NPA/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- little wing
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 187
- ผู้ติดตาม: 2
NPA/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 1
โลกในมุมมองของ Value Investor 30 ตุลาคม 2554
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ความคิดต่อไปนี้ เกิดขึ้นเมื่อผมต้องย้ายข้าวของภายในบ้านจากที่ต่ำไปสู่ที่สูง เพราะนั่นทำให้ผมพบว่ามีสิ่งของมากมายที่ผมแทบจะไม่เคยได้ใช้ หรือใช้เพียง 2-3 ครั้ง แล้วก็ถูกเก็บเอาไว้จนผมลืมไปแล้วว่ามีอยู่ เครื่องใช้หลายอย่างนั้น ผมซื้อมาเพราะคิดว่ามันน่าใช้ มีประโยชน์ แต่หลังจากนั้นผมก็พบว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำจริง ๆ เช่น เครื่องออกกำลังกาย เครื่องมือทำความสะอาดบ้านแบบหรูหรา เป็นต้น ส่ิงของบางอย่างน้ัน ผมได้รับมาจากคนอื่นเป็นของขวัญ หรือเป็นของรางวัล ของเหล่านั้น ผมไม่ต้องการใช้ในขณะนั้น จึงเก็บไว้ แล้วก็ลืมว่ามันมีตัวตนอยู่ สิ่งของทั้งหมดนั้น ผมเรียกมันว่า NPA หรือ Non-performing Asset หรือ “ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์” ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่น
ลองสำรวจตัวเองแล้ว ผมก็คิดว่าตนเองไม่ใช่คนที่ซื้อหรือเก็บของอะไรมากมายนัก ดังนั้น คนอื่นจำนวนมากก็น่าจะมี NPA อยู่มากโขเหมือนก้นโดยเฉพาะคนที่มีบ้านใหญ่โตเก็บของได้มาก และเมื่อย่ิงคิดไปอีกก็พบว่า ในความเป็นจริง ผมหรือคนจำนวนมากนั้น ไม่ได้มี NPA เฉพาะที่เป็นของใช้ต่าง ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในบ้านเท่านั้น แต่ยังมี NPA ที่เป็นทรัพย์สินรายการใหญ่ ๆ อีกไม่น้อย และ NPA เหล่านั้น น่าจะมีส่วนทำให้ความมั่งคั่งของเขาถดถอยลงเนื่องจากมัน “ดูด” เงินของเราให้ “จม” ไปกับมันโดยไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์หรือรายได้กลับมา
NPA ที่เคยเป็นรายการทรัพย์สินใหญ่ของผมตัวหนึ่งก็คือ ที่ดินแถวบางบัวทองที่ผมซื้อมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 15 ปีก่อนในช่วงวิกฤติปี 2540 ที่แปลงนั้นมีราคากว่า 5 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญในขณะนั้นของผมและผมต้องก่อหนี้ถึงกว่า 3 ล้านบาทเพื่อที่จะซื้อมาและพบว่าผมไม่สามารถใช้มันได้เลยเนื่องจากอาณาบริเวณนั้นถูกน้ำท่วมตั้งแต่วันแรกที่ซื้อและท่วมต่อมาอีกเกือบทุกปี การที่จะขายทิ้งแทบเป็นไปไม่ได้ยกเว้นว่าจะขายถูกมากแบบครึ่งราคาซึ่งผมไม่ยอมทำ ผมปล่อยให้มันเป็น NPA มาเป็นสิบ ๆ ปีและนั่นคือความผิดพลาด เพราะถ้าผมขายทิ้งตั้งแต่แรก ๆ แม้ในราคาเพียงครึ่งเดียวและนำเงินมาลงทุนในทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้ ป่านนี้มันคงกลายเป็นเงินก้อนโตไปแล้ว
คนที่ซื้อคอนโดมิเนียมไว้ โดยเฉพาะที่อยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัด แต่ไม่ค่อยได้ไปพัก เช่นปีหนึ่งอาจจะใช้เพียง 4-5 วัน ในกรณีอย่างนี้เขาอาจจะไม่ตระหนักว่า มันได้กลายเป็น NPA เรียบร้อยแล้ว เหตุผลก็เพราะว่า ด้วยเม็ดเงิ นลงทุนที่ต้องเสียไปเปรียบเทียบกับผลตอบแทนหรือประโยชน์ที่ได้รับนั้น มันไม่สัมพันธ์กันเลย ตัวอย่างเช่น ถ้าคอนโดมีราคา 2 ล้านบาท และเราสามารถสร้างผลตอบแทนได้ปีละ 10% เราก็จะได้เงินปีละ 2 แสนบาท เทียบกับการใช้คอนโดของเราประมาณ 4-5 วันต่อปี เท่ากับว่าเราเสียค่าที่พักคืนละ 4-5 หมื่นบาท ดังนั้น ต้องถือว่า คอนโดที่เราซื้อมากลายเป็น NPA ไปแล้ว
หุ้นหลายตัวที่เราถือมานานหลายปี แต่เมื่อมองย้อนหลังกลับไป พบว่ามันให้ผลตอบแทนน้อยมาก ทั้งจากปันผลที่น้อยนิดและราคาหุ้นที่ไม่ไปไหนมานาน เหตุผลที่เราไม่ขายทิ้งก็อาจจะเป็นเพราะว่าราคาหุ้นต่ำกว่าต้นทุนมาก เราขายไม่ลง หรือเราอาจจะมองว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาถูกเป็นหุ้น Value และหวังว่าในที่สุดมันก็จะปรับตัวขึ้นมาเอง ดังนั้นเราจึงไม่ขาย ในกรณีแบบนี้ เราอาจจะกำลังถือหุ้นที่เป็น NPA หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องยิ่งขึ้นก็คือ เป็น NPS หรือ Non-performing Stock ซึ่งยิ่งถือนานก็ยิ่ง “ขาดทุน” เพราะถ้าเราขายหุ้นไปแล้วเอาเงินมาลงทุนในหุ้นอื่นที่ดีกว่า เราจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่ามากในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านไป
สุดท้ายที่ผมเห็นว่าคนจำนวนมากไม่ตระหนักก็คือ การที่เราฝากเงินไว้ในธนาคารจำนวนมากกว่าความจำเป็นเพราะเราไม่รู้เรื่องการลงทุนดีพอ จริงอยู่ การฝากเงินนั้นแม้ว่าจะปลอดภัยแต่มันก็ให้ผลตอบแทนน้อยมาก ช่วงเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาเราได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละไม่เกิน 2-3% ต่ำยิ่งกว่าอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น ในความคิดของผม เงินฝากธนาคารในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมานั้นเป็น NPA โดยที่คนจำนวนมากไม่รู้ตัว
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด นั่นก็คือ เราต่างก็มีทรัพย์สินที่เป็น NPA จำนวนมาก ดังนั้น วิธีที่จะสร้างความมั่งคั่งที่น่าจะมีประสิทธิภาพที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ การตระหนักถึง NPA ที่อาจจะอยู่ในพอร์ตของเราอย่างไม่รู้ตัว การไม่สร้างหรือซื้อทรัพย์สินที่มีโอกาสที่จะกลายเป็น NPA สูง และการแก้ไขทรัพย์สินที่เป็น NPA โดยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งแน่นอน รวมถึงการขาย NPA นั้นทิ้งแม้ว่าจะได้ราคาน้อยกว่าที่เราคาดหรือคำนวณไว้มาก ถ้าทำได้แบบนี้ หนทางสู่ความมั่งคั่งคงจะราบเรียบขึ้นเยอะโดยที่เราอาจจะไม่ต้องใช้ความพยายามมากเกินไป
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ความคิดต่อไปนี้ เกิดขึ้นเมื่อผมต้องย้ายข้าวของภายในบ้านจากที่ต่ำไปสู่ที่สูง เพราะนั่นทำให้ผมพบว่ามีสิ่งของมากมายที่ผมแทบจะไม่เคยได้ใช้ หรือใช้เพียง 2-3 ครั้ง แล้วก็ถูกเก็บเอาไว้จนผมลืมไปแล้วว่ามีอยู่ เครื่องใช้หลายอย่างนั้น ผมซื้อมาเพราะคิดว่ามันน่าใช้ มีประโยชน์ แต่หลังจากนั้นผมก็พบว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เราอยากทำจริง ๆ เช่น เครื่องออกกำลังกาย เครื่องมือทำความสะอาดบ้านแบบหรูหรา เป็นต้น ส่ิงของบางอย่างน้ัน ผมได้รับมาจากคนอื่นเป็นของขวัญ หรือเป็นของรางวัล ของเหล่านั้น ผมไม่ต้องการใช้ในขณะนั้น จึงเก็บไว้ แล้วก็ลืมว่ามันมีตัวตนอยู่ สิ่งของทั้งหมดนั้น ผมเรียกมันว่า NPA หรือ Non-performing Asset หรือ “ทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์” ทั้ง ๆ ที่มันอาจจะมีประโยชน์สำหรับคนอื่น
ลองสำรวจตัวเองแล้ว ผมก็คิดว่าตนเองไม่ใช่คนที่ซื้อหรือเก็บของอะไรมากมายนัก ดังนั้น คนอื่นจำนวนมากก็น่าจะมี NPA อยู่มากโขเหมือนก้นโดยเฉพาะคนที่มีบ้านใหญ่โตเก็บของได้มาก และเมื่อย่ิงคิดไปอีกก็พบว่า ในความเป็นจริง ผมหรือคนจำนวนมากนั้น ไม่ได้มี NPA เฉพาะที่เป็นของใช้ต่าง ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ในบ้านเท่านั้น แต่ยังมี NPA ที่เป็นทรัพย์สินรายการใหญ่ ๆ อีกไม่น้อย และ NPA เหล่านั้น น่าจะมีส่วนทำให้ความมั่งคั่งของเขาถดถอยลงเนื่องจากมัน “ดูด” เงินของเราให้ “จม” ไปกับมันโดยไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์หรือรายได้กลับมา
NPA ที่เคยเป็นรายการทรัพย์สินใหญ่ของผมตัวหนึ่งก็คือ ที่ดินแถวบางบัวทองที่ผมซื้อมาตั้งแต่เมื่อประมาณ 15 ปีก่อนในช่วงวิกฤติปี 2540 ที่แปลงนั้นมีราคากว่า 5 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินที่สำคัญในขณะนั้นของผมและผมต้องก่อหนี้ถึงกว่า 3 ล้านบาทเพื่อที่จะซื้อมาและพบว่าผมไม่สามารถใช้มันได้เลยเนื่องจากอาณาบริเวณนั้นถูกน้ำท่วมตั้งแต่วันแรกที่ซื้อและท่วมต่อมาอีกเกือบทุกปี การที่จะขายทิ้งแทบเป็นไปไม่ได้ยกเว้นว่าจะขายถูกมากแบบครึ่งราคาซึ่งผมไม่ยอมทำ ผมปล่อยให้มันเป็น NPA มาเป็นสิบ ๆ ปีและนั่นคือความผิดพลาด เพราะถ้าผมขายทิ้งตั้งแต่แรก ๆ แม้ในราคาเพียงครึ่งเดียวและนำเงินมาลงทุนในทรัพย์สินที่ก่อให้เกิดรายได้ ป่านนี้มันคงกลายเป็นเงินก้อนโตไปแล้ว
คนที่ซื้อคอนโดมิเนียมไว้ โดยเฉพาะที่อยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัด แต่ไม่ค่อยได้ไปพัก เช่นปีหนึ่งอาจจะใช้เพียง 4-5 วัน ในกรณีอย่างนี้เขาอาจจะไม่ตระหนักว่า มันได้กลายเป็น NPA เรียบร้อยแล้ว เหตุผลก็เพราะว่า ด้วยเม็ดเงิ นลงทุนที่ต้องเสียไปเปรียบเทียบกับผลตอบแทนหรือประโยชน์ที่ได้รับนั้น มันไม่สัมพันธ์กันเลย ตัวอย่างเช่น ถ้าคอนโดมีราคา 2 ล้านบาท และเราสามารถสร้างผลตอบแทนได้ปีละ 10% เราก็จะได้เงินปีละ 2 แสนบาท เทียบกับการใช้คอนโดของเราประมาณ 4-5 วันต่อปี เท่ากับว่าเราเสียค่าที่พักคืนละ 4-5 หมื่นบาท ดังนั้น ต้องถือว่า คอนโดที่เราซื้อมากลายเป็น NPA ไปแล้ว
หุ้นหลายตัวที่เราถือมานานหลายปี แต่เมื่อมองย้อนหลังกลับไป พบว่ามันให้ผลตอบแทนน้อยมาก ทั้งจากปันผลที่น้อยนิดและราคาหุ้นที่ไม่ไปไหนมานาน เหตุผลที่เราไม่ขายทิ้งก็อาจจะเป็นเพราะว่าราคาหุ้นต่ำกว่าต้นทุนมาก เราขายไม่ลง หรือเราอาจจะมองว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาถูกเป็นหุ้น Value และหวังว่าในที่สุดมันก็จะปรับตัวขึ้นมาเอง ดังนั้นเราจึงไม่ขาย ในกรณีแบบนี้ เราอาจจะกำลังถือหุ้นที่เป็น NPA หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องยิ่งขึ้นก็คือ เป็น NPS หรือ Non-performing Stock ซึ่งยิ่งถือนานก็ยิ่ง “ขาดทุน” เพราะถ้าเราขายหุ้นไปแล้วเอาเงินมาลงทุนในหุ้นอื่นที่ดีกว่า เราจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่ามากในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านไป
สุดท้ายที่ผมเห็นว่าคนจำนวนมากไม่ตระหนักก็คือ การที่เราฝากเงินไว้ในธนาคารจำนวนมากกว่าความจำเป็นเพราะเราไม่รู้เรื่องการลงทุนดีพอ จริงอยู่ การฝากเงินนั้นแม้ว่าจะปลอดภัยแต่มันก็ให้ผลตอบแทนน้อยมาก ช่วงเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาเราได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละไม่เกิน 2-3% ต่ำยิ่งกว่าอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น ในความคิดของผม เงินฝากธนาคารในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมานั้นเป็น NPA โดยที่คนจำนวนมากไม่รู้ตัว
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด นั่นก็คือ เราต่างก็มีทรัพย์สินที่เป็น NPA จำนวนมาก ดังนั้น วิธีที่จะสร้างความมั่งคั่งที่น่าจะมีประสิทธิภาพที่สุดอย่างหนึ่งก็คือ การตระหนักถึง NPA ที่อาจจะอยู่ในพอร์ตของเราอย่างไม่รู้ตัว การไม่สร้างหรือซื้อทรัพย์สินที่มีโอกาสที่จะกลายเป็น NPA สูง และการแก้ไขทรัพย์สินที่เป็น NPA โดยวิธีการต่าง ๆ ซึ่งแน่นอน รวมถึงการขาย NPA นั้นทิ้งแม้ว่าจะได้ราคาน้อยกว่าที่เราคาดหรือคำนวณไว้มาก ถ้าทำได้แบบนี้ หนทางสู่ความมั่งคั่งคงจะราบเรียบขึ้นเยอะโดยที่เราอาจจะไม่ต้องใช้ความพยายามมากเกินไป
-
- Verified User
- โพสต์: 551
- ผู้ติดตาม: 1
Re: NPA/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณมากครับสำหรับนำมาให้อ่านกัน อาจารย์พูดแทงใจดำผมมากเลยสำหรับ NPA โดยเฉพาะ asset ที่ผมซื้อช่วงปี 40 ที่ดินหลายแปลงเป็นเงินจม ถ้าแต่ก่อนได้มาศึกษาเรื่องการลงทุนใน stock asset ตั้งแต่แรก ก็คงไม่เป็นแบบนี้
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 5
Re: NPA/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 8
ระวังจะเปลี่ยนจาก NPA มาเป็น NPL นะครับviim เขียน:ขอบคุณมากครับสำหรับนำมาให้อ่านกัน อาจารย์พูดแทงใจดำผมมากเลยสำหรับ NPA โดยเฉพาะ asset ที่ผมซื้อช่วงปี 40 ที่ดินหลายแปลงเป็นเงินจม ถ้าแต่ก่อนได้มาศึกษาเรื่องการลงทุนใน stock asset ตั้งแต่แรก ก็คงไม่เป็นแบบนี้
แซวเล่น นะครับ
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 551
- ผู้ติดตาม: 1
Re: NPA/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 11
555 มันปลอดภาระมานานแล้วครับ แต่มันไม่มีใครมาซื้อต่อนะสิ ก็เลยเก็บไว้ให้หญ้าขึ้น ยุคนั้นเป็นยุคน้าชาติประมาณ 38-39BeSmile เขียน:ระวังจะเปลี่ยนจาก NPA มาเป็น NPL นะครับviim เขียน:ขอบคุณมากครับสำหรับนำมาให้อ่านกัน อาจารย์พูดแทงใจดำผมมากเลยสำหรับ NPA โดยเฉพาะ asset ที่ผมซื้อช่วงปี 40 ที่ดินหลายแปลงเป็นเงินจม ถ้าแต่ก่อนได้มาศึกษาเรื่องการลงทุนใน stock asset ตั้งแต่แรก ก็คงไม่เป็นแบบนี้
แซวเล่น นะครับ
- chukieat30
- Verified User
- โพสต์: 3531
- ผู้ติดตาม: 4
Re: NPA/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โพสต์ที่ 14
สุดท้ายที่ผมเห็นว่าคนจำนวนมากไม่ตระหนักก็คือ การที่เราฝากเงินไว้ในธนาคารจำนวนมากกว่าความจำเป็นเพราะเราไม่รู้เรื่องการลงทุนดีพอ จริงอยู่ การฝากเงินนั้นแม้ว่าจะปลอดภัยแต่มันก็ให้ผลตอบแทนน้อยมาก ช่วงเวลากว่าสิบปีที่ผ่านมาเราได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละไม่เกิน 2-3% ต่ำยิ่งกว่าอัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น ในความคิดของผม เงินฝากธนาคารในช่วงกว่าสิบปีที่ผ่านมานั้นเป็น NPA โดยที่คนจำนวนมากไม่รู้ตัว
ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์
คมจริงๆ
ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์
คมจริงๆ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด