หุ้นกับโรงหนัง ไม่ใช่หุ้นโรงหนังนะฮิฮิฮิ

[Warantact]

ในหนังสือเล่มไหนไม่รู้ เหมือนๆกับบัฟเฟตพูดเปรียบเทียบหุ้นกับโรงหนังไว้

เหมือนคุณซื้อตั๋วดูหนังที่ไม่สามารถลุกจากเก้าอี้ได้จนกว่าจะสามารถหาคนอื่นมานั่งแทน
ในบางช่วงที่คุณดูหนังอยู่ แถวข้างหลังก็ตะโกนมาว่า "ไฟไหม้!!!!!!" ทุกคนชูตั๋วขึ้นฟ้าแห่กันขายลดราคาตั๋ว

เหตุการณ์นี้ตอนนี้เกิดกับหุ้นบางตัว
หุ้นที่มีหนี้ต่ำผมว่าคล้ายๆกับโรงหนังที่ติดป้าย ห้ามสูบบุหรี่ และมีถังดับเพลิงพร้อม
โอกาสที่ไฟไหม้จริงอย่างที่คนหลังตะโกนมีน้อยมาก บางทีพวกที่ตะโกนอาจแค่อยากซื้อตั๋ว

หนังที่มีผู้กำกับดีก็เหมือนบริษัทที่มีผู้บริหารชื่อดัง สร้างผลงานไว้เจ๋ง
หนังปีที่ผ่านๆมาทำได้ดีมากในอดีต ในอนาคตมีความเป็นไปได้ว่าหนังในปีหน้าก็จะดี
คนก็จะจองตั๋วกันข้ามปี บัฟเฟตนั้นสามารถหาหนังที่มีผู้กำกับชั้นดี เนื้อเรื่องคุณภาพและนักแสดงสุดยอด
เขาถือตั๋วดูหนัง และดูหนังนานมาก

เหตุการณ์อาจเป็นคนละเรื่องกับหุ้นที่มีหนี้สินสูง คือไม่มีระบบความปลอดภัยในโรงหนัง
ในอดีต หนังเรื่องนี้สนุกมาก และตั๋วซื้อขายกับที่ราคาสูง
ทันในนั้นก็มีคนตะโกนมาจากด้านหลัง "น้ำท่วมมมมมมมม" หลายคนแย่งกันขายตั๋วให้คนอื่นมานั่ง
ทำให้ตั๋วมีราคาถูกลงมากเทียบกับในอดีต แต่ราคาตั๋วตอนนี้จะคุ้มกับคุณภาพหนังรึเปล่า?
อันนั้นเป็นอีกเรื่อง

โรงหนังที่ฉายเรื่อง "นิคม ทรหด" โดนน้ำท่วมไปก่อน ราคาได้หล่นลงมามากทีเดียวเทียบกับในอดีต
โรงหนังเรื่อง "บ้านบนต้นไม้" ที่มีคนตะโกนว่าโดนน้ำท่วมหนักก็มีราคาตั๋วลดลงฮวบๆเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม โรงหนังสองโรงนี้ถูกสร้างด้วยหนี้สินที่สูง คือมีโครงไม่แข็งแรง
น้ำท่วมอาจทำให้โครงไม้เปื่อยและโรงหนังพังได้ หรือมันก็แค่เปียกๆที่ขานิดเดียว
ใครจะรู้สิ่งนี้ได้?

ผมมีความมั่นใจเต็มที่ว่า มีหลายโรงหนังทีเดียวที่น้ำท่วมเป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆที่ไม่ได้ลดศักยภาพของหนังลงเลย
ในขณะที่บางโรงหนัง อาจไม่ใช่

คุณซื้อตั๋วหนังเรื่องไหนหละ?ฮิฮิ

[Warantact]

หนังเรื่องคอนโดของนาย ก ก็สนุกนะฮิฮิ

[halogen]

เปรียบเทียบซะเห็นภาพเลย 555

[Guiman]

55 คล้ายๆกับ แอนโทนี โบลตัน เลยครับ
เขาบอกประมาณว่า ตอนที่ตลาดหุ้นบูมๆ ก็จะต้องหาคนมาซื้อหุ้นต่อ ก่อนทีเสียงดนตรีจะหยุดลง