นั้น มันก็ร่วง พอร่วงมันก็จะมีข่าวมา Support จากนั้นก็ร่วงกระจาย(สังเกตุดูดีๆ ข่าวมันจะมาหลังราคาหุ้นวิ่งเสมอ) มันเป็นเหตุเป็นผลง่ายๆเลย ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นคิดไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะความโลภบังตา

ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่คนส่วนใหญ่คิดว่าจะเข้ามาหาเงินง่ายๆ ดังนั้นไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะเจ๊งออกไป คนที่อยู่ในรอดในตลาดหุ้นนั้น ส่วนใหญ่เค้าเทพกันทั้งนั้น ดังนั้นถ้าคุณไม่ทำการบ้านมาดีพอ และมีจิตใจที่ไม่มั่นคงพอ คุณตกเป็นเหยื่อของเขาแน่นอน คนส่วนใหญ่ชอบเชื่อเวลาขาใหญ่มาออกข่าวว่า กำลังดูหุ้นตัวนี้อยู่ หรือ เก็บไปแล้วส่วนหนึ่ง กำลังจะเก็บเพิ่ม คุณลองคิดด้วยเหตุผลดู ถ้าเค้าจะเก็บเพิ่มจริงๆ เค้าจะออกมาบอกทำไม ในเมื่อถ้าเค้าบอกแล้วคนเชื่อ หุ้นตัวนั้นจะวิ่งจนเค้าต้องซื้อแพงขึ้น (คงไม่มีใครอยากซื้อของแพง จริงมั๊ย?) วิธีที่ถูกต้องในการเล่นหุ้นคือ คุณต้องศึกษาพื้นฐานของบริษัทจริงๆ และซื้อเวลาที่มันถูกเท่านั้น การจะบอกได้ว่าถูก ก็คือคุณต้องศึกษาเองเท่านั้น คุณถึงจะบอกได้ว่ามันถูก
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

หุ้นที่น่าเบื่อ : IRC
IRC มีชื่อเต็มว่า อินโนเว รับเบอร์(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทนี้ดำเนินกิจการมา 40 ปี ทำธุรกิจเกีี่ยวกับการแปรรูปยาง และ มีบริษัทแม่คือ อินโนเว รับเบอร์ อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น บริษัทมีโรงงาน 2 แห่ง อยู่ที่จ.ปทุมธานี และ จ.อยุธยา ความน่าสนใจอยู่ที่บริษัทเกิดมาแล้ว 40 ปี เป็นบริษัทที่มีขนาดเล็ก Market Cap. ประมาณ 2200 ล้านบาท มี Free Float แค่ 30% และที่สำคัญคือ Volume ต่อวันน้อยมาก คือ แค่หลักแสนต่อวัน หุ้นตัวนี้ราคานิ่งมาก แต่อีกมุมนึง มันก็เป็นที่น่าสนใจของคนที่คิดจะถือยาว ด้วยพื้นฐานของบริษัท และ Dividend ที่ค่อนข้างสูง (ประมาณ 4.5%)

IRC คนส่วนใหญ่อาจจะคิดว่าบริษัทผลิตแต่ยางรถมอเตอร์ไซค์ แต่ที่จริงแล้ว เป็นการผลิตยางมอเตอร์ไซค์ 45% (แบ่งเป็น ส่งออก 15% และ ขายในประเทศ 30%) และเป็นการผลิตยางเพื่ออุตสาหกรรม อีกประมาณ 50% (ส่งออก 10% ขายในประเทศ 40%) เปอร์เซ็นต์ที่เหลือคือผลิตวงล้อรถมอเตอร์ไซค์ ยางเพื่ออุตสาหกรรม ก็คือ พวกยางที่ใช้กับรถยนต์และเครื่องจักรต่างๆ ยกตัวอย่าง เช่น ยางแท่นเครื่อง ยางขอบกระจก วาล์วน้ำ และ อื่นๆ อีกมากมาย ในด้านรถยนต์ก็มีลูกค้าเป็นค่ายรถยนต์ที่ประกอบในประเทศเกือบทุกค่าย เช่น โตโยต้า ฮอนด้า ถ้าดูจากสัดส่วนการผลิตแล้ว นับคร่าวๆ ก็อย่างละครึ่ง ดังนั้นคือ บริษัทพึ่งพาทั้งรถยนต์ และ รถมอเตอร์ไซค์ และ เน้นการขายในประเทศเป็นหลัก (80%) มองแล้ว ไม่น่ามีผลกระทบจากการส่งออกเท่าไรนัก ดูด้านการเงิน บริษัทมีหนี้สินอยู่ 1300 ล้านบาท แต่มีทรัพย์สินทั้งหมด 3300 ล้านบาท หนี้สินต่อทรัพย์สินก็ถือว่าไม่มาก

ถ้าดูอย่างคร่าวๆแล้ว บริษัทนี้มีความน่าสนใจอยู่พอสมควร แต่มีข้อเสียตรงที่ Freefloat ต่ำ และมีหุ้นอยู่ในตลาดน้อย Volume ต่อวันน้อยมาก ทำให้การซื้อขายเป็นไปได้ลำบาก แต่ มันเหมาะกับคนที่คิดจะถือยาว เพราะมันขายยากนั่นเอง ยิ่งตอนตลาดหุ้นขาลงแบบนี้ Volume แทบไม่มี (อะไรที่มันมีข้อดีมันก็ต้องมีข้อเสียเป็นธรรมดา) และนี่เป็นสาเหตุที่คนไม่ค่อยเล่นตัวนี้กัน ถ้าจะให้ดีต้องทยอยซื้อ อย่าไปเคาะทีละหลายๆช่อง ค่อยๆเก็บไปเรื่อย เพราะความที่มันไม่มี Volume นี่แหละ ราคามันจะขึ้นลงได้ง่ายมาก

ในตลาดมีหุ้นแบบนี้อยู่หลายตัวเหมือนกัน เช่น AEONTS , MBK สังเกตุว่าหุ้นพวกนี้ไม่มีโบรกเกอร์มาตามวิเคราะห์ เพราะมันไม่มี Volume ให้ซื้อขาย ดังนั้นตามหลักเหตุผล เราน่าจะได้หุ้นถูกกว่า หุ้นที่มีโบรกเกอร์มาเชียร์ซื้อ นี่แหละคือความน่าสนใจของหุ้นที่น่าเบื่อ หรือหุ้นอีกประเภทที่เราจะได้ถูกกว่านี้อีกก็คือ หุ้นที่มีโบรกเกอร์ตามวิเคราะห์ แต่ โบรกเกอร์เชียร์ขาย หุ้นพวกนี้จะลงแรงมาก เช่นตอนนี้ก็มี STA , BANPU , IRPC ถ้าเราวิเคราะห์ ศึกษาอย่างละเอียดแล้วว่ามันเป็นธุรกิจที่ดี เราก็เข้าไปทยอยซื้อได้ เช่นตั้งเป้าไว้ว่าจะซื้อ 1 ล้านบาท เราก็แบ่งเป็นก้อนละ 2.5 แสนบาท แล้ทยอยซื้อ ลงอีกซื้ออีก จนครบ แล้วพอ แต่ถ้ามันขึ้นมาก่อนแล้วยังซื้อไม่ครบ เราก็เก็บเงินก้อนนั้นไปรอซื้อหุ้นตัวใหม่ ตลาดหุ้นความน่ากลัวที่สุดมันคือความโลภ ฉะนั้นห้ามโลภ เด็ดขาด พูดง่ายแต่ทำยากจัง ^_^
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4485
ผู้ติดตาม: 88

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

เห็นด้วยกับที่เขียนทุกประการครับ เสริมนิดนึงตรงหุ้นน่าเบื่อ

ถ้าให้ดี ถ้ามองออกว่าหุ้นตัวไหนที่เดิมน่าเบื่อ แต่ตอนนี้เริ่มไม่น่าเบื่อ คือ เราศึกษามาก่อนแล้วว่าของเค้าดีจริงๆ ทีนี้ล่าสุดเริ่มมีโบรกเข้ามา cover หุ้นนั้นๆ หมายความว่า ความน่าสนใจที่เราเห็นก่อนใครกำลังจะถูกเผยแพร่สู่สาธารณชนแล้ว ถ้ามันดีจริงเดี๋ยวคนก็จะค่อยๆ มาซื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โบรกมีประโยชน์กับแนว VI ก็ตรงนี้แหละ
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณสำหรับ Comment เพิ่มเติมครับ :D
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

Black Monday
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประเทศไทยเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ตลาดหุ้นโดนหยุดการซื้อขายชั่วคราว เพราะดัชนีตกลงมา 10% (ลงถึงรึเปล่าไม่รู้ แต่รู้ว่ามันปิดการซื้อขาย) พอเย็นวันนั้น ผมกลับบ้านมานั่งอ่านข่าว และอ่านตามเว็บบอร์ดต่างๆ ผมพบว่า หลายๆคนกำลังหนีตาย บางคนที่หนีไปได้แล้วก็บอกว่าตัวเองโชคดีมาก บางคนที่หนีไม่ทันก็เป็นทุกข์ กลัวว่าวันรุ่งขึ้นจะตกอีก ซึ่งมันทำให้ผมเห็นว่า ธรรมชาติสร้างมนุษย์มากับความโลภและความกลัวจริงๆ เวลาที่หุ้นขึ้นแรงๆ คนหลายๆคนก็โลภคิดว่าหุ้นต้องขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สุด ความโลภทำให้ลืมเหตุผลข้อสำคัญข้อนึงไปคือ ทุกอย่างมีขึ้นและมีลง ยิ่งขึ้นแรงยิ่งลงแรง เป็นธรรมชาติ และแล้วด้วยความที่มันลงมาแรง ทำให้วันต่อมาตลาดหุ้น บวกกับ พอสมควร หลายๆคนก็เซงไปตามกัน

สำหรับผมแล้ว ผมมีหุ้นอยู่เต็มพอร์ท ซื้อไว้ตั้งแต่ประมาณ 1030 จุด Black Monday ที่ผ่านมาก็ทำให้พอร์ทของผมติดลบไปไม่น้อย อย่าง PTT ก็หลุด 300 บาท มาได้อย่างชิวๆ ในความคิดของผม ผมคิดว่าทุกตลาดมีความผันผวน ถ้าเราจะลงทุนระยะยาว เราต้องทำใจรับให้ได้ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ก็จะมีให้เห็นเรื่อยๆ และมันวัดใจมาก มันเป็นตัววัดว่า คุณจะเล่นหุ้นรุ่งหรือร่วง ถ้าคุณทำการบ้านมาดี ศึกษาหุ้นทุกตัวมาอย่างดีก่อนจะซื้อ คุณจะไม่หวั่นไหวกับราคาที่ร่วงลงไป (หรือหวั่น ก็น้อย) และมันเป็นโอกาสดีซะอีกที่คุณจะได้ซื้อหุ้นในราคาที่ถูกลง และ ปันผลเทียบกับราคามากขึ้น ถ้าคุณสังเกตุ ตลาดหุ้น ตลาดทอง ตลาดน้ำมัน และอื่นๆ อีกมากมาย เดี๋ยวนี้มันผันผวนมาก และความผันผวนนี้มันจะยิ่งเร่ง Cycle มาให้เร็วขึ้น ผมไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วมันเกิดจากอะไร แต่เท่าที่ดูๆมา มันน่าจะเกิดจากกองทุนต่างๆ หรือนักเล่นหุ้นรายใหญ่ที่มีเงินมหาศาล การซื้อขายแต่ละที สามารถชีนำตลาดหุ้นได้ หรืออาจจะเกิดจาก ระบบเทรดของนักเล่นแนว Thecnical ก็ได้ ที่ระบบของพวกเขามีการตั้ง Cut Loss พอรวมกันมันก็เลยร่วงจริงๆ อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่แท้จริงมันเกิดจากอะไร แต่ผมคิดว่าทุกอย่างที่มันมีข้อเสียมันก็จะมีข้อดีอยู่ด้วยกันเสมอ อย่างเช่น ความผันผวนเหล่านี้มันยิ่งเร่ง Cycle ให้เร็วขึ้น ดังนั้นมันแปลว่า ถ้าคุณซื้อแล้วติดดอย คุณจะสามารถลงจากดอยได้เร็วขึ้น หรือ เวลาที่คุณอยากได้หุ้นอะไร แต่ราคามันยังแพงอยู่ คุณก็จะได้ซื้อเร็วขึ้น

ทุกอย่างมันมีมุมมองดีๆเสมอ อยู่ที่เราเลือกจะมองรึเปล่า ชีวิตของเรา เราเริ่มจากศูนย์ ผมไม่กลัวที่จะกลับไปศูนย์ ขอให้ผมได้ทำในสิ่งที่ผมชอบ (และไม่เดือดร้อนใคร) การลงทุน เป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด ผมชอบที่จะอ่าน ชอบที่จะศึกษาเกี่ยวกับทุกๆอย่างที่ผมจะซื้อ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มือถือ หุ้น และหลายๆอย่างในชีวิตประจำวัน ผมจะใช้เวลาศึกษาค่อนข้างนาน และผมจะมีความสุขมาก ที่ได้ครอบครองสิ่งที่ผมศึกษามาอย่างดี ทุกอย่างมันมีขึ้นและมีลง ชื่อเสียง เกียรติยศ เงินทอง และทุกอย่าง วันนึงมันก็ต้องจากเราไป และวันนึงมันก็อาจจะกลับมาใหม่ แต่สิ่งที่มันจะจากเราไปได้ยากที่สุด คือใจของเรานั่นเอง ใจที่มันมีความสุข เราลองมาทำใจให้มีความสุข (แม้มันจะสวนเทรนด์ของตลาดหุ้นตอนนี้ก็เถอะ) ผมหวังว่าบทความที่ผมเขียนขึ้นมา จะเป็นกำลังใจให้กับคนที่ยังขาดทุน และมีความเครียดอยู่ ได้นะครับ ตอนที่ผมเริ่มเล่นหุ้นใหม่ๆแล้วขาดทุน ผมอยากอ่านสิ่งมันอ่านแล้วทำให้มีกำลังใจ วันนี้ผมเห็นว่ามีหลายคนกำลังอยากได้กำลังใจนี้ ผมเลยอยากเขียนออกมา หวังว่ามันคงช่วยได้นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4485
ผู้ติดตาม: 88

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ความเห็นของผมนะครับ

ความผันผวนเกิดจากราคาที่ขึ้นลง

ราคาที่ขึ้นลงเกิดจากข้อมูลข่าวสารที่เอามาอ้างว่าเป็นเหตุผล

ข้อมูลข่าวสารที่มากกว่าเดิม เข้าถึงง่ายกว่าเดิม อันนี้แหละที่น่าจะเป็นสาเหตุของความผันผวน (หุ้นตกก็บอกอย่างนึง หุ้นขึ้นก็บอกอีกอย่างนึง)
ภาพประจำตัวสมาชิก
erickiros
Verified User
โพสต์: 415
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 7

โพสต์

คิดว่าเกิดจากความกลัวของคนเล่นหุ้นที่บริโภคข่าวสารได้เร็วขึ้นเสียมากกว่า
เพราะราคาหุ้นระยะสั้นขึ้นกับสภาพจิตใจของคนในตลาดหุ้น ณ เวลานั้น เกือบ 70-80%
ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท
ว่างๆแวะไปเยี่ยมชม blog ของซันได้นะคะ Economics Blog
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ความช่วยเหลือ

ตอนนี้หลายจังหวัดเกิดเหตุการณ์น้ำท่วม มีผู้ประสบภัยมากมายไร้ที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินเสียหาย มันเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายทั้งด้านทรัพย์สินและด้านจิตใจแก่ผู้ระสบภัยเป็นอย่างยิ่ง แต่จากพื้นฐานความมีน้ำใจของคนไทย เราก็ได้เห็นยอดบริจาคทั้งสิ่งของและเงินมากมายกำลังหลั่งไหลเข้าไปสู้พื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม ผมว่ามันเป็นภาพที่น่าชื่นชมมาก มันแสดงให้เห็นว่า เมื่อคนในชาติกำลังลำบาก เราคนไทยจะช่วยเหลือกัน บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายๆคน อย่างคุณสรยุทธ(ตอนนี้ Hot มาก) หรือ คุณตัน โออิชิ และคนอื่นๆอีกมากมาย ตอนนี้ต่างมีบทบาทในการช่วยเหลือน้ำท่วม มันเป็นภาพที่สวยงามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้นตอนนี้

ตามหลัก กฏแห่งกรรม เราทำอย่างใด เราก็จะได้อย่างนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มันใช้ได้ตลอดกาล อย่างตอนนี้มีญาติผมคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า บ้านเค้าน้ำท่วม ทุกคนในหมู่บ้านเดือดร้อนหมด ทุกคนพยายามเอาชีวิตรอดโดยการทิ้งบ้านไว้ และ หนีออกมาก่อน แต่พอทุกคนออกมาถึงถนนใหญ่ ทุกคนกลับไม่เห็นเพื่อนบ้านคนหนึ่งซึ่งมีนิสัยชอบช่วยเหลือผู้อื่น ใครขอให้ช่วยอะไร ลุงแกจะช่วยทุกอย่าง ทุกคนที่อยู่ที่ถนนใหญ่ ร่วมมือร่วมใจกันที่จะหาเรือไปรับลุงคนนั้นออกมา โดยที่ทุกคนลืมเรื่องทรัพย์สินของตัวเองไปหมดเลย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ผมเชื่อเข้าไปอีกว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ใช้ได้ตลอดกาลจริงๆ

กลับมาที่เรื่องหุ้น ผมว่าตอนนี้ใครทำใจ และ เอาตัวรอดได้ ผมถือว่าเก่งมาก เพราะตลาดหุ้นเล่นขึ้นลงแรงๆหลายครั้ง และสุดท้ายก็มาปิดตลาดที่ 909 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อสุทธิของต่างชาติ 4600 ล้านบาท แต่ รายย่อยขายออกไป 3500 ล้านบาท มองภาพแล้วตอนนี้ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อ แ่ต่จะซื้อจริงหรือซื้อหลอก อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าซื้อจริงตลาดหุ้นก็จะกลับขึ้นไปได้ เพราะเงินทุนจากต่างชาติมีมหาศาลมาก สามารถชี้นำตลาดหุ้นไทยได้ วันนี้ผมมานั่งอ่านข่าวเกี่ยวกับการร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือน้ำท่วม ผมคิดว่าผู้ที่บริจาค จะได้รับอะไรหลายๆอย่างตอบแทนมากมาย เช่น การที่เราได้ช่วยเหลือคนที่กำลังมีความทุกข์ เราจะมีความสุข รู้สึกอิ่มเอมใจ หรือ เราจะได้จากทางอ้อมคือ หลังจากน้ำลด เงินที่เราบริจาคไปนั้นจะถูกน้ำไปจับจ่ายซื้อของ ซ่อมแซมทรัพย์สินส่วนที่เสียหาย ดังนั้น หลังน้ำลด เศรษฐกิจจะคึกคักขึ้น เนื่องจากแรงซื้อมหาศาล จากผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วม

มีอีกคำสอนนึง ที่ผมคิดว่าตอนนี้เอามาประยุกต์ใช้ได้ คือ ทุกอย่างไม่เที่ยง มีขึ้นและมีลง มันเหมือนกับตอนนี้ประเทศไทย ประสบปัญหาน้ำท่วม แต่ ผมอยากให้ทุกคิดไว้ว่า มันไม่มีทางท่วมไปอย่างนี้ตลอดปี ปัญหามันเกิดมาเพื่อให้เราเรียนรู้ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน เรียนรู้ที่จะป้องกัน เรียนรู้ที่จะแก้ไข สักวันนึง เหตุการณ์ร้ายๆมันจะผ่านไป แต่มันจะผ่านไปพร้อมกับประสบการณ์ในการเอาตัวรอดของเรา ซึ่งมันจะทำให้เราแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเราล้ม เราก็ต้องลุก เพราะชีวิตเราต้องดำเนินต่อไป เพื่อคนที่เรารัก และ เพื่อตัวเราเอง ^_^

" ท้อได้แต่อย่าถอย "

" หลังพายุฝนผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ "
navapon
Verified User
โพสต์: 760
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 9

โพสต์

:D :D :D
เอ ห้องมือใหม่ยังให้คะแนนไม่ได้ จะให้คะแนนบวกสักหน่อย
เป็นกำลังใจให้เขียนบทความต่อไปครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
erickiros
Verified User
โพสต์: 415
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 10

โพสต์

คุณตัน เปลี่ยนฉายาใหม่แล้วนะคะ ฉายาใหม่คือ คุณตัน อิชิตัน ค่า
ว่างๆแวะไปเยี่ยมชม blog ของซันได้นะคะ Economics Blog
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
mood
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 151
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 11

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความครับ เขียนเสร็จเมื่อไรก็มาโพสอีกนะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
นพพร
Verified User
โพสต์: 1039
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ขอบคุณที่แชร์มุมมองครับ
ก้าวแรกที่เล็กๆ แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 13

โพสต์

erickiros เขียน:คุณตัน เปลี่ยนฉายาใหม่แล้วนะคะ ฉายาใหม่คือ คุณตัน อิชิตัน ค่า
erickiros เขียน:คุณตัน เปลี่ยนฉายาใหม่แล้วนะคะ ฉายาใหม่คือ คุณตัน อิชิตัน ค่า
จริงด้วยครับ :D ต้องเปลี่ยนเป็นคุณ ตัน อิชิตัน
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ในวิกฤติ ก็มีโอกาส

ตลอดทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมา แทบไม่มีข่าวอย่างอื่นเลย นอกจากข่าวน้ำท่วม และผมสังเกตุเห็นว่า ในข่าวนั้นจะมีภาพของความช่วยเหลือ ที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกที่ คนที่มีมากก็บริจาคมาก คนที่มีน้อยก็บริจาคน้อย ส่วนคนที่ไม่มีก็มาออกแรงช่วยกัน (ขอยืมคำพูดคุณตันมาใช้ ^_^) สุดท้ายมันก็เลยออกมาเป็นภาพแห่งความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ พูดถึงคุณตัน อิชิตัน โรงงานผลิตชาเขียวอิชิตัน ที่คุณตันเพิ่งสร้างใหม่ ถูกน้ำท่วมเสียหายหมด โรงงานแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ และสิ่งที่ผมเห็นแล้วรู้สึกว่า นี่แหละ คนที่มีน้ำใจจริงๆ คือ สิ่งที่อยู่ในสายพานการผลิต (ทั้งที่โรงงานยังไม่เสร็จเลย) คือ น้ำเปล่า ที่คุณตันใช้เครื่องของโรงงานผลิตเพื่อเตรียมนำไปบริจาค นอกจากนี้คุณตันยังบริจาคเงินอีกมามายมหาศาล ผมรู้สึกภูมิใจมากที่เงินของผมที่ซื้อชาเขียวอิชิตัน ส่วนหนึ่งได้ถูกนำไปช่วยเหลือเพื่อร่วมชาติในตอนนี้ ผมว่าการกระทำของคุณตันครั้งนี้ ได้ใจหลายๆคนไปเต็มๆ

พูดถึงตลาดหุ้น สุดท้ายหลักการของเหตุผลก็ใช้ได้เสมอ คือ เมื่่อตลาดมีความกลัวมากเกินไป ณ เวลานั้นคนมีของอยากขาย คนไม่มีของอยากซื้อ ราคามันก็เลยลงต่ำไปเรื่อยๆ แต่เมื่อไรที่ราคาลงไปเรื่อยๆ จนถึงจุดที่รายใหญ่เค้าพอใจ ราคาก็จะกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็ว อย่างตอนนี้คงอธิบายยากว่า อยู่ดีๆทำไมฝรั่งกลับมาซื้อซะอย่างงั้น 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาฝรั่งซื้อไปแล้ว 13000 ล้านบาท และดัชนีก็ขึ้นมาเป็น 955.81 จุด เป็นที่เรียบร้อย แต่หลังจากนี้ไม่มีใครบอกได้แน่นอนว่าตลาดจะลงต่อไปรึเปล่า สำหรับผม ผมมองระยะสั้นว่ามันขึ้นมาค่อนข้างแรง น่าจะมีลงไปบ้าง เพราะลองคิดในมุมถ้าคุณเป็นฝรั่ง คุณคงไม่อยากซื้อราคาสูงขึ้นเรือยๆแน่ๆ ในระยะกลาง ผมมองว่ามันไปได้อยู่ เพราะอารมณ์ของคนในตลาดตอนนี้ค่อนข้างกลัว ดูได้จากบทวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ และ ตามเว็บบอร์ดหลายๆที่ บวกกับข่าวน้ำท่วมในตอนนี้ ซึ่งแต่ละคนก็ประเมิณความเสียหายเป็นมูลค่ามหาศาลมาก ดังนั้นผมจึงคิดว่า ตอนที่คนกลัวนี่แหละหุ้นจะถูก เพราะไม่มีใครอยากซื้อ

เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ สอนให้ผมรู้ว่า การที่เราทำลายธรรมชาติมากเกินไป สักวันหนึ่งธรรมชาติก็จะกลับมาเอาคืนเรา เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ ไม่ใช่เรียนรู้ที่จะต่อสู้กับธรรมชาติ เหมือนกับธรรมชาติของการลงทุน มีบางอย่างที่เป็นความคิดที่เรียบง่ายมาก ความคิดนี้ถูกสอนมาตั้งแต่บรรพบุรุษของผม คือ ความไม่มีหนี้คือลาภอันประเสริฐ บริษัทที่มีหนี้มาก โอกาสที่ธุรกิจจะโตเนื่องจากเงินทุนก็มีมาก แต่อย่าลืมว่า ธุรกิจต้องจ่ายดอกเบี้ยตลอดเวลา และ เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ธุรกิจนั้นอาจจะล้มได้เลย เทียบกับบริษัทที่มีหนี้น้อย เราสามารถอุ่นใจได้อย่างนึงว่า ถึงบริษัทจะไม่โตแบบก้าวกระโดด แต่อย่างน้อยก็คงไม่ล้ม สามารถถือได้อย่างสบายใจ ไม่ว่าช่วงนั้นบริษัทจะประสบกับภัยธรรมชาติ ต้องหยุดการผลิตชั่วคราว มันอาจทำให้กำไรลดลงบ้าง แต่ไม่ถึงกับเจ๊ง ถ้าเทียบกับบริษัทที่มีหนี้มาก ต้องมีภาระการจ่ายดอกเบี้ยทุกเดือน อย่างไหนจะสบายใจกว่ากัน
navapon
Verified User
โพสต์: 760
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ให้อีก +1 ครับ
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
ชีซี
Verified User
โพสต์: 144
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอติดตามบทความต่อๆ ไป ครับ ได้มุมมองและแง่คิดที่ดีครับ
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 17

โพสต์

มนุษย์ไม่สามารถฝืนธรรมชาติได้

หลังจากผ่านมาเป็นเดือน สุดท้ายกรุงเทพมหานคร ก็เจอกับน้ำจนได้ ธรรมชาติของน้ำคือไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ต่อให้มนุษย์เก่งขนาดไหน เราก็ไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ พอน้ำไหลลงมาจากภาคเหนือสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้คือ พยายามกั้นไม่ให้เข้ากรุงเทพ แต่จังหวัดกรุงเทพนั้นมันเป็นทางออกของน้ำสู่ทะเล (จริงๆก็มีหลายทางที่จะออกสู่ทะเล แต่กรุงเทพก็เป็นทางหนึ่ง) ฉะนั้นถ้าเราพยายามกั้นไม่ให้น้ำออกทางกรุงเทพ ก็เหมือนเราปิดท่อระบายน้ำไปท่อนึง น้ำจึงไม่สามารถระบายได้ดีเท่าี่ควร แต่ตอนนี้ผู้รับผิดชอบโดยตรงกำลังหาทางออกให้พวกเราอยู่ เราก็มีหน้าที่ป้องกันตัวเองเท่าที่ทำได้ และก็เฝ้ารอต่อไป ว่าจะท่วมมั๊ย น้ำมาถึงไหนแล้ว ความคิดของผม ผมว่าการที่เรามีคันกั้นน้ำที่สูงๆ มันจะยิ่งทำใจพื้นที่ในเขตกั้นน้ำ กลายเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยไปโดยปริยาย ถ้าวันนึงมันเกิดรับน้ำไม่ไหวและพังลงมา ความแรงของน้ำจะทำให้ทรััพย์สินจะเสียหายมากกว่า การที่ไม่ได้กั้นซะอีก และคนที่อยู่ในคันกั้นน้ำก็จะมีความเครียดสะสม เพราะไม่รู้ว่าคันจะเอาอยู่จริงๆรึเปล่า แต่ทุกอย่างมันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวมันเองเสมอ อยู่ที่เรามองเห็นมันรึเปล่า

ที่บ้านผมตอนนี้ผมเตรียมทำกระสอบกราย และ ก่ออิฐบล๊อกเพื่อรองรับน้ำแล้ว การเตรียมตัวก่อน ไม่ว่ามันจะเกิดหรือไม่ อย่างน้อยมันก็ทำให้เราสบายใจ นอนหลับได้อย่างสบาย เพราะไม่ว่ามันจะมาหรือไม่มา ผมก็ทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้แล้ว มีอย่างเดียวคือ ถ้าผมตื่นมาตอนเช้าแล้วมีน้ำท่วมเต็มหน้าบ้าน หน้าที่ของผมก็คือ เก็บกระเป๋าพร้อมทรัพย์สินมีค่า ซึ่งผมได้เตรียมไว้แล้ว และอพยพไปอยู่ต่างจังหวัด และระหว่างที่รอนี้ ผมก็ได้ออกไปเที่ยว หาอะไรกิน ตามสบาย ไม่ต้องมานั่งกังวลว่า น้ำจะมาเมื่อไร หรือตอนนี้มีข่าวว่าอะไร (ข่าวตอนนี้ก็มั่วมาก เชื่อถือไม่ค่อยได้) ^_^

สำหรับเรื่องการลงทุนแล้ว เราก็ฝืนธรรมชาติไม่ได้อีกเช่นกัน ทุกอย่างมันมีขึ้นมันก็ต้องมีลง อยู่ที่ระยะเวลาเท่านั้น อย่างเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เกิดการขึ้นแรงๆ จนคนงงว่า นี่เราน้ำท่วมอยู่นะ มันขึ้นไปได้ยังไง และแล้ว มันก็ค่อยๆร่วงลงมา เพราะมันขึ้นไปแรง แต่ผมสังเกตุอยู่อย่างหนึ่งคือ ต่างชาติซื้อสุทธิเกือบทุกวันเลย ผมไม่รุ้ว่ามันจะหมายความว่าอะไร ในความคิดผม ผมว่าถ้าซื้อตอนนี้มันก็น่าจะได้ของถูก เพราะมีแต่คนขาย ยิ่งบริษัทที่โดนน้ำท่วม มันร่วงจนเกินมูลค่าพื้นฐานไปแล้ว ทุกคนลืมไปรึเปล่าว่า บริษัทเค้ามีประกัน เค้าอาจจะสูญเสียรายได้ตอนที่ซ่อมแซมโรงงานไปบ้าง แต่หลังจากนั้น Demand มหาศาลก็จะกลับมาชดเชย ช่วงนั้นได้เอง อาศัยแค่เวลา ถ้าเราเป็นนักลงทุนระยะยาว ช่วงนี้แหละที่หุ้นลงต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน เราก็ทยอยเก็บได้ แต่ต้องอึดพอ เพราะไม่รู้ว่า Panic Sell จะมีผลร้ายแรงขนาดไหน

สิ่งที่เราต้องป้องกันตัวเอง จากการขึ้นลงของราคาคือ อย่างแรก เราต้องไม่ใช้มาร์จินหรือเงินกู้มาเล่น เพราะมันจะทำให้เราเสียหายตอนหุ้นลง อย่างที่สอง เราต้องเลือกบริษัทที่ค่อนข้าง Conservative มันจะเติบโตช้า แต่มันจะไม่ล้มง่ายๆ และอย่างที่สาม ซึ่งสำคัญที่สุดคือ เราต้องฝึกใจเราให้นิ่งพอ ทุกอย่างถ้าเราวางแผนไว้ดีหมด แต่ใจไม่นิ่งพอ มันก็ไม่มีประโยชน์ เหมือนตอนนี้ ข่าวร้ายมากมาย หลายคนบอกว่าญี่ปุ่นจะย้ายฐานการผลิต หรือ เศรษฐกิจจะเข้าขั้นวิกฤติ แต่ถ้าใจเรานิ่งพอ เราจะสามารถผ่านมันไปได้ อย่าลืมว่า "ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ" หลังจากน้ำลด ทุกคนต้องซ่อมแซมบ้าน โรงงาน และ ทรัพย์สินอีกมากมาย ผมว่ามันน่าจะเกิดการใช้จ่ายมหาศาล ซึ่งมันจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจหลังน้ำลด
ภาพประจำตัวสมาชิก
erickiros
Verified User
โพสต์: 415
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 18

โพสต์

แม้ว่าหลังจากนี้ความต้องการจะมีปริมาณมหาศาล แต่กำลังการผลิตมีจำกัดแค่ปริมาณหนึ่งเท่านั้น
ถ้าสินค้านั้นไม่สามารถกำหนดราคาได้เองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากวิกฤตนี้
เช่น สินค้าจำพวกอาหารต้องถูกควบคุมจากรัฐ หรือรัฐเปิดเสรีนำเข้าวัตถุดิบราคาถูกจากต่างประเทศ

อีกอย่างลองคิดว่าสินค้าของบริษัทเรามีอะไรที่ใช้ทดแทนได้บ้าง
บางทีช่วงวิกฤตนี้ผู้บริโภคเปลี่ยนใจไปใช้สินค้าทดแทนจนเกิดติดใจในสินค้านั้นๆ
ถึงบริษัทเราจะฟื้นฟูโรงงานกลับมา เราก็ตั้งราคาสินค้าแพงๆไม่ได้อีกต่อไป
ว่างๆแวะไปเยี่ยมชม blog ของซันได้นะคะ Economics Blog
เนื้อหาของบล็อกนี้จะเกี่ยวกับการนำทฤษฎีเศรษฐศาสตร์มาอธิบายเรื่องราวต่างๆค่ะ
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 19

โพสต์

ในที่สุดวิกฤตน้ำท่วมก็กำลังจะผ่านไป

ผมต้องหนีนำ้ท่วมอยู่หลายอาทิตย์เลยไม่ได้เข้ามาเขียนบล๊อกเลย (ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีคนเข้ามาอ่านอีกรึเปล่า ^_^ ) หลังจากช่วง 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา กรุงเทพมหานคร ประกาศให้พื่นที่ของผมเป็นพื้นที่เผ้าระวังพิเศษ ผมก็เลยตัดสินใจไปต่างจังหวัดซะเลย เพราะเตรียมตัวทุกอย่างไว้หมดแล้ว เหลือแต่ตรวจสอบเรื่องไฟฟ้าให้เรียบร้อย หลังจากนนั้นก็เดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร ไปเที่ยวภาคเหนือ โดยไปพักที่บ้านเกิด คือ จ.กำแพงเพชร ก่อน และก็เลยไป จ.ตาก อารมณ์ตอนไปถึง มันต่างกับตอนอยู่กรุงเทพมาก เพราะมันไม่ต้องกังวลว่าน้ำจะมามั๊ย ถ้าน้ำมาจะออกยังไง หรือว่า จะเตรียมอะไรไว้กินดี (ตอนนั้นของกินแทบไม่มีขาย)

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากน้ำท่วมครั้งนี้มีหลายอย่างมาก เขียนเป็นข้อๆเลยละกัน เพราะช่วงที่ไปเที่ยวนั้นไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ เลยใช้จดใส่โทรศัพท์มือถือแทน
1. เราควรมีทรัพย์สินแต่เพียงที่จำเป็นต้องใช่เท่านั้น เพราะเวลาเกิดเหตุที่ไม่คาดฝัน ความเครียดมันจะแปลตามทรัพย์สินที่มี ลองนึกภาพคน 2 คนมีรถ 4 คันดูสิ มันยุ่งยากขนาดไหน
2. เราควรเตรียมตัวกับการเกิดวิกฤติเสมอ เช่น มีเงินสดไว้ เผื่อจำเป็นต้องใช้ หรือ มีแทงค์น้ำ เผื่อตอนน้ำประปาไม่ไหล และเตรียมอะไรๆอีกหลายอย่างมากมาย และที่สำคัญทีสุดคือ เตรียมใจ
3. นิสัยของการชอบอ่าน ชอบศึกษา และ ช่างสังเกตุ มันจะช่วยได้เยอะมากในการเอาตัวรอดในสถานการณ์ที่เราไม่เคยเจอมาก่อน ที่ผ่านมาถ้าใครอ่านและฟังเยอะ (เลือกเฉพาะตรงเหตุผลของแต่ละคนแล้วเอามาวิเคราะห์และติดตามผลลัพธ์เอง) คงจะเข้าใจว่ามันช่วยได้มากขนาดไหน
นี่เป็นตัวอย่างสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากครั้งนี้ แต่จริงๆแล้วมันมีอีกมากมาย แล้วแต่ว่าใครจะมองแบบไหน แต่ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตมันจะมีโอกาสเสมอ อยู่ที่เราหาเจอรึเปล่า

สำหรับเรื่องหุ้น มันก็ผิดคาดสำหรับการคาดการของคนหลายๆคน ว่าน้ำท่วมครั้งนี้ข่าวร้ายเยอะจัง น่าจะทำให้หุ้นร่วงลงไป บางคนถึงกับยอมขายขาดทุนเพื่อที่จะลงไปรอซื้อตอนมันตกลงไป แต่แล้วมันก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะขึ้นต่อรึเปล่า แต่ผมรู้ว่าหุ้นที่ผมถือมันยังไม่แพง ผมก็ยังไม่ขายดีกว่า เพราะมันไม่ make sense เลยที่จะขายตอนหุ้นมันราคาถูก คำว่าถูกของแต่ละคนมันก็ต่างกันนะครับ อย่างผม ผมรับได้กับการที่หุ้นจ่ายปันผลให้ผม 4-5 % ต่อปี และมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ Peter Lynch บอกไว้ว่า การเล่นหุ้นเหมือนการเล่น Poker ที่ไม่มีวันจบ กำไรในแต่ละไตรมาสเปรียบได้กับการหงายไพ่ขึ้นมาอีกใบ เราจะอยู่ต่อ ต่อเมื่อไพ่ที่หงายขึ้นมามันดี แต่ถ้าหงายขึ้นมาแล้วมันแย่ติดต่อกัน เราก็ทิ้งไพ่ชุดนั้นซะ แล้วจะเริ่มไพ่ชุดใหม่ (อาจจะงงๆหน่อย)
ภาพประจำตัวสมาชิก
vipnum
Verified User
โพสต์: 75
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ขอบคุณครับ
"life is simple once you make a choice and you never look back"
ภาพประจำตัวสมาชิก
บูรพาไม่แพ้
Verified User
โพสต์: 2533
ผู้ติดตาม: 1

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 21

โพสต์

ขอขอบคุณมากครับ
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 22

โพสต์

จุดสังเกตุของ P/E

ตอนนี้น้ำท่วมขังในกรุงเทพก็เริ่มคลี่คลายเยอะแล้ว โรงเรียนต่างๆก็เริ่มจะเปิดเรียนแล้ว สถานการณ์ก็จะกลับมาปกติ รถติดตอนเช้า และ ตอนเลิกงานเหมือนเดิม ตอนนี้ดูข่าว ก็เห็นภาคใต้ เริ่มมีพายุเข้า และมีน้ำท่วมในบางพื้นที่ สงสัยครั้งนี้จะโดนน้ำท่วมกันทั้งประเทศ แปลกดีเหมือนกัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ น้ำท่วมครั้งนี้มันสอนให้รู้ว่า สุดท้ายแล้ว ความสุขจริงๆมันไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองที่มีมากมาย เกิินจะกิน จะใช้ไหว แต่มันเป็นความพอเพียง เป็นทางสายกลาง ไม่อดอยาก แต่ ก็ไม่โลภจนเกินไป ความสุขจริงๆมันอยู่ที่การได้มีครอบครัวที่อบอุ่น การมีชีวิตที่ไม่เคร่งเครียด การมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่โกรธ ไม่โมโหง่าย มากกว่า ตอนนี้คนที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดก็คือคนจน มันเป็นโจทย์ที่คนทั้งประเทศต้องช่วยกันแก้ปัญหา เพราะหลังจากน้ำลดแล้ว เค้าไม่มีอะไรติดตัวเลย เค้าไม่เหลืออะไรเลย แถมบางคนยังมีหนี้อีกต่างหาก



ผมมานั่งสังเกตุ P/E ของหุ้นแต่ละตัว แล้วผมเจอข้อสังเกตุเกี่ยวกับ P/E ของหุ้นอยู่อย่างนึง ยกตัวอย่าง คือ PTT (ดูจากทรัพย์สินก็รู้แล้วว่าตัวนี้คือ PTT) มือใหม่อย่างผมถูกสอนว่าเวลาจะเลือกซื้อหุ้น ให้เลือกซื้อที่ค่า P/E ต่ำๆ และมันก็มีคำถามต่อมาว่าต่ำขนาดไหนถึงจะดี ผมก็เอาตัวอย่างนี้มาให้ดู คือปี 2551 PTT ราคาเหลือ 175 บาท และเทียบเ็ป็น P/E ก็อยู่ที่ 5 เท่า ถ้าลองคิดแบบง่ายๆก็คือ 5 ปีคืนทุน หารแล้วได้กำไร 20% พูดอย่างงี้แล้วดูเหมือนเล่นหุ้นนี่ง่ายจัง ปีต่อมา กำไรของบริษัทลดลง ทำให้ P/E พุ่งขึ้นไปถึง 31 เท่า ตอนนี้หุ้นตัวเดียวกัน แต่มือใหม่อย่างผมกลับมองว่ามันแพงซะแล้ว นี่แหละมันเป็นเรื่องของใจ บวกกับสิ่งที่ได้ศึกษามา เพราะถ้าไม่ศึกษาเลย เลือกแต่หุ้นที่ถูกเพียงอย่างเดียว เจอปีต่อมาก็ตกใจขายหมดเลย และแล้วปีต่อมามันก็ขึ้นเป็น 320 บาทพร้อมกับ P/E เหลือ 11 เท่า งงเลยทีเดียว ที่จะบอกก็คือ P/E นั้นเป็นเป็นค่าที่ผ่านมาแล้วในอดีต สิ่งที่เราควรดูก็คือกำไรในอนาคตของมัน ในกรณี PTT คุณต้องคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบให้ได้ เพราะ มันส่งผลต่อกำไรหรือขาดทุนของ Stock น้ำมัน ซึ่งผมว่ามันยาก หรืออย่างกลุ่มเดินเรือ เราก็ต้องคาดการณ์ BDI หรือดัชนีระวางเรื่อได้ ดังนั้นหุ้นกลุ่มนี้ผมว่ามันเล่นแบบคาดการณ์กำไรยาก แต่ข้อสังเกตุของผมคือ ถ้าจะเล่นหุ้นกลุ่มนี้ ต้องเล่นเวลาที่มันแย่ๆ อย่างเช่นน้ำมันลงไปเยอะๆ ทำไรบริษัทขาดทุน Stock น้ำมัน กำไรลดลง หรือ ขาดทุน ซึ่งมันจะทำให้ราคาหุ้นลงมาเยอะ แต่เมื่อซื้อแล้วมันจะลงต่อไปจนกว่า ราคาน้ำมันดิบจะกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ซึ่งตรงนั้นเป็นส่วนที่เราต้องอดทนรอ หุ้นแบบนี้เราดู P/E หรือการคาดการณ์กำไรในอนาคตไม่ได้ เพราะมันยากมาก

หุ้นที่เราจะดู P/E ได้คือหุ้นที่กำไรสม่ำเสมอ เติบโตสม่ำเสมอ คาดการณ์ง่าย แม้จะมีการสะดุดบ้างนิดหน่อย แต่หลังจากนั้น กำไรก็กลับเข้าสู่สภาวะเดิม อย่างเช่นปีนี้ เป็นปีที่สะดุดของหุ้นกลุ่มยานยนต์เลยทีเดียว ต้นปีมี Tsunami ที่ญี่ปุ่น บริษัทผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สะดุด แต่ไม่เยอะ แต่น้ำท่วมนี่แหละ สะดุดจริง ปีนี้อาจทำให้กำไรของบริษัทลดลง ถ้ามองในระยะยาวแล้ว กำไรของบริษัทก็ควรที่จะกลับไปเท่าๆกับของเดิม เว้นแต่ว่า บริษัทผลิตรถยนต์จะย้ายฐานการผลิต ซึ่งในมุมมองผม ผมว่ายาก เพราะการที่จะย้ายทั้งโรงงานไปนั้น มันใช้เงินทุนมหาศาล บวกกับความเสี่ยงอีกมากมาย มันอาจจะไม่คุ้มในการที่จะย้ายหนีไป แล้วน้ำท่วมครั้งนี้มันก็ทำให้ได้เห็นแล้วว่า อุตสาหกรรมโรงงานส่วนใหญ่ในประเทศไทยนั้นเป็นของญี่ปุ่น เค้าลงทุนอะไรหลายๆอย่างไว้เยอะ เป็นเครือข่ายกัน ยากที่จะยกกันไปทั้งกลุ่ม ลองนึกภาพดู ถ้าบริษัทผลิตรถยนต์ย้ายไป เค้าก็ต้องไปหา โรงงานผลิตยาง , โคมไฟ , สายไฟ , กระจก , สี และ อื่นๆอีกมากมาย เพื่อเอามาผลิตเป็นรถยนต์ คงวุ่นวายน่าดู

อาทิตย์ที่ผ่านมา ต่างชาติเล่นเทขายทุกวันเลย มันเป็นธรรมดาของ Trader พอมีกำไรก็ต้องขายออกไป แล้วยิ่งตอนนี้ ดอลล่าร์เริ่มแข็งตัวขึ้น มันส่งผลให้กำไรของเขาลดลงโดยปริยาย เค้าจึงขายเอากำไรส่วนนี้กลับไปก่อน ไม่แน่การขายครั้งนี้ของต่างชาติอาจทำให้เกิดการปรับฐานอีกครั้งเป็นได้ เพราะเค้าเป็นกลุ่มเงินที่ใหญ่ และมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นบ้านเราเยอะ แต่เราก็ไม่ต้องไปกลัว เพราะตามหลักแล้วมีขึ้นก็มีลงเป็นธรรมดา ตอนลง ราคายิ่งถูกยิ่งน่าเก็บ น่าสะสมไว้
navapon
Verified User
โพสต์: 760
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 23

โพสต์

ดีครับ แต่ผมว่ากลุ่มยานยนต์ก็เป็นวัฎจักรเช่นเดียวกับที่ยกตัวอย่างPTTนะครับ ต้องระวังเข้าผิดจังหวะเหมือนกัน
ขออนุญาตนำบทความไปแชร์ต่อนะครับ :D :D :D
- จุดแข็งทางธุรกิจที่เลียนแบบได้ยาก มักต้องใช้ระยะเวลายาวนานในการสร้างและเพาะบ่มเสมอ ไม่สามารถเนรมิตได้ด้วยเงิน (สุมาอี้)
- จะเก่ง จะรวยหุ้น ก็ต้องใช้เวลาเพาะบ่มเช่นกัน เป็นวีไอ ต้องมี ศรัทธา ขยัน ประหยัด และ อดทน ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ย่อมไม่ได้มาง่ายๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Financeseed
Verified User
โพสต์: 1304
ผู้ติดตาม: 1

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ขอบคุณครับ
มองวิกฤต หาโอกาส
http://link-seed.blogspot.com/
chakapun
Verified User
โพสต์: 266
ผู้ติดตาม: 42

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 25

โพสต์

หุ้นกลับมาทะลุ 1000 จุดอีกครั้ง

ครั้งนี้สำหรับผมแล้ว ผิดคาดไปมาก ตอนที่น้ำเริ่มเข้าท่วมนิคมอุตสาหกรรมใหม่ๆ ตอนนั้นผมคิดว่า ตลาดหุ้นต้องเกิด Panic Sell แน่นอน แต่โชคดีที่ผมยังไม่ได้ขายหุ้นตัวไหนออกไปเลย เพราะคิดว่าถ้าตลาดตกลงมา ผมจะเอาเงินที่เหลือทั้งหมด ซื้อหุ้นตัวเดิมต่อ และแล้ว ตลาดหุ้นก็ขึ้นมาเรื่อยๆ ครั้งนี้ผมคิดผิดเต็มๆ และมันก็สอนให้ผมรู้ว่า ตลาดหุ้นนี้ไม่มีอะไรแน่นอน 100% และ การขึ้น-ลง ของราคาหุ้นนั้น มันไม่เป็นไปตามเหตุผลเสมอไป และหลังจากนี้ผมไม่รู้ว่า ดัชนีจะทะลุขึ้นต่อไปได้เรื่อยๆรึเปล่า หน้าีที่ของผมก็คือ ถือหุ้นต่อไป ไปขายในจุดที่มันแพง ซึ่งจะมาถึงเมื่อไรก็ำไม่รู้เหมือนกัน

แล้วสมมติว่าตอนราคาแพงมาถึง เราจะรู้ได้ไงหล่ะ ว่ามันแพงแล้ว เวลาหุ้นขึ้น หุ้นจะขึ้นได้ต้องมีกำไรมา Support หรือ อีกประเภทนึงก็ปล่อยข่าว เพื่อหวังปั่นราคาหุ้น (ประเภทหลังนี้ขึ้นไม่นาน ก็ร่วง) ฉะนั้นตราบใดที่กำไรแต่ละไตรมาสยังเพิ่มอยู่ มูลค่่าของหุ้นก็จะสูงขึ้น และหุ้นนั้นจะแพงก็ต่อเมื่อ ราคาหุ้น สูงกว่า มูลค่าหุ้น ง่ายๆเลย ยกตัวอย่าง สมมติซื้อหุ้นมาตัวนึง ตรวจสอบทางงบการเงิน และ อนาคตของบริษัทแล้วว่ามั่นคง ตอนซื้อ หุ้น A PE อยู่ที่ 10 เท่า ราคาอยู่ที่ 10 บาท หลังจากนั้น หุ้นขึ้นต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับกำไรที่โตขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็น ราคา 20 บาท แต่ PE 10 เท่าเหมือนเดิม อย่างนี้ก็แปลว่าหุ้นยังไม่แพง เมื่อเทียบกับพื้นฐาน แต่ในมุมกลับกัน ตอนซื้อ หุ้น B PE อยู่ที่ 10 เท่า ราคา 10 บาท เช่นกัน ถือต่อไปเรื่อยๆ หุ้นราคาลง เหลือ 9 บาท แต่ PE กลับพุ่งสูงเป็น 20 เท่า อย่างงี้คือหุ้นเริ่มแพง สำหรับผมแล้ว ผมจะวิเคราะห์ดู ว่าผลกระทบเกิดจากอะไร ที่ทำให้กำไรลดลง ถ้ามันเป็นปัญหาชั่วคราว ผมก็จะเอากำไรเฉลี่ยที่ผ่านมา 4-5 ปี หรือ กำไรต่ำสุดใน 5 ปีที่ผ่านมา มาคิด PE แล้วดูว่ามันถูกหรือแพง บางทีมันอาจเป็นโอกาสในการซื้อหุ้น B เพิ่มก็ได้ แต่ถ้ากำไรที่ลดลงนี่มาจากพื้นฐานของธุรกิจจริงๆ ที่่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างถาวร อันนี้ผมก็จะขายทันที ไม่รีรอ

ตอนนี้ตลาดหุ้น PE เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12 เท่า ผมก็ว่าไม่แพงนัก แต่ก็ไม่ถูก ลองคิดผลตอบแทนต่อปีดูก็จะได้ 8.33% ต่อปี (คิดคร่าวๆนะครับ เอา 100/12 ) ตอนที่ตลาดเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 1700 กว่าจุด PE อยู่ที่ 30 เท่า ซึ่งพอคิดเป็นผลตอบแทนแล้วเหลือ 3.33 % ต่อปีเอง หรือตอนที่ตลาดตกถึง 200 จุด PE ลงมาเหลือ 4 เท่า คิดเป็นผลตอบแทน 25% ต่อปี น่าเหลือเชื่อมั๊ยหล่ะครับ ว่า Greed&Fear ของมนุษย์นั้นสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ด้วย เวลาขึ้นก็โลภ ทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปเรื่อยๆ จน 3.33% ก็เอา แต่เวลากลัว 25% ยังไม่เอาเลย รู้อย่างงี้แล้ว เราจะโลภ หรือ จะกลัวดีครับ คำตอบคือ โลภ เมื่อคนอื่นกลัว และกลัว เมื่อคนอื่น โลภ Credit By Warren Buffet ครับ ^_^

อันนี้คือผลงานของ Greed&Fear




ผมหวังว่าบทความนี้จะช่วยเตือนใจเพื่อนนักลงทุนได้นะครับ การลงทุนมันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้ยากถ้าเราเข้าใจ ความผันผวนนั้นเป็นธรรมชาติของตลาดหุ้น

ขอให้โชคดีกับการลงทุนครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
marcus147
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 615
ผู้ติดตาม: 0

Re: แนะนำ blog มือใหม่เล่นหุ้นครับ

โพสต์ที่ 26

โพสต์

เขียนได้น่าอ่านและอ่านง่ายดีครับ
การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีทางลัด อยากเก่ง ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
โพสต์โพสต์