ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 3

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ทักษิณ ห่วงคนไทยใช้บัตรเครดิตเพลินก่อหนี้สินล้นพ้นตัว สั่ง สมคิด-หม่อมอุ๋ย คุมกำเนิดธุรกิจบัตรเครดิต ด้านผู้ว่าธปท.ขานรับพร้อมสั่งคุมเข้ม เผยปริมาณบัตรพลาสติกพุ่งพรวดสิ้นมี.ค.แตะ8.8ล้านใบแล้ว ขณะที่ผู้ประกอบการยันอัตราเติบโตของจำนวนบัตรเริ่มชะลอตามภาวะเศรษฐกิจ โชว์ตัวเลขลูกค้ารูดบัตรเฉลี่ยคนละ4-5พันบาทเท่านั้น ยันสะดวกปลอดภัยกว่าถือเงินสด

พล.ต.อ.เฉลิมเดช ชมพูนุท โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้แสดงความเป็นห่วงในกรณีที่ประชาชนมีบัตรเครดิตหลายใบ เช่น บางคนมีหลายสิบใบ ทำให้เกินวงเงิน (เครดิตไลน์) ที่ตัวเองจะรับได้ ทำให้เกิดปัญหาในการชำระเงิน จนบางครั้งอาจจะนำไปสู่การเป็นหนี้สินล้นพ้นตัว หรือต้องไปกู้เงินนอกระบบมาชดใช้หนี้ของตัวเองในแต่ละเดือนเกินความจำเป็น ซึ่งได้มอบหมายให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่ากากรระทรวงการคลัง และม.ร.ว. ปรีดียาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปร่วมกันหาทางป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว

พล.ต.อ.เฉลิมเดช กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียกเรื่องนี้มากล่าว เพราะเป็นห่วงซึ่งประเทศไทยยังไม่มีระบบตรวจสอบกรณีบัตรเครดิตที่ชัดเจน ซึ่งนายกรัฐมนตรียกตัวอย่างว่าผู้ที่มีวงเงินประมาณ 3 แสนบาท ก็ควรจะใช้บัตรเครดิตในวงเงินเพียง 3 แสนบาทเท่านั้น แต่ขณะนี้กลับมีบริษัทต่างๆ เข้ามาแข่งขันเพื่อให้มียอดขายบัตรเครดิตเป็นจำนวนมาก อาทิ ทำให้ลูกค้าต้องมีบัตรเครดิตถึง 10 ใบ ในวงเงินใบละ 3 แสนบาท หรือ 3 ล้านบาท หากใช้กันเพลินก็ทำให้เกิดหนี้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งจะทำให้มีปัญหาในการผ่อนชำระเป็นรายเดือน

นายกรัฐมนตรีได้รับการร้องเรียนเข้ามา และได้แสดงความห่วงใย เพราะปัญหาน่าจะเกิดจากการแข่งขันอย่างรุนแรงของบริษัทขายบัตรเครดิต โดยให้เครดิตและวงเงินแบบไม่คำนึงถึงการตรวจสอบ เหมือนกับระบบส่วนกลาง เช่น เครดิตไลน์ที่ไม่ดีพอ คนใช้โดยไม่ระวังและเกินกำลัง พล.ต.อ.เฉลิมเดช กล่าวและว่า โดยปกติแล้ว1คนน่าจะมีบัตรเครดิตเพียง 1-2 ใบ และอยู่ในวงเงินที่ไม่เกินความสามารถ ใช้ชำระหนี้ได้ในขั้นต่ำ 5- 10% ซึ่งแต่ละเดือนสามารถชำระได้ แต่หากเกิน 10 ใบ แทนที่จะใช้ชำระหนี้ 5 % ก็กลายเป็นต้องชำระหนี้ถึง 50%

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่ประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.จะพิจารณาและดูแลเรื่องดังกล่าวตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอมา แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับเรื่องอย่างเป็นทางการ

อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธปท.ได้ออกกฎเกณฑ์เพื่อควบคุมปริมาณบัตรเครดิตอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการกำหนดวงเงินขั้นต่ำของผู้ถือบัตร การผ่อนชำระเงินขั้นต่ำ และการคิดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต โดย ธปท.ได้เน้นที่จะควบคุมไม่ให้ผู้มีรายได้น้อยมีบัตรเครดิต และใช้จ่ายเกินตัวซึ่งอาจเกิดปัญหาการผ่อนชำระตามมาเช่นกัน

รายงานข่าวจาก ธปท. แจ้งว่า จำนวนบัตรเครดิตล่าสุด ณ สิ้นเดือนมีนาคมปีนี้ มีทั้งสิน 8,896,235 บัตร เป็นบัตรเครดิตที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ไทย 3,290,675 บัตร สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศในไทย 992,861 บัตร และบริษัทประกอบธุรกิจบัตรเครดิตทีมิใช่สถาบันการเงิน(นอนแบงก์) 4,612,699 บัตร โดยมียอดคงค้างสินเชื่อจำนวน 118,581 ล้านบาท ส่วนปริมาณการใช้จ่ายรวมมีทั้งสิ้น 45,692.75 ล้านบาท

นายธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตในปีนี้ คาดว่าอัตราการเติบโตไม่น่าที่จะถึง 20% เพราะ ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง อีกทั้งเกณฑ์ควบคุมบัตรเครดิตของธปท. ที่ออกมาล่าสุดจำกัดรายได้ขั้นต่ำต่อเดือน 15,000 บาทนั้น ส่งผลให้กลุ่มที่อยู่ในเงื่อนไขสามารถมีบัตรเครดิตได้ลดลง โดยปกติประเทศไทยผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 15,000 บาทนั้นอยู่ในสัดส่วนถึง 70% ดังนั้นส่วนที่เหลือสามารถมีบัตรเครดิตได้นั้นน้อยมากการก่อหน้าจึงมีข้อจำกัดด้วย

โดยเฉลี่ยผู้ที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทั่วไปอยู่ที่ระดับเดือนละ 4,000-5,000 บาท แบ่งเป็นการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเข้าบ้านประจำเดือนประมาณ 2,000-3,000 บาท ใช้เติมน้ำมัน 1,000 บาท ที่เหลือเป็นการใช้จ่ายด้านอื่นๆ โดยมองแล้วการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจึงมีน้อยมากเมื่อเทียบกับเม็ดเงินอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่ประชาชนหันมาใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแทนการใช้เงินสดเพื่อความสะดวกและปลอดภัย

ส่วนประเด็นที่จะทำให้เกิดการก่อหนี้ของภาคประชาชนนั้น ในปกติประชาชนก็มีหนี้สินอยู่แล้ว อาจจะเป็นหนี้นอกระบบซึ่งไม่ได้มีตัวเลขออกมา แต่เมื่อสามารถดึงเข้ามาอยู่ในระบบได้และมีตัวเลขที่สามารถเป็นข้อมูลได้ จึงมองว่ามีหนี้ภาคประชาชนที่เพิ่มขึ้น โดยมองว่าน่าจะเป็นเรื่องดีที่ประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของการคิดอัตราดอกเบี้ยเพราะจะต้องอยู่ในเกณฑ์ของทางการประมาณ 17-18 %ต่อปี ส่วนหนี้นอกระบบนั้นขึ้นอยู่กับผู้กู้จะคิดดอกเบี้ยเท่าไรก็ได้

สำหรับตัวเลขบัตรเครดิตคร่าวๆขณะนี้มีอยู่ประมาณ 8.8ล้านใบนั้น มองว่า จำนวนของบัตรเครดิตเริ่มชะลอลง แต่จะเข้ามาเพิ่มเรื่องของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่ผู้ประกอบการทุกแห่งต่างๆหาแคมเปญมาจูงใจให้กับลูกค้าเชื่อว่าโดยเฉลี่ยแล้วประชาชนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจริงๆไม่น่าจะเกิน 3 ใบต่อราย ส่วนที่มีบัตรเครดิตต่อรายมากกว่า 10 ใบนั้น น่าจะเป็นช่วงระยะสั้นๆ มากกว่า
Knott
Verified User
โพสต์: 232
ผู้ติดตาม: 0

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ความโลภครับ ตราบใดที่บัตรเครดิตเป็นธุรกิจ บริษัทบัตรเครดิตก็ยังคงต้องพยายามเพิ่มยอดการใช้อยู่โดยการกระตุ้นและเสนอขายทุกวิถีทาง

ทางแก้ที่ตรงจุดมากกว่าคือทำอย่างไรให้คนเลิกนิสัยบริโภคนิยมและก่อหนี้ฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น หันมาใช้ชีวิตตามแนวพระราชดำรัสให้มากขึ้น เรามีตัวอย่างที่ดีเป็นพ่อของประเทศแล้ว แต่ลูกๆไม่ค่อยเดินตามพ่อกันเลย

เพียงเรารู้จักพอ เราก็จะมีชีวิตที่พอเพียงแล้วครับ 8)
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 3

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ในเวบนี้ผมว่าหลายคนทำได้ครับ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเรายังเป็นถือเป็นส่วนน้อยในสังคมกันอยู่เท่านั้นเอง :wink: ว่าแต่ธุรกิจบัตรเครดิตนี่เหนื่อยนะครับ มาตรการนู่นมาตรการนี่ออกมาไม่หยุดหย่อน
Impossible is Nothing
stockms
Verified User
โพสต์: 920
ผู้ติดตาม: 0

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ทำไมเนื้อข่าวให้ความสำคัญกับจำนวนบัตรมาก บางคนแทบไม่เคยใช้บัตรบางบัตรเลยแต่สมัครเพื่อรับของแถมก็มี ในรายงานข่าวน่าจะมีตัวเลขบัญชีค้างจ่ายเกิน 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน ซึ่งน่าจะบอกได้มากกว่าว่าหนี้บัตรเครดิตอยุ่ในระดับที่น่ากลัวแล้วจริงหรือ?
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 3

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ถ้ามีจริงอาจจะตกกะใจกันก็ได้นะครับ ฮิฮิ ว่าแต่ Credit Bereau นี่จะมีข้อมูลพวกนี้อยู่หรือเปล่าน๊า
Impossible is Nothing
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18408
ผู้ติดตาม: 81

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 6

โพสต์

น่าจะคุ้มตั้งนานแล้ว
:)
ภาพประจำตัวสมาชิก
harry
Verified User
โพสต์: 4200
ผู้ติดตาม: 0

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผมไม่เคยขอได้เลย ไอ้พวกสินเชื่อต่างๆ มันมีแต่ข่าวบอกของ่าย

จะได้ซื้อของมาใช้บ้าง
Expecto Patronum!!!!!!
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 3

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ของที่ซื้อนี่หุ้นหรือเปล่าครับ :mrgreen:
Impossible is Nothing
Knott
Verified User
โพสต์: 232
ผู้ติดตาม: 0

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 9

โพสต์

harry เขียน:ผมไม่เคยขอได้เลย ไอ้พวกสินเชื่อต่างๆ มันมีแต่ข่าวบอกของ่าย

จะได้ซื้อของมาใช้บ้าง
หลักการของสินเชื่อก็คือ คุณจะได้รับสินเชื่อในยามที่คุณไม่ต้องการมัน หากเมื่อไรคุณต้องการมันขึ้นมา คุณจะไม่ได้รับมัน (หรือได้แต่ดอกเบี้ยสูงมากๆ) :twisted:
"Much success can be attributed to inactivity. Most investors cannot resist the temptation to constantly buy and sell."
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 3

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 10

โพสต์

แต่ว่าผมก็เคยได้รับโทรศัพท์แถวๆ ปีใหม่จากธนาคารแห่งหนึ่งว่าต้องการสินเชื่อหรือไม่นะครับ พยายามคะยั้นคะยออยู่นั่นแหล่ะ ว่าแต่ ตอนนั้นผมยังไม่มีรายได้เลยนะ.....ฝ่ายฐานข้อมูลเค้าคงทำงานไม่ดีพอมั้ง :D
Impossible is Nothing
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekapuk
Verified User
โพสต์: 82
ผู้ติดตาม: 0

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 11

โพสต์

เขาบอกกันว่าคนกรุงเทพมีบัตรเครดิตกันคนละ 10 ใบ ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีกันไปทำไม คนละ 1 ใบก็น่าจะพอแล้ว และที่ดีที่สุดคือใช้เงินสดหรือใช้บัตรเดบิตแทนในกรณีที่ไม่ต้องการใช้เงินสดจริงๆ เพราะบัตรเดบิตมันจะหักในบัญชีเราซึ่งเราต้องมีเงินอยู่ก่อนแล้ว ทำให้จำกัดวงเงินเพื่อไม่ให้เป็นหนี้ได้
lek
ภาพประจำตัวสมาชิก
S&K Fund
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 247
ผู้ติดตาม: 0

ทักษิณสั่งคุมบัตรเครดิต

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ผมคิดว่ามีบัตรเครดิตสะดวกดีนะครับ เผอิญต้องเดินทางบ่อยๆ
ถ้าพกเงินสดก็จะไม่สะดวก อย่างค่าน้ำมัน กับ ค่าโรงแรม จะต้องจ่ายไปก่อน
เบิกกลับทีหลัง เราก็จะสะดวก แต่คงต้องมีการคุมการใช้จ่ายตนเองให้ดีนะครับ

ส่วนมากผมจะทำบัญชี แล้วก็บันทึกค่าใช้จ่ายไว้ด้วย เราจะได้ไม่ใช้เงินเกิน
อีกอย่างถ้าได้เงินก็จะเอาเข้าแบงค์ไว้ได้ดอกนิดหน่อยนะครับ

แต่ไม่ได้เอาออกมาซื้อหุ้นนะครับ
ล็อคหัวข้อ