ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
- ler109
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 121
ปีนี้เป็นปีแรกสำหรับชีวิตการลงทุนของผมครับ ส่วนตัวผมทำงานประจำแล้วก็ทยอยซื้อเรื่อย ๆ ครับ ช่วงแรกของการลงทุนนี่ผมว่าหนักหนาสาหัสที่สุดครับ เพราะต้องศึกษาทุกอย่างใหม่หมด ทั้งหุ้นแต่ละตัวและความรู้ด้านการลงทุน
อยากจะขอขอบพระคุณพี่โจ ลูกอีสานมากครับ ผมอ่านกระทู้ของพี่แล้วได้ความรู้เยอะมากครับ พี่โจก็ตอบทุกคำถามแบบลึกซึ้ง และทำให้ประหยัดเวลาศึกษาหุ้นแต่ละตัวลงได้มาก ตอนเริ่มแรกลงทุนแบบสะเปะสะปะ อะไรก็ไม่รู้ สุดท้ายก็พอเริ่มมีแนวทางการลงทุนเป็นของตัวเองครับ และเพราะหุ้นในกระทู้ของพี่ทำให้ผมได้ผลตอบแทน 93% ครับ ขอบคุณมากครับพี่
อยากจะขอขอบพระคุณพี่โจ ลูกอีสานมากครับ ผมอ่านกระทู้ของพี่แล้วได้ความรู้เยอะมากครับ พี่โจก็ตอบทุกคำถามแบบลึกซึ้ง และทำให้ประหยัดเวลาศึกษาหุ้นแต่ละตัวลงได้มาก ตอนเริ่มแรกลงทุนแบบสะเปะสะปะ อะไรก็ไม่รู้ สุดท้ายก็พอเริ่มมีแนวทางการลงทุนเป็นของตัวเองครับ และเพราะหุ้นในกระทู้ของพี่ทำให้ผมได้ผลตอบแทน 93% ครับ ขอบคุณมากครับพี่
- pongo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1075
- ผู้ติดตาม: 0
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 122
สุดยอดเลยทั้งพี่นริศ พี่โจ สรุปใจความการลงทุนในตลาดได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะพี่โจ ทำได้ไงอ่ะ พอร์ต 20-25 ตัว ผลตอบแทนมหาศาลขนาดนั้น
ส่วนตัวผมปีนี้ 155% (น้อยก่า yoyo blueblood พี่sai luty picatos เยอะฮับ)
พระเอกของพอร์ตปีนี้ ได้แก่
IRP CPF SPALI KYE ที่ได้ผลตอบแทนเป็น % และตัวเิงินมากพอสมควร
ส่วนพระรอง ได้แก่ CPALL CPN HMPRO LPN PS
กำไรเป็น % เยอะแต่ถือสัดส่วนไม่เยอะเท่ากลุ่มแรก
2 ตัวหลังขายหมูไปเล้าใหญ่เบิ้ม T T
อื่นๆ ที่เหลือก็กำไรนิดหน่อย ขาดทุนบ้าง เสมอตัวบ้าง ไม่มีนัยสำคัญกับพอร์ต
ปล. หลังจากอ่าน dhandho investor แล้ว คิดว่าจะนำแนวคิดมาประยุกต์ใช้ในปี 53 นี้ซะเลย
ขอบคุณพี่ WEB ที่แปลหนังสือดีๆ มาให้อ่านครับ
โดยเฉพาะพี่โจ ทำได้ไงอ่ะ พอร์ต 20-25 ตัว ผลตอบแทนมหาศาลขนาดนั้น
ส่วนตัวผมปีนี้ 155% (น้อยก่า yoyo blueblood พี่sai luty picatos เยอะฮับ)
พระเอกของพอร์ตปีนี้ ได้แก่
IRP CPF SPALI KYE ที่ได้ผลตอบแทนเป็น % และตัวเิงินมากพอสมควร
ส่วนพระรอง ได้แก่ CPALL CPN HMPRO LPN PS
กำไรเป็น % เยอะแต่ถือสัดส่วนไม่เยอะเท่ากลุ่มแรก
2 ตัวหลังขายหมูไปเล้าใหญ่เบิ้ม T T
อื่นๆ ที่เหลือก็กำไรนิดหน่อย ขาดทุนบ้าง เสมอตัวบ้าง ไม่มีนัยสำคัญกับพอร์ต
ปล. หลังจากอ่าน dhandho investor แล้ว คิดว่าจะนำแนวคิดมาประยุกต์ใช้ในปี 53 นี้ซะเลย
ขอบคุณพี่ WEB ที่แปลหนังสือดีๆ มาให้อ่านครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 20
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 123
ของผมได้แค่ 212% เองครับ ไม่ได้ถึงสามร้อยสี่ร้อยเหมือนเซียนหลายๆท่าน พอร์ตผมนิ่งระดับนี้มาตั้งแต่ช่วงปลายๆ Q3 สงสัยขี้เกียจมากไปหน่อย ไม่ได้หาหุ้นไรเพิ่มเติมเลย
บทเรียนปีนี้
1. มาร์จิ้นเค้ามีไว้ใช้ตอนหุ้นถูกๆ ไม่ใช่มัวแต่กลัว , snake bite effect เรียกงี้ป่าวหว่า ปีที่ผ่านมานี้ผมโดนไปเต็มๆเรื่องมาร์จิ้นนี่ จำได้ว่าพี่หมอสามัญชนเคยเขียนไว้เมื่อปีที่แล้วตอนผมเขียนบทเรียนเรื่องมาร์จิ้นว่าปี 2009 อาจเป็นโอกาสก็ได้ แล้วก็เป็นอย่างพี่หมอว่าจริงๆ
บทเรียนปีนี้
1. มาร์จิ้นเค้ามีไว้ใช้ตอนหุ้นถูกๆ ไม่ใช่มัวแต่กลัว , snake bite effect เรียกงี้ป่าวหว่า ปีที่ผ่านมานี้ผมโดนไปเต็มๆเรื่องมาร์จิ้นนี่ จำได้ว่าพี่หมอสามัญชนเคยเขียนไว้เมื่อปีที่แล้วตอนผมเขียนบทเรียนเรื่องมาร์จิ้นว่าปี 2009 อาจเป็นโอกาสก็ได้ แล้วก็เป็นอย่างพี่หมอว่าจริงๆ
It's earnings that count
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 360
- ผู้ติดตาม: 2
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 126
ผลตอบแทนของผมได้ 95% ถึงแม้น้อยนิดเมื่อเทียบกับเซียน แต่ผมก็ภูมิใจ เพราะได้มาก
กว่าทุกปีที่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของ น้องโจ กับน้อง ty ผมก็อยากฟังคนที่ได้ผลตอบแทนสูงๆว่าทำอย่างไร วิธีการเลือกหุ้น วิธีการคิด ถือเป็นวิทยาทานนะครับ
กว่าทุกปีที่ผ่านมา ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของ น้องโจ กับน้อง ty ผมก็อยากฟังคนที่ได้ผลตอบแทนสูงๆว่าทำอย่างไร วิธีการเลือกหุ้น วิธีการคิด ถือเป็นวิทยาทานนะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 18398
- ผู้ติดตาม: 75
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 128
บวกถือว่าดีหมดครับpornchal เขียน:port ของผม บวก 0.25% ครับ
เพราะ คน 100 คน
ขาดทุน 80 คน
เท่าทุน 10 คน
เหลืออีก 10 คนที่กำไร
ตามหลัก 80/20 นั้นเอง
ให้กำลังใจครับ
การวัดผลตอบแทนการลงทุนนั้นเหมือนดาบสองคม
ดาบแรกคือ วัดประสิทธิ์ภาพของเราในการลงทุนปีนั้นๆ ว่าเราได้มากกว่าเป้าหมายของเราหรือไม่
ดาบแรกคือ "ชนะอะไรไม่เท่าชนะตัวเอง",สิ่งไหนที่ตัวเองคิดว่าทำไม่ จงทำสิ่งนั้นซัก"
และ
"ถ้าเรากำหนดเป้าหมายไว้สูงแต่ทำไม่ได้
เสียใจน้อยกว่าที่กำหนดเป้าหมายไว้ต่ำแล้วทำไม่ได้"
ดาบที่สองคือ ทำให้เกิดความอิจฉาคนอื่นๆที่ผลตอบแทนมากกว่าเรา
แต่เราไม่ได้มองว่า คนที่ได้ผลตอบแทนน้อยกว่าก็มี แต่พวกเขาไม่ยอมแสดงตัวให้ทุกคนรู้ว่าตัวเองทำได้น้อย
ดาบที่สองหากคิดกลับว่า เขาทำอย่างไงถึงได้ขนาดนั้น เป็นตัวอย่างที่เราเดินตามรอยเท้า หรือวัดรอยเท้ากับพวกเขาได้ นั้นคือกำลังใจของคุณครับ
ผมมองว่า การลงทุนเหมือน กอล์ฟคือ แข่งกับตัวเราเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 355
- ผู้ติดตาม: 0
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 129
อ่านประสบการณ์ของทุกท่านแล้วรู้สึกว่าเป็นประโยชน์มากเลยครับ
ผมเพิ่งเริ่มกลางปีนี้ ดัชนีราว ๆ 600 ก็ชนะตลาดได้พอสมควร
เห็นทีว่าปีหน้าจะเป็นของจริงแล้วครับ ต้องตั้งใจให้ดี :cheers:
ผมเพิ่งเริ่มกลางปีนี้ ดัชนีราว ๆ 600 ก็ชนะตลาดได้พอสมควร
เห็นทีว่าปีหน้าจะเป็นของจริงแล้วครับ ต้องตั้งใจให้ดี :cheers:
-
- Verified User
- โพสต์: 2547
- ผู้ติดตาม: 10
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 130
ปีนี้ผลตอบแทนแม้จะสูงกว่าตลาดบ้าง แต่ผมยังไม่ค่อยพอใจกับวิธีการลงทุน ซึ่งกำลังหาทางปรับแก้ไขอยู่ครับ
บทเรียนของผมในปีนี้ก็คือ
1. ภาวะวิกฤต ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นจากภาวะที่เป็นฟองสบู่ หู้นที่ถูกแล้ว ก็อาจจะอยู่ในภาวะวิกฤตต่อ หรือราคาลดลงได้อีกมากก็ได้ แม้ผลงานของกิจการอาจจะไม่ได้เลวร้ายมากนัก แต่ตลาดก็พาไปก็มี
ทางแก้ ก็คือ การพิจารณาเลือกซื้อหุ้นใด ก็ตาม ต้องพิจารณากฏ Margin of Safety ให้ดี ต้องถามตัวเราว่า หากราคาหุ้นในวันนี้ ตกลงไปกว่า 50% เราจะยังถือหุ้นดังกล่าวอยู่ได้หรือไม่ ปัจจัยอะไรที่จะทำให้เราสามารถถือหุ้นนั้นต่อไปได้แม้จะเกิดวิกฤตก็ตาม
2. การให้น้ำหนักกับการลงทุนในแต่ละตัว การกระจายการลงทุนที่มากเกินไป เวลาหุ้นตกหนัก ๆ มันตกหนัก ๆ พร้อมกันด้วย ทฏษฎีที่ว่ากระจายความเสี่ยงนั้น บางทีก็ไม่ได้ช่วยให้คุณภาพการลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่ลดลงในช่วงวิกฤตที่ผ่านมาครับ (เฉพาะ Port ที่ผมลงนะครับ)
ทำให้ต้องมีโจทย์ในการแก้ไข Port และติดตามหุ้นมากตัวเกินไป ทำให้เสียเวลาแก้ไข Port ปรับ Port วุ่นวายกับชีวิตมากเกินความจำเป็น ต้องตัดสินใจหลาย ๆ ครั้ง ซึ่งมีทั้งที่ตัดสินใจถูก และตัดสินใจผิด เพราะต้องตัดสินใจบ่อยครั้งเกินไป นอกจากนี้ เวลาขาขึ้น ก็ยังพบว่า หุ้นบางตัว ให้น้ำหนักน้อยไป แต่หุ้นนั้นกลับขึ้นไปสูงมาก ๆ ไม่ได้มีส่วนช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญแต่อย่างไร ทำให้ ผลตอบแทนของ Port ไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วย จึงได้แก้ไขในช่วงท้าย ๆ ปรับ Port ที่ Focus มากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผลตอบแทนดีขึ้นในช่วง หลัง ๆ ของปีโดยเฉพาะช่วยไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ช่วยได้มากเลยครับ
ทางแก้ ต้องเพิ่ม Circle of Competency ให้มากขึ้น ศึกษาหุ้นแต่ละตัวให้ลึกซึ้ง จนเข้าใจปัจจัยที่กระทบกับผลประกอบการให้มากที่สุด ให้เน้นที่ผลประกอบการ มากกว่า ราคาหุ้นในระยะสั้น
หุ้นบางตัว มองผิวเผิน จะเป็นกิจการที่ดี แต่เมื่อศึกษาลงลึกไปเรื่อย ๆ จะพบจุดตายที่สำคัญซึ่งเราไม่แน่ใจในเรื่องดังกล่าว ทำให้เราได้ประสบการณ์ว่ายังศึกษาไม่ดีพอ แต่ดันไปลงทุนเสียแล้ว ดีว่า สามารถแก้ไข Port ได้โดยไม่เสียหาย
ความรู้ความเข้าใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน และทำให้เราสามารถ Focus การลงทุนได้ ติดตามผลได้ดีขึ้น รู้สึกว่าลงทุนไม่เครียดเกินไปครับ และใจมีสติและนิ่งมากขึ้น
3. จังหวะในการลงทุน เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปเสี่ยงในทุกสถานการณ์
ทางแก้ไข ในหนังสือ Dhandho investor ผมชอบบทที่ 10 ที่ว่า
เดิมพันน้อยอย่าง เดิมพันหนัก ๆ ไม่เดิมพันบ่อย
จึงต้องเลือกศึกษาตัวกิจการให้ดี ดูโอกาสที่จะเราจะได้เปรียบให้มากที่สุด เพื่อให้การลงทุนในแต่ละครั้งในนัยสำคัญจริง ๆ
ซึ่งจะเกิดสิ่งนั้นได้ ในหนังสือได้แนะนำว่า ต้องดูว่าโอกาสผิดพลาดของการลงทุนที่จะทำให้เราเสียหายนั้น ต้องน้อยที่สุด แต่มีโอกาสสูงที่มีความน่าจะเป็นที่จะได้ผลตอบแทนสูงเนื่องจากนายตลาดตีราคาผิดพลาดในระยะสั้น ๆ
ในตลาดหุ้น โอกาสดี ๆ มักจะเกิดขึ้นได้พร้อมกันหลายอย่าง ท่ามกลางความผันผวน
ดังนั้น อย่าลืมกฏที่ว่า ออกหัว ผมได้เงิน ออกก้อย ผมเสียเงินนิดหน่อย
จึงต้องเลือกจังหวะของราคาที่ทำให้ออกก้อย ผมเสียเงินนิดหน่อยด้วยครับ
เพราะเมื่อเดิมพันสูง หากไม่ Focus จุดผิดพลาดให้ดี อาจเอาตัวไม่รอดได้ครับ
คติสุดท้าย ก็คือ อย่าขาดทุน กำไรน้อย กำไรมาก ไม่เป็นไร เพราะการขาดทุนแต่ละครั้ง ทำให้เราต้องถอยรถกลับไปจุดเริ่มต้นใหม่ที่ต้องเสียเวลาขับรถถอยหลังไปแทนที่จะเดินหน้าไปเรื่อย ๆ ครับ :lol:
บทเรียนของผมในปีนี้ก็คือ
1. ภาวะวิกฤต ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นจากภาวะที่เป็นฟองสบู่ หู้นที่ถูกแล้ว ก็อาจจะอยู่ในภาวะวิกฤตต่อ หรือราคาลดลงได้อีกมากก็ได้ แม้ผลงานของกิจการอาจจะไม่ได้เลวร้ายมากนัก แต่ตลาดก็พาไปก็มี
ทางแก้ ก็คือ การพิจารณาเลือกซื้อหุ้นใด ก็ตาม ต้องพิจารณากฏ Margin of Safety ให้ดี ต้องถามตัวเราว่า หากราคาหุ้นในวันนี้ ตกลงไปกว่า 50% เราจะยังถือหุ้นดังกล่าวอยู่ได้หรือไม่ ปัจจัยอะไรที่จะทำให้เราสามารถถือหุ้นนั้นต่อไปได้แม้จะเกิดวิกฤตก็ตาม
2. การให้น้ำหนักกับการลงทุนในแต่ละตัว การกระจายการลงทุนที่มากเกินไป เวลาหุ้นตกหนัก ๆ มันตกหนัก ๆ พร้อมกันด้วย ทฏษฎีที่ว่ากระจายความเสี่ยงนั้น บางทีก็ไม่ได้ช่วยให้คุณภาพการลดความเสี่ยงจากความผันผวนที่ลดลงในช่วงวิกฤตที่ผ่านมาครับ (เฉพาะ Port ที่ผมลงนะครับ)
ทำให้ต้องมีโจทย์ในการแก้ไข Port และติดตามหุ้นมากตัวเกินไป ทำให้เสียเวลาแก้ไข Port ปรับ Port วุ่นวายกับชีวิตมากเกินความจำเป็น ต้องตัดสินใจหลาย ๆ ครั้ง ซึ่งมีทั้งที่ตัดสินใจถูก และตัดสินใจผิด เพราะต้องตัดสินใจบ่อยครั้งเกินไป นอกจากนี้ เวลาขาขึ้น ก็ยังพบว่า หุ้นบางตัว ให้น้ำหนักน้อยไป แต่หุ้นนั้นกลับขึ้นไปสูงมาก ๆ ไม่ได้มีส่วนช่วยเพิ่มผลตอบแทนที่มีนัยสำคัญแต่อย่างไร ทำให้ ผลตอบแทนของ Port ไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วย จึงได้แก้ไขในช่วงท้าย ๆ ปรับ Port ที่ Focus มากขึ้น ซึ่งช่วยให้ผลตอบแทนดีขึ้นในช่วง หลัง ๆ ของปีโดยเฉพาะช่วยไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ช่วยได้มากเลยครับ
ทางแก้ ต้องเพิ่ม Circle of Competency ให้มากขึ้น ศึกษาหุ้นแต่ละตัวให้ลึกซึ้ง จนเข้าใจปัจจัยที่กระทบกับผลประกอบการให้มากที่สุด ให้เน้นที่ผลประกอบการ มากกว่า ราคาหุ้นในระยะสั้น
หุ้นบางตัว มองผิวเผิน จะเป็นกิจการที่ดี แต่เมื่อศึกษาลงลึกไปเรื่อย ๆ จะพบจุดตายที่สำคัญซึ่งเราไม่แน่ใจในเรื่องดังกล่าว ทำให้เราได้ประสบการณ์ว่ายังศึกษาไม่ดีพอ แต่ดันไปลงทุนเสียแล้ว ดีว่า สามารถแก้ไข Port ได้โดยไม่เสียหาย
ความรู้ความเข้าใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน และทำให้เราสามารถ Focus การลงทุนได้ ติดตามผลได้ดีขึ้น รู้สึกว่าลงทุนไม่เครียดเกินไปครับ และใจมีสติและนิ่งมากขึ้น
3. จังหวะในการลงทุน เราไม่จำเป็นต้องเข้าไปเสี่ยงในทุกสถานการณ์
ทางแก้ไข ในหนังสือ Dhandho investor ผมชอบบทที่ 10 ที่ว่า
เดิมพันน้อยอย่าง เดิมพันหนัก ๆ ไม่เดิมพันบ่อย
จึงต้องเลือกศึกษาตัวกิจการให้ดี ดูโอกาสที่จะเราจะได้เปรียบให้มากที่สุด เพื่อให้การลงทุนในแต่ละครั้งในนัยสำคัญจริง ๆ
ซึ่งจะเกิดสิ่งนั้นได้ ในหนังสือได้แนะนำว่า ต้องดูว่าโอกาสผิดพลาดของการลงทุนที่จะทำให้เราเสียหายนั้น ต้องน้อยที่สุด แต่มีโอกาสสูงที่มีความน่าจะเป็นที่จะได้ผลตอบแทนสูงเนื่องจากนายตลาดตีราคาผิดพลาดในระยะสั้น ๆ
ในตลาดหุ้น โอกาสดี ๆ มักจะเกิดขึ้นได้พร้อมกันหลายอย่าง ท่ามกลางความผันผวน
ดังนั้น อย่าลืมกฏที่ว่า ออกหัว ผมได้เงิน ออกก้อย ผมเสียเงินนิดหน่อย
จึงต้องเลือกจังหวะของราคาที่ทำให้ออกก้อย ผมเสียเงินนิดหน่อยด้วยครับ
เพราะเมื่อเดิมพันสูง หากไม่ Focus จุดผิดพลาดให้ดี อาจเอาตัวไม่รอดได้ครับ
คติสุดท้าย ก็คือ อย่าขาดทุน กำไรน้อย กำไรมาก ไม่เป็นไร เพราะการขาดทุนแต่ละครั้ง ทำให้เราต้องถอยรถกลับไปจุดเริ่มต้นใหม่ที่ต้องเสียเวลาขับรถถอยหลังไปแทนที่จะเดินหน้าไปเรื่อย ๆ ครับ :lol:
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
- Outliers
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 527
- ผู้ติดตาม: 1
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 133
พูดไปแล้วเหมือนตัวเองเก่งมากๆในปีนี้เลย คือได้ผลตอบแทนเกือบ 300% นับ Margin ด้วย
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วผลตอบแทนแย่มากๆ เพราะปี 2008 โดนไป -70% (โดน margin อีกล่ะ)
ทำให้ขณะนี้รวม 2 ปี ยังไม่คืนทุนเลยล่ะ (คนอื่นเขาคืนทุนไปไหนต่อไหนกันหมดแล้ว) ผลของ margin นี่เยอะจริงๆ
ดังนั้นจึงไม่อยากให้ทุกคนใช้ margin เลย เพราะผลตอบแทนจะแกว่งมากๆ ผิดทีน่ถึงตายเลย
ตอนนี้ก็พยายามลด margin อยู่ แต่ใจมันเห็นของถูกไม่ได้ แย่เลยต้องรีบห้ามใจตัวเองก่อน
แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วผลตอบแทนแย่มากๆ เพราะปี 2008 โดนไป -70% (โดน margin อีกล่ะ)
ทำให้ขณะนี้รวม 2 ปี ยังไม่คืนทุนเลยล่ะ (คนอื่นเขาคืนทุนไปไหนต่อไหนกันหมดแล้ว) ผลของ margin นี่เยอะจริงๆ
ดังนั้นจึงไม่อยากให้ทุกคนใช้ margin เลย เพราะผลตอบแทนจะแกว่งมากๆ ผิดทีน่ถึงตายเลย
ตอนนี้ก็พยายามลด margin อยู่ แต่ใจมันเห็นของถูกไม่ได้ แย่เลยต้องรีบห้ามใจตัวเองก่อน
The Miracle of 10,000 hrs
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 134
ปีนี้ ผลตอบแทน ไม่รวมปันผล 46% ถ้ารวมปันผล คงราวๆ 50%
ถือว่าฟื่้นตัวมาได้ เพราะปีที่แล้ว ลบ 25%
เห็นผลตอบแทน เพื่อนๆ ในเวบทำได้ หผมว่าผมจะเลิกลงทุนเองในหุ้นแล้วดีกว่า ปีนี้กว่าจะกล้าซื้อหุ้นอีกทีก็ปาเข้าไป มิ.ย. แล้ว
ไม่งั้นคงแย่กว่านี้
อนาคต ผมว่าผมจะเลือกกองทุนดีๆ แล้วลงไปแบบ dca น่าจะดีกว่า
ถือว่าฟื่้นตัวมาได้ เพราะปีที่แล้ว ลบ 25%
เห็นผลตอบแทน เพื่อนๆ ในเวบทำได้ หผมว่าผมจะเลิกลงทุนเองในหุ้นแล้วดีกว่า ปีนี้กว่าจะกล้าซื้อหุ้นอีกทีก็ปาเข้าไป มิ.ย. แล้ว
ไม่งั้นคงแย่กว่านี้
อนาคต ผมว่าผมจะเลือกกองทุนดีๆ แล้วลงไปแบบ dca น่าจะดีกว่า
จงทนอด และอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 2126
- ผู้ติดตาม: 1
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 136
ทำเสร็จแล้ว 212.23% รวมปันผลแล้ว
ปีนี้จริงๆยุ่งกับการทำบ้าน+แต่งงานหุ้นแทบไม่ได้ดูเลยใน 7 เดือนแรก 7 เดือนแรกผลตอบแทนยังไม่ถึง 50% เลย เริ่มมาเดินเครื่องหลังจากย้ายบ้านเสร็จมีเวลา+สมาธิดูหุ้นจริงจัง โดยที่กำไร 94%จาก 212.23% มาจาก cpf อัด margin ไปเยอะ นอกนั้นก็มี mill-w1 sis spali ps irp ที่ได้กำไรแบบมีนัย นอกนั้นก็มีกำไรและขาดทุนบ้างแต่ก็ไม่ถือว่ามีนัย
ปีนี้จริงๆยุ่งกับการทำบ้าน+แต่งงานหุ้นแทบไม่ได้ดูเลยใน 7 เดือนแรก 7 เดือนแรกผลตอบแทนยังไม่ถึง 50% เลย เริ่มมาเดินเครื่องหลังจากย้ายบ้านเสร็จมีเวลา+สมาธิดูหุ้นจริงจัง โดยที่กำไร 94%จาก 212.23% มาจาก cpf อัด margin ไปเยอะ นอกนั้นก็มี mill-w1 sis spali ps irp ที่ได้กำไรแบบมีนัย นอกนั้นก็มีกำไรและขาดทุนบ้างแต่ก็ไม่ถือว่ามีนัย
-
- Verified User
- โพสต์: 2126
- ผู้ติดตาม: 1
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 137
ผมทำต่อมาจากกระทู้ ปี 47 ที่คุณโจทำไว้แล้วคนอื่นๆก็ใส่ตัวเลขเข้าไปไว้ ผมก็เลยมาเก็บต่อปี 51+52 เอามาลงให้ดูง่ายๆ ถ้าคนอื่นเป็นไปได้ก็ทำต่อไปเรื่อยจะได้เห็นง่ายๆ ย้อนหลังไปตั้งแต่เริ่มเล่นหุ้นเลยก็ได้นะครับ--------------Blueblood-----yoyo----ลูกอีกสาน---นริศ----Leksmile
45------------N/A--------------N/A----181.9-------N/A-----220
46----------905.23--------155.98----83.91 -----N/A-------100
47----------8.29------------34.77----16.8--------15 ------39
48---------(8.91)-----------20.33----32.45-------35 ------10
49----------51.51----------211.07----80.16------180 -----(24)
50----------193.65--------138.59----237.69------124-------165
51----------(60%)----------(55)------3.32-----(14.3)---(20.35)
52----------212------------???-----161.82------135------212.23
เพิ่งเห็นว่าได้เท่า blueblood เลย โยว่างมาเติมคำในช่องว่างหน่อยนะ
จุดธูปเรียก Luty97 sai picatos hongvalue sunrise kiri พี่หมอสามัญชน
-
- Verified User
- โพสต์: 2126
- ผู้ติดตาม: 1
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 138
พิมพ์ผิดครับ ต้องปี 50 หรือ 07 กระทู้นี้ครับ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=30778leksmile เขียน:
ผมทำต่อมาจากกระทู้ ปี 47 ที่คุณโจทำไว้แล้วคนอื่นๆก็ใส่ตัวเลขเข้าไปไว้ ผมก็เลยมาเก็บต่อปี 51+52 เอามาลงให้ดูง่ายๆ ถ้าคนอื่นเป็นไปได้ก็ทำต่อไปเรื่อยจะได้เห็นง่ายๆ ย้อนหลังไปตั้งแต่เริ่มเล่นหุ้นเลยก็ได้นะครับ
เพิ่งเห็นว่าได้เท่า blueblood เลย โยว่างมาเติมคำในช่องว่างหน่อยนะ
จุดธูปเรียก Luty97 sai picatos hongvalue sunrise kiri พี่หมอสามัญชน
- pornchai_w
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 139
ก่อนหน้านี้ลงทุนแบบ daytrade -->เละเทะ
เริ่มเลือกหุ้นแบบ VI Dividendแบบจริงจัง ซื้ออย่างเดียวไม่ขาย เริ่มตั้งแต่ ตุลาคม2552 เป็นเวลา 3 เดือน --> 4.7%
ลองเทียบกับตลาด3เดือน ตลาดโต 2.4%
ได้มานิดหนึ่งซึ่งยังต้องเรียนรู้อีกเยอะครับ
เริ่มเลือกหุ้นแบบ VI Dividendแบบจริงจัง ซื้ออย่างเดียวไม่ขาย เริ่มตั้งแต่ ตุลาคม2552 เป็นเวลา 3 เดือน --> 4.7%
ลองเทียบกับตลาด3เดือน ตลาดโต 2.4%
ได้มานิดหนึ่งซึ่งยังต้องเรียนรู้อีกเยอะครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 9
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 141
ผมอยู่ห้องนั่งเล่นก็บอกอยู่แล้วว่าผลตอบแทนเป็นไปแบบเล่นๆmiracle เขียน:ผมต้องไปอัญเชิญพี่พอใจแห่งห้องนั่งเล่นอีกคนหนึ่งมาด้วย
เพราะ ขาดพี่มาโพสกระทู้นี้ก็ขาดไปอีกคนหนึ่ง
ที่พวกเราพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ชาว TVI รู้จักกันดี
วันแต่งงานพี่เล็กสไมล์
เจอเจ้านัท นั่งคุยกัน
ผมถามว่าปีนี้ได้เยอะมั๊ย
นัทว่าได้ประมาณ40%ครับพี่
แล้วนัทก็บอกว่าเวลาพวกเราในงานถาม ไม่ค่อยกล้าตอบ
เพราะคนอื่นได้กันเป็นร้อยๆทั้งนั้นเลย
งานนั้นผมเลยรีบๆกลับ
กลัวคนมาถามนี่แหละครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 142
ราว ๆ 100% ครับ แปลว่าแพ้เซ๊ยน ๆ ไปหลายขุม :D
- philz
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 144
เพิ่งเริ่มต้นเมื่อกลางเดือนสิงหาคม ช่วง 2 เดือนแรกซื้อขายแทบทุกวัน กว่าจะปรับพอร์ตจนพอใจก็ปลายเดือนพฤศจิกายนแล้ว ได้ผลตอบแทน 20% ดีกว่า set นิดหน่อย เมื่อคิดเทียบจากมูลค่า ณ วันเข้าซื้อ
ผมเลือกหุ้นส่วนใหญ่จากการมองหาธุรกิจที่ตนสนใจและดูมีอนาคต จากนั้นเข้าไปอ่านในร้อยคนร้อยหุ้นเพื่ออ่านหลายความคิดเห็น ดูข่าวตาม web ต่อมาเข้าดูงบการเงิน ดูการเติบโตของรายได้ ROE คำนวนราคาคร่าว ๆ จาก EPS และ PE เมื่อได้จึงเก็บเป็น watch list รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อได้ราคาต่ำกว่าเมื่อย้อนหลังราคาไปสัก 2-3 week
ปี 53 คาดการว่าสถานะการณ์ตลาดไม่ค่อยดี รู้สึกว่าถ้ายังคงเลือกหุ้นด้วยวิธีนี้ผลตอบแทนคงไม่ดีแน่ ๆ กำลังอ่านศึกษาวิธี DCF อยู่ครับ
ผมเลือกหุ้นส่วนใหญ่จากการมองหาธุรกิจที่ตนสนใจและดูมีอนาคต จากนั้นเข้าไปอ่านในร้อยคนร้อยหุ้นเพื่ออ่านหลายความคิดเห็น ดูข่าวตาม web ต่อมาเข้าดูงบการเงิน ดูการเติบโตของรายได้ ROE คำนวนราคาคร่าว ๆ จาก EPS และ PE เมื่อได้จึงเก็บเป็น watch list รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อได้ราคาต่ำกว่าเมื่อย้อนหลังราคาไปสัก 2-3 week
ปี 53 คาดการว่าสถานะการณ์ตลาดไม่ค่อยดี รู้สึกว่าถ้ายังคงเลือกหุ้นด้วยวิธีนี้ผลตอบแทนคงไม่ดีแน่ ๆ กำลังอ่านศึกษาวิธี DCF อยู่ครับ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 159
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 146
จุดธูป อยากฟังพี่ sai ครับ... มาแรงจริงๆ ช่วยมา Share ให้ฟังหน่อยสิครับ เห็นปีนี้ขยันมากๆ ผลลัพธ์ของความขยันก็น่าจะเห็นผลชัดเจน ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกับพี่ sai เลย มา share กันหน่อยเร็ว
ส่วนของผมทำ Update ล่าสุดปีนี้ยังไม่ถึง 400 แบบพี่ naris บอกครับ
พอดีวันสุดท้ายมันลดมาหน่อยนึงเหลืออยู่ 385% ครับ
ปีสาเหตุที่ทำให้ได้ผลตอบแทนเยอะก็น่าจะมาจากหลายสาเหตุ
1. หลังจากปีที่แล้วเจ็บตัวมาจาก Margin ปีก็นี้ทำกำไรได้จาก Margin เช่นกัน (ไม่เข็ดครับไม่เข็ด) แต่ในช่วยต้นๆปีผมเองก็ยังแขยงๆอยู่เล็กน้อย ก็ไม่ได้ใช้ Margin เท่าไหร่ แต่พอเวลาผ่านไปมาเจอหุ้นที่ผมว่ามันดีมากๆ และราคาถูกมากๆ สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวใช้ Margin อีกแล้ว
บทเรียนจาก Margin ให้หลายๆปีที่ผ่านมา ทำให้ผมสรุปแนวทางการถือเงินสด รวมถึงการใช้ Margin คือ.. "% เงินสดที่เราจะถือนั้นควรจพิจารณาจากระดับความถูกความแพงของหุ้นที่เราถือโดยรวม" เช่น
- ถ้าผมถือ Port หุ้นที่ระดับ p/e ประมาณ 4 ผมอาจจะใช้ Margin
- ถ้า Port หุ้นที่ถือโดยรวมมี p/e ประมาณ 6 ผมอาจจะไม่ใช้ Margin แต่ไม่เหลือเงินสด
- ถ้า Port หุ้นโดยรวมมี p/e ประมาณ 8-10 ผมอาจจะถือเงินสดไว้ซัก 20%
ผมว่าเป็นการบริหารความเสี่ยงได้ดีในระดับหนึ่ง ... นอกจากนี้การใช้ Margin นี่ต้องระวังเรื่องสภาพคล่องของหุ้นเป็นสำคัญด้วย เพราะหุ้นที่สภาพคล่องต่ำนั้นมีโอกาสที่จะถูกถอนออกจาก Margin list ได้ ง่าย และกรณีที่มีอะไรที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้น สภาพคล่องของหุ้นจะทำให้เราขายหุ้นคืนหนี้เพื่อลดความเสียงได้ง่าย.... การจะเล่นหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำนั้น จำเป็นต้องใช้เงินที่เย็น (Margin นั้นถือเป็นเงินร้อน)
2. ตลาดเป็นใจให้ทำกำไรได้เยอะ .. เพราะเริ่มต้นปีมาหุ้นโดยเฉลี่ยมีความราคาถูกมาก
3. หุ้นที่ทำกำไรให้ผมเป็นกอบเป็นกำในปีมีอยู่ประมาณ 4 ตัว คือ lpn ps irp spali นอกจากนี้ก็มีหุ้นที่ทำกำไรอีกหลายตัว แต่อาจจะไม่ได้ถือสัดส่วนเยอะเหมือน 4 ตัวข้างต้นคือ siri tfund spf cpnrf bsec sgp mcs ait ticon ส่วนหุ้นที่ขาดทุนนั้นมีอยู่ตัวเดียวคือ siam แต่ถือเป็นสัดส่วนที่น้อย ไม่ถึง 1% ของ Port จึงไม่ได้ฉุดผลตอบแทนเท่าไหร่นัก
ต้องขอบคุณประโยคที่ Peter Lynch เคยพูดเอาไว้ว่า
"จงซื้อหุ้นยอดเยี่ยมให้อุตสาหกรรมยอดแย่"
ประโยคนี้ช่วยทำให้ผลเลือกถือหุ้นที่มีคุณภาพดีแต่มีราคาถูกมากๆได้ และผลกำไรของหุ้นเหล่านี้นอกจากจะไม่ลดลง ยังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอีกตะหาก
จึงทำให้ปีนี้นับเป็นปีทองปีหนึ่ง จากที่ทำขาดทุนไปเยอะพอสมควรไปในปีที่แล้วก็ฟื้นคืนกลับมาได้หมดแถมยังมีกำไรเพิ่มอีกพอสมควร
ส่วนของผมทำ Update ล่าสุดปีนี้ยังไม่ถึง 400 แบบพี่ naris บอกครับ
พอดีวันสุดท้ายมันลดมาหน่อยนึงเหลืออยู่ 385% ครับ
ปีสาเหตุที่ทำให้ได้ผลตอบแทนเยอะก็น่าจะมาจากหลายสาเหตุ
1. หลังจากปีที่แล้วเจ็บตัวมาจาก Margin ปีก็นี้ทำกำไรได้จาก Margin เช่นกัน (ไม่เข็ดครับไม่เข็ด) แต่ในช่วยต้นๆปีผมเองก็ยังแขยงๆอยู่เล็กน้อย ก็ไม่ได้ใช้ Margin เท่าไหร่ แต่พอเวลาผ่านไปมาเจอหุ้นที่ผมว่ามันดีมากๆ และราคาถูกมากๆ สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวใช้ Margin อีกแล้ว
บทเรียนจาก Margin ให้หลายๆปีที่ผ่านมา ทำให้ผมสรุปแนวทางการถือเงินสด รวมถึงการใช้ Margin คือ.. "% เงินสดที่เราจะถือนั้นควรจพิจารณาจากระดับความถูกความแพงของหุ้นที่เราถือโดยรวม" เช่น
- ถ้าผมถือ Port หุ้นที่ระดับ p/e ประมาณ 4 ผมอาจจะใช้ Margin
- ถ้า Port หุ้นที่ถือโดยรวมมี p/e ประมาณ 6 ผมอาจจะไม่ใช้ Margin แต่ไม่เหลือเงินสด
- ถ้า Port หุ้นโดยรวมมี p/e ประมาณ 8-10 ผมอาจจะถือเงินสดไว้ซัก 20%
ผมว่าเป็นการบริหารความเสี่ยงได้ดีในระดับหนึ่ง ... นอกจากนี้การใช้ Margin นี่ต้องระวังเรื่องสภาพคล่องของหุ้นเป็นสำคัญด้วย เพราะหุ้นที่สภาพคล่องต่ำนั้นมีโอกาสที่จะถูกถอนออกจาก Margin list ได้ ง่าย และกรณีที่มีอะไรที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้น สภาพคล่องของหุ้นจะทำให้เราขายหุ้นคืนหนี้เพื่อลดความเสียงได้ง่าย.... การจะเล่นหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำนั้น จำเป็นต้องใช้เงินที่เย็น (Margin นั้นถือเป็นเงินร้อน)
2. ตลาดเป็นใจให้ทำกำไรได้เยอะ .. เพราะเริ่มต้นปีมาหุ้นโดยเฉลี่ยมีความราคาถูกมาก
3. หุ้นที่ทำกำไรให้ผมเป็นกอบเป็นกำในปีมีอยู่ประมาณ 4 ตัว คือ lpn ps irp spali นอกจากนี้ก็มีหุ้นที่ทำกำไรอีกหลายตัว แต่อาจจะไม่ได้ถือสัดส่วนเยอะเหมือน 4 ตัวข้างต้นคือ siri tfund spf cpnrf bsec sgp mcs ait ticon ส่วนหุ้นที่ขาดทุนนั้นมีอยู่ตัวเดียวคือ siam แต่ถือเป็นสัดส่วนที่น้อย ไม่ถึง 1% ของ Port จึงไม่ได้ฉุดผลตอบแทนเท่าไหร่นัก
ต้องขอบคุณประโยคที่ Peter Lynch เคยพูดเอาไว้ว่า
"จงซื้อหุ้นยอดเยี่ยมให้อุตสาหกรรมยอดแย่"
ประโยคนี้ช่วยทำให้ผลเลือกถือหุ้นที่มีคุณภาพดีแต่มีราคาถูกมากๆได้ และผลกำไรของหุ้นเหล่านี้นอกจากจะไม่ลดลง ยังเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญอีกตะหาก
จึงทำให้ปีนี้นับเป็นปีทองปีหนึ่ง จากที่ทำขาดทุนไปเยอะพอสมควรไปในปีที่แล้วก็ฟื้นคืนกลับมาได้หมดแถมยังมีกำไรเพิ่มอีกพอสมควร
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- << New >>
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 16
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 147
แล้วพี่โยคิดว่าควรดู P/E ตลาด หรือปัจจัยแวดล้อมอื่นด้วยมั้ยครับ เพราะว่าอย่างปีที่แล้วP/Eต่ำ P/Eสูง ก็ลงกันเกือบหมดทุกตัว คือผมเข้าใจว่าหุ้นมันลงเพราะปัจจัยอื่นไม่ได้เกี่ยวกับ P/E ของ portเราyoyo เขียน: บทเรียนจาก Margin ให้หลายๆปีที่ผ่านมา ทำให้ผมสรุปแนวทางการถือเงินสด รวมถึงการใช้ Margin คือ.. "% เงินสดที่เราจะถือนั้นควรจพิจารณาจากระดับความถูกความแพงของหุ้นที่เราถือโดยรวม" เช่น
- ถ้าผมถือ Port หุ้นที่ระดับ p/e ประมาณ 4 ผมอาจจะใช้ Margin
- ถ้า Port หุ้นที่ถือโดยรวมมี p/e ประมาณ 6 ผมอาจจะไม่ใช้ Margin แต่ไม่เหลือเงินสด
- ถ้า Port หุ้นโดยรวมมี p/e ประมาณ 8-10 ผมอาจจะถือเงินสดไว้ซัก 20%
อยากสูงต้องเขย่ง อยากเก่งต้องขยัน
- green/30/10/08
- Verified User
- โพสต์: 217
- ผู้ติดตาม: 0
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 148
ผมเริ่มลงทุนวันที่ 20/10/08 set 476 เลือดอาบ port ติดลบ 30%
เพราะผมไปมัวแต่ซื้อๆขายๆ(ผมนอนละเมอและฝันร้าย10 วันเงินเก็บผมหาย 2 ล้านกว่าผมเครียดมาก) ผมเริ่มทบทวนตัวเองใหม่ว่าจุดประสงค์แท้จริงตอนที่ผมเริ่มคิดว่าจะซื้อหุ้นเพราะเหตุผลอะไร ....ผมทบทวนตัวเองผมกลัวราคาหุ้นตกหรือ.... (ทั้งๆที่หุ้นราคาถูกแล้วถูกอีก) ผมลงทุนใหม่วันที่ 30/10/08 ซื้อแล้วถือไว้
ถึงวันที่ 30/04/09 ผมเท่าทุนทั้งๆน่าจะได้กำไร ผมยังปรับ port ยังไม่เป็น
วันที่ 30/04/09 - 30/12/09 port ปี52 โตขึ้น 230 %
เริ่มลงทุนวันที่ 20/10/08 - 30/12/09 portโตขึ้น 135 % ผมทำได้ครับ
ปี53 ยังไม่รู้เป็นไง ผมยังมีหุ้นเต็มport
เพราะผมไปมัวแต่ซื้อๆขายๆ(ผมนอนละเมอและฝันร้าย10 วันเงินเก็บผมหาย 2 ล้านกว่าผมเครียดมาก) ผมเริ่มทบทวนตัวเองใหม่ว่าจุดประสงค์แท้จริงตอนที่ผมเริ่มคิดว่าจะซื้อหุ้นเพราะเหตุผลอะไร ....ผมทบทวนตัวเองผมกลัวราคาหุ้นตกหรือ.... (ทั้งๆที่หุ้นราคาถูกแล้วถูกอีก) ผมลงทุนใหม่วันที่ 30/10/08 ซื้อแล้วถือไว้
ถึงวันที่ 30/04/09 ผมเท่าทุนทั้งๆน่าจะได้กำไร ผมยังปรับ port ยังไม่เป็น
วันที่ 30/04/09 - 30/12/09 port ปี52 โตขึ้น 230 %
เริ่มลงทุนวันที่ 20/10/08 - 30/12/09 portโตขึ้น 135 % ผมทำได้ครับ
ปี53 ยังไม่รู้เป็นไง ผมยังมีหุ้นเต็มport
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4741
- ผู้ติดตาม: 21
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 149
โฮ.....น้องโย อะไรจะเก่งอย่างนี้...ทึ่งมากๆ นายแน่มากyoyo เขียน:จุดธูป อยากฟังพี่ sai ครับ... มาแรงจริงๆ ช่วยมา Share ให้ฟังหน่อยสิครับ เห็นปีนี้ขยันมากๆ ผลลัพธ์ของความขยันก็น่าจะเห็นผลชัดเจน ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกับพี่ sai เลย มา share กันหน่อยเร็ว
ส่วนของผมทำ Update ล่าสุดปีนี้ยังไม่ถึง 400 แบบพี่ naris บอกครับ
พอดีวันสุดท้ายมันลดมาหน่อยนึงเหลืออยู่ 385% ครับ
ขอชมจากใจจริง
น้อง sai.... ท่าทางต้องใช้เวลาปิดบัญชีนาน...
เพราะได้เยอะมากๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณครับสำหรับประสบการณ์นาธาน โย่ เขียน:ปีสาเหตุที่ทำให้ได้ผลตอบแทนเยอะก็น่าจะมาจากหลายสาเหตุ
1. หลังจากปีที่แล้วเจ็บตัวมาจาก Margin ปีก็นี้ทำกำไรได้จาก Margin เช่นกัน (ไม่เข็ดครับไม่เข็ด) แต่ในช่วยต้นๆปีผมเองก็ยังแขยงๆอยู่เล็กน้อย ก็ไม่ได้ใช้ Margin เท่าไหร่ แต่พอเวลาผ่านไปมาเจอหุ้นที่ผมว่ามันดีมากๆ และราคาถูกมากๆ สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวใช้ Margin อีกแล้ว
บทเรียนจาก Margin ให้หลายๆปีที่ผ่านมา ทำให้ผมสรุปแนวทางการถือเงินสด รวมถึงการใช้ Margin คือ.. "% เงินสดที่เราจะถือนั้นควรจพิจารณาจากระดับความถูกความแพงของหุ้นที่เราถือโดยรวม" เช่น
- ถ้าผมถือ Port หุ้นที่ระดับ p/e ประมาณ 4 ผมอาจจะใช้ Margin
- ถ้า Port หุ้นที่ถือโดยรวมมี p/e ประมาณ 6 ผมอาจจะไม่ใช้ Margin แต่ไม่เหลือเงินสด
- ถ้า Port หุ้นโดยรวมมี p/e ประมาณ 8-10 ผมอาจจะถือเงินสดไว้ซัก 20%
ผมว่าเป็นการบริหารความเสี่ยงได้ดีในระดับหนึ่ง ... นอกจากนี้การใช้ Margin นี่ต้องระวังเรื่องสภาพคล่องของหุ้นเป็นสำคัญด้วย เพราะหุ้นที่สภาพคล่องต่ำนั้นมีโอกาสที่จะถูกถอนออกจาก Margin list ได้ ง่าย และกรณีที่มีอะไรที่เราคาดไม่ถึงเกิดขึ้น สภาพคล่องของหุ้นจะทำให้เราขายหุ้นคืนหนี้เพื่อลดความเสียงได้ง่าย.... การจะเล่นหุ้นที่มีสภาพคล่องต่ำนั้น จำเป็นต้องใช้เงินที่เย็น (Margin นั้นถือเป็นเงินร้อน)
2. ตลาดเป็นใจให้ทำกำไรได้เยอะ .. เพราะเริ่มต้นปีมาหุ้นโดยเฉลี่ยมีความราคาถูกมาก
3. หุ้นที่ทำกำไรให้ผมเป็นกอบเป็นกำในปีมีอยู่ประมาณ 4 ตัว คือ lpn ps irp spali นอกจากนี้ก็มีหุ้นที่ทำกำไรอีกหลายตัว แต่อาจจะไม่ได้ถือสัดส่วนเยอะเหมือน 4 ตัวข้างต้นคือ siri tfund spf cpnrf bsec sgp mcs ait ticon ส่วนหุ้นที่ขาดทุนนั้นมีอยู่ตัวเดียวคือ siam แต่ถือเป็นสัดส่วนที่น้อย ไม่ถึง 1% ของ Port จึงไม่ได้ฉุดผลตอบแทนเท่าไหร่นัก
ส่วนตัวพี่โชคไม่ดีเท่าไหร่
ไหนต้องบริหารพอร์แล้วยังต้องบริหารต้นทุนเงินทุนอีก
ต้นปี 2552 เป็นปีที่พีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ย่อยยับ
ปกติกเงินลงทุนของพี่จะโอนจากเงินรายได้ประจำ
ที่เป็นออสซี่ดอลล่าร์
ปีที่แล้วราวๆเดือน มีนาคมพี่เห็นว่าน่าจะเป็นจังหวะที่ดี ที่ต้องอัดเงินเต็มที่ หลังได้ฟังท่านอาจารย์ ดร
ว่า "วิกฤต คือโอกาส" จากเงินเก็บทั้งหมดที่มี
โชคไม่ดี เงินออสซี่ล่วงตาม $USD 30%
จากปกติ ราว 30 บาท ต่อ $AUD เหลือ 21-22 บาท เจ็บมากๆ
ดั้งนั้นตอนหุ้นลงหนักๆ 30% ไม่ได้ช่วยพี่เลย
แถมมีมาร์จิน แต่ ไม่ได้ใช้มันมาช่วยเลยแม้แต่บาทเดียว
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
-
- Verified User
- โพสต์: 2126
- ผู้ติดตาม: 1
ผลตอบแทนปี 2552 ได้เท่าไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 150
ใส่ช่องไว้ให้เติมเลย เทพ sai มาได้แล้วyoyo เขียน:จุดธูป อยากฟังพี่ sai ครับ... มาแรงจริงๆ ช่วยมา Share ให้ฟังหน่อยสิครับ เห็นปีนี้ขยันมากๆ ผลลัพธ์ของความขยันก็น่าจะเห็นผลชัดเจน ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกับพี่ sai เลย มา share กันหน่อยเร็ว
--------------Blueblood-----yoyo----ลูกอีกสาน---นริศ----Leksmile-----Sai
45------------N/A--------------N/A----181.9-------N/A-----220-----N/A
46----------905.23--------155.98----83.91 -----N/A-------100-----N/A
47----------8.29------------34.77----16.8--------15 ------39-----N/A
48---------(8.91)-----------20.33----32.45-------35 ------10-----N/A
49----------51.51----------211.07----80.16------180 -----(24)------N/A
50----------193.65--------138.59----237.69------124-------165-----???
51----------(60%)----------(55)------3.32-----(14.3)---(20.35)-----???
52----------212------------385-----161.82------135------212.23-----???