สรุปความรู้งาน Chula Investment Forum 2024 (17 Mar 24)

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
earthcu
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 362
ผู้ติดตาม: 99

สรุปความรู้งาน Chula Investment Forum 2024 (17 Mar 24)

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เนื่องด้วยมีโอกาสไปงานสัมมนา Chula Investment Forum 2024 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 Mar 24 ที่ผ่านมา จึงขออนุญาติ Share สรุปความรู้ที่ได้จากงานสัมมนาบางส่วนเผื่อเป็นประโยชน์กับนักลงทุนท่านอื่นๆครับ


Session : P’เฉลิมเดช และ P’ทิวา

1.Edge ในการลงทุน : ถ้าอยากให้ลงทุนแล้วมีโอกาสประสบความสำเร็จ ควรจะเลือกหาธุรกิจที่เรามี Edge ในการลงทุนเหนือกว่าคนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น เช่นเป็นกิจการที่เรามีความรู้, ความเข้าใจ ในอุตสาหกรรมนั้นเป็นอย่างดี หรือทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมนั้นๆ

2.หุ้นที่มีโอกาสจะราคาสูงขึ้นได้เยอะๆนั้น มี 2 ปัจจัยที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง 1.)Pricing Power หมายถึงเป็นธุรกิจที่สามารถปรับราคาได้เรื่อยๆ โดยที่คนยังยอมซื้อสินค้า/บริการ นั้นๆ 2.)Scalable สามารถที่จะขยาย Scale ได้เรื่อยๆ ซึ่งบางธุรกิจอาจจะสามารถขึ้นราคาสินค้าได้ แต่อาจจะขายได้แต่แค่ในจำนวนที่จำกัด เช่น Brand รถหรูบางค่ายก็ถือว่าไม่มีในหัวข้อ Scalable

3.Blackswan : ถ้าเราต้องลงทุนในหุ้นเป็นระยะเวลา 10-20 ปี ขึ้นไป ยังไงเราก็จะต้องเจอเหตุการณ์ Market Crash ชั่วคราว เข้ามากระทบเป็นระยะๆ ซึ่งก็มีโอกาสทำให้ Port การลงทุนมีโอกาสลดลงไปได้ค่อนข้างเยอะ สิ่งสำคัญคือ 1.)อย่าไปคิดว่าเราเดาอนาคตได้ 2.)ถ้าเลือกลงทุนหุ้นที่ดีมีคุณภาพ สุดท้ายยังไง Port การลงทุนก็จะกลับมาได้เสมอๆ

4.Question : ถ้าจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยแล้ว ออกมาเป็นนักลงทุน Full Time? เลยดีไหม
Answer : ค่อยๆ เรียนรู้ , ค่อยๆลงทุน , พยายามออกไปลองทำงานหาประสบการณ์ดูก่อน โดยเฉพาะถ้าทุนน้อย ควรจะทำงานหาทุนให้ได้เยอะๆ
แก้ว 3 ประการ คือ 1.)จำนวนเงินต้น x 2.) % Return ต่อปี x 3.)Time (จำนวนปีที่ลงทุน)

ซึ่งโดยหลัก 1.)จำนวนเงินต้น สามารถเปลี่ยนได้ง่ายสุด ถ้าเราสามารถขยันหาเงินมาเพิ่มจำนวนเงินต้นในช่วงเริ่มต้น
ในขณะที่ % Return ต่อปี ขนาดนักลงทุนอย่าง Warren Buffet ในระยะยาวก็ยังอาจจะได้ไม่ถึง 30%
และจริงๆแล้วการที่ทำงานไปด้วย และลงทุนไปด้วย ผลตอบแทนก็อาจจะดีกว่าตอนเป็น Full Time Investor ก็เป็นไปได้ เพราะบางทีการเป็น Full Time Investor เวลาที่เยอะขึ้นก็อาจจะทำให้เราฟุ้งซ่านมากขึ้นก็เป็นไปได้ โดยข้อสรุปยังคงแนะนำว่าควรจะทำงานก่อนดีกว่าสำหรับคนส่วนใหญ่

5.Valuation Method : หลักๆก็ยังคงใช้วิธี P/E เป็นหลัก เพราะมีประสิทธิภาพดีสุด โดยจำเป็นต้องดู Business Model ,ความสามารถในการแข่งขัน, จำนวนหนี้ของบริษัทว่ามีมาก/น้อย , ผู้บริหารและข้อมูลอื่นๆประกอบ ซึ่งสิ่งที่ยากคือการหา Earning ของบริษัท

6.Question : พี่ๆมองช่วงวิกฤติยังไง
Answer : ช่วงจังหวะซบเซาคือดีสำหรับนักลงทุน, ศึกษาและตามข้อมูลไปเรื่อยๆ มองหาโอกาสที่ดีแล้วค่อยลงทุน โดยถ้าไม่รู้ชัดเจน อย่าเพิ่งลงทุน

7.Question : ผู้บริหารที่เก่งและดี ดูยังไง
Answer : เป็นอะไรที่ยากเหมือนกัน บางทีต่อให้ได้คุยก็อาจจะไม่รู้ เพราะถ้าเป็นคนที่หลอกเก่งๆบางทีแค่คุยก็ไม่ทราบ แต่อาจจะต้องลองใช้วิธีอื่นๆ เช่น Scuttlebutt ผ่านการตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ เช่นเพื่อนสมัยเรียน, เพื่อนสมัยทำงาน , Supplier เพื่อให้ได้ข้อมูลมาประเมินข้อเท็จจริงได้ดีขึ้น ซึ่งจริงๆแล้วผู้บริหารที่เก่ง/ไม่เก่ง ยังไม่สำคัญเท่ากับ ผู้บริหารที่โกง/ไม่โกง
โดยความเก่งของการบริหารนั้น อาจจะดูได้ง่ายกว่าเพราะ เราสามารถ check ข้อมูลอื่นๆ เช่นยอดขาย/กำไร ประกอบได้ พยายามดู/มองหา ผู้บริหารที่ผลประโยชน์ของเขากับเราไปในทิศทางเดียวกัน อาจจะดูสัดส่วนของการถือหุ้นว่ามาก/น้อย ประกอบด้วย และพยายามมองหาช่วงที่เป็นขาขึ้นของธุรกิจ

8.Question : สิ่งสำคัญที่สุดของการลงทุนคืออะไร
Answer : 1.)พยายามซื้อกิจการที่อนาคต 5-10 ปี เติบโตยาวนาน ในราคาที่ไม่แพง พยายามมองไปที่อนาคตของบริ่ษัท โดยพยายาม Focus รู้ในบางเรื่องที่สำคัญ ซึ่ง Return 10-100 เท่า ก็เพียงพอที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตคนๆนึง
2.)การลงทุน เรารู้สึกชอบและสนุกหรือเปล่า ซึ่งการลงทุนอาจจะเปลี่ยนแปลงชีวิตและทำให้คนที่รักมีความสุข จริงๆที่ผ่านมาในชีวิตของพี่ทิวาการลงทุนเป็นวิธีการเดียวที่ง่ายที่สุด เหนื่อยแต่ก็คุ้ม เมื่อเทียบกับนับ 10 นับ100 อาชีพที่ผ่านมา โดยชอบที่จะได้เรียนรู้ Trick ในการทำธุรกิจ จากการได้มีโอกาสศึกษาและซักถามจากผู้บริหารที่เก่งๆ



Session : อ.นิเวศน์ และ อ.ไพบูลย์

1.Question : มีวิธีการในการ Work Life Balance ยังไง
Answer : อ.ไพบูลย์ พยายามหาจุดสมดุลของชีวิต อย่าหักโหมหนักจนเกินไป คือเข้าใจว่าอยากจะ Success มากๆ ก็ต้องทุ่มเทมากๆ เพื่อให้ได้เงินเยอะๆ แต่ก็อาจจะทำให้เราแก่เร็ว ซึ่งถึงวันนึงคนเราก็จะต้องเสียชีวิต ซึ่งเมื่อใกล้ถึงตอนนั้นบางทีเราก็อาจจะลืมไปแล้วว่ามีเงินเท่าไร โดยที่ความสำเร็จหรือเป้าหมายของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน

โดยทั่วไป น้อยกว่า 5% ของคนทั่วไปที่จะประสบความสำเร็จ และแค่ 1-2% ที่อาจจะประสบความสำเร็จสูงๆ ซึ่งเราเองก็ไม่ควรที่จะปรับเป้าความสำเร็จของตัวเราไปเรื่อยๆ เช่น ตอนแรกเราอาจจะตั้งเป้าแค่ 20 Mb พอถึงเป้าหมายก็ปรับเป้าเป็น 50 Mb เป็น 100Mb เป็น 1,000 Mb และเป็น 10,000 Mb ทำให้เหนื่อยไปเรื่อยๆแบบไม่รู้จักจบสิ้น

(ขยายความเพิ่มเติมโดยส่วนตัวมองว่าเป็นเป้าหมายที่ไม่รู้จักจบสิ้นและทำให้อาจจะต้องเหนื่อยๆไปเรื่อย และถึงจุดนึง, จำนวนเงินที่มากถึงจุดนึงต่อให้ได้มากกว่านั้นเราก็อาจจะไม่ได้ใช้เงินนั้น)

2.Question : มองการลงทุนแล้วตอบโจทย์ภาพใหญ่ยังไง

Answer : ก่อนอื่นเรียนจบแล้วให้ไปลองทำงานหรือเรียนต่อในสายที่เราเรียนมาก่อน ซึ่งนักลงทุนที่เก่งๆหลายท่านก็เคยผ่านการทำงานมาก่อน พอไปทำงานและลงทุนก็จะเริ่มรู้ว่าต้องหาความรู้แบบไหนที่จะเอาไปใช้ในการลงทุน ยิ่งถ้าได้มีโอกาสทำงานในบริษัทเล็กๆ เราอาจจะได้ทำงานแทบจะทุกอย่าง ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้และได้ลอง ซึ่งลูกศิษย์ อ.ไพบูลย์หลายๆท่าน ที่จบออกมาแล้วรีบลงทุนเลยก็มีพอสมควรที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะออกไปโดยไม่มีประสบการณ์ และวิเคราะห์เองไม่เป็น

Answer : อ.นิเวศน์
1.)ลงทุนเพราะคิดว่าเป็นธุรกิจ (มองความเป็นเจ้าของ) เช่นก่อนหน้าตอนวิกฤติปี 40 ที่มีเงินลงทุน 10Mb ก็ได้พบกับธุรกิจที่มี Brand เป็นสินค้าที่ทุกคนรู้จัก และธุรกิจมีกำไรดีมาก รวมถึงมีเงินปันผลที่ดีมาก เช่น 10% ในขณะที่มี P/E ต่ำมาก ทำให้เฉพาะเงินปันผลที่อาจารย์ได้รับก็เพียงพอที่จะเลี้ยงดูอาจารย์และครอบครัวได้

3.Risk Management : กระจายความเสี่ยงให้ดี ซิ้อหุ้น 5-10 ตัวแทนที่จะ All in เงินลงทุนในหุ้น 1 ตัว เพราะต่อให้เป็นธุรกิจที่ดีก็อาจจะมีวิกฤติบางอย่างที่อาจจะทำให้บริษัทเสียหายได้ การที่กระจายความเสี่ยงให้ดีก็จะลดโอกาสที่ Port ของเราจะเสียหายทั้งหมด

4.พยายามเลือกซื้อธุรกิจที่ดี ,โดดเด่นในราคาที่ไม่แพง โดยที่หลังจากซื้อไปแล้วราคาหุ้นขึ้นสูงๆ เราก็อาจจะใช้วิธีการ Switching port โดยขายหุ้นที่ขึ้นเยอะๆแล้ว upside เหลือน้อย เพื่อไปเลือกซื้อหุ้นตัวอื่นที่ราคาอาจจะไม่ขึ้นซึ่งมี Upside สูงกว่าตัวเดิม

5.เวลาลงทุน พยายามอย่าไปเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่นๆ (ลงทุนโดยไม่ต้องไปแข่งกับใคร) เพราะจะทำให้มีโอกาสที่จิตใจเราวอกแวกได้ ถ้าถึงจุดนึงที่มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว กรณที่เราสามารถจัด Port ในเชิงตั้งรับ ก็อาจจะทำให้ตัวเราไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป

6.ชีวิตคนเราแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนรวยตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งก็ส่งผลให้ข้อจำกัดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สามารถดูรายละเอียดได้ในเรื่องตะเกียง 3 ดวง อย่างไรก็ตามการลงทุนก็ทำให้ชีวิตในอนาคตของแต่ละคนดีขึ้นได้

7.Question : พฤติกรรมที่ดีและไม่ดีในการลงทุนคืออะไร
Answer : อ.ไพบูลย์ สิ่งที่ไม่ดีคือการไม่กระจายการลงทุน ถ้า Focus หรือลงทุนแบบกระจุกอาจจะทำให้รวยเร็ว แต่ถ้าพลาดขึ้นมาก็อาจจะเสียหายหนัก โดยเฉพาะการใช้ Margin หรือการลงทุนพวก Block-Trade ซึ่งจะทำให้เกิดPressure ความกดดันได้มาก

สิ่งที่ดี คือ กระจายการลงทุนให้เหมาะสม และพยายามคิด Worst Case ความเสี่ยงของการลงทุน โดยเมื่อถึงจุดหนึ่งก็พยายามแบ่งการลงทุนใน Asset ที่อาจจะไม่กระทบกับเศรษฐกิจทั่วไป โดยที่พยายามสำรองมีให้พอกินทั้งชีวิต

อ.นิเวศน์ พยายามเลือกที่จะลงทุนใน Fair Game เพื่อให้สังคมการลงทุนน่าอยู่ เช่นไม่ใช้ข้อมูลภายใน เพราะอาจจะทำให้บางคนอาจจะได้เปรียบ/เสียเปรียบ
โดยพยายามให้ตัวเองมีอิสรภาพทางการเงินด้วยวิธีการที่ Clear และ Fair
และพยายามอยู่ในเกณฑ์การลงทุนของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เหมือนนักตกปลาที่ จะเลือกเบ็ด Size ขนาดไหน

8.Question หลักการลงทุน อดีต/ปัจจุบัน
Answer : อ.ไพบูลย์ ยังลงทุนแบบเดิม เน้นกระจาย + Port กองหลังต้องแน่น ถึงเป้าหมายช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะเป้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน และ Condition ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเครียดเพราะอยากให้ถึงเป้าหมายเร็วๆ ก็อาจจะไม่คุ้มค่า
พยายามกินน้อย ใช้น้อย โดยที่เราอาจจะหาความสุขได้ในหลายรูปแบบที่อาจจะไม่ต้องใช้เงินเยอะ เช่นการกินอาหารก็อาจจะเป็นความสุขอย่างหนึ่ง

อ.นิเวศน์ ยังคงใช้แนวทางเหมือนเดิมในอดีต แค่อาจจะเปลี่ยนจากตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดอื่น โดยใช้วิธีการที่ดีที่สุดที่คนเก่งที่สุด Prove มาแล้ว ซึ่งสบายใจกว่าและใช้พลังงานน้อยกว่า โดยคนรุ่นใหม่ ใจอาจจะเปลี่ยนไปทำให้อาจจะไม่สามารถรอคอยได้เหมือนคนสมัยก่อน

9.สิ่งที่อยากฝาก
อ.ไพบูลย์ การวางแผนทางการเงินกว้างกว่า (อาจจะสำคัญกว่า)เรื่องหุ้น โดยภาพใหญ่เราควรจะดูและ Control เรื่องรายรับ- รายจ่ายให้ดี ในขณะที่หุ้นอาจจะเป็นภาพแค่ส่วนหนึ่ง

อ.นิเวศน์ หุ้นต่างประเทศที่เริ่มลงมาเยอะ เริ่มน่าสนใจ โดยลงทุนแบบ Semi Active โดยดูประเทศไหน +กลุ่มไหน ที่น่าสนใจ ซื้อแล้วเก็บเช่น 10 ตัวที่เป็นธุรกิจ Megatrend ในส่วนของต่างประเทศที่มีกฏ ยังไม่เอาเงินกลับยังไม่เสียภาษี ถ้าเอากลับมาอาจจะต้องเสียภาษี 35% ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่กำไรอาจจะต้อง Declare ภาษี โดยมองว่าอาจจะมาลงทุนในกองทุน DR กองทุนต่างประเทศ เป็นต้น
พยายามเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นในอนาคต เน้นศึกษาภาพใหญ่ และจำเป็นต้องดูเรื่องวัฒนธรรมและระบบสังคมของประเทศนั้นๆประกอบด้วย

10.วิธีการสร้างตัว
อ.ไพบูลย์ ปัจจุบันการสร้าง port ยากกว่าเดิมมาก โดย Robot และ Short Sale ที่ทำให้นักลงทุนรายย่อยเสียเปรียบ โดยอาจารย์แนะนำให้พยายามเน้นที่การวางแผนทางการเงิน โดยให้เวลา 10-30 ปี ในการลงทุน และพยายามไปทำสิ่งอื่นๆที่เป็นประโยชน์ ใช้ความรู้ที่ได้มีโอกาสเรียนมาเพื่อให้เป็นประโยชน์กับประเทศ

อ.นิเวศน์ ช่วงนั้น Contrarian โชคดีและจังหวะดี ถ้ามาตอนนี้ซื้อหุ้นที่แพงก็อาจจะทำให้ Port เสียหายได้ โดยปัจจุบันเน้นการร่ำรวยจากการทำงาน น่าจะง่ายกว่าถ้าเราตั้งใจทำงาน
ในส่วนการลงทุนนั้นถ้าทุกอย่างบรรยากาศนั้น Cheerly คึกครื้นมากๆก็อาจจะเป็นโอกาสที่มีโอกาสขาดทุน ในขณะที่ช่วงที่บรรยากาศเงียบๆนั้น อาจจะเป็นช่วงที่มีโอกาสลงทุนแล้วร่ำรวยได้ โดยพยายามเลือกประเทศดีๆ ที่มีโอกาสเติบโต และนำเงินมาลงทุนแบบ DCA

11.เป้าหมายของอาจารย์
อ.ไพบูลย์และ อ.นิเวศน์ 1.)อายุยืน 2.)มีสุขภาพที่แข็งแรงจนวาระสุดท้าย 3.)มีเวลาทำในสิ่งที่อยากทำ 4.)หาความสุขจากสิ่งทั่วไป โดยที่ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากจนเกินกำลัง

12.มีวิธีการ Valuation อย่างไร
อ.ไพบูลย์ แนะนำว่าไปลองศึกษา Security Analysis ดูซึ่งอาจจะไม่ได้ประเมินง่ายอย่างที่เห็นกัน ไม่ใช่แค่ว่าดูว่า P/E ต่ำเท่านั้น จริงๆมีอะไรมากกว่านั้นเยอะ
อ.นิเวศน์ พยายาม Valuation โดยมองหาธุรกิจที่กำไรสม่ำเสมอ โดยมีกำไรย้อนหลัง 5 ปีต่อเนื่อง เป็น Background ซึ่งบางธุรกิจที่เป็น Commodity เราอาจจะประเมินไม่ได้

13.หนังสือแนะนำของ อาจารย์ทั้ง 2 ท่าน
อ.ไพบูลย์ 1.)คู่มือมนุษย์ (ท่านพุทธทาส) 2.ฤทธิ์มีดสั้น (ลี้คิมฮวง) เป็นบุคคลที่รักเพื่อนและไม่พยายามไขว่คว้าสิ่งต่างๆเป็นของตัวเอง 3.Random Walk Down
อ.นิเวศน์ 1.)Once Upon Wall Street 2.)Homo Sapiens 3.)ข้างหลังภาพ


สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณ

1.วิทยากรทุกท่าน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรากร, ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา, คุณเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ, คุณทิวา ชินธาดาพงศ์, คุณภาววิทย์ กลิ่นประทุม, คุณเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ที่กรุณาให้ความรู้แก่ผมและเพื่อนๆในงาน
และขอขอบคุณ ท่านอาจารย์นิเวศน์ เป็นอย่างสูงที่กรุณา Share ความรู้และประสบการณ์ชีวิตอันมีค่าให้ผมและเพื่อนๆที่มีโอกาสร่วมโต๊ะ Dinner กับท่านอาจารย์

2.พี่ๆน้องๆทีมงานที่จัดงาน Chula Investment Forum 2024 ทุกท่าน ที่จัดงานดีๆให้เพื่อนๆนักลงทุนและนิสิต,นักศึกษาได้รับความรู้อันมีประโยชน์ต่อการลงทุนและต่อชีวิต

และสุดท้ายนี้ขอขอบคุณสมาคม Thaivi และกัลยาณมิตรของผมทุกๆท่าน ที่ช่วยให้ความรู้ในด้านการลงทุนกับผมอยู่เสมอๆ

ขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างสูง
earthcu/26 Mar 24
Life is beautiful + Financial freedom within 2015 by investment stock & real estate
ภาพประจำตัวสมาชิก
Bird.Songwut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 237
ผู้ติดตาม: 163

Re: สรุปความรู้งาน Chula Investment Forum 2024 (17 Mar 24)

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณสำหรับการสรุปเนื้อหาครับ
"มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้นจะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล"
Investor hub : ห้องลับนักลงทุน https://www.youtube.com/@Investor_hub
โพสต์โพสต์