ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 1

โพสต์

รูปภาพ

   ก่อนที่ผมจะรู้ว่าจากจำนวน 100 ครั้งที่ผมทำผิดนั้น 99 ครั้งผมจะไม่โทษตัวเองเลยไม่ว่าเรื่องนั้นจะผิดอย่างไร  เป็นเวลาหลายปีที่ผมเริ่มขบวนการ invert ตัวเองและจดบันทึกต่างๆ ที่เกี่ยวสิ่งที่ทำในแต่วันมานั่งดูช่วงเย็นแล้วหาขั้นตอนในการตรวจสอบตนเอง ทบทวนสิ่งต่างๆ และประเมินตัวเองอย่าไม่เกรงใจ และถามตัวเองว่า

     ผมได้ทำผิดพลาดอะไรไปบ้าง

      แต่ผมก็ยังพลาดอีกจนได้ อคติมีมากมายให้เราค้นหาและได้เรียนรู้จากประสบการณ์นั้นๆ การทบทวน อคติ ในแต่วันทำให้ผมมีความรูสึกที่แย่มาก แต่บ่อยครั้ง อคติ เหล่านั้นทำให้ผมประหลาดใจอย่างมากว่าเรามี อคติ ตัวนี้ ฝังในตัวเราอยู่ด้วยหรือนี่? แน่นอนว่าผ่านไปหลายปี ความผิดลพาดย่อมน้อยลง บางครั้งผมโน้มเอียงเพื่อปลอบใจตัวเองภายหลังมีการตรวจสอบ อคติ ของตัวเอง การวิเคราะห์ตัวเองอย่างปีแล้วปีเหล่าเป็นวิธีการลงทุนที่ได้ผลกว่าวิธี อื่นๆ ที่ผมเคยพยายามใช้มาก่อนทั้งหมด

ผมได้จดลงหัวข้อต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้

1.  เราต้องมีความปราถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการจับผิดตัวเอง
2.  ขณะทำทุกอย่างให้ถามตัวเองเรื่อยๆ ว่า เราทำสิ่งนั้นอยู่ด้วย อคติ หรือไม่
3. จดและขีดเส้นใต้ อคติ ที่สำคัญเอาไว้
4. อ่านทบทวนข้อผิดพลาดของตัวเองในแต่ละวัน
5. พัฒนาเทคนิคและนำวิธี invert อคติไปใช้ทุกครั้งเมือมีโอกาส ใช้เนือหา อคติ ของท่านสามสลึงทีผมจดมาในกระทู้นี้เพื่อช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดในชีวิตประจำวัน ของเรา
6. ทำให้การนั่งจับ อคติ เป้นเรื่องที่สนุก โดยการเสนอเงินให้ตัวเองอาจเป็น 100 บาท หรือ ตามที่กำหนด ทุกครั้งที่เราจับได้ว่า อคติ ของเราตัวไหนทำให้เราต้องละเมิดสติของเราและจับอคติตัวนั้นไม่ได้
7. ตรวจสอบทุกอาทิตย์ ถามตัวเองอะไรผิดพลาดไป อะไรที่ต้องปรับปรุง เรียนอะไรไปบ้าง
8. คอยเก็บบันทึกไว้ติดตัว เพื่อให้เห้นว่าเราจะนำวิธี invert อคติเหล่านั้นที่เราคิดได้ ไปใช้เมื่อไหร่และอย่างไรได้บ้าง


โปรดใช้ความรอบครอบในการอ่านครับ
ผมอาจผิดครับ อะไรก็เป้นไปได้ทั้งนั้น เป็นตอนหนึ่งนั้นได้จดจำบันทึกไว้ในการคุยกับตัวเอง  หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากไม่น้อยครับ

------------------------
 
ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

ได้ยินว่า cut loss สำคัญที่สุด

คุณเชื่ออย่างนั้นไหม?

ไม่ทั้งหมด  สาเหตุที่ทำให้เราตัดสินใจซื้อหุ้นตั้งแรกสำคัญกว่า ถ้าเขาไม่ซื้อหุ้น การ cut loss ก็ไม่เกิดขึ้น การ cut loss เป้นแค่ผลลัพไม่ใช่ต้นตอของสาเหตุ

ในมุมมองของความสัมพันแบบภาพสะท้อน มองเรื่องการ cut loss อย่างไร?

พฤติกรรม cut loss เป็นเพียงพฤติกรรมภายนอกที่สะะท้อนมาจากโลกภายในของนักลงทุน    คุณภาพของการลงทุนเทคนิคต่างๆ ที่นักลงทุนเอามาปรับใช้ จะไม่สามารถเกินคุณภาพของความคิดที่พวกเขามี   ความหมายของเรื่องนี้คือเรามัวแต่เรียนรู้เทคนิคการ cut loss  สร้างระบบขึ้นมาป้องกันความเสี่ยง แต่ตลอดเวลาเรายังหล่อเลี่ยงสาเหตุของการตัดสินใจที่ผิดพลาดนั้นไว้ในใจตลอด  เราเฝ้ากังวลที่จะปรับปรุงเงื่อนไขภายนอกแต่กลับไม่ปรับปรุงเงื่อนไขจากภาย ในที่ควรให้ความสำคัญมากกว่า

เรามองหาวิธี cut loss มากเกินไป จนละเลยต้นเหตุที่แท้จริง?

cut loss  ไม่ใช่วิธีลบภาพสะท้อนจากการวิตกกังวลแบบคาดการณ์ไปล่วงหน้า แต่เทคนิคการ cut loss ในตัวมันเองเป็นวิธีการป้องกันที่ทำให้ภาพสะท้อนไม่ได้ขยายวงไปมากกว่านั้น   สิ่งที่ก่อให้เกิดภาพสะท้อนจริงๆ ที่เรียกว่า อคติต่างๆ  กลับถูกละเลย เราเป็นอย่างไรย่อมขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราคิด  สิ่งที่เราคิดนั้นอาจไม่สอดคล้องกับความป็นจริงที่ปรากฏ   และการ cut lossอาจกลายเป็นอคติอย่างหนึ่งโดยที่เราไม่ทันคิด  ถ้าเป็นอคติที่ดี มันจะให้เรามีความสุข แต่ถ้าอคติทุกอย่างมีจังหวะเวาของมัน บางเวลา บางสถานที่ อคติที่ดีกับกลายเปนไม่ดี และบางเวลา บางสถานที่ มันอาจส่งผลในทางตรงกันข้าม

หมายถึงว่า เรามีความสุขได้เช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่เราถูกบดบังด้วยอคติ?

ถ้าอคตินั้นทำให้เรามีความสุข ซึ่งไม่แน่เสมอไป ว่าอคติตัวเดียวกันจะส่งผลอย่างไร แต่ในขณะที่เรายังถูกบอดบังด้วยสิ่งที่ไม่แน่นอนในชีวอต  เราจะลับอาวุธเหล่านั้นไว้ในใจเราตลอดเวลาและมันอาจกลับมาทำลายตัวเราเองใน ภายหลัง  เราควรต้องขุดลึกลงไปในใจตัวเองและหาสาเหตุการขาดทุนที่แท้จริง   หาว่าอคติอะไรเป็นตัวสร้างอุปนิสัยในการลงทุนของเรา อะไรเป็นตัวหล่อหลอมชีวิตที่เราเป้นอยู๋ และเป้นตัวกำหนดชะตากรรมให้เราต้อง cut loss  เรื่องนี้สามารถพิสูจนืได้ด้วยการเผ้าดูตัวเอง คอยติดตามสาเหตุของการตัดสินใจซื้อ/ขายหุ้นตัวนั้น คอยติดตามผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จากนั้นค่อยๆ เชื่อม้หตุและผลต่างๆ เข้าด้วยกัน หาสาเหตไม่ยากครับ

cut loss เป็นวิธีรักษา ไม่ใช่วิธีป้องกัน?

cut loss เหมือนมีดตัดหญ้าในสวนที่คอยตัดวัชพืชออกจากสวน แตสาเหตุที่วัชรพืชขึ้นกลับถูกละเลยเพราะนักลงทุนยอมรับว่าวัชรพืชขึ้นในสวน เป้นเรื่องปกติ  เหมือนที่นักลงทุนยอมรับว่าการขาดทุนเป้นเรื่องปกติในตลาดหุ้น  บางคนกลับหล่อเลีย้งวัณพืขนั้นเสียเองด้วยการเพาะพันให้มันออกดอกในจิตตัว เอง  ด้วยการกรทำอย่างนั้น ไมนานพวกเขาจะพบว่าพวกเขาเป้นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับกับเพาะวัชรพืชเหล่านั้น  แทนที่จะเปนผู้เชี่ยวชาญเพาะปลุกดอกไม้ทองคำที่มีค่ามากกว่า

คิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น คิดจะ cut loss ก้ได้ cut loss?

คุณจะได้อยู๋ตรงไหนในชีวิตเพราะตัวคุณเอง  ความคิดที่ถูกสร้างขึ้นมาจนกลายเป็นนิสัยของเราเป็นสาเหตุที่พาเราไปอยู๋ ตรงนั้น

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังเดินมาผิดทาง?

มองหน้าในกระจกทุกวัน ถามตัวเองว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา  สิ่งที่เรานี้ เรายังอยากทำหรือไม่   ถ้าความรู้สึก ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เกิดขึ้น เราอาจกำลังเดินตกเหวในไม่ช้า

วิธีแก้มีไหมครับ ?

invert  สิ่งที่เขาคิด ถ้าเขาอยกา cut loss ต้องถามว่า อยากซื้อเพิ่มไหม หรือ cut loss  เพราะว่าเขาคาดการณ์ผิดตั้งแต่แรก   การเปลี่ยนแปลงที่กเดภายนอกเป้นสัดส่วนกับการเปลียนแปลงภายในเสมอ  สถานการณ์ต่าง ๆไมได้กำนหดให้นักลงทุน cut loss   มันเพียงเปิดเผยสิ่งที่นักลงทุนคนนั้นเป้นอยู่แล้วตั้งแต่แรก  เขาต้องปรับแต่งภายในจิตใจให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู๋ภายนอก  หยุดโทษสิ่งต่าง ๆ ทีทำให้ตลาดปรับตัวลง  เรียนร็ที่จะปรับจิตใจให้ยอมรับตามความเปฯจริง  หยุดก้าวโทษ สิ่งแวดล้อมต่างๆ แต่ต้องเริ่มใช้สิ่งแวดล้อมเหล่านั้นเป้นเครื่องมช่วยให้เราค้นพบสิ่งที่ ซ่อนอยู๋ในใจทีแท้จริงที่ทำให้เราต้อง cut loss     ตลาดหุ้นถูกปกครองด้วยความหยุ่งเหยิง ไม่ใช่คณิตศาสตร์  เราไม่อาจเลิอกเหตการณ์ที่จะกเดขึ้นในตลาดได้ แต่เราเลือกความคิดของเราได้ ซึ่งแน่นอนว่าความคิดจะไปกำหนดสิ่งที่เราทำ  โลกคือกระจกเงา ตลาดหุ้นคือกระจกเงา ตัวเราก็คือกระจกเงา ทุกอย่างที่ปรากฏออกมาให้เราเห้น ล้วนเป้นผลมาจากภาพสะท้อนของความคิดภายในจิตใจของคนที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และขับเคลื่อยด้วยอคติต่างๆ เราต้องหาว่าอคติที่ซ่อนอยู่คืออะไร ตรงนั้นต่างหากที่สำคัญครับ
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ต้นเหตุของการผิดพลาดที่เรียก ว่า อคติ

1.เจ้าระเบียบ
http://www.khonnaruk.com/html/verandah/ ... an/19.html

2. ว่าง่าย
http://www.khonnaruk.com/html/verandah/ ... an/18.html

3. หลงตามความคิด
http://www.khonnaruk.com/html/verandah/ ... an/24.html

4.  บทเรียน
http://www.khonnaruk.com/html/verandah/ ... an/21.html

5. เปลี่ยนใจ
http://www.khonnaruk.com/html/verandah/ ... an/17.html

6. ลืมตัว
http://www.khonnaruk.com/html/verandah/ ... an/01.html
7. ตายไม่ว่า
http://www.khonnaruk.com/html/verandah/ ... an/02.html
8. คนใจร้อน
http://www.khonnaruk.com/html/verandah/ ... an/03.html
9. มองแยกส่วน
http://www.khonnaruk.com/html/verandah/ ... an/04.html

______________
___ขอบคุณ หนังสือ สาระขัน
http://www.khonnaruk.com/
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 3

โพสต์

http://www.youtube.com/watch?v=KaPxuwPh ... r_embedded

   ปรมาจารย์ท่านนี้ได้สิบดั้งคนเดียวในโลก
  ท่านตัดอคติของท่านเองออกหมด เหลือแต่อคติของคู่ต่อสู้
  ดูกี่ทีก็ได้อะไรมากมายครับ
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 4

โพสต์

http://www.youtube.com/watch?v=q3vM1PcrV0k

  ผมนั่งดูพระเอกในหนังเรื่อง Revilver  ติดในลิฟแล้วเอาชนะตนเอง ดูแล้วถึงแม้ คนดูอาจไม่เข้าใจภาพยนตร์ทั้งเรื่องได้ดี  หากแต่อันดับแรก เราไม่พยายามเข้าใจแต่ละองค์ประกอบแต่ละภาพย่อยของภาพยนต์แล้วมาปะติดปะต่อกัน
     
   เรื่องนี้เปลี่ยนความคิดที่ผมเอาชนะอคติตนเองอย่างสิ้นเชิง มันอธิบายสิ่งที่ผมทำผิดมาตลอดเพราะชอบเน้นย้ำโลกแห่งความสำเร็จค้นคว้าความรู้จากภายนอกเพียงด้านเดียวโดยไม่ได้ให้ความสำคัญแก่ประสบการณ์การค้นพบความรู้ตัวเองจากภายใน
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 5

โพสต์

http://www.youtube.com/watch?v=1BOOQdiGVCo

   เรื่องสนุกมากครับ  Paycheck เจาะลึกเรื่อง Reflexivity ตรงๆ ให้ความรู้เกี่ยวกับจิตวิทยาในตลาดในแบบที่หาไมได้ในหนังเกี่ยวกับหุ้นเองด้วยซ้ำ

   "สิ่งที่ความเชื่อทำคือเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่จะเกิดในอนาคต"

  ถ้อยคำเหล่านี้ทำใหผู้เขียนคิดถึงเหตุการณ์หนึ่งอยู่บ่อยๆ  ที่อาจารย์โซรอสกว่าวถึงว่า  ถ้าราคาของในประเทศใดกำลังปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจนนักลงทุนกลัวเงินเฟ้อในจะเกิดขึ้น    ทุกคนจะคาดการณืไปล่วงหน้า จนหมดศัทธาเงินในประเทศนั้น   พอขายเงินออกมามาก ๆ  แนวโน้มอย่างนี้จะพลักดันให้เกิดเงินเฟ้อในประเทศซ้ำเข้าไปอีก ดังนั้นจึงเป็นการตอกย้ำความถูกต้องของแนวโน้มการหมดความเชื่อถือของเงินที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 6

โพสต์

รูปภาพ

  "ข้าวผัดหน้าอาจารย์โซรอสที่หนึ่งครับ"

  ถ้ามีร้านอย่างนี้ แล้วมีหน้าคนสำคัญต่างๆ ไม่รู้จะขายดีไหม

     ผมเป็นคนชอบเสาะแสวงหาที่กิน    นี่เป็นบ้านผม ใส่พริกสด กินกับกระเทียม
    ข่าวผัดจานนี้ จมุกของท่านถ้าได้จุ่มน้ำปลาพริก
    แล้วเข้าปากทันทีครับ โอ
      ไม่ต้องบรรยายครับ  
    ตาของท่าน  ผัดใหม่ ๆ คงร้อนครับพี่
  รสชาติไม่น่าจะจืดไป ไม่เค็มไป ไม่เปรี้ยวไป
     มันช่างเต็มปากเต็มคำ
   หูของท่านกรอบนอก นุ่มใน  ทั้งอวบทั้งอั่น
โอวช่างลงตัวซะนี่กระไร

ที่เหลือก้อ...จินตนาการเอาเองแล้วกันครับ
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 7

โพสต์

รูปภาพ

การรู้จักตัวตนของตนเองมีความสำคัญกับอาชีพ trader มากแค่ไหน?

แรบไบโซรอสให้ความสำคัญมากทีเดียวครับ
ท่านเน้นให้เราตั้งคำถามว่าเราเป็นใครและเราจะทำอะไรให้กับโลกนี้บ้าง   ท่านเน้นสอนให้เข้าใจตัวเอง รู้จักตัวเอง ค้นหาสิ่งที่อยู๋ข้างในเปลือกหอยส่วนตัวของเรา บ่อยครั้งที่เขาถามลุกน้องว่ามีความคิดอย่างไร โดยหยิบยกสถานการณ์เศรษฐกิจขึ้นมา จากเหตุปัจจัยต่างๆ เหล่านั้น  พวกเขาจะตอบโต้กับสถานการณ์เหล่าน้นอย่างไร สมัยนั้น ทุกเช้าลูกน้องต้องมีพิธีกรรมบางอย่างที่เรียกว่า การสร้างภาพ

กระจกวิเศษบอกข้าเถิด เหตุการร์ต่อไปนี้จะเกิดขึ้น ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง

บางครั้งในห้องน้ำ ระหว่างเดินไปทำงาน พวกเขาจะถุกสอนให้สร้างภาพที่จะเกิดในตลาดหุ้นทุกวัน  ต้องสร้างกรอบขึ้นมาเกี่ยวกับการคาดการณ์ไปข้างหน้าขึ้นมาและสร้างข้อสรุป ว่าจะตัดสินใจซื้อ/ขายหุ้นตัวไหนดี หลักจากนั้นในช่วงเย็น  ก้นั่งทบทวนว่าสิ่งที่เราทำไปในตอนเช้านั้น มีอะไรที่แตกต่างไปบ้างกับตอนเย็นบ้าง ยังเชื่อในสิ่งที่คิดในตอนเช้าหรือไม่ ประสบการณ์ของการนั่งทบทวนความผิดพลาดตัวเองนั้นเหมือนการมองหาจุดอ่อนตัว เองทุกวัน พยายามค้นหาว่าเหตุผลอะไรทำให้พวกเขาตัดสินใจอย่างนั้น
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 8

โพสต์

รูปภาพ

หลี่ซื่อหมิน หรือ ฮ่องเต้ถังไท่ (唐太宗;ค.ศ.599-649) คือ ฮ่องเต้ผู้ถูกยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์จีน

  ฮ่องเต้ถังไท่จงทรงเปรียบเปรยไว้ว่า แท้จริงแล้วผู้ปกครอง  นั้นเป็นเสมือนเรือ ประชาชนเปรียบเหมือนน้ำ  
     
  น้ำทำให้เรือลอยขึ้นได้ ก็ย่อมสามารถทำให้เรือจมลงได้เช่นกัน

     เปลี่ยนน้ำเป็นอคติ

 อคตินักลงทุนให้ราคาปรับสูงขึ้นได้ ก็ย่อมสามารถทำให้ราคาตกลงอย่างรวดเร็วได้เช่นกัน


  ทั้งทรงแต่งตั้ง ขุนนาง ผู้หนึ่งนาม เว่ยเจิง ( ตอนแรกเป็น'ปรปักษ์' ที่ต่อมากลายเป็น 'มิตร'  ) เป็นเสนาบดีทักท้วงคนแรกในประวัติศาสตร์จีน

    มีสถิติบันทึกไว้ว่าในช่วงที่รับใช้ฮ่องเต้ถังไท่จง เว่ยเจิงเสนอความคิดเห็นคัดค้านมากมายหลายร้อยเรื่อง โดยแต่ละเรื่องล้วนเป็นคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองและองค์ฮ่องเต้อย่างมหาศาล ขณะที่หลายเรื่องก็เป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่เว่ยเจิงยินยอมแม้แต่จะเอาศีรษะของตนเองเข้าแลก
       
       เมื่อเว่ยเจิงเสียชีวิตลงในปี ค.ศ.643 องค์ฮ่องเต้ถังไท่จง เสียพระทัยอย่างมาก จนถึงกับรับสั่งว่า
       
       หากนำทองแดงมาส่องเป็นคันฉ่องก็จะสามารถจัดแจงเครื่องแต่งกายให้เป็นระเบียบได้
       หากนำอดีตมาส่องเป็นคันฉ่องก็จะรับรู้ได้ถึงความรุ่งเรืองและล่มสลายของยุคสมัย
       หากนำ เว่ยจริง มาส่องเป็นคันฉ่องก็จะทราบถึงความสำเร็จและความผิดพลาดของตัวข้า
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 9

โพสต์

Margin of Safety
ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย


รูปภาพ
ดร. ก้องเกียรติ โอภาสวงการ

"  การลงทุนไมได้มีแต่ "ทางได้"  อย่างเดียว ต้องเผื่อ "ทางถอย"  เอาไว้ด้วย
เพราะฉะนั้นวิธีการควบคุม "ความเสี่ยง" จากการลงทุนจึงสำคัญไม่แพ้วิธัการทำกำไรจากหุ้น"


รูปภาพ

ท่านปรมาจารย์มุซาชิ  

"จุดอ่อนของคนทั่วไปคือคิดแต่จะฟาดฟันผู้อื่นโดยลืมเลือนตัวเอง  
จึงปล่อยให้ตู๋ต่อสู้สวนกลับมาได้
อย่าลืมว่าเมื่อดาบเราไปถึงปรปักษ์ได้ ดาบของปรปักษ์ก็มาถึงเราได้เช่นกัน"


รูปภาพ
คุณหมอยรรยง

 " อะไรที่ผมไม่รู้ คือ ความเสี่ยง แต่ลงทุนไปแล้ว
ถ้าผิดครั้งแรกแสดงว่าตาถั่ว มองหุ้นไม่ออก
แสดงว่าสิ่งเรามองมันผิดตั้งแต่แรก  อย่างนี้ลงเวทีออกมาชั่วคราว"


รูปภาพ
 ED Seykota

 " ทุกครั้งที่ผมเข้าไปลงทุน ผมคิดเผื่อทางออกไว้ก่อนที่ผมจะเข้าเสียอีก"


รูปภาพ
 อาจารย์ชาลี มังเกอร์

" ถ้าต้องการชนะในเกมทุกอย่าง ต้องเอาชนะตัวเองก่อนเสมอ"


  รูปภาพ
  คุณไตรภพ

 " ผมจินตนาการทุกอย่างที่ผมจะลงมือทำ ผมได้ยินเสียงคนปรบมือ ได้กลิ่นน้ำหอม ได้เห็นแสงไฟ
 ผมเห็นด้วยดวงตาแห่งความคิดจินตนาการ
ไม่ใช่ความคิดที่ฟุ้งซ่าน คิดอย่างนี้ไปล่วงหน้าทุกครั้ง
แล้วโอกาสผิดพลาดจะมีน้อย"

      รูปภาพ

อาจารย์โซรอส

      "ทุกเย็นผมนั่งย้อนมองเห็นตัวคุณกำลังทำทุกอย่างจากมุมบนลงมา
จับผืดตัวเอง หาข้อบกพร่อง
ถ้าผืดแล้ว ผมจะแแก้ไขอย่างไร  
ถ้ามันถูก มันจะเป้นอย่างไร ถ้ามันผิด มันจะเป้นอย่างไร
ผมไม่ทำนายอนาคต แค่ผมจะรับมือกับสิ่งต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเสมอ
แล้วหาทางแก้ไขสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้น "
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 10

โพสต์

รูปภาพ

  shalom.ในโอกาสครบรอบสองปีที่ค้นคว้าเรืองวิชา reflexivity มีเรื่องมากมายที่ได้ผ่านเข้ามา มีพี่สองท่านใน thaivi ที่ผมต้องขอบพระคุณอย่างถึงที่สุด พี่โจ พี่มน ถ้าไม่มีพี่ทั้งสอง ผมคงไม่มีวันพลิกกลับมายืนอีกครั้งได้

   ผมหวังว่า สาระคงมีอยู๋บ้างครับ  เรื่อง reflexivity เป้นเรื่องใกล้ตัว  อ่านหนังสือของอาจารย์โซรอสท่าน ผมโง่มากครับ  อ่านไม่เข้าใจเลย อ่านยาก เข้าใจยาก ไปอ่านของลูกศิษย์โซรอสที่เขียนไว้ ก็ไม่เข้าใจอีก  ผมอ้อมโลกอยู่นานกว่าจะรู้ว่าเรื่อง reflexiivty นั้นศาสนาพุทธได้สอนไว้นานแล้ว ของดีอยู่ใกล้ตัวนี่เองครับ ผมตีความให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ บทความนี้เขียนตอนคุยกับตัวเอง แล้วมันออกมาอย่างที่อ่านครับ

ผมเขียนด้วย อคติ
ผมเข้าใจด้วย อคติ
อย่าเชื่อด้วย อคติ ของท่าน
ผมอาจผิด อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ


รูปภาพ

คใหม่จากที่เคยรู้หรือไม่?รบปีแล้ว มีอะไร

ผมได้วิวัฒนาการไปมาก โดยเฉพาะช่วงที่ยอมรับว่าชีวิตคือความทุกข์ ผมสังเกตเห้นบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเองในช่วงแห่งเวลาความทุกข์  สิ่งนั้นคือความวิตกกังวลจนเกิดความกะวนวายใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต แต่ลักษาณะความกลัวแบบนี้กลับทำให้สิ่งที่เรากลัวเป็นความจริงขึ้นมาจนนึกหันมาด่าตัวเอง    เมื่อสิ่งที่เราอยากให้เป็นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เราไม่มองโลกตามความจริงหรือเป้นเพราะอคติบางอย่างมาบดบังความคิดที่แจ่มชัดของเรา  อาการทางประสาทจะก็เกิดขึ้น สิ่งนั้นคิอสาเหตุของการสะท้อนกลับระหว่างสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ควรเป้นและกลไกลหารสะท้อนกลับอย่างกะวนกะวายใจแบบคาดการณ์ไว้ล่วงหน้านี้ดูจะเป็นต้นเหตุสำคัญของวงจรความสัมพันเชิงสะท้อนกลับ ซึ่งเกิดขึ้นโดยปราศจากเหตุผลที่ถูกต้อง  ยิ่งมีการคาดการณ์มากเท่าไร ความวิตกกังวลยิ่งตอกย้ำมากให้มีความกลัวมากเท่านั้นทันทีทันควัน  reflexivity เป็นช่องว่างความเครียดระหว่าง สิ่งทีเราได้ทำสำเร็จตามตั้งใจกับสิ่งทีเราควรจะทำแต่ยังไมได้ทำ   หรือเป้นช่องว่างระหว่าง  สิ่งที่คนนั้นเป็นอยู๋กับคนที่เขาควรจะเป็น   นักลงทุนเน้นภาพสะท้อนที่แท้จริงควรตรวจสอบให้ภาพทั้งสองอย่างหายไป เหลือเพียงภาพเดียวคือภาพปัจจุบันตามความเป็นจริง

ช่วงความทุกข์อย่างนั้นทำให้เข้าใจเรื่อง reflexivity ได้ดีมากขึ้น อย่างนั้นหรือ?

ใช่ครับ ความทุกข์เป็นอาจารย์ผม ยิ่งทุกข์มากยิ่งดี ยิ่งเข้าใจเรือง reflexivity  เมือผ่านไปได้ ไม่ต้องกลัวอะไรอีก เพราะเข้าใจอย่างดี ผมยอมรับความทุกข์ ยอมรับวาตัวเองมีอคติและมันทำให้เกิดทุกข์ ชีวิตก็คือทุกข์ อยู่อย่างไรให้มีความหมาย อยู่กับความทุกข์อย่างเข้าใจ

รูปภาพ

เข้าใจว่าอะไร?

เข้าใจแก่นแท้ของเรื่อง reflexivity

แก่นแท้คืออะไร?

ความไม่เที่ยง  ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตระหนักรู้ทุกวินาทีเสมอว่ามันไม่เที่ยง ตรงนั้นคือหัวใจสำคัญที่สุด

แล้วเกี่ยวข้องอย่างไรกับ reflexivity?

ทุกอย่างเกิดจากภาพ 2 อย่าง ที่มีในตัวเราทุกคน ด้านหนึ่งคือ ภาพลวงตา  คือ สิ่งที่เราคิดว่าควรจะเป้นในอนาคต กับ ด้านหนึ่ง คือ ภาพตามความเป็นจริง หรือ สิ่งที่เป้นอยู่ในปัจจุบัน   เมื่อสองภาพนี้เกิดขึ้น ซึ่งเกิดตลอดเวลาในความคิดของคน ตัวอย่างเราเห็นของที่เราอยากกิน เราจะคิดจินตนาการว่าสิ่งนั้นอยู่ในปากเราแล้ว มีรสชาติอย่างไร มีกลิ่นอย่างไร เราคิดไปล่วงหน้า ความคิดเหล่านั้นเร็วมาก แค่ 1 วินาที แต่เราเห็นเป้นร้อย ๆภาพ ในสมองของเรา ไมได้เห็นด้วยตาเปล่า เห็นในความคิด เราจับภาพเหล่านั้นไม่ทัน  ถ้าฝึกฝนบ่อยๆ จะจับภาพเหล่านั้นได้



มีภาพสองอย่างแล้วเป็นอย่างไร?

มีแล้วเกิดความวิตกกังวลแบบคาดการณ์ไปล่วงหน้า หรือไม่ก็มีแล้ว เกิดความอยากแบบคาดการณ์ไปล่วงหน้า

ภาพลวงตาเกิดขึ้นเพราะอะไร?

เพราะอคติของคน อคติจะสะท้อนภาพที่เป็นจริงออกมาเป็นภาพที่เราจินตนาการออกมา ภาพทั้งสองจะสะท้อนกลับไปกลับมาในหัวของเรา ช่องว่างระหว่างภาพทั้งสองนี่เองที่ทางพุทธศาสนาเรียกว่าความทุกข์

อย่างนี้คนเราก็มีทุกข์ตลอดเวลา?

ใช่ครับ เมือมีช่องว่างนี่เกิดในใจเรา ความทุกข์ก็เกิด สำคัญคือ อย่ากลัวความทุกข์ ให้ยอมรับความทุกข์เป้นอาจารย์ แล้วหาอคติของเราที่สะท้อนภาพออกมาเป็นภาพที่สองให้ได้

รูปภาพ

ภาพที่สอง?

ภาพของ สิ่งที่เราคิดว่ามันควรจะเป็น  ทุกคนมีออคติบางอย่างที่ซ่อนข้างในที่ใช้ในการตัดสินใจ
นั่นหรือครับหัวใจของ reflexivity?
ครับ อคติเหล่านั้นซ่อนอยู๋ในช่องว่างระหว่างภาพทั้งสอง และมันบังตาทำให้เห็นว่าภาพทั้งสองอย่างเป้นภาพเดียวกัน ซึ่งมันไม่เคยเป็นภาพเดียวกันอย่างที่เราคิด
แล้วทำอย่างไร?
มองหาอคติของตัวเองเหมือนที่โซรอสทำ   ทั้งชาร์ล ดาวิน  ไอไสตน์และเอดิสันใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งจับผิดตัวเอง

จับผิดอย่างไรครับ?
พวกเขาใช้วิธี invert ตลอด โดยเฉพาะชาลี มังเกอร์ เขามองหาแต่อคติของตัวเอง แล้วหลีกเหลี่ยงมัน ถ้าอยากเรียนเรื่องอะไรให้คิดกลับด้านเสมอ  ถ้าอยากรวย

ก็ให้คิดว่าทำอย่างไรให้จน  อย่างหนังสือ วิธีทำให้จนทำอย่างไร  อย่างนี้ขายไม่ได้  อยากให้ลุกเป็นคนดี  สอนอย่างไรให้ลุกเป็นคนเลว ขายไม่ได้  เพราะระบบการศึกษาไทยทำให้เรากลัวการผิดพลาด แต่นั่นเป้นวิธีที่ควรจะเป็น คิดเสมอว่าทำอย่างไรให้ขาดทุน แล้วหลีกเหลี่ยงมัน

เป็นวิธีที่แปลกมาก?

ไม่แปลกหรอกครับ ทุกคนไม่ชอบจับผิดตัวเอง เรามีอคติที่มารั้งเราเอาไว้เสมอจากความประสบความสำเร็จเหมือนอคติเหล่านั้นมดึงเราเอาไว้ไม่ให้ก้าวเดินไปข้างหน้า
แล้วมีวิธีจัดการกับอคติอย่างไร มีวิชา Bias Management บ้างไหม?
ผมไม่ทราบครับ  วิธีคือ การ invert เหมือนอย่างที่นักคณิตศาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลกอย่าง Jacobi เคยกล่าวไว้ You must always invert.  (ผมไมได้อ่านประวัติท่านปรมาจารย์ อาจารย์ชาลีท่านบอกอีกทีครับ จึงรู้จักท่าน Jacobi )

รูปภาพ

Invert อย่างไรครับ ยกตัวอย่างได้ไหม?

Invert อคติของเราครับ เหมือนกับเด็กคนหนึ่งเดินไปโรงเรียนไม่ถึงซะทีเพราะถนนเต็มไปด้วยหิมะ เดินไปข้างหน้า 1 ก้าว ก็ถอยหลังมา 2 ก้าว เดินเท่าไหรก็ไม่ถึง จนกระทั่งเขาหันหลังให้โรงเรียน แล้วมุ่งหน้าเดินกลับบ้าน เขาจึงถึงเดินถึงโรงเรียนได้ แต่เป็นการหันหลังให้โรงเรียน หิมะเหล่านั้นก็เหมือนอคติของเราเอง
เดินแบบตั้งใจมองไปที่อคติ?
ตั้งใจมองที่อคติของตัวเอง ใช่ครับ จับผิดตัวเองเพราะอคติจะทำให้เกิดภาพลวงตาอีกภาพหนึ่งขึ้นมาตลอดเวลา เวลาเกิดทุกข์หรือช่องว่างระหว่างสองภาพ ก็เข้าไปดูข้างในตัวเอง ดูให้เห้นว่า อคติอะไร อะไรทำให้เป็นต้นเหตุจองอีกภาพ  ถ้าไม่อีกภาพ มันก็ไม่มีทุกข์

คืออยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด?
เพราะทุกอย่างไม่เที่ยง การคาดหวังสิ่งใดก็คือความทุกข์แล้ว ถ้าไม่คาดหวังอะไรเลย ก็ไม่ต้องแปลกใจ ไม่แปลกใจก็คือมีสติและรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างไม่ผิดพลาด

คนเราอยู่กับความเสี่ยงทุกวัน แล้วไม่คาดการณ์ได้อย่างไร?
จะคาดการร์ถึงสิ่งต่างๆ ทำอย่างนั้นก็ได้ ทำแล้วเตรียมแผนรับมือเอาไว้ว่าจะทำอย่างไร จะได้ไม่ต้องเซอร์ไพร์ แต่อย่างหนึ่งที่เราควรทำคือจินตนาการว่า  ถ้าสิ่งนั้นเกิด.อคติของเราตัวไหนจะออกมา  แล้วทำให้เราต้องตัดสินใจผิดพลาด


รูปภาพ

โห.ทำอย่างนั้นได้ ต้องมีเวลากับตัวเองมาก ๆ?

ครับ ต้องมีเวลานั่งคิดสิ่งเหล่านี้  ทุกอย่างไม่แน่นอนก็เท่านั้นเอง  การอยู่กับตัวเอง ที่สำคัญให้พิจาณาอริยสัจ 4  ให้มาก ๆ  ศาสนาพุทธเขาบอกไว้หมดแล้ว  อย่าไปดูข้างนอก ข้างในสำคัญมากกว่า

พูดเหมือนพระเลย หลวงพี่เอาบาตรมาด้วยหรือปล่าว?
5555555555    นั่นคือความจริงครับ  เรามีตัณหา อุปทานกันทั้งนั้น
จากสิ่งที่พูดมาเรื่อง reflexiivty  แล้วมีกลยุทธ์มาปรับใช้ในการลงทุนอย่างไร?
ผมมีวิวัฒนาการตลอดในระบบการลงทุน ไม่มีอะไรตายตัวสำหรับตลาด ทุกอย่างเปลียนแปลงตามสถานการณ์
ไม่มีสูตรที่แน่นอนในความไม่แน่นอนหรือ?
ทุกอย่างอยู่ที่กฎ 50:50

กฎ 50: 50  อะไรครับ?

ยกตัวอย่าง ถ้าคาดการณ์ว่า คนนี้คนนั้นทำผิด ไม่ควรทำกับเราอย่างนั้น  อย่างนี้วงจรอุบาทย์ reflexivity เกิดขึ้นในใจแล้ว  ให้คิดว่าเราผิด 50% ด้วย ถ้าโกรธก็ต้องโกรธตัวเองด้วย ถ้าเผื่อไว้อีก 50 สำหรับความผิดพลาด เขาอาจไม่ผิดอย่างทีคิด เพราะความคิดเราอาจมีอคติที่เราจับมันไม่ทันในตอนแรก เชื่อไว้ 50% จะได้ไม่เป็นทุกข์ วงจรอุบาทย์ reflexity จะได้ไม่เกิดในใจของเรา
ถ้ามีคนว่าเรา ทำอย่างไร?
ฟังไว้ 50% อย่าพึงเชื่อ อย่าพึงปฎิเสธ

อย่างตอนนี้ ฟังที่พูดเรื่อง reflexivity  อย่างนี้ก็เชือไม่ได้?

โอ้.เก่งมากครับ อย่างนี้เรียนเรื่อง reflexivity ได้ ฟังแล้วเชื่อ 100%  ไม่ถูกเพราะความคิดเป้นสิ่งไม่เที่ยงเหมือนกันครับ ผู้พูดเองอ่านเปลี่ยนใจเมือ่ไหร่ก็ได้ หรือ คนฟังเองอาจฟังผิดไปเอง คนพูดอาจพูดผิด หรือเปลี่ยนความคิดใหม่ได้ตลอดเวลา ถ้าฟังเพียง 50%  ก็จะปลอดภัย ไม่เป็นทุกข์ แม้แต้ความคิดเราเอง คิดอะไรได้ก็อย่าเชื่อตัวเอง 100%


รูปภาพ

แม้กระทั่งตัวเองก็อย่าเชื่อ แล้วจะอยู่อย่างไร อยู่แบบไม่มั่นใจในตัวเองอย่างนั้นหรือ?

รับฟังตัวเองไว้ 50% เพราะเราเองก็อาจผิด สิ่งที่เราคิดว่าถูก อาจผิดก็ได้ ไม่แน่เสมอไป ไม่ต้องมั่นใจ ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องแปลกใจ พิจารณาทุกอย่างให้ดี สิ่งนั้นมร สิ่งนั้นเกิด สุขหายไปก็ทุกข์ ทุกข์หายไปก็สุข สุขและทุกข์มันสะท้อนกลับไปกลับมา ทุกอย่างในโลกล้วนมีความสัมพันธ์แบบภาพสะท้อนเกิดขึ้นทั้งนั้น ทุกอย่างไม่แน่นอน..ก็เท่านั้นเอง ความไม่แน่นอนก็สะท้อนกลับไปกลับมากับความแน่นอน ราคาสะท้อนกับพื้นฐานของหุ้น ผู้เขียนสะท้อนกับคนอ่าน ความคิดผู้เขียนสะท้อนกับสิ่งที่ผู้เขียนกำลังเขียนก้เท่านั้นเอง

จากประการณ์จริง เอาเรื่อง reflexivity ไปใช้ มีอะไรบ้าง?

ผมหลีกเหลี่ยงวงจร reflexivity ไม่ได้ตลอดเวลา แต่ผม invert อคติตัวเองได้ เมื่อเช้ามีคนขับรถชนผู้เขียน ผู้เขียนก็บอกกับตัวเอง ขอบคุณ  พอลงไปดูรถ หน้าเราก็คงยิ้มไปเองหรือปล่าวไม่ทราบ คนที่ชนลงมาขอโทษขอโพยด้วยความเกรงใจอย่างมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคง

ลงไปว่าเขา แล้วคนชนอาจไม่สะท้อนกลับมาด้วยความเกรงใจอย่างนี้ คนชนเอานามบัตรให้ดูถึงรู้ว่าเป็นลุกน้องทีทำงานเก่าของผู้เขียน แล้วรู้จักกับหัวหน้าเก่าอีกด้วย นี่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึง อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

รูปภาพ

คือ invert  อารมณ์ตัวเองในตอนนั้น ?

ใช่ครับ ผมไม่รู้ว่าสมองทำงานอย่างไร แต่ผมรู้ว่าอารมณ์ของตัวเองว่าทำงานอย่างไร  เมื่อเช้า ภรรยาบ่นเรื่องวางรองเท้าคู่ไม่เรียบร้อย  ผมก็ ขอบคุณ อย่างเดียว ขอบคุณที่บอก เพราะว่าพอหยิบรองเท้าแล้ว เห็นว่านาฬิกาที่ลุกเอาไปซ่อนไว้ มันอยู๋ตรงนั้นเอง ผมไม่อยากจะพุดให้เป้นเรื่องของ magic หรือเรื่องไสยศาสตร์ ผมแค่บอกว่า อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ถ้าเรามี ทัศคติ ที่ถูกต้อง ตอนนี้ คำว่า ขอบคุณ เป้นคาถาที่ศักสิทธิ์สำหรับผมเลยทีเดียวครับ  5555555

ตื่นนอนมาก็พุดว่า ขอบคุณ เลยได้ไหม?

ลองดูครับ แล้วคุณจะมีมุมมองต่อชีวิตที่เปลี่ยนไปทีเดียว ขอบคุณที่เรายังตื่นขึ้นมาได้อีกวัน ..shalom ^
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 11

โพสต์

รูปภาพ

The Hindenburg Omen IS Scary, but So Are the Fundamentals

http://finance.yahoo.com/tech-ticker/th ... HB,TLT,GLD


        ความเป้นไปได้ไม่สำคัญ สำคัญที่ถ้าทุกคนในตลาดเทไปทางข่าวนี้หมด ผลกระทบจะเป็นอย่างไร  ถ้าเกิดแบบโทเนโดนะ เพราะอินเดกซ์ตัวนี้ถูกโยงเข้ากับโทเนโด ผมว่าผลกระทบไม่ธรรมดาทีเดียว ถ้าเกิดครับ  นึกถึงอาจารย์ชาลีที่สอนให้เราคิดสอนให้มี expected-value mindset เหมือนตอน Buffett สอนให้ลงทุนแล้วไปเปรียบเทียบกับ Babe Ruth เรื่องการสวิง basebal อ่านแล้วสนุกมากครับ ผมพึ่งเข้าใจว่า ด้วยอคติของตัวเอิงนะครับ ทั้งสามเรื่อง ม้า ไพ่ หุ้น และโทเนโด มันเกี่ยวโยงกันแยกกันไม่ออก not on the probabilities of correctness but on the magnitude of correctness---
ภาพประจำตัวสมาชิก
siebelize
Verified User
โพสต์: 451
ผู้ติดตาม: 0

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 12

โพสต์

เวลาผมเห็นใครเชียร์ซื้อหุ้น

ผมจะเริ่มต้นมองในมุมตรงกันข้ามก่อนว่า ควรจะขายมั้ย


แล้วหลังจากนั้นค่อยเอามาคิดประกอบกับปัจจัยด้านอื่นๆอีกที


อย่างนี้ เรียกว่า invert มั้ยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
thaloengsak
Verified User
โพสต์: 2716
ผู้ติดตาม: 1

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 13

โพสต์

:D ขอบคุณครับ
ลงทุนเพื่อชีวิต
ภาพประจำตัวสมาชิก
murder_doll
Verified User
โพสต์: 1644
ผู้ติดตาม: 2

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 14

โพสต์

เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 9

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 15

โพสต์

siebelize เขียน:เวลาผมเห็นใครเชียร์ซื้อหุ้น
ผมจะเริ่มต้นมองในมุมตรงกันข้ามก่อนว่า ควรจะขายมั้ย
แล้วหลังจากนั้นค่อยเอามาคิดประกอบกับปัจจัยด้านอื่นๆอีกที
อย่างนี้ เรียกว่า invert มั้ยครับ
  ผมว่าท่านเก่งแล้ว เก่งกว่าผมอีก
 
หรือว่า ผมไม่รู้อะไรเลย ท่านอาจเข้าใจมากว่าผมก็เป็นไปได้ครับ

 อย่าเชื่อในสื่งที่ท่านอ่านเป็นอันขาด จับผิดผมให้ได้
ความคิดที่ไร้ค่าเหล่านี้อาจกลายเป็นเครื่องมือทำเงินในวันข้างหน้า หรือทำให้เราหมดตัวต่างหาก อะไรก็เกิดขั้นได้ทั้งนั้น ใครจะไปรู้

ถ้ายอมรับสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่แรก เราชนะตัวเองไปเกินครี่งแล้ว หรือว่าเราแพ้ตัวเองไปเกินครึ่งแล้วต่างหากเล่า
ผมไม่รู้อะไรเลย  

  ข้อแนะนำจากผม สิ่งที่เทรดเดอร์ควรระวังมากที่สุด คือ การระวังตัวเอง  ถ้าวันหนึ่งผมไปเจอใครไม่ระวังสิ่งเหล่านี้  ข้อสมสมุติฐานของผมคิอ เขาต้องใช้ชีวิตอย่างประมาทอย่างมาก และจงอยู่ห่างจากคนเหล่านี้  ข้อให้ดูจากสิ่งที่เขาทำ  เรียนรู้จากสิ่งที่เขาปฎิบัติ  พินิจใคร่ครวญตามความเป็นจริง  ความคิดของ reflexivity ไม่อาจบอกด้วยคำพูด  เพราะมันอยู่ในตัวเราทุกคน  มันเป็นธรรมชาติ  มันควรถูกเฝ้ามองทุกขณะ เหมือนเราเฝ้าระวังตัวเอง   อารมณ์ 9 ชนิดที่ต้องระวัง
1..   ความแตกตื่น
2.   ความกลัว
3.   ความลังเล
4.   ความฟุ้งซ่าน
5.   ความประมาท
6.   ความโกรธ
7.   ความใจร้อน
8.   ความหลง
9.   ความโลภ

รูปภาพ
     
   Guidlines for better daily invert thinking มีอะไรบ้าง

อ่านในคัมภีร์วัชรสูตร
ซึ่งเป็นการสนทนาระหว่างพระพุทธเจ้ากับพระสุภูติ ถ้า trader ที่มีความคิดฝังหัวว่าเหตุการณ์ A คือ A จะอ่านไม่ได้เลยครับ ก่อนอื่นต้องคิดแบบแรบไบ SOROS ก่อนว่า สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้เป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น คือ A ไม่ใช่ A เป้นไปได้จริงหรือครับ
การเกิดของ A ประกอบไปด้วย B C D E F..
A ไม่อาจอยู่ได้โดยลำพังของมันเอง
ถ้าเราตั้งคำถามไป วิปัสสนา ไปที่ A อย่างจริงจัง
เราจะเห็นว่า B C D E F และสิ่งอื่นๆ ที่อยู๋ในนั้นด้วยครับ
เมือเราเห็นว่า A ไม่ใช่เป้นแค่ A ก็เท่ากับว่าเราเข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงของเหตุการณ์ A เมื่อเราถึงระดับนี้ เราถึงบอกได้ว่า A เป้น A หรือ A ไม่ใช่ A
แต่ก่อนถึงขั้นนี้ A ที่เราเห็นเป็นเพียงภาพหลวงตาของ A เท่านั้น
ถ้า trader เห้น A ได้ลึกซึ้งจนเห้นว่า A ไม่ใช่ A จนยอมรับว่าทุกอย่างที่เห็นอาจไม่ใช่ A เสมอไป

ลองสังเกตภาษาบาลีครับ ภาษาบาลีฝึกใช้ทักษะจินตนาการมองสถานการณ์ที่คลุมเครือได้เป็นอย่างดี

. วิปริณามธมฺมํ กลฺลํ นุ ตํ สมนุปสฺสิตุ เอตํ มม เอโสหมสฺมิ เอโส เม อตฺตาติ ?

ไม่จำเป้นค้องมีสระ ยิ่งน้อยเท่าไร ยิ่งมากเท่านั้น ภาษากับลักษณะของคนในชนชาติแยกกันไม่ออก trader เก่งๆ ของโลก ล้วนเป้นคนยิวทั้งนั้น ในภาษาฮิบรูที่ชาวยิวใช้ เขาเขียนไม่มีสระ เป็นการละไว้ด้วยความเข้าใจ เคล็ดลับในการเทรดที่ท่านกำลังมองหาอยู่นั้นอยู๋ในสายเลือดของคนยิวทั้งนั้น ลองไปอ่านหนังสือที่ชื่อ Jerome becomes a genius เขียนโดย Eran Katz

ตัวอย่างที่ 1
กร ฝกบบ คดยอนกลบ วล เขยน มนฝกสมอง ดด ตรยม พรอม น กร ลงทน สำหรบ นว rflxvty ดปน อยงด
เฉลย : การ ฝีกแบบ คิดย้อนกลับ เวลา เขียน มันฝีกสมอง ได้ดี เตรียม พร้อม ใน การ ลงทุน สำหรับ แนว reflexivity ได้เป็น อย่างดี
ลองเอางานที่เขียนเก่าๆ ของท่านเอง มาตัดสระ ตัดวรรณยุกต์ออก แล้วอ่านอีกครั้ง มันต้องเดา เวลาอ่าน ความเข้าใจมันไประดับอีกขั้นที่เราไม่เคยเข้าใจ มันสนุกที่ต้องคิดล่วงหน้าว่าคำนี้หมายถึงอะไร ผมรับรองท่านจะเข้าใจในสิ่งต่างๆ ในระดับความสามรถของท่านที่ท่านไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันซ่อนในตัวท่านมานาน แล้ว
ท่านจะได้ทักษะเพิ่ม ผมรับประกันได้ ลองจากคำง่ายๆ ไปยาก แล้วฝึก เขียน จากขวาไปซ้าย ข้_สังเก_ประเด้นการเขีย_จากขว_ไปซ้า_เป้นแบบทดสอบ ลองไป 3 ชม.ทุกวัน เมื่อเดาปร_โยคถูกคำม_กขึ้น มนจ_กล_ยเป็นทักษ_ไปเอง แล้วท่านเอาไปใช้ในการซื้_หุ้นถูกตัว ถูกจังวะ ถูกเวลา หลายๆ ครั้ง ความมั่นใจมันมาเอง ฝึกเขียนจากขวามาซ้าย เวลาเขียน จะบังคับให้เราต้อง invert คำนั้_ก่อนเราจะเขียน ตัวอย่าง
ผมกำลังเขียนจากซ้ายไปขวา
ซ้ายไปขวาจากเขียนกำลังผม
งผม
ลองดูครับ ของอย่างนี้สอนกันไม่ได้ ต้องทำดูเอง
ภาษาไทยพัฒนาตัวอักษรมาให้เขียนจากซ้ายมาขวา บางคำเราต้องปรับหน่อยเท่านั้นเองครับ
เวลาเขียนลงกระดาษ ถ้าไม่คิดแบบ invert ในคำที่เขียน มันทำให้เราต้องเผื่อที่ว่างเอาไว้เสมอ เป้นฝึกการคิดแบบ margin of safety ไปในตัวครับ
yoko
Verified User
โพสต์: 4395
ผู้ติดตาม: 8

ทักษะอะไรที่สำคัญที่สุดถ้าจะลงทุนในตลาด?

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอบคณครบ   ผมคดวบนกรฮมกชหลกกรน
โพสต์โพสต์