K-Vietnam กองทุนล่าสุดที่ไปลงตลาดหุ้นเวียดนาม

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า ลงทุนหุ้น VI เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
amornkowa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2620
ผู้ติดตาม: 260

K-Vietnam กองทุนล่าสุดที่ไปลงตลาดหุ้นเวียดนาม

โพสต์ที่ 1

โพสต์

K-Vietnam กองนี้เป็นกองล่าสุดที่ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม
บริหารโดยบลจ กสิกรไทย
ผมได้ข้อมูลจาก น้องเต๋า น้องเป้ จาก VVI น้องต่าย และ คุณอุ๋ม
ต้องขอบคุณมากครับ เพราะหาข้อมูลค่อนข้างยากสำหรับกองนี้

K-Vietnam มีสัดส่วนลงทุนเองในหุ้น , ETF และกองทุนรวมที่เวียดนาม สัดส่วนประมาณ 80%โดยมีนักวิเคราะห์9คนที่ดูแลอยู่

----------------------------------------------------------------

นโยบายการลงทุนคล้ายกับ CIMB-Vietnam
สามารถซื้อ ขายได้ทุกวัน เหมือนกับกองเวียดนามของ บลจ วรรณ
IPO ระหว่าง 16-22 ตุลาคม 61 Front end fee คิดแค่ 1% โดยได้รับกองตราสารหนี้ 100 บาท ต่อการซื้อทุก 50,000บาทในช่วง IPO และสามารถซื้อเพิ่มได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตค 61 แต่ Frontend fee คิดเป็น 1.5%
กองทุนนี้ซื้อ ขายได้ทุกวัน แต่ทำรายการไม่เกิน 12.00 น

-----------------------------------------------------------------

ผมสรุปข้อดีและข้อเสียของกองทุนนี้ในความคิดเห็นของผมมาให้สำหรับคนที่สนใจครับ

ข้อดีของกองทุนนี้

1.สำหรับคนที่ต้องการลงทุนในตลาดหุ้นที่ราคายังไม่แพง คล้ายไทยเมื่อ20ปีก่อน มีโอกาสเติบโตเหมือนไทย
ช่วงนี้ราคาไม่ค่อยแพง เพราะดัชนีลงจาก 1,200 มาที่ ประมาณ 900กว่าจุด

2.ต่างชาติเข้าไปลงทุนในเวียดนามมากมาย ทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตขึ้น ทำให้การบริโภคในประเทศสูงขึ้น เราสามารถไปแชร์เรื่องการเติบโตกับเวียดนามได้ผ่านกองทุนรวมที่ไปลงทุนบริษัทต่างๆในเวียดนามได้

3.เราสามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมนี้ และ ได้ผลตอบแทนอย่างน้อยเท่ากับดัชนีของตลาดหุ้นเวียดนาม

4.ไม่ต้องปวดหัวในการศึกษาหุ้นเวียดนาม เพราะส่วนใหญ่เป็นภาษาเวียดนาม ทำความเข้าใจยาก
5.ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาทในกองทุนรวม เทียบกับลงทุนหุ้นเอง ต้องใช้เงินมากกว่านี้ ถ้าลงในprivate fundขั้นต่ำที่เห็น3ล้านบาทขึ้นไป

6.ถือเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งในportfoiloเพื่อทำให้พอร์ตกระจายความเสี่ยงได้ดีขึ้น

7.ถ้าตลาดหุ้นเวียดนามซึ่งเป็นตลาดชายขอบ ได้รับการอัปเกรดเป็นตลาดเกิดใหม่
ทำให้ราคาหุ้นโตได้อีกเยอะจากสถาบันต่างประเทศเข้ามาลงทุนมากขึ้น
8.กองทุนนี้สภาพคล่องสูง สามารถซื้อ และ ขายได้ทุกวัน แต่เงินจากการขายจะได้รับตอน T+5

ข้อเสีย

1.สำหรับนักลงทุนที่ปกติชอบศึกษาบริษัทเอง อาจไม่ชอบลงทุนผ่านกองทุนรวมเพราะต้องเสีย
ค่าบริหารให้กับกองทุนรวม และ ไม่ได้ใช้ฝีมือตัวเองในการวิเคราะห์บริษัท อันนี้หลายคนนำมาเป็นปัจจัยจะซื้อหรือไม่

2.ส่วนของETF ซึ่งมีหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งอาจไม่ชอบบางบริษัทที่ราคาแพงไป แต่ต้องซื้อไปด้วย

3.เรายังไม่รู้ความสามารถของผู้จัดการกองทุนว่าเก่งขนาดไหน ข้อนี้แก้ไขโดยอาจรอให้ผลประการออกมาแน่ชัดก่อนแล้วค่อยลงทุนก็ได้

4.สำหรับคนที่ลงในระยะสั้น อาจไม่เหมาะ
เพราะต้องถือกองทุนมากกว่า1ปีขึ้นไป เพื่อรอให้เวียดนามเติบโต เราจะได้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้น

บทความนี้เป็นข้อมูลและข้อคิดเห็นส่วนตัว นักลงทุนต้องตัดสินใจเองว่าการลงทุนนี้เหมาะสมกับ
ตัวเองหรือไม่
โพสต์โพสต์