โพสต์
Bootcamp for Growing Mindset Investor : [Zoom B]..............................................................................
สรุปกิจกรรมการพูดคุยกลยุทธ์การลงทุน ช่วงถาม-ตอบ (Q&A)...
โดยทีมงานหุ้นหมีบอก หาหุ้นใส่หัว และแขกรับเชิญพิเศษ นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี.......................................
Q : ณ ช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นเกิดภาวะวิกฤติ ตลาดเป็นขาลง หุ้นร่วงทั้งกระดาน มีกลยุทธ์ในการเข้าซื้อหรือสับเปลี่ยนหุ้นอย่างไร?...
A : ดูเพียง 2 ข้อ คือ “คุณภาพและผลตอบแทน” หุ้นดังกล่าวนั้นเป็นบริษัทที่มีคุณภาพดี กิจการดีหรือไม่? วิธีสังเกตแบบเร็วๆ หยาบๆ ที่สุดคือตรวจสอบ “อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)” ใช้ค่าเฉลี่ย 4 – 5 ปีย้อนหลังว่ามีค่าตัวเลขที่สูงสม่ำเสมอ หรือมีแนวโน้มเติบโตสูงขึ้นหรือไม่? ต่อไปคือดู “ผลตอบแทน (Upside)” หากเราเลือกลงทุนในหุ้นของบริษัทนี้ ภายใน 1- 3 ปีข้างหน้าจะได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาหุ้นเท่าไหร่? ตามธรรมชาติของตลาดหุ้นเมื่อสถานการณ์พลิกกลับมาเป็นขาขึ้นเมื่อใด บริษัทที่มีปัจจัยเชิงคุณภาพดีนั้นราคาหุ้นจะดีดพุ่งขึ้นก่อนเป็นกลุ่มแรกเสมอ (เมื่อตลาดหุ้นเริ่มถล่มลงมาเมื่อใด เฝ้ามองบริษัทดีๆ ที่อยากถือครองไว้เลยสัก 3 – 5 บริษัท เพื่อรอคว้าโอกาสอันงดงาม).......................................
Q : ระหว่าง “หุ้นราคาถูกแต่ไม่มั่นใจในคุณภาพ” กับ “หุ้นราคาแพงแต่มั่นใจว่าเติบโตแน่” จะเลือกลงทุนตัวไหนดี?...
A : ดูที่ “Upside” เป็นหลัก และมีมุมมองระยะยาว 3 -5 ปีออกไปในอนาคต ลองคำนวณตัวเลขดูว่าหุ้นแต่ละบริษัท ถ้าลงทุนในวันนี้ เราจะได้ผลตอบแทนรวมเท่าไหร่? เฉลี่ยต่อปีเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ คำนวณออกมาให้หมดว่าต่อปีเท่าไหร่? 3 ปีเท่าไหร่? 5 ปีเท่าไหร่? บริษัทใดมีแนวโน้มได้รับผลตอบแทนมากกว่าก็เลือกบริษัทนั้น หุ้นเกรด B-C แต่ถูกมากๆก็น่าสนใจ ส่วนหุ้นแพงแต่อนาคตกำไรสุทธิเพิ่มมากขึ้น ค่า P/E ก็จะลดลงมาเอง แล้วแต่ว่าฝั่งไหนให้ผลตอบแทนมากกว่ากัน.......................................
Q : การลงทุนในหุ้นขนาดเล็กและเติบโตเร็ว ทำอย่างไรเราจึงจะมองเห็นการเติบโตที่เกิดขึ้นในอนาคตก่อนคนอื่น?...
A : เราต้องติดตามหุ้นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และติดตามมาอย่างยาวนานมากพอ คัดเลือกมาเลยสัก 10 บริษัทที่มีแนวโน้มจะเติบโตในอนาคต การติดตามบริษัทใดบริษัทหนึ่งมาอย่างยาวนานและใกล้ชิดก็มีโอกาสที่เราจะเห็นบางสิ่งก่อนคนอื่น สังเกตเห็นพัฒนาการ การเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ผู้บริหารน่าเชื่อถือและมีความพยายามที่จะสร้างการเติบโต ธุรกิจแข็งแกร่ง อุตสาหกรรมเอื้อต่อการเติบโต.......................................
Q : การ ‘Short Sale หุ้น’ เพื่อบริหารพอร์ตการลงทุน เป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่?...
A : ส่วนตัวสนใจและอยากลอง แต่ยังไม่มั่นใจและยังไม่มีโอกาสที่คิดว่าเหมาะสม ถ้าจะ ‘Short Sale’ เพื่อบริหารและลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในภาพรวม เมื่อคาดการณ์ว่าตลาดจะเป็นขาลง ควรใช้ ‘TFEX’ ซึ่งเป็นภาพรวมทั้งตลาด ไม่ใช่รายตัว และต้องเป็นระยะสั้น ไม่ใช่ระยะยาว จะเหมาะสมและคาดการณ์ได้ง่ายกว่า โดยส่วนตัวนั้นสนใจและกำลังหาจังหวะเวลาที่เหมาะสมอยู่ การที่เราคิดจะลงมือทดลองทำบางสิ่งเพื่อการเรียนรู้นั้นสมควรทำเลย ด้วยสัดส่วนจำนวนเงินน้อยๆ จะได้ประสบการณ์แน่นอน.......................................
Q : ไม่ได้เป็นนักลงทุนเต็มเวลา ต้องทำงานประจำไปด้วย ไม่ค่อยมีเวลาหาข้อมูล ข้อมูลที่หาได้ก็เป็นข้อมูลทั่วๆไป ไม่ใช่เชิงลึก จะทำอย่างไรดี?...
A : คนที่ทำงานประจำ อย่ากลัวว่าจะสู้นักลงทุนเต็มเวลาไม่ได้ ไม่ใช่ข้อจำกัดสำหรับการประสบความสำเร็จ “นักลงทุนชนะกันที่ความคิด” ต่อให้ค้นหาข้อมูลมาได้เยอะแยะมากมาย แต่คิดไม่เป็น คิดไม่ออก ก็เปล่าประโยชน์ เมื่อรวบรวมข้อมูลมาได้พอสมควรแล้วก็นำเข้าสมองเก็บมาคิดให้เยอะๆ บางครั้งคุณกินข้าว อาบน้ำ แต่ในหัวกำลังคิดและตั้งคำถาม นั่นคือคุณก็กำลังทำงานอยู่นะ “กระบวนการคิดและตั้งคำถามคือส่วนหนึ่งของการทำงาน”.......................................
Q : เราจะพัฒนาความรู้ด้านการลงทุนอย่างไรดี?...
A : มีหลากหลายวิธีการ วิธีการหนึ่งซึ่งได้ผลดีมากคือ “การค้นหารูปแบบของความสำเร็จ” เรียนรู้จากกรณีศึกษาในอดีต (Case Study) ลองศึกษาหุ้นที่ในอดีตราคาพุ่งขึ้นมาหลายเท่าตัว หารูปแบบของมันให้พบ ช่วงเวลาต่างๆที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง หุ้นขึ้นเพราะอะไร บริษัทมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง กิจการในช่วงเวลานั้นๆเป็นอย่างไร? เวลาซื้อหุ้นต้องจดบันทึกเสมอ จดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหุ้นตัวนั้น รวมถึงการประเมินมูลค่า จดไปเรื่อยๆ เวลาผมซื้อหุ้นบริษัทไหนผมจะจดบันทึกใส่สมุดเป็นเล่มๆเลย ในอนาคตหากเราพบเจอกับความสำเร็จด้วยตนเอง จะยิ่งเรียนรู้ได้ดีมากขึ้น ทำซ้ำได้มากขึ้น.......................................
Q : อยากลงทุนในหุ้นเติบโต ต้องมีวิธีคิดอย่างไร?...
A : การที่บริษัทใดๆจะสามารถสร้างการเติบโตได้ดีและง่ายที่สุดคือ “การปรับโครงสร้างธุรกิจ (Scale Up)” และ “การผูกขาดทางธุรกิจ (Monopoly)” หากคุณพบบริษัทใดที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ชนะคู่แข่งแบบทิ้งห่างอันดับที่สองมหาศาล ถ้าเจอเมื่อไหร่คุณต้องเกาะติดเลย ติดตามอย่างใกล้ชิด ลองเปรียบเทียบกับขนาดของตลาดในอุตสาหกรรมนั้นๆ ดูว่าบริษัทนี้จะสามารถเติบโตไปได้อีกไกลเพียงใด...
อย่าลืมตรวจสอบผู้บริหารด้วย ผู้บริหารที่เก่งเพียงพอจะทำให้บริษัทเติบโตได้ดีต้องมี “กลยุทธ์ในการดำเนินงานที่ดี (Operation)” และ “การจัดสรรเงินทุนที่ดี (Capital Allocation)” ผู้บริหารบางคนใช้เงินไม่เป็น ซื้อกิจการไม่เป็น พอมีเงินเหลือก็ใช้ไปกับสิ่งที่ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นหรือบริษัทอย่างแท้จริง
...
การทำ ‘Watchlist หุ้น’ เพื่อศึกษาหาข้อมูลและคอยติดตาม สำหรับตลาดหุ้นไทยนั้นบริษัทที่เราจะติดตามมันอย่างเจาะลึกและใกล้ชิด ไม่ควรมีจำนวนเกินกว่า 2% จากจำนวนหุ้นทั้งหมดในตลาด (ค่าเฉลี่ยบริษัทในตลาดหุ้นไทยที่เติบโตเร็วและประสบความสำเร็จจริง) รวบรวมมาสัก 10 – 20 บริษัทก็พอแล้ว ถ้าเกินไปกว่านี้ตัดทิ้งได้เลย เพราะเราติดตามไม่ไหว เยอะเกินไป เหนื่อยเกินไป
..............................................................................
สุดท้ายขอขอบคุณทีมงาน ‘หุ้นหมีบอก’ และ ‘หาหุ้นใส่หัว’ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ สำหรับความมุ่งมั่นเพื่อจัดกิจกรรมดีๆ มีประโยชน์ต่อนักลงทุนมากๆ หวังว่าจะมีกิจกรรมพิเศษเช่นนี้ในครั้งต่อๆไปครับ...
ขอขอบคุณ ‘นพ.พงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี’ สำหรับการเสียสละเวลาและมอบคำปรึกษาอันทรงคุณค่า ซึ่งทำให้ผู้ร่วมงานรับรู้ได้เลยว่า คุณหมอให้ความสำคัญ ใส่ใจ คิดตาม และตั้งใจฟัง ข้อคำถามจากผู้ร่วมงานทุกคน กลั่นกรองออกมาสู่หลักคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองของนักลงทุนมากๆครับ.......................................
ขอให้มีความสุขกับการลงทุน ในทุกๆวันนะครับ
บันทึกไม่สำเร็จ