กลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news06/03/08

โพสต์ที่ 151

โพสต์

ชี้ช่องอุตฯอาหารสู้ค่าบาท

โพสต์ทูเดย์ แนะผู้ส่งออกอาหารลดผลกระทบเงินบาทแข็งค่า ขึ้นราคาสินค้า เพิ่มการนำเข้าวัตถุดิบ และกระจายรายรับสู่เงินหลากสกุล


นายเกียรติพงศ์ น้อยใจบุญ กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ผู้ส่งออกสามารถลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทที่แข็งค่าอย่างต่อเนื่องได้หลายแนวทาง โดยในส่วนของอุตสาหกรรมอาหารที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด แนะนำให้เพิ่มราคาขายสินค้า เนื่องจากสินค้าอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งไม่มีคู่แข่งเหมือนกับสินค้าเกษตร หากปรับราคาขึ้นเชื่อว่าผู้บริโภคก็ยังซื้อเหมือนเดิม

ด้านกลุ่มสินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบโดยตรง อาจปรับแนวทางการทำตลาดมาใช้วิธีรวมกลุ่มกับผู้ผลิตรายอื่นๆ เพื่อสร้างอำนาจต่อรองในการปรับราคาจำหน่ายให้สูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ข้าว และยางพารา

ที่จริงถ้ามองในระยะยาว และคิดใหม่ เราน่าจะรับมือกับผลกระทบจากค่าเงินบาทได้ดี นอกจากกลยุทธ์การเพิ่มราคาแล้ว ต้องนำกลยุทธ์การตลาดเข้ามาช่วยด้วย เช่น การสร้างกระแสรักษาสุขภาพ หรือหาจุดขายให้กับสินค้าอาหารสำเร็จรูป นายเกียรติพงศ์ กล่าว

นอกจากนี้ ในส่วนของกลุ่มที่จำหน่ายสินค้าไปยังกลุ่มประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐ ควรทำสัญญาตกลงรายรับเป็นเงินสกุลอื่นเพิ่มเติม เพื่อกระจายความเสี่ยงจากปัญหาค่าเงินบาทผันผวน โดยเฉพาะผู้ที่ส่งสินค้าไปจำหน่ายยังกลุ่มสหภาพยุโรป หรืออียู แม้จะมีต้นทุนเป็นเงินเหรียญสหรัฐ แต่ก็มีรายรับเป็นเงินยูโร

การดำเนินการดังกล่าวจะลดผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนได้มาก เนื่องจากค่าเงินยูโรยังแข็งค่ากว่าเงินเหรียญสหรัฐมาก และยังแนะนำให้ผู้ส่งออกที่ค้าขายกับประเทศอื่น ทั้งญี่ปุ่น และจีน ใช้วิธีเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังมีกลุ่มผู้ส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองในทิศทางเดียวกันว่า สถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่ายังมีผู้ที่ได้เปรียบคือ กลุ่มที่นำเข้าวัตถุดิบมาผลิตสินค้า เช่น กลุ่มเหล็ก เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์ เนื่องจากสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ และนับว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ส่งออกที่ต้องการลงทุนเครื่องจักรใหม่

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าภายใน 1-2 เดือน เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปที่ระดับ 30-31 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ประเด็นสำคัญที่จะทำให้ผู้ส่งออกเสียเปรียบในการแข่งขันคือ เมื่อค่าเงินบาทแข็งกว่าเงินสกุลอื่นของประเทศคู่แข่ง

อย่างไรก็ดี การแก้ไขปัญหาเงินบาทแข็งค่ายังไม่ทราบทิศทางที่แน่ชัด ต้องติดตามมาตรการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่ประเด็นที่ยังน่าเป็นห่วงคือ เรื่องการเก็งกำไรค่าเงินบาท ว่าจะสามารถสกัดกั้นได้มากน้อยเพียงใด
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=224905
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news12/03/08

โพสต์ที่ 152

โพสต์

ซีพี.ค้านบี้สินค้าเกษตร

โพสต์ทูเดย์ ซี.พี. เตือนรัฐอย่ากดราคาสินค้าเกษตร ควรปล่อยตามตลาดโลก ด้านพาณิชย์ลั่นใช้กฎหมายจัดการผู้กักตุนทำหมูแพง


นายอาชว์ เตาลานนท์ รองประธานกรรมการเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) กล่าวว่า รัฐไม่ควรจะตรึงหรือปรับลดราคาสินค้าเกษตรลงอีก ควรปล่อยลอยตัวให้เป็นไปตามภาวะตลาดโลก เพื่อไม่ให้เกษตรกรไทยเสียโอกาสในการทำตลาด เพราะแทนที่ประชาชนจะได้ลืมตาอ้าปาก กลับต้องมาแบกรับภาระ ขณะเดียวกันรัฐบาลต้อง สนับสนุนเกษตรกร ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาช่วย เร่งพัฒนาหาแหล่งน้ำชลประทาน พร้อมกับหาตลาดให้ รวมถึงคิดค้นกรรมวิธีการแปรรูปสินค้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม

ด้านนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมกำลังตรวจสอบกรณีที่มีข่าวว่าผู้ประกอบการไม่ยอมส่งเนื้อหมูไปให้ค้าปลีกรายใหญ่และตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์กิโลกรัมละ 98 บาท ซึ่งหากพบว่าเป็นจริงและไม่มีเหตุผลเพียงพอในการชี้แจง ก็พร้อมใช้มาตรการกฎหมายเข้ามาจัดการ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่เข้าข่ายปั่นราคา สามารถเอาผิดได้ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท กรณีรายใหญ่หากพบว่ามีการใช้อำนาจเหนือตลาดไม่เป็นธรรม ทำให้เกิดการฮั้วราคาหรือปรับลดปริมาณลงมา กรมจะใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าเข้ามาจัดการร่วมด้วยทันที

ตอนนี้กำลังตรวจสอบข่าวจริงหรือไม่ว่า อีก 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า ปริมาณเนื้อหมูที่กระจายไปยังร้านค้าปลีกและตลาดสดที่เข้าร่วมโครงการหมูพาณิชย์จะขาดแคลน ซึ่งหากพบว่าทำผิดกฎหมายจะเข้าไปจัดการทันที นายยรรยง กล่าว

นายยรรยง กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาต้นทุนอาหารสัตว์ในวันที่ 13 มี.ค. นี้ว่า จะประชุมคณะอนุกรรมการอาหารสัตว์ โดยจะพิจารณาข้อดีข้อเสียการลดราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ เมื่อได้ข้อสรุปจะเสนอรัฐบาลตัดสินใจ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกรเลี้ยงสัตว์

นายสุเมธ เหล่าโมราพร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซี.พี. อินเตอร์เทรด กล่าวว่า แนวโน้มข้าวในตลาดโลกจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกในเร็วๆ นี้ และปรับตัวสูงขึ้นตลอดทั้งปี เพราะมีสัญญาณที่ชัดเจนว่า ภาวะอากาศในซีกโลกด้านทิศใต้และด้านทิศเหนือ ทั้งเวียดนาม จีน อินเดีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จะประสบภัยแล้ง อาจส่งผลให้เกิดวิกฤตราคาข้าวและสินค้าเกษตรครั้งใหญ่ ทำให้ภาพรวมสินค้าเกษตรมีแนวโน้มราคาสูงขึ้น
http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=news&id=225944
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news12/03/08

โพสต์ที่ 153

โพสต์

3สมาคมปัดฝุ่นเสรีอ้อยน้ำตาล เอทานอลจี้ช่วย

โพสต์ทูเดย์ 3 สมาคมโรงงาน น้ำตาล เตรียมเสนอรัฐบาล ให้กำหนดแนวทางพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทั้งระบบ


นายประกิต ประทีปะเสน ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย กล่าวว่า ขณะนี้ ทั้ง 3 สมาคม เตรียมเสนอแนวทางสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทั้งระบบให้กับรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรม และสร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยในระยะยาว ซึ่งต้องพิจารณาเรื่องปริมาณและคุณภาพของอ้อย ราคาอ้อยและน้ำตาล รวมไปถึงการนำผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลไปใช้ประโยชน์

ทั้งนี้ รัฐบาลควรจัดตั้งหน่วยงานที่ให้การสนับสนุน ด้านการเพิ่มผลผลิตอ้อยต่อไร่ของเกษตรกรอย่างจริงจัง โดยผลผลิตอ้อยต่อไร่ ควรจะเพิ่มจากปัจจุบันประมาณ 10 ตันอ้อยต่อไร่ มาอยู่ที่ประมาณ 15-20 ตันอ้อยต่อไร่ เทียบเท่ากับประเทศผู้ผลิตอ้อยอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย และบราซิล รวมไปถึงการพัฒนาพันธุ์อ้อยให้ได้คุณภาพสูงขึ้นด้วย

นายประกิต กล่าวต่อไปว่า ราคาอ้อยที่รับซื้อจากเกษตรกรในปัจจุบัน ยังขึ้นอยู่กับราคาน้ำตาลทรายเป็นหลัก แต่ต่อไปราคาเอทานอลน่าจะเข้ามามีผลมากขึ้น โดยในส่วนของราคาน้ำตาลทรายในประเทศ ยังอยู่ในอัตราที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ดังนั้นรัฐบาลจึงควรตัดสินใจพิจารณาเปิดเสรีราคาน้ำตาล ให้เป็นไปตามกลไกของตลาดโลก นายสิริวุทธ์ เสียมภักดี นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย กล่าวถึงการแก้ปัญหากำลังผลิตเอทานอลล้นตลาดว่าสมาคมเตรียมจะหารือกับ พล.ท.หญิง พูลภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เพื่อเสนอแนวทางช่วยเหลือผู้ผลิตเอทานอล กำหนดนโยบายและทิศทางการใช้พลังงานทดแทน (เอทานอล) ให้ชัดเจนว่า รัฐบาลจะส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ในระดับใด
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=226076
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news14/03/08

โพสต์ที่ 154

โพสต์

พาณิชย์เล็งออกประกาศห้ามส่งออกหมู

วันที่ 14 มีนาคม 2551

พาณิชย์หวั่น หมูขาดตลาด เตรียมออกประกาศห้ามเคลื่อนย้ายส่งออก นอกประเทศ สัปดาห์หน้า

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้ตนออกประกาศห้ามเคลื่อนย้ายสุกรออกนอกพื้นที่ โดยเฉพาะการส่งออก เนื่องจากขณะนี้หลายฝ่ายมองว่าปริมาณสุกรจะขาดแคลน จึงไม่อยากให้ผู้บริโภคประสบปัญหาหาซื้อสุกรมาบริโภคได้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศได้ในสัปดาห์หน้า

ด้านนายมิ่งขวัญ กล่าวว่า หลังจากแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนโดยเฉพาะสุกรราคาแพงแล้ว หลังจากนี้จะแก้ปัญหาให้เกษตรกรโดยเฉพาะราคาลูกสุกร หากเปรียบเทียบกับเดือนมกราคม 2550 เกษตรกรจะต้องซื้อลูกสุกรจากบริษัทรายใหญ่เพื่อไปเลี้ยงให้โตในราคาตัวละ 850 บาท แต่หากดูตัวเลขลูกสุกรในปี 2551 เดือนมกราคม ราคาลูกสุกรอยู่ที่ 1,250 บาทต่อตัว เดือนกุมภาพันธ์ 1,760 บาทต่อตัว และเดือนมีนาคม 1,800 บาทต่อตัว เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ราคาปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1,000 บาทต่อตัว เห็นว่าค่อนข้างสูง ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์คงต้องหามาตรการช่วยผลกระทบให้แก่เกษตรกร และหาแนวทางช่วยเหลือในเรื่องดังกล่าว อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายที่จะดูแลตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางอย่างเป็นธรรม โดยหลังจากนี้จะเน้นให้เกษตรกร ผู้ค้าสุกร มีอิสระในการดำเนินธุรกิจ ต้องเป็นไปตามกลไกตลาดมากขึ้น ซึ่งจะต้องไปดูที่ต้นตอ หากราคาต้นทางไม่มีเหตุผลก็จะต้องดูแลอย่างแน่นอน
http://www.posttoday.com/topstories.php?id=226616
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news07/04/08

โพสต์ที่ 155

โพสต์

ผู้ส่งออกตื่น"ข้าวขาว"พุ่งตาม"หอมมะลิ" พ่อค้าท้องถิ่น-ร้านทองแย่งซื้อเก็งกำไร

ราคาข้าวพุ่ง หอมมะลิทะลุ 1,000 เหรียญสหรัฐ แค่ 1 สัปดาห์ราคาข้าวทุกชนิดพุ่งไม่ต่ำกว่า 150 เหรียญสหรัฐ คาดได้เห็นแน่ 1,200 เหรียญต่อตัน เฮดจ์ฟันด์ผสมโรงปั่นราคาข้าวโลก พ่อค้าท้องถิ่นไทยจับมือร้านทองกว้านซื้อข้าวเปลือกเก็บกักตุน รอราคาข้าวพุ่งสูงกว่านี้ จนเกิดปรากฏการณ์ข้าวนาปรังหายไปจากตลาด

ข้าวหอมมะลิ ชั้น 1 ฤดูกาลผลิตปี 2550/2551 ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ด้วยราคาที่ปรับตัวขึ้นถึง 1,009 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ราคาข้าวทะลุเกิน 1,000 เหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ภายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาข้าวขาว FOB ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่า 150 เหรียญสหรัฐ/ตัน ถือเป็นความ

ผันผวนชนิดที่คนในวงการค้าข้าวไม่เคยเจอกันมาก่อน

โดยสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ รายงานราคาส่งออกข้าว ณ วันที่ 2 เมษายน 2551 พบว่า ราคาข้าวหอมปทุมธานีปรับมาอยู่ที่ 930 เหรียญสหรัฐ/ตัน, ข้าว 100% ชั้น 1 อยู่ที่ 827 เหรียญสหรัฐ/ตัน, ข้าว 5% ตันละ 779 เหรียญสหรัฐ และ ข้าว 25% ขึ้นไปถึงตันละ 740 เหรียญสหรัฐ ผู้ค้าคาดราคาข้าวทะลุ 1,200 เหรียญ

แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าวได้ให้ภาพความผันผวนของราคาข้าวในขณะนี้ว่า แนวโน้มราคาที่ผู้ส่งออกมองขณะนี้คือ 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากผู้ผลิตข้าวทั้งเวียดนามและอินเดียยังห้ามส่งออก ขณะที่ข้าวนาปรังของไทยออกแล้ว แต่ไม่มีสินค้าในตลาด ประกอบกับฟิลิปปินส์กำลังเปิดประมูลข้าวในวันที่ 17 เมษายนนี้ ส่วนอีกหลายประเทศที่ยังไม่ได้เปิดประมูล แต่ต้องการซื้อข้าวเช่นกัน ได้แก่ อินโดนีเซียกับอิหร่าน

แม้ว่าราคาข้าวในขณะนี้จะถือว่าสูงแล้ว แต่ผู้ค้าข้าวมองไปถึงราคาประมูลฟิลิปปินส์ หากเปิดสูงขึ้นไปอีก แน่นอนว่าจะทำให้อินโดนีเซีย-อิรัก-อิหร่าน จำเป็นต้องซื้อข้าวในราคาที่สูงไปด้วย ทำให้เกิดการเก็งว่า ราคาข้าวจะปรับตัวสูงขึ้นอีก จากข้อมูลทั้งหมดส่งผลให้คนที่มีข้าวอยู่ในมือไม่ยอมขายข้าวออกสู่ตลาด กลายเป็นแรงกดดันให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้นทุกวัน
http://matichon.co.th/prachachat/pracha ... ionid=0201
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news11/04/08

โพสต์ที่ 156

โพสต์

ราคาข้าวโพดในตลาดโลกยังพุ่งไม่หยุด ข่าว 18.00 น.

Posted on Friday, April 11, 2008
สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย รายงานว่า ราคาซื้อขายข้าวโพดล่วงหน้าเดือนพฤษภาคมในตลาดชิคาโก ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบุชเชล เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2551 และจะส่งผลทำให้ราคาข้าวโพดในตลาดประเทศไทยปรับตัวสูงขึ้นตาม

สำหรับสาเหตุหลักที่ทำให้ราคาข้าวโพดแพง มาจากผลการสำรวจการเพาะปลูกของกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ที่พบว่า เกษตรกรในสหรัฐฯ ตั้งใจลดพื้นที่ปลูกข้าวโพดในปีนี้ลง และหันไปปลูกพืชชนิดอื่น โดยเฉพาะถั่วเหลืองที่มีราคาดี และใช้ ปุ๋ยซึ่งมีราคาแพงอยู่ในขณะนี้น้อยกว่าเดิม ขณะที่ฝนยังตกมากกว่าปกติ ทำให้เกษตรกรต้องเลื่อนการเพาะปลูกข้าวโพดออกไป

สำหรับราคาข้าวโพดที่สูงทั้งในสหรัฐฯและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้รวมถึงไทย อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตอาหารสัตว์ในด้านต้นทุนการผลิตที่จะสูงขึ้นตามมา

ทั้งนี้ สำนักส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตร กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ รายงานข้อมูลตัวเลขราคาตลาดโดยเฉลี่ยของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทย ปี 2546 อยู่ที่กิโลกรัมละ 5.46 บาท ปี 2550 อยู่ที่กิโลกรัมละ 7.99 บาท โดยเมื่อเทียบตัวเลขราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นถึง 46.25%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news11/04/08

โพสต์ที่ 157

โพสต์

นักเศรษฐศาสตร์คาด ราคาข้าวยังสูงต่อไปอีกระยะ ข่าว 18.00 น.

Posted on Friday, April 11, 2008
นักเศรษฐศาสตร์ประจำสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (อีร์รี่) คาดการณ์ว่า ราคาข้าวมีแนวโน้มพุ่งสูงต่อไปอีก เนื่องจากข้าวที่ผลิตออกมายังมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการในท้องตลาด ทำให้ข้าวในยุ้งฉางอาจน้อยลงต่อเนื่องไปอีกหลายปี จึงจำเป็นต้องวิจัยและหาทางเพิ่มผลผลิตข้าวให้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาปริมาณเสนอซื้อ และเสนอขายที่ไม่สมดุลอยู่ในขณะนี้

นอกจากนี้ อีร์รี่ยังได้เรียกบรรดาผู้เชี่ยวชาญมาร่วมประชุม เพื่อร่างรายละเอียด หาทางแก้วิกฤติข้าวแพง ซึ่งทั้งหมดเห็นพ้องกันว่า การเพิ่มผลผลิตข้าวเป็นหนทางเดียวที่จะแก้ปัญหาราคาข้าวแพงในระยะยาวได้ โดยยังเห็นว่า วิกฤติข้าวแพงส่งผลกระทบกับคนยากจนที่อาศัยในตัวเมือง รวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกไม่มากนักและต้องอาศัยการซื้อข้าวมาบริโภคในบางส่วน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news11/04/08

โพสต์ที่ 158

โพสต์

ชาวไร่อ้อยถึงคิวรวย 2.8 หมื่นล้าน  

> ผู้บริโภคผวาซ้ำ! กลัวน้ำตาลขาดตลาดราคาพุ่งกระฉูด
ชาวไร่อ้อยหวังรวย ตามชาวนา ลุ้นรายได้เพิ่มอีก 2.8 หมื่นล้านบาทต่อปี ส่งอ้อย ป้อนโรงงานผลิตเอธานอลหนุน ธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งใช้ ในประเทศและส่งออก เชื่อราคา ขยับเพิ่มจาก 600 บาทเป็น 1,000 บาทต่อตัน ชาวบ้านผวาซ้ำกลัวน้ำตาลขาดตลาดนำไปสู่การขึ้นราคา ด้านผู้ประกอบ การยืนยันไม่มีปัญหาขาดแคลน แน่นอน ขณะที่นโยบาย E-85 รัฐบาลกับผู้ผลิตรถยนต์ถกกันหน้าดำคร่ำเครียดเหตุติดขัดเรื่องภาษีแต่คาดไม่ เกิน 3 ปีได้เห็นแน่ ในขณะที่เจ้าของโรงงานเอธา นอลโอดผลผลิตยังเหลือตรึม เหตุรัฐไม่ประกาศ ยกเลิกเบนซิน

นายจำรูญ ชินธรรมมิตร ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผย สยามธุรกิจ ว่า แม้ยอดการใช้พลังงานทดแทนในไตรมาสแรกของปี 2551 จะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่สต็อกการผลิตเอธานอลซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญในการผลิต ก๊าซโซฮอล์ก็ยังมีอยู่อย่างล้นเหลือ โดยปัจจุบันมีโรงงานที่เดินเครื่องการผลิตเอธานอลประมาณ 7-8 แห่ง จากที่ขออนุญาตก่อสร้างไว้ประมาณกว่า 20 แห่ง โดยมีกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 2-3 ล้าน ลิตรต่อวัน ในขณะที่ปริมาณการใช้เอธานอลมีเพียง 6-8 แสนลิตรต่อวัน หรือประมาณเพียงแค่ 30% เท่านั้น สาเหตุดังกล่าวทำให้โรงงานบางแห่งที่ไม่มี ตลาดส่งออกต้องหยุดเดินเครื่องการผลิตเนื่องจาก ไม่มีที่เก็บสต็อกเอธานอล

ส่วนกรณีการนำอ้อยมาทำเอธานอลโดยตรง เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่ใช้เพียงแค่กากน้ำตาลเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับชาวไร่อ้อยนั้น โดยส่วนตัวเห็นด้วยเพราะในอนาคตถ้านโยบายประกาศใช้ E 85 หรือ E 100 เดินหน้าได้ และรัฐบาลยกเลิกการใช้น้ำมันเบนซิน 95 และเบนซิน 91 ปริมาณความต้องการก็จะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก ซึ่งการใช้กากน้ำตาล ที่เหลือจากการผลิตน้ำตาลเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพออย่างแน่นอน

นายจำรูญยังกล่าวอีกว่าหากมีการนำอ้อยมาผลิตเอธานอลเชื่อว่าจะไม่กระทบต่ออุตสาห กรรมน้ำตาลภายในประเทศ โดยเฉพาะราคาน้ำตาล ที่มีหลายคนวิตกกังวลว่าอาจจะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้น เช่นเดียวกับราคาข้าวในปัจจุบันนี้ เนื่องจากปริมาณ อ้อยที่นำมาใช้ในการผลิตเอธานอลจะเป็นอ้อยที่ผลิตน้ำตาลเพื่อส่งออกไม่ใช่ผลิตเพื่อขายในประเทศ

โดยปัจจุบันไทยส่งออกน้ำตาลในตลาดโลกประ มาณ 50 ล้านตัน ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณการค้าในตลาดโลก จึงสามารถลดปริมาณ การส่งออกแล้วนำอ้อยมาผลิตเป็นเอธานอลป้อนการใช้พลังงานทดแทนในประเทศแทน โดยเชื่อว่าราคาซื้ออ้อยเพื่อผลิตเป็นเอธานอลจะอยู่ในราคาสูงถึง 800-1,000 บาทต่อตัน ขณะที่การบริโภคน้ำตาลภายในประเทศมีประมาณ 20 ล้านตันต่อปี

ด้านนายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสมาคมชาวไร่อ้อยเขต 7 จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ชาวไร่อ้อยได้เรียกร้องไปยังภาครัฐว่าการซื้ออ้อยไปทำเอธานอลนั้น ชาวไร่อ้อยควรได้รับประโยชน์มากกกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งปัจจุบันเป็นการนำเอากากน้ำตาลไปผลิต ซึ่งโรงงานเขาคิดเป็นรายได้เสริมจากการทำน้ำตาลเพราะฉะนั้นส่วนแบ่งที่มาคำนวณ คืนชาวไร่อ้อยจึงไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งหากนำอ้อยไปผลิตเอธานอลโดยตรงจะช่วยให้การคำนวณ ราคาเกษตรกรได้รับผลประโยชน์มากขึ้น ราคาอ้อยต่อตันก็น่าจะสูงขึ้นกว่าในปัจจุบันที่บางปีมีราคาต่ำเพียง 600 บาทต่อตัน เช่นราคาอ้อยขั้นต้นปี 2550/2551 ซึ่งมีราคาเพียง 600 บาทต่อตัน

โดยชาวไร่อ้อยต้องขอความสนับสนุนจากภาครัฐอีกตันละ 100 บาท แต่ก็ยังไม่คุ้มกับต้นทุนซึ่งอยู่ที่ 807 บาท แล้วทุกวันนี้ราคาปุ๋ยก็แพง ค่าแรงก็แพง ต้นทุนก็ยิ่งสูงขึ้น หากการใช้พลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้น และชาวไร่อ้อยได้ผลตอบแทนถึง 1,000 ต่อตัน เมื่อนั้นความเป็นอยู่ของเราคงดีขึ้นเหมือนชาวนาที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน

นายนราธิปยังกล่าวอีกว่าการนำอ้อยไปผลิต เป็นเอทานอลโดยตรงจะไม่ส่งผลกระทบกับราคาน้ำตาลในประเทศแน่นอนเพราะเป็นคนละส่วนกัน และก็จะไม่ทำให้ผลผลิตอ้อยขาดแคลน เนื่องจาก การผลิตเอธานอลจะใช้อ้อยอย่างมากเพียง 5 ล้าน ตันต่อปี ในขณะที่ผลผลิตอ้อยปีล่าสุดสูงถึง 70 ล้านตัน

ด้าน ดร.อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าตนได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา และพบว่าประเทศดังกล่าว กำลังอยู่ในช่วงทดลองใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ ด้วยการนำเอธานอลไปผสมลงในน้ำมันปกติประมาณ 3% ซึ่งหากรัฐบาลดำเนินการด้านตลาดโดยการร่วม สนับสนุนโครงการดังกล่าวเพื่อให้ผู้ผลิตเอธานอลของไทยส่งเอธานอลไปขายในประเทศดังกล่าวก็จะ เป็นการช่วยระบายสต็อกและนำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศ นอกจากนี้ยังมีประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ลาว กัมพูชา ที่ยังไม่มีการใช้น้ำมันก๊าซโซฮอล์ ซึ่งหากเราไปส่งเสริมสนับสนุนให้เขาใช้ได้ ก็จะเป็น การเพิ่มช่องทางการขายให้กับกลุ่มผู้ผลิตเอธานอล ได้อีกทางหนึ่ง

ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการรถยนต์ส่วนใหญ่พร้อมจะผลิตรถยนต์ประหยัดน้ำมัน หรืออีโคคาร์สำหรับใช้น้ำมัน E85 ออกมาในปี 2553 แต่ก็ต้องรอดูว่ารัฐบาลจะยอมลดภาษีลงเหลือ 20% ได้หรือ ไม่ จากปัจจุบันที่เก็บภาษี 30% ซึ่งถ้ารัฐบาลยอมลดในส่วนนี้ได้ก็ไม่มีปัญหา

นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณการใช้พลังงานทดแทนมีสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันปกติ โดยพบว่าในเดือนมีนาคม 2551 (ข้อมูล ณ วันที่ 29 มี.ค.51) เปรียบ เทียบกับช่วงเดียวกัน ในปี 2550 น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น 744.9% จาก 0.89 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 7.51 ล้านลิตรต่อวัน น้ำมันก๊าซโซฮอล์ เพิ่มขึ้น 101.2% จาก 3.7 ล้านลิตรต่อวัน เป็น 7.4 ล้านลิตรต่อวัน แบ่งเป็นน้ำมันก๊าซ โซฮอล์ 91 ปริมาณ 1.74 ล้านลิตรต่อวัน น้ำมันก๊าซโซฮอล์ 95 ปริมาณ 5.66 ล้านลิตรต่อวัน

สำหรับยอดการใช้ของน้ำมันเบนซินปกติลดลงทุกประเภท โดยในช่วงเดียวกันพบว่า น้ำมัน เบนซิน 95 มีปริมาณการใช้ลดลง 56.7% จาก 3.6 ล้านลิตรต่อวัน เหลือเพียง 1.6 ล้านลิตรต่อวัน น้ำมัน เบนซิน 91 ลดลง 21.6% จาก 13.1 ล้านลิตรต่อวัน เหลือ 10.3 ล้านลิตรต่อวัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ลดลง 1.9% จาก 55.3 ล้านลิตร เหลือ 54.3 ล้านลิตรต่อวัน

ด้านปริมาณการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แบ่งเป็นน้ำมันดิบมีปริมาณ นำเข้า 145.730 ล้านลิตรต่อวัน มูลค่า 82,297 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกัน 5.7% ส่วนน้ำมัน สำเร็จรูปมีปริมาณการนำเข้า 0.748 ล้านลิตรต่อวัน คิดเป็นมูลค่า 398 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกัน 54.4% และปริมาณการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปมีปริมาณ 23.532 ล้านลิตรต่อวัน คิดเป็น มูลค่า 13,025 ล้านบาท

นายเมตตายังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มผู้ประกอบ การรถยนต์ขอความชัดเจนในเรื่องการลดภาษีรถ ยนต์ประหยัดพลังงานสำหรับใช้น้ำมัน E85 ว่าได้ มีการพูดคุยกันอยู่ว่าจะสรุปผลอย่างไร ซึ่งรัฐบาลได้ขอให้กลุ่มผู้ประกอบการทำตัวเลขราคาขายที่ชัดเจนว่าจะขายในราคาเท่าไหร่ เพื่อพิจารณาว่าจะลดภาษีได้ตามที่ขอมาหรือไม่ ซึ่งถ้ารัฐบาลยอมลดภาษีให้แต่ผู้ประกอบการยังขายรถยนต์ในราคา แพงก็จะไม่เป็นการยุติธรรมสำหรับผู้ซื้อ

นายวีรศักดิ์ ขวัญเมือง ผู้อำนวยการกอง ทุนอ้อยและน้ำตาลทราย กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนอย่างเต็มที่ ก็จะช่วยให้ราคาอ้อยขยับขึ้นได้อย่างแน่นอน เนื่อง จากราคาขายต่อตันสูงขึ้นตามราคาน้ำมันที่แพงขึ้น และราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงขึ้น จากซัพพลายที่น้อยลงเนื่องจากถูกนำไปใช้ทำพลังงานทดแทน แต่จะไม่กระทบกับราคาน้ำตาลภายในประเทศแน่นอน
http://www.siamturakij.com/home/news/di ... _id=413087
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news11/04/08

โพสต์ที่ 159

โพสต์

เอ็กซ์โปลิงค์ลุยจัดงาน"ไทยเฟ็กซ์"อาหารโลก

11 เมษายน พ.ศ. 2551 17:45:00

เอ็กซ์โปลิงค์ ประกาศลุยจัดงาน "ไทยเฟ็กซ์" อาหารโลก คาด เงินสะพัด 6 พันล้าน ดีเดย์ปีนี้ 21-25 พฤษภาคมนี้ ตั้งเป้าผู้เข้างานกว่า 6 พันคน

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :


นายภูษิต ศศิธรานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็กซ์โปลิงค์ โกลบอล เน็ทเวอร์ค จำกัด ผู้จัดแสดงสินค้า นิทรรศการ และการสัมมนา เปิดเผยแผนรุกธุรกิจในปี 2551 ว่า ได้ขยายจัดงานแสดงสินค้าและนิทรรศการ 65 งาน แบ่งเป็นงานแสดงสินค้าในประเทศ 12 งาน และงานแสดงสินค้าต่างประเทศ 53 งาน ครอบคลุมทุกด้าน ตั้งแต่งานแสดงอาหารเครื่องดื่ม เฟอร์นิเจอร์และตกแต่งภายใน สิ่งทอ สุขภาพ บ้านและสวน ฯลฯ

ในไตรมาส 2 ของปีนี้เอ็กซ์โปลิงค์ เตรียมจัดงานแสดงสินค้าด้านธุรกิจอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย คือ งานไทยเฟ็กซ์ เวิลด์ ออฟ ฟูดส์ เอเชีย (THAIFEX World of Food Asia) จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-25 พ.ค.นี้ ที่ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพค เมืองทองธานี เป็นงานที่เอ็กซ์โปลิงค์ และโคโลญจน์ เมสเซ่ เยอรมัน จับมือกับกรมส่งเสริมการส่งออก และหอการค้าไทย นำผู้ประกอบการธุรกิจอาหารทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 2 พันบริษัท จัดแสดงสินค้าอาหาร และเครื่องดื่มในพื้นที่รวม 4 หมื่นตร.เมตร ได้แก่ อาหารสด และอาหารทั่วไป เครื่องดื่ม อาหารแช่เย็น อาหารแช่แข็ง ขนมปัง เบเกอรี่ เครื่องดื่มร้อน อาหารปลอดสารพิษ เทคโนโลยีการจัดเลี้ยง

ผู้เข้าร่วมแสดงงานนี้เป็นผู้ประกอบการต่างประเทศและไทย 50 : 50 เทียบกับปีที่แล้ว มีผู้ประกอบการต่างประเทศเข้าร่วมงาน 35% อาทิเช่น อิตาลี ฝรั่งเศส อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ นอร์เวย์ โปแลนด์ สิงคโปร์ ไทย ฯลฯ" ไฮไลต์สำคัญ คือ อิตาลีสนใจร่วมแสดงสินค้าเป็นบูธพาวิลเลี่ยนขนาดใหญ่เพื่อจัดแสดงไวน์ โอลีฟออยล์ ฯลฯ และคาดหมายว่าปีนี้ จะมีผู้ประกอบการด้านอาหารและเครื่องดื่มจากทั่วโลกเยี่ยมชมกว่า 6 พันคน และประชาชนทั่วไปสนใจเข้าร่วมชมงานกว่า 1 แสนคน คาดมีเงินสะพัดต่อเนื่องกว่า 6 พันล้านบาท
http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/1 ... sid=248161
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news16/04/08

โพสต์ที่ 160

โพสต์

ถกค้าเสรีเกษตรโลกนิ่ง

โพสต์ทูเดย์ เจรจาดับบลิวโอรอบโดฮาหมดหวังได้ข้อสรุปสิ้นปีนี้ คาดสหรัฐ ยุโรป ตีปีกเพิ่มอุดหนุนสินค้าเกษตร


นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า การเจรจาเปิดเสรีการค้าภายใต้องค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) ที่กำหนดจะให้ได้ข้อสรุปตามกรอบโดฮาในสิ้นปีนี้ อาจเป็นไปได้ยาก เพราะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นประเทศผู้มีบทบาทสำคัญในการเจรจา กำลังอยู่ระหว่างการเลือกตั้ง โดยกฎหมายการค้าของสหรัฐให้สิทธิฝ่ายบริหารเจรจาการค้าในกรอบต่างๆ นั้นหมดอายุแล้ว ทำให้สหรัฐจะไม่แสดงท่าทีใดๆ ในการเจรจา ส่งผลให้การเจรจารอบโดฮาไม่มีความคืบหน้า

เป็นไปได้ยาก ที่จะให้ได้ข้อสรุปการเจรจารอบโดฮาในสิ้นปีนี้ เพราะสหรัฐจะไม่มีท่าทีใดๆ ในการเจรจา และหากการประชุมเจ้าหน้าที่ อาวุโสดับบลิวทีโอที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ประเมินแล้วว่าการเจรจาไม่คืบหน้า ก็คงจะไม่จัดการประชุมระดับรัฐมนตรีในปลายเดือนนี้แน่นอน นายวินิจฉัย กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า หากการเจรจารอบโดฮาไม่มีข้อสรุป คาดว่าจะสร้าง ผลกระทบต่อการค้าโลกเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก จะไม่สะท้อนความ เป็นจริง เนื่องจากประเทศพัฒนาแล้ว โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปยัง มีการอุดหนุนภายใน จนการส่งออกสินค้าเกษตรจากประเทศดังกล่าวไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง

ทั้งนี้ ผลจากการอุดหนุนราคา ทำให้สามารถขายสินค้าเกษตรได้ในราคาที่ต่ำ เป็นการกดดันราคาสินค้าเกษตรโลกในตัว ทำให้ประเทศ ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรทั่วโลกรวมถึงไทยได้รับผลกระทบตามไปด้วย

ในแต่ละปีประเทศสหรัฐ และสหภาพยุโรป จะมีการอุดหนุนภาคการเกษตรปีละ 6.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นสหภาพยุโรป 4.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และสหรัฐ 2.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีแนวโน้มว่าสหภาพยุโรปจะเพิ่มการอุดหนุนอีกปีละ 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และสหรัฐจะเพิ่มอีกปีละ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=232718
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news16/04/08

โพสต์ที่ 161

โพสต์

ราคาข้าวล่วงหน้าตลาดชิคาโก้พุ่งเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง
ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าเดือนกรกฎาคมปีนี้ ซื้อขายที่ตลาดล่วงหน้าชิคาโก้ หรือซีบอท คืนที่ผ่านมา พุ่งขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 22.22 เหรียญต่อ 100 ตัน หรือพุ่งขึ้นถึง 2% ส่งผลให้ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าที่ตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมา และถีบตัวสูงมากกว่า 60% นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงคืนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันราคาข้าวในตลาดเอเชียพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง สาเหตุจากความต้องการซื้อข้าวของผู้นำเข้ามากที่สุดในโลกคือฟิลิปปินส์เพิ่มสูงขึ้น ด้านราคาข้าวโพดส่งมอบล่วงหน้ายังมีราคาสูงต่อไป
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news17/04/08

โพสต์ที่ 162

โพสต์

ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าชิคาโกพุ่งทะลุ 22.95 เหรียญ เป็นประวัติการณ์ 3 วันติดต่อกัน
ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าเดือนกรกฎาคมปีนี้ ซื้อขายที่ตลาดล่วงหน้าชิคาโก้ หรือ ซีบอท คืนที่ผ่านมา พุ่งขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เป็นวันที่ 3 ติดต่อกันเช่นกันที่ 22.95 เหรียญ ต่อ 100 ตัน หรือพุ่งขึ้นถึง 2.05% ส่งผลให้ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าที่ตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตั้งแต่เดือนกันยายน 2550 และถีบตัวสูงมากกว่า 62% นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงคืนที่ผ่านมา ขณะเดียวกันราคาข้าวในตลาดเอเชียพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องสาเหตุจากความต้องการซื้อข้าวของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นผู้นำเข้ามากที่สุดในโลกเพิ่มสูงขึ้น
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news21/04/08

โพสต์ที่ 163

โพสต์

Hard Topic  

แนะไทยใช้โอกาสเหมาะอาหารทั่วโลกขาดแคลน เร่งสร้างศักยภาพหล่งอาหารของโลก ขณะที่คนไทยต้องกินอาหารแพงไปอีก 3-5 ปี

Posted on Monday, April 21, 2008
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Hard Topic ทาง Money Channel ว่า ขณะนี้องค์กรระดับโลกอย่างองค์การสหประชาชาติ (UN) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก ต่างก็กังวลว่า หลายประเทศทั่วโลกจะประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร เนื่องจากปัญหาโลกร้อน ทำให้ผลผลิตลดลง ราคาอาหารจึงได้ปรับตัวสูงขึ้น

นายยุทธศักดิ์เชื่อว่า ประเทศไทยจะไม่ประสบปัญหาการขาดแคลนอาหารแน่นอน แต่คนไทยก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องประสบปัญหาราคาอาหารอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก 3 5 ปี เนื่องจากขณะนี้ทุกประเทศทั่วโลกต่างก็ต้องประสบปัญหาราคาสินค้าอยู่ในระดับสูงทั้งหมด ดังนั้น จึงอยากให้ไทย ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกอาหารรายใหญ่ของโลก ใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย

ส่วนการที่รัฐบาลจะเดินหน้าจัดทำยุทธศาสตร์อาหารแห่งชาตินั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้เกิดการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ แต่ถ้าภาครัฐไม่ดำเนินการตั้งแต่วันนี้ ในอนาคตคนไทยอาจจะต้องแย่งอาหารกันเองได้ ทั้งนี้ อยากให้ภาครัฐนำเรื่องต้นทุนของเกษตรกรเข้าไปอยู่ในยุทธศาสตร์นี้ด้วย เนื่องจากขณะนี้ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง และเครื่องจักร มีราคาอยู่ในระดับสูง เพราะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมกันนี้ยังอยากให้ภาครัฐพิจารณาเรื่องการจัดโซนนิ่งที่เพาะปลูก เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
นายยุทธศักดิ์เผยว่า ถ้าภาครัฐสามารถจัดทำยุทธศาสตร์อาหารแห่งชาติได้สำเร็จ ก็จะทำให้อาหารไทยมีโอกาสก้าวเข้าไปเป็นครัวโลกได้ ซึ่งการเป็นครัวโลกก็มี 2 แบบ คือ 1. การส่งเสริมอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก และ 2. ให้ไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารป้อนสู่ตลาดโลก โดยมองว่า ในช่วงที่ราคาอาหารอยู่ในระดับสูงนี้ ไทยมีโอกาสเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลกได้มากที่สุด

นายไพบูลย์ พลสุวรรณา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในอดีตอัตราการผลิตอาหารของทั่วโลกมีสัดส่วนสูงกว่าอัตราการเกิดของประชากรโลก ทำให้อาหารไม่ขาดแคลน แต่ในช่วงหลังเกิดวิกฤติด้านราคาพลังงาน พืชได้ถูกนำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทนมากขึ้น มีผลให้พืชที่นำไปผลิตเป็นอาหารมนุษย์มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงทำให้ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นมา

นายไพบูลย์เห็นว่า ไทยสามารถหาประโยชน์ในช่วงที่ราคาอาหารอยู่ในระดับสูงได้ โดยไทยควรขยายส่งออกไปที่ตลาดเอเชีย รวมประเทศเกิดใหม่ เช่น บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน ให้มากขึ้น เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีกฎระเบียบเกี่ยวกับอาหารน้อยกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป

นอกจากนี้ยังอยากให้ผู้ที่ส่งออกอาหารระดับปฐมภูมิ เช่น ข้าว ข้าวโพด และน้ำตาล เสนอขายสินค้าแปรรูปพวงไปกับสินค้าปฐมภูมิด้วย ทั้งนี้ สินค้าแปรรูปที่จะเสนอขายให้กับลูกค้านั้น ไทยควรกำหนดให้เป็นสินค้าที่ได้มาตรฐานของเอเชีย ไม่ควรให้ประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน เนื่องจากประเทศเหล่านี้จะกำหนดมาตรฐานที่สูงเกินความจำเป็น เพื่อที่จะขายเทคโนโลยีต่าง ๆ กลับมาให้ประเทศผู้ผลิตอาหารอีกทีหนึ่ง

นายไพบูลย์ยังกล่าวถึงยุทธศาสตร์อาหารแห่งชาติของรัฐบาลด้วยว่า ยุทธศาสตร์ที่จะออกมา ไม่ควรที่จะคำนึงถึงการส่งออกเพียงอย่างเดียว แต่อยากให้มองทั้งห่วงโซ่อาหาร เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์สูงที่สุด

ติดตาม Hard Topic ทาง Money Channel True Visions 80 ทุกวันจันทร์ ศุกร์ เวลา 13.00 14.00 น.

ช่องทางการรับชม Money Channel: True Visions ช่อง 80, จานดาวเทียม Samart DTH ช่อง 08 และเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศ ช่อง 30

http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Har ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news21/04/08

โพสต์ที่ 164

โพสต์

ฟิลิปปินส์ดันข้าวในปท.พุ่งต่อ โรงสีจี้"มิ่ง"ชะลอส่งออกหวั่นเข้าคิวซื้อ

อนาคตราคาข้าวแขวนไว้กับฟิลิปปินส์ ผู้ส่งออกข้าวไทย-เทรดเดอร์ข้าวโลก ล้วนรอการตัดสินใจของ NFA ว่า จะทะลุแนวต้านที่ 1,000 เหรียญ/ตันไปได้หรือไม่ หากฟิลิปปินส์ตกลงซื้อมีหวังราคาข้าวพุ่งยาว จนสมาคมโรงสีข้าวต้องออกมาแสดงความเป็นห่วง ถ้า "มิ่งขวัญ" ไม่มีมาตรการชะลอการส่งออกข้าว คนไทยมีหวังต้องเข้าคิวซื้อข้าวแบบฟิลิปปินส์แน่ "คน." ยันผู้ส่งออกมีสต๊อกถึง 1.6 ล้านตัน แถมประมูลข้าวได้ 8 แสนตัน แต่ไม่ยอมมาขน ให้รัฐแบกค่าใช้จ่ายอื้อ

ราคาข้าวในตลาดโลกได้ปรับตัวทะยานขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่องค์การอาหารแห่งชาติฟิลิปปินส์ (NFA) ได้เปิดประมูลข้าวจำนวน 500,000 ตัน เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา โดยมี 3 ประเทศร่วมยื่นซองประกวดราคา ประกอบด้วย เวียดนาม เสนอขายข้าวขาว 25% ปริมาณ 110,000 ตัน ในราคาส่งออกรวมค่าขนส่งและค่าระวางเรือ (CIF) ตันละ 1,200 เหรียญสหรัฐ, ไทยเสนอขาย 200,000 ตัน ในราคาตันละ 1,070-1,150 เหรียญสหรัฐ และปากีสถานเสนอขาย 24,000 ตัน ราคาตันละ 870 เหรียญสหรัฐ รวมปริมาณข้าวที่ทั้ง 3 ประเทศเสนอขายเพียง 334,000 ตัน ซึ่งยังต่ำกว่าความต้องการข้าวของฟิลิปปินส์

อนาคตราคาข้าวโลกแขวนไว้กับ NFA

แหล่งข่าวจากวงการผู้ส่งออกข้าว กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ตลาดข้าวทั้งในไทยและทั่วโลกกำลังจับตามองการตัดสินใจของ NFA ฟิลิปปินส์อยู่ โดยมีนัยสำคัญ 2 ประการ คือ 1)หาก NFA ตัดสินใจ "ซื้อ" ข้าวลอตนี้ทั้งหมดเท่ากับว่า เป็นการส่งสัญญาณให้ราคาข้าวโลกพุ่งสูงขึ้นไปอีก เพราะเวียดนามได้สร้าง "หมุดหมาย" ราคาไว้สูงถึง 1,200 เหรียญสหรัฐ/ตัน สำหรับข้าว 5% 2)ในทางกลับกัน หาก NFA ตัดสินใจ "ไม่ซื้อ" หรือซื้อข้าวเพียงบางส่วน ก็จะเป็นการส่งสัญญาณว่า ราคาข้าวใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ผู้ซื้อรับราคาสูงขนาดนี้ไม่ได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผลกระทบหลังจาก NFA ฟิลิปปินส์เปิดซองประมูลข้าวเมื่อวันที่ 17 เมษายน ที่ไทยได้รับทันทีก็คือ ข้าวสาร 5% ภายในประเทศเมื่อวันที่ 18 เมษายน ได้ปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก 100-200 บาท/ กระสอบ (100 ก.ก.) จากเดิม 2,500 บาท/กระสอบ ขึ้นเป็น 2,600-2,700 บาท/กระสอบ และมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 2-300 บาท หากฟิลิปปินส์ยอมซื้อข้าวทั้งหมด เท่ากับว่าราคาข้าว 5% ในไทยจะปรับขึ้นไปแตะ 3,000 บาท/กระสอบ

ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าวิกฤตราคาอาหารในฟิลิปปินส์ส่งผลให้พ่อค้าท้องถิ่น-โรงสี และผู้ส่งออก ต่างมั่นใจว่าฟิลิปปินส์จะต้องยอมซื้อข้าวในราคาสูงขึ้นแน่ๆ ทำให้ทุกฝ่ายที่มีข้าวอยู่ในมือ "ไม่ยอมขายข้าว" ออกมาสู่ตลาด หวังจะรอให้ราคาสูงขึ้นกว่านี้จึงค่อยปล่อยข้าวออกสู่ตลาด และแน่นอนว่า "ชาวนา" ไม่ได้เป็นผู้ได้ประโยชน์จากราคาที่ทะยายขึ้นไป เพราะชาวนาได้ขายข้าวแทบทั้งหมดออกไปแล้วในราคาที่ไม่สูงมากนัก "การที่รองนายกฯมิ่งขวัญออกมาเรียกร้องให้ชาวนาขายข้าวได้แล้วจึงเป็นเรื่องตลกในวงการค้าข้าว"

โรงสีคาดแพ้ชนะราคาข้าวพุ่งต่อ

นายปราโมทย์ วานิชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมโรงสีข้าวไทย ให้ความเห็นว่า กระแสราคาข้าวแพงขณะนี้ถือเป็นความตื่นตระหนก จากราคาประมูลของ NFA ซึ่งถือเป็นราคาที่ "แพงเกินเหตุ" ซึ่งถึงที่สุดแล้ว ฟิลิปปินส์อาจจะไม่ยอมรับราคานี้หากเขายังมีสต๊อกพอบริโภคในประเทศ เพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเมื่อข้าวนาปรังเวียดนามเริ่มออกสู่ตลาด จะทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกลดลง

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าวิกฤตข้าวในฟิลิปปินส์ค่อนข้างรุนแรง ถึงฟิลิปปินส์ไม่ยอมรับราคานี้ NFA ก็จะนำปริมาณข้าวที่ต้องการซื้อในครั้งนี้ไปรวมกับการประมูลข้าวรอบหน้าในวันที่ 5 พฤษภาคม เท่ากับว่าตั้งแต่เวลานี้ไปจนถึงต้นเดือนพฤษภาคม ราคาข้าวทั้งในประเทศและตลาดโลกคงจะไม่ลดต่ำลงไปกว่านี้อีกแล้ว ขณะเดียวกันเชื่อว่าคนที่มีข้าวอยู่ในมือคงต้องรอดูการประมูลข้าวรอบใหม่ของ NFA และไม่ยอมปล่อยข้าวที่มีอยู่ในมือออกมาแน่

"จริงๆ แล้ว ผมคิดว่ากระทรวงพาณิชย์ควรจะเข้ามาทำอะไรบ้างแล้วเพราะราคาข้าวในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ส่งออกเร่งส่งออกข้าวถึงเดือนละ 1 ล้านตันต่อเนื่องมาหลายเดือนแล้ว ทั้งที่ผลผลิตข้าวในประเทศพอเพียงกับการส่งออกเพียงแค่ไม่เกิน 9 ล้านตัน ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ต้องคุมไม่ให้ผู้ส่งออกส่งข้าวออกเกินเป้าหมาย 9 ล้านตัน หากปล่อยให้ส่งออกไปถึง 12-13 ล้านตัน จะส่งผลกระทบทำให้ข้าวที่ใช้บริโภคในประเทศประมาณ 9-10 ล้านตันหายไป แน่นอนว่าเมื่อถึงวันนั้น อาจจะได้เห็นคนไทยต้องเข้าคิวซื้อข้าวเหมือนฟิลิปปินส์แน่" นายปราโมทย์ระบุ

จับตาแนวต้านราคาข้าว 1,000 เหรียญ

ด้านนางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ เลขาธิ การสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ ระบุว่า ราคาข้าวที่ปรับสูงขึ้นขณะนี้ไม่ได้เกิดจากการ "ปั่นราคา" ของผู้ส่งออกไทย แต่เนื่องจากราคาภายในประเทศสูง ผู้ส่งออกเสนอขายไป หากผู้ซื้อรับได้ ถือเป็นราคาจริงที่มีคนซื้อขาย

อย่างไรก็ตาม หากราคาที่ผู้ขายเสนอสูงเกินไป สุดท้ายเมื่อผู้ซื้อรับไม่ไหว อาจจะไม่ยอมซื้อ เช่น อินโดนีเซีย และอิหร่าน ผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ตัดสินใจ "รอ" ไม่ยอมสั่งซื้อข้าวในช่วงนี้

"การประมูลข้าว NFA ของฟิลิปปินส์ถือเป็นตัวทดสอบราคาข้าวว่า สุดท้ายแล้วผู้ซื้อจะรับราคาสูงขนาดนี้ได้หรือไม่ หากรับได้ ราคาข้าวอาจจะพุ่งต่อไปอีก แต่หากรับไม่ได้ ราคาข้าวจะลดลงเองตามกลไกตลาด" นางสาวกอบสุขระบุ

ทางด้านแหล่งข่าวจากวงการผู้ส่งออก ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การประมูลข้าว NFA ที่มีผู้ส่งออกไทยเสนอขายข้าวรวมกันเพียง 200,000 ตัน ทั้งที่ฟิลิปปินส์ต้องการถึง 500,000 ตันนั้น เห็นได้ชัดว่าผู้ส่งออกไทยขณะนี้อยู่ในภาวะเสี่ยงเช่นกัน แม้ว่าราคาข้าวจะปรับตัวขึ้นไปสูง แต่ไม่กล้าขาย เพราะไม่แน่ใจว่าหากขายไปแล้วจะหาข้าวไปส่งออกได้หรือไม่

ส่วนใหญ่จึงใช้วิธีหาซื้อข้าวและขนข้าวเข้ามาเก็บไว้ในโกดังก่อน อย่างน้อย 80% ของปริมาณที่คนซื้อต้องการแล้วจึงยอมขาย หรือบางรายถึงขนาดรวบรวมข้าวให้ได้ก่อนเป็นลอตเล็กๆ ตั้งแต่ไม่กี่ร้อยตันถึงพันตันแล้วจึงเสนอขายกับผู้ซื้อ

"คำถามก็คือ ถ้าเสี่ยงแล้วทำไมผู้ส่งออกข้าวไทยทั้ง 5 ราย (พงษ์ลาภ+ไทยฟ้า-นครหลวงค้าข้าว-ข้าวไชยพร-เอเซีย โกลเด้นไรซ์) ถึงยอมเสนอราคาขายข้าวสูงถึงขนาดนั้น นั้นหมายความว่า ผู้ส่งออกข้าวทั้ง 5 รายมีข้าวส่วนหนึ่งอยู่ในมือที่ไล่ซื้อมาตั้งแต่ต้นฤดูในราคาที่รับออร์เดอร์ส่งออกข้าวได้อยู่แล้ว ดังนั้นในวิกฤตจึงยังมีโอกาสในการขายข้าวอยู่ ไม่ได้หมายความว่า ผู้ส่งออกข้าวทุกคนจะขาดข้าวอยู่ในมือ หรือหาซื้อข้าวไม่ได้"

ซี.พี.ดิ้นออกรับซื้อข้าวถึงมือชาวนา

ในขณะเดียวกัน กลุ่มโรงสีข้าวกลับออกมาให้ข้อมูลที่แตกต่างจากผู้ส่งออกว่า จำนวนสต๊อกข้าวที่ผู้ส่งออกมีอยู่ในมือ ขณะนี้ถือว่า "สูงมากนับล้านตัน" เพราะ ผู้ส่งออกประมูลข้าวในสต๊อกรัฐบาลได้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ยังไม่ยอมนำออกมา กลับพยายามบีบให้โรงสีขายข้าวออกมาอย่างเดียว ที่ผ่านมายอมรับว่าโรงสีและชาวนามีอำนาจต่อรองน้อย

"แต่ในสถานการณ์นี้ วันที่ชาวนามาขายข้าว โรงสีต้องเลี้ยงกาแฟให้ชาวนา และเมื่อรับข้าวเรียบร้อยแล้ว ต้องจ่ายเงินสดให้ชาวนาทันที ดังนั้นเมื่อผู้ส่งออกต้องการมาซื้อข้าวจากโรงสี ต้องปรับตัวเช่นกัน ไม่ใช่ว่าจะเอาข้าวไปก่อนแล้วขอเครดิต 1-2 เดือน แต่เมื่อเอาข้าวไปแล้ว ต้องจ่ายเงินภายในไม่เกิน 7 วันให้กับโรงสีข้าว" แหล่งข่าวกล่าว

ขณะที่นายไตรรัตน์ อุดมศรีโยธิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการด้านจัดซื้อข้าวโครงการพิเศษ บริษัท ซีพี อินเตอร์เทรด จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาข้าวในตลาดโลกยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ส่งออกจึงปรับตัวหันมาซื้อข้าวโดยตรงกับเกษตรกรถึงท้องนา

ทาง ซี.พี.เองมีการซื้อข้าวกับเกษตรกรผ่านโรงสีเครือข่ายในจังหวัดกำแพงเพชร-นครสวรรค์ ราคาข้าวเปลือก 10,500-10,800 บาท/เกวียน โดยให้โรงสีเครือข่ายสีข้าวและรับซื้อคืนข้าวสารในราคา 25,500-26,000 ต่อตัน

"ขณะนี้บริษัทมีการรับซื้อข้าวไม่จำกัดจำนวนเพื่อรับซื้อให้มากขึ้น จาก 3 แห่ง เพิ่มเป็น 10 แห่ง ในอนาคตเราจะสร้างโรงสีเครือข่าย ทุกๆ 100 กิโลเมตรในแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งและรับซื้อผลผลิตข้าวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายไตรรัตน์กล่าว

คน.ชี้ผู้ส่งออกกุมสต๊อก 1.6 ล.ตัน

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ข้าวในมือผู้ส่งออกมีประมาณ 1.6 ล้านตัน โดยเป็นข้าวที่มีในสต๊อกผู้ส่งออก 800,000 ตัน และอีก 800,000 ตันเป็นข้าวที่ประมูลได้จากสต๊อกรัฐบาลเมื่อปลายปีก่อน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มารับมอบ ส่งผลให้รัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาข้าวจำนวนดังกล่าวเป็นมูลค่ามหาศาล วันนี้ผู้ส่งออกไทยไม่ควรอ้างว่าราคาเสนอขายข้าวขาว 25% ที่เวียดนามเสนอที่ตันละ 1,200 เหรียญสหรัฐ เป็นราคาที่สูงเกินจริง
http://matichon.co.th/prachachat/pracha ... ionid=0201
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news23/04/08

โพสต์ที่ 165

โพสต์

ครม.ขอ12ปีใช้หมื่นล้าน ขึ้นมหาอำนาจทางเกษตร  

ครม.ขอ12ปีใช้หมื่นล้าน
ขึ้นมหาอำนาจทางเกษตร
เพิ่มที่ดินปลูกข้าว-พืชพลังงาน
นายกฯฉุนด่าเวิลด์แบงก์"xx-กู"


พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 22 เมษายนว่า ครม.เห็นชอบยุทธศาสตร์รองรับวิกฤตอาหารและพลังงานโลกตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการเรื่องอาหารและพลังงานรองรับสถานการณ์วิกฤตอาหารและพลังงานโลกขึ้นมาดูแล มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน

ตั้งกก.ดันไทยเป็นบิ๊กสินค้าเกษตร

สำหรับคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่กำหนดมาตรการและแนวทางพัฒนาการผลิตและการตลาดของสินค้าอาหารและพลังงาน รวมถึงสนับสนุนการศึกษาวิจัย แปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และกำหนดพื้นที่เพาะปลูกที่ชัดเจนระหว่างพืชอาหารและพืชพลังงาน ดูแลเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมจากการเช่าพื้นที่ทำการเกษตร ควบคุมปริมาณการผลิตออกสู่ตลาด ทำให้ผู้บริโภคได้บริโภคอาหารในราคาพอเหมาะ และถ้าสามารถผลิตพืชทดแทนมาเป็นพลังงานได้ เราก็จะลดนำเข้าสินค้าพลังงาน

"ถ้าเราผลิตครบวงจรมีการดูแลเป็นอย่างดี ไทยจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจด้านสินค้าเกษตร ฉะนั้น ครม.จึงถือเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนระยะสั้นระยะยาวเพื่อให้แก้วิกฤตอาหารและพลังงานเกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด"พล.ต.อ.วิเชียรโชติกล่าว

จัดที่ราชพัสดุให้ชาวนาเช่า20บ./ปี

นอกจากนี้ รัฐบาลยังเห็นความสำคัญเรื่องพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งเกษตรกรมีปัญหาไม่มีที่ดินของตัวเอง ดังนั้น ครม.จึงมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีแสดงความคิดเห็น ให้กระทรวงการคลังไปสำรวจพื้นที่ราชพัสดุทั่วประเทศ ที่ไม่ได้ใช้ทำกิจกรรม ไม่อยู่ในเขตป่าสงวน ให้นำมาจัดสรรให้เกษตรกรเช่าปลูกพืชอาหารและพืชพลังงานในอัตรา 20 บาทต่อปี รวมถึงปัญหาปุ๋ยแพง ซึ่งนายกฯจะใช้โอกาสที่ได้พบผู้นำต่างประเทศหาแหล่งปุ๋ยถูกมาให้เกษตรกรไทย

ครม.ทุ่มหมื่นล.ผลักดันยุทธศาสตร์

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.เห็นชอบยุทธศาสตร์รองรับวิกฤติอาหารโลกระยะเวลา 12 ปี ใช้งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท วางเป้าหมายให้ปรับโครงสร้างบริหารการดูแลพื้นที่เกษตรให้ชัดเจนภายใน 2 ปี ส่วนระยะกลาง 5 ปี นอกจากนี้ ยังมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดูรายละเอียดการออกกฎข้อบังคับควบคุมพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรที่มีอยู่ 130 ล้านไร่ ไม่ให้นำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น เพื่อส่งเสริมให้ปลูกสินค้าเกษตรทั้งปาล์ม มันสำปะหลัง พืชพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพื้นที่การปลูกข้าวให้เพิ่มขึ้นจาก 57 ล้านไร่เป็น 60 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มผลผลิตให้ได้ 30 ล้านตันข้าวเปลือก

จี้มท.ใช้กม.เช่าที่ดินดูแลเกษตรกร

นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเป็นห่วงเรื่องราคาสินค้าเกษตร จึงเน้นให้มีการบริหารจัดการให้เหมาะสม โดยเป้าหมายหลักต้องการให้คนในประเทศมีอาหารบริโภคอย่างเพียงพอ ส่วนการส่งออกเป็นเป้าหมายรอง ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นไปตามข้อเรียกร้องจากที่ประชุมธนาคารโลก ที่ให้ประเทศต่างๆร่วมแก้วิกฤติอาหารโลก นอกจากนี้ ที่ประชุมกำชับให้กระทรวงมหาดไทยใช้ พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อการเกษตร 2524 อย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้เจ้าของที่ดินบอกเลิกสัญญากับเกษตรกรอย่างกะทันหัน เพื่อฉวยโอกาสในช่วงราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นจนทำให้เกษตรกรเดือดร้อน เพราะหากเจ้าของที่ทำผิดกฎหมายมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 50,000-500,000บาท

หมักของขึ้นอัดเวิล์ดแบงค์

ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังประชุมครม.ถึงสถานการณ์น้ำมันแพง และรายงานของธนาคารโลกที่ระบุถึงสถานการณ์ขาดแคลนอาหารและพลังงานทั่วโลกว่า ที่ประชุมครม.ได้นำเรื่องวิกฤติน้ำมันและพลังงาน รวมถึงเรื่องอาหารเข้าหารือเป็นวาระแรก รวมถึงหาทางออกเรื่องปุ๋ยแพง ซึ่งตนอยากให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น นอกจากประหยัดแล้วยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนในภาวะน้ำมันแพงอย่างไร นายสมัครกล่าวว่า เราพยายามดูแลทำทุกอย่าง จะดูสิจะบ้าไปขนาดไหน เมื่อก่อนบอกถึง 100 ก็บ้ากันแล้ว ตอนนี้มาถึง 117 ตนถามนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรมว.คลังว่า เวลาพวกเวิร์ลแบงค์ มันพูดกัน ด่ามันบ้างหรือเปล่า

"มันมาด่าเราว่าเอาพื้นที่ปลูกข้าวไปปลูกอะไร ไปปลูกพืชน้ำมัน ปลูกอย่างโน้นอย่างนี้ ผมบอกแล้ว ว่ามันหรือเปล่าว่าพวกมึงค้าน้ำมันกันแบบนี้ไม่มีเหตุผล ขึ้นเอาๆ แบบไม่มีเหตุผล ถามหรือเปล่า เขาบอกเขาพูดนอกวงไม่ได้พูดในที่ประชุม แต่หนังสือไทยก็เอาสิ บอกว่านายกรัฐมนตรีไทยบ่นว่า พวกไปสุมหัวประชุมเวิร์ลแบงค์ พูดกัน แต่มาดูแคลนเรื่องอาหารการกินกลัวโลกจะขาดแคลน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาชี้แจงบอกให้ช่วยดูผลิตผลหน่อย แล้วไอ้พวกขายน้ำมันทำเศรษฐกิจโลกปั่นป่วนช่วยจัดการบ้างหรือเปล่า ไม่มีเหตุผลขึ้นราคากันตามใจชอบทำเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน พอข้าวแพงหน่อยทำมาชี้นิ้วว่า อย่าไปปลูกเพื่อแทนน้ำมัน"นายสมัครกล่าว

น้ำมันแพง-สต็อกข้าวลดดันราคาพุ่ง

ในส่วนนายสุเมธ เหล่าโมราพร รองกรรมการผู้จัดการบริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ซีพี อินเตอร์เทรด เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวถึงสถานการณ์ข้าวปัจจุบันเป็นวิกฤตหรือโอกาสของข้าวไทยว่า ในวันที่ 5 พฤษภาคม ฟิลิปปินส์จะเปิดประมูลข้าวขาว 25% อีก 5 แสนตัน จะส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ 1,400 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทั้งนี้ ความต้องการข้าวในตลาดโลกยังมีสูง บางประเทศยังไม่สั่งซื้อ เช่น อิรัก อิหร่านและอินโดนีเซีย ขณะที่ปริมาณสต็อกข้าวโลกลดลง โดยช่วงต้นปี 2551 สต็อกข้าวมีปริมาณเพียง 77 ล้านตัน แต่ความต้องการบริโภคอยู่ที่ 450 ล้านตัน คิดเป็น 17 % ของความต้องการบริโภคทั่วโลก ส่งผลให้ผู้บริโภคบางประเทศซื้อข้าวเพิ่มขึ้นจาก 3 ถุงเป็น 6 ถุง เพราะเกรงข้าวล็อตใหม่ที่จะสั่งซื้อจะมีราคาแพงขึ้น

นายสุเมธกล่าวด้วยว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นแตะ 120 เหรียญต่อบาร์เรลเป็นแรงผลักดันให้ความต้องการพืชที่จะนำไปผลิตพลังงานทดแทนมากขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับขึ้นตาม โดยเฉพาะราคาข้าว ทำให้ผู้ประกอบการข้าวถุงต้องปรับขึ้นราคาข้าวถุง 5 กิโลกรัม ซึ่งทางบริษัทฯจำหน่ายข้าวตราห้างฉัตร ได้ปรับขึ้นราคาจำหน่ายแล้ว ขณะนี้ราคาข้าวหอมมะลิราคาอยู่ที่ 190-195 บาทต่อ 5 กิโลกรัม ข้าวขาวราคาอยู่ที่ 170บาทต่อ 5 กิโลกรัม

มีสิทธิ์ซื้อข้าวถุงละ200บ.

ผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด เครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังกล่าวยอมรับว่า ราคาข้าวหอมมะลิบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัม ที่วางจำหน่ายในห้างค้าปลีกอาจจะขยับราคาขึ้นถึง 200 บาทต่อถุง เนื่องจากต้นทุนราคาข้าวสารที่ปรับสูงขึ้นอยู่ที่ กิโลกรัมละ 35 บาท ทำให้ราคาต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 170-180 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม เมื่อบวกค่าขนส่ง ก็น่าจะทำให้ราคาข้าวถุงขยับราคาใกล้เคียง 200 บาท แต่สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยยืนยันว่า จะผลิตข้าวถุงให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค และมั่นใจจะไม่เกิดภาวะขาดแคลนอย่างแน่นอน

บิ๊กซีรับข้าวถุงไม่พอจำหน่าย

ด้านน.ส.จริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์จำหน่ายข้าวถุง ว่า ความต้องการซื้อข้าวถุงของบิ๊กซีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวัน 10-25% ขณะที่ราคาข้าวถุงทุกยี่ห้อที่ส่งมาจำหน่ายในห้างเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10-30% ตามภาวะตลาด แต่ปริมาณยังไม่เพียงพอจำหน่ายตามความต้องการ โดยผู้ผลิตแจ้งว่าไม่มีสต็อกเพียงพอ จากเดิมห้างบิ๊กซีมีผู้ประกอบการข้าวถุงส่งสินค้าให้มากกว่า 20 ยี่ห้อ ขณะนี้เหลือเฉลี่ยต่อวัน 5-6 ยี่ห้อ และจำนวนข้าวที่ส่งจากเดิมขณะนี้เหลือไม่ถึง 50% แม้ห้างฯ จะลดการคิดเครดิตเทอมจาก 60-80 วัน เหลือไม่เกิน 30 วัน แต่ห้างยังไม่ได้รับข้าวเพียงพอต่อความต้องการ ห้างฯ จึงจำกัดการซื้อของผู้บริโภค โดยให้เฉลี่ยครอบครัวละไม่เกิน 3 ถุง และราคาที่จำหน่ายในปัจจุบันข้าวขาว 5% ขนาด 5 กิโลกรัม ประมาณ 150 บาท ข้าวหอมมะลิ 100 % ราคา 180-210 บาท นอกจากปัญหาข้าวไม่เพียงพอแล้ว สินค้าที่จะตามมาคือ ราคาน้ำมันถั่วเหลือง ที่มีแนวโน้มปรับราคาขึ้น ทำให้น้ำมันถั่วเหลืองบางยี่ห้อมีปริมาณ

พาณิชย์เข็นธงฟ้าสินค้าเกษตรฯ

ส่วนนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 25 เมษายน - 4 พฤษภาคม กรมฯจัดงาน"ธงฟ้า Outlet Sale" ที่อาคารแสดงสินค้า กรมส่งเสริมการส่งออก ถ.รัชดาภิเษก โดยนำสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรงในราคาถูก อาทิ ข้าวสาร เนื้อสุกร ผัก ผลไม้ อาหารสำเร็จรูป ต่างๆ เสื้อผ้า เครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน

สหรัฐ-IMFโวยปท.ห้ามส่งออกข้าว

มีปฏิกิริยาจากต่างประเทศที่ออกมาติงมาตรการห้ามส่งออกข้าวของผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก รวมถึงไทยด้วย โดยนายไมเคิล ยอสต์ ผู้บริหารของสำนักงานบริการด้านเกษตรต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลต่างๆควรหลีกเลี่ยงการกำหนดมาตรการห้ามส่งออกเพื่อปกป้องผู้บริโภคในประเทศจากราคาอาหารที่พุ่งขึ้น แต่ควรลงทุนเพื่อเพิ่มผลผลิต โดยปรับปรุงการผลิต ศึกษาด้านพันธุศาสตร์ที่ดีขึ้น ใช้เทคโนโลยีการเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ทันสมัย และการใช้ชลประทานระบบน้ำหยดอย่างกว้างขวางขึ้น นอกจากนี้ การห้ามส่งออกเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ที่ทำให้เกิดการจำกัดทางการค้า ทำให้ประชาชนกักตุนอาหาร

เช่นเดียวกับ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แถลงในทางเดียวกันว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่ควรที่จะใช้ระบบโครงข่ายความคุ้มครองทางสังคมช่วยเหลือผู้บริโภคที่ต้องรับมือราคาอาหารที่แพงขึ้น แทนที่จะใช้วิธีการบิดเบือนตลาดผ่านทางการจำกัดปริมาณการส่งออกข้าว

ปากว่าตาขยิบฉวยขายข้าวเอง

นางอลิซาเบธ วอร์ด ประธานและซีอีโอของสหพันธ์ข้าวสหรัฐ กล่าวว่า ผู้ส่งออกข้าวสหรัฐกำลังขายข้าวมากยิ่งขึ้นในตลาดใหม่ๆ อย่างในจอร์แดน และตุรกี หลังจากประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่จำกัดปริมาณการขายข้าวเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อด้านราคาอาหารภายในประเทศ รวมถึงฟิลิปปินส์ที่ซื้อข้าวจากสหรัฐเป็นมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์ในลักษณะข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างสองประเทศครั้งแรก แสดงให้เห็นว่า ประเทศที่ต้องการข้าวจะแสวงหาจากผู้ขายข้าวอย่างจริงจังในที่ใดก็ตามที่สามารถหาได้ ทั้งนี้ ราคาข้าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอีกประมาณ 1-2 ปี
http://www.naewna.com/news.asp?ID=105657
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news24/04/08

โพสต์ที่ 166

โพสต์

ราคาข้าวล่วงหน้าที่ชิคาโก้พุ่งทำลายสถิติครั้งใหม่ของโลก
ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าเดือนก.ค. 51 ซื้อขายที่ตลาดล่วงหน้าชิคาโก้ (ซีบอท) คืนที่ผ่านมา พุ่งขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ที่ 24.85 เหรียญต่อ 100 ตัน หรือ เพิ่มขึ้น 2.5% ส่งผลให้ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าที่ตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่านับตั้งแต่เดือนก.ย. 50 ในขณะที่ราคาส่งมอบข้าวปัจจุบันถีบตัวสูงมากกว่า 80% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้นักค้าข้าวในตลาดส่งมอบล่วงหน้ามองว่า มีโอกาสสูงที่ราคาข้าวจะทะยานขึ้นแตะ 30 เหรียญต่อ 100 ตัน

วอลล์มาร์ทสั่งห้ามซื้อข้าวเกินคนละ 4 ถุง
วอลล์มาร์ท ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่อันดับ 1 ของสหรัฐฯและของโลก ประกาศมาตรการจำกัดจำนวนการซื้อข้าวถุงขนาด 9 กก. บางชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ และข้าวบาษมาติ ในห้างทุกสาขา โดยอนุญาตให้ซื้อได้เพียงคนละ 4 ถุง หลังจากราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าที่ตลาดชิคาโก้พุ่งทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างไม้สิ้นสุด ซึ่งมีสาเหตุมาจากความกังวลที่ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่หลายแห่งรวมตัวกันไม่ส่งออกข้าว เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อในประเทศ

บราซิลสั่งหยุดส่งออกข้าวชั่วคราวหวั่นคนบราซิลไม่พอกิน
นายไรโฮลด์ สตีเฟ่น รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของบราซิล ตัดสินใจประกาศหยุดการส่งออกข้าวจากบราซิลไปยังตลาดโลกชั่วคราว เพื่อต้องการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวบราซิลว่า จะมีปริมาณข้าวบริโภคในประเทศอย่างเพียงพอในช่วง 6-8 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของบราซิลชี้ว่า หลายประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกตัดสินใจยกเลิกการส่งออกข้าว ซึ่งทำให้ที่สุดแล้วบราซิลก็ต้องพิจารณาไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้ราซิลไม่สามารถประมูลข้าวเพื่อขายให้ประเทศในกลุ่มละตินอเมริกาและแอฟริกาได้ในจำนวน 5 แสนตัน

กลุ่มประเทศละตินลงขันตั้งกองทุนแก้วิกฤติราคาข้าว
กลุ่มประเทศในละตินอเมริกานำโดย ประธานาธิบดีฮูโก้ ชาเวสแห่งเวเนซูเอล่า ประกาศตัวเป้นแกนนำในการจัดทำโครงการแก้ไขวิกฤติราคาข้าวแพงและปัญหาความยากจนมูลค่า 100 ล้านเหรียญ หรือราว 3.2 พันล้านบาท โดยร่วมกับประเทศโบลิเวียและนิคารากัว ทั้งนี้ ผู้นำสูงสุดแห่งเวเนซูเอล่า ออกมาประณามภาวะวิกฤติราคาอาหารแพงเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้ว่า เปรียบเสมือนเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนยากจนทั่วโลก และยังเป็นจุดตกต่ำของเศรษฐกิจทุนนิยมของชาติตะวันตกที่เป็นต้นเหตุครั้งนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news25/04/08

โพสต์ที่ 167

โพสต์

แนวโน้มดี...แต่ตอนนี้แพง

25 เมษายน พ.ศ. 2551 00:00:00

กระแสการเล่นหุ้นเล็กในกลุ่มเกษตรและอาหารเครื่องดื่ม ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และหนาแน่นจากเหตุของการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลก ซึ่งหวั่นเกรงกันว่าโลกจะประสบกับการขาดแคลนอาหารรอบใหญ่ในปีนี้ถึงปีหน้า

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
จากการลดลงของพื้นที่เพาะปลูก การปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ การเพิ่มขึ้นของประชากร ภัยแล้ง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของจีนและอินเดีย จากการที่ประชาชนเริ่มอยู่ดีกินดีเพิ่มขึ้น (การเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค) กระแสการตื่นตัวของราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะ ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด เริ่มส่งผลอย่างรุนแรงไปยังการเล่นสินค้าเกษตรล่วงหน้าในตลาดชิคาโกของบรรดานักเก็งกำไร ที่ไม่ต่างจากการเข้าเก็งกำไรในตลาดน้ำมันก่อนหน้านี้ โดยปริมาณการเข้าซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้าบางรายการอย่างข้าว มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ คือปริมาณสัญญาการซื้อเพิ่มขึ้นถึง 219% สัญญาทั้งปี 2550 มีเพียง 25,572 สัญญา เริ่มเฉพาะต้นปี 2551 ถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 81,619 สัญญา) ส่วนข้าวสาลีเพิ่มขึ้นถึง 137%

๐ แรงซื้อทั้งที่เป็นความต้องการที่แท้จริง และแรงซื้อเก็งกำไรในสินค้าเหล่านี้ ถือเป็นผลดีต่อผู้ผลิตในประเทศไทยอย่างน้อยต่อไปถึงปีหน้า เพราะดูแล้ว แหล่งผลิตสำคัญๆ ในเอเชียอย่างอินเดีย จีน เวียดนาม กำลังออกนโยบายลดการส่งออกข้าว เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนในประเทศ ประกอบกับปีนี้ภัยแล้งน่าจะไม่ยิ่งหย่อนกว่าปีที่ผ่านๆ มา ตรงนี้จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตร และอื่นๆ ปรับตัวขึ้น ภาวะที่ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้น ผู้ผลิตคือชาวนาจะได้ประโยชน์ แต่ที่น่าจะได้ประโยชน์กว่านั้น น่าจะเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป ทั้งจากข้าว น้ำมันปาล์ม อ้อย และข้าวโพด เนื่องจากสามารถผลักภาระของต้นทุนวัตถุดิบไปยังผู้บริโภค จากผลของภาวะเงินเฟ้อนั่นเอง

๐ รูปด้านซ้ายเราแสดงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของ CRB กับดัชนีกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พบว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จะตอบสนองกับการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าในตลาดโลกได้ดีกว่ากลุ่มสินค้าเกษตร และเมื่อจับเอาเงินเฟ้อมาเปรียบเทียบกับดัชนีกลุ่มอาหารเครื่องดื่ม พบว่าในช่วงตั้งแต่ปี 2546 ถึง 2551 อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อดัชนีกลุ่มอาหารเครื่องดื่มถึง 0.41 (ค่าสหสัมพันธ์) ตรงนี้แสดงว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ผลิตในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ปรับราคาสินค้า ซึ่งเริ่มเห็นได้ชัดในช่วงปลายปี 2550 ผลจากแนวโน้มที่ราคาสินค้าของผู้ผลิตในกลุ่มนี้จะได้ปรับราคาสินค้าขึ้นไปอีก จนที่สุดจะทำให้ผลดำเนินงานดีขึ้นตามลำดับ ทำให้เกิดแรงซื้อหุ้นในกลุ่มนี้เข้ามามากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในตลาดหุ้นไทย ดังจะเห็นได้จากราคาหุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มต่างปรับตัวขึ้นมามากตั้งแต่ต้นปี 2551 ถึงปัจจุบันแล้วแต่ว่าหุ้นนั้นๆ จะเกี่ยวโยงกับราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกมากหรือน้อย ซึ่งแน่นอนที่สุดตอนนี้ทุกคนมุ่งไปที่แหล่งคาร์โบไฮเดรต และพืชทดแทนน้ำมัน

๐ ระดับราคาหุ้นผู้ผลิตน้ำมันพืชของไทยตั้งแต่ต้นปี ถึงปัจจุบันทุกตัว Outperform กว่า SET นำโดย LST TVO CPI UPOIC และ UVAN โดยระดับราคาปรับตัวขึ้นตั้งแต่ 20 ถึง 100% เหตุที่มองว่าระดับราคาหุ้นในกลุ่มนี้เริ่มจะแพง เนื่องจากมองว่าอัตราการทำกำไรของบริษัทเหล่านี้จะตามไม่ทัน และบางตัวโดยพื้นฐานแล้ว ยังถือว่าไม่ชัดเจนที่พอจะมีพื้นฐาน และมีนักวิเคราะห์เข้าไปวิเคราะห์ก็จะมีแต่ TVO และ KSL โดยพื้นฐาน แล้วในปีนี้คาดว่า TVO จะมีกำไรสุทธิที่ประมาณ 1,505 ล้านบาท EPS ที่ 2.41 บาท ราคาหุ้นปัจจุบัน 21.5 บาท บริษัทจะเทรดกันที่ค่า P/E ปี 2551 ที่ 8.9 เท่าเทียบกับค่า P/E ของผู้ผลิตน้ำมันปาล์มในมาเลเซียที่ 9.4 เท่า ดังนั้นโอกาสที่ระดับราคาจะขึ้นไปอีกเทียบเท่าค่า P/E ในมาเลเซีย จะอยู่ที่ 22.7 บาท ถือว่าเหลือ Gap น้อยมาก และแนะนำเล่นเก็งกำไร ส่วนตัวอื่นๆ ให้ระวังแรงขายทำกำไร

๐ ความเด่นของหุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มหรือแม้แต่กลุ่มเกษตร แม้จะยังมีปัจจัยหนุนอยู่แต่เมื่อกลับมาดูระดับราคาหุ้นเทียบกับความสามารถในการทำกำไรในหุ้นหลายๆ ตัว จะพบว่าเริ่มแพง คือความสามารถในการทำกำไรเริ่มตามไม่ทันราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปแล้ว ดังจะเห็นได้จากค่า P/E ของหุ้นในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มในขณะนี้ เทรดกันที่ค่า P/E สูงที่สุดเท่าที่ปรากฏมา (จากรูปล่างขวา) ตรงนี้ย้ำว่าให้ระวังแรงขายทำกำไรออกมา และเลือกตัวเล่นอย่าง KSL เนื่องจากจะมีรายได้จากการสร้างโรงน้ำตาลแห่งใหม่ การเพิ่มกำลังการผลิตเอทานอล และโรงผลิตไฟฟ้า คาดว่าในปี 2551 บริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ประมาณ 1,087 ล้านบาท EPS ที่ 0.7 บาท โดยมีราคาเป้าหมายที่ 16 บาทเพิ่มจากเดิมที่ 14.5 บาท

Stock Hilight: เกียรติก้อง เดโช

ที่มา:บล.ซิกโก้
http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/2 ... sid=251487
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news25/04/08

โพสต์ที่ 168

โพสต์

ประเมินทิศทางราคาข้าวแพงยาว5ปี

โพสต์ทูเดย์ นักวิชาการไทย ฟันธง แนวโน้มราคาข้าวแพงต่อเนื่องไปอีก 5 ปี


นายนิพนธ์ พัวพงศกร คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง สถานการณ์ราคาข้าว : โอกาสของชาวนาไทย ว่า ราคาข้าวแพงจะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ใช่เกิดขึ้น ปีเดียว แต่จะต่อเนื่องอีก 5 ปี สวนทางกับนักวิจัยในต่างประเทศที่ระบุว่า สถานการณ์ราคาข้าวจะแพง ต่อเนื่องไปถึง 10 ปี

ตอนนี้ราคาข้าวปรับสูงขึ้นไปเหมือนฟองสบู่ จึงเป็นโอกาสทองของไทย แม้ว่ากลางปีนี้ ประเทศเวียดนามจะมีผลผลิตออกมา แต่ยังไม่ทราบปริมาณที่แท้จริง และอาจทำให้ราคาข้าวอ่อนตัวลงเพียงเล็กน้อย เพราะปริมาณความต้องการทั่วโลกยังสูง นายนิพนธ์ กล่าว

ด้านนายสมพร อิศวิลานนท์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า สาเหตุที่ข้าวแพง เนื่องจากปริมาณสต๊อกข้าวโลกลดลงจาก 140 ล้านตันในปี 2544 เหลือต่ำกว่า 60 ล้านตันในปัจจุบัน โดยราคาข้าวหอม มะลิเดือน เม.ย. ปีนี้ เทียบกับปีที่แล้ว ปรับสูงขึ้นจาก 8,526 บาท/ตัน เป็น 1.9 หมื่นบาท/ตัน เพิ่มขึ้น 123%

สำหรับข้าว 15% เพิ่มจาก 5,769 บาท/ตัน เป็น 1.46 หมื่นบาท/ตัน หรือเพิ่มขึ้น 153% ซึ่งในยุค ที่ข้าวราคาแพงชาวนาไม่ควรหลงระเริงใช้จ่ายเงิน แค่ควรนำไปจ่ายหนี้ เพราะเมื่อราคาข้าวลงจะมีหนี้เพิ่มและควรเก็บข้าวไว้รับประทานด้วย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีที่ญี่ปุ่นมีการล้มประมูลข้าว มองว่าไม่เป็นเรื่องที่น่ากลัวทางการค้าข้าว เพราะขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดเสนอประมูลซื้อข้าว

นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การกำหนดราคาข้าวสารจำเป็นต้องผูกพันกับราคาข้าวเปลือก ให้ มีจุดคุ้มทุนที่เกษตรกรอยู่ได้และ มีกำลังใจพัฒนาคุณภาพข้าว
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=234400
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 6

news29/04/08

โพสต์ที่ 169

โพสต์

ลุ้นครม.วันนี้ขึ้นน้ำตาล5บาท/กก.

โพสต์ทูเดย์ จับตา ครม.ขึ้นราคาน้ำตาล 5 บาท/กก. อุ้มชาวไร่ ลือ สุวิทย์ สั่งโรงงานหยุดขายชั่วคราวรอราคาใหม่เพื่อทำกำไร


แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาห กรรม เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 29 เม.ย. นี้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาห กรรม จะเสนอให้มีการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำตาลทรายอีก 5 บาท/กก. ตามมติของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.)

การปรับราคาครั้งนี้จะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำตาลทรายจากปัจจุบันอยู่ที่ กก.ละ 17.50 บาท เป็น 22.50 บาท/กก. น้ำตาลทรายขาวธรรมดาจาก 16.50 บาท/กก. เป็น 21.50 บาท/กก. และน้ำตาลสีรำจาก 16 บาท/กก. เป็น 22 บาท/ก.ก.

ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าบรรจุภัณฑ์อีก 75 สต./กก. และเป็นราคาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนราคาในต่างจังหวัดจะเป็นราคาที่บวกเพิ่มขึ้นตามค่าขนส่งด้วย

การปรับขึ้นราคาดังกล่าวจะทำให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มมา 6,500 ล้านบาท ซึ่งในหลักการจะต้องนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้คืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ที่ยังมีหนี้เก่าค้างอยู่ 1.7 หมื่น ล้านบาท

แต่ในที่ประชุมมีการถกเถียงระหว่างชาวไร่กับโรงงานน้ำตาล เนื่องจากชาวไร่ต้องการได้เงินบางส่วนจากการขึ้นราคาเข้าสู่ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ ไม่ใช่นำเงินไปใช้หนี้เก่าให้ ธ.ก.ส.ทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่า นายสุวิทย์ ได้สั่งการให้โรงงานน้ำตาล 47 แห่ง ระงับการจำหน่ายน้ำตาลโควตา ก. (ขายในประเทศ) โควตา ข. (เพื่อส่งออกโดยบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย) และโควตา ค. (ส่งออกโดยโรงงานน้ำตาล) เป็นการชั่วคราว จนกว่ามติการปรับขึ้นราคาน้ำตาลจะผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้โรงงานรอจำหน่ายราคาน้ำตาลใหม่ที่จะได้กำไรเพิ่มขึ้น

นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในวันที่ 29 เม.ย. จะเสนอขอปรับราคาอ้อยขั้นต้นเพิ่มอีก 107 บาท/ตันอ้อย เป็น 807 บาท/ตันอ้อย ส่วนจะมีการขึ้นราคาน้ำตาลอีก หรือไม่ อยู่ที่ กอน.ที่จะเสนอมา

สำหรับกรณีที่มีข่าวสั่งโรงงานน้ำตาลระงับห้ามจำหน่ายน้ำตาลนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อตรวจสอบตัวเลขปริมาณน้ำตาลทรายที่มีอยู่ในโรงงานว่ามีจำนวนเท่าใด เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=235079
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

อาหาร

โพสต์ที่ 170

โพสต์

หุ้นอาหาร ดาวรุ่ง หรือ ดาวร่วง?

Posted on Thursday, October 28, 2010
สมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นน่าจะทำให้มีพื้นที่การเกษตรเสียหายสูงสุดในรอบ 15 ปี และส่งผลให้ผลผลิตข้าวลดลง แต่การประเมินความเสียหายที่แท้จริงน่าจะต้องเกิดขึ้นภายหลัง อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการข้าวถุงจะยังไม่ขึ้นราคาภายในปีนี้ เพราะโดยปกติแล้วจะสต็อกสินค้าล่วงหน้า 1-2 เดือน และอาจต้องประเมินสถานการณ์กันใหม่อีกครั้งในต้นปีหน้า

ปัจจุบันไทยยังคงเป็นเจ้าตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิ ซึ่งถือเป็นข้าวระดับคุณภาพ มีราคาเฉลี่ยประมาณ 30 บาทต่อกิโลกรัม แต่ข้าวที่เป็นที่ต้องการในตลาดโลกคือข้าวขาว มีราคาเฉลี่ย 12 14 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งเวียดนามถือเป็นคู่แข่งที่สำคัญ มีผลผลิตต่อไร่สูงกว่าไทยถึง 150%


อดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) กล่าวว่า โดยรวมแล้วธุรกิจอาหารและเกษตรยังเป็นที่ต้องการทั่วโลก และความผันผวนของสภาวะอากาศ ทำให้อาหารมีแนวโน้มที่จะมีราคาสูงขึ้นได้ เนื่องจากต้นทุนแพงขึ้นจากสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่การปรับเพิ่มขึ้นของราคาสินค้า ก็จะต้องพิจารณาด้วยว่า สินค้านั้น ๆ เป็นที่ต้องการของตลาดมากน้อยเพียงใด และผู้บริโภคสามารถรับได้หรือไม่

ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินบาทอาจส่งผลกระทบกับผู้ส่งออกขนาดกลางและเล็กมากกว่ารายใหญ่ แต่ก็จะต้องขึ้นอยู่กับประเทศคู่ค้าด้วย โดยหากขายสินค้าให้กับอาเซียนหรือญี่ปุ่น อาจไม่มีปัญหาเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนมากเท่ากับการขายให้กับสหรัฐฯหรือยุโรป

อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินบาทถือเป็นโอกาสที่ผู้ประกอบการจะต้องสร้างให้เกิดประโยชน์ ด้วยการหาวิธีเพิ่มมูลค่าสินค้า นำเข้าเครื่องจักร หรือย้ายไปลงทุนในต่างประเทศเป็นการทดแทน ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับศักยภาพของผู้ผลิตแต่ละรายว่าสามารถรับภาระหรือปรับตัวได้ในระดับใด

จิตรา อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซียไซรัส บอกว่า ในช่วง 2 ปีมานี้ และต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ยังคงให้น้ำหนักหุ้นในกลุ่มสินค้าเกษตรและอาหารในระดับ Over Weight เนื่องจากแนวคิดครัวไทยไปครัวโลก ยังคงได้รับการสานต่อ และเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตามหุ้นในกลุ่มนี้ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมีอยู่ไม่กี่ตัว เพราะหุ้นส่วนใหญ่ขาดสภาพคล่อง

ทั้งนี้ หุ้นที่บล. ฟินันเซียไซรัสแนะนำให้ลงทุนคือ บมจ. น้ำมันพืชไทย (TVO) ซึ่งได้ประโยชน์จากแนวโน้มราคาถั่วเหลืองขาขึ้น บมจ. ไทยยูเนี่ยนโฟรเซ่นโปรดักส์ (TUF) ซึ่งมีศักยภาพด้านธุรกิจที่แข็งแกร่ง และบมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ที่มีข้อได้เปรียบตรงที่มีสินค้าครบวงจร ส่วนหุ้น บมจ. จีเอฟพีที (GFPT) อาจจะเหมาะสำหรับลงทุนในกลางปีหน้า เพื่อรอรับประโยชน์ในปีถัดไปมากกว่า

ติดตาม Hard Topic ทุกวันจันทร์ ศุกร์ เวลา 13.00 น. ออกอากาศซ้ำ เวลา 19.00 น. ทาง Money Channel
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Har ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

กลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร

โพสต์ที่ 171

โพสต์

สภาอุตฯห่วงธุรกิจอาหารทะเลทรุด

Posted on Tuesday, November 02, 2010
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) บอกว่า สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจด้านอาหารทะเล และสินค้าภาคการเกษตร เช่น ธุรกิจประมง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา เนื่องจากเป็นช่วงฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิต และเป็นช่วงที่คำสั่งซื้อจากทั้งในและต่างประเทศเข้ามาจำนวนมาก ดังนั้น ส.อ.ท.จะต้องติดตามผลกระทบอย่างใกล้ชิด แต่ขณะนี้ยังไม่ประเมินความเสียหายได้ เนื่องจากไม่สามารถติดต่อกับผู้ประกอบการในพื้นที่ได้ครบ

นายพยุงศักดิ์ บอกด้วยว่า มาตรการช่วยเหลือเบื้องต้น ส.อ.ท.จะเจรจากับผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ให้ลดค่าซ่อมยานพาหนะ รวมทั้งซ่อมจักรยานยนต์ให้ฟรี ขณะที่จะมีการเจรจาผู้ประกอบการขายวัสดุก่อสร้างภายในสัปดาห์หน้า ให้จำหน่ายสินค้าราคาต่ำเป็นพิเศษให้กับผู้ที่เดือดร้อนด้วย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

กลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร

โพสต์ที่ 172

โพสต์

อินเดียนำเข้ายางพาราปีนี้พุ่ง 18%

Posted on Friday, November 12, 2010
สมาคมผู้ผลิตยางรถยนต์แห่งประเทศอินเดีย บอกว่า อินเดียจะนำเข้ายางพาราจำนวนกว่า 200,000 ตันในปีนี้ เพิ่มขึ้น 18% จากระยะเดียวกันของปีก่อนที่ หลังปริมาณผลผลิตยางพาราในประเทศลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำฝนมีมากกว่าปกติ ประกอบกับผู้ผลิตยางรถยนต์จำเป็นต้องเพิ่มการผลิตเพื่อให้ทันกับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ

ทั้งนี้ ราคายางพาราในอินเดีย จีน อินโดนีเซีย และไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ เนื่องจากหลังฝนที่ตกอย่างหนักส่งผลให้ปริมาณผลผลิตลดลง  
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

กลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร

โพสต์ที่ 173

โพสต์

ราคาสินค้าเกษตรพุ่ง 161%

Posted on Thursday, November 18, 2010
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ บอกถึงดัชนีราคาสินค้าเกษตรเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้นถึง 161.15% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการสร้างสถิติสูงสุดครั้งใหม่ โดยสินค้าที่ราคาเพิ่มขึ้นมาก คือ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสับปะรดโรงงาน เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกสูงขึ้น แต่ผลผลิตลดจากภัยธรรมชาติ

นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) บอกว่า ขณะนี้ราคายางพาราปรับขึ้นเกือบแตะ 120 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว ขณะที่ราคาปาล์มอยู่ที่ประมาณ 6 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งการที่ราคาสินค้าเกษตรหลายรายการปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลให้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าราคาแพงขึ้นด้วย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: กลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร

โพสต์ที่ 174

โพสต์

คาดราคายางสูงต่อเนื่องอีก 10 ปี

Posted on Friday, December 03, 2010
นายหลักชัย กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทย ประเมินว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 สถานการณ์ราคายางจะยังคงมีความผันผวน และในช่วงอีก 10 ปี ข้างหน้า สถานการณ์ยาง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทั้งด้านผลผลิต ราคา และความต้องการใช้ ทั้งในส่วนของยางธรรมชาติและผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง รัฐบาลจึงควรส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและประชาชน หันมาเลือกใช้วัตถุดิบที่ตั้งต้นมาจากยางพารามากยิ่งขึ้น เพื่อลดการใช้วัสดุอื่นทดแทน ในช่วงที่ยางพารามีราคาสูง เพื่อป้องกันปัญหาปริมาณผลผลิต ไม่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า รวมถึงดูแลพื้นที่เพาะปลูกใหม่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างใกล้ชิด เนื่องจากการปลูกยางพาราเป็นการลงทุนทางการเกษตรระยะยาว ที่เกษตรกรจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำทั้งด้านเทคนิคและการตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะช่วยให้ไทยมีส่วนแบ่งในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/New ... fault.aspx
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 1

Re: กลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร

โพสต์ที่ 175

โพสต์

อุตฯอาหารคาดส่งออกปี54ยังทรงตัว
กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร คาดส่งออกปี2554ทรงตัว แต่ถ้าโชคดีจะขยายตัว 5-10% หวังสินค้ากลุ่มอาหารทะเลเป็นตัวช่วยฉุดยอด มองการทำธุรกิจปีหน้าลำบาก คาดการณ์สถานการณ์ยาก

นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปี 2554 การส่งออกอาหารของไทยคาดว่าจะอยู่ในระดับที่ทรงตัว ไม่ขยายตัวจากปีนี้ที่มีมูลค่าส่งออกประมาณ 7.8 แสนล้านบาท แต่หากโชคดีน่าจะขยายตัวได้ที่ระดับ 5-10% มูลค่าประมาณ 8-8.2 แสนล้านบาท โดยจะมีสินค้ากลุ่มอาหารทะเล ที่สามารถเลี้ยงได้เองไม่ต้องคำนึงถึงสภาพอากาศ หรือที่เลี้ยงในโรงเลี้ยงปิด และกลุ่มอาหารทะเลแปรรูป เป็นตัวเด่นในการส่งออก

ขณะนี้คำสั่งซื้อล่วงหน้ายังเข้ามาแน่นเหมือนเดิม ยกเว้นแต่กลุ่มไก้ต้มสุกที่ส่งไปสหภาพยุโร (อียู) ยังไม่สามารถส่งไปได้ตามโควตา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาไข้หวัดนก ที่แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นในเมืองไทย แต่เกิดขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน ก็ส่งผลกระทบต่อคำสั่งซื้อของไทยเช่นเดียวกัน

การประเมินสถานการณ์ของอุตสาหกรรมอาหารในปีหน้ามองว่าเป็นปีที่ยากลำบาก เนื่องจากต้นทุนในกระบวนการผลิตเพิ่มขึ้น แต่ตลาดยังเท่าเดิม และต้องขายสินค้าในราคาเดิม ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนยังคงไม่มีเสถียรภาพ ผู้ประกอบการไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะขายสินค้าในราคาใด และจะได้เงินตามที่คำนวณต้นทุนไว้หรือเปล่า

ความต้องการทั้งในตลาดโลก และตลาดในประเทศไม่สามารถประเมินได้ โดยเฉพาะตลาดส่งออกหลักของไทย เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างมั่นคง และปัญหาโลกร้อน ที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร ส่งผลให้ขาดแคลนวัตถุดิบ แม้จะมีคำสั่งซื้อเข้ามามากแต่ก็ไม่มีสินค้าขายให้

"ปีหน้าสถานการณ์คาดเดายาก สินค้าที่ไทยควบคุมได้ ผลิตได้เอง ไม่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศ เช่น ไก่ ก็ยังติดโควตาการส่งออกอยู่ ส่วนสินค้าเกษตร เช่น สับปะรด คำสั่งซื้อมีแต่ผลผลิตไม่มีขาย ขณะที่สถานการณ์ความต้องการของตลาดหลักน่าจะทรงตัว ขายได้เท่าทุน แต่ก็จำเป็นต้องรักษาตลาดไว้ จึงเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงสำหรับผู้ประกอบการ"นายวิศิษฎ์ กล่าว

สำหรับแนวโน้มราคาสินค้าอาหารจะมีการปรับราคาสินค้าขึ้นอย่างแน่นอนอย่างน้อย 5-10% เนื่องจากต้นทุนผู้ประกอบการสูงขึ้น ทั้งจากราคาพลังงาน วัตถุดิบทางการเกษตร ค่าแรง แต่การจะปรับขึ้นราคาคงต้องรอดูสถานการณ์ของตลาดด้วยว่ามีความต้องการสินค้ามากน้อยแค่ไหน เพราะหากตลาดเงียบเหงาการปรับราคาขึ้นคงทำได้ยาก

อย่างไรก็ตาม สินค้าอาหารส่วนใหญ่อยู่ในรายการสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ การปรับขึ้นราคาคงไม่สามารถทำได้ตามที่คาดไว้ เพราะตอนนี้รัฐบาลได้ประกาศนโยบายให้ดูแลราคาสินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ผู้ประกอบการที่ต้องการขึ้นราคาก็ยังไม่สามารถปรับราคาได้ให้สอดคล้องกับต้นทุน
http://www.posttoday.com/ข่าว/ธุรกิจ-ตล ... 4ยังทรงตัว
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 5

Re: กลุ่มธุรกิจการเกษตรและอาหาร

โพสต์ที่ 176

โพสต์

บี้ศูนย์อาหารขาย 30 บาท ผุดมิตรธงฟ้า 4 พันแห่ง หาวัตถุดิบให้ลดต้นทุน [ เดลินิวส์, 6 ก.พ. 55 ]

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า มีนโยบายให้กรมการค้าภายในฟื้น
โครงการร้านอาหารมิตรธงฟ้ากลับมาดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อเป็นทางเลือกในการจำหน่าย
อาหารราคาถูก ช่วยบรรเทาปัญหาค่าครองชีพแก่ประชาชน โดยขณะนี้มีร้านอาหารในเครือข่าย
มิตรธงฟ้ากว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ จะนำกลับมาเร่งประชาสัมพันธ์ให้
ชาวบ้านได้รับรู้และอุดหนุนรวมถึงจะเร่งหาทางเชื่อมโยงแหล่งวัตถุดิบราคาถูกให้กับร้านค้าเพื่อ
ช่วยลดต้นทุนการขาย
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."