สวัสดีปีใหม่ 2566/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1893
ผู้ติดตาม: 313

สวัสดีปีใหม่ 2566/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สวัสดีปีใหม่ 2566 แด่ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ดิฉันได้มาพบกับท่านในวันจันทร์แรกของปี ซึ่งปีนี้เป็นปีเริ่มต้นของปีเถาะ โดยปีเถาะของจีนจะเริ่มในวันที่ 22 มกราคม ปีนี้ถือเป็นปีกระต่ายธาตุน้ำ (Water Rabbit) หรือ กระต่ายดำ (Black Rabbit) เพราะน้ำมีความสัมพันธ์กับสีดำ

หลังจากปีเสือที่ดุร้าย ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สงคราม โรคระบาด การลงทุนที่ขาดทุนในสัดส่วนที่สูงในเกือบทุกสินทรัพย์ สาหัสไม่สาหัส สำนักข่าวบลูมเบิร์กก็มีการรวบรวมว่า ในปี 2565 ที่ผ่านมา อภิมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด 500 คนแรกในโลก มีความมั่งคั่งหดหายไปรวมกันถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 48.3 ล้านล้านบาท เลยทีเดียว

ในปี 2565 ที่ผ่านไป สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดเห็นจะเป็นเงินคริปโต หลายตัวล้มหายตายจากไปเหลือศูนย์ ตัวที่แข็งแกร่งและใหญ่ที่สุดแบบบิตคอยน์ก็ลดจากราคาสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2564 ที่ 64,000 เหรียญสหรัฐ เหลือเพียง 16,499 เหรียญสหรัฐ ในวันที่ 30 ธันวาคม หรือหากนับจากสิ้นปี 2564 ที่ราคาปิดที่ 46,214.37 เหรียญ เท่ากับราคาตกลงมา 64.3%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เป็นกลุ่มที่กระทบมากรองลงมา โดยดัชนีแนสแดค (Nasdaq) หรือ IXIC อยู่ที่ 10,478.09 หรือลดลง 33.03% จากต้นปี โดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีดังๆ ลดราคากันประมาณ 30-40% เช่น กูเกิล (GOOGL) ลดลงไป 40.62% ไมโครซอฟท์ (MSFT) ลดลงไป 30.27% เอมะซอน (AMZN) ลดครึ่งราคา ลงไป 50.92% หุ้นดังๆอย่าง ไต้หวันเซมิคอนดักเตอร์ (TWSC หรือ ชื่อย่อในการซื้อขายคือ 2330-TW) ก็มีราคาลดลงไปถึง 27.48%

ดัชนีฮั่งเส็งของฮ่องกง หนึ่งปีปรับลดลง 15.63% ดัชนีนิเคอิ 225 ลดลงไป 9.37% ดัชนีดาวโจนส์ (DJIA) ลดลงไปใกล้เคียงกันคือ 8.58% ส่วนดัชนีตลาดหุ้นไทย เปิดที่1,657.62 หลังจากที่ขึ้นไปสูงสุดในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ 1,718.55 ก็กลับมาต่ำสุดที่ 1,517.51 และอยู่เสมอตัวใกล้ราคาต้นปี โดยปิดที่ 1,668.66 บวกเพิ่มขึ้น 0.66% ทองคำก็ค่อนข้างเสมอตัวคือ หลังจากขึ้นไปสูงสุดที่ออนซ์ละ 2,043 เหรียญสหรัฐแล้ว ก็ขึ้นๆลงๆ มาต่ำสุดในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2565 เมื่ออัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐปรับสูงขึ้น และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า ที่ 1,630 เหรียญต่อออนซ์ และมาปิดท้ายปีที่ 1,816 เหรียญ เมื่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนลง ใกล้เคียงกับราคาเปิดต้นปีมากค่ะ

เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นพระเอกในปี 2565 ด้วยดัชนี USD Index ที่ 103.84 แข็งค่าขึ้น 8.18% โดยในจุดที่ดัชนีขึ้นไปสูงที่สุด ขึ้นไปถึง 114.78 เท่ากับขึ้นไป 19.57% และน้ำมันเป็นพระรอง ดัชนีราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส หรือ WTI ปรับตัวสูงขึ้น 2.4% (ข้อมูลต่างประเทศ ณ 29 ธันวาคม 2565) โดยตอนขึ้นไปสูงสุดเมื่อ 8 มีนาคม 2565 ราคาขึ้นไปถึง 129.44 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล หรือขึ้นไปถึง 68% แต่อ่อนตัวลงเมื่อคนมองว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะไม่สดใส

พอมองไปข้างหน้า เราอาจจะห่อเหี่ยวว่าเศรษฐกิจของโลกยังสาหัส เพราะราคาพลังงานที่สูงขึ้น เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น แต่หากมองข้ามไปครึ่งหลังของปี 2566 เราคงเริ่มมีความหวังขึ้นมาว่าเมื่อพ้นจากปีเสือดุ และผลลัพธ์จากสงครามไป ทุกอย่างจะเริ่มดีขึ้น

ดิฉันเชื่อว่า ทุกๆคนคงจะดีใจที่ทราบว่า ปีกระต่ายถือเป็นปีที่จะมีความสงบ สันติภาพและความสำเร็จ คนเกิดปีกระต่ายจะมีลักษณะมีความเมตตา ความสง่า และความงาม เราพอจะมีความหวังว่าเมื่อธนาคารของสหรัฐหยุดการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างบ้าคลั่ง เศรษฐกิจจะฟื้นตัว เราจึงสามารถเปิดรับโอกาสที่จะเข้ามา แต่ก็ยังอยากให้ระมัดระวังเรื่องความเสี่ยง เพราะโลกปัจจุบันมีความผันผวนมากขึ้น การกระทำและนโยบายของประเทศหนึ่งสามารถส่งผลกระทบถึงประเทศอื่นๆทั่วโลกได้

แนวโน้มการลงทุนในปี 2566 ยังต้องจับตาดูภาพรวมของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจของประเทศสำคัญๆ เช่น สหรัฐอเมริกา จีน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอินเดีย และจับตาดูอัตราเงินเฟ้อของประเทศหลักๆเหล่านี้ เพราะจะส่งผลถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุนและผลตอบแทนของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ

ดิฉันยังให้น้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยในกลุ่มพันธบัตรและหุ้นกู้คุณภาพสูง ซึ่งผลตอบแทนจะเพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้น่าลงทุนมากขึ้น ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงนั้น หุ้นทุนก็ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ โดยดิฉันยังให้น้ำหนักกับหุ้นไทยอยู่ ส่วนหุ้นต่างประเทศนั้น ต้องดูประเทศที่เศรษฐกิจรวมยังไปได้ดี และผลประกอบการของบริษัทยังไปได้ดีประกอบกัน ทั้งนี้หากเป็นบริษัทข้ามชาติ ควรต้องดูเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทนั้นๆด้วย เรียกว่าถ้าธุรกิจได้ประโยชน์จากลูกค้าที่มีเงินและมีอารมณ์อยากจับจ่ายใช้สอยหรือลงทุน เราก็สามารถลงทุนได้

การลงทุนในยุคเศรษฐกิจไม่สดใส ต้องเลือกลงทุน แต่พอช่วงกลางปี คนมองว่าเศรษฐกิจปลายปีและในปี 2567 จะสดใสขึ้น ช่วงนั้นราคาหุ้นต่างๆก็อาจจะปรับตัวขึ้นยกแผง เพราะการมองโลกในแง่ดี

ตัวที่จะเป็นทริกเกอร์ หรือตัวบ่งบอกว่าผู้ลงทุนควรจะลงทุนเพื่ออนาคตเพิ่ม คือสัญญาณการสงบศึกระหว่างรัสเซียกับยูเครน หรืออาจกล่าวได้ว่า ประกาศเลิกสงครามเมื่อไร หุ้นขึ้นยกแผงเมื่อนั้น เพราะฉะนั้น หากพบหุ้นของบริษัทไหนมีมูลค่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ก็อยากให้ทยอยซื้อลงทุนไว้ เมื่อราคาขึ้นไปใกล้ราคาเป้าหมาย จะได้ขายทำกำไรออกไปค่ะ

ดิฉันมีรูปแบบพอร์ตการลงทุนในครึ่งแรกของปี 2566 มานำเสนอ ในตอนท้ายบทความ แต่ขอย้ำว่า การเข้าลงทุนต้องเป็นการซื้อเมื่ออ่อนตัวนะคะ อย่ากระโจนเข้าไปซื้อพรวดเดียวหมด

ขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพบูชา ดลบันดาลให้ทุกท่านมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในการลงทุน สมปรารถนาในทุกสิ่งตลอดปี 2566 และตลอดไปค่ะ
โพสต์โพสต์