Delivery Platform ใกล้ได้ผู้ชนะแล้ว

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
huatoh
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 172
ผู้ติดตาม: 46

Delivery Platform ใกล้ได้ผู้ชนะแล้ว

โพสต์ที่ 1

โพสต์

IMG_5278.jpeg
IMG_5277.jpeg
IMG_5275.jpeg
IMG_5273.jpeg
IMG_5272.jpeg
IMG_5271.jpeg
miracle
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 18398
ผู้ติดตาม: 75

Re: Delivery Platform ใกล้ได้ผู้ชนะแล้ว

โพสต์ที่ 2

โพสต์

Lazada /Shoppee เป็นผู้ชนะในเรื่องการค้าปลีก โดย ที่กำไรมาจากการขึ้นราคาของการวางของขาย (Margin) โดยราคาของ Lazada แพงกว่า Shoppee
แต่ที่น่าสงสัยคือ การส่งของทั้ง Lazada และ Shoppee สามารถทำกำไรได้ด้วยหรือ
ตอนแรก Lazada และ Shoppee นั้นใช้ ทั้ง Kerry / Thailand post /Flash ในการส่ง แต่หลังๆ
Lazada -> Lazada Logitic
Shoppee -> ก็มีของตัวเอง
เอาทั้งสองตัวเป็นตัวส่งแทนของเดิม แต่มีบ้างร้านที่ ส่งเองอยู่เหมือนกัน
การคืนของก็คืนของ นั้น Lazada ผ่าน Thailand Post หรือ Flash ได้
แต่ Shoppee ไม่เคยคืนสินค้า
ร้านค้ามีระบบผู้ติดตาม อีกตางหาก ที่ได้ส่วนลดมากขึ้น
ระบบ ของทั้ง Lazada และ Shoppee มีปัญหา แล้วจัดการไวมาก
ตอนนั้นเครม สินค้าชิ้นหนึ่งมูลค่าหลายพันบาท โดยร้านรับประกัน 1 ปี แต่ทว่า เปิดใช้แล้ว พัง
ร้านค้าไม่ยอม แต่ Lazada ออกค่าส่งคืนให้ เนื่องจาก ว่าร้านค้าบอกรับประกัน 1 ปี
สุดท้ายผ่านไปประมาณ 1 เดือน ร้านค้า ส่งของใหม่มาให้ เปลี่ยนของเดิมที่เสีย
ตอนนี้ Lazada ปรับเปลี่ยนเรื่องระบบการรับของ ให้กดยืนยัน ก่อนหน้านี้ ไม่มี การกดแบบนี้

กลยุทธ์อีกอย่างคือ ให้ผู้ใช้งานมากๆ คือ เอาเกมมาล่อใจ นั้นเอง เพื่อให้ได้เหรียญหรือใช้งานเหรียญ ภายในตัว Application มันทำให้ User อยู่บน Platform ได้นานขึ้นกว่าเดิม ไม่ใช่มีแต่การซื้อขายแต่มีมากกว่านั้น เป็นเกมง่ายๆ เช่นรดน้ำได้ กระดาษชำระ หรือได้ข้าวสามฟรี แต่กว่าจะได้ ต้องมีการซื้อของใน Application เพื่อแลกกับน้ำที่สามารถเอามารดต้นไม้ได้มากขึ้น (จำกัดจำนวน 3 ครั้งได้ ครั้งละ 1500 ccในเกม) หรือต้องดูสินค้า เพื่อแลกเหรียญอะไรประมาณนี้ และน้ำที่รดต้นไม้มากขึ้น

ส่วนเกมจับคู่อันนี้ ต้องใช้เหรียญที่มากขึ้น นั้นเอง แปลงเหรียญเป็นของใช้ในเกมแบบทางอ้อม ไม่ให้เหรียญในตัว Platform มากจนเกินไป

ที่สำคัญคือ ระบบนั้นรองรับได้แค่ไหน นั้นคือ Cloud platform ต้องรับได้ด้วย คือ Proof ไปในตัวเลยว่า
ปริมาณการสั่งซื้อจำนวนมหาศาลสามารถรองรับได้ ไม่ล่ม

ก้าวกระโดดอยู่ที่ไหน บอกเลยว่า ดาราเข้ามาแจม นั้นแหละ Jumpping

เอาง่ายๆ ถ้าหากคุณทำงาน ที่ตึกสำนักงานต่างๆ ต้องมีมุมที่ให้ คนส่งสินค้าสามารถส่งสินค้าได้ มีLocker แบบ Eletronic ติดตั้งไว้ใต้สำนักงานบางแห่งเลยทีเดียว

------------------------------------------------------------
ส่วนพวก Grab พวกนี้ใช้งานน้อย เป็นคนเดินออกกำลังกายเพราะบ้านใกล้แหล่งของรับประทาน
ขนาดโควิค19 ระบาดหนักๆๆ ก็สามารถซื้อหาของกินกลับมาบ้านทานได้ มี 7-11 อยู่ 4 ร้าน
คิดเอาว่าอดอยากไหม

พวกนี้ได้ ตอนแรกให้ค่าเที่ยวกับ คนขับ จำนวนมากเพื่อดึงคนขับ และ ไม่เพียงแค่นั้น ก็ดึงร้านเข้ามาในระบบด้วย เรียกได้ว่า เงินสดไล่มาที่ application ก็ให้ร้านค้าวันถัดไป (เหมือน terminal 21 ที่ร้านอาหารต้องราคาถูก เพื่อเป็นตัวดึงดูด)

ด้านคนใช้งาน ก็ออกพวกคูปองส่วนลด (เป็นการ Burn cash ) ให้เรียกรู้การใช้งาน Application พร้อมทั้ง เริ่มช่องทางออนไลน์ตา่งๆ
เมื่อคนเริ่มติดคือ ขี้เกียจ ก็สั่งเอาง่ายดี ประหยัดเวลาและน้ำมัน นั้นเอง

เมื่อคนใช้มากขึ้น งานนี้คือ GP ของร้านค้า (ปรับเพิ่มขึ้นจนมีดราม่าเรื่องปริมาณอาหารน้อยกว่าที่ราคาเดียวกัน หรือ ขนาดแก้วน้ำที่เล็กกว่าราคาเดียวกัน) และ ค่าเที่ยวของ คนขับลดลง (ออกสื่อหลายครั้งสำหรับเรื่องนี้)

แล้วไม่พอ ร้านค้าไหนที่ยอดตกก็ต้องโดนบังคับให้ทำ Promotion อีกต่างหาก (ตอนร้านทำ Promotion ทำให้ยอดขายดี กว่าปกตินั้นเอง)

จุด Break event คือ พฤติกรรมของคนต้องเปลี่ยน จงเกิดความขี้เกียจนั้นเอง
ถ้าเรายังขยันอยู่ ก็ไม่เสียเงินนั้นเอง

จุดที่น่าคิดคือ บางสถานที่ตั้งโต๊ะให้ส่งที่โต๊ะ ส่งอาหาร/เครื่องดื่ม โทรหาคนสั่ง บอกว่าวางที่โต๊ะแล้วไปได้ เอาแบบนี้ซิ
หรือ ต้องจัดสถานที่ส่งอาหารแบบชัดเจนเลย เรียกได้ว่า มีช่องพิเศษให้เลยทีเดียว

ขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขขข
ด้านตัวอุตสาหกรรม Shoppe VS Lazada ก็มีคนถอนทัพคือ JD นั้นเอง และ คนอื่นๆ ก็เน้นไปที่ Nich market เช่น nocnoc เป็นต้น
ส่วน สงครามส่งอาหารนั้น ก็ยังไม่เห็นมีคนตายในสงครามหรือถอนตัวออก มีแต่ Burn cash ไปเรื่อยๆจนผู้ถือหุ้นบอกว่าทำไปเพื่ออะไร

-------------------------------------------
เรื่องพวกนี้น่าไปหาอ่าน ยิ่งอ่านยิ่งสนุก เหมือน ศึกน้ำเมา จริงๆ
:)
โพสต์โพสต์