💲“หาหุ้นลงทุนผ่านวิถีชีวิต : คนส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างในแต่ละเดือน”🌎

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Introverted investor
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 117
ผู้ติดตาม: 270

💲“หาหุ้นลงทุนผ่านวิถีชีวิต : คนส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้างในแต่ละเดือน”🌎

โพสต์ที่ 1

โพสต์


.............................................................................
☑(สำหรับมือใหม่)

...

นักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้นเข้ามาผจญภัยในตลาดหุ้น อาจยังหันซ้าย แลขวา จับทิศจับทางไม่ถูกว่าหลังจากที่เราศึกษาทฤษฎีและหลักการลงทุนมาพอสมควรแล้ว เมื่อลงสนามจริงเราจะเริ่มต้นอย่างไรดี? ลงทุนในหุ้นอะไรดี? จะเริ่มต้นศึกษาบริษัทในอุตสาหกรรมไหนดี? วิธีการหาหุ้นที่จะนำมาเล่าสู่กันฟังครั้งนี้คงไม่ได้ถูกต้องตามหลักการ ทฤษฎี อีกทั้งมีปัจจัยและตัวแปรต่างๆอีกมากมายที่อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นดั่งที่เราคาดหวัง ถือเสียว่าอ่านบทความด้วยอารมณ์ผ่อนคลายเนื่องในวันหยุดสุดสัปดาห์นะครับ
...................................
372802598_309606111659560_3429556480214591582_n.jpg
👉เรามาลองเริ่มต้นจากแนวคิดที่ว่า “เมื่อยังมี Demand ก็ต้องมี Supply เสมอ” เมื่อยังมีความต้องการซื้อ ก็ต้องมีใครสักคนต้องการขายมันเช่นกัน ด้วยความสงสัยผมเลยไปสอดส่องหาข้อมูล “ค่าใช้จ่ายครัวเรือน” โดยเริ่มต้นจากประเทศไทยว่า “มนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ที่เราจำเป็นต้องจ่ายเงินออกไปในแต่ละเดือนอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก” หากสิ่งนั้นมีผู้คนจำนวนมากพร้อมกันจ่ายเงินออกไปเหมือนๆกัน อีกทั้งจ่ายไปในสัดส่วนซึ่งมากที่สุดในแต่ละเดือน ก็คงตั้งสมมติฐานได้อย่างคร่าวๆว่า ค่าใช้จ่ายนั้นคือ “สิ่งจำเป็น” สำหรับการดำรงชีวิต หรือเพื่อหล่อเลี้ยงจิตใจยามที่พวกเขาต้องดำเนินชีวิตต่อไปท่ามกลางความวุ่นวายและสับสนบนโลกใบนี้
...................................

วิธีการเช่นนี้นอกจากมือใหม่แล้วอาจจะใช้ได้กับนักลงทุนในหุ้นที่ทนแบกรับความผันผวนหรือความเสี่ยงได้ไม่มากนัก เหตุเพราะในบทความนี้เราหยิบยกนำหลักการ “ลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการซึ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต”แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่ายังมีปัจจัยอื่นๆอีกมากมายซึ่งจะเข้ามากระทบกับวิถีทางการลงทุนของเรา ค่อยๆศึกษาและเรียนรู้กันไปครับ ผมเริ่มต้นค้นหาข้อมูลค่าใช้จ่ายครัวเรือน และค่าใช้จ่ายรายเดือนส่วนบุคคลเป็นรายประเทศ แต่จะให้ไปเก็บข้อมูลทั้งโลกคงเสียเวลาและไร้ประโยชน์ ผมจึงเลือกเก็บข้อมูลเฉพาะประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุด ขนาดเศรษฐกิจ (GDP) ใหญ่ที่สุด และเพิ่มเติมประเทศไทยเข้าไปด้วย จริงๆแล้วผลลัพธ์ของแต่ละประเทศไม่ได้แตกต่างกันมากนัก อาจเพราะสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ไม่ว่าจะชนชาติใด อาศัยอยู่แห่งหนใดบนโลกใบนี้คงไม่แตกต่างกัน
...................................

📶“ประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก”
...
🔹 อินเดีย : 1,428 ล้านคน
🔹 จีน : 1,425 ล้านคน
🔹 สหรัฐอเมริกา : 340 ล้านคน
🔹 อินโดนิเซีย : 277 ล้านคน
🔹 ปากีสถาน : 240 ล้านคน
...................................

📶“ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก”
...
🔸 สหรัฐอเมริกา : 23 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
🔸 จีน : 17.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
🔸 ญี่ปุ่น 4.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
🔸 เยอรมัน : 4.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
🔸 สหราชอาณาจักร : 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
...................................

🌎 “อันดับค่าใช้จ่ายครัวเรือน โดยเฉลี่ยจากประเทศอินเดีย จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมัน สหราชอาณาจักร เวียดนาม และประเทศไทย เราใช้จ่ายไปกับสิ่งใดมากที่สุดในแต่ละเดือน”
...

1⃣ “ที่อยู่อาศัย”

ค่าเช่า ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าแก๊ส ค่างวดผ่อนชำระที่อยู่อาศัย ค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษา เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ ค่าบริการและอุปกรณ์ทำความสะอาด
...
ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ : ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย / ธุรกิจผลิตไฟฟ้า น้ำประปา ก๊าซปิโตรเลียมเหลว / ธุรกิจการเงินและสินเชื่อ / ธุรกิจผลิตวัสดุก่อสร้าง / ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง / ธุรกิจค้าปลีกอุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า และของตกแต่งบ้าน
...................................

2⃣ “อาหารและเครื่องดื่ม”
อาหารสำเร็จรูป การทานอาหารนอกบ้าน เนื้อสัตว์ ข้าวและอาหารประเภทแป้ง ผัก ผลไม้ นม
...
ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ : ธุรกิจผลิตอาหารพร้อมทาน อาหารสำเร็จรูป / ธุรกิจร้านอาหาร / ธุรกิจเนื้อสัตว์แปรรูป / ธุรกิจค้าปลีก
...................................

3⃣ “การเดินทาง”
ขนส่งสาธารณะ การซื้อยานพาหนะส่วนตัว เชื้อเพลิง การซ่อมบำรุงยานพาหนะ ค่างวดผ่อนชำระยานพาหนะ
...
ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ : ธุรกิจขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า แพลตฟอร์มเรียกรถรับจ้าง / ธุรกิจผลิตเชื้อเพลิง เช่นไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซปิโตรเลียมเหลว / ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ / ธุรกิจจัดจำหน่ายยานพาหนะ / ธุรกิจการเงินและสินเชื่อ
...................................

4⃣ “การสื่อสาร”
โทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที
...
ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ : ธุรกิจผลิตและจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที / ธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ / ธุรกิจโครงข่ายที่เกี่ยวข้องกับสัญญาณโทรศัพท์ และอินเตอร์เน็ต / เทคโนโลยีสารสนเทศ โครงข่ายโทรคมนาคม
...................................

5⃣ “บริการและของใช้ส่วนตัว”
สินค้าความงาม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ดูแลเด็ก ของใช้ภายในห้องน้ำ ค่าบริการและอุปกรณ์ออกกำลังกาย
...
ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ : ธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าความงาม เครื่องสำอาง / ธุรกิจผลิตภัณฑ์ส่วนบุคคล ผลิตภัณฑ์ดูแลตนเอง
...................................

6⃣ “ประกันภัยส่วนบุคคล”
ประกันภัยที่อยู่อาศัย ยานพาหนะ อุบัติเหตุ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ
...
✴ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ : ธุรกิจประกันภัยต่างๆ
...................................

7⃣ “สุขภาพ”
ยาและเวชภัณฑ์ บริการทางการแพทย์
...
ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ : ธุรกิจผลิตยาและเวชภัณฑ์ วิตามิน อาหารเสริม / ธุรกิจคลินิกเสริมความงาม / ธุรกิจโรงพยาบาล และบริการทางการแพทย์เฉพาะทาง
...................................

8⃣ “บันเทิง”
สัตว์เลี้ยง อุปกรณ์รับภาพและเสียง การท่องเที่ยว ภาพยนตร์ หนังสือ
...
ธุรกิจที่ได้รับประโยชน์ : ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง / ธุรกิจโรงแรม ที่พัก / ธุรกิจสายการบิน / ธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้า / แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ
...................................

✅วิธีการเช่นนี้คือการสังเกตว่าธุรกิจหรืออุตสาหกรรมใดบ้างที่มักจะได้ประโยชน์ จากมุมมองต่อค่าใช้จ่ายของคนส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวัน หากให้กล่าวแบบนักวิชาการก็คงจะมีกลิ่นของการวิเคราะห์แบบ “Top Down Approach” อยู่เนืองๆ นั่นคือการวิเคราะห์จากบนลงล่าง ข้อมูลทางเศรษฐกิจในภาพรวมซึ่งไม่ได้ละเอียดลออมากนัก
...................................

เมื่อเราทราบแล้วว่าธุรกิจใดน่าจะมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรในอนาคต แนวโน้มอาจเพิ่มขึ้นหรือลดลงบ้างตามแต่ปัจจัยต่างๆจะเอื้ออำนวย แต่ความต้องการจะไม่มีวันจางหายไปไหนได้ง่ายๆ ก็น่าจะพอทำให้การเริ่มต้นในฐานะนักลงทุนมือใหม่ของเราออกเดินทางต่อไปได้อย่างสะดวกและสบายใจมากขึ้น เมื่อมีหลักการบางสิ่งให้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ขั้นตอนต่อไปคือการเหลียวมองไปยังตลาดหุ้นว่าธุรกิจที่ว่ามาทั้งหมดนั้นมีให้ซื้อหามาไว้ในครอบครองหรือไม่
...................................

บริษัทใดมีฐานะทางการเงินอันแข็งแกร่ง บริษัทใดได้เปรียบเพราะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม บริษัทใดมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต บริษัทใดที่จะไม่ล้มหายตายจากไปอย่างง่ายๆหากต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงและวิกฤตทางเศรษฐกิจในอนาคต เราอาจลองตรวจสอบดูอย่างง่ายๆว่า บริษัทนั้นๆ มี อัตราส่วนทางการเงินทั้งในอดีตและปัจจุบันเป็นอย่างไร อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) : สูงอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ อาจใช้ค่าเฉลี่ย 3 -5 ปีย้อนหลัง (พิมพ์นิยมตามตำรา = >15%) อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (DE) : ต่ำ (พิมพ์นิยมตามตำรา = ไม่เกิน 1-2 เท่า) มีการจ่ายปันผลทุกปีอย่างสม่ำเสมอ ในอัตราที่เหมาะสม
...................................

เพียงเท่านี้สำหรับตลาดหุ้นไทย เราก็จะสามารถตัดทิ้งหุ้นที่ไม่เข้าข่ายตามหลักการของเราไปเกินกว่าครึ่งแล้ว อาจจะเหลือไม่ถึง 50 – 80 บริษัทด้วยซ้ำ ช่วยย่นระยะเวลาในการศึกษาอย่างเจาะลึกไปทีละบริษัท และตัดหุ้นที่เข้าใจได้ยากเย็นทิ้งไปทันทีในเบื้องต้น และอย่าลืมเรียนรู้การประเมินมูลค่ากิจการ เข้าซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสมเท่านั้น โลกการลงทุนมีปัจจัยมากมายที่ส่งผลต่อการประสบความสำเร็จ ขอเพียงได้เริ่มต้นก็เป็นหมุดหมายที่สำคัญแล้ว
...
ขอให้นักลงทุนมือใหม่และคุณผู้อ่านทุกท่านมีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ
😊
Try to be : Full Time Investor, Reader, Writer, Learner & Cultural observer.
......................................
I have a passion for keeping things simple.
......................................
https://www.facebook.com/Introverted.investor
โพสต์โพสต์