ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
หนุ่มVI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 97
ผู้ติดตาม: 0

ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ผู้ที่ลงทุนหุ้นในช่วงปี 2008 คงจะจำได้ถึงช่วงที่ดัชนีลงต่ำสุดแถวๆ 380 จุด ในวิกฤติ Hamberger
ดังนั้นกระทู้นี้ จะลองคำนวณดูว่าที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไร ในปี 2020 นี้

โดยผมตั้งสมมุติฐานว่าความถูกแพงของหุ้นขึ้นกับค่า P/BV นะครับ

ข้อมูล P/BV และ SET Index ดังต่อไปนี้ มีที่มาจาก https://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
ในหัวข้อ Market Index และ P/BV

Nov 2008: ค่า P/BV = 0.88 เท่า; SET Index = 400 จุด (เป็นจุดเกือบต่ำสุดในช่วงวิกฤติปี 2008)
Feb 2020: ค่า P/BV = 1.49 เท่า; SET Index = 1,340 จุด


โจทย์: ในปี 2020 หาก P/BV จะเหลือ 0.88 เท่า (เช่นเดียวกับในปี 2008) ดัชนี (ในปี 2020) ควรเป็นเท่าไร

เทียบบัญญัติไตรยางค์
จากข้อมูลปี 2020: P/BV=1.49 จะมี SET Index = 1,340 จุด
ดังนั้นหาก P/BV=0.88 จะได้ค่า SET Index = 1,340 * 0.88 / 1.49 = 791 จุด

หรือคิดง่ายๆ ประมาณ 800 จุด

สาเหตุที่ดัชนีไม่กลับไปเท่า 400 จุดเหมือนเดิม มี 2 สาเหตุหลัก
1. ทุกๆ ปี ค่า Book Value (Equity) ของตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น จากกำไรสะสม ที่บวกเข้าไปเป็นส่วน equity ในงบดุล
2. การนำหุ้นเข้าตลาดเพิ่ม ทำให้ค่า book value เพิ่มขึ้น (แต่ก็ทำให้ market cap เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ จะส่งผลในทางใดขึ้นกับค่า P/BV ของบริษัท ณ ขณะนำเข้าตลาด เทียบกับ P/BV ของตลาดหุ้น ณ ขณะนั้น)

สรุปผล
ถ้ามองว่าวิกฤติรอบนี้ หุ้นจะลงต่ำสุดเทียบเท่า 400 จุดของปี 2008 ก็แสดงว่าหุ้นจะลงไปประมาณ 800 จุด ณ ปี 2020 ครับ อาจจะช่วยให้สบายใจขึ้น เพราะไม่ได้ลงลึกไปกว่านี้มากนัก : )

หรือถ้าลงลึกต่ำกว่า 800 จุด ก็แสดงว่าจะได้ซื้อของถูกกว่าตอนปี 2008

พูดอีกแง่หนึ่ง ดัชนี 1,200 ของวันนี้ จะเทียบเท่าดัชนีประมาณ 600 จุด ของปี 2008


ยินดีรับความคิดเห็นครับ

ปล. จุดที่ควรระวังคือ พื้นฐานของประเทศ ณ ตอนนี้ อาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าในปี 2008 ทั้งในแง่ประชากรลดลง ทั้งในแง่การแข่งขันกับต่างชาติ และเรื่องสังคมและการเมือง ดังที่หลายๆ บทความของท่านอาจารย์ดร.นิเวศน์เคยกล่าวไว้
ดังนั้นสมมุติฐานตั้งต้นที่ว่า P/BV เท่ากัน คือความถูกแพงเท่ากัน และความน่าซื้อเท่ากัน อาจจะไม่จริงเสมอไป
Suphat
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 473
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณมากเลยครับ เป็นอีกแง่คิด ที่น่าสนใจมากเลยครับ
gamesun
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 54
ผู้ติดตาม: 3

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณครับสำหรับบทความดีๆ ครับ
หนุ่มVI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 97
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

หรือพูดง่ายๆ อีกอย่าง เปรียบเหมือนเมื่อสิบปีที่แล้ว บริษัทมีแค่รถหนึ่งคัน ที่ดินหนึ่งแปลง
ปัจจุบันบริษัทมีรถสองคัน มีที่ดินสองแปลง

ราคาที่เหมาะสมเมื่อมองจากสินทรัพย์ (ที่ลบหนี้สินแล้ว) ก็ควรจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา
ยกเว้นว่าสินทรัพย์นั้นเอาไปใช้ประโยชน์หาดอกผลได้ไม่ดีเท่าในอดีต
yoko
Verified User
โพสต์: 4395
ผู้ติดตาม: 8

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ที่ปึ 2008ค่าp/eตลาดเท่าไรครับ
ลองทำเปรียบเทียบกับ2020ดู :B
หนุ่มVI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 97
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

เป็นความคิดที่ดีครับ ไว้ว่าง ๆ อาจลองทำครับ

แต่การใช้ PE ในช่วงที่ตลาดกำลังขึ้นหรือลงมาก ๆ จะมีโอกาสคลาดเคลื่อนมากกว่า เนื่องจากการเพิ่ม-ลดของกำไรกับราคาหุ้นมักเกิดไม่พร้อมกันพอดี โดยทั่วไปเมื่อมีข่าวร้ายราคาหุ้นจะปรับตัวลงก่อนที่กำไรของบริษัทจะลดลงจริง ๆ (นั่นคือราคาหุ้นเป็น lead indicator)

ตัวอย่างเช่น กำไรเมื่อไตรมาสที่ผ่านมาก็ยังไม่ได้ลดลง แต่ Market capital ได้ลดลงก่อนล่วงหน้าแล้วเพราะตอบรับกับข่าวร้าย ค่า PE ที่คำนวณได้ย่อมจะถูกกว่าที่จะเป็นจริงในอนาคต แต่เมื่องบ Q1 ประกาศแล้วกำไรลดลงก็ถึงจะเห็นว่า PE ใหม่ที่ได้เพิ่มขึ้น

นอกจากนั้น ถ้ากำไรจะลดลงเพียงแค่ปีเดียวเนื่องจากวิกฤติ แล้วในปีต่อ ๆ ไป กำไรจะกลับขึ้นมาใหม่ การลดลงของกำไรในปีนั้นก็ไม่น่ามีนัยยะสำคัญนักหากเรามองภาพบริษัทในระยะยาวหลายๆ ปี

ที่น่ากลัวจริงๆ คือกรณีพื้นฐานของกิจการ หรือพื้นฐานของประเทศเสียหายในระยะยาว

ในมุมมองของผม ค่า PE ใช้วัดมูลค่าหุ้นได้ดีในสภาวะปกติ แต่จะมีการแกว่งตัวไปทางบวกหรือลบมากเกินไป ในสภาวะที่เกิดวิกฤติครับ
yoko เขียน:
พุธ มี.ค. 11, 2020 2:07 pm
ที่ปึ 2008ค่าp/eตลาดเท่าไรครับ
ลองทำเปรียบเทียบกับ2020ดู :B
หนุ่มVI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 97
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ลองคิดด้วย P/E ตามความเห็นของคุณ yoko ครับ

ืNov 2008: P/E อยู่ที่ 6.28 SET Index 400 จุด
Feb 2020: P/E อยู่ที่ 15.71 SET Index 1340 จุด

โจทย์ ณ ปี 2020 นี้ตลาดต้องตกลงไปกี่จุด จึงจะได้ค่า P/E เหลือแค่ 6.28 เท่า
SET Index ดังกล่าวจะมีค่า = 1340 * 6.28 / 15.71
= 536 จุด

สรุปผล
ถ้ามองด้วยค่า P/E จะพบว่าที่ดัชนี 536 จุด ในปี 2020 จะทำให้ตลาดมีค่า P/E เทียบเท่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดตกต่ำเกือบสุดในช่วงเวลานั้น

หรือก็คือ ตลาดต้องลงลึกไปถึง 536 จุด หากมองว่าตลาดจะลงไปเท่ากับปี 2008 (ที่ค่า P/E เดียวกัน)

วิเคราะห์เพิ่มเติม
ความแตกต่างของค่าดัชนีที่ได้จากการคิดด้วย P/BV กับการคิดด้วย P/E แสดงให้เห็นว่าในปัจจุบันค่า ROE โดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ต่ำลงกว่าในอดีตปี 2008

ROE - Return On Equity แสดงประสิทธิภาพการทำกำไรจาก Equity (หรือ Net Asset หรือ Book Value)

ผมขอวิเคราะห์ต่อว่าสาเหตุที่ตลาดหลักทรัพย์มี ROE ต่ำลง อาจมองได้ 2 สาเหตุ
1. บริษัทมีอัตราส่วน D/E สูงขึ้น (คือใช้ leverage มากขึ้น) (เพราะผมมองว่า ROA เป็นตัววัดประสิทธิภาพของบริษัทที่ดีกว่า ROE)
2. ประสิทธิภาพการใช้สินทรัพย์ในการสร้างกำไร (ROA) ลดลงจริง ๆ

พอมองมุมนี้ รู้สึกว่าน่ากลัวขึ้นนิด ๆ ครับ
ขอบคุณคุณ yoko สำหรับประเด็นนี้ครับ

ป.ล. สรุปแบบรวบรัดโดยไม่ได้ขยายความเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง P/E, P/BV, ROE และ ROA เพราะกลัวจะยาวไป ถ้าใครมีประเด็นเพิ่มเติม ยินดีมาถกประเด็นเพิ่มเติมกันได้ครับ
คนหลังเขา
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 293
ผู้ติดตาม: 11

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

มีอีกตัวแปรหนึ่งครับที่อยากให้พิจารณาเพิ่มเติมคือ คุณภาพของบ.จดทะเบียน
ณ สิ้นปี 2008 บ.เหล่านี้ยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
global com7 mega col rjh chg thg ea bgrim gulf au spa toa cbg osp เป็นต้น
ซึ่งบ.เหล่านี้เป็นหุ้นที่มีคุณภาพมีการเจริญเติบโตของกำไร(ถ้าบางตัวไม่เติบโตก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยครับ)
โดยเฉลี่ยจะเทรดที่pe ที่ค่อนข้างจะpremium กว่าตลาดในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ดังนั้นถ้าจะใช้ pe มาเป็นตัวชี้วัด ก็คิดว่าควรจะถ่วงน้ำหนักในเชิงคุณภาพด้วยครับ
หนุ่มVI
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 97
ผู้ติดตาม: 0

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ครับผม ขอบคุณครับ

ในการลงทุนแบบ VI จะมองสองด้านคือ 1. ราคา (ความถูกแพง เช่น P/E หรือ P/BV) 2. คุณภาพกิจการ

ในเรื่องคุณภาพกิจการ เช่น growth ของหุ้น ผมไม่มีความชำนาญในการประมาณการ หากดูแค่ growth ย้อนหลังไปแค่ 1-2 ปี แล้วเอา growth ในอดีตไปทำนาย growth ในอนาคตก็อาจทำให้ประมาณการคลาดเคลื่อนได้ ค่อนข้างเป็น subjective

ดังนั้นในกระทู้นี้จะขอพูดแค่ในแง่ข้อ 1. คือด้านราคา ความถูกแพงแล้วกันครับ

แต่ ณ ระดับความถูกแพงเท่าๆ กันนั้นจะน่าซื้อลงทุนเท่ากันหรือไม่ ก็จำเป็นต้องนำไปเทียบกับคุณภาพของกิจการอีกทีหนึ่ง ซึ่งเนื่องจากประมาณการเป็นตัวเลขยาก ดังนั้นจึงขอปล่อยให้เป็นดุลพินิจของเพื่อนๆ นักลงทุนแต่ละท่านครับ

ขอบคุณมากครับ
คนหลังเขา เขียน:
พฤหัสฯ. มี.ค. 12, 2020 1:46 pm
มีอีกตัวแปรหนึ่งครับที่อยากให้พิจารณาเพิ่มเติมคือ คุณภาพของบ.จดทะเบียน
ณ สิ้นปี 2008 บ.เหล่านี้ยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
global com7 mega col rjh chg thg ea bgrim gulf au spa toa cbg osp เป็นต้น
ซึ่งบ.เหล่านี้เป็นหุ้นที่มีคุณภาพมีการเจริญเติบโตของกำไร(ถ้าบางตัวไม่เติบโตก็ขออภัยล่วงหน้าด้วยครับ)
โดยเฉลี่ยจะเทรดที่pe ที่ค่อนข้างจะpremium กว่าตลาดในระดับหนึ่งอยู่แล้ว
ดังนั้นถ้าจะใช้ pe มาเป็นตัวชี้วัด ก็คิดว่าควรจะถ่วงน้ำหนักในเชิงคุณภาพด้วยครับ
noppawong
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 259
ผู้ติดตาม: 5

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ืทำไมผมรู้สึกว่า แทบไม่ต้องหาก้น เพราะจริงๆ แล้วโลก การเงินมันอยู่ที่ความเชื่อใจล้วนๆ

ถ้าเมื่อไหร่ ชาวต่างชาติ หยุดขายแล้วกลับเข้ามาลงทุนในบ้านเราเมื่อไหร่ นั่นถึงจะเป็น สิ่งที่ถูกต้อง

เพราะลำพังตอนนี้คนใหญ่คนโต ก็ไม่ได้ allocate เงินในบ้านเราเท่าไหร่นัก

หยุดลงเมื่อไหร่ ก็คือเมื่อความเชื่อมันกลับมาเท่านั้น
THEERA.TTT
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 137
ผู้ติดตาม: 4

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 11

โพสต์

วันนี้เกือบไปแตะ 800 แล้วลุ้นจริงๆครับ
yoko
Verified User
โพสต์: 4395
ผู้ติดตาม: 8

Re: ลองคำนวณเล่นๆ ค่าดัชนี 400 จุดในปี 2008 จะเทียบเท่าดัชนีเท่าไรในปี 2020 ที่ระดับความถูกแพงเดียวกัน

โพสต์ที่ 12

โพสต์

อย่าลืมลงทุนลงเงินนะครับ คำนวณแล้วต้องมองหาหุ้นที่ดีๆถูกๆเก็บเข้าพอร์ทครับ

:D :D :D :D :D
โพสต์โพสต์