นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

บทความต่างๆ ที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เพื่อการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

โพสต์ โพสต์
Thai VI Article
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1894
ผู้ติดตาม: 313

นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โลกในมุมมองของ Value Investor 5 มกราคม 57
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

นิยามความรวยแบบ VI

ผมได้อ่านบทความของคุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ซีอีโอ ของบริษัท CPALL ในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเมื่อเร็ว ๆ นี้เรื่อง “นิยามความรวยแห่งศตวรรษใหม่” ซึ่งพูดถึงเรื่องของคนรวยจีนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ถูก “เยาะเย้ย” ว่า “ขาดรสนิยม ขาดความรู้และขาดวัฒนธรรม” เพราะ “มีแต่เงิน” ในบทความนั้นบอกว่า การมีแต่เงินนั้นไม่เพียงพอที่จะบอกว่าเป็นคนรวยได้ คนรวยแห่งศตวรรษใหม่นั้นยังต้องมีอีกหลายอย่างที่ผมจะอ้างถึงต่อไป นอกจากนั้น ผมก็จะเสริมหรือเพิ่มเติมความเห็นของผมว่า คนรวยที่แท้จริงนั้นควรจะทำตัวอย่างไรถึงจะมีความสุข และในฐานะที่เป็นคนรวยด้วยการลงทุนแบบ VI นั้น เราทำได้มากน้อยแค่ไหน?

ข้อแรกที่คุณก่อศักดิ์พูดถึงก็คือ คนรวยจะต้องมีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขในครอบครัว ไม่ใช่คุณพ่อวางมาดผู้ยิ่งใหญ่คอยดุลูก ๆ ให้กลัวจนตัวลีบเหมือนคนรุ่นก่อน สำหรับเรื่องนี้ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะนี่คือความสุขที่เงินไม่สามารถซื้อได้ ครอบครัวที่มีความหรรษากลมเกลียวกันดีและพ่อแม่ลูกสามารถพูดจาหยอกล้อกันได้อย่างสนุกสนานโดยที่ไม่ต้อง “วางมาด” นั้น ผมคิดว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ หมดยุคแล้วที่พ่อจะต้องเป็นคนเคร่งขรึม มีอำนาจเด็ดขาด เป็นคนสั่งให้คนในบ้านทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ บ้านที่จะมีความสุขที่ดีควรจะเป็นบ้านที่ปกครองแบบ “ประชาธิปไตย” ที่คนในบ้านต่างก็มีสิทธิมีเสียงที่จะออกความเห็นและตัดสินใจร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ ในกรณีที่มีความเห็นไม่ตรงกันก็ควรจะต้องตามเสียงส่วนใหญ่ ในขณะเดียวกันก็ต้องเคารพเสียงส่วนน้อย การใช้ความเป็นพ่อหรือแม่หรือการ “ใช้เงิน”เพื่อมาบังคับให้สมาชิกในบ้านปฏิบัติตามนั้น มักจะทำให้เกิดความเครียดหรือความไม่สบายใจและทำให้เสียงหัวเราะน้อยลง

คนที่รวยนั้น หลายคนประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจหรือการบริหารที่ต้องจัดการเรื่องคนค่อนข้างมาก จึงอาจจะทำให้ “ติดนิสัย” ชอบสั่งการหรือบริหารคนอื่น เช่นเดียวกัน การที่ต้องมีกิจกรรมเกี่ยวข้องกับคนที่อยู่ในแวดวงของธุรกิจและการงานมากมายก็อาจจะทำให้ต้อง “วางมาด” และก็อาจจะติดนิสัยเช่นเดียวกัน ดังนั้น คนรวยเหล่านี้อาจจะต้อง “ปรับตัว” เวลากลับมาที่บ้าน อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่รวยด้วยการลงทุนแบบ VI แล้ว ดูเหมือนว่า เขาน่าจะมีปัญหาน้อยที่จะ “เล่นหัว” กับลูก หรือหยอกล้อกับคู่ครองโดยไม่รู้สึกขัดแย้งในใจ

ข้อสอง คนรวยศตวรรษใหม่ควรมีเวลาสำหรับครอบครัว ญาติมิตร และสังคม นี่ก็เป็นสิ่งที่คนรวยอาจจะขาดแคลน เหตุผลก็คือคนรวยส่วนใหญ่นั้น มักจะเกิดจากการทำธุรกิจหรือการทำงานอย่างหนักจนกลายเป็นผู้บริหารระดับสูง ดังนั้น พวกเขามักจะมีแต่เวลาทำงานแต่ไม่ใคร่มีเวลาให้กับครอบครัว ญาติมิตรและสังคม ในประเด็นนี้ ผมคิดว่าคนรวยควรที่จะต้องจำกัดเวลาการทำงานให้พอเหมาะและกันเวลาโดยเฉพาะสำหรับครอบครัว ญาติมิตร และสังคมให้เหมาะสม ตัวอย่างเช่น การอุทิศเวลาในวันหยุดให้กับครอบครัว การเสียสละเวลาให้กับงานทางสังคม เช่น การสอนหนังสือหรือการทำงานเพื่อสังคมอย่างอื่นในระดับที่เหมาะสม เป็นต้น ซึ่งสำหรับ VI แล้ว มักจะไม่มีปัญหาเลย เพราะเรามักจะมีเวลา “เหลือเฟือ”

ข้อสาม คนรวยศตวรรษใหม่ต้องใช้เงินเป็น ไม่ใช่เอาแต่สะสมแต่ปล่อยให้ตัวเองและครอบครัวอยู่อย่างแร้นแค้น ข้อนี้ก็คือกรณีของคนที่ตระหนี่เกินไป มีเงินแล้วไม่ยอมใช้เลย แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ ไม่ยอมให้คนในครอบครัวใช้จ่ายตามควรแก่อัตภาพด้วย ถ้าเป็นอย่างนี้ การมีเงินก็ไม่มีประโยชน์จะเป็นคล้าย ๆ กับ “ปู่โสมเฝ้าทรัพย์” คนรวยนั้น จริง ๆ แล้วผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยหรูหราเกินเหตุ แต่ก็ควรจะใช้เท่าที่มันจะทำให้เราและครอบครัวมีความสะดวกสบายและมีความสุข “เท่าที่เงินจะซื้อได้” แต่ต้องไม่พยายาม “หาหรือสร้างความสุขด้วยเงิน” ความหมายก็คือ อย่าคิดหาวิธีใช้เงิน เพราะนี่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง

ข้อสี่ คนรวยศตวรรษใหม่นั้น ต้องรู้จักชื่นชมความงามแห่งชีวิตและท่องเที่ยวพักผ่อน พูดง่าย ๆ ถ้ามีเงินก็ควรต้องท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ชื่นชมศิลปวัฒนธรรมของโลก ชื่นชมกับธรรมชาติที่แปลกตาในประเทศต่าง ๆ เช่นเดียวกัน การชมการแสดง กีฬาและการละเล่นต่าง ๆ ที่เป็นความงดงามหรือแสดงออกถึงความสามารถระดับสูง ก็เป็นสิ่งที่คนรวยควรทำ นี่เป็นเรื่องที่เราให้ “รางวัลชีวิต” กับตัวเองเมื่อเราสามารถทำเงินมากและประสบความสำเร็จในชีวิต

ข้อห้า คนรวยในศตวรรษใหม่จะต้องรู้จักชื่นชมและยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น อย่าอิจฉาริษยา และอย่าพยายามเปรียบเทียบความมั่งมีกับคนอื่น เหตุผลของผมก็คือ การทำอย่างนั้นรังแต่จะก่อให้เกิดความทุกข์ เพราะเราจะไม่มีวันพอใจกับสิ่งที่มีแม้ว่ามันจะมากจนเหลือใช้แล้ว เราต้องเข้าใจว่าแต่ละคนมีพื้นฐานที่แตกต่างกันมากตั้งแต่เกิด เรามีความสามารถในแบบที่ไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกัน แต่ละคนก็ “มีโชค” ไม่เท่ากัน ดังนั้น การเปรียบเทียบกันจึงไม่มีประโยชน์ จงพยายามเข้าใจว่า เงินที่ได้มาโดยสุจริตนั้นเป็น “ผลพลอยได้” จากการทำสิ่งที่ดีและถูกต้องในสังคมโลกของเศรษฐกิจในปัจจุบัน ถ้าเรารวยก็หมายความว่าสังคมได้ตอบแทนการทำงานของเราเป็นอย่างดี และถ้าคนอื่นจะร่ำรวยแบบเดียวกัน สิ่งที่เราควรทำก็คือ “อนุโมทนา”

ข้อหก ซึ่งเป็นความเห็นของผมเองนั้น ผมคิดว่าคนรวยในนิยามนั้น ควรที่จะต้องเคารพและให้เกียรติคนอื่นเท่า ๆ กับที่อยากเห็นคนอื่นให้เกียรติกับตนเอง พูดอีกแบบหนึ่งก็คือ เห็นว่าทุกคนมี “ศักดิ์ศรี” เท่า ๆ กัน ไม่ว่าเขาจะมีเงินน้อยกว่าหรือมากกว่าเราแค่ไหน นี่เป็นเรื่องของประสบการณ์ที่ผมประสบกับตัวเองนั่นก็คือ ผมเคยจนไม่มีเงินเลยมาก่อน เช่นเดียวกับไม่มีสถานะอะไรในทางสังคม และผมก็ได้พบปะกับผู้คนที่ร่ำรวยและมีสถานะที่สูงส่งกว่ามาก เวลาผ่านไป ผมมีฐานะดีขึ้นเรื่อย ๆ และมากขึ้นเรื่อย ๆ และมากกว่าคนที่เคยร่ำรวยกว่าผม เช่นเดียวกัน สถานะทางสังคมของผมก็เปลี่ยนไปในทางที่สูงกว่าคนที่สถานะสูงที่ผมรู้จัก ทั้งหมดนั้นมันเคยดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้แต่มันก็เป็นไปแล้ว นี่ทำให้ผมรู้สึกว่าทุกสิ่งเปลี่ยนไปได้ ไม่มีใครเหนือกว่าใครหรือมีศักดิ์ศรีมากกว่ากันจริง ๆ ดังนั้น สำหรับผมแล้ว ทุกคนมีโอกาสรวยและประสบความสำเร็จได้เท่า ๆ กัน ไม่มีใครด้อยกว่าใครโดยเฉพาะคนที่มีความพยายามมาก ซึ่งผมจะให้เกียรติเสมอ

สุดท้าย สำหรับคนรวยในศตวรรษนี้ก็คือ เราก็ควรจะต้องรู้จักแบ่งปัน นี่คือการให้กับคนอื่นซึ่งในความเห็นผมนั้น ควรจะเริ่มต้นจากญาติที่ใกล้ชิดถ้าพวกเขายังขาดแคลน ต่อมาก็คือคนที่ด้อยโอกาสหรือคนที่ขาดแคลน การให้นั้นไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเงินแต่อาจจะเป็นแรงงานหรือการเผยแพร่ความรู้ก็ได้ซึ่งอาจจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าด้วยซ้ำ ประเด็นสำคัญก็คือ มันไม่ควรจะเป็นเรื่องของการให้เพื่อผลทางการประชาสัมพันธ์หรือหน้าตาที่ไม่ได้เกิดผลอะไรกับผู้รับมากนักอย่างที่คนรวยรุ่นเก่าอาจจะทำกันอยู่แล้ว
ลูกหิน
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1217
ผู้ติดตาม: 1

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบคุณครับ
ReRedrum
Verified User
โพสต์: 198
ผู้ติดตาม: 0

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
Jane Seksan
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 110
ผู้ติดตาม: 34

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบพระคุณครับอาจารย์
ภาพประจำตัวสมาชิก
Rakkiat
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 403
ผู้ติดตาม: 6

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 5

โพสต์

เห็นภาพชัดเจน ขอบพระคุณครับ
ม่อนแจ่ม
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 31
ผู้ติดตาม: 0

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณมากครับ
PLUSLOVE
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1524
ผู้ติดตาม: 3

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ขอบคุณครับ
MACUS
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 243
ผู้ติดตาม: 2

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณครับ
BG
Verified User
โพสต์: 22
ผู้ติดตาม: 0

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

อ่านแล้วมีความสุข ลงทุนเพื่อชีวิต รวยด้วยใจ ให้แบ่งปัน สังคมอุดมสุข ...อบอุ่นมากครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4641
ผู้ติดตาม: 23

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 10

โพสต์

ใครมี link บทความคุณก่อศักดิ์ บ้างครับ อยากอ่าน
ภาพประจำตัวสมาชิก
vim
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2770
ผู้ติดตาม: 25

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 11

โพสต์

http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... B9%88.html

นิยามความรวยแห่งศตวรรษใหม่

โดย : ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์


นับตั้งแต่จีนเปิดประเทศเมื่อ ค.ศ.1978 เพียงแค่ 35 ปี จีนก็กลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจรายหนึ่งของโลก

ชาวจีนที่มีทรัพย์สินเกินหนึ่งร้อยล้านหยวนมีเป็นหลักแสนคน แต่คนรวยรุ่นใหม่เหล่านี้จำนวนไม่น้อยก็ถูกเยาะเย้ยเสียดสีว่า “คนพวกนี้เป็นคนจนที่มีเหลือแต่เงินอย่างเดียว” เพราะขาดรสนิยม ขาดความรู้และขาดวัฒนธรรม

ในอดีต คนจนเพราะมีเงินน้อย แต่ศตวรรษนี้ คนมีแต่เงินยังไม่อาจจะเรียกว่าคนรวยได้ เพราะคนรวยแห่งศตวรรษใหม่ยังต้อง “มี” อีกหลายอย่าง เช่น

1. มีเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขในครอบครัว ไม่ใช่คุณพ่อวางมาดผู้ยิ่งใหญ่ คอยดุลูกๆ ให้กลัวจนตัวลีบตามแบบบ้านเจ้าขุนมูลนายในละครหลังข่าว ครอบครัวที่ดีต้องมีความหรรษากลมเกลียว พูดจาหยอกล้อกันตามประสาพ่อ แม่ ลูก อย่างสนุกสนาน

2. มีเวลาสำหรับครอบครัว ญาติมิตร และสังคม

3. มีเงินและโภคทรัพย์พอเพียงตามอัตภาพ แต่ข้อสำคัญคือ ต้องใช้เงินเป็น ไม่ใช่เอาแต่สะสมให้พอกพูน แต่ปล่อยให้ตัวเองและครอบครัวอยู่อย่างแร้นแค้น ถ้าเป็นเช่นนี้ เราก็ไม่ได้เป็นเจ้าของเงินอย่างแท้จริง เป็นได้แค่เพียงปู่โสมเฝ้าทรัพย์เท่านั้น

4. รู้จักชื่นชมความงามแห่งชีวิต มีโอกาสท่องเที่ยวพักผ่อน ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เข้าถึงศิลปวัฒนธรรมที่ศิลปินในยุคต่างๆ ได้ทุ่มเทสร้างขึ้นเป็นสมบัติของมนุษยชาติ

5. รู้จักชื่นชมผู้อื่นและยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น ที่ภาษาพระเรียกว่ามีมุทิตาจิต คนที่ขี้อิจฉานั้นก็คือ คนที่ตัวเองขาดแคลนอยู่ข้างใน เป็นเสมือนคนยากจนทางใจไปตลอดชีวิต

ความจริงแล้ว สังคมไทยเต็มไปด้วยคนที่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ตามหลักพรหมวิหาร 4 และมีจิตอันเป็นกุศล ชอบทำบุญทำทานอยู่เป็นนิจศีล ผมเคยพบมากับตัวเองคนหนึ่ง เป็นผู้ที่อาวุโสกว่าผม มีเงินมีทองก็ไม่มาก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 30-40 ปีก่อน รุ่นพี่ของผมคนนี้ไปนมัสการหลวงพ่อสมชาย ที่วัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี เขามีเงินติดตัวไป 100 บาท ควักกระเป๋าทำบุญไป 90 บาท เหลือ 10 บาท เป็นค่ารถจากเขาสุกิมกลับกรุงเทพฯ

ตรงกันข้าม ผมมีญาติผู้ใหญ่ที่เป็นคนเชื้อสายจีนหัวโบราณ ซึ่งอยู่ในยุคสมัยเดียวกัน มีทรัพย์สินร่ำรวยนับ 10 ล้านบาท ถ้าเทียบกับสมัยนี้ก็เป็นเศรษฐีร้อยล้าน เธอทำหน้าที่แม่บ้านและคอยเก็บเงินของสามีฝากไว้ในบัญชีธนาคารอย่างเคร่งครัด จนกระทั่งสามีเสียชีวิต เงินแม้แต่บาทเดียวก็ไม่เคยกระเด็นออกจากบัญชี

เมื่อสามีเสียชีวิตไปแล้ว เธอก็ยิ่งประหยัดแบบสุดๆ แม้จะเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังไม่ยอมไปหาหมอ ซื้อยาถูกๆ กินรักษาตัวเอง เพราะไม่อยากเห็นตัวเลขในบัญชีเงินฝากลดลง

ถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว คนแรกที่ชอบทำบุญทำทาน ดูจะมีความสุขมากกว่า และน่าจะเรียกว่า "คนรวย" ได้อย่างเต็มปากเต็มคำมากกว่าคนหลัง

หากนิยามความรวยแห่งศตวรรษใหม่นี้ เป็นที่ยอมรับและยึดถือปฏิบัติในสังคม ต่อไปนี้เราก็จะไม่หลงใหลไปกับคนที่มีเงินมากแต่ขาดแคลนสิ่งอื่นๆ ที่สำคัญสำหรับชีวิต และไม่หลงใหลไปกับคนที่ได้เงินมาอย่างผิดๆ เช่น ทำมาหากินอย่างทุจริต เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น หรือใช้อำนาจหน้าที่คอร์รัปชันจนมีเงินเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าจำนวนมหาศาล

ความร่ำรวยที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร แต่อยู่ที่ความรู้สึกเต็มอิ่มในหัวใจ เพราะตราบใดที่ใครยังคิดว่ามีเงินไม่มากพอ เขาก็ยังคงเป็นคนจนอยู่นั่นเอง ไม่ว่าจะมีทรัพย์สินกี่แสนล้านก็ตาม
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nevercry.boy
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4641
ผู้ติดตาม: 23

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ขอบคุณคุณวิมมากครับ

อ่านจบทั้งที่ ดร และคุณก่อศักดิ์อธิบายแล้ว

รูสึกว่าตัวเองเป็นคนรวยยังไงไม่รู้
superboy
Verified User
โพสต์: 1049
ผู้ติดตาม: 1

Re: นิยามความรวยแบบ VI/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 13

โพสต์

บทความของ ดร. นิเวศน์ ตอนนี้โดนใจผมมากเลย. อาจารย์เริ่มเข้าฟอร์มแล้ว.
ปล. อาจารย์ ยังไงก็ขอให้อยู่นานๆ เป็นหลักให้นักลงทุนแนววีไอนะครับ
โพสต์โพสต์