Q15: IT Green มี backlog มั้ยว่าเหลือค้างส่งเท่าไหร่?
A15: ส่วนมาก Distribution จะไม่ได้ Stock ของขนาดนั้น หรือลงทุนเยอะๆแบบ SI จะเป็นซื้อมาขายไป
Q16: เห็นยอดขาย IT Green ขึ้นตลอดเลย แสดงว่ามีโปรเจคอะไรใหม่ๆตลอด?
A16: เป็น commitment ของบริษัทเขาก็มีเป้าอยู่แล้ว มองว่าเป็นธุรกิจที่มีพื้นที่โตแน่นอน IT Green อาจะจะ Cap ตัวเองที่ธุรกิจทำด้าน digital transform คือเราจะขาย SI ทุกเจ้าไม่เฉพาะ IRCP
คุณณัฐวุฒิเสริมว่า Tiscosec เริ่มมองเป็นบวกตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังจากที่มี EV Makerหลายเจ้าเข้ามาดูและพยายามที่จะเจรจาซื้อที่เพิ่ม ก่อนหน้านี้ 2-3ปี amata ไม่ได้ขายที่ตรงชลบุรีเยอะ แต่ล่าสุดที่เจอคุณวิบูลย์ เหมือนเค้า เริ่มจะเปิดในการขายที่มากขึ้นในฝั่งชลบุรี ตรงนี้เองมองว่าจะทำให้บริษัทมี contribution ใน land sale มากขึ้น ก่อนหน้านี้ที่ชลบุรี ราคาขายจะเพิ่มขึ้นสูงมาก และ demand strong แต่ว่าทางผู้บริหารเองพยายามมองจังหวะในการขายมากกว่า ซึ่งจะมีการเสนอให้เป็น lease ด้วยและ option เป็น sell แต่ในแง่ของการขายเข้าใจว่าเค้าไม่ได้ เปิดในการขายไปเยอะทั้งๆที่ land มีเยอะ ซึ่งตรงนี้มองว่าจะช่วย drive margin เหมือนกันในอนาคต
ผู้บริหารเสริม มองว่าปัจจุบัน ในประเทศไทย อาจจะไม่ได้มีการขายอย่างเดียว แต่อาจจะมีการเช่าที่ดินด้วย แต่ละพื้นที่ smart city ที่พูดถึงคือเราจะเปิดให้ทั้งเช่า และซื้อได้ด้วย
Tiscosec เสริม ในมุมมอง valuation เข้าใจว่า industry โดยรวมจะใช้ PE อยู่แล้ว เพราะเป็นซื้อมาขายไปของที่ดิน แต่ก็จะมีการใช้ DCA บ้าง ซึ่งในแง่ของฝั่งไทยเอง เรามองเหมือน trading เวลาเรามองปีต่อปี earning มัน volatile ระดับนึง ถ้าใช้ PE มองว่าจะ สะท้อน valuation มากกว่า
ซึ่งก่อนหน้านี้อาจจะมีบางเจ้าที่พยายามใช้ NAV โดยเอาที่ดินมาคำนวณว่า ที่ดินประมาณเท่านี้ value ที่ควรจะได้เท่าไหร่ถ้าขายหมดเลย แต่ point คือถ้าเค้าไม่เปิดการขาย อันนั้นเราจะ unlock value ไม่ได้
ถ้าเค้าเริ่มเปิดการขายมันจะ unlock value ตรงนั้น คิดง่ายๆ land ของ amata มี 12,000ไร่ (10,000 ไร่เป็นชลบุรี , 2000ไร่ เป็นระยอง) ถ้าตีง่ายๆ 10,000กว่าไร่ x ราคาที่ดินชลบุรี 11ล้านบาทต่อไร่ ก็มูลค่าแสนล้านบาทแล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเค้าจะเอาที่มาขายได้มากน้อยแค่ไหน ในอดีตจะเห็น range 200/ 300 / 400ไร่ บางปี ขึ้นไป 600ไร่ แต่มันยังไม่แตะ 1,000ไร่
ซึ่งในปีนี้บริษัทก็มีการตั้ง target ที่สูง เทียบกับคู่แข่งก็ตั้ง target ที่สูงเหมือนกัน ซึ่ง Industry จะมีพวก EV car และ sector อื่นๆมาคุยมากเหมือนกัน ซึ่งมองว่าถ้ามีการเปิดการขายมากขึ้นมันจะ unlockที่ดินได้ ถ้ามองตัวเลขกลมๆ 100,000ล้าน หักหนี้ net debt จริงๆประมาณ 13,000ล้าน ซึ่งถ้าเอา 13,000ล้าน หัก 100,000ล้าน แล้วหารด้วยจจำนวนหุ้น ราคามันก็จะกระโดดไปเลย ถึงเราเอา Cost ที่เราคำนวณเข้ามา NAV ที่ได้น่าจะ 50,000-60,000ล้าน ราคาก็น่าจะ 50-60บาท ก็ขึ้นอยู่ว่าเฟสของการขายเค้าขายมากน้อยแค่ไหน ถ้าเค้าขายได้ size ใหญ่ขึ้นต่อปี ตลาดน่าจะมอง valuation ไปทาง ใกล้ๆ NAV มากขึ้น / wha ปีนี้รับรู้ BYD ไปเยอะ ปีนี้จะเหลือ backlog น้อย ซึ่งการที่เค้ารับรู้ให้ได้เยอะเค้าต้องขาย และโอนภายในปีเยอะ เลยมองในแง่ earning growth คนที่มี backlog เยอะ น่าจะได้เปรียบมากกว่า เลยมอง amata เป็นตัว top pick ซึ่ง valuation ที่คุยกันก่อนหน้านี้ ยังไม่รวม utility ยังไม่รวม land sale ในเวียดนาม หรือ potential ในลาว และถ้าเค้าเริ่มขายในลาว ตลาดจะเริ่ม unlock ตรงนี้ขึ้นมา ซึ่งถ้าเค้าเริ่มขายชลบุรีมากขึ้น ซึ่งคุณวิกรม เหมือน ว่าจะเริ่มปล่อยที่ในชลบุรีออกมาให้ขาย
คุณเด่นดาวเสริม คือเราไม่ได้ติดเรื่องที่ดินไม่มีขาย ตอนนี้การขายจะขึ้นอยู่กับลูกค้าด้วย ก่อนหน้านี้เราอาจจะดูเรื่องใน way ให้เช่า แต่ตอนนี้เรามีทั้งพื้นที่ทั้งขายและให้เช่าด้วย ตอนนี้ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องไม่มีที่ดินจะขายแล้ว
Q: ถาม tiscosecว่า การvaluation ที่ให้ เน้น DCF กับธุรกิจไหน หรือใช้ PE กับธุรกิจไหน และเน้นใช้ PE เพราะอะไร?
A: คุณณัฐวุฒิบอกว่า ใช้ pe based historical average เป็นหลัก ในการ valuation ปกติจะ trade ประมาณ 15เท่า pe
ในนั้น มองว่ามี land sale เป็นตัวตั้งเลยเพราะ ปกติแล้ว land sale ในปีที่ดีๆก็จะ 80% ที่เหลือ ก็จะเป็น contribution จาก utility และธุรกิจอื่นๆ เวียดนามใช้ marketcap ตีเข้ามาได้ แต่ไม่ได้ใช้ future value ของเวียดนามเข้ามา เพราะเราไม่ได้มี forcast ของ amatav แยก เลยมองว่า amata pe 14-15 เท่า น่าจะ average ถ้าปีที่ดีๆ ก็ +1SD ได้
——
Q: อัตราการเติบโตในการใช้ valuation อิงจาก GDP ของประเทศที่บริษัทไปลงทุน หรืออิงจากยอดโอนที่ดินของบริษัทในอดีต ?
A: อิงจากประเทศไทย เป็นหลัก ส่วน multiplier ต่างๆ ก็ใช้ performance ในอดีตที่ trade บน valuation ปัจจุบัน ซึ่งเราใช้ forward pe ในการประเมินก็ capture อนาคตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อย่างที่อธิบายเรื่อง NAV ไปก่อนหน้านี้ คือเราไม่ได้ใส่ลงไปใน valuation เพราะว่า ถ้ามองในมุม NAV มันจะมองว่าถ้าขายที่ได้หมด value มันจะไปได้เท่าไหร่ ซึ่งเหมือนกึ่งๆเหมือน value ในอนาคต ที่คนบอกจะขายบริษัททิ้ง ต้องขายที่เท่าไหร่ แต่ว่า amata ไม่ได้ขายบริษัททิ้ง เค้ามองที่เค้าราคาขึ้นไปเรื่อยๆทุกปี ซึ่ง in the end ราคา book มันก็จะถูกลงไปเรื่อยๆทุกปี ซึ่งเข้าใจว่าเราไม่ได้ restate ราคาที่ใน balance sheet ซึ่ง d/e ตอนนี้มันอิงจาก book value ที่ไม่ได้ restate อยู่
ถาม LBS เป้า 300 ล้านคือเป้า conservative หรือเปล่า
ตอบ ใช่ GP จากอดีตค่อนข้างแน่นอน เพราะงาน outsource ความเสี่ยงจ่ำ รู้ต้นคนส่งไปทำงาน + mark up กำไร
ถาม Catalyst New S-Curve ที่จะทำเราไมไ่ด้เป็น player เดียว อะไรคือความสามารถในการแข่งขันของเรา Secret rescipe
ตอบ ตลาดมี player อื่น แต่ละคนทำกันเป็นท่อนๆ แต่เราทำเป็น end 2 end ทั้งเส้น แล้วใช้ Enabler ด้วย AI ทาง IIG มีเทค มีทีม data AI ส่วนวิริยะ Data เป็นผู้นำตลาดด้านนีมี data ที่เอามาใช้ เทรนด์ AI ทางวิริยะ เมื่อมีการใช้งานมีลูกค้าคนแรกคือวิริยะ มีรายใหญ่ prove มีความน่าเชื่อถือ
อาสมชายมอง Growth engine Insurance + health care wellness เลยมีแผน พวกทำพวกนี้