สรุปสัมมนาวีไอภาคใต้ โดย SeminarKnowledge page

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2646
ผู้ติดตาม: 273

สรุปสัมมนาวีไอภาคใต้ โดย SeminarKnowledge page

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สัมมนาวีไอภาคใต้ ครั้งที่58 โดย อาจารย์โจ และ ทีมงาน
สรุปโดย SeminarKnowledge page

สัมมนาคราวนี้ ถือว่าได้แชร์ แบ่งปัน ความรู้กันอย่างแท้จริง เพราะ มีนักลงทุนหลายท่าน
มาร่วมงาน เช่น พี่ตี้ คุณนุช น้องวัตร น้องเบิ้ม น้องเอก น้องเป้ หมอปิง น้องโต เป็นต้น
และแสดงความคิดเห็น ให้ความรู้กับนักลงทุนมือใหม่อย่างแท้จริง เพราะน้องๆ
หลายคน พึ่งเรียนปีหนึ่งของมอ เอง ก็มาฟังสัมมนาคราวนี้แล้ว ก็เลยมีเนื้อหาส่วนนึงสำหรับ
สอนมือใหม่ ประกอบกับ ต้องการแบ่งเบาการพูดของอาจารย์โจด้วย เนื่องจากเส้นเสียงยัง
ไม่กลับมาเหมือนปกติ ก็เลยช่วยกันให้ความรู้กับเพื่อนนักลงทุนในห้องกัน

แนวทางสำหรับการลงทุนให้ประสบความสำเร็จ
เป็นคำถามจากมือใหม่ ซึ่ง อาจารย์โจให้ความเห็นว่า ก่อนอื่นต้องหาไอดอล(ไม่ใช่เน็ตไอดอลนะครับ)
ของการลงทุนเสียก่อน เพื่อเป็นแบบอย่างที่จะเลียนแบบ

ถ้าเลือกได้แล้ว แค่copyเขาเท่านั้น ตัวอาจารย์โจเอง ก็เลือกดร นิเวศน์เป็น ไอดอล
แต่สไตล์การลงทุน จะเป็นการสร้างขึ้นมามากกว่า สังเกตว่าแตกต่างจาก ดร นิเวศน์ ที่เน้นหุ้นSuperstock
จากการสังเกตหุ้นที่อาจารย์โจเลือกลงทุน จะเป็นหุ้นขนาดเล็กที่ไม่มีใครสนใจ เช่น ในอดีต บริษํทไทยเรยอน
ซึ่งยุคนั้น อุตสาหกรรมสิ่งทอยังไปได้ แอดมินเองก็เคยศึกษาตัวนี้มาเหมือนกัน สังเกตว่านักลงทุนที่โฟกัสจะมี
หุ้นบริษัทด้วย แต่นักลงทุนทั่วไปจะไม่รู้จักกัน เป็นต้น


อาจารย์แทบจะไม่ซื้อหุ้นตามใครเลย แต่ก็รับฟังข้อมูลจากหลายแหล่งข่าวไทย ( จริงๆถ้าฟังจากหลายสัมมนา
ที่อาจารย์ขึ้นไปพูด จะรู้ว่า แหล่งข่าวนี้ที่หาง่ายๆและใช้ได้ ก็มาจากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง)
อาจารย์บอกว่าต้องมีปัจเจกค่อนข้างสูง เราจะไม่ซื้อมั่ว
ชอบ ที่อาจารย์เปรียบเทียบ ว่า มวยวัด ไม่มีทางดัง (เอ คือ อะไรหว่า)
อาจารย์เฉลยว่า เนื่องจากการชกแบบมวยวัด ไม่มีรูปแบบ ชกสะเปะสะปะ เหมือนกับซื้อหุ้นมั่วๆ ดังนั้นมีโอกาสแพ้สูง
อาจารย์โจ โฟกัสหุ้นเล็ก และทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จ ผลตอบแทนต่อปีสูงมาก

พี่ตี้ ก็เป็นนักลงทุนวีไอหาดใหญ่ที่พอร์ตโตมาก อาจารย์โจพูดถึงอยู่บ่อยๆ พี่ตี้เป็นคนใจเย็น อธิบาย
นักลงทุนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย หลายคนถ้านำไปใช้ก็จะประสบความสำเร็จ เพราะเป็นแนวทางที่เรียบง่าย
พี่ตี้บอกว่า คำถามนี้ฮิตมาก คนถามเยอะ
หลักการการลงทุนสำหรับมือใหม่ คือ
1.เลือกหุ้นที่มียอดขายจากRecurring income มาแบบสม่ำเสมอ
(อาจารย์โจยกตัวอย่างเช่น หุ้นค้าปลีก ซึ่งปกติก็จะมีการขยายสาขาต่อเนื่องทุกปี และยังมีการเติบโตของสาขาเดิมซึ่งเรียกว่าSSSG ด้วย) อันนี้ทำให้เราเห็นกำไรมาแบบสม่ำเสมอ ไม่เหมือนบางธุรกิจ ที่ต้องสร้างยอดขายใหม่ทุกปี ที่เห็นชัด
เช่น งานก่อสร้าง รับเหมา หรือ บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ตลาดให้PEกลุ่มนี้ไม่สูง หรือ ธุรกิจเกมส์ ที่บางปีเกมส์ฮิตกำไรก็ดี แต่พอปีต่อมา เกมส์ใหม่ไม่ฮิตก็กำไรหดหาย)
2.เป็นธุรกิจที่เข้าใจง่าย (แม้แต่เด็กๆก็เข้าใจได้)
3.อย่าเลือกหุ้นเลียนแบบคนเก่งๆ เพราะ เขาเก่งแล้ว ใช้ท่ายากได้ ดังนั้นหุ้นที่เขาเลือกจะต้องอาศัยประสบการณ์สูง
จึงเข้าใจได้ ถ้าเราไปลงทุนตาม เวลาออก เราไม่รู้ว่าเขาออกกันตอนไหน เพราะเราไม่เข้าใจในธุรกิจ
4.ผลประกอบการบริษัทไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก (อันนี้ตัดกลุ่ม Commodityออกไปเลย เพราะผลประกอบการ
แกว่งตัวมาก เช่น หุ้นถุงมือยาง)
5.ปันผลได้สม่ำเสมอ (จะช่วยเรื่องจิตใจเราได้ตอนหุ้นตก)
6.ธุรกิจที่อยู่มานานไม่มีใครอยากมาแข่ง อาจมีmarket shareอันดับหนึ่ง และห่างจากอันดับสองมาก มีกำไรเหมาะสม

หลายคนจะแนะนำให้ศึกษาBusiness Model แต่ไม่เข้าใจว่าขั้นตอนต้องดูอะไรบ้าง
อาจารย์โจเลยมาเฉลยว่า คล้ายๆกับขั้นตอนการชงกาแฟ มีขั้นตอน 1,2,3
Business model จะให้ดู
1.ความสามารถในการแข่งขันเป็นอันดับแรก หลายคนจะพูดว่า มี competitive advantage หรือ Moat
2.ดูสินค้าของบริษัทได้รับความนิยมไหม
3.หลังจากพบว่าสินค้ามีความนิยม ก็ดูงบการเงิน ว่าขายดีแล้วกำไรดีไหม
4.สุดท้าย ก็กำไรดี ปันผลออกมาให้ผู้ถือหุ้นไหม (บางบริษัทกำไรดี แต่ไปอยู่ในตัวลูกหนี้เยอะ อาจเปลี่ยนเป็นเงินไม่ได้)

มาขยายเรื่องความสามารถในการแข่งขัน ที่บอกว่าสำคัญสุด
1.1 สินค้านั้น ต้องโดดเด่นในสายตาของผู้บริโภค ไม่ใช่ว่า จะไปซื้อซอสหรือซีอิ้วอะไรก็ได้
เป็นสินค้าที่ทุกคนซื้อซ้ำ รายได้มั่นคงแน่นอน
1.2 คู่แข่งเข้ามาแข่งด้วยยาก หรือเรียกว่า Barrier to entry สูง แบรนด์เหล่านี้เข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคเรียบร้อย
เช่น แบรนด์ Apple มือถือ iphone แทบจะครองโลกแล้ว หุ้นAppleบางครั้งมีmarket cap อันดับหนึ่งของโลก
ซึ่งทำให้ Warren Buffett เข้ามาซื้อหุ้นเมื่อ4-5ปีก่อน ตอนนี้ถือเป็นอันดับหนึ่งของพอร์ต

สำหรับหุ้นที่มีrecurring income เราก็ต้องหมั่นตรวจดูทุกไตรมาส จากงบการเงิน ข่าวสารของคู่แข่งด้วยว่าสามารถ
เพิ่มmarket shareมาเท่ากับหรือแซงหน้าเจ้าตลาดได้ไหม ถ้าทำได้ รายได้recurring incomeอาจไม่เหมือนเดิม

ตัวอย่างบริษัทที่เก่ง ตอนนี้หลายท่านสนใจหุ้นส่งออก เพราะตลาดในประเทศเริ่มอิ่มตัว
สินค้าที่ขายดีในประเทศ มีประชากร60กว่าล้านคนชอบใช้ ดังนั้นก็มีโอกาสที่จะไปขายในต่างประเทศ
ที่มีคนถึง8,000ล้านคน ซึ่ง distribution เป็นpartnerที่สำคัญทำให้สินค้าติดตลาดในต่างประเทศ
ถ้าขายได้ดีด้วย ก็สามารถขยายTAMโตต่อไปได้อีก
หรือสินค้าจากต่างประเทศ เช่น MS office 365 ซึ่งเป็นธุรกิจแบบ Subscription คือจ่ายค่าใช้โปรแกรมเป็นรายปี
เมื่อก่อนขายขาด ชุดละหมื่นกว่าบาท ขายยาก พอเปลี่ยนรูปแบบเป็นเช่าใช้รายปี ก็มีคนมาใช้เยอะราคาถูกกว่า10เท่า

ส่วนเนื้อหาอื่น หรือ การลงทุนในต่างประเทศ ไว้มาเล่าให้ฟัง หรือ หาอ่านจากน้องเอก ที่เขียนสรุปก็ได้ครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Bird.Songwut
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 237
ผู้ติดตาม: 163

Re: สรุปสัมมนาวีไอภาคใต้ โดย SeminarKnowledge page

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับพี่อมร
"มีกระแสน้ำสายหนึ่งในกิจกรรมของคน ซึ่งเมื่อมันไหลบ่าท่วมท้นจะนำไปสู่ความมั่งคั่งมหาศาล"
Investor hub : ห้องลับนักลงทุน https://www.youtube.com/@Investor_hub
โพสต์โพสต์