ผลกระทบมาบตาพุด :Value Way วิบูลย์ พึงประเสริฐ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

ผลกระทบมาบตาพุด :Value Way วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Value Way ฉบับวันที่ 14 ธันวาคม 2552
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ
ผลกระทบมาบตาพุด

ข่าวใหญ่ในตลาดหุ้นไทยทุกวันนี้หนีไม่พ้นเรื่องของกรณีมาบตามพุด ซึ่งสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อนและกลุ่มได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในการขอให้พิจารณาคุ้มครองการดำเนินงานของโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมาบตาพุดจำนวน 76 โครงการมูลค่ากว่า  4 แสนล้านบาทไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะมีคำพิพากษา ซึ่งทางอัยการสูงสุดในฐานะทนายของแผ่นดินได้ยื่นขอผ่อนผันกับศาลปกครองสูงสุดเพื่อขอยกเลิกคำสั่งดังกล่าว ในวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุดได้ผ่อนผันให้กับ 11 โครงการดำเนินการต่อไปได้ แต่ยังคงคงคำสั่งคุ้มครองให้หยุดการก่อสร้างของอีก 65 โครงการที่เหลือ มีผู้อ่านอีกหลายท่านยังไม่เข้าใจในคำสั่งศาลเรื่องนี้มากนัก ถ้าจะสรุปประเด็นคร่าวๆคือรัฐธรรมนูญราชอาณาจักรไทยฉบับปี 2550 ระบุไว้เรื่องของการขออนุญาตก่อสร้างของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบกับชุมชนต้องของการพิจารณาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (EIA Environmental Impact Assessment) รวมถึงต้องทำการศึกษาเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนด้วย (HIA - Health Impact Assessment) สิ่งที่เกิดขึ้นคือหลังจากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ หน่วยงานภาครัฐไม่ได้กำหนดวิธีในการศึกษา HIA ไว้เป็นกฎหมาย นั่นหมายความว่าโรงงานเอกชนต่างๆไม่ทราบว่าจะต้องขออนุญาต HIA ไปด้วยในการขอก่อสร้างโรงงาน จึงดำเนินการขอเพียง EIA ตามปกติ

หลังจากเวลาล่วงเลยไปสองปี ทางสมาคมต่อต้านภาวะโลกร้อนได้ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรีและภาคราชการที่เกี่ยวข้องในการละเลยการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญในเรื่องของผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชน จึงขอให้ศาลสั่งระงับการดำเนินการของโครงการต่างๆที่ทำผิดรัฐธรรมนูญหรือได้รับใบอนุญาตหลังจากรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ ศาลจึงมีคำสั่งบรรเทาทุกข์และระงับโครงการตามที่ผู้ฟ้องร้องระบุมาข้างต้น บริษัทเอกชนที่กำลังดำเนินการโครงการต่างๆจึงมีความแปลกใจเป็นอันมาก เพราะทุกโครงการได้ขออนุญาตตามกฎหมายกำหนดทุกประการ แต่ศาลตัดสินว่ากฎหมายที่กำหนดไว้ไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ

ผลกระทบของเรื่องนี้นอกเหนือจากความเสียหายของบริษัทที่กำลังก่อสร้างอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดแล้ว ยังมีผลกระทบเป็นลูกโซ่อีกหลายด้านดังนี้

ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่อง เนื่องจากโรงงานส่วนใหญ่ที่กำลังก่อสร้างส่วนใหญ่เป็นโครงการในอุตสาหกรรมต้นน้ำของธุรกิจปิโตรเคมีและพลังงาน เช่น โรงแยกก๊าซธรรมชาติของปตท ซึ่งจะใช้เป็นวัตถุดิบหลักในการส่งให้กับบริษัทลูกอย่างปตท เคมิคอลเพื่อผลิตเม็ดพลาสติก หรือโรงงานปิโตรเคมีของปูนซิเมนต์ไทยที่ขยายกำลังการผลิตเพื่อผลิตพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรมปลายน้ำต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ รถยนต์ สิ่งทอ และอื่นๆอีกมากมายที่ปัจจุบันต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเพื่อผลิตสินค้า การชะลอโครงการต้นน้ำเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยต้องเสียเงินตราต่างประเทศนำเข้าสินค้ามากขึ้นแทนที่จะนำวัตถุดิบในประเทศมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นอกเหนือจากนั้นโรงงานในอุตสาหกรรมปลายน้ำหลายโรงได้ขยายกำลังการผลิตรอโครงการในมาบตาพุดที่กำหนดการเดิมแล้วเสร็จในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าก็ต้องเลื่อนการเปิดดำเนินการออกไป ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงมากกว่าที่ทางการรายงานไว้

นอกเหนือจากนั้นผลกระทบต่อตลาดหุ้นเป็นผลกระทบโดยตรงต่อบริษัทที่ถูกระงับโครงการอย่างปตท.และบริษัทในเครือ รวมถึงบริษัทปูนซิเมนต์ไทย ทั้งสองกลุ่มถือว่ามีมาร์แกตแคปในสัดส่วนที่สูงในตลาดหุ้นไทย รายได้และผลกำไรของกลุ่มบริษัททั้งสองที่ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ย่อมส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สุดท้ายเป็นผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศที่ไม่มั่นใจว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายในสังคมไทย ถ้าเป็นในประเทศที่พัฒนาแล้ว สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะกฎหมายต่างๆที่กำหนดเอาไว้มักจะมีประสิทธิภาพและไม่ต้องมาตีความย้อนหลังให้เกิดความเสียหายในภายหลัง ประเทศอย่างเวียดนามและมาเลเซียที่มีศักยภาพพอที่จะแข่งขันกับไทยได้ในเรื่องของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีคงยินดีรับเงินลงทุนจากต่างประเทศที่คงทยอยย้านฐานการผลิตออกจากไทยในอนาคต
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
โพสต์โพสต์