สรุปความรู้งานสังสรรค์ VI ครั้งที่ 1 ปี 2567 (30 Mar 24)

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
earthcu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 362
ผู้ติดตาม: 100

สรุปความรู้งานสังสรรค์ VI ครั้งที่ 1 ปี 2567 (30 Mar 24)

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เนื่องด้วยมีโอกาสไปงานสังสรรค์ VI ครั้งที่ 1 ปี 2567 เมื่อวันเสาร์ที่ 30 Mar 24 ที่ผ่านมา จึงขออนุญาติ Share สรุปความรู้ที่ได้จากงานสัมมนาบางส่วนเผื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆนักลงทุนท่านอื่นครับ


Session : ร่วมพูดคุยกับพี่ๆ รุ่นเก๋า (อ.นิเวศน์, พี่มล, พี่วิบูลย์)

1.หุ้นดีแต่ราคาแพง อาจจะเป็นการลงทุนที่ไม่ดีก็ได้

2.การลงทุน Style หุ้นก้นบุหรี่
หุ้นที่มีมูลค่าอยู่ พื้นฐานทางธุรกิจพอไปได้ เมื่อราคาหุ้นเริ่มรับรู้ (Realize) ก็ค่อยขายไป ใช้ประโยชน์จากการที่หลายๆคนในตลาดเข้าใจผิด เมื่อหลายคนเริ่มรับรู้มูลค่านั้น ก็จะทำให้ราคาหุ้นเริ่ม Realize และเป็นโอกาสขายหุ้นนั้น Style การลงทุนแบบนี้ คิดว่ายังสามารถคาดหวังผลตอบแทน 15-20%/ปี ในเมืองไทยยังอาจจะเป็นไปได้
(สามารถอ่านศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก แนวทางการลงทุนหุ้นก้นบุหรี่แบบเกรแฮม)

3.การลงทุน Style หุ้น Growth
ซื้อหุ้นที่มีการ Growth ของกำไร โดยมีเกณฑ์ในการลงทุนคือซื้อหุ้นที่ดี มีความสามารถในการแข่งขัน เป็นผู้นำตลาด , คนใช้บริการเยอะ ซื้อเพื่อถือหุ้นนั้นในระยะเวลาที่ยาวนานพอ จนกว่าราคาหุ้นจะสะท้อนถึงมูลค่าของบริษัท ซึ่งตรงจุดนี้นั้น ก็เป็นจุดที่ต้องตัดสินใจอีกทีเพราะในบางครั้งราคาหุ้นสะท้อนถึงมูลค่าของบริษัทแต่ถ้าบริษัทยังผลประกอบการและกำไรยังดีต่อเนื่องหรือดีขึ้นจากเดิม ก็จะทำให้มูลค่าของบริษัทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้

(ขยายความเพิ่มเติม พี่วิบูลย์ เคยเจอว่าบางครั้งขายหุ้น Growth ที่ราคาหุ้นถึง Valuation ที่เคยประเมิน แล้วรีบขาย ปรากฎว่าหลังจากนั้นพื้นฐานกิจการยังดี กำไรเติบโตดีอยู่ก็ทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นยิ่งกว่าขณะที่ขายไป)

4.ถ้าเราเลือกซื้อหุ้นได้ถูกต้องต่อให้มีวิกฤติทำให้ราคาหุ้นลดลงกว่า 50% แต่ถ้าพื้นฐานกิจการดี หลังจากเกิดวิกฤติใช้เวลาสักระยะเวลานึง ราคาหุ้นหลายตัวก็สามารถกลับมา All Time High ได้

5.อ.นิเวศน์ ในระยะยาว ตลาดหุ้นมักจะสะท้อนภาพทางเศรษฐกิจและคนของในประเทศนั้นๆ อย่างบ้านเราที่เริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ก็อาจจะทำให้ภาพการเติบโตไม่ได้สูงมาก ทำให้อาจจะต้องเปลี่ยนแนวการลงทุนเป็นลงทุนในบาง Sector ที่ยังได้เปรียบ แต่ถ้าเป็นลักษณะนี้โดยส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยเกิดโอกาสที่สามารถสร้างบริษัทที่ยิ่งใหญ่ได้

6.พยายามเลือกลงทุนในแหล่งที่มีปลาชุกชุม (แหล่งที่มีหุ้นเติบโตในราคาที่ไม่แพงจำนวนมาก) แม้จะมีโอกาสที่ผิดพลาดบางส่วนก็ยังมีโอกาสที่จะได้ผลตอบแทนในระดับที่ดีในระดับนึงบ้าง เทียบกับการเลือกลงทุนในแหล่งที่ไม่ค่อยมีปลา อาจจะต้องเหนื่อยในการพยายามให้ได้ผลตอบแทนที่ดี

7.นักลงทุน VI ควรจะลองศึกษาประวัติศาสต์ในอดีตให้มาก ถ้าศึกษาให้ดีจะพบว่าเราควร “อย่าไปคิดว่าทุกอย่างในการลงทุนจะยั่งยืน”

8.พึงใช้ความระมัดระวังการติดตาม Influencer ในการลงทุน จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าหลายๆครั้งจะพบว่ามี Influencer ทั้งในและต่างประเทศที่ดังขึ้นมาประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็หายไป

(ถ้าเราหลงไปเชื่อโดยไม่ได้มีความระมัดระวังให้ดีก็อาจจะทำให้หลงทางและอาจทำให้ Port การลงทุนเสียหายได้, ปล.แม้จะเป็น Influencer ที่มีประสบการณ์การลงทุนสูงๆ เราก็ควรจะมีวิจารณญาณในการกลั่นกลองสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองให้ดีก่อนที่จะเชื่อ)

9.การลงทุน ถ้าเราเพิ่งเริ่มลงทุนในวันนี้นั้น มันอาจจะไม่ง่ายเหมือน 10 ปีที่แล้ว ปัจจุบัน Average return สัก 10-15% ยังพอหาได้ เวลาเลือกลงทุนควรจะไปเลือกดูอนาคตของประเทศในโลกนี้ประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเองเป็นนักลงทุนที่ลงทุนในประเทศไทยแล้วยังมีความรู้การลงทุนที่ไม่แน่นพอ หรือยังไม่มีหลักการลงทุนที่ดีก็อย่าเพิ่งรีบไปลงทุนในต่างประเทศ


10.คำเตือนและคำแนะนำของพี่ๆแต่ละท่าน

10.1 พี่วิบูลย์
สิ่งที่ทำแล้วมีโอกาสทำให้ลงทุนแล้วเสียหาย (เจ๊ง) คือ
1.)ซื้อตามชาวบ้าน โดยที่ไม่รู้ลึกๆจริงๆ ว่าหุ้นนั้นดียังไง
2.)ซื้อหุ้นที่เราไม่เข้าใจ
3.)ซื้อหุ้นที่คนอื่นกำลังเล่นกันอยู่
4.)ซื้อหุ้นแบบเก็งกำไร
5.)ไม่มีกลยุทธ์หรือแผนการลงทุนที่ดี เช่น ราคาหุ้นขึ้นไป ก็ไม่รู้จะขายที่ราคาเท่าไร หรือหุ้นราคาลงก็ไม่มีแผนว่าจะจัดการกับการลงทุนนั้นยังไง อะไรจะเป็นจุดที่เราจำเป็นต้อง exit จากหุ้นตัวนั้น

สิ่งที่ควรทำ
1.)ศึกษาการลงทุนให้ดี เช่นลองเลือกอ่านจากหนังสือของ Warren Buffet, Charlie Munger, Phillip Fisher และพยายามศึกษาประวัติศาสตร์ให้ได้เยอะๆ
2.)ศึกษาหุ้นที่ลงทุน จนสามารถเข้าใจได้อย่างดี
3.)เข้าใจจิตวิทยาการลงทุน และพยายามฝึกตัดสินใจให้เป็นอิสระกับคนอื่น เช่นจงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ จงโลภเมื่อคนอื่นกลัว เวลาฟังดูเหมือนจะไม่ยาก แต่ถ้าเราไม่มีการฝึกให้ดี ถึงเวลาจริงๆเราก็อาจตัดสินใจเหมือนๆกับคนอื่นๆ

10.2 พี่มนตรี
สิ่งที่ไม่ควรทำ
1.)ซื้อหุ้นตามชาวบ้าน หรือ Influencer ที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะถ้าราคาหุ้นขึ้นไปเยอะ ทำให้ MOS (Magin Of Safety) เหลือนิดเดียว ซึ่งจะเป็นจังหวะที่มีความเสี่ยงสูงมาก

สิ่งที่ควรทำ
1.)บริหารความเสี่ยงให้ดี
2.)กระจายการลงทุนให้เหมาะสม อันนี้ขึ้นกับแต่ละคน ยกตัวอย่าง เช่นกระจายการลงทุน ไม่เกิน 20 ตัว โดยที่เราอาจจะถือหุ้นสัก 10-15 ตัว ซึ่งในกรณีนี้ต่อให้มีหุ้น 1 ตัวใน Port ราคาลดลง 50% ก็อาจจะทำให้ Port โดยรวมไม่ได้เสียหาย
3.)Focus หุ้นที่ซื้อ หาของที่ดีๆในราคาที่ถูก
4.)อดทนรอคอยให้เป็น ถ้ายังไม่ใช่จังหวะเวลาที่ใช่ก็ยังไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้น


10.3 อ.นิเวศน์
1.)กลยุทธ์การลงทุนมองสั้นๆ แบบ Trading มันไม่ยั่งยืน พยายามฝึกมองระยะยาว แบบ Strategic
2.)เลือกแหล่งในการลงทุนให้ดี เช่นเซียนหรือนักลงทุนที่เก่งๆ เวลาลงทุนในตลาดไทยก็ยังอาจจะต้องเหนื่อย ถ้าจะคาดหวัง Return ระดับ 15-20% ในตลาดไทย ในขณะที่ถ้าไปลงทุนในต่างประเทศในบางประเทศ เป็นนักลงทุนธรรมดาทั่วไปก็ยังอาจได้ Return ระดับ 13-20% ซึ่งบางทีการไปซื้อกองทุนรวม หุ้นที่ดีในบางประเทศก็อาจจะเป็นการลงทุนที่น่าสนใจ
3.)กล้า Take Risk ในจังหวะที่เหมาะสม และให้โอกาสการลงทุนที่นานพอ เช่น 10 ปีขึ้นไป
4.)พยายามตั้งใจทำงานเพื่อสะสมเก็บออม นำมาลงทุนเพื่อต่อยอดให้ได้เยอะๆ



Session : Q& A กับพี่มี่และพี่เชาว์ แบบสบายๆ

1.)Question : ถ้าลงทุนในประเทศไทย ไม่ได้ไปต่างประเทศ จะมี Playbook การลงทุนอย่างไร
Answer :
P’เชาว์ 1.)เน้นหาหุ้น Growth ที่รายได้โต, กำไรโต, ปันผลโต โดยหาจังหวะเข้าซื้อตั้งแต่ยังเป็นตอน early stage ของการเติบโต และพยายามเลือกหุ้นไทยที่ Size Market Cap ที่ไม่ได้ใหญ่มาก เช่น Size ไม่กี่พันล้านบาท
ปัจจุบันผู้ชนะในหลายๆอุตสาหกรรมคือคนที่เร็วที่สุดในอุตสาหกรรม โดยสรุปคือเน้น Superstock ที่ Size ไม่ได้ใหญ่มาก

P’มี่ 2.) ยังมองภาพบวกกับประเทศไทยว่ายังมีอนาคต หลังจากมีการเปลี่ยนผู้นำ ก็มีการพยายาม Road show ในต่างประเทศเพื่อดึงดูดการลงทุนมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาตัวเลข FDI (Foreign Direct Investment) ก็มีตัวเลขที่เยอะสูงขึ้นมาก
ในส่วนของ Playbook ในการลงทุนนั้นพี่มี่ก็มีโอกาสได้เรียนรู้จากพี่ๆที่มีประสบการณ์สูงๆในหลายๆท่าน เช่น
- พี่ Yoyo พยายามหาข้อมูลอย่างละเอียดในแต่ละตัวเพื่อนำมา Valuation เมื่อถึง ราคาเป้าหมายก็ Switching เพื่อเปลี่ยนไปเลือกซื้อหุ้นตัวอื่นแทน
- พี่หมอสามัญชน เน้นเลือกลงทุนในหุ้น Commodity
- พี่หมอพงศ์ศักดิ์, พี่ประชา เน้นเลือกลงทุนในหุ้น Growth ที่เติบโตได้ยาวนาน
ซึ่งวิธีการลงทุนอาจจะไม่ได้ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการลงทุนในแนวที่คุณเชื่อและเหมาะกับนักลงทุนแต่ละท่าน


2.การลงทุนนั้นพยายามเลือกหุ้นที่เป็น Good Idea ในจังหวะเวลาที่หลายๆคนในตลาดยังมองภาพเห็นไม่ค่อยชัด ซึ่งบางทีในจังหวะที่เลือกลงทุนอาจจะเป็นแค่เราหรือคนไม่กี่คนในตลาดที่มองเห็น เพราะถ้าทุกคนในตลาดเห็นภาพนั้นเหมือนกันทั้งหมด ณ ระดับนั้น Upside การลงทุนก็อาจจะเหลือไม่มากแล้ว


3.Question : ฝากพี่ทั้ง 2 ท่านช่วย Share ประสบการณ์ที่ได้ตกผลึกจากการลงทุนในปีที่แล้ว (2023)

Answer :
P’เชาว์ ปีที่แล้วเป็นปีที่คนส่วนใหญ่บาดเจ็บขาดทุนจากการลงทุน อย่างไรก็ตามก็มีนักลงทุน VI ส่วนหนึ่งที่ได้รับผลตอบแทนการลงทุนที่ดี เช่นเกิน 30% ซึ่งถ้าไป Ranking performance ของหุ้นทั้งหมดในตลาด ในแต่ละปี 100 ตัวแรกก็มักได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นมากกว่า 30% ซึ่งปรกติจะมีหุ้นแบบนี้แทบทุกปี หน้าที่ของนักลงทุนที่ดีคือพยายามศึกษาเพิ่อหาให้เจอว่าเป็นหุ้นตัวไหนเพราะแค่เจอเพียงแค่ 5-10 ตัว ก็จะทำให้ได้ Return ที่ทำได้เยอะแล้ว
หลังจากจบปีปรกติจะมี Page ที่สรุป 50 ตัวแรกที่ได้ Return ที่ดี พยายามฝึกดูและฝึกคิดประมวลผลเพื่อพยายามเข้าใจว่าทำไมหุ้นถึงได้ Return ที่ดี เพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาการลงทุนในปีต่อๆไป
(สรุปคือโอกาสในการลงทุนมีอยู่เสมอ เพียงแต่ต้องมองให้เห็นโอกาสนั้น)

P’มี่ : ปีที่แล้วทำให้เข้าใจว่าตลาดคาดเดาไม่ได้ แม้ต้นปีจะมองว่าน่าจะดี แต่สุดท้ายแล้วก็มีหุ้นหลายๆตัวที่ราคาลงแรงๆ และบางทีการที่ราคาหุ้นลงแรงๆ เช่นราคาหุ้นลงไปมากกว่า 30-50% ก็อาจจะทำให้แม้กระทั่งคนที่เคยศึกษาหุ้นนั้นอย่างละเอียด ก็อาจจะถูกจิตวิทยาตลาดทำให้เปลี่ยนความเชื่อในหุ้นที่เราเคยศึกษาก็เป็นได้ ซึ่งการจะเป็นนักลงทุนที่ดีก็ไม่ควรไขว้เขวจากเรื่องดังกล่าว เพราะสุดท้ายถ้าธุรกิจที่ดีโอกาสการลงทุนที่ดี อาจจะเป็นจังหวะเวลาดังกล่าว

-พยายามรับฟังทุกข้อมูล อย่างไรก็ตามต้องฝึกที่จะพยายามหาข้อมูลเหตุผลต่างๆมาหักล้างด้วย ว่าเรื่องดังกล่าวจริง/ไม่จริง

-อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ , แม้จะมีเวลาในการลงทุนไม่เยอะ ก็ควรจะต้องหาเจียดเวลาเพื่อมาศึกษา ในกรณีที่เวลาไม่เยอะก็อาจจะฝึกที่ Focus ในการลงทุน และพยายามใช้ Technology อย่างเช่นการใช้ AI เพื่อมาช่วยสรุป รายงานประจำปี ให้เราสามารถอ่านได้ไวขึ้นเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเอง


4.P’เชาว์
-Playbook ในขณะที่ทำงาน IB (Investment Banking) เนื่องจากเวลาที่น้อย จึงพยายามเลือกหุ้นที่มี MOAT สูงๆ ซึ่งมีน้อยมากเช่น ไม่ถึง 3% ของหุ้นทั้งหมดในตลาดที่มีก็ไม่ถึง 30 ตัวทำให้ เลือกดู Opp day หรือติดตามข่าวจำนวนไม่กี่บริษัท

-แนะนำ1.)ให้เลือกอ่านหนังสืออย่างของ Peter Lynch, Warren Buffet
จากนั้น 2.)ศึกษา Case Study หุ้นในอดีตต่างๆ
3.)ทำ Reverse Engineer เพื่อถอดบทเรียนว่าทำไมหุ้นถึงได้รับผลตอบแทนที่ดี เพื่อนำมาเป็น Playbook ในการลงทุนในอนาคตของตัวเอง

5.แนวทางนึงในการศึกษาหุ้นต่างประเทศ คือพยายามฟังสัมภาษณ์ผู้บริหาร เพื่อดู Vision, Story ก่อนว่าเป็นไปได้ไหม ถ้าฟังแล้ว OK ค่อยไปศึกษารายละเอียดอย่างอื่นประกอบ

6.เนื่องจากเราไม่มีใครรู้อนาคตล่วงหน้า เน้นการลงทุนในบริษัทที่มี MOAT + Growth Potential + Runway ในการเติบโตที่ยาว แม้ว่าจะมีบางทีที่ราคาหุ้นอาจจะ Sideway แต่ถ้าถือไปยาวนานพอ บริษัทก็จะสะท้อนมูลค่าในที่สุด

7.Re-investment Risk ความเสี่ยงนึงที่หลายๆคนมักไม่นึกถึง คือ การขายหุ้นตัวดีๆใน Port แล้วไปเลือกซื้อหุ้นตัวใหม่ที่คุณภาพอาจจะไม่ดีเท่าตัวแรก

8.Question : ขอทราบบทเรียนการลงทุนที่ผ่านมาในชีวิตของพี่ทั้ง 2 ท่าน
Answer :
P’มี่ สิ่งที่ได้เรียนรู้จากพี่ Yoyo หลังจากซื้อหุ้น “ต้องลืมต้นทุน” หุ้นที่ซื้อ ในหลายๆครั้ง ต่อให้ราคาหุ้นหลังจากซื้อลดลงมาพอสมควร แต่ถ้าเราเจอโอกาสการลงทุนหุ้นตัวอื่นที่ดีกว่ามาก ก็ควรที่จะต้องยอมขายขาดทุนหุ้นตัวแรก เพื่อไปเลือกซื้อหุ้นตัวใหม่ (ต้องพยายามประเมิน Upside/Downside การลงทุนอยู่ตลอด และพยายามเลือกหุ้นจาก Upside การลงทุนที่ดีที่สุด และมีตัวเร่งที่ชัดเจนที่จะสะท้อนมูลค่า โดยมองไปที่ทั้งโอกาสและความเสี่ยง Risk/Reward Ratio)

P’เชาว์ เคยได้อ่านบทความของ Jeff Bezos ว่าพยายามนึกถึงช่วงตัวเองก่อนเสียชีวิต เช่นตอนอายุ 80 ปี ว่าถ้าจะตัดสินใจเรื่องดังกล่าว ตัวเราจะตัดสินใจเช่นไร จะทำให้ตัวเราสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น

Reflection ตัวเองจากการลงทุน 18 ปีนั้นพบว่า Wealth ส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นมาจากการเลือกซื้อหุ้นแค่ไม่กี่ตัว ซึ่งสอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ของ Charlie Munger ก่อนที่จะเสียชีวิตไม่นานที่บอกว่า “ช่วงชีวิตคนคนนึงนั้น จะเจอโอกาสดีๆแค่ 3-4 ครั้ง” เพราะฉะนั้นเราควรที่จะต้องฝึกสมองและฝึกตัวเองให้สามารถ Decision ตัดสินใจให้ดี เวลาเจอโอกาสที่ผ่านเข้ามาเช่น โอกาสที่โยนเหรียญออกหัว ได้ 10-100 เด้ง ในขณะที่โยนเหรียญออกก้อย เสียหายไม่มากเป็นต้น

“พยายามหาโอกาสที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เจอ และเมื่อโอกาสนั้นผ่านเข้ามาถึง ต้องเฉียบคมในการตัดสินใจ”


ปล. เนื้อหาในบทความอาจจะไม่ตรงกับคำพูดของวิทยากรทั้งหมด เนื่องจากพยายามเรียบเรียงเพื่อให้คนอ่านท่านอื่นเข้าใจได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามถ้าท่านใดที่รับฟังในวันนั้นหรือวิทยากรที่แนะนำความรู้ในวันดังกล่าว พบว่าเนื้อหามีความเข้าใจไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนในบางจุด ขอความกรุณาช่วยแนะนำผมเพิ่มเติมมา ณ ที่นี้ด้วย


โดยส่วนตัวขอขอบคุณ

1.วิทยากรในวันดังกล่าว (อ.นิเวศน์, พี่มนตรี, พี่วิบูลย์, พี่เชาว์ , พี่มี่) ที่ช่วยให้ความรู้/คำแนะนำในด้านการลงทุน กับผมและเพื่อนๆนักลงทุน รู้สึกดีใจมากที่ได้พบพี่ๆในบางท่านที่ไม่ได้พบเจอนานแล้วอย่างพี่มนตรี และพี่วิบูลย์ (ที่เป็น 1 ในนักลงทุนระดับตำนานของสมาคม Thaivi) กลับมาในงานเลี้ยงนี้รวมถึงพี่ๆที่มีชื่อเสียงหลายท่านในคืนดังกล่าว

2.พิธีกรรับเชิญ (พี่บอล, พี่โจ ลูกอีสาน, พี่นุช, พี่ Pop, พี่ Aof) เป็นทีมพิธีกรกิตติมศักดิ์ ที่ความรู้การลงทุนของแต่ละท่านแน่นที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในการสัมภาษณ์งาน Meeting ต่างๆ ของสมาคมThaivi

3.พี่ๆน้องๆ ทีมงานที่น่ารัก จากสมาคม Thaivi ทุกท่านที่มาช่วยงานคืนดังกล่าว

และสุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Website Thaivi และกัลยาณมิตรของผมทุกๆท่าน ที่ช่วยให้ความรู้ในด้านการลงทุนกับผมอยู่เสมอๆ

ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง
earthcu/31 Mar 24
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
ภาพประจำตัวสมาชิก
Bird.Songwut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 239
ผู้ติดตาม: 166

Re: สรุปความรู้งานสังสรรค์ VI ครั้งที่ 1 ปี 2567 (30 Mar 24)

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณสำหรับการสรุปเนื้อหาครับ
"มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้นจะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล"
Investor hub : ห้องลับนักลงทุน https://www.youtube.com/@Investor_hub
โพสต์โพสต์